ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

อ่านข่าวสารกันนะ

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรส

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3618 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3609 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.7080 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.7117 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.58 เยน จากระดับ 101.33 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8919 ฟรังค์ จากระดับ 0.8921 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9391 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9388 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนต่างจับตาการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของนางเยลเลนต่อสภาคองเกรสในวันอังคารและพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่านางเยลเลนจะยังคงมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวต่อคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการเศรษฐกิจและการเงินของรัฐสภายุโรปว่า การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรอาจจะถ่วงการฟื้นตัวของยูโรโซน

 

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดของเฟดที่มีการเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 15 กรกฎาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำปรับตัวลงในปริมาณมากในการซื้อขายวานนี้ จนทำให้ภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองเกิดสัญญาณขายเตือนว่าราคาทอง อาจเข้าสู่ช่วงปรับฐาน หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน สถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางและประเด็นปัญหาการเงินของธนาคารใน โปรตุเกสที่เริ่มคลี่คลาย กดดันให้นักลงทุนขายทองกลับออกมา

 

โดยราคา ทองปิดตลาดเมื่อวานนี้ 1,306.95 ดอลลาร์ ลดลง 30.88 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,303 และ 1,339 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 20,150 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,050 บาท กองทุน SPDR รายงานวานนี้ว่าได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้นราว 8.68 ตัน โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 808.73 ตัน

 

ราคาพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐฯ อ่อนแรงลง สะท้อนถึงความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่เริ่มลดลง ภายหลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารบัง โค เอสปิริโต ซานโต โดยเชื่อว่าปัญหาของธนาคารดังกล่าวจะไม่ก่อความเสี่ยงต่อระบบธนาคารของยูโร โซน ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนทั่วโลกกังวลว่าการชำระหนี้ระยะสั้นที่ล่าช้าของบัง โค เอสปิริโต ซานโต อาจส่งผลต่อสถาบันการเงินอื่นๆ ในยุโรป นักลงทุนต่างยังให้ความสนใจไปยังเรื่องการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มในวันนี้ รวมทั้งการรายงานยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองหากรายงานออกมา ดีหรือแย่กว่าผลสำรวจ

 

โดยผลสำรวจประเมินว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนจะขยายตัวขึ้น 0.6% หลังจากในเดือนก่อนหน้าขยายตัว 0.3% โดยรายงานดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่พึ่งพาการบริโภคเป็นหลัก ส่วนภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองเริ่มมีสัญญาณเตือนว่าราคาทองอาจ เข้าสู่ช่วงปรับฐานหลังจากราคาทองไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,325 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ หากกรณีที่ราคาทองสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,325 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ได้ ภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคก็จะกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางฟื้นตัวต่อไป แนวรับสำหรับเก็งกำไรการดีดตัวในระหว่างวันอยู่ที่บริเวณ 1,295-1,300 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ หากไม่สามารถประคองตัวเหนือแนวรับบริเวณนี้ได้ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามากขึ้น.

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (15/07/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า

 

ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2557 ค่าเปิดตลาดที่ระดับ 32.15/16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเทียบกับระดับปิดตลาดในวันพฤหัสบดี (10/7) ที่ระดับ 32.17/18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

 

โดยแข็งค่าต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อนเนื่องจากกระแสเงินทุนจากต่างชาติยัง มีแนวโน้มไหลเข้ามาในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ของไทย ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าในช่วงนี้

 

ขณะที่นักลงทุนกำลังรอฟังถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหาฐ (เฟด) ซึ่งนางเยลเลนมีกำหนดจะแถลงเรื่องนโยบายการเงินของเฟดต่อคณะกรรมาธิการการ ธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในคืนวันนี้ และแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธ นี้ รวมถึงตลาดรอการปิดตลาดที่ระดับ 32.11/13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับเกือบ 0% ในสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปจนถึงครึ่งหลังของปี 2558 พร้อมกับเสริมว่า เขาต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอีกหลายเดือนก่อนจะได้ข้อสรุปว่าอัตราเงินเฟ้อได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่เป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐที่ 2% จริงหรือไม่

 

นายล็อคฮาร์ทให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า เขาจะพอใจหากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย หรือบางทีอาจจะทะลุไปถึง 2.5% เนื่องจากเฟดจะมีการปรับนโยบายตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น

 

เขากล่าวต่อไปว่า เฟดไม่ได้รีบร้อนในการปรับยอดดุลบัญชีที่สูงเกินไปหากอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ตราบใดที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายยังสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นได้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 14 กรกฎาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยสัญญาทองคำปรับตัวลงหนักสุดในรอบปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญา ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 30.7 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 1,306.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปรับตัวลง 54.7 เซนต์ ปิดที่ 20.914 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 20.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,493 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 3.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 872.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น เหนือระดับ 17,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับซิตี้กรุ๊ป อิงค์ซึ่งเปิดเผยผลกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดในช่วงไตรมาส 2 หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในการยุติคดีความเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำ ประกัน (MBS) ซึ่งมีการจำหน่ายก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงิน

 

ทั้งนี้ ผลกำไรสุทธิ ซึ่งไม่รวมรายจ่ายพิเศษ ในช่วงไตรมาส 2 ของซิตี้กรุ๊ป อยู่ที่ 3.93 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.24 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 1.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่ารัฐบาลอินเดียได้ตัดสินใจคงอัตรา ภาษีนำเข้าทองคำไว้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10% ซึ่งตรงข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง

 

นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดจะแถลงนโยบายการเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการ ธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ตามด้วยการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐใน วันพุธ

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 15 กรกฎาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ สหรัฐส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวร่วงลงหนัก30.70ดอลลาร์ หรือ2% ปิดที่1,306.70ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ สหรัฐส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวร่วงลงหนัก30.70ดอลลาร์ หรือประมาณ 2%ปิดที่1,306.70ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ในทางเทคนิคแล้ว ราคาทอง ปรับตัวขึ้นมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของราคาทอง จะขึ้นอยู่กับข่าวเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ก็มีแนวโน้มจะทำให้เกิดความเสี่ยงช่วงขาลงต่อราคาทอง

 

นักลงทุนต่างจับตาดูถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เพื่อประเมินความเป็นไปได้ ในการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด โดยนางเยลเลน มีกำหนดจะแถลงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรส ในสัปดาห์นี้

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (15/07/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ได้แค่อ่าน แต่ต้องไม่เชื่อตามหลายประเด็น

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนกรกฎาคม 2557 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำปรับตัวอยู่ที่ระดับ 56.14 จุด หรือเพิ่มขึ้น 23.31% จากเดือนก่อนที่ดัชนีอยู่ที่ 45.53 จุด โดยค่าดัชนีปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 50 จุดอีกครั้งสะท้อนมุมมองในเชิงบวกต่อราคาทองคำในประเทศระหว่างเดือน โดยความเห็นต่อราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความวิตกต่อภาวะการสู้รบในอิรักที่ อาจจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน หนุนความต้องการสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อและความผันผวน ด้านการปรับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และค่าเงินบาทยังเป็นปัจจัยที่ให้น้ำหนัก ขณะที่กลุ่มตัวอย่างกว่า 37% เชื่อว่าจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า

 

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในช่วงสามเดือนข้างหน้าจากการสำรวจพบว่า ดัชนีโดยรวมอยู่ที่ระดับ 63.81 จุด เพิ่มขึ้นจากการจัดทำเดือนมิถุนายน ทำให้เชื่อว่ากลุ่มตัวอย่างยังคงมีมุมมองระยะกลางต่อราคาทองคำในเชิงบวก โดยมองปัจจัยสนับสนุนประเด็นใกล้เคียงกันคือความเสี่ยงในอิรัก ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเงินบาท

 

“ช่วงครึ่งปีหลังกรอบราคาทองคำจะอยู่ที่ 1,100 - 1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นไปทิศทางแกว่งตัว โดยคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศจีน ภายหลังที่รัฐบาลจีนมีนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนทำให้ต้องการทองคำเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น้รื่อยๆ รวมถึงประเทศรัสเซียที่ทยอยซื้อทองคำเป็นจำนวนมาก โดยทุกเดือนที่ผ่านมารัสเซียทยอยซื้อทองคำสะสมเพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 20 ตัน”

 

ด้านดร.ทรรศนะ บุญขวัญ ประธานคณะทำงานศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) จากผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ ผู้ค้าส่งทองคำ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคา ทองคำ จำนวน 11 ตัวอย่าง พบว่าผู้ค้ามีความเห็นแตกต่างกันในมุมมองที่มีต่อราคาทองคำระหว่างเดือน กรกฎาคม โดยมีผู้ค้า 5 รายมองทองคำเพิ่มขึ้น 4 รายมองราคาทองหดตัวระหว่างเดือนและอีก 2รายมองใกล้เคียงเดือนมิถุนายน

 

โดยมองว่าราคาทองคำในตลาดโลกกรอบสูงสุดน่าจะอยู่ระหว่าง 1,320-1,360 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่กรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดจะอยู่ที่ 1,280-1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดที่ 20,800-21,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดอยู่ที่ 19,600-19,800 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (15/07/2557)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนี ออกโรงเตือนในวันเสาร์ (12) โดยระบุการฟื้นตัวของกลุ่ม “ยูโรโซน” หรือกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลักร่วมกัน ยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางอย่างยิ่งยวด พร้อมชี้ วิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในภาคสถาบันการเงินของโปรตุเกสในเวลานี้ อาจกลายเป็นปัจจัยเชิงลบที่สร้างความเสียหายต่อทั้งยุโรปและเศรษฐกิจโลกโดยรวม

 

นายกรัฐมนตรีหญิงวัย 59 ปีของเยอรมนี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะผู้นำรัฐบาลเมืองเบียร์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2005 ระบุว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมา จะมีสัญญาณเชิงบวกหลายอย่างเกิดขึ้นในกลุ่มยูโรโซน แต่สัญญาณเชิงบวกเหล่านั้นยังมิอาจการันตีได้ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนได้กลับไปอยู่บนเส้นทางที่มีเสถียรภาพแล้วแต่อย่างใด

 

“ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของยูโรโซนยังคงเปราะบาง และพร้อมจะหล่นลงสู่หุบเหวแห่งความถดถอยได้อีกทุกเมื่อ หากเรายังคงหลงระเริงกับข่าวดีเล็กๆ น้อยๆ ทางเศรษฐกิจ จนละเลยออกจากแนวทางการรักษาวินัยทางการคลัง และยึดมั่นในการลดขาดดุล” แมร์เคิลกล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมสมาชิกพรรคคริสเตียน เดโมเครติก ยูเนียน (ซีดียู) ที่เมืองเยนา ทางภาคตะวันออกของเยอรมนี

 

นางแมร์เคิล ยังกล่าวว่า ในความเป็นจริงแล้ว เธอมิใช่ผู้ที่ “บ้าคลั่งในวิถีแห่งการรัดเข็มขัด” และสร้างวินัยทางการคลัง จนละเลยแนวทางสร้าง “การเติบโต” ตามที่เธอมักถูกโจมตีจากรัฐบาลของหลายประเทศในยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศสและอิตาลี

 

“จริงๆ แล้ว ดิฉันมิใช่พวกที่บ้าคลั่งกฎเกณฑ์ หรือพวกที่ลุ่มหลงแต่การรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจ แต่มิใช่เพราะกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดทางการเงินการคลังเหล่านี้หรอกหรือ ที่ทำให้หลายประเทศในยูโรโซนเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตหนี้สิน และการใช้จ่ายที่เกินตัว” นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนีกล่าวเสริม

 

ท่าทีล่าสุดของ นางแมร์เคิล มีขึ้นหลังจากที่ “ธนาคารเอสปิริโต ซันโต” ซึ่งเป็นสถาบันการเงินใหญ่อันดับ 2 ของโปรตุเกสประสบปัญหาด้านสภาพคล่องอย่างหนักจนกระทบต่อศักยภาพในการชำระหนี้ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงตลาดพันธบัตรยูโรโซน และค่าเงินยูโร

 

ขณะเดียวกัน สถาบันจัดอันดับชื่อดังอย่างสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอส แอนด์ พี) ประกาศปรับลดความน่าเชื่อถือด้านเครดิตเรตติ้งระยะยาวของธนาคารเอสปิริโต ซันโตลงสู่ระดับ “B+” จากระดับ “BB-”

 

ที่มา : ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 12 กรกฎาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส กล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของฝรั่งเศสมีการฟื้นตัว แต่ยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบางเกินไป โดยเขาให้คำมั่นที่จะเพิ่มความพยายามและส่งเสริมการปฏิรูป เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาสู่การขยายตัวอย่างยั่งยืนอีกครั้ง

 

“เราได้หลุดพ้นจากวิกฤตยูโรโซนแล้ว เศรษฐกิจมีการฟื้นตัว แต่ยังเปราะบาง ไม่แน่นอนและอ่อนไหวเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้" ปธน.ออลลองด์กล่าว

 

เขากล่าวเสริมว่า “เราไม่ได้เผชิญกับภาวะถดถอยอีกต่อไป แต่การฟื้นตัวเชื่องช้ามาก ผมจึงตัดสินใจที่จะเร่งเดินหน้าการปฏิรูปต่างๆ และจะไม่เพียงแต่รอให้เศรษฐกิจของยุโรปมีการฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น เพราะฝรั่งเศสไม่สามารถรอได้"

 

ปธน.ฝรั่งเศสได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ France 2 และ TF1 เนื่องในวันชาติฝรั่งเศส โดยกล่าวย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลฝรั่งเศสให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือการลดอัตราว่างงาน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสทื (14/07/57)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ El Sharara ซึ่งมีกำลังผลิต 340,000 บาร์เรลต่อวัน และท่าเรือหลัก El Sider และ Ras Lanuf กลับมาเปิดใช้การได้อีกครั้ง แม้อาจต้องใช้เวลาในการซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมันและอุปกรณ์การส่งออกน้ำมัน ต่างๆ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าการส่งออกลิเบียอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ความไม่แน่นอนของการปะทะกันระหว่างกองทัพรัฐบาลยูเครนกับกบฎแบ่งแยกดินแดน ฝักฝ่ายรัสเซียในยูเครนตะวันออกว่าจะเป็นไปในทิศทางใด หลังตัวแทนรัฐบาลยูเครนย้ำไม่ยอมหยุดยิงฝ่ายเดียวอีกต่อไป ขณะที่แกนนำของกบฎแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซียในยูเครนยังคงเตรียมตัวตอบโต้ กลับกองทัพยูเครนอย่างต่อเนื่อง

แม้ความรุนแรงในอิรักที่ลดความรุนแรงลงและไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมัน ดิบทางตอนใต้ของประเทศแต่ปัญหาการแยกตัวออกมาเป็นรัฐอิสระของชาวเคิร์ด ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิรักอาจส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลเรื่องอุทานน้ำมัน ดิบอิรักอีกครั้ง โดยปัจจุบันการส่งออกน้ำมันดิบจากบริเวณเคอร์ดิสถานอยู่ที่ราว 300,000 บาร์เรลต่อวัน

เหตุการณ์ความรุนแรงในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ล่าสุดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และสร้างความกังวลว่าเหตุการณ์จะบานปลายไปยังบริเวณอื่นในตะวันออกกลาง ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเรียกร้องทุกฝ่ายยุติการยิง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความไม่แน่นอนของการปะทะกันระหว่างกองทัพรัฐบาลยูเครนกับกบฎแบ่งแยกดินแดน ฝักฝ่ายรัสเซียในยูเครนตะวันออกว่าจะเป็นไปในทิศทางใด หลังตัวแทนรัฐบาลยูเครนย้ำไม่ยอมหยุดยิงฝ่ายเดียวอีกต่อไป ขณะที่แกนนำของกบฎแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซียในยูเครนยังคงเตรียมตัวตอบโต้ กลับกองทัพยูเครนอย่างต่อเนื่อง

 

********* ตรงนี้ น่าเป็นข้ออ้างอย่างดี ถ้าทองจะ Rebound ชั่วคราว

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวลงเล็กน้อยในวันนี้ หลังเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งวานนี้ โดยนักลงทุนรอดูการแถลงรอบครึ่งปีของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐต่อรัฐสภาสหรัฐ

 

ดัชนี Stoxx 600 ขยับลงไม่ถึง 0.1% แตะ 339.66 เมื่อเวลา 8.08 น.ตามเวลาลอนดอน

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 4,344.50 จุด ลดลง 5.54 จุด หรือ 0.13% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเปิดที่ 9,764.69 จุด ลดลง 18.32 จุด หรือ 0.19%

 

หุ้นซอฟต์แวร์ เอจี ร่วงลง 14% ภายหลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงาน หุ้นแดรเกอร์เวิร์ก เอจี ร่วง 10% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์การเติบโตของยอดขาย

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 15 กรกฎาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง มองกรอบลงทุนทองคำครึ่งปีหลัง 1,180-1,420 เหรียญต่อทรอยออนซ์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของยูโรโซน และส่อแววลดดอกเบี้ยลงอีก บวกปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครนยังไม่จบ บวกกับปัญหาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์หนุนนักลงทุนเข้าลงทุนทองคำที่เป็น สินทรัพย์ปลอดภัย แนะจับตาท่าทีเฟดต่อการลด QE กดดันราคาทองช่วงที่เหลือของปีนี้

 

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX ประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 ว่า การเคลื่อนของราคาทองคำยังคงอยู่ในกรอบ 1,180-1,420 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หลังจากมีการปรับตัวลงกว่า 38% จากจุดสูงสุดที่ 1,920 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และมีจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,180 เหรียญต่อทรอยออนซ์

 

ทั้งนี้เชื่อว่าราคาให้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของทางยูโรโซน ที่อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว

 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศยูเครนและยูเครนตะวันออกซึ่ง ฝักใฝ่รัสเซียหากขยายตัวเป็นปัญหาระหว่างประเทศจะส่งให้ทองคำได้รับความสนใจ ในฐานสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับปัญหาทางอิสราเอลล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของ อิสราเอลต่อฉนวนกาซาเป็นระยะเวลา 4 วัน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 118 รายยังเป็นตัวหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานสินทรัพย์ปลอดภัย

 

อย่างไรก็ตามปัจจัยกดดันราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังคงมีอยู่ จากความกังวลว่า เฟดจะเดินหน้าปรับลดวงเงินในมาตรการ QE ลงจนสิ้นสุดมาตรการดังกล่าวภายในเดือนตุลาคม 2557 และช่วงครึ่งปีแรกทางกองทุน SPDR มีการขายลดสถานะออกมาเพียง 7 ตันเมื่อเทียบกับปี 2556 กองทุนดังกล่าวมีการขายลดสถานะถึง 380 ตัน ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ากองทุนดังกล่าวได้ผ่านช่วงปรับพอร์ตการลงทุนไปแล้ว และในอนาคตคาดว่าจะไม่มีแรงขายขนาดใหญ่เหมือนในครึ่งปีแรกของปี 2556 อีก

 

“การลดมาตรการ QE ของเฟดที่จะทยอยปรับลดลงในทุก ๆ ครั้งที่มีการประชุมจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งจะส่งผลให้มาตรการดังกล่าวยุติลงในเดือนตุลาคม 2557 หลังจากมีการใช้มาตรการ QE มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐหากมี การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นจะส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับสู่สหรัฐและ ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันต่อราคาทองคำได้” นายโสฬส กล่าว

 

อีกทั้งนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด แถลงต่อรัฐสภาสหรัฐว่า เฟดจะเดินหน้าปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะจบโครงการ ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวตามเป้าหมาย และเธอยังระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดว่านโยบายอัตราดอกเบี้ยจะกลับ เข้าสู่ภาวะปกติในปี 2558 หรือ 2559

 

กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวถึงราคาทองในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,180-1,420 เหรียญต่อทรอยออนซ์ โดยเริ่มปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี ซึ่งไดรับแรงหนุนจากธนาคารกลางยุโรปพร้อมที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเติมหากมีความจำเป็น และนักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังรัฐสภาของไครเมียมี มติรับคำประกาศอิสรภาพจากยูเครน โดยผลการนับคะแนนบ่งชี้ว่า 95.5% ของชาวไครเมียที่ไปใช้สิทธิ์ลงประชามติ ต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับรัสเซีย

 

ขณะที่สหรัฐและประชาคมโลกจะไม่ยอมรับผลดังกล่าว ทั้งนี้ สหรัฐได้ยกเลิกการเจรจาทางการค้า และการแลกเปลี่ยนทางการทหารกับรัสเซีย และยังอนุมัติให้ระงับวีซ่า และอายัดสินทรัพย์ของชาวรัสเซียและชาวยูเครนหลายราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่รัสเซียส่งทหารเข้าไปในไครเมีย

 

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในทองคำช่วงครึ่งปีหลัง 2557 ดังนี้ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้เล่นเก็งกำไรในกรอบ 1,180-1,420 เหรียญต่อทรอยออนซ์ โดยซื้อที่แนวรับและขายออกที่แนวต้าน ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาปรับตัวลงมาในกรอบ 1,180-1,250 เหรียญต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากในระยะยาวราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 15 กรกฎาคม 2557)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะขยายตัวมากกว่า 1% เพียงเล็กน้อยในปีนี้ ก่อนที่จะเติบโต 1.5% ในปี 2558

 

ไอเอ็มเอฟเปิดเผยในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งหลังสรุปการประชุมหารือประจำปี 2557 ว่าด้วยภูมิภาคยูโรโซน หรือ Article IV Consultation ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนกำลังมีการฟื้นตัว ขณะที่ผลผลิตที่แท้จริงได้ขยายตัวเป็นเวลา 4 ไตรมาสติดต่อกัน และบรรยากาศในตลาดการเงินได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

“แต่การฟื้นตัวดังกล่าวไม่ได้สดใสหรือแข็งแกร่งเพียงพอ" ไอเอ็มเอฟระบุ ซึ่งตอกย้ำถึงอุปสงค์ที่อ่อนแรง เงินเฟ้อที่ระดับต่ำ และความเสี่ยงทางการเงินในประเทศต่างๆ ซึ่งยังคงเผชิญกับภาระหนี้สินจำนวนมากและการว่างงานที่ระดับสูง

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14/07/57)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...