ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ไม่ทราบว่าทุกท่าน ใช้ indicator หรือระบบแบบไหนอยู่ครับ ขอบ้างได้ไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหมือน'โอบามา'ต้องการทำให้'อิหร่าน'เปลี่ยนระบอบปกครอง blank.gif โดย บาร์บารา สลาวิน 14 มกราคม 2555 15:02 น.

 

 

Share5

blank.gif

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

 

Obama edges toward regime change

By Barbara Slavin

12/01/2012

 

การที่ในระยะหลังๆ นี้ สหรัฐฯเพิ่มการใช้ถ้อยคำแรงๆ ในเรื่องปรารถนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง (regime change) ขึ้นในอิหร่าน เมื่อบวกกับเหตุการณ์ลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชาวอิหร่านผู้หนึ่ง ในวันพุธ(11)ที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนจะเป็นการทำลายโอกาสอันมีน้อยนิดอยู่แล้ว ในการหาทางออกด้วยการเจรจาให้แก่ความขัดแย้งเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ของกรุงเตหะราน ขณะเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ยังไปทำให้สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านบังเกิดความแน่ใจ ว่า สหรัฐฯและพันธมิตรมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะโค่นล้มรัฐบาลในกรุงเตหะราน จริงๆ

 

วอชิงตัน – คณะรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังก่อให้เกิดความประทับใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า สนับสนุนให้ดำเนินนโยบายที่มุ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองขึ้น ในอิหร่าน ถึงแม้นโยบายเช่นนี้อาจส่งผลด้านกลับ และทำให้อิหร่านยิ่งเกิดความแน่ใจว่าจะต้องเร่งสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา

 

ในระยะหลังๆ มานี้ มีเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯหลายต่อหลายคนทีเดียวที่ออกมาเสนอแนะว่า การที่สหรัฐฯเพิ่มมาตรการลงโทษคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจมากขึ้นทุกทีนั้น มีความหมายเท่ากับ การ “ขยับห่วงผูกคอ” ที่คล้องรัฐบาลอิหร่านอยู่ ให้รัดแน่นยิ่งขึ้น

 

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับวันอังคาร(10) ที่ผ่านมา ได้อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรองคนหนึ่งของสหรัฐฯที่มิได้มี การระบุนามซึ่งกล่าวว่า เป้าหมายของมาตรการลงโทษคว่ำบาตร ก็คือ การทำให้ระบอบการปกครองนี้ต้องพังครืนลงไป

 

ในเวลาต่อมา วอชิงตันโพสต์ได้แก้ไขรายงานข่าวชิ้นนี้ของตน โดยระบุว่ามีความผิดพลาดในการอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ทั้งนี้ที่ถูกต้องแล้ว เจ้าหน้าที่ดังกล่าวต้องการพูดว่า คณะรัฐบาลโอบามาคาดหวังว่ามาตรการลงโทษคว่ำบาตรจะเพิ่ม “ความไม่พอใจของประชาชน (ชาวอิหร่าน) ซึ่งจะช่วยบีบบังคับให้รัฐบาล (อิหร่าน) ต้องยอมละทิ้งโครงการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโครงการอาวุธนิวเคลียร์”

 

ในช่วงเวลาไล่เรี่ยกันนั้นเอง นั่นคือ เมื่อวันพุธ(11)ได้มีกลุ่มคนร้ายซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร ก่อเหตุลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชาวอิหร่านเป็นคนที่ 4 ในรอบระยะเวลา 2 ปี นักวิจัยปรมาณูผู้เสียชีวิตลงในคราวนี้ คือ มอสตาฟา อาห์มาดี รอสฮาน (Mostafa Ahmadi Roshan) รองผู้อำนวยการโรงงานเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมแห่งสำคัญที่สุดของอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองนาตานซ์ (Natanz)

 

รัฐบาลอิหร่านได้ประณามอิสราเอลและสหรัฐฯว่าเป็นผู้บงการให้กระทำการ สังหารโหดคราวนี้ โดยที่เหตุการณ์อยู่ในรูปแบบเดียวกันกับคดีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ กล่าวคือ มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ แอบนำเอาวัตถุระเบิดพลาสติกมาติดเข้ากับรถยนต์คันที่กำลังพารอสฮาน ฟันฝ่าการจราจรอันแออัดในกรุงเตหะราน

 

การใช้ถ้อยคำแรงๆ ระลอกใหม่ และการลอบสังหารคราวนี้ บังเกิดขึ้นในบริบทของวิกฤตที่กำลังไต่ระดับเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นทุกที โดยที่ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่ต่อโรงงานขีปนาวุธของ อิหร่านซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ขีปนาวุธระดับท็อปคนหนึ่งสิ้นชีวิตลง นอกจากนั้นสหรัฐฯก็ได้ประกาศใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรชุดใหม่ซึ่งพุ่งเป้า เล่นงานธนาคารกลางของอิหร่าน ตลอดจนการส่งออกน้ำมันของทางการกรุงเตหะราน

 

ทางด้านอิหร่านก็มีการตอบโต้ โดยออกมาข่มขู่ว่าจะปิดเส้นทางการขนส่งทางทะเลอันสำคัญยิ่งยวดในช่องแคบ ฮอร์มุซ รวมทั้งจะเข้าโจมตีเรือของสหรัฐฯในแถบอ่าวเปอร์เซีย ยิ่งกว่านั้นในสัปดาห์นี้เอง ศาลแห่งหนึ่งในกรุงเตหะรานได้พิพากษาตัดสินประหารชีวิตชาวอเมริกันเชื้อสาย อิหร่านผู้หนึ่งที่เคยเป็นทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ ด้วยข้อหาว่าเขาเป็นสายลับให้สำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันอิหร่านยังประกาศเริ่มกระบวนการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมในโรง งานใหม่แห่งหนึ่งซึ่งสร้างอยู่ในอุโมงค์ที่เจาะเข้าไปใต้ภูเขาใกล้ๆ เมืองกุม (Qom)

 

พวกผู้เชี่ยวชาญเรื่องอิหร่านกล่าวว่า การลอบสังหารคราวล่าสุดนี้น่าที่จะทำลายโอกาสซึ่งมีอยู่เพียงน้อยนิดอยู่ แล้วในการหาหนทางแก้ไขปัญหาด้วยวิธีเจรจากัน รวมทั้งยังทำให้สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้เกิดความแน่ใจว่า สหรัฐฯและพันธมิตรกำลังมุ่งมั่นตั้งใจที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิหร่าน

 

“ชาวอิหร่านต่างรู้สึกแน่ใจว่านั่นคือจุดหมายปลายทางของพวกเรา” พอล พิลลาร์ (Paul Pillar) ผู้มีประสบการณ์การทำงานให้กับซีไอเอ และเป็นอดีตประธานด้านตะวันออกกลางของสภาข่าวกรองแห่งชาติ (National Intelligence Council) ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับสำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส (Inter Press Service หรือ IPS)

 

พิลลาร์ยกตัวอย่างถ้อยคำโวหารอันดุเดือดเผ็ดร้อนของพวกผู้สมัครที่ กำลังชิงชัยกันเพื่อให้ได้เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันเข้าแข่งขันช่วงชิง ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯตอนต้นเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หนึ่งในผู้สมัครรีพับลิกันเหล่านี้ คือ นิวต์ กิงกริช (Newt Gingrich) อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งออกมาเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้หาทางเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของ อิหร่าน ขณะที่คนอื่นๆ ยกเว้น รอน พอล (Ron Paul) ส.ส.จากมลรัฐเทกซัส ต่างก็เรียกร้องให้เข้าโจมตีอิหร่านเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศนั้นได้ครอบ ครองอาวุธนิวเคลียร์

 

พิลลาร์ชี้ให้เห็นว่า ประเด็นการถกเถียงอภิปรายของรัฐบาลสหรัฐฯกำลังถูกครอบด้วยอิทธิพลจากการ เมืองภายในประเทศ และจากการที่คณะรัฐบาลโอบามาต้องการให้ถูกจับตามองว่า กำลัง “ใช้ไม้แข็งต่ออิหร่าน” ในช่วง 1 ปีซึ่งโอบามาก็กำลังรณรงค์หาเสียงเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง

 

โดยทางการแล้ว นโยบายของสหรัฐฯยังคงเน้นหนักกับเรื่องการหาหนทางการทูตมาแก้ไขคลี่คลายวิกฤตนี้

 

เมื่อวันอังคาร(10)ที่ผ่านมา ในการแสดงปฏิกิริยาต่อข่าวที่ว่าอิหร่านได้เริ่มต้นการเพิ่มความเข้มข้น ยูเรเนียมที่โรงงานใต้ดินแห่งใหม่ในฟอร์โดว์ (Fordow) ใกล้ๆ เมืองกุม รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ได้เรียกร้องอิหร่านให้ “หวนกลับคืนสู่การเจรจากับ P5+1” ทั้งนี้ P5+1 หรือบางทีก็เรียกขานกันว่า Iran Six หมายถึง 5 ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ได้แก่ สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน, รัสเซีย) บวกด้วยเยอรมนี

 

“เราขอย้ำยืนยันว่า จุดหมายปลายทางโดยองค์รวมของเรา ยังคงเป็นการหาหนทางอันละเอียดรอบด้านและผ่านการเจรจาทำความตกลงกัน ซึ่งจะสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นที่ว่าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านดำเนินไป เพื่อสันติภาพเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เคารพในสิทธิของอิหร่านที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ โดยสอดคล้องกับพันธกิจของตนภายใต้สนธิสัญญาห้ามแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-proliferation Treaty หรือ NPT)” คลินตันกล่าว

 

อย่างไรก็ดี คำพูดที่ใช้โดยพวกเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯคนอื่นๆ กลับทำให้นโยบายในเรื่องนี้ดูสับสนมัวมน

 

ในสัปดาห์ที่แล้วมีอย่างน้อยที่สุด 2 ครั้งทีเดียวซึ่งเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันบอกว่า เป้าหมายของสหรัฐฯและการลงโทษคว่ำบาตรอื่นๆ ก็คือ การ “ขยับห่วงผูกคอ” ที่คล้องรัฐบาลอิหร่านอยู่ ให้รัดแน่นยิ่งขึ้น (“tighten the noose” around the Iranian government)

 

วิกตอเรีย นูแลนด์ (Victoria Nuland) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯใช้วลีนี้ ในระหว่างการแถลงข่าววาระปกติเมื่อวันที่ 5 มกราคม ขณะที่ มาเรีย โอเทโร (Maria Otero) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายความมั่นคงของพลเรือน, ประชาธิปไตย, และสิทธิมนุษยชน (Under Secretary for Civilian Security, Democracy, and Human Rights) ก็ใช้ถ้อยคำสำนวนเช่นนี้ในการตอบคำถามเมื่อวันที่ 6 มกราคม ระหว่างการประชุมของ สภาเพื่อความสัมพันธ์ต่างประเทศ (Council on Foreign Relations) หน่วยงานศึกษาวิจัยด้านการต่างประเทศที่ทรงอิทธิพลมาก ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน

 

เกร็ก ธีลมานน์ (Greg Thielmann) ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ ของสมาคมการควบคุมกำลังรบ (Arms Control Association) และอดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรองของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้บอกกับสำนักข่าวไอพีเอสว่า วลีเช่นนี้ถือเป็น “ภาษาที่ผ่านการรับรองว่าให้ใช้ได้” ทว่าเป็นการรับรองที่มิได้มีการ “ขบคิดพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนระมัดระวัง”

 

“ผมยังไม่ถึงกับแน่อกแน่ใจหรอกว่า ท่าทีของสหรัฐฯได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทว่าเรื่องนี้ควรจะถือเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า เรานั้นเลินเล่อและไร้ความคิดกันขนาดไหน”

 

ทางด้าน จอห์น ลิมเบิร์ต (John Limbert) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รับผิดชอบดูแลเรื่องอิหร่าน ให้ความเห็นว่าถ้อยคำสำนวนเช่นนี้ บ่งบอกให้เห็นถึง “ความสับสนในเรื่องจุดมุ่งหมาย มันชัดแจ๋วเหลือเกินว่า โดยวิถีทางที่นำเอามาตรการลงโทษคว่ำบาตรเหล่านี้มาบังคับใช้นั้น จุดมุ่งหมายอยู่ที่การบ่อนทำลายระบอบการปกครอง (อิหร่าน ) เรากำลังจะตัดระบบการเงินของพวกเขาและเทคโนโลยีของพวกเขา แต่เราก็ยังคงต้องการที่จะเปิดการเจรจากับพวกเขา เมื่อเป็นอย่างนี้ มันจึงเลอะไปด้วยรอยด่างของความงมงาย”

 

ขณะที่การก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในอิหร่าน ยังอาจจะไม่ถึงกับเป็นจุดหมายปลายทางอันชัดเจนเปิดเผย แต่เป็นที่กระจ่างทีเดียวว่า ผู้คนจำนวนมากคิดว่ามาตการลงโทษคว่ำบาตรจะทำให้ได้เห็นรัฐบาลอิหร่านมีความ เต็มอกเต็มใจที่จะจำกัดตัดทอนโครงการนิวเคลียร์ของตนเอง, ที่จะปฏิบัติต่อประชาชนของตนเองให้ดีขึ้น, และที่จะยุติการให้ความสนับสนุนต่อกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ ในภูมิภาคแถบนั้น

 

“เราหวังว่าการลงโทษคว่ำบาตรจะทำให้ต้นทุนของอิหร่านเพิ่มขึ้น ทำให้ระบอบปกครองนี้มีความอ่อนแอยิ่งขึ้น และช่วยให้บางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่ามีเวลาที่จะปรากฏตัวขึ้นมา” อาลี เรซา เนดอร์ (Ali Reza Nader) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอิหร่านของบริษัทแรนด์ คอร์เปอเรชั่น (Rand Corporation) บริษัทที่มีความใกล้ชิดอย่างยิ่งกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บอกกับสำนักข่าวไอพีเอส “ในระยะยาวแล้ว มันมีศักยภาพที่จะทำให้บังเกิดผลดังกล่าวนี้ แต่ผมเองยังไม่แน่ใจว่าสหรัฐฯจะสามารถทำอะไรได้แค่ไหนเพื่อทำให้มันเกิดขึ้น มา เราสามารถที่จะทำให้ระบอบปกครองนี้อ่อนแอลง แต่เราไม่มีพลังอำนาจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองหรอกครับ”

 

แต่ในเวลาเดียวกัน การไต่ระดับความตึงเครียดในลักษณะเช่นนี้ ก็อาจกลายเป็นการทำให้อิหร่านรู้สึกแน่ใจว่า จำเป็นที่จะต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อช่วยให้ระบอบการปกครองของตนอยู่รอดต่อไปได้ พร้อมกันนั้นมันก็กำลังเพิ่มโอกาสที่จะเกิดการประจันหน้ากันทางการทหาร ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ตลอดจนเกิดการปฏิบัติการก่อการร้ายในลักษณะตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ขึ้นมา

 

พิลลาร์เตือนว่า อิหร่านจะต้องรู้สึกว่ากำลังถูกกดดันบีบยคั้นจนต้องหาทางตอบโต้กรณีการลอบสังหารล่าสุดที่เกิดขึ้น

 

“ผมจะประหลาดใจมากทีเดียว ถ้าหากไม่ได้เห็นปฏิบัติการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันขึ้นมาในอนาคตอันใกล้ นี้ บางทีอาจจะเป็นผู้เคราะห์ร้ายบางคนในลอส อลามอส (Los Alamos) กระมัง” พิลลาร์บอก โดยหมายถึงบรรดานักวิทยาศาสตร์ในสถานปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์ชื่อดังของ สหรัฐฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองลอส อลามอส มลรัฐนิวเม็กซิโก

 

ทางด้าน เจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก (Jeffrey Goldberg) นักวิเคราะห์เรื่องตะวันออกกลาง ก็ได้เขียนลงในเว็บไซต์ Atlantic.com เมื่อวันพุธ(11) ว่า ถ้าหากเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะรัฐบาลอิหร่านแล้ว “ผมย่อมต้องถือว่ารายการลอบสังหารนี้มีความหมายเท่ากับว่าฝ่ายตะวันตกไม่ได้ มีความสนอกสนใจในการเจรจาใดๆ โดยสิ้นเชิง (ถึงแม้ผมเองในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของระบอบปกครองอิหร่าน ก็อาจจะไม่เคยมีความสนอกสนใจอะไรนักหนาในเรื่องการสนทนากับฝ่ายตะวันตกก็ตาม ที) ดังนั้น ผมจึงควรที่จะต้องทุ่มเทลงทุนให้หนัก และข้ามธรณีประตูแห่งนิวเคลียร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่มนุษย์สามารถกระทำกัน ได้ ทันทีที่ผมทำเช่นนั้นได้สำเร็จ ผมก็กลายเป็นเกาหลีเหนือ หรือปากีสถาน นั่นคือ เป็นประเทศที่ใครๆ ก็ไม่กล้ามาแตะต้อง”

 

วิลเลียม ลูเออส์ (William Luers) อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน ซึ่งเคยเข้าร่วมการอภิปรายหารือกับฝ่ายอิหร่านมาแล้ว ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ตราบเท่าที่เตหะรานมีความแน่ใจว่า แกนกลางแห่งนโยบายของสหรัฐฯคือการมุ่งเปลี่ยนแปลงระบอบการปครองของอิหร่าน แล้ว เตหะรานย่อมจะไม่ยินดีพรักพร้อมทำความตกลงด้วย แต่กลับจะเป็นการผลักดันพวกเขาให้มุ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม” ไม่ว่าสหรัฐฯจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบสังหารและการระเบิดเหล่านี้หรือ ไม่ก็ตามที ตัวผู้นำสูงสุดของอิหร่าน (อยาโตลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี Ayatollah Ali Khamenei) มีความแน่ใจเสียแล้วว่าตัวการคือสหรัฐฯ

 

“คุณไม่สามารถที่จะเข่นฆ่าพร้อมๆ กับที่ทำการเจรจาไปด้วยได้หรอก” ลูเออส์บอก

 

สำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.youtube.com/watch?v=BXHYDQ9cmSg&feature=player_embedded#!

 

ขอบคุณคุณหมอเล็กด้วยครับ

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

S&P หั่นเครดิตยูโรโซนรวดเดียว 9 ประเทศ รวมฝรั่งเศส blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มกราคม 2555 17:38 น.

 

 

Share9

blank.gif blank.gif 555000000623801.JPEG สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือเอสแอนด์พี สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก blank.gif

เอเอฟพี - สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือเอสแอนด์พี สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ประกาศลดเครดิตเรตติ้งของประเทศฝรั่งเศสลง 1 ขั้น จาก AAA ซึ่งเป็นอันดับสูงสุด พร้อมกับประเทศอื่นๆ ในยูโรโซนอีก 8 ประเทศ

 

เอสแอนด์พีลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสเหลือ AA+ และยังหั่นเรตติ้งระยะยาวของไซปรัส อิตาลี โปรตุเกส และสเปนลง 2 ขั้น โดยทั้งหมดมีแนวโน้ม (outlook) ในเชิงลบ เป็นส่วนหนึ่งของการจัดเรตติ้งครั้งใหญ่ของชาติสมาชิกยูโรโซน 16 ประเทศ ยกเว้นกรีซ

 

สถาบันเครดิตเรตติ้งแนวหน้า 1 ใน 3 ของโลกแห่งนี้ ยังลดอันดับความน่าเชื่อถือของออสเตรีย มอลตา สโลวะเกีย และสโลวีเนียลง 1 ขั้น ขณะที่ เบลเยียม เอสโตเนีย ฟินแลนด์ เยอรมนี ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และเนเธอร์แลนด์ได้รับการรับรองว่าไม่เปลี่ยนแปลง

 

เอสแอนด์พีระบุว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้สะท้อนถึงมุมมองที่ว่า แผนริเริ่มด้านนโยบายของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายยุโรปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ ผ่านมา อาจจะไม่เพียงพอที่จะจัดการกับความตึงเครียดทางระบบอย่างต่อเนื่องในยูโรโซน ได้อย่างเต็มที่

 

เอสแอนด์พียังชี้ว่า การลดเครดิตฝรั่งเศสนั้นสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของปัญหาทางการเมือง การเงิน และการคลังภายในยูโรโซน โดยมีโอกาสอย่างน้อยที่สุด 1 ใน 3 ที่เมืองน้ำหอมจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลงอีกในปี 2012 หรือ 2013

 

การที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของงบการเงิน หรือการเติบโตทางเศรษฐกิจ 1% ในปีนี้ และ 2% ในปี 2013 อาจกระตุ้นให้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือได้อีก

 

ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เอสแอนด์พีเตือนว่าจะทบทวนเครดิตเรตติ้งของประเทศในกลุ่มยูโรโซน เนื่องจากวิกฤตหนี้สินในภูมิภาคเลวร้ายลง และผู้นำอียูก็ไม่สามารถหยุดยั้งปัญหาดังกล่าวได้

 

ขณะที่กรีซ ซึ่งถูกสถาบันเครดิตเรตติ้งแห่งนี้ปรับลดความน่าเชื่อถือมาแล้วหลายครั้งนับ ตั้งแต่เผชิญวิกฤตหนี้สินในปีที่แล้ว มีเรตติ้งอยู่ที่ CC พร้อมกับแนวโน้มทางลบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.youtube.com/watch?v=BXHYDQ9cmSg&feature=player_embedded#!

 

ขอบคุณคุณหมอเล็กด้วยครับ

ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

โชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทยที่มีในหลวง

รักในหลวงค่ะ

 

ขอบคุณคุณหมอเล็กด้วยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ทราบว่าทุกท่าน ใช้ indicator หรือระบบแบบไหนอยู่ครับ ขอบ้างได้ไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

 

 

สำหรับผมใช้ 2 ตัวนะ

Indicator หลักๆใช้ RSI , MACD

ส่วนใหญ่จะใช้ Fibonacci number เเละ pattern ของกราฟต่างๆมากกว่าครับ

ถูกแก้ไข โดย กระบี่ไร้ใจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหมือน'โอบามา'ต้องการทำให้'อิหร่าน'เปลี่ยนระบอบปกครอง blank.gif โดย บาร์บารา สลาวิน 14

 

อีตานี่ ยุ่งกะเค้าไปซะทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องในประเทศตัวเอง ยำซะเละ แก้ปัญหาอะไรก็ไม่ได้ ชอบยุให้เกิดสงครามจริงๆ เริ่มคืบคลานมาฝั่งเอเชียรวมถึงประเทศไทยด้วยอีกต่างหาก เดิมว่าพม่าอย่างนู้นอย่างนี้ ทีตอนนี้มาจับมือกัน show power ให้จีนดู เฮ้อ...... :_10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

snapback.pngDarksugar, เมื่อ 14 มกราคม 2012 - 18:39, พูดว่า:

 

ไม่ทราบว่าทุกท่าน ใช้ indicator หรือระบบแบบไหนอยู่ครับ ขอบ้างได้ไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

 

 

สำหรับผมใช้ 2 ตัวนะ

Indicator หลักๆใช้ RSI , MACD

ส่วนใหญ่จะใช้ Fibonacci number เเละ pattern ของกราฟต่างๆมากกว่าครับ

 

 

 

ขอบคุณมากครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สูตรเด็ด ยาแก้อาการอกหักแบบได้ผล.....

 

สูตรส่วนผสมตัวยา.....

 

น้ำใจเพื่อนที่ปรารถนาดี 5 กรัม, น้ำตาพ่อแม่ที่รักเรา 10 หยดหรือมากกว่านั้น, ความเข้มแข็ง 10 ช้อนชา, รากแห่งศักดิ์ศรี 10 กรัม, ใบเจ็บแล้วจำ 5 ใบ,ความใฝ่ดี 5 ช้อนชา, ความเข้าใจ(ในรัก) 5 ช้อนชา, สติ 20 กรัม, สมาธิ 5 กรัม, ปัญญา 20 กรัม, น้ำล้างตา(ให้สว่าง) 2 ฝา, ความรักตัวเอง เท่ากับกำปั้นของผู้ใช้ยา

 

วิธีปรุงยา.......

 

ทันที ที่อกหัก ให้รีบนำส่วนผสมทั้งหมดมาบดให้ละเอียด แล้วผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ปั้นเป็นรูปหัวใจเล็กๆ.. (เพื่อความน่ารัก).. ใส่ขวด..อย่าลืมติดฉลากยาแก้อกหัก

 

วิธีใช้.....

 

ให้กินวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร จนกว่าจะหายจากอาการเจ็บอก ยานี้ไม่มีวันหมดอายุ สามารถเก็บไว้รักษาโรคอกหักได้ตลอดไป......

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขึ้นราคาน้ำมันตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวานนี้(16 ม.ค.) เอาแค่ประเภทที่จำง่ายและใช้กันเยอะ เช่น ราคาน้ำมันเบนซิน 91 จะขึ้นอีกลิตรละ 1.07 บาทเป็นลิตรละ38.54 ดีเซล ขึ้นอีกลิตรละ 64 ส.ต. ไปอยู่ที่ลิตรละ 31.13 บาท และที่ไม่ลืมก็คือราคาก๊าซเอ็นจีวี จะปรับขึ้นอีกลิตรละ 50 ส.ต.ส่วนแอลพีจีจะปรับราคาขึ้นไปอีกลิตรละ 41 ส.ต.

 

00 แต่ข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือในเดือน ก.พ.หากไม่ต่ออายุการยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันก็จะทำให้ราคาน้ำมัน ต้องปรับขึ้นบวกไปอีกลิตรละไม่ต่ำว่า 6-7 บาท ลองคิดดูว่าหนักมากมั้ย ดังนั้นราคาดีเซลแค่ลิตรละ 31 บาทกว่าๆถือว่ากระจอก ให้อดใจรออีกหน่อยก็แล้วกันว่าที่บอกว่านรกนั้นมีจริงอย่าไปเถียงเป็นอันขาด

 

00 แต่ที่เป็นของจริงและต้องเดินหน้าต่อแบบไม่ยอมถอยก็คือตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.เป็นต้นไปจะขึ้นราคาก๊าซต่อไปตามกำหนดเดือนละ 50 ส.ค.จนครบสเต็ปแรกไปอีกลิตรละ 2 บาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สูตรเด็ด ยาแก้อาการอกหักแบบได้ผล.....

 

สูตรส่วนผสมตัวยา.....

 

น้ำใจเพื่อนที่ปรารถนาดี 5 กรัม, น้ำตาพ่อแม่ที่รักเรา 10 หยดหรือมากกว่านั้น, ความเข้มแข็ง 10 ช้อนชา, รากแห่งศักดิ์ศรี 10 กรัม, ใบเจ็บแล้วจำ 5 ใบ,ความใฝ่ดี 5 ช้อนชา, ความเข้าใจ(ในรัก) 5 ช้อนชา, สติ 20 กรัม, สมาธิ 5 กรัม, ปัญญา 20 กรัม, น้ำล้างตา(ให้สว่าง) 2 ฝา, ความรักตัวเอง เท่ากับกำปั้นของผู้ใช้ยา

 

วิธีปรุงยา.......

 

ทันที ที่อกหัก ให้รีบนำส่วนผสมทั้งหมดมาบดให้ละเอียด แล้วผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ปั้นเป็นรูปหัวใจเล็กๆ.. (เพื่อความน่ารัก).. ใส่ขวด..อย่าลืมติดฉลากยาแก้อกหัก

 

วิธีใช้.....

 

ให้กินวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร จนกว่าจะหายจากอาการเจ็บอก ยานี้ไม่มีวันหมดอายุ สามารถเก็บไว้รักษาโรคอกหักได้ตลอดไป......

 

 

:wub: :wub: :wub: :wub: :wub: :wub: :wub:

 

เภสัชกรปรุงเองเลยนะเนี่ย --- ทดลองแล้วได้ผลจริง :32

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...