ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

“โอบามา” เตรียมเสนอขึ้นภาษี “เศรษฐีมะกัน” ลดอภิสิทธิ์คนรวย

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กันยายน 2554 09:25 น.

 

Share

 

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ (แฟ้มภาพ)

เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯเตรียมเสนอแผนปรับขึ้นอัตราภาษีขั้นต่ำสำหรับบรรดามหาเศรษฐี เพื่อให้พวกเขาจ่ายภาษีเงินได้ในสัดส่วนเดียวกับชนชั้นกลางทั่วไป เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผย

 

นโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นการจ้างงาน ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณราว 447 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อลดอัตราการว่างงานที่สูงถึง 9.1 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐฯ และเรียกความเชื่อมั่นต่อนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีกลับคืนมา

 

ทั้งนี้ คาดว่าข้อเสนอขึ้นภาษีคนรวยของ โอบามา จะไม่ผ่านสภาคองเกรส เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันประกาศแล้วว่าจะคัดค้านแผนขึ้นภาษีและจำกัดการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้มีรายได้สูงสุด ทั้งยังมองว่าแผนดังกล่าวเป็นเพียงกลเม็ดทางการเมืองของ โอบามา

 

เจ้าหน้าที่รัฐบาลซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อระบุว่า โอบามา เรียกแผนขึ้นภาษีคนรวยนี้ว่า “กฎบัฟเฟ็ตต์” เพื่ออ้างถึงคำพูดของพ่อมดการลงทุน วอร์เรน อี. บัฟเฟ็ตต์ ที่ออกมาระบุว่า ชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดส่วนใหญ่ยังจ่ายภาษีในอัตราต่ำกว่าชนชั้นกลางเสียอีก

 

เศรษฐีอเมริกันบางรายจ่ายภาษีน้อยกว่าเนื่องจากมีรายได้จากการลงทุน เช่น กำไรส่วนเกินทุน, เงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (carried interest) ที่จ่ายให้กับผู้จัดการการลงทุนและหุ้นส่วนของกองทุนป้องกันความเสี่ยง ซึ่งจะถูกหักภาษีน้อยกว่าเงินได้ทั่วไป

 

นอกจากนี้ เศรษฐีอเมริกันยังจ่ายภาษีสวัสดิการสังคมโดยคิดจากรายได้เพียง 106,800 ดอลลาร์สหรัฐฯแรกเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม โอบามา จะยังไม่กำหนดอัตราภาษีที่แน่นอน และไม่ระบุว่ารัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดจากแผนดังกล่าว หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงาน

 

ทั้งนี้ แผนขึ้นภาษีคนรวยจะกระทบต่อผู้เสียภาษีเพียงร้อยละ 0.3 หรือไม่ถึง 450,000 คน จากจำนวนผู้เสียภาษีในสหรัฐฯทั้งหมด144 ล้านคนในปี 2010

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บางจากคาดราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นQ4ข่าวเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 18 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 09:14 น.

share

 

บางจาก แนะรัฐเพิ่มส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ให้ถูกกว่าเบนซิน 91 ลิตรละ 1.50 บาท คาดราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ น้ำมันดิบ เฉลี่ยอยู่ที่ 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

 

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากมาตรการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ในส่วนของ เบนซิน และดีเซล ของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันเบนซิน 91 ของบางจาก ยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 30% จากเดิมที่มีการใช้ 15 ล้านลิตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านลิตร และการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงกว่า 20% จาก 13 ล้านลิตรต่อเดือน เหลือ 12 ล้านลิตรต่อเดือน ส่วนยอดการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ในระดับคงที่ประมาณ 30-40 ล้านลิตรต่อเดือน

 

ดังนั้น บางจาก อยากให้รัฐบาล มีการใช้กลไกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาเพิ่มเงินชดเชยส่วนต่าง ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อีกลิตรละ 1.50 บาท เพื่อให้มีส่วนต่างราคาระหว่างเบนซิน 91 กับ แก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ราคาเท่ากัน เพื่อจูงใจประชาชนให้หันกลับมาใช้แก๊สโซฮอล์ 95 มากขึ้น ทั้งนี้จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องใช้เงินในการชดเชยประมาณ 80-90 ล้านบาทต่อเดือน

 

 

นอกจากนี้แนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ราคามีโอกาสปรับสูงขึ้น เนื่องจากเข้าช่วงฤดูหนาว ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่อาจจะปรับขึ้นไปที่ระดับ 130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่สถานการณ์ราคาน้ำมัน จะไม่ปรับขึ้นรุนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังคงมีปัญหาเศรษฐกิจทั้งในสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในปีนี้ จะอยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ 90 - 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยปัจจัยเสี่ยงยังขึ้นอยู่กับปัญหาเศรษฐกิจโลก เป็นปัจจัยหลัก

 

Link : http://www.innnews.co.th/บางจากคาดราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นQ4--308901_02.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

[บึ้ม!รพ.ที่อินเดียเจ็บ5ไม่มีผู้เสียชีวิตข่าวต่างประเทศ วันอาทิตย์ที่ 18 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 07:38 น.

share

 

เกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางตอนเหนือของอินเดีย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน แต่ไม่มีรายงานถึงผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด

 

 

เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้น ที่ โรพยาบาลจายา ในเมืองอักรา รัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของอินเดีย ซึ่งระเบิดดังกล่าวถูกซุกซ่อนอยู่ใต้เก้าอี้ใก้ล้กับแผนกต้อนรับผู้ป่วย หลังเกิดการระเบิดทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 5 คนแต่ไม่มีการรายงานถึงผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด

 

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปิดพื้นที่ทั้งหมด และเริ่มเก็บกู้ซากวัตถุในพื้นที่ เพื่อค้นหาสิ่งที่อาจเป็นหลักฐาน เพื่อจับกุมคนร้าย แต่ถึงในตอนนี้ยังไม่มีการสรุปว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่

 

Link : http://www.innnews.co.th/บึ้ม-รพ-ที่อินเดียเจ็บ5ไม่มีผู้เสียชีวิต--308879_04.html[/sizesize=4]

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝ่าวิกฤติกทม.!!เปิดแผนรับมือน้ำท่วมกรุง

 

โดย : ธนัชพงศ์ คงสาย /สำนักข่าวเนชั่น

 

มอบสิ่งของผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เปิดแผนรับมือน้ำท่วมกรุง...กทม.วางระบบหลากหลาย ม่นใจ 19 ก.ย.แม้น้ำเหนือจะทะลักเข้า หากไม่มีฝนตกมา คาดสามารถฝ่าวิกฤติไปได้

 

"วิกฤติการณ์น้ำท่วม" ในหลายจังหวัดที่ขณะนี้ยังไม่มีท่าทีคลี่คลาย ความเสียหายขยายวงกว้างกินพื้นที่เกือบ 30 จังหวัดทั่วประเทศ ชาวบ้านได้รับความเดือนร้อนเป็นล้านคน เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าร้อยราย พลังน้ำโหมกระหน่ำพื้นที่การเกษตร พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อปลาได้รับผลกระทบเกือบหมด ถึงแม้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคสังคมจะเร่งความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว ตอกย้ำความจริง “มหันตภัยภัย” น้ำท่วมกลายเป็นรากเหง้าปัญหาของประเทศ

 

 

จากการแจ้งหน่วยงานรัฐ ทั้งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน หรือสำนักการระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร ถือเป็น “สัญญาณ” ส่งตรงให้ทุกฝ่ายเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะ “การเตือน” กรมอุตุนิยมวิทยาที่ว่า น้ำในปีนี้รุนแรงมากที่สุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากปริมาณน้ำมาเร็วและแรง กระจัดกระจายทั้งภาคเหนือตอนบน ภาคกลาง อีสาน ซึ่งน้ำทั้งหมดล้วนแล้ว “ถาโถม” พื้นที่สำคัญทุกจังหวัดแทบทั้งสิ้น

 

 

นอกจากนี้การประเมินของ “กรมชลประทาน” คาดว่า “น้ำเหนือทัพใหญ่” จะทยอยไหลลงเขื่อนสู่เขื่อนเจ้าพระยา และรวมตัวมุ่งสู่ลุ่มเจ้าพระยาเตรียมเข้าสู่พื้นที่ “เมืองหลวง”กรุงเทพมหานครช่วงวันที่ 19-20 กันยายนนี้ ภาพ “มวลน้ำ” ที่สร้างความเสียหายในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง จะเริ่มทยอยเข้าพิกัด กทม.ต้นสัปดห์ ซึ่งกรมฯเป็นพื้นที่ปราการด่านท้ายๆ ก่อนน้ำจะหมดกำลังไหลออกสู่ “ทะเลอ่าวไทย” ถึงแม้ “กรมอุตุฯ” จะมั่นใจว่าปริมาณน้ำเหนือที่ไหลมาถึงกรุงเทพฯ จะไม่เกินคันกั้นน้ำของ กทม.ที่สูง 2.5 เมตรแน่นอน แต่หน้าที่ของ “กรมชลประทาน-สำนักการระบายน้ำ-กรมอุตุนิยมวิทยา” ต้องเกาะติดสถานการณ์ทุกระยะ

 

กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศกรุงเทพมหานครและปริมณฑลช่วงวันที่ 19-22 กันยายน จะมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ และจะมีฝนตกหนักบางแห่งแต่ไม่ใช่เป็นอิทธิพลพายุ

“สำนักการระบายน้ำ” ภายใต้สังกัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะหน่วยงานหลักในการเตรียมมาตรการรับมือ ได้วางแผนในการรับสถานการณ์น้ำท่วมทั้งระยะสั้น-ระยะยาว พร้อมระดมสรรพกำลังเครื่องมือและเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิทักษ์เมืองหลวง กับความคาดหวังคนเมืองกรุงให้กรุงเทพฯก้าวข้าม “วิกฤติ” น้ำท่วมครั้งนี้

 

 

เริ่มที่ “แผนรับมือ” ช่วงที่น้ำก้อนใหญ่จะทะลักเข้าสู่กทม.วันที่ 19-20 กันยายน นายสัญญา ชีนิมิต ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กางแผนรับมือเตรียมการรับ “ศึก 3 ด้าน”

 

ประกอบด้วย 1.น้ำเหนือที่จะผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะระบายออกทะเลโดยตรง 2.น้ำที่จะผ่านมาทางฝั่งตะวันออกของกทม. จะมีคลอง “คลองระพีพัฒน์” เปิดหน้ารับเป็นด่านแรก จากนั้นน้ำจะถูกผันเข้าสู่ประตูระบาย “พระนารายณ์” ผ่านคลอง 13 ผ่านเขตหนองจอก ผ่านเขตมีนบุรี ผ่านเขตลาดกระบังไหลออกสู่ทะเลที่จังหวัดสมุทรปราการ

3.ฝั่งด้านตะวันตกจะมีแม่น้ำ “นครชัยศรี” แม่น้ำ “ท่าจีน” ทำหน้าที่ต้อนรับปริมาณน้ำขนาดใหญ่ โดยมีคลอง “มหาสวัสดิ์” คอยเชื่อมน้ำเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาไม่นานน้ำที่ผ่านมาทางฝั่งตะวันตกก็จะผ่านแม่น้ำท่าจีนออกสู่ทะเล

 

 

ถ้าช่วงฟ้าไม่มีพายุฝนถือเป็น “นาทีทอง” ให้ “ฝั่งด้านตะวันออก” เร่งระบายน้ำผ่านคลองประเวศ คลองแสนแสบเข้าอุโมงค์ระบายน้ำ เข้าสถานีสูบน้ำที่พระโขนง สามารถระบายน้ำได้วันหนึ่งประมาณ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร

 

ส่วน “ฝั่งตะวันตก” จะระบายน้ำผ่านคลองทวีวัฒนาเรียบไปตัดคลองภาษีเจริญลงสู่แก้มลิงสนามชัยที่คลองราชมนตรี ซึ่งน้ำบางส่วนก็ไหลสู่คลองดาวคะนอง คลองชักพระ คลองบางกองใหญ่ สามารถระบายน้ำประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

 

ส่วนน้ำเหนือก้อนมหาศาลที่ผ่านเข้าสู่ “แม่น้ำเจ้าพระยา” กทม.ได้เตรียมมีสถานีสูบน้ำริมสองฝั่งแม่น้ำคอยตั้งรับ ผสานการทำงานกับประตูระบายน้ำสองร้อยกว่าแห่งเข้าประกบน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของกทม.

ขณะที่แนวป้องกันริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากทั้งหมด 86 กิโลเมตร กทม.ได้ก่อสร้างแนวป้องกันระยะทางยาวถึง 77 กิโลเมตร โดยสร้างเสร็จไปแล้ว 75.8 กิโลเมตร ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กันยายน “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าฯกทม. สั่งให้ก่อสร้างเพิ่มอีก 7 กิโลเมตร ซึ่งจากเดิมกทม.มีแนวป้องกันน้ำริมฝั่งเจ้าพระยาสูง 2.50-3 เมตร ไล่เรียงพื้นที่ทิศเหนือของกทม.ตั้งแต่เขตบางซื่อถึงสะพานซังฮี้ก็จะมีแนวป้องกันทั้งสองฝั่งสูงประมาณ 3 เมตร

 

ส่วนแนวป้องกันจากสะพานซังฮี้ถึงสะพานพระราม 9 จะอยู่ที่ระดับ 2.80 เมตร จากสะพานพระราม 9 ลงไปพื้นที่ฝั่งทิศใต้จะอยู่ระดับที่ 2.50 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ “หน่วยเบส” กว่า 700 นาย คอยมอนิเตอร์เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

 

แต่ยังมี “พื้นที่เสี่ยง” อีก 27 ชุมชนที่ตั้งอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ จำนวน 13 เขต รวมกว่า 1,200 ครัวเรือน ผู้ว่าฯกทม.จึงได้สั่งด่วนให้สำนักงานเขตเตรียมแผนรองรับ 3 ระดับ หากน้ำสูงเกิน 1.7 เมตร โดยเฉพาะแผน “อพยพ” ไปพื้นที่โรงเรียนในสังกัดกทม. และจุดปลอดภัยให้ถือเป็นเรื่องสำคัญ

 

นายโชค ชัยเกตุ ชาวบ้านชุมชนท่าน้ำบางโพธิ์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตบางซื่อ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีฝนตกจนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น จนอาจทำให้น้ำจะเข้าท่วมเข้าพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง ชาวบ้านจึงช่วยกันหากระสอบทรายมาป้องกัน ซึ่งเป็นสภาพแบบนี้มาทุกปี หากฝนปีไหนตกลงมามากปริมาณระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ชาวบ้านต้องหาแนวทางป้องกันเบื้องต้นให้ตนเอง

 

อย่างไรก็ตาม กทม.ได้ประเมินว่าหากสถานการณ์น้ำเหนือไหลเข้ามาปริมาณมากจนล้นแนวป้องกัน จะเปิดเครื่องสถานีสูบน้ำทั้งหมด 158 แห่งเร่งสูบระบายน้ำที่ท่วมขังจากพื้นที่ชั้นในออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาผ่านเครือข่ายคลองหลักๆโดยเร็ว ซึ่งสถานีสูบน้ำมีอัตราการระบายอยู่ที่ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมี “เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่” ตั้งอยู่ตามตรอกซอกซอยอีก 700 กว่าเครื่องกระจายอยู่ใน 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ

 

ยิ่งไปกว่านั้นแผนรับมือน้ำท่วมปีนี้ จะเป็นการชี้วัดศักยภาพของ “อุโมงค์ยักษ์” ซึ่งกทม.มั่นใจว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯจากนี้ไป โดยตามแผนโครงการอุโมงค์ยักษ์จะมีการก่อสร้างทั้งหมด 4 แห่งประกอบด้วย

 

1.อุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง เป็นอุโมงค์ระบายน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดที่ตั้งแต่ กทม.เคยมีมา ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถระบายน้ำได้ปริมาณมากกว่า 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 5 เมตรระยะทางยาว 5 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นที่คลองลาดพร้าวเชื่อมกับคลองแสนแสบ และไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เทียบเท่ากับการระบายน้ำออกจากสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน 4 สระ ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาที

หากเปรียบเทียบการระบายน้ำก่อนโครงการอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหงจะผุดขึ้น เมื่อเกิดน้ำท่วมถนนย่านพระรามเก้า-รามคำแหง จากเดิมปริมาณน้ำที่เคยท่วม 20-30 เซนติเมตรใช้เวลาระบายดำเนินการ 3-4 ชั่วโมง แต่เมื่อนำระบบ “อุโมงค์ยักษ์” เข้ามาใช้สามารถลดเวลาระบายภายใน 1 ชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

 

2.อุโมงค์ยักษ์ รัชดาภิเษก-สุทธิสาร ช่วยระบายน้ำในเขตพื้นที่ห้วยขวาง ดินแดง จตุจักร พญาไท ดุสิต และบางซื่อ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร เส้นทางยาว 6 กิโลเมตร เริ่มจากย่าน ถนนรัชดาภิเษก ตัดกับถนนสุทธิสารจากนั้นไปสิ้นสุดที่แม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มก่อสร้างไปแล้วเมื่อกลางปี 2554

 

3.อุโมงค์สวนหลวง ร.9 มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร มีความยาวอยู่ที่ 9.5 กิโลเมตร ประสิทธิภาพในการระบายน้ำอยู่ที่ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จุดเริ่มต้นจากสวนหลวง ร.9 ไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา อุโมงค์นี้จะทำให้พื้นที่กว่า 85 ตารางกิโลเมตรได้รับประโยชน์ รวมถึงพื้นที่ย่านประเวศ พระโขนง บางนา และสวนหลวง

 

4.อุโมงค์ยักษ์ดอนเมือง จะเป็นอุโมงค์ระบายน้ำใต้ดินที่จะยาวที่สุด และใหญ่ที่สุดในบรรดา 4 แห่ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 6 เมตร ยาว 13.5 กิโลเมตร ประสิทธิภาพในการระบายน้ำมากกว่า 15 เท่า เมื่อเทียบกับแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่สร้างขึ้นเมื่อ 25 ปีก่อนในย่านสุขุมวิท โดยครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 100 ตารางกิโลเมตรรวมไปถึงพื้นที่ย่านจตุจักร หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง และบางส่วนของพื้นที่เขตสายไหม เริ่มต้นก่อสร้างปี 2555 เช่นกัน ทั้งนี้ อุโมงค์ยักษ์อีก 3 แห่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เกิน 5 ปี

 

อุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ยังเป็นตัวช่วยเสริมการระบายน้ำด้านตะวันออกที่เป็นปริมาณน้ำเหนือไหลเข้ามา เพราะเมื่อเปิดประตูระบายน้ำที่คลองประเวศ คลองแสนแสบ จัดจราจรน้ำผ่านเข้าอุโมงค์ยักษ์ก็ช่วยเพิ่มการระบายน้ำเหนือได้วันหนึ่งประมาณ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนฝั่งตะวันตกได้วันละ 2 ลูกบาศก์เมตร

 

นอกจากนี้ กทม.ยังมีแผนหลักในการป้องกันน้ำท่วม โดยใช้พื้นที่ “แก้มลิง” ทั้งหมด 21 แห่ง สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มหาศาล 12,749,505 ล้านลูกบาศก์เมตร อาทิ ที่บึงหนองบอน เขตประเวศ ปริมาณเก็บกักน้ำ 5,00,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แก้ไขน้ำท่วมเขตประเวศ พระโขนง บึงสวนสยาม ปริมาณเก็บกักน้ำ 228,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แก้ไขน้ำท่วมถนนรามอินทรา เขตมีนบุรี บึงมักกะสัน เขตราชเทวี ปริมาณเก็บกักน้ำ 261,600 ล้านลูกบาศก์เมตร แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ถนนราชปรารถ ศรีอยุธยา ถนนอโศก ดินแดง เขตราชเทวี

 

ที่สำคัญโครงการแก้มลิงตะวันตกตามพระราชดำริ 1 แห่ง คือ แก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย เขตบางขุนเทียน ในพื้นที่ 19,000 ไร่ มีปริมาณเก็บกักน้ำถึง 6,000,000 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับแก้ไขน้ำท่วมและน้ำเน่าเสียในพื้นที่ฝั่งธนบุรีและปริมณฑล

 

กทม.ยังมี “ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม” โดยสถานีเครือข่ายต่างๆ จะตรวจวัดข้อมูลปริมาณฝน ค่าระดับน้ำ อัตราการไหล การเดินเครื่องสูบน้ำ และค่าระดับการเปิด-ปิดของประตูระบายน้ำ ตามแต่สภาพพื้นที่ของแต่ละสถานี จนมีสถานีเครือข่ายรวมทั้งสิ้น 75 สถานี กระจายอยู่ในพื้นที่กทม.ทั้งฝั่งตะวันออก ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยายังมีสถานีใน"ระบบโทรมาตร"ทำการตรวจวัดข้อมูลปริมาณฝนซึ่งติดตั้งอยู่ที่สำนักงานเขตต่างๆ จำนวน 48 สถานี และมีสถานีตรวจวัดค่าระดับน้ำในคลองสายหลักต่างๆอีก 40 สถานี รวมถึงสถานีตรวจวัดระดับน้ำท่วมบนถนนทั้งหมด 71 สถานี

 

ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมจะทำหน้าที่เกาะติดสภาพอากาศจากเรดาร์ตรวจอากาศภาษีเจริญ ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ศูนย์ป้องกันน้ำท่วมฝั่งธนบุรี รวมทั้งการติดตามสภาพน้ำท่วมจริงบนถนนหลักต่างๆ ผ่านกล้อง CCTV เชื่อมโยงข้อมูลทั้งสภาพน้ำ อากาศจากหน่วยงานหลักทั้ง กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ

 

ส่วนสาเหตุที่กทม. ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก มีการสำรวจว่าสภาพภูมิศาสตร์ของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ราบลุ่มตอนปลายอ่าวไทย อีกทั้งความเจริญของเมืองเข้ามาเบียดการผ่องถ่ายของน้ำจากพื้นที่เคยเป็นบึง สระ คลอง ถูกถมเป็นอาคาร บ้านจัดสรร คอนโด ทางระบายน้ำเดิมจึงถูกเปลี่ยนไปจากเดิม นอกจากนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงเพิ่มทุกปีบวกกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงทั้งน้ำเหนือไหลหลาก น้ำทะเลหนุน และแผ่นดินทรุดตัว ล้วนแล้วเป็นปัจจัยสำคัญให้กรุงเทพฯเสี่ยงจมอยู่ใต้น้ำได้ทั้งสิ้น

 

ทั้งนี้ เมื่อย้อนเหตุการณ์ปี 2553 ซึ่งมีสถานการณ์น้ำท่วมไม่แพ้ในปีนี้ น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนั้นถูกบันทึกอยู่ที่ระดับ 2.10 เมตร จึงมีการคาดว่าหากช่วงวันที่ 19 กันยายนเป็นต้นไป ถ้ามีน้ำเหนือไหลเข้ากทม. โดยไม่มีภาวะฝนหรือน้ำทะเลหนุนเข้ามาเป็นตัวสอดแทรก คาดว่ากทม.จะสามารถผ่านสถานการณ์น้ำในปีนี้ได้ค่อนข้างแน่นอน

 

 

หากแต่ปริมาณ “น้ำ 3 เกลอ” ตามที่ “ผู้ว่าฯกทม.” เคยบอกไว้ ประกอบด้วย 1.ฝนตกหนัก 2.น้ำเหนือไหลลงมาสมทบ และ 3.น้ำทะเลหนุน มารวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย กทม.อาจมีปัญหา และไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ระยะสั้น

แต่อย่างน้อย “สถิติ” ได้ทำให้ “คนกรุง” อุ่นใจ เพราะปรากฏการณ์เหล่านี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น และหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นไปอีกนาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ญี่ปุ่นเตือนภัยพายุโซนร้อนโรคี

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2011 เวลา 11:15 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

 

สำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงาน พายุโซนร้อนโรคีทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคตะวันตกและภาคกลางของญี่ปุ่น และอาจจะยิ่งสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกก่อนหน้านี้ขณะที่รัฐบาลของจังหวัดที่ได้รับผลกระทบได้สั่งการหรือแนะนำให้มีการอพยพประชาชนกว่า 36,000 คนแล้วและเจ้าหน้าที่กระทรวงที่ดินกล่าวว่า แม่น้ำอาจท่วมท้นฝั่งและเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คาดหุ้นไทยแนวโน้มยังผันผวน แต่มีโอกาสฟื้นตัวได้ แนะจับตาเฟดคลอดมาตรการใหม่กสิกรฯ มองหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ยังผันผวน แต่มีโอกาสฟื้นตัวได้ แนะจับตาท่าที "เฟด" คลอดมาตรการแก้ ศก.สหรัฐฯ และความคืบหน้าแก้หนี้ยุโรป ด้านโบรกฯ คาดหากประกาศ QE3 เม็ดเงินไหลเข้าแน่

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย สัปดาห์หน้า (ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2554 โดยคาดว่าดัชนีอาจยังคงผันผวน และมีโอกาสฟื้นตัว หากสถานการณ์ในต่างประเทศไม่เลวร้ายลง

 

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังรอปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน โดยแนะให้จับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมาตรการผ่อนคลาดเชิงปริมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ (Quantitative easing) หรือ QE3 ออกมาอีกหรือไม่

 

ทั้งนี้ หากมีการประกาศมาตรการ QE3 ออกมา ก็คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และจะส่งผลดีต่อจิตวิทยาการลงทุน นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความคืบหน้าของการแก้ปัญหาหนี้ในยุโรป ซึ่งจะมีการครบกำหนดของพันธบัตรกรีซ ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ เครื่องชี้วัดที่อยู่อาศัย เป็นต้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7598 ข่าวสดรายวัน

 

 

คุ้มครองเงินฝากปีนี้ฉลุย

 

 

 

นายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน เป็นไปในทิศทางที่เอื้ออำนวยต่อการเริ่มปรับลดเพดานวงเงินคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมาย ส่งผลให้ช่วงเปลี่ยนผ่านการลดเพดานการคุ้มครองเงินฝากเป็นวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อรายผู้ฝากต่อสถาบันการเงินในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.54 เป็นไปอย่างราบรื่น

 

ส่วนเสียงตอบรับของประชาชนผู้มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท ในปีཱི ซึ่งมีอยู่ 98.5% ของระบบ พบว่ามีความเข้าใจและมีความสบายใจ ที่เมื่อเวลาสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ก็จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนภายในเวลา 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ผู้ฝากเงินมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นด้วยว่าการฝากเงินนั้นต้องพิจารณาเลือกสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงแข็งแรง มีความน่าเชื่อถือในระยะยาวด้วย ไม่ใช่เพียงดูแค่เพียงอัตราดอกเบี้ยเหมือนแต่ก่อน ในขณะที่ผู้ฝากบางส่วนอาจมีความกังวล เนื่องจากเป็นผู้ฝากที่มีเงินเกิน 1 ล้านบาท อยากให้ขยายสัดส่วนการคุ้มครองให้เพิ่มมากขึ้น และอยากให้มีการส่งเสริมให้ข้อมูลความรู้ประกอบการตัดสินใจแก่ผู้ฝากเงินให้มากขึ้นไปอีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1 ให้ ครับ คุณ เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน สำหรับข่าวสาร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เชิญครับมาเป็นผู้ให้ที่ยิ่งให้ยิ่งได้ครับ

 

เนื่องจากในขณะนี้ เกิดเหตุอุทกภัย ที่สร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้กับพี่น้องชาวไทยภาคกลางใน หลายจังหวัด แล้วนั้น สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และ ภาคีสมาชิก จึงขอมีส่วนร่วมในการเป็นตัวกลางในช่วยเหลือระหว่างท่านผู้ชม กับ ผู้ประสบภัยในครั้งนี้ จึงตั้งศูนย์ขึ้นมาเพื่อรับของบริจาค

อาหาร น้ำ เทียน ไม้ขีด ไฟแช็ค ผ้าอนามัย รวมถึง ยากันยุง และ ยาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย (ยุง แมลงป่อง ตะขาบ และ งู) ซึ่งได้ตั้งศูนย์รับบริจาค ที่ชั้น G อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ 2 โดยเปิดรับบริจาคทุกวันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ส่วนผู้ที่ประสงค์จะช่วยเหลือเป็นเงินสด ยังสามารถ บริจาคเป็นเงินสดได้ที่

 

บัญชี ครอบครัวข่าวช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

บัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 014-3004-448ธนาคารกรุงเทพ สาขามาลีนนท์

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มะกันนับร้อยแห่ล้อม “วอลสตรีท” ประท้วงการทุจริต-เอื้อประโยชน์คนรวย

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กันยายน 2554 10:30 น.

 

Share

4

 

 

 

ประชาชนหลายร้อยคนในนครนิวยอร์กพยายามบุกยึดอาคารวอลสตรีทเพื่อประท้วงการทุจริตคอร์รัปชั่น วานนี้(17) ทว่าถูกตำรวจปิดกั้นจนต้องชุมนุมกันอยู่ในบริเวณใกล้เคียงแทน

 

เอเอฟพี - ชาวอเมริกันหลายร้อยคนหวังบุกยึดอาคารวอลสตรีทในนครนิวยอร์ก วานนี้(17) เพื่อประท้วงความโลภ, การทุจริตคอร์รัปชั่น และการตัดงบประมาณของภาครัฐ ทว่าถูกตำรวจขัดขวางจนไม่สามารถเข้าถึงอาคารดังกล่าวได้

 

แผนของผู้ประท้วงที่จะเปลี่ยนย่าน โลเวอร์ แมนฮัตตัน ให้เป็นเหมือน “จตุรัสตะห์รีร์” ของอียิปต์ต้องล้มเหลว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังปิดกั้นถนนทุกสายรอบตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและ เฟดเดอรัล ฮอลล์

 

ผู้ประท้วงเหล่านี้ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่ วอลสตรีท จนกว่ารัฐบาลจะรับฟังความขุ่นแค้นที่พวกเขามีต่อระบบการเงินที่เอื้อประโยชน์ต่อคนร่ำรวย

 

“พวกเราต่างมีสิ่งหนึ่งร่วมกัน คือเราเป็นประชากร 99 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ยอมทนกับความโลภและการทุจริตของคนเพียง 1 เปอร์เซ็นต์อีกต่อไป” แถลงการณ์ซึ่งประกาศบนเว็บไซต์ Occupy Wall Street ระบุ

 

ในช่วงเที่ยง ประชาชนราว 700 คนซึ่งมีกระเป๋าเป้และถุงนอนพร้อมสรรพ มารวมตัวกันใกล้ๆอาคารวอลสตรีทเพื่อหาที่ตั้งแคมป์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาของตำรวจ

 

จำนวนผู้ประท้วงที่มีเพียงหลักร้อยนับว่าผิดจากความคาดหมายของนิตยสารออนไลน์ “แอดบัสเตอร์ส” ซึ่งเริ่มปลุกระดมผู้คนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และโฆษณาว่าจะมีชาวอเมริกันออกมาประท้วงมากถึง 20,000 คน

 

รัฐบาลสหรัฐฯกำลังเร่งแก้ไขวิกฤตงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้ต้องตัดรายจ่ายด้านสวัสดิการสังคม ขณะที่อัตราการว่างงานในประเทศก็พุ่งสูงกว่า 9 เปอร์เซ็นต์

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ

ถูกแก้ไข โดย popedern

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอหน่อยนะครับ

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าวันเสาร์ครับ เฮียนายห้างฯ และ เพื่อนๆทุกๆท่าน

ราคาทองคำก้าวผ่าน US$1,800 และมาอยู่ที่ US$1,812 ตอนปิดตลาดสหรัฐฯ แถม SPDR

ซื้อทองเข้าพอร์ตอีก 10 ตัน ( 10 ตันที่แล้ว ซื้อเข้าที่ US$1,855 ) เดาว่า คงซื้อเข้า " เพื่อถัว " ฮ่า ฮ่า

อีกอย่าง ทองขึ้น อาจเพราะต้องการรักษาสถิติให้กับ วันหวยแห่งชาติออก ฮ่า ฮ่า ( แฟนคลับ คงเข้าใจดี )

 

ราคาพลิกขึ้นมายืนตรงนี้ได้ น่าจะหมายถึง กองทุนขาใหญ่ และ นักลงทุน คงเลือกแล้วว่า

" จะดันราคาทอง เพื่อขึ้นไปรอรับข่าวสาร ที่ประชุม Euro ที่โปแลนด์ + ที่ประชุม เฟด

+ มีสัญญานแว๊ปๆๆ กล่าว ขึ้นได้ ขึ้นได้อีก "

 

ว่ากันที่ประชุมเฟด เสร็จสิ้น วันพุธ เช้าวันพุธ ก็ค่อยมาว่ากันอีกครั้ง เพราะเด็กขายของ

สายตาสั้นครับ เล่นสั้นๆ

 

เด็กขายของ มีของเกือบเต็มพอร์ต เมื่อวานราคาลงอย่างไร ก็คงไม่กล้าเข้าซื้อ ซึ่งดูๆ คล้ายกับ

เพื่อนที่ชื่อ Spoltiw คิดครับ ส่วนเพื่อนที่สวมหัวใจสิงห์แบบ พี่ป้อม กับ พี่โต๊ะ เช้านี้มองราคา

คงยิ้มแก้มป่องเชียว

 

ถึงขั้นนี้แล้ว เสาร์ อาทิตย์ ก็หนีเที่ยวอย่างสบายใจครับ แต่พรุ่งนี้ มีม็อบต้องเช็คข่าวนะครับว่า ที่ไหน

จะได้หลีกเลี่ยง โชคดีต่อการลงทุนซื้อทองแท่ง ณ. ตู้แดงขายทอง ครับ

เดี๋ยวคุณเด็กขายของมาให้ข่าวต่อนะครับ

เที่ยวให้สนุกกับวันหยุดก่อน จะกับมารับเงินเพิ่มในกระเป๋า

ในวันที่ 19/09/2554 ถึง 21/9/2554 ครับ[/size][/color]

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯจีนย้ำจะเร่งจัดการกับปัญหาสินค้าราคาแพงซึ่งส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2011 เวลา 15:17 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

 

นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ย้ำในระหว่างเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลกภาคฤดูร้อน ในมณฑลต้าเลี่ยน ซึ่งมีบรรดานักธุรกิจชั้นนำและผู้แทนด้านเศรษฐกิจจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมมากกว่า 1,500 คนว่า จะเร่งจัดการกับปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน พร้อมให้คำมั่นว่าจะเพิ่มมาตรการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกกำลังเผขิญกับภาวะเงินเฟ้อ และเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า จนเกิดความวิตกว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้น เนื่องจาก อัตราค่าครองชีพที่กำลังดีดตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ลาการ์ดเรียกร้องประชาคมโลกหามาตรการรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวครั้งใหม่

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2011 เวลา 16:33 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

 

นางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เรียกร้องประชาคมโลกให้ร่วมกันหามาตรการรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวครั้งใหม่และวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป เนื่องจากเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนทั้งภาคครัวเรือนและสถาบันการเงิน ทั้งในสหรัฐและยุโรป ส่งผลกระทบต่อทั้งความเชื่อมั่นในการลงทุน การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ทุกฝ่ายต้องร่วมมือดำเนินมาตรการที่ชัดเจนเพื่อรับมือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ กับธนาคารโลก จะหารือในสัปดาห์หน้าเพื่อหามาตรการรับมือวิกฤติหนี้ยุโรปให้เสร็จสิ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...