ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

'บัณฑิต'คาดกนง.คงดอกเบี้ย ห่วงเงินเฟ้อ (03/04/2556)

อดีตรองผู้ว่าแบงก์ชาติเชื่อกนง.คงดอกเบี้ย เหตุเศรษฐกิจยังเติบโตดี แถมในอนาคตมีความเสี่ยงเรื่อง"เงินเฟ้อ" มองดอกเบี้ยขาขึ้นมากกว่าลด

 

นายบัณฑิต นิจถาวร ประธานสมาคมตาสารหนี้ไทย อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 3 เม.ย.นี้ ส่วนใหญ่คาดหวังว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปัจจุบันเติบโตได้ดี ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยในการกระตุ้น

 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ความเสี่ยงหลังจากนี้จึงอยู่ที่เศรษฐกิจอาจจะเติบโตร้อนแรงเกินไป ภาวะเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แนวคิดนโยบายการเงินจึงควรมองกลับทาง จากลดดอกเบี้ย เป็นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า

 

"คณะกรรมการกนง.คงต้องดูหลายปัจจัยประกอบกันในการพิจารณานโยบายดอกเบี้ย แต่การตัดสินใจสุดท้าย จะดูภาพรวมเศรษฐกิจมากกว่า ถ้าเศรษฐกิจโต เงินเฟ้อก็คงต้องปรับขึ้น ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นช่วงใด อย่างไรก็ตามจากตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนที่ผ่านมาที่ปรับลดลง คงช่วยชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้บ้าง"

 

สำหรับผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้นั้น เชื่อว่าไม่ค่อยมีผลกระทบ เพราะอัตราดอกเบี้ยของไทย ก็คงเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโลก

 

นอกจากนี้ในการเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ มองภาวะเศรษฐกิจไทย และความเสี่ยงเรื่องการชำระหนี้ของภาครัฐเป็นหลัก หากเศรษฐกิจมีการเติบโตในระดับที่เหมาะสม กระแสเงินทุนก็ต้องอยากเข้ามา แต่ถ้าโตร้อนแรงเกินไป ก็มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตามทั้งภาวะเศรษฐกิจ และภาวะเงินเฟ้อของไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สบายใจ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 3 เมษายน 2556)

 

 

จี้กนง.หั่นดอกเบี้ยอาร์พีสกัดบาทแข็ง (03/04/2556)

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ภาคเอกชนกำลังจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ โดยต้องการให้กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 เปอร์เซ็นต์ -0.5เปอร์เซ็นต์ เพื่อช่วยชะลอการไหลเข้าของทุนต่างชาติและพยุงไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป อย่างไรก็ตามข้อเสนอดังกล่าวอาจไม่เป็นผลเพราะหลายฝ่ายประเมินว่า กนง. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75 เปอร์เซ็นต์ โดยให้เหตุผลว่าต้องการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจไทย ปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

 

ทั้งนี้หาก กนง. ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มแข็งค่าหลุด 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันที่ 29.23 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยเชื่อว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ค่าเงินบาททรงตัว เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติอยู่ระหว่างการตัดสินใจรอนโยบายของกบง.หากตรึงดอกเบี้ยก็เชื่อว่าเงินทุนจะไหลเข้ามาอีกระลอก

 

“การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยของกนง. สามารถทำได้ แต่ภาคเอกชนก็ต้องการเหตุผลว่าเพราะอะไร รวมถึงมาตรการรับมือค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าขึ้นไปอีก ที่ผ่านมาแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูแลแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จะเห็นได้จากค่าบาทมีแนวโน้มแข้งค่าขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว จะให้เอกชนปรับตัวอย่างไร”นายวัลลภ

 

นายวัลลภ กล่าวว่า หากค่าเงินบาทแข็งทะลุเกิน 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ จะมีปัญหาต่อการส่งออกสินค้าในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นต้นไป เพราะไม่สามารถกำหนดราคาขายได้ โดยเฉพาะค่าเงินบาทขณะนี้แข็งค่าที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาค ประกอบกับปัจจัยเรื่องค่าแรง 300 บาท จะทำให้ผู้ประกอบการไม่มีกำไร สุดท้ายก็จะไปไม่รอด

 

“เดิมจะมีการเข้าพบนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่า ธปท.ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าหากมีการคงดอกเบี้ย เงินบาทก็จะแข็งขึ้นมาอีก เมื่อสอบถามธปท.ก็จะอ้างว่าบริหารจัดการอยู่ ซึ่งทุกอย่างมีช่วงเวลา หากเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็อาจต้องขอเข้าพบผู้ว่าธปท.อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เหมาะสม”นายวัลลภ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (วันที่ 3 เมษายน 2556)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แบงก์ ออฟ ไซปรัสเผยเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนโดยการแปลงสภาพเม็ดเงินของผู้ฝากให้เป็นหุ้นแล้ว(03/04/2556)

แบงก์ ออฟ ไซปรัส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของไซปรัส เปิดเผยวานนี้ว่า ธนาคารได้เสร็จสิ้นการเพิ่มทุนโดยการแปลงสภาพเม็ดเงินของผู้ฝากให้เป็นหุ้น ภายใต้ข้อตกลงของยูโรกรุ๊ปว่าด้วยการช่วยเหลือสำหรับไซปรัสแล้ว แถลงการณ์ของธนาคารระบุว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้ธนาคารปฏิบัติตามข้อ กำหนดเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้นต่ำได้อย่างเต็มที่ และจะยังคงสัดส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Core Tier 1) ไว้ที่ 9% ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งได้รับการประเมินโดยบริษัทตรวจสอบบัญชี PIMCO

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 3 เมษายน 2556)

 

 

 

ไซปรัสเล็งยกเว้นภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ (03/04/2556)

ไซปรัสเตรียมออกมาตรการยกเว้นภาษีภาคธุรกิจ เลิกข้อห้ามคาสิโน หวังดึงดูดเงินทุนต่างชาติ กอบกู้เศรษฐกิจ

 

 

 

นิคอส อนาสตาเซียเดส ประธานาธิบดีไซปรัส เปิดเผยว่า มีแผนยกเลิกกฎหมายห้ามมีคาสิโนและเสนอมาตรการยกเว้นภาษีจากกำไรของบริษัทที่นำมาลงทุนในประเทศ โดยเป็นหนึ่งในแผนปฏิรูปเพื่อกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

 

นิคอส ซึ่งได้บรรยายสรุปสภาพเศรษฐกิจของประเทศให้กับบรรดารัฐมนตรีในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ กล่าวว่าแผนการเติบโต 12 ข้อจะถูกนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบภายใน 15 วัน

 

แผนการดังกล่าวรวมถึงมาตรการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ยกเว้นภาษีจากผลกำไรของบริษัทที่นำเงินมาลงทุนในประเทศ ผ่อนคลายเงื่อนไขการชำระเงินและดอกเบี้ยเงินกู้ ยกเลิกข้อห้ามเกี่ยวกับคาสิโนหวังดึงดูดนักท่องเที่ยว จากปัจจุบันที่บ่อนในประเทศนั้น ให้บริการอย่างถูกกฎหมายเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 2 เมษายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัฐมนตรีคลังไซปรัสลาออก เปิดทางสืบสวนเหตุวิกฤตธนาคาร (03/04/2556)

รัฐมนตรีคลังของไซปรัส ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุทำให้ไซปรัสประสบวิกฤตทางการเงิน

 

นายไมเคิล ซาร์ริส รัฐมนตรีคลังของไซปรัส วัย 66 ปี ได้ลาออกแล้วในวันนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวน 1 หมื่นล้านยูโรหรือราว 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีความขัดแย้งกันอย่างหนัก สื่อมวลชนท้องถิ่นระบุว่า นายแฮร์ริส จอร์เจียเดส รัฐมนตรีแรงงานของไซปรัส จะเข้ามารับตำแหน่งแทน

 

โฆษกรัฐบาลไซปรัส เผยว่า ประธานาธิบดีนิคอส อะนาสตาเซียเดส ได้รับหนังสือลาออกจากนายซาร์ริสแล้ว หลังถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงแรงในเรื่องการทำข้อตกลงช่วยกู้วิกฤติในครั้งนี้

 

นายซาร์ริส ระบุถึงการลาออกในครั้งนี้ว่า เนื่องจากการที่ประธานาธิบดีมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุที่ทำให้ไซปรัสประสบภาวะล้มละลาย ก่อนที่จะถูกบังคับให้ต้องยอมรับเงื่อนไขการช่วยกู้วิกฤติที่เข้มงวดครั้งนี้ สำหรับการลาออกของตนจะทำให้คณะทำงานสามารถสอบสวนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

 

ที่มา : RYT9.COM (วันที่ 3 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามแดดไม่แรงแต่ร้อนตับแตกค่ะทุกคน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีจ๊า ไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วยมา ตกใจ 21900 โอ้กระดาษเจ้ 22059

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

จำได้เลยครับ " เมื่อคืนไม่น่าเขียนซื้อ " ขี้ " มาเก็บเลย

ขนาดป๋าเห็นเป็นขี้ ถ้าไม่มีกระดาษเช็ดตูด เอากระดาษเมื่อวาน เช็ดละกัน สะใจดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หลังฝุ่นตลบจากตลาดหุ้น

 

เมาปอดสีแดง เกือบตาบอดสีหาทางเข้าบ้านขอเดา เกือบไม่ถูก. อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิดตลาด 29.36/38 กลับมาแข็งค่าหลังกนง.คงดอกเบี้ย-แรงขายดอลล์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 3 เมษายน 2556 17:49:10 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.36/38 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 29.45/47 บาท/ดอลลาร์ หลัง กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ต่อปี และแรงเทขายดอลลาร์ของผู้ส่งออก ระหว่างวันเงินบาทไปทำไฮที่ระดับ 29.45/47 บาท/ดอลลาร์ และทำโลว์ที่ระดับ 29.34/36 บาท/ดอลลาร์

 

 

 

"เงินบาทกลับมาแข็งค่า ส่วนหนึ่งมาจาก กนง.มีมติทรงดอกเบี้ย และ export ขาย(ดอลลาร์)ออกมา" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ตลาดจับตาดูผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) และรายงานข่าวเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเป็นสำคัญ ตลอดจนแรงเทขายดอลลาร์จากผู้ส่งออก

 

นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งไว้ในกรอบระหว่าง 29.30-29.40 บาท/ดอลลาร์

 

*ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 93.57/59 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.59/61 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2828/2830 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2801/2803 ดอลลาร์/ยูโร

 

- คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติ 5 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% และติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจและความเสี่ยงเสถียรภาพการเงินอย่างใกล้ชิด โดยมองว่ายังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และเงินทุนเคลื่อนย้ายรวดเร็ว

 

- ดัชนีตลาดหุ้นไทย SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,520.52 จุด ลดลง 30.02 จุด หรือ -1.94% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 59,179.29 ล้านบาท โดยปริมาณการซื้อขายรายกลุ่มต่างชาติขายสุทธิ 1,968.97 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,960.69 ลบ.(SET+MAI)

- ธนาคารกลางสเปน เผยหนี้สินภาคครัวเรือนในเดือน ก.พ.ปรับตัวลดลง 4.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ระดับ 8.2349 แสนล้านยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.50 จากระดับ 8.6103 แสนล้านยูโรในเดือน ก.พ.55 และหากเทียบเป็นรายเดือนพบว่า หนี้สินภาคครัวเรือนของสเปนลดลง 5.23 พันล้านยูโร

 

- ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) เริ่มการประชุมกำหนดนโยบายเป็นเวลา 2 วัน โดยตลาดจับตาดูการเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหม่และการผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุเป้าเงินเฟ้อที่ 2%

 

-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน พ.ค.56 ร่วงลง 64 เซนต์ แตะที่ 96.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังการปิโตรเลียมสหรัฐ(API) เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5 ล้านบาร์เรล

 

- สำนักงานสถิติยุโรป เผยอัตราการว่างงานในโปรตุเกสยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ 17.5% ในเดือน ก.พ.56 สะท้อนให้เห็นว่าโปรตุเกสยังคงเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานสูงที่สุดเป็นลำดับสามในยูโรโซน ขณะที่อัตราว่างงานในยูโรโซนอยู่ที่ 12% และสหภาพยุโรปอยู่ที่ 10.9%

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะตลาด Gold Future และ SET50 Future By GT Wealth Management 3 เม.ย. 56 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 3 เมษายน 2556 17:27:40 น.

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำทรงตัวเหนือระดับ US$1,560 (Gold Spot) ราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนวันอังคาร ซึ่งเป็นการปิดลดลงครั้งใหญ่ในรอบกว่า 1 เดือน หลังการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เทียบกับเงินเยนก่อนการประชุม BOJ วันแรกวันนี้ ขณะที่ความกังวลของสถานการณ์ในไซปรัสที่เคยเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำได้ลดความสำคัญลง วันนี้กนง.มีมติด้วยเสียง 5 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% ตามที่นักวิเคราะห์ คาด โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังคงเหมาะสมต่อสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นจากมื่อเช้าที่ระดับ 29.47 มาอยู่ที่ 29.35 ในภาคบ่ายหลังการประกาศคงดอกเบี้ยของกนง. SPDR รายงานการถือครองทองคำลดลง 8.13 ตัน ที่ระดับ 1,208.92 ตัน

 

 

 

ดัชนี SET50 ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,030.26 จุด ก่อนปรับตัวลงในช่วงบ่ายมาปิดที่ระดับ 1,004.67 จุด หลุดแนวรับสำคัญทั้งสองระดับ ที่ 1,020 และ 1,010 จุด ขณะที่ผลการประชุม กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.75% โดยมองว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสม และการส่งออกของไทยยังคงแข็งแกร่งรับมือกับค่าเงินบาทได้ พร้อมห่วงการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อในครัวเรือน โดยการปรับลดลงของตลาด เป็นผลมาจากการขาดปัจจัยใหม่มากระตุ้น บวกกับเป็นการปรับฐานจากการปรับขึ้นมามากตั้งแต่ต้นปี โดยมีแรงขายเข้ามาในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อสังหาฯ พลังงานและไอซีที

 

สรุปภาวะการซื้อขาย

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 (GFJ13) ปิดที่ระดับ 21,910 บาท ปริมาณการซื้อขาย 3,365สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 ขนาด 10 บาท (GF10J13) ปิดที่ระดับ 21,910 บาท ปริมาณการซื้อขาย 8,041สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี SET50 สิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน (S50M13) ปิดที่ระดับ 1,002.20 จุด ปริมาณการซื้อขาย 32,756สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า แรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่กลับมาจากความคาดหวังนโยบายการเงินของ BOJ และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวกทำให้เงินไหลออกจากทองคำ ประกอบกับการระบายทองคำอย่างต่อเนื่องของกองทุนขนาดใหญ่ทำให้มุมมองทางจิตวิทยาที่มีต่อทองคำเป็นเชิงลบ ระยะสั้นจึงยังทำให้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำมีแรงกดดัน อย่างไรก็ดีปัจจัยที่ไม่แน่นอนในอนาคตทั้งในด้านเศรษฐกิจและความตึงเครียดโดยเฉพาะในคาบสมุทรเกาหลียังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ส่วนค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าส่งผลบวกต่อราคาทองคำในประเทศ

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 3 เมษายน 2556 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 3 เมษายน 2556 17:13:46 น.

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 3 เมายน 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,563.83—1,576.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ13 อยู่ที่ 21,960 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 380 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,340 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVJ13 อยู่ที่ 845 โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 845 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.15 น.ของวันที่ 03/04/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 4 เมษายน 2556

นักลงทุนตลาดโลกเทขายทองคำและหันไปลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวพุ่งขึ้น ขานรับแรงหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลีปรับตัวลง กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไซปรัส และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐการดีดตัวขึ้นได้เพิ่มแรงกระตุ้นให้มีการเทขายทองคำออกมา ประกอบก่อนหน้านี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ เมื่อราคาหลุดแนวรับด้านล่างบริเวณ 1,590-1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงเกิดแรงขายทางเทคนิคจนทำให้ราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่เกิดขึ้นแล้ว ปัจจัยทางเทคนิคยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันให้กับทองคำด้วย ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีมติด้วยเสียง 5 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร(อาร์/พี)ระยะ 1 วันไว้ที่ 2.75% ตามหลายฝ่ายคาดไว้ โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน ยังคงเหมาะสมต่อสภาพเศรษฐกิจ แต่พร้อมจะปรับนโยบายการเงินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เท่ากับโอกาสที่สกุลเงินบาทจะอ่อนค่าจากการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อที่จะได้เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำภายในประเทศลดลงตามไปด้วย เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำน่าจะดีดตัวขึ้นในลักษณะ technical rebound อาจมีโอกาสทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,578 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่านไปได้ราคาทองคำจะดีดตัวต่อไปในบริเวณ 1,586 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เบื้องต้นแนะนำนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นโดยหาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไป และนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า โดยราคาทองคำพยายามขึ้นทดสอบแนวต้านในโซน 1,578-1,586 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าหากไม่สามารถผ่านได้จึงเกิดการอ่อนตัวลงมา เมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นแนะนำนักลทุนจับตาโซนดังกล่าวหากราคาทองคำไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร โดยน่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลงโดยประเมินแนวรับที่ 1,560-1,555 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าหากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้จะเห็นการดีดตัวของราคาต่อโดยประเมินแนวต้านที่ 1,593 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,560 (21,660บาท) 1,555 (21,590บาท) 1,540 (21,380บาท)

แนวต้าน 1,578 (21,920บาท) 1,586 (22,020บาท) 1,593 (22,120บาท)

GOLD FUTURES (GFJ13)

แนวรับ 1,560 (21,810บาท) 1,555 (21,740บาท) 1,540 (21,530บาท)

แนวต้าน 1,578 (22,060บาท) 1,586 (22,180บาท) 1,593 (22,270บาท)

SILVER FUTURES (SVJ13)

แนวรับ 26.90 (838บาท) 26.60 (829บาท) 25.95 (810บาท)

แนวต้าน 27.55 (857บาท) 27.90 (868บาท) 28.35 (881บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือwww.ylgbullion.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดา เบื่อกับ ทองแท่ง ที่เอาแต่ลง เอาแต่ลง เหมือนกับพระเสาร์แทรกฝังตัวอยู่กับทองแท่ง พร้อมกับมุมมองแบบ หัว ไหล่ ตูด H&S ที่เริ่มปรากฎเด่นชัด ข่าวคราวด้านยูโรฯ ก็ไม่มีปรากฎออกมาวันนี้ รอเพียงแต่ความอ่อนแอจากฝั่งสหรัฐฯ งานนี้ ก็คงกัดฟันรอปล่อย เท่าทุนก็เอา แล้วหันมาเล่นทางขายก่อน ลดยอดดอยให้ต่ำดีกว่า ตัดใจขาย แล้วรอซื้อคืนเมืรอราคาต่ำ ขอให้วันนี้ขึ้นมาให้พอสมควร พรุ่งนี้ จะดู 7,5,2 ถ้าแดงยังอยู่ข้างล่างอีก จะขายทิ้ง รอซื้อถูก ก็ถือว่าได้กำไร เช่นเดียวกัน วันนี้จึงให้มุมมองแค่ Rebound เท่านั้น เพื่อเตรียมลงต่อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งขายสุทธิเกือบ 2,000 ล้านบาท เริ่มที่จะหนีเที่ยวให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว เช่นเดียวกับ ขาย่อย แมงเม่า โดนอีกแล้ว วันจันทร์หลอกให้เม่าตายใจ วันอังคารบ่าย เม่าใส่ทันที ที่ไหนได้ วันพุธ เอาอีกแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**เจ้าหน้าที่เฟดมองเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น

 

 

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 2 รายแสดงความเห็นเชิงบวกอย่างระมัดระวังว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ยาวนาน แต่ก็เสนอมุมมองที่แตกต่างกันว่า แนวโน้มดังกล่าวจะสนับสนุนโครงการซื้อพันธบัตร ของเฟดเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือไม่

 

 

"เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราจะลดอัตราการซื้อและยุติโครงการนี้" นายชาร์ลส อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวกับผู้สื่อข่าว "สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปของปีนี้"

 

 

ด้านนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เขาประทับใจกับการฟื้นตัวของผู้บริโภคสหรัฐในช่วงไตรมาสแรก แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะปรับเพิ่มคาดการณ์ของเขาสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าระดับ 2% ในปีนี้

 

 

นายแลคเกอร์เป็นผู้มีความเห็นสนับสนุนการคุมเข้มด้านเงินเฟ้อ ขณะที่นายอีแวนส์เป็นผู้ที่สนับสนุนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Resistance: $1575, $1586, $1600, $1615, $ 1625

Support: $ 1565, $ 1561 (March Low), $ 1555 (February Low)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...