ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

โพลล์ชี้เฟดเตรียมซื้อพันธบัตรกว่า 1 แสนล้านเหรียญต่อเดือน

 

Posted on Friday, October 29, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤ. 28 ต.ค. 53)

• ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 434,000 ราย

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศ. 29 ต.ค. 53)

• จีดีพี (Q3/2010) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.) โดย มหาวิทยาลัยมิชิแกน

• ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (Q3/2010) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

 

 

โพลล์ชี้เฟดเตรียมซื้อพันธบัตรกว่า 1 แสนล้านเหรียญต่อเดือน

 

โพลล์ของรอยเตอร์ชี้ว่านักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำส่วนใหญ่คาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะซื้อพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องระหว่าง 8 หมื่นถึง 1 แสนล้านเหรียญต่อเดือน จากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่ระยะเวลาของการซื้อและจำนวนเงินทั้งหมดยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกัน

 

ในแง่วงเงินรวมของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่นี้ มีการประเมินกันตั้งแต่ 2.5 แสน จนถึง 2 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งจากการสำรวจก่อนหน้านี้ที่รอยเตอร์ทำการสำรวจมุมมองของดีลเลอร์ ขนาดของวงเงินก็อยู่ระหว่างห้าแสนถึง 1.5 ล้านเหรียญ

 

Jan Hatzius หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลแมนแซคส์ในนิวยอร์ก บอกว่าคำถามที่สำคัญไม่ใช่ขนาดของวงเงิน แต่เป็นระดับความมุ่งมั่นของคณะกรรมการเฟดมากว่า ว่าจะเอาจริงเอาจังมากแค่ไหนกับการพยายามบรรลุเป้าหมายสองด้าน คือรักษาเสถียรภาพของราคาและยกระดับการจ้างงาน ซึ่งโกลแมนเอง คาดการณ์วงเงินจาก QE2 ไว้มากถึง 2 ล้านเหรียญ และเป็นค่ายที่คาดการณ์ขนาดของวงเงินสูงที่สุด

 

อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าผลของมาตรการคราวนี้ คงมีอีกไม่มากนัก เพราะตลาดได้รับรู้ข้อมูลไปเกือบหมดแล้ว โดยเห็นได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุสิบปีของสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.72% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ากลางปีหน้าหลังมาตรการอัดฉีดรอบนี้ อัตราผลตอบแทนดังกล่าวก็จะขยับลงไปเหลือ 2.65% ซึ่งต่างจากปัจจุบันไม่มากเลย

 

Zach Pandl นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ ซิเคียวริตี้ส์ในนิวยอร์ก บอกว่า เค้าคิดว่ามาตรการ QE2 ได้ทำงานไปเรียบร้อยแล้ว โดยเราจะเห็นได้จากตลาดการเงินที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนลง ดอกเบี้ยก็ลดต่ำลง และราคาหุ้นปรับขึ้นมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเหมือนจะคาดหวังมาตรการ QE ในระดับสูงมากอยู่แล้ว

 

คำถามต่อไปก็ต้องมาดูว่า GDP สหรัฐจะโตได้มากแค่ไหนจากมาตรการทางการเงินครั้งนี้ หลังจากมาตรการ QE รอบแรกระหว่างเดือนมีนาคมถึงตุลาคม 2009 เพื่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ กว่าสามแสนล้านเหรียญ ดูจะไม่ค่อยได้ผลมากนัก

 

 

ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจยุโรปแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี

 

คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 16 ประเทศในเดือนต.ค. ขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 104.1 จุด จากระดับ 103.2 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2550 โดยมาตรวัดความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ผลิต ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับศูนย์ จากเดิมที่ติดลบ 2 ส่วนมาตรวัดความเชื่อมั่นในภาคบริการ ทรงตัวอยู่ที่ 8 และมาตรวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงอยู่ที่ระดับติดลบ 11

 

 

ราคาบ้านอังกฤษอ่อนตัว 0.7%

 

เนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษเดือนต.ค. อ่อนตัวลง 0.7% จากเดือนก.ย. มาอยู่ที่ 164,381 ปอนด์ หรือ 259,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน

 

ทั้งนี้ หากราคายังปรับตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพ.ย.และธ.ค. จะทำให้อัตราเงินเฟ้อราคาบ้านต่อปีอ่อนตัวลงมาอยู่ในช่วง 0% - ติดลบ 1% ภายในสิ้นปีนี้ เมื่อเทียบกับสถิติเมื่อช่วงสิ้นปีที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 5.9%

 

 

BOJ หั่นคาดการณ์ GDP เหลือ 2.1%

 

ธนาคารกลางญี่ปุ่น ( BOJ ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยในรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจและราคานั้น BOJ คาดว่า จีดีพี จะขยายตัวเพียง 2.1% ในปีงบประมาณ 2553 และ 1.8% ในปีงบประมาณ 2554

 

จากเดิมที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2553 จะขยายตัว 2.6% และ 1.9% ในปีงบประมาณ 2554

ส่วนในปีงบประมาณ 2555 นั้น BOJ คาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวในอัตรา 2.1%

 

รายงานซึ่งจัดทำปีละสองครั้งระบุว่า "เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวปานกลาง แต่จังหวะของการฟื้นตัวนั้นยังคงชะลอตัวลงเนื่องจากอุตสาหกรรมส่งออกและการผลิตขยายตัวในอัตราที่ช้าลง

 

จังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกเนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ เศรษฐกิจในต่างประเทศที่ชะลอตัวลง และการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น

 

ในการประชุมนโยบายของคณะกรรมการ BOJ เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.1% ในการประชุม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาของประเทศ และ BOJ ได้แจกแจงรายละเอียดของโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่ารวม 5 ล้านล้านเยนที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 5 ต.ค. โดยระบุว่าจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาววงเงิน 1.5 ล้านล้านเยน และหลักทรัพย์รัฐบาลระยะสั้น วงเงิน 2 ล้านล้านเยน ส่วนที่เหลือจะเป็นการเข้าซื้อตราสารหนี้เอกชน ตราสารพาณิชย์ กองทุน exchange-traded และทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมรัพย์

 

คณะกรรมการ BOJ มีมติให้เลื่อนการประชุมนโยบายครั้งต่อไปให้เร็วขึ้น จากวันที่ 15-16 พ.ย. 53 มาเป็นวันที่ 3-4 พ.ย. 53 หรือต่อจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่

 

นอกเหนือจากการเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 5 ล้านล้านเยนแล้ว BOJ ยังได้ขยายโครงการเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินเป็น 30 ล้านล้านเยน จากเดิม 20 ล้านล้านเยน พร้อมกับเลื่อนระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เป็น 6 เดือน จากเดิม 3 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.1%

 

นอกจากนี้ นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางอาจจะขยายโครงการซื้อสินทรัพย์จากปัจจุบันที่ 5 ล้านล้านเยน หากพิจารณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแล้วเห็นว่ามีเหตุผลอันสมควร

 

 

นิสสันเรียกคืนรถ 2.1 ล้านคันทั่วโลก

 

นิสสัน ค่ายรถชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่นประกาศเรียกคืนรถ 2.1 ล้านคันทั่วโลก หลังพบความผิดปกติที่ระบบควบคุมเครื่องยนต์ โดยนิสสันจะทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่มีปัญหาสำหรับรถบางรุ่นให้ฟรี

 

รถยนต์ที่นิสสันประกาศเรียกคืนนั้นมีทั้งหมด 9 รุ่นด้วยกัน ซึ่งรวมถึงรุ่นนิสสัน คิวบ์ นิสสัน มาร์ช และนิสสัน ทีด้า ที่ผลิตในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอีก 4 ประเทศในระหว่างปี 2546 -2549

 

อย่างไรก็ตาม นิสสันระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของระบบควบคุมเครื่องยนต์ ที่อาจทำให้เครื่องยนต์หยุดทำงานกลางคันในขณะรถวิ่ง

 

การเรียกคืนรถครั้งนี้จะส่งผลถึงตลาดญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือมากที่สุด โดยนิสสันเรียกคืนรถในญี่ปุ่นทั้งสิ้น 834,759 คัน และในสหรัฐและแคนาดารวม 762,000 คัน ขณะที่ยุโรปจะถูกเรียกคืน 354,170 คัน ส่วนจีนและไต้หวันจำนวน 194,409 คัน

 

การประกาศเรียกคืนรถของนิสสันครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่เมื่อต้นปีนี้ นิสสันได้เรียกคืนรถราว 76,000 คันในญี่ปุ่น และกว่า 2,000 คันในต่างประเทศ หลังพบความผิดปกติที่อาจทำให้เครื่องยนต์ขัดข้อง

 

 

สหรัฐ-ญี่ปุ่นเห็นพ้องกระจายการใช้งานธาตุหายากจากหลายประเทศ

 

เซอิจิ มาเอฮาระ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ให้ความเห็นชอบเรื่องการกระจายการลงทุนและการใช้แร่ธาตุหายากจากซัพพลายเออร์หลายแหล่ง

หลังจากที่จีนได้ควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากมายังญี่ปุ่น ขณะที่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีนั้นอยู่ในภาวะที่ตึงเครียด

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รมว.ต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศได้หารือในประเด็นต่างๆ รวมทั้งเรื่องแร่หายากในช่วงการเจรจาที่ฮอนโนลูลู

 

การหารือดังกล่าวนั้นก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาระหว่างนายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีบารัค โอบามา นอกรอบการประชุมเอเปคที่จะจัดขึ้นที่เมืองโยโกฮาม่า วันที่ 13-14 พ.ย.นี้

 

จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกโลหะที่ใช้ในการผลิตสินค้าไฮเทคนั้น ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องการควบคุมการส่งออกโลหะดังกล่าว

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จู หงเหริน โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมและไอทีของจีน เปิดเผยว่า จีนจะไม่นำเรื่องการส่งออกแร่ธาตุหายากมาเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองกับต่างประเทศ และจะยืนหยัดเพื่อร่วมมือกับนานาประเทศในการนำแร่ธาตุหายากมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ซึ่งกันและกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...