ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

60 ความเชื่อของคนโบราณ

 

1.) ห้ามใส่ชุดสีดำเยี่ยมคนป่วย เพราะสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์โศก การใส่ชุดดำไปเยี่ยมผู้ป่วยนั้นเป็นการแช่งให้ผู้ป่วยตายเร็วขึ้น (อ๊ายย๋ะ!!!)

 

2.) จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด โดยถ้าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะให้เลื่อนการเดินทางแต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้าหรือซ้าย ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นสะดวกสบาย

 

3.) ตุ๊กแกร้องตอนกลางวัน เชื่อว่าจะมีเหตุร้ายเพราะตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยในบ้านมักจะร้องตอนกลางคืน ถ้าร้องตอนกลางวันถือเป็นลางบอกเหตุร้าย เนื่องจากคนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้วมาอาศัยอยู่ คอยคุ้มครองลูกหลานจากภัยอันตราย

 

4.) นกแสกเกาะหลังคาบ้าน จะเกิดลางร้าย เพราะนกแสกเป็นนกที่ถือว่าให้ความอัปมงคล เนื่องจากโดยธรรมชาตินกแสกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคน

 

5.) ถ้านกถ่ายรดบนศรีษะ เชื่อว่าจะโชคร้าย หากกำลังจะออกเดินทางแล้วถูกนกถ่ายรดที่ศรีษะซะก่อน ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนดออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น

 

6.) เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่

 

7.) กลางคืนถ้าได้ยินเสียงร้องทักห้ามขานรับ เพราะเชื่อว่าเป็นเสียงของดวงวิญญาณอาจจะมาหลอนมาหลอกหรือเป็นการเชิญวิญญาณเข้าบ้าน

 

8.) คนที่มีไฝที่ริมฝีปากล่าง ให้ระวังปากนำเคราะห์ เพราะพูดไม่คิด และมักเป็นคนใจร้อน อารมณ์รุนแรงขาดเหตุผลในการยับยั้งชั่งใจ

 

9.) คนใดที่มีลักษณะผมหยิกๆ หน้าสั้นคอสั้น มักจะเจ้าชู้ (แต่เป็นความเชื่อขำๆนะ อันนี้ต้องคิดว่าต้องดูต่อจากภายในหัวใจ)

 

10.) คนใบหูใหญ่มักร่ำรวยและมีบุญวาสนา คนใบหูหนาเป็นคนมีศีลธรรมคนใบหูบางเป็นคนโดดเดี่ยว ไร้บุญวาสนา

 

11.) คนที่พูดจาหลายเสียงในการพูดคุยครั้งเดียวกันเป็นคนคบยาก เพราะหาความแน่นอนอะไรไม่ได้

 

12.) คนหัวล้านมักจะเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ ซึ่งได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดี ทำให้คนโบราณเชื่อว่า คนลักษณะแบบนี้จะมีนิสัยเหมือนขุนช้าง

 

13.) เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปาน คนโบราณเชื่อว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง (ชาติที่แล้ว) และถูกป้ายด้วยของตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดงหมายถึงถูกป้ายด้วยปูนแดง และหากเป็นปานดำหมายถึงถูกป้ายด้วยถ่าน

 

14.) ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูกมาแล้ว (เช่น ไปเอาต้นไม้ที่อยู่ในวัดมาปลูกที่บ้าน) เพราะเชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัดหรือนำไปปลูกที่วัดเป็นของสูงและสมควรอยู่ในวัด หากนำมาปลูกที่บ้านจะทำให้บ้านนั้นตกอับ

 

15.) ห้ามตัดผมวันพุธ เพราะเชื่อว่าการตัดผมวันพุธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิต เพราะอย่างนี้ ร้านตัดผมหลายร้านมักจะนิยมหยุดทำการในวันพุธ

 

16.) หากตาซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวัง ถ้าตาขวากระตุกถือว่าโชคดี แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน ตาขวากระตุกจะไม่ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ถ้าหากเป็นตาซ้ายกระตุกจะมีโชคลาภจากเพื่อน

 

17.) หากสัตว์ป่าเข้าบ้านเชื่อว่าจะนำความอัปมงคลมาให้ ควรจุดธูปเทียน ดอกไม้และเชิญให้ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้

 

18.) ห้ามเผาศพวันศุกร์ เพราะคนโบราณถือว่าการเผาศพในวันศุกร์จะให้ทุกข์กับคนเป็นญาติ เนื่องจากวันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภ เหมาะกับงานมงคลมากกว่า

 

19.) ในขณะที่กำลังสางผม หากหวีเกิดหักคาผม จะเกิดเรื่องไม่ดีตามมา ให้นำหวีนั้นทิ้งไปเลย (ซื้อมาเป็นพันเป็นหมื่นก็อย่าเสียดาย) ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่

 

20.) ตอนกลางคืนถ้าได้กลิ่นธูปลอยมา คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา

 

21.) ผึ้งทำรังในบ้าน เชื่อว่ามีโชค อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เกิดความหายนะ เพราะผึ้งเป็นแมลงนำโชคที่ขยันการทำงาน

 

22.) การปลูกต้นว่านชี้ชะตาได้ โดยถ้าต้นว่านเจริญงอกงาม ทำนายว่าการค้าจะงอกงาม แต่ถ้าต้นว่านแห้งเ่ยว ทำนายว่าการค้าจะไปไม่รอด

 

23.) ก่อนออกจากบ้านให้ตั้งสติและก้าวเท้าขวาออกก่อนเท้าซ้าย จะนำโชคดีมาให้ เพราะเชื่อว่าร่างกายมนุษย์เป็นพลังงานลบที่อ่อนแอกว่าด้านขวา

 

24.) หากนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ และเกิดมือชนกันขณะเอื้อมไปตักกับข้าว เชื่อกันว่าจะมีแขกมาเยือนให้เตรียมตัวต้อนรับ

 

25.) อย่าเคาะจานข้าว เพราะเชื่อว่าจะเป็นการเรียกวิญญาณที่พเนจร เมื่อได้ยินเสียงเราเคาะจาน ก็จะพากันมาแย่งเรากินข้าว (บางคนกินข้าวจะรู้สึกว่ากินไม่อิ่ม)

 

26.) กลางคืนห้ามกวาดบ้าน เพราะเชื่อว่าจะเป็นการกวาดเงินกวาดทองที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเช้าออกไปหมดซึ่งอาจเป็นได้ว่าเมื่อก่อนไม่มีไฟฟ้าตอนกลางคืนมืดมาก การกวาดบ้านตอนกลางคืนจึงไม่ปลอดภัย

 

27.) ไม่ควรมีรูปภาพหรือรูปปั้นยักษ์ประดับตกแต่งบ้าน เพราะจะทำให้คนในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยและทำให้มีแต่เรื่องเดือดร้อน

 

28.) อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับห้องน้ำ เพราะจะทำให้โชคลาภหนีหาย และอย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้าย

 

29.) การแบ่งอาหารและน้ำให้แก่สุนัขหรือแมวจรจัดที่หิวโหย หรือการให้ที่พักพิงแก่สัตว์เหล่านี้ในวันฝนตกเป็นอานิสงส์มหาศาล

 

30.) อย่าปล่อยให้ครัวสกปรก เพราะจะทำให้อับโชค ขาดเงิน ขาดทอง

 

31.) อย่าให้ของขวัญคนรักหรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี หากมอบให้แล้วจะถือว่าเป็นลางต้องจากกันหรือมีเรื่องทะเลาะกัน

 

32.) ถ้าปล่อยให้กระจกในบ้านขุ่นมัว จะทำให้ดวงชะตาของคนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรก็ไม่ขึ้น จึงต้องหมั่นเช็ดกระจกสม่ำเสมอ

 

33.) วันโกน วันพระวันเกิด และวันเข้าพรรษา ควรงดมีเพศสัมพันธ์ เพราะถือว่าเป็นวันบิรสุทธิ์ (คนที่อยู่ในวัยเรียนอย่าแม้แต่จะคิด)

 

34.) หากเดินไปเจอเหรียญตกให้เก็บเป็นเหรียญนำโชค หากมองผ่านเลยไป จะเหมือนเป็นการดูถูกเงินน้อย ทำให้อับโชคในช่วงเวลานั้นๆ (เก็บให้ตำรวจก็ดีนะเออ)

 

35.) การสวมแหวนนิ้วกลางข้างขวา ถือเป็นการเสริมดวงการเงินและบารมี ส่วนการสวมแหวนนิ้วนางหรือนิ้วก้อยถือเป็นการเสริมเสน่ห์และเสริมดวงความรัก

 

36.) ห้ามสาวโสดร้องเพลงในครัว เพราะจะทำให้มีแฟนเป็นคนแก่ หรือหาแฟนไม่ได้ แต่ถ้าตำครกเสียงดัง จะมีหนุ่มมาสู่ขอ

 

37.) การทำบุณโลงศพอนาถาที่ไร้ญาติ จะเสริมชะตาของเราให้กล้าแข็ง ทำให้ทุกข์และเคราะห์เบาบางลงไปได้

 

38.) ควรหมั่นดูแลหิ้งพระให้สะอาดสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการทำให้เกิดความอับโชคหรือเสื่อมลาภ เสื่อมยศได้

 

39.) ในบ้านควรมีไข่และส้มในตะกร้าเสมอ เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุขเข้าบ้าน

 

40.) ห้ามหญิงมีครรภ์ไปงานศพ เพราะเกรงว่าวิญญาณจะสามารถเข้าไปรบกวนทารกในครรภ์ ทำให้เกิดอันตรายได้

 

41.) ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกจะทำให้นอนฝันร้าย ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่น

 

42.) ถ้าสร้อยคอขาดออกจากคอหรือหลุดออกมา จะมีเหตุให้พบเรื่องร้าย

 

43.) ห้ามทักเด็กแรกเกิดที่ยังเล็กว่าน่ารัก เพราะอาจทำให้วิญญาณอิจฉา ลักพาตัวไป

 

44.) ห้ามตัดเล็บกลางคืน วิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะสมัยก่อนการตัดเล็บจะใช้มีดเจียนหมาก หรือมีดเล็กๆ จึงห้ามตัดเล็บในเวลากลางคืน เพราะอาจะเป็นอันตราย

 

45.) จะก้าวขึ้นหรือลงบันได ให้ก้าวทีละก้าวทีละขั้น อย่าก้าวทีเดียวสามชั้น จะทำให้ทำมาหากินไม่สำเร็จ เหมือนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ให้ค่อนเป็นค่อยไป อย่าทำอะไรที่ให้เกินความสามารถ หรือข้ามขั้นตอน

 

46.) ห้ามหญิงท้องไปดูคนคลอดลูกจะทำให้คลอดลูกยาก เพราะหากหญิงมีครรภ์ไปดูคนอื่นคลอดลูกแล้วเห็นภาพอาการเจ็บปวดของการคลอดอาจจะทำให้กลัวและเกิดอาการเสียขวัญ

 

47.) โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกเงา หรือบางกระจกเงาทั้งหลาย ไม่ควรนำมาวางตั้งให้ตรงกับปลายเตียงหัวเยงหรือเหนือเพดาน เพราะจะทำให้หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องเพศ นอนหลับไม่สนิท และมักฝันร้ายอยู่บ่อยๆ

 

48.) ฝนตั้งเค้า ให้ปักตะไคร้คว่ำลงดินกลางที่โล่งแจ้ง จะทำให้ฝนหยุดตก

 

49.)อย่าลูบศรีษะของเด็ก โดยเฉพาะเด็กไทย เพราะศีรษะถือเป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรให้ใครลูบเล่น

 

50.) ฝันว่างูรัด ทำนายว่าคนโสดจะได้พบเนื้อคู่เร็วๆนี้ฝันว่างูกัดทำนายว่าศัตรูเพศตรงข้ามจะคิดร้ายหรือได้รับเคราะห์จะเพื่อนบ้าน

 

51.) ฝันเห็นคนตายหรือศพ ทำนายว่าจะได้ลาภจากเสี่ยงโชค

 

52.) ฝันว่าฟันหักทำนายว่าจะสูญเสีย โดยถ้าฝันว่าฟันบนหัก ทำนายว่า จะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างฝ่ายบิดา ถ้าฟันล่างหัก ทำนายว่าจะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างมารดา

 

53.) ฝันว่าจูบกับคนรัก จะได้รับเคราะห์เล็กๆน้อยๆจากคนใกล้ตัว

 

54.) ห้ามฉลองก่อนวันเกิด เพราะอาจหมายถึงการรีบเร่งไปสู่ความตาย

 

55.) ภายในบ้านไม่ควรมีประตู 3 บาน ตรงกันหรือเหลื่อมล้ำตรงกันเพียงนิดเดียว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของประตูจาก 3 โลก ทำให้วิญญาณเดินผ่านมาได้

 

56.)คางคกขึ้นบ้านถือเป็นลางดี แสดงว่าบ้านนั้นกำลังจะมีโชค

 

57.) มือซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีลางร้ายมีเหตุจะต้องเสียเงินเสียทองมือขวากระตุกเชื่อว่าเป็นลางที่ดีมาก จะได้รับโชคลาภ และอาจได้ลาภลอยจาการเสี่ยงโชค

 

58.) ถ้านกในกรงที่เลี้ยงไว้ร้องในเวลากลางคืนเชื่อว่าจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง

 

59.) ผู้หญิงระหว่างมีประจำเดือน ไม่ควรก้าวล้ำไปในวัด เพราะอาจก่อให้เกิดความอัปมงคล

 

60.) ความฝันในตอนเช้ามักเป็นความจริง เพราะคนโบราณเชื่อว่าเทวดามาโปรดสัตว์ซึ่งเคยเป็นญาติมิตรของเรานั่นเอง

 

ที่มา: นิทรรศน์รัตนโกสินทร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองปิดบวก$5.2 ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ(02/04/2556)

ทองปิดบวก 5.2 ดอลลาร์ ที่ 1,600.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังข้อมูลภาคการผลิตอ่อนแอเกินคาด นักลงทุนโยกกลับมาลงทุนทอง

 

 

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,600.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 27.944 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 37.9 เซนต์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 2.75 เซนต์ ปิดที่ 3.3745 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,598.80, ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 24.20 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 783.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 15.70 ดอลลาร์

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการวันจันทร์ที่ 1 เม.ย.เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์

--ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 1 เม.ย.เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์

-- ตลาดทองคำลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 1 เม.ย.เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.พ.

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับลง 5.69 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 14,572.85 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 7.02 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,562.17 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 28.35 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 3,239.17 จุด

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,600.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 27.944 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 37.9 เซนต์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 2.75 เซนต์ ปิดที่ 3.3745 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,598.80, ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 24.20 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 783.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 15.70 ดอลลาร์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาภายในประเทศอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงานด้วย

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 97.07 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 111.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตชะลอตัวลงในเดือนมี.ค.

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.36 เยน จากระดับของวันทำการก่อนหน้านี้ที่ 94.31 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9471 ฟรังค์ จากระดับ 0.9490 ฟรังค์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวชะลอลงผิดคาดแตะ 51.3 ในเดือนมี.ค. จาก 54.2 ในเดือนก.พ. โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีภาคการผลิตสหรัฐจะมีการขยายตัวใกล้เคียงกับในเดือนก.พ.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 เมษายน 2556)

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์อ่อนค่า หลังภาคการผลิตสหรัฐชะลอตัว (02/04/2556)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตชะลอตัวลงในเดือนมี.ค.

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.36 เยน จากระดับของวันทำการก่อนหน้านี้ที่ 94.31 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9471 ฟรังค์ จากระดับ 0.9490 ฟรังค์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวชะลอลงผิดคาดแตะ 51.3 ในเดือนมี.ค. จาก 54.2 ในเดือนก.พ. โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีภาคการผลิตสหรัฐจะมีการขยายตัวใกล้เคียงกับในเดือนก.พ

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่เคลื่อนตัวสูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังสอดคล้องกับผลสำรวจของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 54.6 จาก 54.3 ในเดือนก.พ.

 

นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยเฉพาะบีโอเจนั้น จะเป็นการประชุมครั้งแรกภายใต้การนำของนายฮารุฮิโกะ คูโระดะ ผู้ว่าการบีโอเจคนใหม่ โดยนายคูโรดะย้ำว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ญี่ปุ่นบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ภายในเวลา 2 ปี

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวหนึ่งคาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 7.7%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ว่ากันเรื่องกราฟสัญญานฯ รหัส 12,26,9 แบบโบราณดั้งเดิมรุ่นบุกเบิก ก็ยังบอกในลักษณะ ทนถือ ถือทน ต่อไป ตราบชั่วเส้นไม่เปลี่ยนแปลงไปในการตัดกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับในรหัส 5,35,9 ระดับแบบส่ง Signal เข้าดีหรือออกดี เส้นสีแดงก็ยังวิ่งในแนว ทนอยู่ อยู่ทน ในฝั่งขาขึ้นได้อยู่ ก็คงทู้ซี้ต่อไป ถ้าใครจ้องดูอันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาวโจนส์ปิดลบ5จุด ผิดหวังตัวเลขภาคการผลิต(02/04/2556)

ดาวโจนส์ปิดลบ 5.69 จุด ที่ 14,572.85 จุด หลังภาคการผลิตสหรัฐชะลอตัว สวนนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับลง 5.69 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 14,572.85 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 7.02 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,562.17 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 28.35 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 3,239.17 จุด

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวชะลอลงผิดคาดแตะ 51.3 ในเดือนมี.ค. จาก 54.2 ในเดือนก.พ.

 

โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีภาคการผลิตสหรัฐจะมีการขยายตัวใกล้เคียงกับในเดือนก.พ.

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับสัญญานรหัส 7,5,2 ที่ใช้สังเกตุการณ์ อารมย์ของแม่ทองก็ยัง มีโอกาสสับขึ้นสับลงอยู่นะครับ จากที่เส้นสีแดงยังรักษาระดับอยู่ด้านล่าง คงต้องสังเกตุที่ปลายเส้น ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่มองยังไง ก็ยังวิ่งในกรอบ $1593 - $1603 ระวังด้วยกับความคิดที่ฝืน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กองทุนยุ่น-จีนทึ้งหุ้นไทย เม็ดเงินใหม่ท่วม ชี้ระยะสั้นผันผวน(02/04/2556)

โบรกฯชี้หุ้นไทยเสน่ห์แรง แพงแต่ผลตอบแทนดีติด TOP 3 แถมวอลุ่ม-สภาพคล่องสูงสุดในภูมิภาค จับตาโกลบอลฟันด์หน้าใหม่ทั้งจีน-ญี่ปุ่นโยกเงินเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาวฟาก บลจ.แห่ออกทริกเกอร์ฟันด์ 1.9 หมื่นล้านเตือนเสี่ยงระยะสั้นต่างชาติปรับพอร์ตขายทำกำไร

 

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติยังมองว่าตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่น่าลงทุนให้ผลตอบแทนที่ดี เพียงแต่ในระยะสั้นนั้นเนื่องจากต่างชาติโอเวอร์เวตการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากแล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะซื้อเพิ่ม หรือเพิ่มน้ำหนักการลงทุนค่อนข้างยาก ทำให้ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติจะมีการปรับพอร์ตเปลี่ยนเซ็กเตอร์การลงทุน หุ้นที่ราคาขึ้นสูงมากแล้วก็ขายทำกำไรไปซื้อตัวอื่นที่ราคาต่ำแทน

 

 

"ตอนนี้เราเห็นชัดว่ามีการขายตัวนั้นซื้อตัวนี้แบบย้ายกลุ่ม แต่ยังไม่ได้ทิ้งหุ้นไทย เงินยังวน ๆ อยู่เพียงแต่โอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนอีกเป็นเรื่องยาก เพราะอย่างกองทุนเท็มเพิลตันขณะนี้มีเม็ดเงินลงทุน 5,000 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ ยังไม่ได้ขายออกไปเลย อย่างไรก็ตาม กองทุนเท็มเพิลตันนั้นนำเงินเข้ามาลงทุนหุ้นไทย 2,000 กว่าล้านเหรีญ แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 5,000 ล้านเหรียญแล้ว เรียกว่าแทบจะไม่ได้นำเงินใหม่เข้ามา แค่โลเทจ กลุ่มหุ้นที่ลงทุนเท่านั้นทำให้มีเงินหมุนเพิ่ม รวมทั้งเงินปันผลหุ้นที่นำมาลงทุนเพิ่ม" นายปริญญ์กล่าวและว่า

 

โกลบอลฟันด์หน้าใหม่บุกไทย

 

ขณะนี้มีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา พบว่าเริ่มมีโกลบอลฟันด์หน้าใหม่เข้ามาลงทุนตลาดหุ้นไทย ทั้งที่ปกติกลุ่มนี้ไม่เคยเข้ามาเลย รวมทั้งกองทุนจีนและญี่ปุ่น อาทิ กองทุนไดวา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตลาดหุ้นไทยมีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่สภาพคล่องสูงมากขึ้น และวอลุ่มการซื้อขายต่อวันก็สูงถึง 5-6 หมื่นล้านบาท ทำให้โกลบอลฟันด์สามารถเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น ปัจจัยสำคัญคือผลกระทบเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐ ชะลอตัว ทำให้มีการโยกการลงทุนจากตลาดยุโรปมาเอเชีย โดยกลุ่มหุ้นซึ่งเป็นที่สนใจของกองทุนต่างชาติในช่วงต่อจากนี้คือกลุ่มยูทิลิตี้ พลังงาน และสื่อสารโทรคมนาคม

 

นายปริญญ์กล่าวถึงเหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งที่ราคาค่อนข้างสูงแล้วว่า "แม้ตลาดหุ้นไทยจะแพงแล้ว แต่ระยะสั้นยังไม่มีใครน่าลงทุนกว่าไทย อย่าง

 

ฟิลิปินส์ที่มีศักยภาพมากที่สุดในเอเชีย แต่ตอนนี้ราคาหุ้นก็แพงมากแล้ว พี/อีเทรดเกือบ 20 เท่า ขณะที่ปันผลได้น้อยกว่าหุ้นไทยอยู่ที่ 2% กว่า ๆ แต่ปันผลของไทยอยู่ที่ 3-4% และ ROE ของไทยสูงกว่าด้วย มูลค่าการซื้อต่อวันน้อยกว่าเรา สภาพคล่องก็น้อยกว่า ขณะที่สิงคโปร์ โอกาสการเติบโตทางธุรกิจไม่ค่อยมี

 

สำหรับเกาหลีใต้ราคายังถูกแต่เป็นตลาดที่คนไม่ค่อยสนใจ เพราะกำลังซื้อในประเทศค่อนข้างต่ำ ประชากรเป็นผู้สูงอายุเยอะ หนี้ครัวเรือนต่อหัวสูงมาก ส่วนไต้หวันหุ้นก็แพงแล้ว ขณะที่จีนมีประเด็นการเมืองถ่ายเทอำนาจ ตัวเลขเงินเฟ้อสูง และยังมีเรื่องฟองสบู่อีกด้วย ดังนั้นเศรษฐกิจจีนคงไม่หนีไปไหน"

 

นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติยังมองว่าประเทศไทยยังมีโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการเปิดเออีซี และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจประเทศลุ่มน้ำโขง บวกกับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยยังไปได้ดีในอนาคต

 

ระยะสั้นเสี่ยงปรับพอร์ตทำกำไร

 

นายปริญญ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาดัชนีวิ่งขึ้นแตะระดับ 1,600 จุดเร็วเกินคาด โดยเฉพาะหุ้นเล็กและกลางที่ราคาวิ่งขึ้นไปเยอะมากช่วงสัปดาห์ก่อน จึงมีแรงเทขายทำกำไรจนดัชนีลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด แม้ว่าดัชนีจะปรับขึ้นมาแล้ว แต่ในช่วง 2 เดือนข้างหน้ามีความเสี่ยงที่จะมีแรงเทขายทำกำไร หากผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาไม่ดีตามคาดการณ์ไว้ นักลงทุนสถาบันจะมีการวิเคราะห์และโยกเงินลงทุนออกจากหุ้นที่พี/อีสูง ๆ ไปลงหุ้นที่มีพี/อีต่ำ ๆ รวมถึงการเปรียบเทียบกับตลาดประเทศเพื่อนบ้านในหมวดเดียวกัน

 

"ถ้าผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาไม่ดีอาจเป็นจุดหักเหค่อนข้างสูงของตลาดอีกระลอก โดยเฉพาะหุ้นเล็กและกลางจะโดนหนัก เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นขึ้นไปสูง 3-4 เท่า" นายปริญญ์กล่าว

 

ผลตอบแทนสูงสุดติด 1 ใน 3

 

ด้านนายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในระยะยาวกระแสเงินลงทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ในระยะสั้นจะเห็นการขายทำกำไรสลับมาหลังจากที่ตลาดหุ้นปรับขึ้นสูง ประกอบกับเป็นการลดความเสี่ยงเพื่อรอดูสถานการณ์ความชัดเจนของดอกเบี้ยนโยบาย และผลจากมาตรการการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต่างชาติกังวลอาจมีผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

 

"ระยะยาวการลงทุนในตลาดหุ้นไทยถือว่ายังให้ผลตอบแทนการลงทุนโดดเด่นติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดหุ้นภูมิภาค เพราะเงินลงทุนจากต่างชาติยังต้องการหาผลตอบแทนที่ดีจากภาวะดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ โดยตลาดหุ้นไทยมีอัตราเงินการจ่ายปันผลที่ดีในระดับที่ 3% ขณะที่พื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนคือกำไรยังขยายตัวดีต่อเนื่องในระดับ 14-15%"

 

ฟิลลิป รับงานกองทุนญี่ปุ่น

 

นายปรัชญากล่าวว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวของกองทุนญี่ปุ่นสนใจเข้ามาลงทุนในหุ้นเอเชียมากขึ้น โดยขณะนี้มีกองทุนญี่ปุ่น 1 ราย ตั้งกองทุนมูลค่า 300 ล้านเหรียญ ซึ่งได้ตั้งกลุ่มฟิลลิปสิงคโปร์ ให้เป็นผู้บริหารการลงทุน และมีโอกาสที่กองทุนนี้จะแบ่งเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ เนื่องจากการลงทุนในญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนที่ต่ำ ประกอบกับก่อนหน้านี้กองทุนญี่ปุ่นมีการลงทุนในยุโรปและสหรัฐอยู่จำนวนมาก ซึ่งกำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงต้องหาตลาดลงทุนใหม่ที่ยังมีโอกาสการเติบโต

 

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ กล่าวว่า กระแสเงินลงทุนต่างชาติเชื่อว่ายังลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นไทย แต่อาจเห็นการปรับพอร์ตทำกำไรบ้างในช่วงสั้น เนื่องจากประเทศไทยยังมีปัจจัยขับเคลื่อนการขยายของเศรษฐกิจที่สำคัญคือโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลมูลค่า 2 ล้านล้านบาท ที่จะสร้างประโยชน์ในระยะยาวต่อการลงทุนและการบริโภคในประเทศ รวมถึง บจ.ที่มีความเกี่ยวข้อง

 

ขณะนี้มีกองทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะเห็นโอกาสผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน ซึ่งในส่วนของบริษัทก็อยู่ระหว่างการเจรจาหลายราย โดยทั้งกองทุนจีนและญี่ปุ่นที่มีการลงทุนทางตรงในไทยอยู่แล้ว สำหรับแนวโน้มดัชนีในปีนี้บริษัทได้ปรับเป้าหมายดัชนีขึ้นเป็น 1,645 จุด สอดคล้องกับที่ได้ปรับคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเป็นเติบโต 20% จากที่มองไว้ที่ 15% ขณะที่ค่าพี/อีจะขยับขึ้นเป็น 14.5 เท่าจาก 14 เท่า

 

ออกทริกเกอร์ฟันด์ 1.92 หมื่น ล.

 

ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐานลงแรงในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้มี บลจ.หลายแห่งเห็นโอกาสการออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ภายในช่วง 1 สัปดาห์มีจำนวนการออกรวมถึง 12 กอง มูลค่ารวมประมาณ 1.92 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะเริ่มทยอยเข้าลงทุนตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นให้มีโอกาสปรับขึ้นได้จากเม็ดเงินลงทุนดังกล่าว

 

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี กล่าวว่า สาเหตุที่มีการออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ถึง 3 กองทุนในช่วงเดือน มี.ค.นี้ เนื่องจากบริษัทเห็นว่ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับฐานลง ซึ่งจะเป็นจังหวะเข้าลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า โดยบริษัทได้ปรับเป้าหมายดัชนีในปีนี้ขึ้นเป็น 1,680 จุด จากต้นปีประเมินไว้ที่ระดับ 1,500 จุด

 

ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปีนี้มีโอกาสเติบโตถึง 15-16% ส่งผลกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) ที่เชื่อว่ายังมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเพื่อหาผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่าในสหรัฐและยุโรป โดยตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความน่าสนใจเมื่อเปรียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีทั้งเม็ดเงินลงทุนเดิมที่ยังอยู่และยังมีโอกาสที่จะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าเพิ่มเติม

 

เนื่องจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบของทั้งธนาคารกลางยุโรป, สหรัฐ และญี่ปุ่น ยังดำเนินต่อไป ทำให้ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณความสนใจของกองทุนหน้าใหม่ ทั้งจากจีนและญี่ปุ่นที่มีความสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

 

กสิกรฯโดดร่วมวงชี้ลูกค้าเรียกร้อง

 

ด้านนายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทออกกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิล อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KTFET1) ถือเป็นการออกกองทุนครั้งแรก เนื่องจากในอดีตเห็นว่าการลงทุนลักษณะนี้เป็นการลงทุนในระยะสั้น แต่ปัจจุบันมีลูกค้าแสดงความต้องการลงทุนในกองทุนมากขึ้น ประกอบเป็นจังหวะเวลาที่เอื้อต่อการตั้งกองทุนจากแนวโน้มที่ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นไปต่อ

 

สำหรับเป้าหมายดัชนีในปีนี้จากปัจจัยพื้นฐานที่คาดว่ากำไรของ บจ.จะเติบโต 20% และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 3% ประเมินว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด ยังมีโอกาสขยับไปได้อีกประมาณ 100 จุด จากเป้าหมาย เพราะได้ปัจจัยสนับสนุนจากสภาพคล่อง ทั้งจากในประเทศที่มีการออมสูง พร้อมหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และต่างประเทศที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นที่ถือว่าสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งมีทั้งนักลงทุนต่างชาติกลุ่มเดิมที่ลงทุนอยู่แล้วและยังลงทุนต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหม่ ๆ ที่ยังเห็นโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากปัจจัยพื้นฐานที่ยังเอื้อต่อการลงทุนในระยะยาวในตลาดหุ้นที่ยังให้ผลตอบแทนที่ดี จากอานิสงส์การลงทุนของภาครัฐและการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวได้ดี แต่ในระยะสั้นอาจเห็นต่างชาติขายออกเพื่อล็อกกำไรเพื่อไปหาตลาดอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ในอนาคตก็มีโอกาสกลับเข้ามาลงทุนใหม่ รวมถึงกลุ่มที่มองว่าหุ้นไทยเริ่มแพงก็โยกเงินออกไปลงทุนตลาดอื่น ๆ ที่ราคาหุ้นยังต่ำ ก็มีโอกาสที่จะกลับมาลงทุนใหม่

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...