ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

LOS ANGELES (MarketWatch) -- Hong Kong stocks gave ground early Monday, as concerns over Europe's debt crisis sent financials lower, and with resources also pulling back sharply. In early moves, the Hang Seng Index was down 1.7% at 19,134.68, while the Hang Seng China Enterprises Index lost 2.4%, and the Shanghai Composite CN:000001 -1.12% was off 0.9%.

 

เช้านี้ ตลาดหุ้นฮ่องกง ตกถึง 1.7% จากการหวนมาตกใจเรื่อง วิกฤติการเงินอีกครั้ง ส่งผลให้หุ้นเกี่ยวกับ

การเงินร่วงนำก่อนในตลาด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ครับ ทุกๆท่าน ขอนำข่าวบำรุงขวัญและกำลังใจ มาให้อ่านนะครับ

 

บล.ภัทร แนะลงทุนทองคำ เหตุเป็นทรัพย์สินปลอดภัย

บล.ภัทร แนะลงทุนทองคำโดยตรง สำหรับนักลงทุนที่เน้นกลยุทธ์ด้านการจัดสรรเงินทุน ส่วนการลงทุนในหุ้นบริษัทเหมืองทอง และหุ้นกู้อนุพันธ์ Gold Linked Note ถือเป็นทางเลือกที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นได้เช่นกัน สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

 

ฝ่ายวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (บล. ภัทร) ได้ระบุถึงคำแนะนำ การจัดสรรการลงทุน (Asset Allocation) ว่า ขณะที่ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน จึงทำให้ราคาทองเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นบริษัทเหมืองทอง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรที่ให้ผลตอบแทน และความเสี่ยงแตกต่างจากการลงทุนในทองคำโดยตรง เรามองว่าหุ้นเหมืองทองนั้นมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยลดแรงกระทบจากภาวะสภาพคล่อง ตึงตัว (Credit Crunch) ของภาคการเงินทั่วโลกได้ในระดับหนึ่ง สำหรับกองทุนรวมที่เราแนะนำคือ กองทุนเปิด KTAM's Gold and Precious Equity fund อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนที่เน้นกลยุทธ์ด้านการจัดสรรเงินทุนนั้น การลงทุนในทองคำโดยตรงถือว่าเป็นคำแนะนำที่เหมาะสมมากกว่า โดยหุ้นเหมืองทองยังคงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองระยะยาวในทิศทางราคาทอง และสามารถรับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงได้

 

“นอกจากนั้น การลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์ Gold Linked Notes ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากการที่ราคาทองคำมีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการจำกัดความเสี่ยง และลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น และนักลงทุนในตราสารหนี้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้บ้าง ประเด็นที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาทองคำได้ในระดับหนึ่ง”

 

สำหรับทองคำในครึ่งปีหลังนี้ Bank of America – Merrill Lynch ได้ให้ประมาณการราคาทองคำในอีก 12 เดือน ข้างหน้าเป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำดังนี้ 1) อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในอัตราที่ติดลบในประเทศที่ใช้สกุลเงินหลักของโลก อาทิ สหรัฐอเมริกาและในอีกหลายประเทศในภูมิภาคยุโรป 2) ความกังวลในความเสี่ยงหนี้สินภาครัฐในภูมิภาคยุโรป 3) ธนาคารกลางในหลายประเทศเริ่มที่จะเพิ่มสถานะการถือครองสินทรัพย์ทองคำมาก ขึ้น 4) ปริมาณความต้องการสินทรัพย์ทองคำที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน 5) ปริมาณสถานะการถือครองสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับทองคำเพื่อใช้ในการเก็งกำไรยังมีไม่มากนัก

 

“ขณะเดียวกันการลงทุนทางเลือกในอสังหาริมทรัพย์ ยังมีแนวโน้มที่สามารถเติบโตได้ จากการวิเคราะห์พบว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปี 2011 ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของเรา สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เราแนะนำยังคงเป็น TFUND ซึ่งมีกำไรเงินสดต่อหน่วยที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน มีอัตราการเช่าในไตรมาส 2 ของปีนี้อยู่ที่ 94.5% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับอัตราการเช่าที่ 87.3% ในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับอัตราการเช่าที่ 94.7% ในไตรมาสแรกของปี 2011 นอกจากนั้น ราคาของ TFUND ยังอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล โดยปัจจุบัน TFUND ซื้อขายที่ราคา 12.5 บาท หรือสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมที่เราประเมินไว้อยู่ 4.2% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในกรอบของมูลค่าที่อาจจะเพิ่มขึ้นได้ในกรณีที่มีการกู้ยืม”

 

thairath

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฟันธงทองคำปีนี้ทะลุ $2,000 แม้ราคาเริ่มลง

554000012501301.JPEG

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กันยายน 2554

 

เอเอฟพี - ราคาทองคำปีนี้อยู่บนเส้นทางทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำท่ามกลางความโกลาหลทางเศรษฐกิจ บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน GFMS ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี(15)

 

แม้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(15) ซื้อขายกันราวๆ 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดตลอดกาล 1,921.15 ต่อออนซ์ที่ทำเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์คาดหมายว่าท่ามกลางความยุ่งเหยิงของเศรษฐกิจโลก ราคาทองคำจะกลับมาพุ่งทะยานไปข้างหน้าอีกครั้ง

 

"แม้เป็นครั้งแรกที่ราคาทองคำอยู่ในภาวะอ่อนตัวลง แต่ราคาทองคำก็น่าจะก้าวผ่านระดับ 2,000 ดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปี" GFMS ระบุในรายงาน Gold Survey 2011 ของบริษัท

 

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากนักลงทุนควานหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นและวิกฤตหนี้ยูโรโซน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางด้วย

ถูกแก้ไข โดย Namchiang

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายวินซ์ เคเบิล รัฐมนตรีธุรกิจอังกฤษ ระบุว่า ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BOE ควรจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE อีกรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจอังกฤษได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ แต่ก็บอกว่ารัฐบาลจะต้องคุมเข้มทางการคลังต่อไป เพื่อปรับลดยอดการขาดดุลงบประมาณที่สูง

 

นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า BOE จะเริ่มมาตรการซื้อพันธบัตรอีกครั้ง ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศแทบจะไม่ขยายตัวนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 และ BOE ก็ตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% ติดต่อกัน 30 เดือนแล้ว

 

BOE ได้ดำเนินมาตรการ QE รอบแรกด้วยการซื้อสินทรัพย์ 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ โดย QE รอบแรกสิ้นสุดไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553

 

ที่มา : money channel (วันที่ 19 กันยายน 2554)

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันศุกร์ (16 ก.ย.) ทะยานขึ้น 75.91 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 11,509.09 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 6.90 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1,216.01 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 15.24 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 2,622.31 จุด

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกเล็กน้อยเกี่ยวกับวิกฤติหนี้สินยุโรป หลังจากที่ธนาคารกลางที่สำคัญ 5 แห่งได้ร่วมมือกันเพื่ออัดฉีดดอลลาร์เข้าสู่ระบบการธนาคารของยุโรป ขณะที่บรรดารัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรปอยู่ระหว่างการหารือเรื่องแผนรับมือวิกฤติหนี้สินในภูมิภาค

 

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกัน 5 วันเป็นครั้งแรกนับแต่ต้นเดือน ก.ค. หลังจากอยู่ภายใต้แรงกกดันในช่วงต้นเดือนก.ย. เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤติหนี้สินยุโรปกำลังลุกลามออกไปยังหลายประเทศมากขึ้น และกรีซอาจเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตอันใกล้นี้

 

โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นราว 4.7% ดัชนี S&P พุ่ง 5.4% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 6.3%

 

ที่มา : money channel (วันที่ 19 กันยายน 2554)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายฌอง-คล็อด ยุงค์เกอร์ ประธานกลุ่มยูโร กล่าวว่า จะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับเงินกู้งวดต่อไปสำหรับการให้ความช่วยเหลือกรีซในเดือนต.ค.

 

นายยุงค์เกอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของลักเซมเบิร์กด้วย กล่าวว่า ยูโรโซนจะตัดสินใจในเดือนต.ค.เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกู้งวดต่อไป 8 พันล้านยูโร (ราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการช่วยกรีซ

 

นายยุงค์เกอร์ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวในการแถลงข่าวหลังการหารือกับบรรดารัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศยูโรโซนในประเด็นเกี่ยวกับวิกฤติหนี้สินยุโรปที่ยืดเยื้อ โดยมีนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเข้าร่วมหารือด้วย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

ที่มา : money channel (วันที่ 19 กันยายน 2554)

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 30.40/42 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากช่วงปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 30.35/37 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อเวลา 08.35 น.เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 30.43/45 บาท/ดอลลาร์ และมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องตามค่าเงินยูโร

 

"(เงินบาท)ปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่องตามค่าเงินยูโร" นักบริหารเงิน กล่าว

 

เนื่องจากผลประชุมที่ประเทศโปแลนด์ไม่ได้ช่วยให้ตลาดเกิดความสบายใจต่อปัญหาวิกฤติหนี้ของยูโรโซน ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นหยุดทำการ

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเช้านี้ที่ระดับ 76.91/92 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 76.70/72 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3652/3655 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 1.3802/3804 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงินมองทิศทางเงินบาทในวันนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.40-30.50 บาท/ดอลลาร์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐ (SAFE) เผยจีนมีหนี้สินในต่างประเทศสูงถึง 6.425 แสนล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 30 มิ.ย.

          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จำนวนหนี้สินดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 5.86 แสนล้านดอลลาร์ ในเดือนมี.ค. และยังไม่ได้นับรวมหนี้สินกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวันด้วย

          หนี้ต่างประเทศค้างชำระระยะยาวและระยะกลางของจีนอยู่ที่ 1.804 แสนดอลลาร์ ณ วันที่ 30 มิ.ย. ส่วนหนี้ต่างประเทศระยะสั้นอยู่ที่ 4.621 แสนล้านดอลลาร์

          ขณะที่จำนวนเงินกู้ยืมเพื่อการค้าและเงินกู้ไฟแนนซ์ที่ยังค้างชำระอยู่ที่ 3.482 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 75% ของปริมาณหนี้สินต่างประเทศค้างชำระระยะสั้นทั้งหมด

          ด้านโครงการสกุลเงินแลกเปลี่ยนนั้น หนี้สินในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐคิดเป็น 78.27% ของหนี้ต่างประเทศค้างชำระของจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมา 7.86% ส่วนหนี้ต่างประเทศสกุลเงินยูโรคิดเป็น 4.09% ลดลงมาจากช่วงสิ้นปีที่แล้ว 0.32%

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 19 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Price Movement

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 33.30 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,814.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำ rebound ขึ้นได้ เนื่องจากแรงซื้อเพื่อทำ short covering และแรงซื้อในตลาด physical จากตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น เมื่อราคาลงมาต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์

 

Key Points in Gold Market

 

- ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 33.30 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,765.40 — 1,825.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำ rebound ขึ้นได้แรง เนื่องจากมีแรงซื้อเพื่อทำ short covering และแรงซื้อในตลาด physical จากตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น เมื่อราคาลงมาที่ระดับ 1,765 USDต่อออนซ์ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์

 

- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้น (Consumer Sentiment) เท่ากับ 57.8 เพิ่มขึ้นจาก 55.7 ในเดือนก่อน และสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 56.0 อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนระดับการจ้างงานในระดัยต่ำ และปัญหาของภาคธนาคารและการเงิน ( + )

 

- ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 20 — 21 ก.ย.นี้ ซึ่งอาจมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ดัชนีที่อยู่อาศัยในวันจันทร์ ยอดเริ่มสร้างบ้านวันอังคาร ส่วนวันพุธมียอดขายบ้านมือสอง สต๊อคน้ำมันดิบ และการประชุมเฟดเรื่องการกำหนดอัตราดอกเบี้ย วันพฤหัสมีดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ โดยมี High Lights ในวันพุธและพฤหัส

 

- แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะ rebound ขึ้นได้ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,840/1,870/ 1,900 USDต่อออนซ์ ส่วนแนวรับในสัปดาห์คาดว่าที่บริเวณ 1,760/1,750 USDต่อออนซ์ แนะนำ สำหรับวันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,807 / 1,790 ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,827/1,835 เปิด Long บริเวณ 1,807/1,790 โดยมีเป้าหมายทำกไรบริเวณ 1,827/1,835 USDต่อออนซ์

 

- ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 1.33 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 40.83 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 39.46 — 40.99 USDต่อออนซ์ ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 38.8 — 41.6 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,956.32 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 41.40 และแนวรับบริเวณ 39.3 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 39.3 — 41.4 USDต่อออนซ์

 

- SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 10.60 ตัน รวมถือครองทองคำจำนวน 1,251.91 ตัน

 

Technical Analysis:

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,790 1,807 แนวต้านที่ 1,827 1,835 แนวโน้มราคา พ้นจากรอบ downtrend ระยะสั้น macd มีค่าอยู่เหนือ 0 แล้ว เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น

 

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 39.3 และแนวต้านที่ 41.4 แนวโน้มระยะสั้นราคาคาดว่าจะยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 19 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวผันผวน, คาดนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสกลับมาขายอีก (19/09/2554)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะแกว่งตัวผัวผวน โดยปัจจัยที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือปัญหาหนี้สินในยุโรป และวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ประกอบต้องระวังแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่คาดว่าจะยังมีออกมาอีก

 

ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง พร้อมให้แนวรับ 1,020 จุด แนวต้าน 1,040-1,050 จุด

 

"ปัจจัยที่ดูยังเป็นเรื่องเหตุการณ์ในยุโรปและสหรัฐเป็นตัวสำคัญอยู่...ส่วนการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปก็ต้องติดตามต่อเพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร"นายเทิดศักดิ์ กล่าว

 

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

 

- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(16 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,509.09 จุด เพิ่มขึ้น 75.91 จุด (+0.66%)ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,216.01 เพิ่มขึ้น 6.90 จุด(+0.57%)ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,622.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.24 จุด (+0.58%)

 

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 472.70 ล้านบาทเมื่อ 16 ก.ย. 54

 

- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดปิดที่ 87.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.61%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์เช้านี้เปิดที่ 11.11 เหรียญฯ/บาร์เรล ปรับขึ้นจากล่าสุด(16 ก.ย.)ปิดที่ 9.67 เหรียญฯ/บาร์เรล

 

- อุตฯ จับตามาตรการ "ปู ยิ่งลักษณ์" ชัดเจน ปรับค่าจ้าง-ขึ้นเงินเดือน หวังหนุนธุรกิจแข็งแกร่ง หลังยอดโรงงาน 8 เดือน ปิดตัวจิ๊บจ๊อย 737 ราย มูลค่า 9,775 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนมั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทย แม้ว่าหลายรายยังกังวลนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมประเมินความช่วยเหลือตามกรอบเจเทป้า

 

- "พาณิชย์" เตรียมรุกเจรจา  FTA ไทย-อินเดีย เฟส 2 ลุยเปิดเสรีสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 5 พันรายการ เน้นเจาะจง 900 รายการ ให้มีกฎส่งออกเป็นรายสินค้า พร้อมเตรียมถกปากีสถานปูทางเจรจา FTA ในอนาคต เผยยอดส่งออกภายใต้ GSP ช่วง 6 เดือน มูลค่ากว่า 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.94%

 

- "แบงก์ชาติ" ลุยตรวจสอบธนาคารรัฐยึดหลักเกณฑ์เดียวกับการตรวจสอบแบงก์เอกชน เผยผลสอบส่งให้กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว ชี้มีทั้งที่ต้องปรับปรุงและไม่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม ส่วนการทำหน้าที่นอกเหนือพันธกิจยืนยันทำได้ แต่ต้องยึดหลักเกณฑ์เดียวกับธนาคารพาณิชย์

 

- พลังงานแย้ม กองทุนน้ำมันฯ เล็งกู้เงิน 20,000 ล้านบาทเตรียมอุดหนุนราคาน้ำมัน หลังฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดเหลือ 616 ล้านบาท หักลบรายจ่ายแล้วอยู่ได้ไม่เกิน 6 วัน แถมรัฐบาลยังมีแนวโน้มจะตรึงราคาพลังงานต่อตามภาษีสรรพสามิตดีเซล

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 19 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้เชี่ยวชาญจากอินเดียเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของหลายประเทศในเอเชียอาจไม่สามารถรอดพ้นจากภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ไปได้ หากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย

 

หัวหน้านักวิเคราะห์จากสถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำของอินเดีย CRISIL เปิดเผยว่าจีน อินเดีย และอินโดนีเซียพึ่งพาสหรัฐ อียู และญี่ปุ่นในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งในแง่นี้เอเชียจะสามารถประคับประคองเศรษฐกิจโลกได้ นอกจากนี้ จีนยังช่วยได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยุโรปเพิ่มเติมด้วยการซื้อพันธบัตรจากประเทศยุโรปบางแห่ง

 

แต่หากสหรัฐและยุโรปเผชิญภาวะถดถอยอีกครั้ง เอเชียจะไม่สามารถรอดพ้นจากภาวะตกต่ำครั้งใหม่ ซึ่งในกรณีนี้ เศรษฐกิจในเอเชียจะชะลอตัวลงและอัตราดอกเบี้ยในประเทศเหล่านี้จะต้องถูกปรับลดลงมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 9.3% ในปี 2554 และ 9.1% ในปี 2555 สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 18 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Hong Kong’s Hang Seng Index HK:HSI -2.31%  lost 2%

the Shanghai Composite Index -1.32%  shed 0.9%.

 

South Korea’s Kospi KR:0100 -0.88%  lost 0.5%

Australia’s S&P/ASX 200 index AU:XJO -1.73%  fell 1.3%

 

ตลาดหุ้นในเอเชีย ลดลง ทุกตลาด ตอนนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปรับราคาครั้งที่ 2 ของวันนี้

 

10:06:00 รับซื้อเข้าครับ. 26200. ราคาขายออก 26300

 

ราคาทองคำตลาดโลก 1824.00 ค่าเงินบาท 30.42

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีทุกท่าน

พี่ใหญ่คะ. เราฝันแบบเงียบๆได้ผล. อาแปะไม่รู้เราคิดอะไร อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

๑ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ต.ค.ปรับลดลง 1.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 87.96 เหรียญฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ย.ปรับลดลง 0.08 เหรียญฯ ปิดที่ 112.22 เหรียญฯ

 

- ความไม่แน่นอนของปัญหาหนี้ในยุโรปกลับมาเพิ่มความกังวลขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เยอรมันออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการออกพันธบัตรของกลุ่มยูโรโซน รวมทั้ง การเข้าตรวจสอบความคืบหน้าของแผนลดรายจ่ายของกรีซโดย EU/IMF ได้ถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นครั้งที่ 2 จากกำหนดเดิมในวันนี้ (19 ก.ย.) โดยเหลือเพียงการประชุมทางโทรศัพท์เท่านั้น เพื่อให้กรีซมีเวลาในการจัดการกับแผนลดรายจ่ายเพิ่มขึ้น

- ผลสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์กว่า 50 คนทั่วยุโรป ของรอยเตอร์ พบว่า โอกาสที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ (default) ภายในระยะเวลา 1 ปีนี้ มีมากถึง 65% ในขณะที่มาตรการออกพันธบัตรของกลุ่มยูโรโซนเพื่อแก้ปัญหาหนี้กรีซนั้น ยังคงมีความเป็นไปได้เพียง 40% เท่านั้น

- นอกจากนี้ ภาคเอกชนที่ส่งสัญญาณว่าจะเข้าร่วมการถือครองหนี้กรีซขณะนี้ยังคงมีเพียง 75% น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 90% เพิ่มความกดดันต่อปัญหาหนี้ในกรีซยิ่งขึ้น

- ด้านนายไกน์เนอร์ รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหภาพยุโรปยกระดับเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ขึ้น เพื่อช่วยเหลือวิกฤติหนี้ โดยอาจมีการตั้งเงื่อนไขและเพิ่มขั้นตอนการดำเนินการที่เด็ดขาดยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตอบรับจากทางยุโรปว่าจะดำเนินการแต่อย่างใด

- ตัวเลขคาดการณ์ความรู้สึกของผู้บริโภคสหรัฐฯ (consumer sentiment expectation) ปรับลดลงมาอยู่ที่ 47.0 ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปี หลังความรู้สึกของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 57.8 จาก 55 .7 เมื่อเดือนก่อนหน้า

- บริษัทอะโกโค (Arabia Gulf Oil Company, Agoco) ในลิเบีย กล่าวว่าจะเร่งการผลิตน้ำมันดิบในแถบภาคตะวันออกของประเทศให้ได้ 200,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในสิ้นเดือน ก.ย. นี้ และคาดว่าจะส่งออกน้ำมันดิบได้อย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุกๆ 10 วัน

- บริษัทผลิตน้ำมันหลายแห่งในแถบนิวฟาวด์แลนด์กล่าวว่า บริษัทจะไม่อพยพคนงานออกจากแหล่งผลิตและและจะดำเนินการผลิตน้ำมันดิบตามปกติ เนื่องจากคาดว่าทิศทางของพายุเฮอริเคนมาเรียจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานแต่อย่างใด

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น  2.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 109.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

๑ ทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้น

ไทยออยล์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้จะผันผวนอยู่ในกรอบ108-118 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวที่กรอบ 82-92 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ติดตามดัชนีตลาดบ้านที่จะประกาศในคืนนี้ พร้อมติดตามทิศทางของหนี้ในยุโรป รวมถึง ความคืบหน้าของแผนลดรายจ่ายของกรีซหลังจากการเข้าตรวจสอบโดย EU/IMF ถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นครั้งที่ 2

 

๑ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นนั้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่อจากคาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของอินเดียจะลดลง หลังจากอินเดียปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในประเทศขึ้น อย่างไรก็ตามอุปทานในภูมิภาคยังคงตึงตัว

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงซื้อในภูมิภาคที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โรงกลั่นในอินโดนีเซียเกิดปัญหาขัดข้องทางไฟฟ้า ทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันดีเซลเพิ่มมากขึ้น

 

๑ ปัจจัยที่น่าจับตามอง

• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และรายงานที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันจันทร์: ดัชนีตลาดบ้าน

วันอังคาร: ยอดการขอสร้างบ้านใหม่  การประกาศตัวเลขคาดการณ์จีดีพีโลกโดยไอเอ็มเอฟ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันแรก

วันพุธ: ยอดขายบ้านมือสอง ปริมาณน้ำมันคงคลังของหน่วยงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันสุดท้าย

วันพฤหัส: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน 

วันศุกร์: --

• การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ ว่าจะมีการเสนอนโยบายการเงินออกมา เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งหรือไม่

• ความคืบหน้าของแผนกระตุ้นการสร้างงานมูลค่า 4.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโอบามา  ว่าจะผ่านการเห็นชอบจากสภาคองเกรสหรือไม่

• แผนช่วยเหลือหนี้กรีซฉบับที่ 2 จะเป็นอย่างไร หลังการเข้าตรวจสอบความคืบหน้าแผนขาดดุลงบประมาณของกรีซโดย  EU/IMF ถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นครั้งที่ 2 รวมถึง ติดตามปัญหาหนี้ของประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยเฉพาะ อิตาลี และ ฝรั่งเศส ด้วย

• ติดตามการกลับมาส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียหลังบริษัทน้ำมันหลายแห่งในประเทศมีความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลิตและส่งออกน้ำมัน รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอื่นๆ เช่น ซีเรีย และเยเมน ต่อไป

• ความรุนแรงของฤดูกาลเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก ที่คาดว่าจะมีมากกว่า 6-10 ลูก ซึ่งอาจกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ในบริเวณอ่าวเม็กซิโก

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 19 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีทุกท่าน

พี่ใหญ่คะ. เราฝันแบบเงียบๆได้ผล. อาแปะไม่รู้เราคิดอะไร อิอิ

สวัสดีครับ คุณ อัยยา

หน้าต่างมีหู ประตูมีตา ดูสิว่า อาแปะจะมีนั่งทางใน ทำนายฝันหรือเปล่า แต่เราสามารถเห็นอาแปะก่อนอยู่แล้ว

เพราะ เขามี ไฟสปอตไลท์ส่วนตัว เข้ามาได้ ก็คงตกใจตื่นทุกที หุหุหุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Prime Minister George Papandreou aborted a planned trip to the U.S. this week to preside over emergency meetings in Athens to identify new savings that will convince other euro-zone governments that targets can be met, The Wall Street Journal reported. Without fresh aid, Greece will run out of money by mid-October, the Journal said

 

ขอย้ำอีกครั้งว่า ! นายกรัฐมนตรี ของกรีซ จะมีแผนการเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการเพิ่มสภาพคล่อง

ให้กับธนาคารฯ และในประโยคสุดท้ายของเนื้อความ คือ

 

" ถ้าขาดเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ กรีซจะขาดเงิน กลางเดือนตุลาคม 54 " ดังนั้น

 

จังหวะมั่วของนักลงทุนขาใหญ่ทั้งหลาย จะใช้ประเด็นนี้ ดันราคาทองขึ้นไปก่อนวันพุธที่ 21

ซึ่งเป็นวันประชุม Fed วันสุดท้าย แล้วหลังจากประชุมเสร็จ นายเบอร์นันเก้ ก็คงออกมาแถลง

หลังจาก นายโอบามา ออกมากล่าวก่อนหน้่าเรื่อง ลดรายจ่าย และ เพิ่มภาษี การขึ้นรอบนี้จะมี

กี่วัน แล้วก็ลงต่อ ย่อมมี เพราะเป็นวิถีของทอง อย่าประมาทครับ ตั้งเป้าหมายครับ

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...