ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ดอลล่าเป้าหมายยาวๆนี้ ผมมองไปที่ 65 จุดครับ ลองคิดดูเเลว้ทองจะไปเท่าไรกัน

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่เตือนย้ำ เตือนย้ำ ๆๆๆ เพื่อให้สมาชิกมีความมั่นคงมากขึ้น ๆๆๆ

ถูกแก้ไข โดย skpk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1 ให้คุณส้มโอมือ ที่เสริฟข่าววันหยุดคะ B) B)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

e90bc4075379a7ff3c98b5af26036493.jpgผมเล่นตามระบบอาจารย์เสมครับ ระบบอื่นผมไม่เคยติดตามครับ

 

อาจารย์เสมให้ซื้อผมซื้อ ให้ออกผมออก ช่วงนี้นั่งนิ่งๆไม่สับสนไม่ฟุ้งซ่านไม่กลัว

ย่อเป็นเก็บ เก็บแล้วรอเวลานั้นมาถึง ก็รวยเละเทะแล้ว สำหรับผมแค่1600ก็พอใจแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอ๊ย ต้องรอนานเลยรึ?? แล้วปลายปีนี้ ละครับ ประมาณราคาเท่าไรเอ่ย - spot น่ะ

แล้ว ค่าเงินบาทจะเหลือ 27-28 มั๊ง ที่ spot 1600 , ขอบคุณครับ

แสดงว่าคุณไม่ใช่นักลงทุนระยะยาว ต้องลงทุนในแบบฉบับที่ตัวเองถนัดค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอ๊ย ต้องรอนานเลยรึ?? แล้วปลายปีนี้ ละครับ ประมาณราคาเท่าไรเอ่ย - spot น่ะ

แล้ว ค่าเงินบาทจะเหลือ 27-28 มั๊ง ที่ spot 1600 , ขอบคุณครับ

 

วัยรุ่นใจร้อนจริงๆเลยนะครับ วัยรุ่นตอนต้นหรือตอนปลายอะครับ 555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอามาให้ดูเล่นๆกัน หรือดูจริงๆก็ได้นะ ทองคำราย M grand supercycle อยู่ wave 3 หนทางอีกยาวไกล ใครไม่มีของก็น่าเสียดายจริงๆ

post-31-093361800 1290317844.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอามาให้ดูเล่นๆกัน หรือดูจริงๆก็ได้นะ ทองคำราย M grand supercycle อยู่ wave 3 หนทางอีกยาวไกล ใครไม่มีของก็น่าเสียดายจริงๆ

 

 

เเล้วกว่าจะถึงเวป 5 หล่ะ จะกำไรเท่าไหร่กัน ไม่อยากจะคิด !047

 

ทองเเท่งถือ2-5ปี ทยอยเก็บ กำไรเกินเท่าตัวผมว่ามี ผมเก็บทองตั้งเต่บาทละ7000 เเต่ตอนนั้นซื้อทีละบาทสองบาท ตอนนั้นยังเด็กอยู่ครับ !37

 

เล่นสั้นเเนะนำเล่นGF ตามระบบดีกว่า คล่องกว่าเยอะ พูดเหมือนเล่นเป็นเลย !hh

ถูกแก้ไข โดย Jocho

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมขอฟันธงเหมือนอาจาย์บ้างว่า พวกกองทุนใหย๋มันได้กำไรจากการตื่นตระหนกขายหมูของรายย่อยเเหละครับ

 

ทองคำเเท่งมีราคาย่อบ้าง กลัวว่าจะขาดทุน มีกำไรปลายเล็บ

 

ก็เอาไปขาย พอกลับมาซื้อใหม่ต้นทุนสูงกว่าเดิมก็บ่น ว่าทองเเพง ซื้อไม่ได้เท่าเดิม

 

6 เดือนก่อนบอกทองเเพงตูไม่ซื้อหรอก ให้พวกตื่นทองมันซื้อกัน วันนี้มาถามว่าซื้อได้ยัง บ่นเสียดายว่าตอนนั้นไม่ซื้อ

 

เห็นบ่นกัน ตลอดโดยเฉพาะพวกชอบกำไรฉาบฉวยเนี่ย

 

ผมเองเก็บทองตั้งเเต่เงินเดือน 10000บาทเองจริงๆ อาศัย ว่าเห็นเเม่บอกว่าทองตอนสมัยเเม่400บาท ผมก็ยังเด็กนะ เเต่ก็พอคิดได้กับไอ้ของง่ายๆเเบบนี้ คิดไม่ออกเนี่ยเเล้วมาตลาดทุนเนี่ย มันน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ ของยืมคำพูดอาจารย์มาหน่อยนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ seekingalpha.com ระบุว่า วันที่ 22 พฤศจิกายนปีนี้จะเป็นวันแรกของประวัติศาสตร์การเงินยุคใหม่ที่ "ทองคำ" จะถูกใช้ค้ำประกันในการซื้อขายธุรกรรมสัญญาสวอปความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (credit default swaps : CDSs) และการซื้อขายสัญญาพลังงานล่วงหน้า (energy futures) โดยตลาดล่วงหน้า ICE Europe ประกาศว่า จะเริ่มรับทองคำแท่งเป็นเงินประกันขั้นต้น (initial margin) สำหรับการซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

 

ทั้งนี้ก่อนหน้าคำประกาศดังกล่าว การค้ำประกันในตลาด ICE จะใช้เพียงเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลเท่านั้น ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงทำให้ทองคำมีคุณสมบัติทัดเทียมกับเงินสดและพันธบัตรรัฐบาล นอกจากนี้ แอลซีเอช เคลียร์เน็ต ได้พิจารณาที่จะใช้ทองคำเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเช่นกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเริ่มต้นเมื่อใด ---------------------------------------------------------------------------------------

ข่าวดีขนาดนี้ สำหรับผมทอง1600เป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น หนทางข้างหน้าอีกยาวไกลครับ[/color]

หลายวันนี้ไม่ค่อยว่างเลยครับ บ่ายนี้เริ่มว่างเลยมาขยายความเห็นผมที่บอกว่าข่าวดีขนาดนี้ สำหรับผมทอง1600เป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น หนทางข้างหน้าอีกยาวไกลครับ

 

 

เริ่มรับทองคำแท่งเป็นเงินประกันขั้นต้น ในการซื้อขายธุรกรรมสัญญาสวอปความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (credit default swaps : CDSs) และการซื้อขายสัญญาพลังงานล่วงหน้า (energy futures)

ผมว่าเป็นข่าวดีค่อนข้างมากเพราะ

อดีตกองทุนAมีเงิน1ก้อนถ้าเขามองว่าณช่วงเวลานั้นน้ำมันน่าจะดีสุด เขาก็ต้องซื้อน้ำมันมากสุด ถ้าตอนนั้นเขาถือทองก็ต้องขายทองออกไปก่อน เพื่อเอาเงินมาซื้อน้ำมัน

ปัจจุบันถ้ามองว่าทองยังดีอยู่ ก็ไม่ต้องขายทองออกไปเลย มองว่าน้ำมันกำลังน่าซื้อก็ใช้ทองค้ำประกันแทนเงินสด

สรุปก็คือเงินสดในปริมาณเท่าเดิม สามารถเก็งกำไรได้ในปริมาณมากกว่าเดิม เก็งกำไรทองแล้วเอาทองมาค้ำประกันในการเก็งกำไรน้ำมัน

ถ้าทั้งทองและน้ำมันขึ้นก็กำไรมากขึ้นกว่าเดิม ทองคำในโลกมีปริมาณเท่าเดิมแต่เหตุการณ์นี้ทำให้ความต้องการทองคำน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แอบเห็น อ.เสม ออนไลน์ อย่าลืมที่เราคุยกันไว้ใน cbox นะคะ คริ คริ (มีทวง ๆ )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

e90bc4075379a7ff3c98b5af26036493.jpgอัดเต็มๆเลยครับ ใครไม่มีของน่าเสียดายจริงๆ อาจารย์เสมเตือนท่านแล้ว

ย่ออีกผมขออัดอีก ไม่กลัวอยู่แล้ว สบายๆผมขอตามอาจารย์เสมครับ1600-2300

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ระบบคุณเสม ใช้ระบบอะไรในการลงทุนครับ จะเข้าซื้อหรือขาย ทองแท่งGF ดูตามระบบหรือป่าวครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดส่งออก + ดอลลาร์ในทุนสำรอง = ตัวประกันสงครามอเมริกาปล้นโลก !?

 

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 19 พฤศจิกายน 2553 19:35 น.

 

 

 

 

 

 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

ณ บ้านพระอาทิตย์

โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

 

มาตรการ Quantitative Easing ชุดที่ 2 หรือ QE 2 ที่ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะทยอยพิมพ์เงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกจำนวน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้าระดมซื้อพันธบัตรในตลาดของสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ตลาดพันธบัตรในสหรัฐอเมริกาทะยานสูงขึ้น และเป็นผลทำให้อัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรลดลง เพื่อหวังว่าจะให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกาหันกลับมาปล่อยสินเชื่อในภาคการผลิตในสหรัฐฯ เพื่อลดปัญหาการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงถึง 10%

 

แต่คาดการณ์ว่าเงินที่ธนาคารพาณิชย์ได้จากการขายพันธบัตรให้กับ QE 2 นั้น ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินจะยังคงไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจ แต่กลับเงินไปลงทุนในตลาดพันธบัตร หุ้น ในต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อเก็งกำไรในผลตอบแทนที่ดีกว่าจากการลงทุน และผลตอบแทนจากการเก็งกำไรค่าเงินสกุลท้องถิ่นในต่างประเทศต่างๆ

 

การที่สหรัฐอเมริกามีคนว่างานในอัตราที่สูงถึง 10% ก็แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อในสหรัฐอเมริกาต้องลดลงอย่างแน่นอน และเนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาเน้นการบริโภคจากการผลิตนอกประเทศ เมื่อกำลังซื้อลดลงย่อมหมายถึงว่าสินค้าการส่งออกจากประเทศต่างๆรวมถึง จีนและประเทศไทยก็จะต้องได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ทุกวันนี้สหรัฐอเมริกาพยายามหาแนวทางพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังทำให้คนมีงานทำมากขึ้นและมีเป้าหมายที่จะพยายามทำให้เกิดอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่จีนอยู่ในสถานะตรงกันข้ามพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อเพื่อประคองเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างร้อนแรง

 

จีนกับสหรัฐอเมริกา จึงถือเป็นการต่อสู้สงครามทางการเงินที่อยู่ตรงกันข้ามกันคนละขั้ว สหรัฐอเมริกาติดหนี้สินสูงที่สุดในโลก แต่จีนเป็นเจ้าหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จีนเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดในโลก ในขณะที่สหรัฐอเมริกาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากที่สุดในโลก สหรัฐอเมริกาใช้นโยบายธนาคารกลางพิมพ์แบงก์ดอลลาร์มาใช้อย่างไร้ขีดจำกัดใช้กระจายไปทั่วโลก ส่วนจีนก็ใช้ระบบปิดทำให้ค่าเงินของตัวเองอ่อนเกินจริงสวนทางกับเศรษฐกิจของจีนอย่างสิ้นเชิง ทุกประเทศอยากเทขายดอลลาร์ที่ทยอยด้อยค่าลงและอยู่ทั่วโลกแต่ไม่มีใครอยากรับซื้อ ในขณะที่คนอยากซื้อเก็งกำไรเงินหยวนซึ่งอ่อนค่าเกินความเป็นจริงแต่รัฐบาลจีนก็ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินตราต่างประเทศอย่างเข้มงวด

 

ปีที่แล้ว 2552 จีนส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 โดยส่งออกสูงถึง 296,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 24.66 ของการส่งออกทั้งหมดของจีนซึ่งสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาจึงถือเป็นตัวประกันอย่างหนึ่งที่สหรัฐอเมริกาใช้บีบให้จีนต้องปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อจีนยืนหยัดที่จะใช้กำหนดให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเกินจริง สหรัฐอเมริกาจึงตอบโต้ด้วยมาตรการขึ้นภาษีกีดกันการค้ากับสินค้าประเทศจีนเช่นกัน

 

จีนซึ่งมีทุนสำรองระหว่างประเทศประมาณ 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแม้ว่าส่วนใหญ่จีนจะพยายามเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศไปถือทรัพย์สินประเภทอื่น แต่เงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังเป็นสัดส่วนใหญ่ของทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนอยู่ดี โดยปัจจุบันจีนเป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาและถือทรัพย์สินในรูปพันธบัตรสหรัฐอเมริกาสูงถึง 846,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกประมาณ 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ จึงเป็นตัวประกันอีกประเภทหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

 

การที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาพิมพ์เงินออกมาใช้ไม่หยุด ได้ทำให้เงินดอลลาร์ท่วมโลก และทำให้เงินดอลลาร์อ่อนลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการที่เงินดอลลาร์ด้อยค่าลงทุกวัน ก็ทำให้หนี้ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในรูปของทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศต่างๆลดลงไปโดยปริยาย

 

ในขณะที่สหรัฐอเมริกาพิมพ์เงินดอลลาร์ (ซึ่งด้อยค่าลงทุกวัน) แล้วอัดเข้าไปในทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกเพื่อแลกได้มากับทรัพย์สินและทรัพยากรในประเทศต่างๆ แต่อีกด้านหนึ่งจากรายงานตัวเลขทางการของสภาทองคำโลกรายงานว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ถือครองทองคำสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกถึงประมาณกว่า 8 พันตัน โดยจีนได้เร่งสะสมทองคำตามมาเป็นอันดับที่ 2 อย่างรวดเร็ว ถึง 4 พันตัน

 

ด้วยสภาพเช่นนี้แค่ลองจินตนาการตั้งคำถามกันแบบสุดโต่งว่า...ถ้าวันหนึ่งเงินดอลลาร์ล่มสลายและมีค่าเข้าใกล้เศษกระดาษเป็นแบงก์กงเต็กแล้ว ทุกประเทศคงต้องหาเงินสกุลโลกใหม่เป็นตัวกลางในการซื้อขาย และคงหนีไม่พ้นที่จะหันกลับไปยึดทองคำเป็นหลักแทน ถึงเวลานั้น ใครจะกลายเป็นผู้เสียหายและยากจนลง และใครจะกลายมาเป็นผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก?

 

แม้ว่าทุกประเทศทั่วโลกจะตระหนักดีว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีแต่วันด้อยค่าลงเรื่อยๆ แต่ก็อาจจะต้องการเวลาในการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งโลกซึ่งมีอยู่ประมาณ 6.2 ล้านล้านสหรัฐฯและทยอยเพิ่มมากขึ้นจากมาตรการ QE จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแปลงไปเป็นทรัพย์สินอื่นได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่คนทั้งโลกกำลังหวาดวิตกกับการด้อยค่าของเงินสกุลดอลลาร์มากขึ้นทุกวัน และวันนี้คงไม่มีใครตกเป็นเหยื่อถือเงินดอลลาร์เหมือนในอดีต

 

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่หลายประเทศเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ที่จะต้องแสวงหาการค้าขายรูปแบบอื่นที่ไม่ใช้เงินดอลลาร์เป็นตัวกลาง และอาจกำลังแสวงหาเงินสกุลอย่างอื่นขึ้นมาเป็นตัวกลางการค้าขายระหว่างประเทศ แทนเงินดอลลาร์สหรัฐ และยูโร ที่นับวันมีแต่ด้อยค่าทุกวัน

อันที่จริงถ้าประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจระดับโลก รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชีย หันมาพร้อมใจจับมือกันควบคุมเงินดอลลาร์เก็งกำไรระยะสั้นที่ไหลเข้าจากมาตรการ QE 1 และ QE 2 ของสหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นการป้องกันไม่ให้หุ้นและค่าเงินของประเทศตัวเองถูกปั่นและทุบเก็งกำไรจากกองทุน เฮดจ์ ฟันด์ แล้ว ก็อาจจะช่วยบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาด้วย เพราะเงินดอลลาร์ที่ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาพิมพ์ขึ้นมานั้นจะได้ไหลกลับไปสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อไปกระตุ้นเศรษฐกิจภายในของประเทศตัวเองตามวัตถุประสงค์ของ QE ที่ต้องการลดอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาเอง

 

ถ้าคิดตามไปให้ลึกกว่านั้นก็ต้องตั้งคำถามว่า ถ้าคิดจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาจริงๆ เหตุใดรัฐบาลไม่ใช้วิธีการขาดดุลงบประมาณและกู้เงินจากธนาคารกลางซึ่งพิมพ์มาเท่าใดก็ได้มาอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบของสหรัฐอเมริกาแทนมาตรการ QE ?

 

คำตอบก็น่าจะอยู่ที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องการความเร็วในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านธนาคารพาณิชย์โดยไม่ต้องคิดโครงการเพื่อทำงบประมาณใหม่ให้ล่าช้า คำถามต่อมามีอยู่ว่าสหรัฐอเมริกาคาดไม่ถึงจริงๆว่ามาตรการ QE จะทำให้เงินไหลออกนอกประเทศ หรือว่าแท้ที่จริงแล้วมีเจตนาต้องการให้เงินที่พิมพ์ออกมาผ่าน QE เพื่อไปใส่เงินให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกานั้นไปลงทุนหรือปล่อยกู้ให้กับ กองทุน เฮดจ์ ฟันด์ เพื่อไปช้อนซื้อปั่นหุ้นและค่าเงินในต่างประเทศ และเทขายทุบหุ้นและค่าเงินเพื่อทำกำไรหลายระลอกอย่างที่เป็นอยู่เพื่อปล้นความมั่งคั่งและทรัพยากรในประเทศต่างๆกลับคืนสู่สหรัฐอเมริกา ?

เรียกว่าเป็นการปล้นทรัพยากรแร่ธาตุ ความมั่งคั่ง ธุรกิจ และหุ้นในกิจการจากประเทศต่างๆ ด้วยกระดาษที่มีชื่อว่า “ดอลลาร์” ซึ่งพิมพ์ออกมาได้ไม่จำกัดจำนวน !?

 

ประเทศไทยจึงไม่ควรปล่อยให้มีการเก็งกำไรในตลาดหุ้น หรือค่าเงินบาทอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และต้องเอาใจใส่ดูแลรักษาทรัพยากรแร่ธาตุในประเทศอย่างละเอียดถี่ถ้วน ประเทศไทยควรจะตระหนักและตื่นได้แล้วว่า “ค่าเงิน” ในทุกวันนี้ไม่มีคำว่ากลไกตลาดอีกต่อไป เพราะการที่พูดว่าเงินบาทต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างไร้ทิศทางแล้ว ก็คือปล่อยให้ค่าเงินของประเทศตัวเองตกเป็นเหยื่อการเก็งกำไรเพื่อดูดความมั่งคั่งในสงครามการเงินของโลกนั่นเอง

 

การไหลทะลักเพื่อการเก็งกำไรค่าเงินบาทและตลาดหุ้นนั้น เป็นผลทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเกินประเทศเพื่อนบ้าน บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของตัวเอง และผู้ประกอบการไม่มีทางที่จะปรับตัวได้ เพราะค่าเงินในสภาพการถูกเก็งกำไรจะไม่มีทางมีเสถียรภาพได้เลย เงินทุนไหลเข้ามาปั่นหุ้นขึ้นทำให้ค่าเงินบาทแข็งแมงเม่าไทยไล่ซื้อตามหลัง เงินทุนเทขายหุ้นไหลออกหุ้นตกทำให้ค่าเงินบาทอ่อนแมงเม่าไทยขาดทุนย่อยยับ และสภาพนี้จะวนเวียนอยู่ต่อไปอีกหลายระลอก และคนที่เสียหายสุดท้ายนอกจากจะเป็นเหล่าแมงเม่าไทยในตลาดหุ้นแล้ว ก็คงจะเป็นผู้ผลิตในประเทศที่ไม่ได้เข้าไปพนันอะไรในตลาดหุ้นก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงไปด้วย

 

แต่ที่รัฐบาลไทยยังคงปล่อยให้มีการเก็งกำไรค่าเงินบาทผ่านตลาดหุ้น โดยที่ไม่มีมาตรการอะไรออกมามากไปกว่านี้ ย่อมถูกตั้งข้อสงสัยจากประชาชนได้ว่า นอกจากเหล่าบริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้น นักเล่นหุ้นและนักการเมืองที่ให้หุ่นเชิดเก็บช้อนหุ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ใครกันที่ได้ประโยชน์ในสภาพแบบนี้กันแน่ !?

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนประกาศควบคุมราคาอาหาร ต้านเงินเฟ้อ

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2553 15:50 น.

 

 

 

 

 

 

ทางการจีนประกาศว่า มาตรการควบคุมราคาครั้งล่าสุดนี้ ครอบคลุมถึงการสร้างเสถียรภาพอุปทาน ตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ด้วยการเพิ่มปริมาณการผลิตสินค้า การลดต้นทุนผลิตภัณฑ์ และให้การอุดหนุนราคาสินค้าทางการเกษตรเป็นการชั่วคราว (ภาพเอเยนซี)

 

 

เอเยนซี - จีนประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการพุ่งขึ้นของราคาอาหารในวันที่ 20 พ.ย. โดยสั่งการให้หน่วยงานระดับท้องถิ่นเพิ่มปริมาณการผลิต และสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีอาหารในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมทั้งตรวจสอบและลงโทษผู้ที่กักตุนเพื่อเก็งกำไร และปั่นราคาอาหารให้สูงขึ้นอย่างผิดกฎหมาย

 

สื่อจีนรายงานว่า มาตรการครั้งล่าสุดนี้ครอบคลุมถึงการสร้างเสถียรภาพอุปสงค์อุปทาน ตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ด้วยการเพิ่มปริมาณการผลิตสินค้า การลดต้นทุนผลิตภัณฑ์และให้การอุดหนุนราคาสินค้าทางการเกษตรเป็นการชั่วคราว

 

นอกจากนี้ ทางการจีน ยังกำหนดว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป จะยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ แก่รถขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร รวมไปถึงผัก ผลไม้ ข้าวโพดสด ถั่ว มันฝรั่ง เนื้อ นม ไข่ และผลิตภัณฑ์อาหารทะเล

 

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อของจีนพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ของจีนพุ่งขึ้นไปถึง 4.4% สูงสุดในรอบปีนี้ และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นไปอีก หากไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาเพื่อยับยั้งฯ

 

สำนักข่าวซินหวารายงานว่า การประกาศมาตรการควบคุมราคาอาหารนี้ มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มเพดานทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์อีก 0.50% (19 พ.ย.) เพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์เงินเฟ้อ กับภาวะทุนนอกที่หลั่งไหลเข้ามา

 

ด้านบริษัท ซิโนเปค (ไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคัล คอร์ปอเรชัน) บริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่สุดของจีน เปิดเผยวันเดียวกัน (20 พ.ย.) ว่า เพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนพลังงานของตลาดภายในประเทศ และรักษาอุปทานของพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนของการผลิตและขนส่งเกือบทั้งหมดให้เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ บริษัทได้ระงับการส่งออกน้ำมันเป็นการชั่วคราว และอาจจะมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นในปริมาณ 200,000 ตัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...