ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สอบประวัติพบพ่อเด็กอุ้มบุญเป็นลูกชายเศรษฐี ติดอันดับ 5 ของโลก

 

 

8 ส.ค. 57 19.29 น.

 

 

สำนักข่าวไทย อ.ส.ม.ท.

mcot.jpg สนับสนุนเนื้อหา

 

สอบประวัติ พ่อเด็กอุ้มบุญ พบเป็นบุตรชายมหาเศรษฐีทำธุรกิจด้านสื่อสาร ร่ำรวยติดอันดับ 5 ของโลก

 

4.jpg

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

 

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. - ตำรวจนครบาล 4 ประชุมเร่งรัดคดีอุ้มบุญเด็ก 9 คน ย่านลาดพร้าว

หลังมีเบาะแสพ่อชาวญี่ปุ่นเดินทางออกนอกประเทศ และตรวจค้นคลินิกต้องสงสัย 11 แห่ง

 

ล่าสุดตรวจสอบประวัติพบเป็นบุตรชายมหาเศรษฐีทำธุรกิจด้านสื่อสาร ร่ำรวยติดอันดับ 5 ของโลก

 

พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เผดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ประชุมตำรวจชุดสอบสวนสอบสวน

คลี่คลายคดีอุ้มบุญลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น 9 คน ย่านลาดพร้าว

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในที่ประชุมได้นำหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยรวม 11 จุด

ในพื้นที่ลาดพร้าวและเพลินจิต มาประเมินความคืบหน้า เพื่อวางแนวทางในการติดตามสืบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ

ประกอบด้วย นายหน้า แม่อุ้มบุญ แพทย์ และสถานพยาบาล รวมถึงการติดตามตัวนายชิเกตะ มิชูโตกิ อายุ 24 ปี

หลังมีภาพของชายชาวญี่ปุ่น ที่น่าจะเป็นนายชิเกตะ เดินทางออกจากประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อ 02.00 น.ของคืนวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาและเด็กที่เกิดจากอุ้มบุญทั้งหมดมี 14 ราย

และได้นำเด็กออกนอกประเทศไปญี่ปุ่นแล้วจำนวน 3 คน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสืบหาแม่อุ้มบุญเด็กทั้ง 14 คน มาสอบปากคำ

หลังมีบัตรระบุชื่อแม่จากโรงพยาบาลกับตัวเด็กมาแต่เกิด ส่วนเด็ก 9 คน ได้เก็บดีเอ็นเอไว้แล้ว เพื่อตรวจสอบว่ามีความสัมพันธ์กับแม่อุ้มบุญหรือไม่

 

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ระบุทีมสืบสวนได้ตรวจค้นและสอบปากคำสถานพยาบาลไปแล้วส่วนหนึ่ง

รวมทั้งประสานไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ตรวจสอบว่านายเกชิตะ มีตัวตนจริงหรือไม่ ประกอบอาชีพอะไร มีหลักแหล่งอยู่ที่ไหน

เพื่อให้ช่วยติดตามตัว โดยขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่

เพราะต้องสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนการเดินทางออกนอกประเทศของนายเกชิตะ พบว่าเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยแล้ว 41 ครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติของนายชิเกตะ มิซูโตกิ เป็นชื่อจริงนามสกุลจริง

และเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น ร่ำรวยติดอันดับ 5 ของโลก โดยทำธุรกิจประเภทสื่อสารโทรคมนาคม

 

พ.ต.อ.ณภัตน์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้กำกับการกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กดส.) ระบุก่อนเข้าประชุมว่า

นายรัฐประทาน ตุลาธร ทนายความของนายชิเกตะ ยังไม่นำใบสูจิบัตร แจ้งเกิดเด็กทั้ง 9 คนมามอบให้ตำรวจตามที่นัดหมายแต่อย่างใด

 

ส่วนบรรยากาศที่ สน.ลาดพร้าว มีนักข่าวทั้งไทย-ญี่ปุ่นให้ความสนใจติดตามทำข่าวจำนวนมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประท้วงกลางลอนดอนกับเหตุโจมตีที่กาซา

 

ปฏิบัติการโจมตีเขตกาซาระลอกใหม่ของอิสราเอลหลัง หมดเวลาข้อตกลงหยุดยิงทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

ขณะที่กลุ่มฮามาก็ยังยิงจรวดข้ามเข้าไปตกในอิสราเอล

ส่วนที่กรุงลอนดอนมีการเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่คัดค้านการโจมตีกาซา

 

 

และระดม ทุุนช่วยเหลือได้ 4.5 ล้านปอนด์ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงpost-6178-0-00750500-1407599476_thumb.jpgpost-6178-0-77874100-1407599467_thumb.jpgpost-6178-0-06358900-1407599469_thumb.jpgpost-6178-0-74788100-1407599469_thumb.jpgpost-6178-0-83579700-1407599470_thumb.jpgpost-6178-0-24949700-1407599471_thumb.jpgpost-6178-0-34743700-1407599472_thumb.jpgpost-6178-0-39719100-1407599473_thumb.jpgpost-6178-0-40594400-1407599474_thumb.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การประกาศโจมตีอิรักครั้งล่าสุดของสหรัฐ ที่เน้นว่าจะไม่มีการส่งกองทหารเข้าไปประจำในอิรักอีกนั้น

สะท้อนให้เห็นกลยุทธ์การทำสงครามต่อต้านก่อการร้ายของนายโอบามา ที่ต่างไปจากผู้นำในอดีต

และย้ำมุมมองของเขาที่เห็นว่าเป็นสงครามที่โลกอิสลามเท่านั้นจะรับมือได้

 

 

post-6178-0-39728300-1407599707_thumb.jpg

 

 

สหรัฐกับจุดเปลี่ยนของสงครามต่อต้านการก่อการร้าย

 

 

9 สิงหาคม 2014 เวลา 21.02 น

 

นาย พีเจ คราวลีย์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐระบุในบทความที่เขียนให้บีบีซีว่า

ตอนที่นายโอบามาใช้เวลาแค่แปดนาทีประกาศโจมตีอิรักครั้งล่าสุด เขาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะวิวัฒนาการของภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอส

ที่เพิ่มมาก ขึ้นเรื่อย ๆ แต่นายโอบามาไม่ได้เอ่ยถึงกลยุทธ์ปราบปรามการก่อการร้ายของสหรัฐเองว่า

วิวัฒนาการไปถึงไหนนับแต่เกิดเหตุก่อการร้าย 11 กันยายน สิบสามปีก่อน

 

 

10502477_1538595813028120_5977329707799720231_n.jpg?oh=40c3c3635117b3b7d644e9ff747c0e01&oe=546051B7&__gda__=1417676174_e0628ff00a63e88ffe7d84ea43d6c41b

โอบามามองกลุ่มไอเอสเป็นปัญหาระดับท้องถิ่น

 

 

นาย คราวลีย์ บอกว่าเป็นไปได้ว่าภัยก่อการร้ายอาจเกี่ยวโยงกับเครือข่ายที่เชื่อมถึงกัน ทั่วโลก

แต่ภัยก่อการร้ายระดับภูมิภาคหรือแม้แต่ปัญหาระหว่างชนเผ่าเป็นสิ่งสหรัฐเอง ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้

สิ่งนี้ต้องอาศัยทางออกในการจัดการภายในท้องถิ่นเอง

 

นายคราว ลีย์มองว่าความพยายามของนายโอบามาในการดึงอิรักให้พ้นจากสภาพการเกิดสงคราม กลางเมือง

คือก้าวย่างสำคัญที่เป็นตัวกำหนดความเป็นผู้นำของเขา นายโอบามาจะไม่ดึงให้สหรัฐมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้อีก

และจริง ๆ แล้วเขายังก้าวไปไกลกว่านั้นด้วยการระบุว่าสหรัฐ “ไม่มีทางออกทางทหารในการจัดการกับวิกฤตที่ใหญ่โตกว่าในอิรัก”

 

นาย โอบามาย้ำเป็นพิเศษถึงความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลที่ชนทุกเหล่าในอิรัก

ร่วมด้วยได้เขาหนุนให้นักการเมืองอิรักเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนนายนูริ อัล มาลิกิ ที่ออกจะฝักใฝ่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป

 

อย่าง ไรก็ดี นายคราวลีย์เห็นว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่นายโอบามา ไม่ได้เอ่ยถึงซีเรีย แต่กลับชี้ว่าไอเอสเป็นปัญหาใหญ่ของอิรัก

ไม่ใช่ปัญหาระดับภูมิภาคที่ต้องได้รับการตอบโต้จากนานาชาติ นายโอบามาพูดแบบเดียวกันนี้กับสภาคองเกรส

และสหประชาชาติตอนที่มีการใช้อาวุธ เคมีในซีเรียเมื่อปีที่แล้ว

 

แม้ครั้งนี้เขาจะชี้ว่าไอเอส พยายามจัดการกับชาวยาซิดี และอาจเป็นไปได้ว่าจะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

แต่เขาก็บอกแค่ว่าสหรัฐจะดำเนินมาตรการทางทหารกับอิรักในวงจำกัดเพราะสหรัฐ เพียงต้องการช่วยเท่านั้น

ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้ชี้ว่าไอเอสเป็นภัยคุกคามทางตรงของสหรัฐ

จุดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลยุทธ์ปราบปรามการก่อการร้ายของสหรัฐ

 

 

68919_1538595873028114_8425412198090327831_n.jpg?oh=779017caf3cc01ac5c37c4bcd803b59d&oe=547EAF37&__gda__=1415275722_443dd443eae4893dc11a8e8c2890f732

การจัดการกับนายบิน ลาเดน เป็นสิ่งท้าทายของรัฐบาลจอร์จ บุช

 

 

ตอน ที่ประธานาธิบดีจอร์จ บุช ประกาศ “ทำสงครามก่อการร้าย” เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2011 ตอนนั้นภัยก่อการร้ายถือเป็นภัยระดับโลก

ที่มีอยู่แค่สองขั้วคือขั้วที่เป็นพวกสหรัฐหรืออีกขั้วคือพวกก่อการร้าย ตอนนั้นสหรัฐใช้กลยุทธ์ป้องกันและชิงลงมือ แต่ในปี 2009

รัฐบาลนายโอบามาได้ปรับกรอบการทำสงครามก่อการร้ายที่รับช่วงมา เน้นย้ำว่าเพื่อปราบปรามเครือข่ายอัลไคด้าและผู้ก่อเหตุ 9/11

และสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนึ่งในช่วงห้าปีมานี้ก็คือการที่นายบิน ลาเดน ถูกสังหารและเครือข่ายของเขาก็ถูกทำลายยับเยิน

 

แม้ภัยคุกคาม จะซับซ้อนและแผ่ซ่านมากขึ้น แต่นายโอบามาก็ยังปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายความร่วมมือทั้งในและระหว่างประเทศ

เพื่อจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายทางการเมือง ขณะเดียวกันก็ลดบทบาททางทหารไปด้วย

 

สหรัฐเห็นว่าไม่จำเป็น ต้องส่งกองกำลังทางทหารขนานใหญ่ไปจัดการกับกลุ่มไอเอสที่กุมพื้นโดยรอบซีเรียและอิรัก

เพราะจะทำให้สถานการณ์แย่ลง นี่คือกลยุทธ์สำคัญที่นายโอบามาได้บทเรียนมาจากประสบการณ์ของสหรัฐในอิรัก

 

หลัง สหรัฐรุกรานอิรักเมื่อปี 2003 สงครามก่อการร้ายถูกมองเป็นสงครามต่อต้านอิสลาม

ทว่า ตอนนี้นายโอบามามองปรากฏการณ์ของกลุ่มไอเอสว่าเป็นสงครามในหมู่อิสลามด้วย กันเอง

และโลกอิสลามเท่านั้นที่จะจัดการปัญหาได้อย่างแท้จริง

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดิ อีโคโนมิสต์ ชี้เศรษฐกิจไทยกำลังชะงักงัน

ขณะที่ คสช.กำลังมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ แนะอย่าหวังให้ คสช.ทำอะไรที่คาดไม่ถึง

 

 

post-6178-0-96731000-1407600038_thumb.jpg

 

 

นิตยสารอังกฤษระบุว่าอย่าหวังให้ คสช.ทำเซอร์ไพร์ส

 

 

9 สิงหาคม 2014 เวลา 18.55 น

 

 

นิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ ฉบับล่าสุดวิจารณ์สถานการณ์ในไทยตอนนี้ว่าเศรษฐกิจกำลังหยุดชะงัก

ขณะที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.เองมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ และสรุปว่าอย่าหวังให้ คสช. ทำอะไรที่คาดไม่ถึง

 

ในบทความใต้ พาดหัว “สงบ เรียบร้อย ย่ำอยู่กับที่”ดิ อีโคโนมิสต์ระบุว่า

สิ่งที่เมืองไทยขาดแคลนอยู่ในขณะนี้คือ ความมุ่งมั่นที่จะใช้กฎธรรมาภิบาล ระบบการเงินที่มีการควบคุมอย่างดี และโปร่งใส

 

 

10378151_1538557256365309_8189682927759806031_n.jpg

 

 

“สิ่ง ที่ทหารต้องการเหนือสิ่งใดคือให้ ‘คนดี’ แต่ไม่ใช่คนที่ประชาชนนิยมโดยผ่านการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ

เป็นที่น่าชื่นชมอยู่ที่ คสช. แสดงความตั้งใจที่จะให้เกิดความปรองดอง

ระหว่างกลุ่มเสื้อแดงที่นิยมทักษิณ กับฝ่ายตรงกันข้ามซึ่งทำกรุงเทพฯ เป็นง่อยไประหว่างการชุมนุมครั้งมโหฬารเมื่อปลายปีที่แล้ว

ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่หวังไม่ค่อยได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทหารจะเปิดให้นักการเมืองฝ่ายทักษิณ เข้ามามีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญ

ฉบับใหม่หรือเข้ามาจัดการเลือกตั้งครั้งต่อ ไป”

 

นิตยสารดังกล่าวระบุถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า เป็นสภาตรายางเพราะเต็มไปด้วยทหารและคณะบุคคลจากกลุ่มอำนาจเก่า

แต่เสริมว่า คสช.ก็มีโครงการที่เป็นเชิงปฏิรูปอยู่ด้วย อาทิ ความตั้งใจที่จะลดความเหลื่อมล้ำ และการบังคับใช้กฎหมายอย่าง

ไม่เลือกปฎิบัติ ข้อเสนอเชิงประชานิยมหลาย ๆ เรื่อง เช่นการปฏิรูประบบการรักษาพยาบาล ก็คัดเอามาจากตำราของ พ.ต.ท. ทักษิณ

 

แต่การจะหาคนที่มีความรู้และประสบการณ์ให้เข้ามาเชิด หน้าชูตาระบบใหม่ดูจะยาก เช่น ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

ที่พยายามจะดึง นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน เข้ามา เพราะเขาเป็นคนที่ได้รับความเชื่อถือสูงมาก

ทั้งในและนอกประเทศ แต่ คสช. ก็โน้มน้าวนายสุรินทร์ไม่ได้

นักการทูตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายคนบอกว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทย กำลังง่อยเปลี้ยเพราะขาดแนวทาง

 

คสช. ดูจะรู้ตัวว่ามีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ ดิ อีโคโนมิสต์บอก ซึ่งเรื่องนี้สำคัญเพราะตอนนี้เน้นแต่ความมั่นคงทางการเมือง

ขณะที่สภาพ เศรษฐกิจยังตึงเครียด ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้หดตัวอย่างแรง การส่งออกซึ่งเป็นภาคที่ต้องพึ่งมากที่สุดก็ไม่ขยายตัว

แถมระดับหนี้สินครัวเรือนที่สูง ยิ่งทำให้ปัญหาซับซ้อนขึ้น

ในปีนี้เศรษฐกิจประเทศไทยทำท่าว่าจะซบเซาที่สุดในบรรดาประเทศเอเชีย การฟื้นฟูเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนของ คสช.

 

 

15678_1538557419698626_7678864885823670407_n.jpg?oh=d00b4fd0b97b58df5c52b69a1123d9d5&oe=546D10A1

 

 

ดิ อีโคโนมิสต์คิดว่าประชาธิปไตยในเมืองไทยนั้นคงเป็นเรื่องที่ต้องรอไปก่อน

เพราะแม้ พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำหนดว่าจะให้มีการเลือกตั้งประมาณเดือนตุลาคมปีหน้า

แต่ คสช. ไม่ได้บอกว่าจะตั้งข้อจำกัดอะไรบ้าง หากว่าเป้าหมายของการทำรัฐประหารครั้งนี้กับครั้งก่อนหน้าก็เพื่อล้มล้าง

ระบบเลือกตั้งที่กำหนดให้ผู้ชนะคือผู้กุมเสียงเด็ดขาดซึ่งเอื้อต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างดี ก็ชวนให้น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน

หากจะไม่มีการตั้งข้อจำกัดอะไรเลย นอกจากนี้ เรื่องรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ซึ่งจะเป็นฉบับที่ 20 ของไทย

จะผ่านการลงประชามติหรือไม่ก็ยังไม่ชัดเจน

 

นิตยสารของอังกฤษ กล่าวต่อไปว่า คนไทยส่วนใหญ่อยากเห็นว่าสักวันหนึ่งประเทศจะได้กลับคืนสู่ภาวะมั่งคั่ง

และเป็นผู้นำทางประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา

ช่วยยกระดับรายได้ และโอกาสการศึกษาแก่พลเมือง แต่ขณะนี้บรรดาเสาหลักที่ช่วยค้ำจุนความมั่งคั่งในอนาคตกำลังง่อนแง่น

 

“การ ที่ทหารกำลังนำสังคมไทยย้อนยุคอยู่ในขณะนี้คงไม่มีใครหยุดยั้งได้โดยทาง กฎหมาย คนไทยจำนวนไม่น้อยก็คงอยากให้โอกาส

แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งบรรดาผู้นำที่ตั้งตัวเองขึ้นมา ก็คงไม่สามารถที่จะคงอยู่ต่อไป คสช.เองอาจจะทำสิ่งที่คาดไม่ถึงได้

อย่างผลักดันการปฏิรูป เยียวยาความร้าวฉานในสังคม และฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่ก็อย่าไปหวังอะไรให้มากมาย” ดิ อีโคโนมิสต์ สรุป

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวทันโลก

-สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางอากาศให้คนอิรักเพิ่ม

-ยูเอ็น-ยูเอส ประนามการต่อสู้ระลอกใหม่ในกาซา

-จีนให้คนใช้ WeChat จดทะเบียนและได้รับอนุญาตก่อนแชตได้

-ทนายความสิทธิห่วง "ชินจัง" หายสาบสูญ

 

 

post-6178-0-41922400-1407602153.jpg

 

 

9 สิงหาคม 2014 เวลา 16.20 น

 

 

10294235_1538524949701873_8745242706570316316_n.jpg

 

 

กระทรวง กลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่าได้ใช้เครื่องบินส่งความช่วยเหลือทางอากาศเป็นครั้ง ที่สองแก่ชาวอิรัก

ที่หลบหนีกลุ่มนักรบจิฮัดอยู่ตามเทือกเขา สหรัฐให้ความช่วยเหลือดังกล่าวหลังโจมตีทางอากาศกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส

อีกระลอก ทางตอนเหนือของอิรัก

 

องค์การสหประชาชาติ และสหรัฐประณามที่ทั้งอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสต่อสู้กันอีกหลังหมด เวลาหยุดยิง

มีกำหนดสามวันเมื่อวานนี้ กองทัพอิสราเอลโจมตีพื้นที่ 33 แห่งในเขตกาซาเมื่อเช้าวันนี้

ขณะที่มีการยิงจรวดจากฝั่งกาซามาตกทางใต้ของอิสราเอลห้าลูก

 

สำนัก ข่าวของทางการจีนเปิดเผยว่าจีนได้ออกกฎหมายให้ผู้ใช้โปรแกรม WeChat จะต้องลงทะเบียนโดยใช้ชื่อจริง

และได้รับอนุญาตจากทางการก่อนถึงจะส่งข้อความ กันได้ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังต้องเซ็นสัญญาว่าจะสนับสนุน “ระบบสังคมนิยม” ด้วย

ช่วงสองปีมานี้จีนออกกฎคุมเข้มการส่งข้อความผ่านโปรแกรมลักษณะดังกล่าวมาก ขึ้น ขณะที่เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย

อย่างเฟสบุ้กและทวิตเตอร์ ถูกห้ามไม่ให้เผยแพร่ในจีน

 

 

ที่เมืองไทย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์เรียกร้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้อง

ในการควบคุมตัวนายยงยุทธ บุญดี หรือชินจัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี

ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายเเก่ทรัพย์ของผู้อื่น

มีเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัว

 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนบอกว่าได้รับแจ้งจากตำรวจว่ามีผู้ประกันตัว นายยงยุทธออกไป

แต่เจ้าหน้าที่ทหารที่ได้พบแสดงเอกสารว่านายยงยุทธสมัครใจอยู่ในความดูแลของ เจ้าหน้าที่

ทำให้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีความกังวลถึงพฤติการณ์ในการมาประกันตัวของบุคคลซึ่งไม่ใช่ญาติ

และการควบคุมตัวนายยงยุทธไม่สามารถติดต่อญาติได้

พฤติการณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายการควบคุมตัวโดยไม่ชอบและถูกบังคับให้หาย สาบสูญซึ่งขัดกับหลักการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เดวิดและเวนดี้ ฟาร์แนลล์ พ่อแม่ชาวออสเตรเลียของ "น้องแกมมี่"

เปิดตัวพูดกับสาธารณะเป็นครั้งแรก ยืนยันไม่ได้ทิ้งลูก

 

พ่อแม่ "น้องแกมมี่" ยืนยันต้องการลูกไปเลี้ยงเอง

 

 

10 สิงหาคม 2014 เวลา 22.46 น

 

 

พ่อแม่ชาวออสเตรเลียของ “น้องแกมมี่” ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ระบุต้องการได้ตัวลูกชายไปเลี้ยงดูเอง

 

 

1908388_1538994676321567_3582761783543195031_n.jpg?oh=745a662d23bacf803a875443b9bea0d4&oe=547450A6&__gda__=1416211060_1a5f0a02f5f16e4eff7a59873aff880c

 

 

โทรทัศน์ ออสเตรเลียช่อง 9 ได้สัมภาษณ์เดวิด และเวนดี้ ฟาร์แนลล์ พ่อและแม่ของ ”น้องแกมมี่” หรือ “แกรมมี่”

ซึ่งตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่าได้ทอดทิ้งลูกไว้กับแม่อุ้มบุญคนไทย ปรากฏตัวในสื่อเป็นครั้งแรก ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า

เรื่องจะให้ลูกไปหรือไม่เป็นสิทธิของแม่อุ้มบุญ และที่ผ่านมาแม่อุ้มบุญ คือภัทรมน จันทร์บัว ไม่ได้ให้ลูกกับฝ่ายตน

พร้อมระบุว่า จะพยายามต่อสู้เพื่อเอาตัวลูกชายไปเลี้ยงเอง

 

ก่อนหน้านั้น ภัทรมนให้สัมภาษณ์ว่า เดวิดและเวนดี้รับไปแต่ลูกสาว แต่ไม่รับลูกชายไปด้วย

หลังจากได้รับรู้ว่าน้องแกมมี่มีปัญหาสุขภาพ

 

เด วิด และเวนดี้ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ไม่ได้รับรู้ว่ายังมีลูกชายอีกคนหนึ่งคน เดวิด

ยืนยันในการให้สัมภาษณ์พิเศษว่า “เราไม่ได้ทอดทิ้งลูกของเรา”

 

“มัน เป็นสิทธิของแม่อุ้มบุญที่จะให้ลูกมาหรือไม่ ถึงจะมีสัญญากันอยู่แต่มันไม่ได้มีความหมายขนาดนั้น

มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแม่อุ้มบุญ และแม่อุ้มบุญคนไทยบอกเราว่า เธอต้องการเอาลูกชายไว้”

 

เดวิด ฟาร์แนลยังยืนยันแข็งขันว่า เขากลับตัวแล้วจากอดีตที่เคยต้องโทษฐานละเมิดเด็ก

ทางด้านเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียก็ยืนยันว่าสามารถติดต่อสองสามีภรรยาคู่นี้ได้ แล้ว

รวมทั้งทราบเรื่องราวในอดีต แต่ในปัจจุบันยังไม่มีสาเหตุให้ต้องดำเนินการอย่างใด

 

ก่อน หน้านี้ภัทรมนกล่าวว่า สองสามีภรรยาชาวออสเตรเลียพยายามจะให้เธอทำแท้งในช่วงที่ท้อง

หลังจากที่ทราบว่าลูกคนหนึ่งไม่สมบูรณ์ แต่เธอไม่ยอมทำ

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชาวตุรกีออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีกัน วันนี้ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง

ผู้สมัครมีสามคนรวมทั้งนายกรัฐมนตรีเออร์โดกัน ผู้ชนะจะต้องได้คะแนนเกิน 50% ของจำนวนผู้ออกเสียง

หากไม่มีใครได้คะแนนถึงก็จะมีการหย่อนบัตรกันอีกครั้งในวันที่ 24 สค.

 

นายเออร์โดกันบอกไว้ว่า ถ้าเขาชนะได้เป็นประธานาธิบดี จะเพิ่มอำนาจให้ตำแหน่งนี้สามารถทำหน้าที่บริหารได้อย่างจริงจัง

ไม่ใช่เป็นเพียงสัญญลักษณ์อย่างในปัจจุบัน

 

ส่วนผู้สมัครอีกสองคน หนึ่งในนั้นเป็นอดีตเลขาธิการโอไอซีหรือองค์การความร่วมมืออิสลาม

ขณะที่อีกรายเป็นนักการเมืองที่เป็นคนหนุ่มเชื้อสายเคิร์ด ซึ่งผู้สื่อข่าวบอกว่า

เป็นสัญญาณที่ดีแสดงให้เห็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เปิดกว้างสำหรับคน รุ่นใหม่

 

 

post-6178-0-27703700-1407686332.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัฐอิสลาม?

กลุ่มไอเอสรุกสายฟ้าแล่บยึดเมืองทางตอนเหนือของอิรัก พร้อมประกาศตั้งรัฐอิสลาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

ในอดีตพวกเขาล้มเหลวมาก่อน หนนี้พวกเขาจะทำอะไรแตกต่างจากเดิมหรือไม่

 

กลุ่มไอเอสยึดพื้นที่เตรียมตั้งรัฐอิสลาม

 

 

10 สิงหาคม 2014 เวลา 17.46 น

 

 

คำถามหนึ่งคือพวกเขาจะรักษาพื้นที่ที่ยึดเอาไว้ได้หรือไม่

 

10544307_1538895762998125_7138015316756730471_n.jpg

 

นับ ตั้งแต่ต้นมิถุนายน ไอซิสซึ่งเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น “รัฐอิสลาม” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เปิดฉากรุกจากฐานที่มั่นทางภาคตะวันออกของซีเรีย

ออกไปยึดเมืองโมซุล เมืองใหญ่อันดับสองของอิรัก แล้วรุกคืบตามแนวหุบเขายูเฟรติสไปจนเกือบถึงชานเมืองแบกแดด

 

ยึดได้ถึงไหนนักรบชุดดำสวมหน้ากากไอ้โม่งก็จะประกาศใช้กฎหมายชารีอะห์ของอิสลามถึงนั่น ทำให้ประชาชนพากันอพยพหลบหนีออกจากบ้าน

นักวิเคราะห์ชี้ว่าการตียึดพื้นที่อาจไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่การปกครองไม่ใช่เรื่องง่าย

 

กระนั้น ก็ตาม การกวาดล้างไอเอสออกไปจากพื้นเหล่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ในเมื่อทั้งซีเรียและอิรัก

ต่างก็มีปัญหาภายในรุมเร้าและอยู่ในสภาพง่อนแง่น เต็มที

 

ไอเอสจะปกครองพื้นที่ยึดครองของตนได้หรือไม่นานแค่ ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การสนับสนุนของชนเผ่าเจ้าของพื้นที่

ปัจจัยทางเศรษฐกิจ น้ำกินน้ำใช้และเชื้อเพลิง การใช้อำนาจของผู้นำ และที่สำคัญในระยะยาวพวกตนจะมีกำลังคนเพียงพอหรือไม่

 

ชกข้ามรุ่น

 

จนถึงวันนี้ ไอเอส ยังประสบความสำเร็จกับปฏิบัติการรบเร็วชนะเร็ว โดยอาศัยอาวุธกับความหวาดกลัวของคนในพื้นที่เป็นปัจจัยหลัก

 

ถึง แม้ไอเอสถูกบดขยี้ไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในวันพรุ่งวันมะรืน แต่นักประวัติศาสตร์การทหารคงจะไม่ลืมผลของปฏิบัติการสายฟ้าแลบ

ของพวกเขาไป ได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะปฏิบัติการทางจิตวิทยา ด้วยการอัปโหลดภาพสยดสยองของเหยื่อสังหารของพวกตนขึ้นโซเชียลมีเดีย

เพื่อ สร้างความหวาดผวาให้กับฝ่ายตรงข้าม

 

ภาพของการตัดหัว การเอาคนไปตอกมือตอกเท้าขึงบนไม้กางเขน การใช้ศาลเตี้ยประหารแล้วบันทึกภาพพร้อมเสียงบรรยายอันชวนขนหัวลุก

ออกมาเผยแพร่ สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับทหารอิรักจนพากันทิ้งอาวุธหนีออกจากค่ายไป ตาม ๆ กันเมื่อเดือนที่แล้ว

 

แต่ในความเป็นจริงถ้าใช้ภาษามวยก็เรียกได้ว่าไอเอสกำลังชกข้ามรุ่น

 

ไอ เอสประกอบด้วยนักรบที่เหลือรอดจากกลุ่มอัลไคดาที่ถูกทำลายในอิรักกับสาวก ใหม่จำนวนหนึ่ง แต่รวมแล้วตอนเริ่มเปิดฉากบุกยึดอิรักภาคตะวันตก

เมื่อเดือนมิถุนายนมีกัน อยู่ประมาณ 10,000-15,000 คน

 

ตามข่าว ไอเอสใช้กำลังไม่เกิน 800 คนตอนบุกยึดโมซุล แต่ทั้งหมดนั้นคือกองกำลังจู่โจม

 

สิ่ง ที่ช่วยให้ไอเอสประสบความสำเร็จก็คือการสนับสนุนของนักรบและชนเผ่าเจ้าถิ่น ถ้าไม่มีสิ่งนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่ไอเอสจะยึดโมซุลสำเร็จ

เพราะโมซุลมีประชากรถึงสองล้านคน

 

“ไอเอสสามารถควบคุมพื้นที่ ได้ก็เพราะตกลงกับนักรบเจ้าถิ่นได้ นักรบเจ้าถิ่นยอมให้พวกไอเอสเข้าไปปกครองแทนพวกตน”

มีนา อัลโอราบี ผู้ช่วยบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อัช ชาร์ค อัลอว์ซัทอธิบาย เธอเองก็เป็นชาวโมซุลโดยกำเนิด

 

“บางแห่งข้อตกลงได้มาเพราะ เจ้าถิ่นกลัว บางแห่งเพราะแบ่งปันผลประโยชน์กันลงตัว บางแห่งเพราะก๊กเหล่าต่าง ๆ

ตกลงเรื่องเงินกันได้ ง่าย ๆ แค่นั้น” เธอบอก

 

ไอ เอสจะรักษาอำนาจ รักษาความสงบเรียบร้อยและการยอมรับของคนพื้นถิ่นไว้ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับ

ว่าจะสามารถรักษาดุลแห่งผลประโยชน์เหล่านี้ไว้ได้หรือไม่และจะเพิ่มทุนเพื่อ ต่อยอดการปกครองของตนได้มากน้อยเพียงใด

 

เรียนรู้ความผิดพลาด

 

ครั้ง สุดท้ายที่กลุ่มจิฮัดสามารถยึดครองพื้นที่กว้างใหญ่ในอิรักได้นานพอควรก็คือ ช่วงที่ยึดครองจังหวัดอันบาร์เมื่อปี 2006

แต่ในที่สุดก็ไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง

 

หัวหน้ากลุ่มจิฮัดในเวลา นั้นคืออาบู มูซาบ อัลซาร์กาวี ชาวจอร์แดน แต่ความโหดเหี้ยมของพวกเขาทำให้คนในพื้นที่ค่อย ๆ พากันตีตัวออกห่าง

 

พวก เขาทำหลายอย่าง ตัดหัวชีคนิกายสุหนี่ที่ไม่ยอมเข้าเป็นพวก ระเบิดสุเหร่านิกายชีอะ กระตุ้นให้เกิดการสู้รบกันเอง

ชาวบ้านที่ถูกจับได้ว่าสูบบุหรี่ถูกตัดนิ้ว เพราะพวกเขาถือว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งต้องห้ามในศาสนาอิสลาม

 

แม้ ฝ่ายนำของอัลไคดาในปากีสถานจะเรียกร้องให้พวกเขาหยุดทำร้ายพี่น้องชาวมุสลิม ด้วยกันเอง แต่อัลซาร์กาวี ไม่สนใจ

สุดท้ายเขาจบชีวิตเพราะถูกหน่วยข่าวของจอร์แดนชี้เป้าให้สหรัฐถล่ม หลังจากนั้นสหรัฐก็ระดมกำลังเข้าไปกวาดล้างจิฮัดกลุ่มนี้จนหนีกระเจิดกระเจิง

 

แปดปีผ่านไป บัดนี้จิฮัดกลุ่มไอเอสสามารถกลับไปตั้งมั่นในอันบาร์ได้อีกครั้ง คำถามก็คือ แล้วกลุ่มไอเอสได้เรียนรู้อะไรบ้าง

จากความผิดพลาดของกลุ่มอาบู อัลซาร์กาวี

 

ถ้า ถามชาวบ้านเมืองรักกาทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียซึ่งไอเอสเข้าไปยึดครอง ตั้งแต่พฤษภาคม 2013

คำตอบที่ได้ก็คือพวกนี้ “ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย”

 

จึง เป็นอีกครั้งที่อัลไคดาออกมาประนามความโหดของไอซิส และในที่สุดอัลไคดาก็ประกาศตัดญาตขาดมิตรกับกลุ่มนี้

อย่างเป็นทางการเมื่อ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

รัฐจิฮัด?

 

ยัง ไม่มีใครบอกได้ว่าโลกมุสลิมจะยอมรับการประกาศจัดตั้งรัฐอิสลามของไอเอสหรือ ไม่ แต่ที่แน่ ๆ ปราชญ์ชาวมุสลิมจำนวนมาก

ต่างออกมาบอกปัดในทันทีทันควัน อย่างไรก็ตาม เมื่อไอเอสสามารถยึดครองพื้นที่ได้อย่างกว้างขวางเช่นนี้แล้ว

คงจะไม่ปล่อย ให้มันหลุดมือไปง่าย ๆ

 

ไม่ว่ากองกำลังของประธานาธิบดีอัซซา ดในซีเรียหรือกองกำลังของรัฐบาลอิรักก็คงไม่สามารถกำจัดไอเอสออกไปได้

จะทำได้ก็แค่โจมตีทางอากาศตัดกำลังโดยการสนับสนุนของสหรัฐ แต่การส่งกำลังภาคพื้นดินไปยึดพื้นที่คืนคงยาก

 

มีเพียงกอง กำลังของนักรบในพื้นที่เท่านั้นที่จะขับไล่ไอเอสออกไปได้ แต่ในเมื่อรัฐบาลกลางทั้งในซีเรียและอิรักไม่อยู่ในวิสัยที่จะช่วยได้

เพราะรายแรกต้องวุ่นวายกับปัญหาสงครามกลางเมือง อีกรายยังหารัฐบาลที่มีเอกภาพไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะหยุดยั้ง

ความพยายามในการตั้งรัฐอิสลามของไอเอสได้

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่ญี่ปุ่นมีเพนกวินชื่อลาลา ที่ไม่ได้อยู่ที่ภูเขาน้ำแข็งที่แอนตาร์คติก แต่อยู่ในเมืองนี่ล่ะ

โดยมันไม่รู้ไปทำไหนมาติดตาข่ายดักปลาครอบครัวนิชิโมโตะไปเจอเข้าก็ช่วยชีวิตเอาไว้ แล้วเอากลับบ้านไปปฐมพยาบาลจนหายดี

แต่กลายเป็นว่าลาลา เพนกวินจักรพรรดิไม่ยอมไปไหน ใช้ชีวิตร่วมกับคนอยู่ในห้องแอร์ส่วนตัวของนางสบายใจเฉิบ!

เฮ้ย!!! มีงี้ด้วยจริงเหรอ?!? คำตอบคือมีจริง

แถมพี่แกทุกวันจะเดินไปตลาดสดไปกินปลาหนึ่งตัวแล้วเอาปลากลับมาให้ครอบครัวนิชิโมโตะอีกทุกวันวันละหนึ่งตัวอะไรแบบนี้

ระหว่างทางถ้าร้อนเพราะตัวเองเป็นสัตว์ที่ปกติอยู่ตามขั้วโลกก็จะไปหยุดให้คนแถวนั้นสาดน้ำมนต์คลายให้หายร้อน

ก่อนกลับไปจุ้มปุ๊กในห้องแอร์ของตัวเองกับครอบครัวนิชิโมโตะ ตกเย็นมีเวลาก็ออกมาสังสรรค์กับครอบครัว

เป็นอะไรที่ชิวชิวมีความสุขสนุกสบายใจของเพนกวินนะครับไม่ใช่คน!ป๊าดดด!!!

 

ไม่เชื่อใช่มั้ย??? ไปดูเองเลยยย!!!

 

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทายใจเจ้าไม่ถูกปิดsellไปแล้ว1307และbuyสดไป1307cut1304เป้า1313และรอselllimit1318cut1324เป้า1298และรอซื้อ1292cut1280เป้า1515ส่วนแท่งรอตลาดไทยทำการก่อนเล็งไว1295-1290ครับ

ปล.ช่วยมาตอนตลาดไทยเปิดหน่อยนะอิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พ่อแม่ทางสายเลือดของน้องแกมมี่ให้สัมภาษณ์กับเอพีเมื่อวานนี้ว่าจะต่อสู้เพื่อให้ได้น้องแกมมี่คืน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...