ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

น้ำมันทรงตัว-ทองคำขึ้นจับตาประชุม4ฝ่ายแก้วิกฤตยูเครน หุ้นมะกันปิดแคบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2557 05:31 น.

 

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้(17) ปิดในกรอบแคบๆ จับตารัสเซียและตะวันตกแสวงหาหนทางลดความร้อนระอุของวิกฤตยูเครน ขณะที่แนวโน้มการเจรจาที่ออกมาทางบวก ก็คลายความกังวลของนักลงทุนและฉุดให้ทองคำลงพอสมควร ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว ตามรายงานผลประกอบการที่ผสมผสานของบริษัทต่างๆ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ ปิดที่ 104.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 7 เซนต์ ปิดที่ 109.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

นักลงทุนจับตาโต๊ะเจรจา 4 ฝ่ายแก้วิกฤตยูเครน อันประกอบด้วย ยูเครน รัสเซีย สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อย่างใกล้ชิด ด้วยความกังวลว่าความขัดแย้งติดอาวุธแบบเต็มรูปแบบในภูมิภาคอาจกระทบต่ออุปทาน และดันให้ราคาน้ำมันและก๊าซพุ่งสูงขึ้น

 

อย่างไรก็ตามผลการหารือของคณะผู้แทนระดับสูงทั้ง 4 ชาติที่บรรลุข้อตกลงอันมีเป้าหมายบรรเทาสถานการณ์ความตึงเครียดทางภาคตะวันออกของยูเครน ก็กระตุ้นให้นักลงทุนปล่อยมือจากสินทรัพย์มีความเสี่ยงต่ำ เป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้(17) ปรับลงพอสมควร โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 9.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,293.90 ดอลาร์ต่อออนซ์

 

ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(17) ทรงตัวในกรอบแคบๆ จากรายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆ ที่มีทั้งตรงตามและเกินความคาดหมาย หรือแม้กระทั่งพลาดเป้าไป

 

ดาวโจนส์ ลดลง 14.48 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,410.37 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.59 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,864.90 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.29 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,095.52 จุด

 

ในวันพฤหัสบดี(17) เหล่าบริษัททั้งหลายในวอลล์สตรีท ไล่ตั้งแต่ภาคการเงิน สินค้าอุปโภคบริโภค ภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มอื่นๆในเศรษฐกิจได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2014 โดยใน 84 สมาชิกของเอสแอนด์พี มีอยู่ 53 บริษัทที่มีผลประกอบการดีเดินคาดหมาย 22 บริษัทพลาดเป้าและอีก 9 บริษัทเป็นไปตามที่คาดคะเนไว้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ตลาดหุ้นฮ่องกง,สิงคโปร์,ยุโรป,สหรัฐปิดพรุ่งนี้เนื่องในวัน Good Friday

 

 

ตลาดหุ้นฮ่องกง, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ออสเตรเลีย,อังกฤษ,ฝรั่งเศส,เยอรมนี และสหรัฐจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ เนื่องในวัน Good Friday ในเทศกาลอีสเตอร์

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกงและออสเตรเลียจะปิดทำการอีก 1 วัน ในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์

::

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพื่อนคือ ก. ถึง ฮ. ก..เก็บคุณไว้ในใจ ข..เข้าใจคุณ ค..คอยสนับสนุน ง..ง้อคุณเมื่อรู้ว่าเขาผิด จ..จับมือคุณเมื่อคุณต้องการกำลังใจ ฉ..เฉยกับความใจร้อนของคุณ ช..ช่วยเหลือคุณ ซ..ซื่อสัตยต่อคุณ ญ..ญาติดีกับคุณเสมอ ด..เดินเคียงข้างคุณ ต..ติดตามข่าวคราวความเป็นไปของคุณ ถ..ไถ่ถามทุกข์สุข ท..ทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป ธ..ธรรมะธัมโมกับคุณ น..นับถือคุณและน่ารักในสายตาของคุณ บ..บอกความจริงแก่คุณ ป..ปลอบใจเมื่อคุณท้อ ผ..ผายมือต้อนรับคุณเสมอ ฝ..ฝากผีฝากไข้กับคุณ พ..เพิ่มพลังให้แก่คุณ ฟ..ฟังคุณ (แม้คุณจะพูดจนน้ำไหลไฟดับก็ตาม ) ภ..ภูมิใจในตัวคุณ ม..มอบสิ่งที่ดีแก่คุณ ย..ยกโทษให้กับข้อผิดพลาดของคุณ ร..รักคุณที่เป็นคุณ ล..ละเอียดอ่อนกับความรู้สึกของคุณ ว..ไว้ใจคุณ ศ..ศึกษานิสัยที่แท้จริงของคุณ ส..สังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวคุณ ห..เห็นคุณค่าของคุณ อ..อธิบายในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ ฮ..เฮฮากับคุณได้ทุกเวลา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หลังจาดดูคลิบนี้ ต่อไปโลกนี้จะไม่มีคนหัวล้านอีกแล้ว https://www.facebook.com/photo.php?v=512437772189804

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เยี่ยมมาก เรื่องสำคัญ ของดวงตา ที่ไม่ต้องใช้ยา ที่ฝรั่งยังไม่เคยแนะนำแต่ อ. ชัญญา หมอไทย พบและแนะนำ ทำได้ด้วยตัวเอง ฟรี!!

วิธีรักษาดวงตา แบบง่ายๆ และได้ผลดี...!

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เยี่ยมมาก เรื่องสำคัญ ของดวงตา ที่ไม่ต้องใช้ยา ที่ฝรั่งยังไม่เคยแนะนำแต่ อ. ชัญญา หมอไทย พบและแนะนำ ทำได้ด้วยตัวเอง ฟรี!!

วิธีรักษาดวงตา แบบง่ายๆ และได้ผลดี...!

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝึกหาความสุขแบบตัดตรง 15 ข้อ

 

1.ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้

ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมาก อย่าปล่อยให้จิตใจวนไปวนมากับความ รู้สึกของตัวเอง เหมือนจมอยู่ในอ่าง ลองเปิดตามองไปรอบๆ แล้วมองให้เห็นว่า คนบนโลกนี้มีมากมายแค่ไหน ตัวเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลก ดังนั้น ก็อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากนัก ทุกข์บ้าง ผิดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา

 

2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม

ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย ในแง่ของความสุข เราไม่จำเป็นต้องสะสมอะไรเพื่อให้มีความสุข วิธีมีความสุขของคนเรามีมากมายหลายอย่าง และเราไม่ควรเลือกวิธีที่สร้างภาระให้กับตนเอง

 

3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ

ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หัดเว้นที่วางไว้ให้ความผิดพลาดบ้าง ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องไร้ที่ติ การผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับปรุงตนเองไม่ให้ผิดพลาดบ่อยๆ ซ้ำๆซากๆ

 

4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ

ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว คนที่พูดจาไม่ดี แม้ว่าคำพูดจะดูฉลาดหลักแหลมเพียงไรมันก็คือความโง่ชนิดหนึ่ง คนที่พูดแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่นนับเป็นคนหาความสุขได้ยากนัก

 

5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ

ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาคิดมาก อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ อย่าไปหลงยึดไว้เกินความจำเป็น ให้รู้จักธรรมชาติของมัน การยึดติดกับวัตถุ บุคคล หรือความรู้สึกจนเกินเหตุ คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้ และต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนปล่อยวางอะไรง่ายๆ เข้าไว้

 

6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการ นินทา

ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการ นินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา ขอให้รู้ว่า คำนินทาคือของคู่กับมนุษย์โลก มีมาช้านานแล้ว

แม้แต่พระพุทธเจ้า นักบุญ คนที่สร้างคุณงามความดีไว้กับโลกมากมายยังถูกนินทา แล้วเราเป็นใครจะไม่ถูกนินทา ดังนั้น อย่าไปใส่ใจให้มาก ถ้าอะไรที่ดีเก็บไว้ปรับปรุงตัว อะไรที่ไม่ดี ทิ้งมันไว้ไม่ต้องไปตีราคาสร้างค่าให้คำพูดไร้สาระ ส่วนตัวเราเอง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกตนเองให้เป็นผู้ไม่นินทาคนอื่นเช่นกัน

 

7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน

ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเอง มีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน การยุติความเป็นขี้ข้าของอำนาจเงินนี้ พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ ชีวิตทั้งชีวิตของเรา ก็จะเป็นชีวิตที่เกิดมาแล้วตายไปเปล่าๆ ด้วยเหตุที่ว่า ใช้เวลาหมดไปกับการสะสมเงินทองที่เอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว

 

8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ

ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงความถูกต้องที่กิเลสของตัวเองลากไป ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตรงธรรมอย่างแท้จริง ดังนั้น การยอมเสียเปรียบ การให้ผู้อื่นด้วยความเบิกบานจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่เราคิดกัน มีแรงให้เอาแรงช่วย มีเงินให้เอาเงินช่วย มีความรู้ก็เอาความรู้เข้าไปช่วย ในหนึ่งวัน เราควรถามตัวเองว่า วันนี้เราได้ช่วยใครไปแล้วหรือยัง เราได้เสียเปรียบใครหรือยัง ถ้าคำตอบคือ “ยัง” ให้รู้เอาไว้เลยว่า เราเป็นอีกคนที่มีแนวโน้มจะหาความสุขได้ยากเต็มที

 

9. ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างในที่มืด

ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างในที่มืด หมายความว่า ตรงไหนที่มันมืด เราควรไปเป็นดวงไฟส่องทางให้เขา ตรงไหนที่ไม่มีคนช่วย เราควรไปทำ เช่น ลองหาเวลาไปรับประทานอาหารร้านที่ไม่มีลูกค้าเข้า อย่ามุ่งแต่เรื่องกิน ให้การกินของเรามันเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง ร้านเขาไม่มีลูกค้า แล้วเราเข้าไปนั่ง มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันหมายถึงกำลังใจ อย่าคิดถึงการบริการที่ดีที่สุด อย่าคิดถึงรสชาติของอาหารให้มาก นัก ให้คิดว่า เรากำลังเป็นผู้ให้ เดินเข้าร้านหนังสือ หนังสือเล่มไหน เก่าที่สุด เราอ่านเนื้อหาแล้วสนใจ หยิบมันขึ้นมาแล้วจ่ายเงิน นำมันกลับบ้าน เหลือหนังสือเล่มสวยๆ ไว้ให้คนอื่นๆ ได้ซื้อได้อ่าน อย่าไปบ้ากับการเก็บสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปบ้ากับการปรนเปรอสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง แต่ให้เน้นจิตใจที่ดีที่สุด ใช้วัตถุ ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการซื้อจิตใจดีๆ สูงๆ สะอาดๆ ของเรากลับคืนมา วัตถุเป็นเรื่องไม่จีรัง แต่จิตใจดีๆ นั้นเป็นทั้งหมดของชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้จักรักษาดูแลเอาไว้ไม่ให้เกิดความเสียหาย

 

10. ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำนาจวัตถุนิยม

ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำนาจวัตถุนิยม หมายความว่า ต้องรู้จักยับยั้งช่างใจ และมีปัญญาในการมองเห็นว่า อะไรคือสิ่งจำเป็น อะไรคือสิ่งที่เราถูกโฆษณาหลอก เรากำลังเป็นตัวของตัวเอง หรือเรากำลังบ้ากระแสสังคมอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลดความจำเป็นเรื่องแฟชั่น ลดความจำเป็นเรื่องโทรศัพท์ ลดความจำเป็นเรื่องสิ่งของเครื่องใช้ ก่อนจะซื้อ ก่อนจะอยากได้ ให้ลองถามตัวเองว่า เราอยากได้เพราะอะไร เพราะมันจำเป็น เพราะอยากเท่ อยากดูดีในสายตาของอื่น หรือเพราะอะไรกันแน่ๆ ตอบตัวเองให้ได้ชัดๆ ในเรื่องของความจำเป็นนี้ พูดได้เลยว่า ของในชีวิตส่วนใหญ่ที่เราครอบครองกันอยู่มีไว้โชว์ มากกว่ามีไว้ใช้

 

11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริงง่ายๆ

ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริงง่ายๆ หมายความว่า อะไรที่ทำผิด อย่าดันทุรัง ให้พูดคำว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ฝึกพูดคำเหล่านี้ให้เป็นเรื่องปกติ ความผิดไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนั้นเป็นเรื่องเสียหาย และส่งผลเสียกับชีวิตเป็นวงกว้าง เพราะการปรับปรุงตัวนั้นมีจุดเริ่มต้นจากการที่คนๆ หนึ่งรู้ตัวว่าทำไม่ดี ดังนั้นคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำไม่ดีแล้วดันทุรัง ก็คือคนที่ไม่มีโอกาสปรับปรุงตน เองให้ดีขึ้น ขอให้รู้ว่า เมื่อเราทำผิด ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ดันทุรังแค่ไหน ผิดมันก็คือผิด หลอกตัวเองได้ แต่หลอกคนอื่นไม่ได้ เหมือนเราบอกว่า ไม่เหม็น แต่กลิ่นเหม็นนั้น ถ้ามันมีจริงมันก็โชยออกมาอยู่วันยังค่ำ

 

12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม

ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม หมายความว่า เมื่อคิดจะเลือกใครสักคนมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต อย่าไปมุ่งเน้นแต่ความสำเร็จด้านเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่เราควรให้ความสำคัญกับคุณค่าในด้านอื่นๆ ด้วยเช่น ความดี คุณธรรม ความเสียสละ เราควรเคารพและชื่นชมใครซักคนที่ความดีของเขาไม่ใช่รายได้ของเขา ทุกวันนี้ คำว่าความสำเร็จถูกใช้ไปกับเรื่องของเงินๆ ทองๆ มากเกินไป ใครหาเงินได้มาก แปลว่า คนๆ นั้นประสบความสำเร็จมาก ตรงนี้เป็นการให้คุณค่าที่ผิดพลาด การคิดเช่นนี้ย่อมเป็นการปลูกฝั่งค่านิยมในระดับจิตวิญญาณที่ทำให้เราให้ตกเป็นทาสของเงิน เมื่อเราเป็นทาสของเงินเสียแล้ว เราก็จะเป็นคนที่ฝากความสุขของเราไว้กับเงินด้วย เราเลือกต้นแบบอย่างไร ชีวิตของเราก็จะมุ่งหน้าไปทางนั้น สังคมจะดีขึ้นได้ก็เริ่มจากทัศนคติของเราตรงนี้นั่นเอง

 

13. ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด

ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด หมายความว่า เราต้องไม่เป็นคนหน้าชื่นอกตรม คือยิ้มไปทั่วกับคนนอกบ้าน แต่กลับมาทะเลาะกับคนที่บ้าน ขอให้ใช้คนที่บ้านเป็นเครื่องมือฝึกจิตใจของตนเอง อะไรที่ยอมได้ก็ขอให้ยอม เสียเปรียบคนในครอบครัวให้มากที่สุด ดีกับเขาให้เหมือนเขาเป็นคนเดียวกับเรา อย่าเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องนอกบ้าน แต่กลับมาเก่งในบ้าน เพราะมันจะสร้างแต่ความทุกข์ให้ชีวิต ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเรา ถ้าหาความสุขจากครอบครัวไม่ได้ ความสุขที่อื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ต่อให้หลอกคนทั้งโลกได้ว่าชีวิตประสบความสำเร็จ แต่ภาพที่สร้างขึ้นมา ก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่จะย้อนกลับมาสร้างความละอายใจให้ตัวเองอยู่วันยังค่ำ ยอมพ่อแม่ ยอมลูกเมีย ยอมสามี ยอมคุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่า สิ่งดีๆ ที่ทำแล้วชื่นใจก็ขอให้ทำให้บ่อย คำพูดดีๆ ที่พูดได้ก็ขอให้พูด ครอบครัวคือรากของมนุษย์ ถ้ารากของชีวิตเน่า ส่วนที่เหลือก็เน่าทั้งหมด

 

14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของศาสนาตน

ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของศาสนาตน หมายความว่า เรานับถือศาสนาอะไรอยู่ ก็ต้องเข้าใจคำสอนของศาสนานั้น แม้ทำตามคำสั่งสอนยังไม่ได้ แต่ก็ต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ ขอให้ถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ หัวใจของศาสนาตัวเองคืออะไร เรารู้แล้วหรือยัง หยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วลองเขียนดู ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรลงไป ก็แปลว่า เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศาสนาของเรา อย่าหลอกตัวเองว่าเรารู้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรจะเขียน นึกเรื่องจะเขียนไม่ออก ก็แปลว่าเราไม่รู้ เรียบเรียงไม่ได้ ความคิดยังไม่ตกผลึกทั้งๆ ที่นับถือศาสนานี้มาแล้วชั่วชีวิต ย่อมหมายความว่า เราเป็นคนไม่ใส่ใจในศาสนาตนเองเท่าที่ควร ไม่ต้องไปตกใจหรือรู้สึกผิดบาป ทุกอย่างแก้ไขได้ ขอให้รีบปรับปรุงตัวเสียแต่วันนี้ ก็ยังไม่สาย ศาสนาเป็นรากของจิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วค่อยไปใส่ใจในวัยชรา เพราะถึงเวลานั้น ก็คงไม่ทันการแล้ว

 

15. ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่งสอนจนสำเร็จ

ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่งสอนจนสำเร็จ หมายความว่า เมื่อรู้ว่าศาสนาของตนสอนอะไร ก็ขอให้ทำ ทำด้วยความเบิกบาน ไม่จำเป็นต้องทำได้ทั้งหมด แต่ขอให้ทำเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นทุกวัน อย่าน้อย ในแง่ของศีลธรรมก็ควรจะทำให้ได้ อย่าน้อยที่สุด ก็ขอให้อายตัวเองเมื่อคิดจะพูดโกหก เมื่อจะเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตรงธรรม บุคคลในอุดมคติของแต่ละศาสนาไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีโอกาสไปถึง สำหรับคนที่ไม่มีศาสนา หรือไม่นับถืออะไร ก็ขอให้นับถือความดี ซื่อสัตย์กับความดี

 

คาถาง่ายๆ ที่สำหรับผู้ไม่มีศาสนาก็คือ

“เราไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่าไปทำสิ่งนั้นกับคนอื่น”

 

ส่วนศีลสำหรับคนไร้ศาสนานั้นมีอยู่เพียงข้อเดียวนั่นก็คือ

“อย่าขโมยความดีไปจากจิตใจของตนเอง”

 

คาถาหนึ่งบท กับศีลหนึ่งข้อ ถ้าทำได้ แม้เป็นคนไม่มีศาสนา ก็ไม่เป็นภาระต่อโลกในนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองที่ดีของโลกแ ละเพื่อนมนุษย์แล้วโดยสมบูรณ์ (ได้รับจากคุณรัตน ศรีรัตนบัลล์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นิทาน 3 เรื่อง บอกนิสัยคน

 

1. สมหวัง ไม่ชอบกินไข่

ทุกครั้งที่ได้ไข่มา ก็ให้ สมนึก กิน

แรกๆ สมนึก ก็รู้สึก ขอบคุณสมหวัง

แต่นานๆเข้า สมนึก ก็เคยชิน

เมื่อเกิดความเคยชิน ก็เหมือนกับเป็นหน้าที่

ที่ สมหวัง ต้องทำ

จนมาวันหนึ่ง สมหวัง เอาไข่ให้ สมชาย

สมนึก ก็อารมณ์เสีย โดยลืมไปว่า

ไข่นี้เป็นของ สมหวัง สมหวังจะให้ใครก็ได้

สมนึก จึงทะเลาะกับ สมหวัง เพราะเรื่องนี้

แล้วก็เลิกคบกัน

 

2. ฤดูร้อน ร้อนมาก

เพื่อนๆหลายคน ไปเดินเล่นกัน

ไปถึงแม่น้ำ ก็เอาขาไปแช่น้ำกัน

ปรากฏว่า รองเท้าของ สมศรี ลอยตามน้ำไป

ระหว่างทางเดินกลับบ้าน พื้นถนนร้อนมาก

และต้องเดินไกล สมศรีจึงขอให้เพื่อนๆช่วย

แต่ทุกคน มีรองเท้าแค่คู่เดียว

สมศรี ไม่สบอารมณ์

เพราะเธอชอบ ขอให้คนอื่นช่วยเสมอ

และแค่ทำเป็นงอน ก็จะมีคน ยื่นมือเข้าช่วย

แต่ครั้งนี้ไม่ เธอจึงคิดว่า เพื่อนๆทุกคนใช้ไม่ได้ ไม่ยอมช่วยเหลือ

แล้วก็มี สมปอง เอารองเท้าตัวเอง ให้สมศรีใส่

ยอมทนเท้าร้อน เดินต่อ

สมศรี ขอบคุณ สมปอง สมปองบอกสมศรีว่า

“เธอต้องจำไว้ว่า ไม่มีใคร มีหน้าที่ต้องช่วยเธอ

ที่ช่วยเธอ เพราะเป็นเพื่อนกัน ไม่ช่วยก็ไม่ผิด”

สมศรี จำคำพูดของสมปอง

ต่อแต่นี้ไป สมศรีก็ให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆเป็น และด้วยความเต็มใจ

หลายครั้ง เรามักจะหวังให้ คนอื่นดีต่อเรา

ตอนแรก เราก็ซาบซึ้ง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็เคยชิน

เคยชินกับที่คนอื่นดีต่อเรา

เหมือนเป็นหน้าที่ ที่เขาต้องดีต่อเรา

เมื่อวันหนึ่ง ไม่ดีต่อเรา เราก็โมโห

ความจริง ไม่ใช่ว่า คนอื่นไม่ดีต่อเราแล้ว

แต่เป็นเพราะ เราเรียกร้องมากขึ้น เคยชินกับการรับ

ก็เลยลืมบุญคุณ เลิกซาบซึ้ง ลืมขอบคุณ

 

3. แพะตัวหนึ่ง เจอหมาป่า

หมาป่าจะกินแพะ แพะจึงสู้

ใช้เขาสู้กับหมาป่า และก็ตะโกนขอให้เพื่อนๆช่วย

วัว มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไป

ม้า มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไปอีกตัว

ลา เห็นเป็นหมาป่า ก็เดินหนีไปอย่างเงียบๆ

หมู ผ่านมา เห็นเป็นหมาป่า ก็หายตัวไป

กระต่าย ได้ยิน วิ่งหนีแซงเพื่อนๆไปทุกตัว

หมา ได้ยิน รีบวิ่งเข้ามา จะสู้กับหมาป่า

หมาป่าเห็นมีหมามาช่วย จึงวิ่งหนีไป แพะรอดตาย

กลับมาถึงบ้าน เพื่อนๆมาทุก “ตัว”

วัวบอก “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เขาของข้า แทงทะลุท้องมัน”

ม้า “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เกือกของข้า กระทืบมัน”

ลา “ทำไมไม่บอก ข้าจะร้องเสียงดังๆ ให้หมาป่าตกใจตาย”

หมู “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้ปากของข้า พุ่งชนให้มันตกเขาไป”

กระต่าย “ทำไมไม่บอก ข้าวิ่งเร็ว ข้าจะไปส่งข่าวของความช่วยเหลือ”

ในการพูดคุยกันอย่างเมามันนี้

ขาดอยู่”ตัว”เดียวคือ หมา

มิตรภาพที่แท้จริง ไม่ใช่ดูที่ คำพูด ที่แสนหวาน

แต่เป็น มือ ที่ยื่นให้ตอนคับขัน

พวกที่อยู่ล้อมหน้าล้อมหลังคุณ ทำให้คุณรู้สึกดี อาจจะไม่ใช่เพื่อนแท้ของคุณ

แต่กับเขา ที่ดูเหมือนห่างไกล แต่ใส่ใจคุณตลอดเวลา

ตอนคุณมีความสุข ไม่ไปสมทบ

แต่ตอนคุณต้องการช่วยเหลือ จะทำเพื่อคุณอย่างเงียบๆ และเป็นห่วงใส่ใจคุณ

นั่นเป็นเพื่อนแท้ของคุณ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นิทาน ให้แง่คิดดีครับ

ทำให้ต้องย้อนกลับมามองตัวเราเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผยจีนต้องการซื้อทองคำเพิ่มอีกเพียบ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เหตุประชากรร่ำรวยขึ้น

 

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 17:22:45 น.

 

13979830971397983173l.jpg

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ว่า สภาทองคำโลกได้ประเมินว่า ความต้องการทองคำของจีนจะเพิ่มขึ้นเป็นอีก 20 เปอร์เซนต์ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากประชากรจีนร่ำรวยขึ้น

 

 

โดยสภาทองคำโลกระบุว่า คาดว่าก่อนปี 2017 ความต้องการทองคำของภาคเอกชนจีนจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,350 ตัน โดยเมื่อปีที่แล้ว มีชาวจีนซื้อทองคำเป็นจำนวน 1,132 ตัน เช่นเดียวกับการซื้อทองคำแท่ง และเหรียญทองคำเพื่อลงทุนเก็งกำไร โดยเมื่อปีที่แล้ว จีนเพิ่งแซงหน้าอินเดีย กลายเป็นผู้บริโภคซื้อทองคำรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า วัฒนธรรมในการสั่งสมทองคำของจีนกำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น จากปัจจัยที่ประชากรจีนร่ำรวยเพิ่มขึ้น และการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นเหตุให้ทิศทางการลงทุนซื้อทองคำในจีนจะขยายตัวมากยิ่งขึ้นในอนาคต

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1397983097&grpid=&catid=06&subcatid=0600

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพิ่งเข้ามา ชอบนิทานที่ป๋าบ่นเชียว เอ๋ แต่ตอนนี้ป๋าหายไหนคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...