ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

รองนายกรัฐมนตรีจีน เตือน “อย่าหลงคำหวานชาวแดนผู้ดี”

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กันยายน 2554 17:06 น.

 

Share

 

 

 

 

(ซ้าย) หวัง ฉีซาน รองนายกรัฐมนตรีจีน และจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษ(ขวา) เยี่ยมชมสนามกีฬาโอลิมปิกสเตเดี้ยม กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา(ภาพเอเอฟพี)

 

       เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - หวัง ฉีซาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้กล่าวกับบรรดานักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินชาวจีน ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนแดนผู้ดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า “อย่าไปหลงคารมคำหวานของคนอังกฤษ”

       

       เหยา ซู่เจี๋ย ศาสตราจารย์ด้านจีนศึกษาร่วมสมัยแห่งมหาวิทยาลัยน็อทติ้งแฮม ได้เผยบนเว็บบล็อกของตนเมื่อ(13 ก.ย.)ว่า “จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งอังกฤษ ได้กล่าวกับหวัง ฉีซาน รองนายกรัฐมนตรีจีนว่า ชาวจีนแผ่นดินใหญ่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะส่งลูกหลานมาศึกษาในโรงเรียนเอกชนอังกฤษได้ ซึ่งตกประมาณปีละ 20,000 ปอนด์เฉพาะค่าเรียน แสดงให้เห็นว่าชาวจีนกำลังร่ำรวยมากขึ้น”

       

       เหยา อ้างคำกล่าวของหวัง ฉีซาน ว่า “คนอังกฤษมักจะโปรยยาหอมหว่านคำหวานแก่ผู้อื่นโดยไม่ยั้ง เราไม่ควรหลงคารมเหล่านั้น แต่ควรทำความเข้าใจและมองให้ทะลุถึงเบื้องลึกว่าพวกคิดอย่างไรกันแน่ หาไม่แล้วคำหวานเหล่านั้นอาจทำให้เราหลงตัวเองและปั่นหัวเราเล่นได้”

       

       หวัง ได้กล่าวอีกว่า “จีนต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่จะผงาดขึ้นมาเทียบชั้นชาติตะวันตกได้ เมื่อช่วงที่อังกฤษและสหรัฐฯผงาดเรืองอำนาจ โลกมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และราคาสินค้าค่าครองชีพต่างๆยังถูก แต่ช่วงที่จีนผงาดขึ้นมาในปัจจุบัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป จีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่สูงขึ้นกว่าที่อังกฤษและสหรัฐฯเคยเผชิญในอดีต”

       

       เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(9 ก.ย.) หวัง ฉีซาน ได้พบปะถกเถียงหัวข้อต่างๆอย่างกว้างขวางกับนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินจีน 10 คน ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด อย่างไรก็ตามประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดคือ ชาวต่างชาติรับรู้การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอย่างไร และมองว่าเศรษฐกิจจีนมีบทบาทอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก

       

       ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศอังกฤษ หวัง ฉีซาน ได้เข้าร่วมการเจรจาเศรษฐกิจและการเงินระหว่างจีน-สหราชอาณาจักรครั้งที่ 4 (China-UK Economic and Financial Dialogue) ได้พบปะหารือกับจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ และเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จากนั้นก็ได้เดินทางไปเยือนประเทศตรินิแดดและโตเบโก พร้อมทั้งได้ประกาศเมื่อวันจันทร์(12 ก.ย.)ว่า จีนจะปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นในกลุ่มประเทศแคริบเบียน

       

       สำหรับการปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศต่างๆของหวังในช่วงนี้มีขึ้นท่ามกลางวิกฤตสถานการณ์หนี้สาธารณะในยุโรป โดยบรรดานักการเมืองยุโรปได้เรียกร้องให้จีนมีส่วนร่วมรับผิดชอบเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ขณะที่นิโคลาส ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้กล่าวระหว่างเยือนจีนเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมาว่า “จีนมีบทบาทที่สำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ฯ” อีกทั้งจอน ออสบอร์น เคยเผยเมื่อปีที่ผ่านมา(2553)ว่า "อังกฤษต้องขอความช่วยเหลือจากจีนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจแดนผู้ดี"

       

       จยา ชิงกั๋ว รองคณบดีสถาบันต่างประเทศศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เผยว่า “ชาวต่างชาติเชื่อว่าจีนควรแสดงบทบาทรับผิดชอบเศรษฐกิจโลกมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามจีนจำเป็นต้องพิจารณาสถานการณ์ภายในประเทศด้วย จึงไม่อาจตอบรับเสียงเรียกร้องได้หมดทุกเรื่อง”

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอพีรายงานว่า เมื่อ 14 ก.ย. บ๊อบ เทอร์เนอร์ ส.ส.พรรครีพับลิกัน อดีตผู้บริหารทีวี คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งนัดพิเศษในมหานครนิวยอร์กของสหรัฐ เอาชนะเดวิด เวปริน จากเดโมแครตไปได้ สะท้อนว่าเส้นทางที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาจะกลับมาชิงชัยเป็นผู้นำสมัยที่สองมีความยากลำบากรออยู่ เพราะเดิมเดโมแครตเป็นเจ้าของพื้นที่นี้ แต่เจ้าของเก้าอี้เดิม แอนโธนี่ ไวเนอร์ จำต้องลาออกไปเพราะข่าวอื้อฉาวเรื่องส่งรูปลามกของตนเองไปจีบผู้หญิงหลายคน

 

นายเทอร์เนอร์ กล่าวว่า นี่คือคำตอบของประชาชนจากผลงานรอบหนึ่งปีเต็มของรัฐบาลและมันจะแสดงผลเช่นนี้อีกครั้งในปีหน้าที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ตนหวังว่าจะมีคนได้ยินเสียงชาวนิวยอร์ก หลังจากนั้นเราจะเริ่มต้นทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความถูกต้องอีกครั้ง

 

ก่อนหน้านี้ มาร์ก อาโมเด จากรีพับลิกันเพิ่งชนะด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายในการเลือกตั้งที่รัฐเนวาดาไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรัฐสำคัญสำหรับฐานหาเสียงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

早上好...อรุณสวัสดิ์เพื่อนๆทุกท่าน:lol:

ขอบคุณเพื่อนๆสำหรับข้อมูลข่าวสารต่างๆครับem0009.gif em0009.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกรัฐมนตรีเดนมาร์กประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ต่อฝ่ายค้าน

 

นายกรัฐมนตรีลาร์ส โลกเก้ ราสมุสเซน ของเดนมาร์กกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งคนสำคัญ เปิดทางให้ประเทศมีผู้นำรัฐบาลหญิงคนแรก

นายราสมุสเซนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนางเฮลล์ ธอร์นิ่ง-ชมิดต์ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ชนะการเลือกตั้ง และยินดีที่เธอมีโอกาสที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทั้งนี้ ฝ่ายซ้ายจัดของเดนมาร์กชนะการเลือกตั้งทั่วไปวานนี้ หลังจากต้องเป็นฝ่ายค้านนาน 10 ปี ซึ่งผลการนับคะแนนร้อยละ 99 แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายซ้ายจัดชนะการเลือกตั้งได้ 89 ที่นั่ง ขณะที่ฝ่ายขวาจัดของนายราสมุสเซนได้ 86 ที่นั่ง.

 

โกลด์แมน แซคส์ ชี้ภายใน 1 ปี อาจได้เห็นราคาน้ำมันโลก ทยานแตะ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ คาดการณ์ว่าภายในระยะเวลา 1 ปี โลกอาจได้เห็นราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ขยับเพิ่มแตะบาร์เรลละ 130 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากดีมานด์ของภูมิภาคเอเชีย ยังคงแข็งแกร่ง ช่วยชดเชยผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังคุกคามประเทศตะวันตก ส่วนราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ค โกลด์แมน แซคส์ คาดว่าน่าจะพุ่งแตะบาร์เรลละ 126.50 ดอลลาร์ ภายในปีหน้า โกลด์แมน แซคส์ ชี้ด้วยว่าบรรดาประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ จะยังคงเป็นฟันเฟืองหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไป โดยคาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจจีน จะขยายตัวได้อย่างสดใสถึงร้อยละ 9.2 ทั้งนี้ การคาดการณ์ของโกลด์แมน แซคส์ มีขึ้นหลังล่าสุด ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทยานขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่บาร์เรลละ 113 ดอลลาร์ 93 เซนต์ ระหว่างการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน

 

สหภาพยุโรป คาดเศรษฐกิจยูโรโซนจะประสบภาวะชะงักงันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

คณะกรรมาธิการยุโรป หรือ อีซี ประเมินว่าเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งกำลังถูกพิษหนี้สินรุมเร้า จะเข้าสู่ภาวะชะงักงันอย่างแท้จริงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของช่วงไตรมาส 3 ลงครึ่งหนึ่งเหลือร้อยละ 0.2 ส่วนในไตรมาส 4 คาดว่าจะขยายตัวได้เล็กน้อยร้อยละ 0.1 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ร้อยละ 0.4 ด้านสถานการณ์เงินเฟ้อโดยรวมของ 17 สมาชิกยูโรโซน ซึ่งใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน อีซี คาดว่าปีนี้จะทรงตัวอยู่เหนือร้อยละ 2.0 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังคงซบเซา แต่อย่างไรก็ดี อีซี เชื่อว่าเศรษฐกิจยูโรโซน จะไม่ด่ำดิ่งสู่ภาวะถดถอยซ้ำอีกระลอก

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในจีน ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 ในเดือนสิงหาคม

 

กระทรวงพาณิชย์จีน รายงานว่ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในจีนขยับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 ในเดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ 8, 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากนับรวมยอดตลอดช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ จะพบว่าจีนดึงดูดยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ได้มากถึง 77,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 17 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ มองว่าปัจจัยหลักมาจากการที่เศรษฐกิจจีนยังเติบโตได้อย่างร้อนแรงต่อเนื่อง สวนทางกับเศรษฐกิจทางฝั่งตะวันตก ทั้งสหรัฐและยุโรป ที่ต่างอยู่ในช่วงขาลง

 

 

นักวิเคราะห์ คาดราคาทองจะทยานเหนือออนซ์ละ 2000 ดอลลาร์ ภายในปีนี้

 

บริษัทที่ปรึกษาจีเอฟเอ็มเอส คาดการณ์ว่าภายในปีนี้ โลกอาจได้เห็นราคาทองคำทยานแตะออนซ์ละ 2, 000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรก หากเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวนหนักอย่างเช่นที่เป็นอยู่ต่อไป ทั้งนี้ ราคาทองซื้อขายล่าสุดที่ตลาดลอนดอนวานนี้ เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,810 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังก่อนหน้านี้เคยขยับเพิ่มแตะออนซ์ละ 1,921.15 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก แนะนำให้ผู้ฝากเงินสังเกตสัญลักษณ์สถาบันคุ้มครองเงินฝาก กับสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนทำธุรกรรม

 

-สถาบันคุ้มครองเงินฝาก แนะนำให้ผู้ฝากเงินสังเกตสัญลักษณ์สถาบันคุ้มครองเงินฝาก กับสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนทำธุรกรรม

นายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ สคฝ. เปิดเผยว่า หลังจากที่ สคฝ.ได้แจกจ่ายสติ๊กเกอร์ตราสัญลักษณ์สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ให้กับสถาบันการเงิน 38 แห่งและสาขาทั่วประเทศไปแล้ว เพื่อแสดงว่า สถาบันการเงินนั้น ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด มีประชาชนผู้ฝากเงินสอบถามถึงสัญลักษณ์ดังกล่าวก่อนทำธุรกรรมต่าง ๆ กับสถาบันการเงิน เพื่อสร้างความมั่นใจ และเป็นการรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคในการตรวจสอบข้อมูล

 

นอกจากนี้ สถาบันคุ้มครองฝากอยู่ระหว่างการขอให้ ธนาคารพาณิชย์ติดประกาศรายละเอียดของประเภทเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง รวมทั้งจะขอความร่วมมือให้มีการประทับตราคุ้มครองเงินฝากที่ผลิตภัณฑ์ของธนาคารที่ได้รับความคุ้มครอง // ผู้สนใจรายละเอียดต่างๆของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก สอบถามได้ที่ 02-272-0300

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สิ่งที่คาดว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ สหภาพยุโรป EU

ประกาศมาตรการ ให้ธนาคารต่างๆ ในยุโรป กู้ยืมเงินระยะสั้น 7 วัน ในกรอบ 3 เดือน ในสกุลเงินเฉพาะ US Dollar

มาจากกฎ บาร์เซล 3 ตามข่าวข้างล่าง ( แต่จะเป็นกรณี เตี้ยอุ้มค่อม หรือเปล่า ) ต้องรอนักลงทุนขาใหญ่

เป็นคนตัดสินใจครั้งนี้ ช่วงต้นนี้ เกิดอาการ Panic ตื่นตระหนก ถ้ามีการได้ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมถึงผลได้

ผลเสีย เพราะเป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลกลาง 4 แห่ง กำลังนำเงินภาษีีประชาชน ไปเสี่ยงกับธนาคารฯ ที่มี

ความเสี่ยง

 

รอยเตอร์ ธนาคารกลางทั่วโลกตกลงที่จะบีบให้ธนาคารถือทุนสำรองเพิ่มมากกว่าสามเท่าโดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติสินเชื่อระหว่างประเทศขึ้นอีก ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงระเบียบธนาคารทั่วโลกครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปี

 

ข้อตกลงซึ่งเรียกว่า?บาเซิล 3?จะกำหนดให้ธนาคารถือทุนคุณภาพสูงทั้งหมด 7%ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระเบียบปัจจุบันซึ่งกำหนดไว้แค่ 2% ดังนั้นระเบียบใหม่อาจบังคับให้ธนาคารต้องระดมทุนใหม่หลายแสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิบปีข้างหน้า? โดยสมาคมธนาคารเยอรมนีประเมินว่าธนาคารใหญ่ 10 แห่งของประเทศอาจจะต้องเพิ่มทุนถึง 105,000 ล้านยูโร หรือ 141,000 ล้านดอลลาร์

 

อย่างไรก็ดี เพื่อลดภาระของธนาคารและตลาดการเงิน ได้มีการตกลงที่จะให้เวลาธนาคารในการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำตามระเบียบใหม่โดยมีการขยายเวลานานกว่าที่นายธนาคารได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยในบางกรณีมีการขยายเวลาไปจนถึงเดือนมกราคม 2562 หรือหลังจากนั้น

 

ฌอง-โคล้ด ตริเช่ต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า ข้อตกลงที่ได้บรรลุลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการสร้างความแข็งแกร่งขั้นพื้นฐานให้กับมาตรฐานเงินทุนทั่วโลกและจะทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาวและมีการเติบโตที่ยั่งยืน

 

บรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางหวังว่าระเบียบใหม่สามารถลดจำนวนเงินที่ธนาคารกลางจะต้องปล่อยกู้ให้กับบริษัทต่างๆ? ลดการเติบโตของเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐในขณะที่ภูมิภาคเหล่านั้นฟื้นตัวจากวิกฤติสินเชื่อ

 

ตามระเบียบบาเซิล3 ธนาคารจะต้องถือเงินทุนคุณภาพสูง หรือที่เรียกว่า?ทุนระดับ1?? และถือหุ้นหรือกำไรที่รักษาไว้ อย่างน้อย 4.5%ของสินทรัพย์ และจะต้องสร้าง?กันชนรักษาเงินทุน?ของหุ้นสามัญ ขึ้นมาใหม่ต่างหากซึ่งจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 2.5%ของสินทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ข้อกำหนดทุนระดับ1ทั้งหมดเป็น 7% และ หากธนาคารทำให้กันชนรักษาเงินทุนลดลง จะต้องควบคุมการจ่ายโบนัสและเงินปันผล

 

ยังมีเงื่อนไขอีกข้อหนึ่งในระเบียบบาเซิล3 ซึ่งธนาคารบางแห่งได้วิจารณ์ นั่นคือ การกำหนดให้ธนาคารสร้าง?กันชนต่อสู้กับสภาพเศรษฐกิจ?ต่างหาก ระหว่าง 0-2.5%เมื่อตลาดสินเชื่อกำลังบูม? ?โดยธนาคารกลางของประเทศจะตัดสินว่าเมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่มีการเติบโตของสินเชื่อมากเกินไป? บรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางหวังว่า กันชนนี้จะชะลอการปล่อยกู้เมื่อตลาดสินเชื่อมีแนวโน้มว่าจะร้อนแรงเกินไปซึ่งป้องกันไม่ให้ฟองสบู่ก่อตัวได้

 

ถึงแม้ว่าธนาคารไม่สามารถหลีกเลี่ยงระเบียบสร้างกันชนต่อสู้กับสภาพเศรษฐกิจได้ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ว่าการธนาคารกลางให้เวลาธนาคารที่จะทำการเปลี่ยนแปลง? โดยระเบียบทุนระดับ 1 จะมีผลบังคับใช้เต็มที่ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 ส่วนระเบียบสร้างกันชนรักษาเงินทุนจะบังคับใช้ระหว่างเดือนมกราคม 2559 ถึง มกราคม 2562ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนบอกว่า นี่แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางกำลังยอมอ่อนข้อให้ธนาคาร

 

ผู้ว่าการธนาคารกลางและผู้คุมระเบียบจาก 27 ประเทศได้บรรลุข้อตกลงบาเซิล3ในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการต่อรองและล็อบบี้จากธนาคารและรัฐบาลต่างๆเพื่อหาทางปกป้องผลประโยชน์ของชาตินานร่วมปี

 

นอกจากเรื่องมาตรฐานเงินทุนแล้ว ข้อตกลงบาเซิล 3 ยังได้รวมถึงข้อตกลงที่จะทำการปฏิรูปเมื่อต้นปีนี้เพื่อลดความเสี่ยงของธนาคาร เช่น ระเบียบที่ว่าสินทรัพย์ของธนาคารจะต้องมีสภาพคล่องเพียงไร และธนาคารจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อสินทรัพย์ภาษีในงบดุล? ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบบางอย่างในเดือนกรกฎาคมหลังจากที่ธนาคารล็อบบี้อย่างหนัก

 

หลังจากที่ไม่ยอมรับรองร่างระเบียบบาเซิล 3 ในเดือนกรกฎาคม เยอรมนีได้รับชัยชนะที่สำคัญในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อได้มีการขยายระยะเวลาที่จะบังคับใช้ระเบียบเงินทุนบางอย่างของธนาคารจากปี 2556 ออกไป 10 ปี

 

ผู้นำกลุ่มจี 20 จะรับรองข้อตกลงบาเซิล 3 ที่กรุงโซลในเดือนพฤศจิกายน แต่เนื่องจากธนาคารชั้นนำส่วนใหญ่ของโลกได้ตกลงที่จะแก้ไขงบดุลของตนเองนับตั้งแต่เกิดวิกฤติสินเชื่อทั่วโลกแล้ว จึงไม่คาดว่าธนาคารจะเร่งระดมทุนเพื่อตอบสนองต่อระเบียบบาเซิล 3

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวช่วยที่สำคัญสำหรับวันนี้คือวันหวยแห่งชาติครับ ผมให้ 14 แล้วกัน พี่ใหญ่มีเลขเด็ดอะไรมั๊ยครับ :lol:

ถูกแก้ไข โดย GB2514

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ – ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลกตะวันตก 5 แห่ง เมื่อวันพฤหัสบดี(15) ประกาศออกปฏิบัติการร่วมกัน ในการปล่อยเงินกู้สกุลดอลลาร์อย่างไม่มีขีดจำกัด ให้แก่บรรดาแบงก์พาณิชย์ต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะผ่อนคลายภาวะเงินทุนตึงตัวในระบบการเงินการธนาคาร ขณะเดียวกัน ทางด้านบิ๊กบอสกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็ได้ออกมาเตือนถึง ระยะใหม่ทางเศรษฐกิจ “ที่อันตราย”

       

       กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ คริสทีน ลาการ์ด บอกในการกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงวอชิงตันว่า “ความไม่แน่นอนกำลังบินร่อนวนเวียนอยู่เหนือรัฐบาลผู้มีอำนาจของบรรดาประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าทั้งหลาย ตลอดจนอยู่เหนือธนาคารทั้งหลายในยุโรป และครัวเรือนทั้งหลายในสหรัฐฯ”

       

       “ถ้าหากไม่มีการลงมือปฏิบัติการร่วมกันอย่างห้าวหาญแล้ว ก็มีความเสี่ยงจริงๆ ที่พวกเศรษฐกิจสำคัญทั้งหลาย จะไถลกลับไปข้างหลัง แทนที่จะสามารถเคลื่อนขึ้นไปข้างหน้า”

       

       เธอกล่าวต่อไปว่า ปัญหาเลวร้ายในเรื่องหนี้สินภาครัฐในยูโรโซน มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของพวกประเทศกำลังพัฒนาด้วยเช่นกัน

       

       “ถ้าหากพวกเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าทั้งหลายต้องหล่นถลำลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว ประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีพ้น” ลาการ์ดบอก

       

       **ผวาจนไม่กล้าปล่อยกู้**

       

       ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ทั้ง 5 อันได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ, ธนาคารแห่งชาติสวิส, ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), และธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ออกโรงมาเคลื่อนไหวกันในคราวนี้ ภายหลังจากที่เกิดความหวาดกลัวกันหนักเกี่ยวกับภาระของบรรดาธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบงก์ในยุโรป ที่ไป “ปล่อยกู้” หรือก็คือไปซื้อไปถือครองตราสารหนี้ภาครัฐของพวกประเทศยูโรโซน

       

       ความวิตกเช่นนี้มาถึงขั้นทำให้พวกธนาคารในยุโรปเกิดความลังเลในการปล่อยกู้ให้แก่กันและกัน จึงกำลังก่อให้เกิดความเสี่ยงขึ้นว่าพวกที่ไปถือครองพันธบัตรของชาติยูโรโซนเอาไว้มากๆ อาจจะต้องประสบปัญหาขาดทุนเงินทุนระยะสั้นขึ้นมา

       

       ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ มีรายงานว่าพวกธนาคารในยุโรป ตลอดจนแบงก์อเมริกันที่ไปทำธุรกิจในยุโรป ต่างพากันเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากทวีปนี้ เนื่องจากความหวาดกลัวไม่อยากปล่อยกู้ให้แก่ผู้ที่ถือครองตราสารหนี้ยูโรโซนดังกล่าว แต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นการซ้ำเติมเพิ่มความเลวร้ายให้แก่ปัญหาสภาพคล่องในระบบการธนาคารของเขตยูโรโซน

       

       สำหรับเรื่องที่เงินกู้ใหม่คราวนี้จะเป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์เท่านั้น เนื่องจากในปัจจุบันพวกแบงก์ยุโรปถ้าหากต้องการเงินกู้สกุลยูโร ก็สามารถที่จะขอกู้จากอีซีบีอย่างไม่ยากเย็นอยู่แล้ว

       

       เงินกู้ดอลลาร์ที่จะปล่อยให้ธนาคารต่างๆ คราวนี้ มีระยะเวลา 3 เดือน โดยที่ธนาคารกลางทั้ง 5 แห่งจะทยอยให้กู้กันเป็น 3 ระลอก นั่นคือ ในเดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, และธันวาคม

       

       การปฏิบัติการของธนาคารกลางยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ก็อยู่ในลักษณะเดียวกันกับที่เคยอัดฉีดสภาพคล่องอย่างมหาศาลให้แก่พวกแบงก์พาณิชย์ในช่วงที่วิกฤตภาคการเงินทั่วโลกำลังเลวร้ายถึงขีดสุดในปี 2008 หลังจากนั้นแล้ววิธีให้กู้ในลักษณะนี้ได้มีการยกเลิกและนำกลับมาใช้กันใหม่อยู่หลายๆ ครั้ง

       

       **หุ้นแบงก์ดีดตัวขึ้นเป็นแถว**

       

       การประกาศปฏิบัติการของธนาคารกลางยักษ์เหล่านี้ มีผลทำให้ตลาดหุ้นแถบยุโรปปิดในแดนบวกกันเป็นแถว โดยที่ดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันพฤหัสบดีสูงขึ้น 2.1% ขณะที่ตลาดแฟรงเฟิร์ตของเยอรมนีขยับสูง 3.2% และตลาดปารีสเพิ่ม 3.3% ทางด้านดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดวอลล์สตรีท ก็ปิดบวกขึ้นมา 1.7%

       

       ราคาหุ้นของพวกธนาคารฝรั่งเศส ที่ดีดตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นๆ ตลาดแล้ว บางรายสามารถปิดในระดับพุ่งแรง เป็นต้นว่า บีเอ็นพี ปาริบาส์ ปิดเพิ่มขึ้น 13% เครดิด อะกริกอล 5.9% และ โซซิเยเต้ เจเนราล 5.4% เนื่องจากธนาคารฝรั่งเศสเหล่านี้เอง คือพวกที่เข้าไปถือครองพันธบัตรของกรีซตลอดจนชาติยูโรโซนที่ติดหนี้สินหนักหน่วงอื่นๆ เอาไว้มากที่สุด

       

       เมื่อวันพุธ(14) เครดิต อะกริกอล และ โซซิเยเต้ เจเนราล ต่างก็ถูกมูดีส์ บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงมา 1 ขั้น สืบเนื่องจากการถือครองตราสารหนี้ภาครัฐของกรีซ สำหรับ บีเอ็นพี ปาริบาส์ นั้น มูดีส์ยังไม่ได้ลดเรตติ้ง เพียงแต่ถูกขึ้นบัญชีไว้ว่าอาจจะถูกลดในเวลาต่อไป

       

       ทางด้านบรรดานักวิเคราะห์ ต่างแสดงการต้อนรับความเคลื่อนไหวในคราวนี้ของพวกธนาคารกลางทั้งหลาย แต่ก็เตือนด้วยว่า นี่เป็นเพียงการช่วยผ่อนคลายปัญหาสภาพคล่องระยะสั้นเท่านั้น ชาติยูโรโซนยังจะต้องลงมือแก้ไขปัญหาที่อยู่เบื้องลึกลงไป นั่นคือ ปัญหาหนี้สินภาครัฐที่สูงลิ่วๆ ของหลายๆ ชาติสมาชิก

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน (วันที่ 16 กันยายน 2554)

 

ข่าวยางพาราล่าสุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เป็นบรรยากาศเหงาๆ ของคนมีของจริงๆ ช่วงนี้ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ คุณเด็กขายของ วันนี้พวกเราจะชวนกันไปหาตู้แดงกันใช่ไหมค่ะ

 

ราคาน่าสนใจ ม๊ากมาก....... :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แถลงการณ์ของอีซีบีระบุว่า มาตรการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารในยูโรโซนครั้งล่าสุดนี้ เป็นมาตรการเพิ่มเติมจากการปล่อยเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์ในระยะเวลา 7 วันซึ่งมีการดำเนินการตามปกติอยู่แล้วในปัจจุบัน และเป็นการปล่อยเงินกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยอีซีบีและธนาคารกลางอีก 4 แห่งจะดำเนินการปล่อยเงินกู้ในวันที่ 12 ต.ค., 9 พ.ย. และ 7 ธ.ค.

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารของอีซีบีเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ภาคธนาคารของยูโรโซนตกอยู่ในสภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากวิกฤติหนี้ยุโรป โดยอีซีบีและธนาคารกลางชั้นนำอีก 4 แห่งจะจัดหาเงินกู้ให้กับธนาคารในยุโรปในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ

 

ปล. เขาบอกว่า เป็นสิ่งที่กระทำอยู่แล้วเงียบๆ กลัวคนรู้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นในสถานะความมั่นคงธนาคาร

อยู่ดีๆ ก็แถลงการณ์ออกมาดังๆ ทำไมล่ะ สร้างความตื่นตระหนกอะไรเหรอเปล่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ คุณเด็กขายของ วันนี้พวกเราจะชวนกันไปหาตู้แดงกันใช่ไหมค่ะ

 

ราคาน่าสนใจ ม๊ากมาก....... :wub:

สวัสดีครับ คุณ Vendee042511

เด็กขายของก็คงเข็นรถไป ณ. ที่แหล่งเดิม ตอนประมาณ บ่าย 2 โมง 15 นาที

จ้องมองราคาจนถึง บ่าย 3 โมง 30 นาที ครับ จะดูสิว่า เมื่อตลาดยุโรปเปิดอีกครั้งในวันนี้

มันจะทุบอีกหรือเปล่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ เฮียนายห้าง คุณเด็กขายของ คุณnuchaba คุณปุยเมฆ คุณNongRee คุณGB2514 คุณ Mr.Li คุณ Aiya คุณ kitty คุณfoo คุณSUCHA คุณJIP คุณพลอยสีสวย คุณmodtanoiy คุณsss คุณtaoinlove คุณsunjiyoung คุณแสงแดด คุณพวงชมพู คุณจากร้อยสู่ล้าน คุณkapuk04 คุณluk คุณโนบิตะ คุณขาใหม่ คุณnueng_kp คุณCannabiz คุณkookkiez คุณput42 คุณgoldtoy คุณนายรถดี คุณRacha และทุกๆท่านครับ

 

ชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวังครับ ดวงอาทิตย์ยังขึ้นทุกๆเช้าๆและตกลงในทุกๆวัน จริงไหมครับ เมื่อเย็นค่ำลง ก็รอขึ้นใหม่ในเช้าวัดถัดไป แต่เดี๋ยวนี้กลางคืนสั้นนะครับ อิอิ ความหวังอีกอย่างของวันนี้น่าจะมีแรงดีดขึ้นหรือกลับตัวได้คือ " วันหวยแห่งชาติออก " !10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนะนักลงทุนชะลอซื้อขายทองคำ เหตุราคาแกว่งตัวมาก จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกผันผวน ส่วนผู้ซื้อตลาดล่วงหน้าควรหาจุดขายตัดขาดทุน คาดใช้เวลาประมาณ 1 เดือนกลับมาเป็นปกติ

 

นายธนสิน กลีบลำเจียก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง รวยทองอย่างไรในตลาดหุ้น ว่า ในช่วงนี้ผู้ที่จะลงทุนทองคำควรจะนิ่ง และรอดูสถานการณ์ไปก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาราคาทองคำปรับขึ้นและลงแรง เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนตาม แต่คาดว่าภายใน 1 เดือนจากนี้ สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น นักลงทุนควรกลับเข้าลงทุนทองคำอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 นี้

 

นายสุวรรณ วลัยเสถียร ประธานกิตติมศักดิ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) วรรณ จำกัด และประธานชมรมคนออมเงิน กล่าวว่า ในช่วงนี้นักลงทุนไม่ควรซื้อหรือขายทองคำ เนื่องจากที่ผ่านมาราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนมาก โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาปรับเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2553 อยู่ในระดับ 1,420 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และปรับลดลงต่ำสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ระดับ 1,330 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำให้โอกาสราคาทองจะขยับขึ้นในระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จึงเป็นไปได้น้อย เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 50%

 

ช่วงนี้นักลงทุนควรอยู่เฉยๆ ไม่น่าซื้อหรือขายทองคำ ส่วนผู้ที่ซื้อในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาทองคำ (โกลด์ฟิวเจอร์ส) ไว้แล้ว ควรจะหาจุดเพื่อขายตัดขาดทุนไว้บ้าง เพราะราคาทองคำยังแกว่งตัวผันผวน เห็นได้จากการซื้อขายช่วงเวลากลางคืนเมื่อวันที่ 23 และ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาทองคำลดลงถึงบาทละ 4,000 บาท และหากคำนวณในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส น้ำหนักทองขนาด 10 บาทต่อสัญญา จะทำให้ราคาลดลงถึง 40,000 บาทต่อสัญญา

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเกิดวิกฤตเลห์แมน บราเธอร์ส ทำให้ราคาทองคำปรับลดลงไป 30% และใช้เวลา 1 เดือนจึงกลับสู่ภาวะปกติ คาดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในยุโรปรอบนี้ จะใช้เวลา 1 เดือนเช่นเดียวกันจะทำให้ราคาทองคำกลับมาเป็นปกติ แต่คงไม่ทำให้ราคาทองคำปรับลงลึกมาก อาจลดลงเพียง 15% หรืออยู่ในระดับ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากแม้วิกฤตหนี้ในยุโรปจะคลี่คลาย แต่ปัญหายังมีอยู่

 

ที่มา : เนชั่นทันข่าว (วันที่ 16 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...