ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

อัตราว่างงานของเกาหลีใต้ปรับลดลงในเดือนสิงหาคม

 

สำนักงานสถิติของเกาหลีใต้ รายงานตัวเลขว่างงานประจำเดือนสิงหาคม ปรากฎว่าปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 จากเดิมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ร้อยละ 3.3 นายบัค แจ-วาน รัฐมนตรีคลัง ชี้ว่าอัตราว่างงานเดือนดังกล่าวสะท้อนว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังคงมีเสถียรภาพแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี ขุนคลังเกาหลีใต้เรียกร้องให้ทุกประเทศหันมาผนึกกำลังกันช่วยแก้ไขวิกฤตหนี้สินที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก

 

อิทธิพลของไต้ฝุ่น ทำให้โรงงาน 11 แห่งในญี่ปุ่นต้องระงับการผลิต

 

ไต้ฝุ่นทรงพลังเตรียมพัดกระหน่ำญี่ปุ่น ทำให้ “โตโยต้า” บริษัทษ์ผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่ต้องยุติการผลิตที่โรงงาน 11 แห่งจากทั้งหมด 15 แห่งวันนี้

นายดิออน คอร์เบิร์ต โฆษกบริษัทโตโยต้ากล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี.ว่า การผลิตในช่วงเปลี่ยนกะที่ 2 หรือหลังช่วงบ่ายวันนี้ถูกระงับ และจะไม่มีการกลับมาเริ่มการผลิตอีกครั้งในวันนี้ และยังไม่มีการตัดสินใจสำหรับวันพรุ่งนี้ นายคอร์เบิร์ตกล่าวว่า โรงงานที่ได้รับผลกระทบอยู่ในจังหวัดไอจิ ในภาคกลางของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คาดว่าไต้ฝุ่นโรคีจะพัดผ่าน อย่างไรก็ตาม นายคอร์เบิรต์กล่าวว่า คาดวว่าโรงงานของโตโยต้าอีก 4 แห่งในญี่ปุ่นซึ่งอยู่ในฮอกไกโด โทโอกุ และคิวชูจะไม่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว ทั้งนี้ ประชาชนทั่วประเทศญี่ปุ่นอย่างน้อย 4 คนเสียชีวิต และกว่า 1 ล้านคนได้รับการเตือนให้อพยพออกจากบ้านเรือน เนื่องจากเกรงว่าฝนตกหนักจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันกินพื้นที่เป็นวงกว้าง และสถานการณ์ล่าสุดวันนี้ พายุโรคีพัดอยู่นอกชายฝั่งคาบสมุทรไคอิ ในจังหวัดวากายามะ ภาคกลางของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไต้ฝุ่นทาลัสพัดกระหน่ำเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้เกิดดินถล่มและฝนตกหนัก และถือว่าเป็นพายุรุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2522 เจ้าหน้าที่คาดว่าไต้ฝุ่นโรคีจะพัดขึ้นฝั่งที่เขตคันโตในช่วงบ่ายนี้ ก่อนจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือสู่จังหวัด ฟูกูชิมะ ซึ่งเกิดภัยพิบัติสึนามิและนิวเคลียร์ หลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทย-กัมพูชาเจรจาแหล่งพลังงานทางทะเล ที่ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม

 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้หารือทวิภาคีกับกัมพูชา ระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ที่ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการหาประโยชน์จากแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลร่วมกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองประเทศ จะเดินหน้าโครงการปิโตรเลียม ไทย-กัมพูชา บริเวณอ่าวไทยอีกครั้ง หลังจากที่ต้องหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2544

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า การเจรจาเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปักปันเขตแดนทางบก และจะดำเนินการอย่างเปิดเผย เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์จากปิโตรเลียมทางทะเล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการ เนื่องจากปริมาณสำรองก๊าซในอ่าวไทย เหลือใช้ประโยชน์สูงสุดได้อีก 16 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีราคาสูง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

 

ปล. นายกฯ ตัวจริงมาประชุมเองหรือเปล่าเนี่ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะตลาดเงิน

          - USD/THB แข็งค่าอยู่ที่ระดับ 30.42 หลังแกว่งตัวไปถึงเกือบ 30.7 อย่างไรก็ดีเงินบาทปรับแข็งค่าจากการคาดว่าทางสหรัฐฯจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ วันนี้คาดปรับตัวลงไปที่ 30.30

          - EUR/USD อยู่ที่ระดับ 1.370 โดยยูโรแข็งค่าเล็กน้อย หลังจากที่ร่วงลงช่วงเปิดตลาดจากข่าวที่ทางอิตาลีถูกปรับลดอันดับความเชื่อถือ วันนี้คาดปรับตัวขึ้นไปที่ 1.375

          - USD/JPY อยู่ที่ 76.43 โดยเงินเยนแข็งค่าหลังจากในช่วงที่ผ่านมาเงินเยนปรับแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ส่งออกเทขายดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้คาดปรับตัวลงไปที่ 75.95

 

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

          - ราคาน้ำมันดิบ ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค. ปรับขึ้น 1.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 86.89 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยมีแรงซื้อน้ำมันจากการที่ตลาดคาดว่าทางเฟดจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ซึ่งจะกดดันเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง

          - ราคาทองคำ ตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 30.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 1,809.10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากแรงหนุนที่คาดว่าเฟดจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

 

ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ

          - ตลาดหุ้นไทย ปิดบวกเล็กน้อยโดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ประกาศวานนี้ เช่นการคืนภาษีบ้านหลังแรก และหารขึ้นเงินเดือนข้าราชการเป็น 15,000 บาท อย่างไรก็ดีนักลงทุนยังคงรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่อย่างไร

          - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัวโดยปรับบวกเพียงเล็กน้อยจากการที่นักลงทุนยังคงรอผลการประชุม FOMC ว่าจะออกมาอย่างไร อีกทั้งปัญหาทางยุโรปยังคงเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

 

อัตราดอกเบี้ย

 

ไทย        ตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน (Repo rate)  3.50%

สหรัฐฯ      Fed Funds rate                     0-0.25%

ยูโรโซน     Refinancing Rate                     1.50%

อังกฤษ      Repo Rate                            0.50%

ญี่ปุ่น        Official Cash Rate              0.00-0.10%

 

ตลาดหุ้นที่สำคัญ

          - ตลาดหุ้นไทย ปิดบวกเล็กน้อยโดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ประกาศวานนี้ เช่นการคืนภาษีบ้านหลังแรก และหารขึ้นเงินเดือนข้าราชการเป็น 15,000 บาท อย่างไรก็ดีนักลงทุนยังคงรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่อย่างไร

          - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัวโดยปรับบวกเพียงเล็กน้อยจากการที่นักลงทุนยังคงรอผลการประชุม FOMC ว่าจะออกมาอย่างไร อีกทั้งปัญหาทางยุโรปยังคงเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

 

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

          - ราคาน้ำมันดิบ ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค. ปรับขึ้น 1.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 86.89 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยมีแรงซื้อน้ำมันจากการที่ตลาดคาดว่าทางเฟดจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ซึ่งจะกดดันเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง

          - ราคาทองคำ ตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 30.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 1,809.10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากแรงหนุนที่คาดว่าเฟดจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ นอกจากนี้ นักลงทุนได้เพิ่มความต้องการทองคำหลังไอเอมเอฟปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงเหลือ 4% จาก 4.3% เมื่อ 3 เดือนก่อน

 

ตลาดเงินนิวยอร์ค

          - EUR/USD อยู่ที่ระดับ 1.370 โดยยูโรแข็งค่าเล็กน้อย หลังจากที่ร่วงลงช่วงเปิดตลาดจากข่าวที่ทางอิตาลีถูกปรับลดอันดับความเชื่อถือลง จากปัญหาหนี้ที่สูง ในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดีได้มีแรงซื้อยูโรกลับจากข่าวดีเกี่ยวกับการที่กรีซจะได้เงินช่วยเหลือ และการที่ประเทศกลุ่ม BRIC จะเข้ามาซื้อพันธบัตรของประเทศในยูโรโซน นอกจากนี้นักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หลังมีข่าวว่าธ.กลางสวิตเซอร์แลนด์อาจปรับค่าเงินฟรังก์ให้อ่อนค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร

 

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

          - USD/JPY อยู่ที่ 76.43 โดยเงินเยนแข็งค่าหลังจากในช่วงที่ผ่านมาเงินเยนปรับแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ส่งออกกังวลว่าเงินเยนอาจจะแข็งค่าต่อไปอีก จึงเทขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯออกมา นอกจากนี้นักลงทุนยังคงรอผลการประชุม FOMC

          - GPB/USD อยู่ที่ระดับ 1.5741โดยปอนด์แข็งค่าตามการปรับตัวของยูโร ที่ทำให้นักลงทุนต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงกังวลต่อเศรษฐกิจอังกฤษ หลังตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำกว่าเดือนก่อน

 

ตลาดเงินเอเชีย 

          - สกุลเงินเอเชีย อ่อนค่าเป็นส่วนใหญ่ จากแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงหลังอิตาลีถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเงินวอนร่วงหนักกว่า 0.4% และดอลลาร์สิงคโปร์ที่ทะลุระดับ 1.27 จากเงินทุนที่ไหลออกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีค่าเงินส่วนใหญ่ปรับแข็งค่าจากข่าวดีที่กรีซจะได้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม

          - USD/THB แข็งค่าอยู่ที่ระดับ 30.42 หลังแกว่งตัวไปถึง เกือบ 30.7 อย่างไรก็ดีเงินบาทปรับแข็งค่าจากการคาดว่าทางสหรัฐฯจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ออกมา และข่าวดีที่กรีซอาจสามารถได้รับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ในเร็วนี้

 

หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ปรากฏอ้างอิงจาก Reuters ซึ่งอาจไม่ใช่ราคาทำการจริงในตลาด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บีบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. อิตาลี ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเขตในเงินสกุลยูโร หรือ ยูโรโซน แต่มีหนี้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสเปน ถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ เอสแอนด์พี ปรับลดความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ลงจาก A+ เหลือ A เพราะเห็นว่าการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ในสภาพอ่อนแอและคงไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องอัตราการว่างงาน การตัดลดงบประมาณรายจ่ายและเอาตัวรอดภายใต้สถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งภายหลังถูกลดอันดับ ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ของยุโรปร่วงลงเล็กน้อย ทั้งหุ้นตัวสำคัญของอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ

 

ด้านรัฐบาลอิตาลีของนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ตอบโต้ว่า การประเมินของเอสแอนด์พีไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง แต่มาจากข้อมูลหยาบๆ ของข่าวและมีการเมืองแอบแฝง

 

ทั้งนี้ อิตาลีเป็นประเทศล่าสุดในกลุ่มที่ใช้เงินยูโรที่ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในปีนี้ต่อจากสเปน ไอร์แลนด์ กรีซ โปรตุเกส และไซปรัส

 

ที่มา : ข่าวสดรายวัน (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะของกรีซ (PDMA) เปิดเผยว่า รัฐบาลกรีซสามารถระดมทุนครั้งล่าสุดได้ 1.625 พันล้านยูโร (2.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการออกพันธบัตรชุดใหม่อายุ 3 เดือน ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 4.56% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการประมูลครั้งก่อนที่ 4.5%

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประมูลพันธบัตรครั้งล่าสุดของกรีซมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่กรีซกำลังได้รับแรงกดดันให้ระดมทุนอย่างเพียงพอต่อการชำระหนี้คงค้างในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ นอกจากนี้ สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังเรียกร้องให้กรีซพยายามบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553 เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ ก่อนที่กรีซจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งใหม่

 

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่ากรีซอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนต.ค.นี้ หากกรีซไม่ได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดต่อไปมูลค่า 8 พันล้านยูโร (1.095 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไม่กี่สัปดาห์นี้

 

ที่มา : อินโฟเควสท์—(วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

รัฐบาลกรีซยืนยันว่า การประชุมทางไกลเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขวิกฤติหนี้กรีซ ระหว่างนายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลังกรีซ กับเจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อช่วงค่ำวานนี้ "มีความคืบหน้าอย่าน่าพอใจ"

 

"การเจรจาจะมีขึ้นอีกในสัปดาห์นี้ที่วอชิงตัน ดีซี ซึ่งรมว.คลังของกรีซจะเข้าร่วมประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟ นอกจากนี้ คาดว่ากลุ่ม troika ซึ่งประกอบด้วยอียู ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และไอเอ็มเอฟ จะประชุมร่วมกันที่กรุงเอเธนส์ในสัปดาห์หน้า " กระทรวงการคลังกรีซกล่าวในแถลงการณ์

 

แถลงการณ์ระบุว่า วาระการประชุมหลักของทั้ง 3 ฝ่ายประกอบไปด้วยมาตรการรัดเข็มขัดฉบับเพิ่มเติมของกรีซ ซึ่งจะทำให้กรีซสามารถระดมทุนเงินจากต่างประเทศได้มากขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ และจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีของกรีซมีกำหนดจะจัดการประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ และคาดว่าจะมีการประกาศมาตรการใหม่ๆภายหลังการประชุมในครั้งนี้ด้วย

 

นางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยืนยันว่า กรีซยังคง "เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากยูโรโซนได้" พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นต่ออนาคตของกรีซว่าจะยังสามารถรวมกลุ่มอยู่ในยูโรโซนได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม กรีซจะต้องเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณและลดการใช้จ่ายในภาครัฐ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : อินโฟเควสท์—(วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้โดยสารฉุนจัด รถไฟอินเดียพาไปผิดทางเกือบพันโล!!

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กันยายน 2554 02:02 น.

 

Share

76

 

 

 

 

รถไฟของอินเดียที่ขึ้นชื่อเรื่องความแออัดอยู่แล้ว คราวนี้เจอปัญหาที่ก่อความหงุดหงิดแก่ผู้โดยสารหนักกว่าเดิม

 

       เดลิเมล์ - ผู้โดยสารชาวอินเดียหลายพันคนฉุดสุดขีด บุกเข้าไปยังสำนักงานนายท่าสถานีแห่งหนึ่ง หลังได้รับแจ้งว่ารถไฟที่พวกเขาโดยสารนั้นพามาผิดทางกว่า 980 กิโลเมตร

       

       ทันทีที่รถไฟแออัดขบวนนี้แล่นเข้าสู่เมืองวารังกัล ผู้โดยสารก็อยู่ในอารมณ์เดือดพล่าน หลังพวกเขาทราบว่าตนเองได้อยู่ห่างจากจุดหมายปลายทางที่แท้จริงกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่ระหว่างการเดินทางนั้นก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำรถไฟคนไหนแจ้งให้ทราบเลย

       

       รถไฟขบวนดังกล่าวเดินทางออกจากเมืองทิรูปาติ ทางภาคใต้ โดยมีปลายทางที่เมืองภูพเนศวร ทางตะวันออกของประเทศ แต่แทนที่รถไฟขบวนนี้จะไปจอดที่สถานีปลายทางวาราณสี ทว่ากลับไปโผล่ ณ สถานีวิจายาวาดา ซึ่งอยู่กันคนละทิศละทาง

       

       ระบบขนส่งทางรถไฟของอินเดียเป็นระบบอาณัติสัญญาณที่ใช้รหัสเป็นตัวควบคุม แต่แทนที่พนักงานจะใส่รหัสภูพเนศวร (BBS) เป็นสถานีต่อไป พวกเขากลับใส่รหัสของ Bilaspur (BSP) ส่งรถไฟมุ่งหน้าผิดเส้นทางโดยสิ้นเชิง

       

       ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหลือเชื่อมากที่รถไฟขบวนนี้แล่นเป็นระยะทางเกือบ 1,000 กิโลเมตร โดยไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงใดๆ ทั้งที่มันแล่นผิดราง

       

       “ตลอดช่วงเวลาการเดินทางอันแสนทรมาน เราต้องขอบคุณดวงที่ช่วยให้รถไฟไม่ชนกับขบวนอื่นๆ” ผู้โดยสารรายหนึ่งกล่าวด้วยอารมณ์โมโห ขณะที่เจ้าหน้าที่บนรถไฟซึ่งบางส่วนแอบงีบหลับระหว่างเดินทาง ก็ถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นตอของความผิดพลาดครั้งนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยเส้นทางเพราะว่าได้รับมอบหมายให้มารับหน้านี้ควบคุมรถไฟขบวนนี้เป็นกรณีพิเศษและหลายคนก็ไม่เคยไปที่วาราณสีมาก่อน

       

       ก่อนผู้โดยสารได้รับแจ้งถึงความผิดพลาด รถไฟขบวนนี้ก็แล่นผ่านชุมทางรถไฟหลักของอินเดียถึง 3 แห่ง และเมื่อทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็นำรถไฟมุ่งหน้ากลับไปยังวาราณสี สถานีที่พวกเขาควรเดินทางไปตั้งแต่แรก หลังเหล่าผู้โดยสารแสดงความโกรธกริ้วบุกเข้าไปยังสำนักงานนายท่าสถานีวารังกัล

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

FXstreet.com (Barcelona) - Rumoured new higher peg for euro – swiss franc at 1.25 it seems to have come into place earlier than expected and now currently trades at 1.2271 with highs in 1.2326. Swiss franc has devaluated against all other currencies across the board.

จากเมื่อคืนนี้ ที่สวิสฟรังได้มีการลดอัตราแลกเปลี่ยนขั้นต่ำใหม่ โดยได้ปรับจาก 1.20 ไปที่ 1.25 ซึ่งขณะนี้ตัวเลขอัตราแลกเปลี่ยน สูงอยู่ที่ 1.2271 ต่ำสุดที่ 1.2326

 

"Rumours that the SNB may raise the floor of the EUR/CHF has tripped topside stops in both pairings. Markets are thin and nervous ahead of the European open and further volatility is likely" said Andrew Spencer, analyst at IFR Markets.

 

Meanwhile, comments from Kathy Lien, Director of Currency Research for GFT pointed that "the rumor has not been unsubstantiated but given the success of the 1.20 peg in halting the Franc's rise", , "the SNB could very well be aiming for the stars with a 1.25 peg."

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

‘Ultimate Asset Bubble’

The surge in demand for bullion is a warning to some investors. George Soros called gold “the ultimate asset bubble” in 2010. Soros Fund Management LLC, founded by the 81- year-old billionaire, sold 99 percent of its stake in the SPDR Gold Trust and all shares in the iShares Gold Trust in the first quarter, a U.S. Securities and Exchange Commission filing in May showed.

“We are now in the final, overheated phase of gold’s protracted bull market,” Chris Eibl, a partner at Zug, Switzerland-based Tiberius Asset Management AG, which has $2.8 billion in assets, wrote in a report distributed Sept. 15. Gold “is already so overbought in the wake of panic selling of bank stocks that a calming of the European financial markets could well trigger a tactical pullback by about $200 to $300.”

Warren Buffett, the world’s most successful investor, says the metal has no utility.

“They take it out of the ground in South Africa, ship it to the Federal Reserve, where they put it back in the ground,” Buffett said on April 30 at Berkshire Hathaway Inc.’s annual meeting in Omaha, Nebraska. “If you were watching from Mars, you might think it’s a little peculiar.”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Bullion Depository

 

Sometimes the secrecy needed at vaults backfires. Ron Paul, a Republican congressman for Texas and three-time presidential candidate who has called for a return to linking the dollar to gold, isn’t sure there’s any metal at the U.S. Bullion Depository at Fort Knox in Kentucky.

Paul told Bloomberg Businessweek’s June 20 edition that the government “is asking the American people to trust that all the gold is there, while not allowing site visits and not publishing all the data.” Eric M. Thorson, the inspector general of the Treasury, said he has seen and accounted for it all.

 

The U.S. has the world’s largest gold reserves, 8,133.5 tons, according to World Gold Council data. The Kentucky vault, opened in 1937, stores more than 4,500 tons at a book value of $42.22 an ounce, according to the U.S. Mint’s website. The facility admits no visitors.

“Gold is simply a mirror of economic and political failure, of all the uncertainties that make people worry,” said Gerry Schubert, the head of precious metals at Emirates NBD in Dubai, who has traded the metal since 1979. “If you have $50 million, what would you do with that money? You buy gold. Hedge funds, central banks, sovereign funds: all are buying gold.”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากศาลาว่ากทม. แจ้งว่ากรณีที่มีข่าวกทม.ติดตั้งกล้องหลอกหรือกล้องดัมมี่จำนวน 500 ตัวนั้น เป็นการจัดซื้อในโครงการที่ถูกตั้งขึ้นในงบประมาณปี 2550 สมัยของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากช่วงนั้นมีการชุมนุมทางการเมืองและได้เกิดเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ด รัฐบาลขณะนั้นจึงได้สั่งให้กทม.ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งหากจะมีการติดตั้งกล้องให้ครอบคลุมพื้นที่กทม.ทั้งหมด จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เพราะกล้องในขณะนั้นหนึ่งตัวมีราคาเกือบ 3 แสนบาท กทม.จึงต้องการดำเนินการเช่นเดียวกับประเทศอังกฤษและแม็กซิโก ในการติดกล้องดัมมี่เพื่อขู่และป้องปรามการชุมนุม 

 

นั้น กทม.จึงมีแนวคิดนำการติดตั้งกล้องดัมมี่มาใช้ร่วมกับกล้องที่ทำงานได้จริง จนกระทั่งช่วง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง สำนักการจราจรและขนส่ง กทม.ได้เสนอให้เดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นงบประมาณผูกพันตามโครงการเดิม มาตั้งแต่ปี 2549-2550 ที่รัฐบาลอุดหนุนให้กทม.ดำเนินการ

 

ทั้งนี้ โครงการจัดซื้อกล้องดัมมี่ มีอยู่ 2 ช่วง โดยช่วงแรกมีการจัดซื้อไปจำนวน 242 ตัว ในราคาตัวละ 2,900 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 701,800 ส่วนช่วงที่ 2 มีการจัดซื้ออีกจำนวน 373 ตัว ราคาตัวละ 2,700 บาท เป็นเงินประมาณ 1,007,100 บาท รวมการจัดซื้อสองช่วงเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,708,900 บาท

 

หลังจากนี้กทม.จะดำเนินการตามนโยบายโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ตามนโยบายประชาวิวัฒน์ โดยจะนำกล้องที่ใช้งานได้จริงมาติดตั้งในจุดที่เป็นกล้องดัมมี่ให้ครบทั้งหมด นอกจากนี้ในโครงการติดตั้งกล้อง 2 หมื่นจุดทั่วกทม.นั้น กทม.ยืนยันจะดำเนินการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตัวจริงทั้งหมดต่อไป อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะเตรียมแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวในวันที่ 21 ก.ย. ที่ศาลาว่าการกทม. เวลา 10.30 น. โดยผู้ว่าฯกทม.จะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเรื่องดังกล่าวทั้งหมดด้วยตัวเอง 

 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า โครงการนี้เป็นเงินอุดหนุนรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2549-2550 มีแผนดำเนินการชัดเจน ไม่มีการหมกเม็ดและมีสัญญายืนยันอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ได้สั่งให้นำกล้องของจริงมาใส่ทั้งหมด โดยเรื่องดังกล่าวผู้ว่าฯกทม.ไม่ได้เครียด และจะขออธิบายเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่คนที่เครียดคือนายอภิรักษ์ เพราะว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยนายอภิรักษ์ ซึ่งช่วงนั้นกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมีราคาสูงมาก แต่ปัจจุบันมีราคาถูกลงประมาณตัวละ 10,000-40,000 บาทเท่านั้น กทม.จึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งกล้องดัมมี่อีกต่อไป

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แบงก์ชี้ กนง.ชะลอลดดอกสิ้นปี

 

นายสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สิ้นปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายจะไม่มีการขึ้นอีกแน่นอน แม้จะยังเหลือการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินอีก 2 ครั้งก็ตาม สาเหตุเพราะทางธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะต้องหยุดมองถึงผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งภาวะเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มที่ลดลงมากขึ้นจากปัญหาหนี้ในสหรัฐอเมริกาและแถบยุโรปที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกผันผวน ซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมัน อีกทั้งปัญหาหนี้สาธารณะจากยุโรปน่าจะส่งผลกระทบในเรื่องการส่งออกของไทยแน่นอน แต่จีดีพีของประเทศไทยช่วงสิ้นปีก็ยังเป็นไปตามที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้คือ 3.5-4% ส่วนหนึ่งเพราะประเทศไทยได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตลาดในการส่งออกไปยังแถบอาเซียน และแอฟริกา ส่วนการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนในปี 2015 ตนเชื่อว่าน่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกของสินค้าไทยเพิ่มขึ้น ถึงแม้การแข่งขันในกลุ่มอาเซียนจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

      

สำหรับสินเชื่อรวมใน 8 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารเติบโตไปแล้ว 15% จากเป้าสินเชื่อที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 20% คาดว่าสิ้นปีจะได้ตามเป้า แต่สินเชื่อทั้งระบบเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของลูกค้ารายใหญ่ และลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคาร แต่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารก็ยังสามารถควบคุมได้อยู่ที่ 3% ซึ่งธนาคารพยายามจะรักษาให้ได้ถึงสิ้นปี ส่วนสภาพคล่องของธนาคารทั้งระบบ รวมถึงธนาคารซีไอเอ็มอี มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากแต่ละธนาคารเน้นเรื่องการเติบโตของสินเชื่อกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากทั้งระบบอยู่ที่ 85-90% แต่ก็ยังไม่น่ากังวลแต่อย่างใด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ เฮียนายห้างฯ และเพื่อนๆทุกๆท่าน

 

เห็นรูปรถทองคำที่เฮียนายห้างฯ มาโพสต์ให้ดู ไม่รู้ว่า ถ้าสนใจซื้อจะสามารถ

เข้าโครงการ " รถคันแรก " ได้มั้ยครับ หุหุ แล้วก็คงไปเข้าโครงการ

" บ้านหลังแรก " แต่ปรับเป็น " คอนโดฯ หลังแรก " 55555

 

เดาว่า จะมีการดันราคาทองไปถึงเวลาที่นายเบอร์นันเก้ ออกมาแถลงตอน เที่ยงคืนครึ่ง

ถ้าพูดไม่ดี ก็ดันต่อไปเลย แต่ถ้าพูดแบบสร้างภาพ ก็ร่วง ถึงอย่างไรก็ตาม 85% พูดไม่ดี

เหลือแค่ 15% เท่านั้น สร้างสรรค์

 

หวังว่าเพื่อนๆ คงเข้าใจหัวใจของเด็กขายของ เพราะคิดเปอร์เซนต์ความเชื่อตามทองที่มีในพอร์ต 55555

5555555555555

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณเด็กขายของ

 

ตลาดลอนดอนวันนี้คุณฯ คิดว่าจะไปทางไหน

ถูกแก้ไข โดย ขาใหม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดูจากข่าวช่วงนี้น่าจะเป็น + กับทองคำมากกว่าใช่ไหมครับคุณเด็กขายของ

 

ช่วงนี้เหมือนน้องทองไปไหนไปด้วยกันกับตลาดหุ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...