ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ทองคำดิ่ง$30-หุ้นมะกันลงวิตกเฟดลดกระตุ้นศก. น้ำมันก็ปิดลบ

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ธันวาคม 2556 05:22 น.

 

 

 

 

 

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันลอนดอนลงแรงวานนี้(12) คาดเชื้อเพลิงลิเบียจะกลับสู่ตลาดอีกครั้ง ก่อความกังวลทางอุปทาน ส่วนวอลล์สตรีท ก็ดิ่ง วิตกเฟดอาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้หลังข้อมูลค้าปลีกดีเกินคาด ขณะที่ปัจจัยนี้ก็ฉุดให้ทองคำทรุดลงกว่า 32 ดอลลาร์

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ปิดที่ 97.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ในส่วนของตลาดสหรัฐฯไม่มีข่าวใหม่ๆมาขับเคลื่อนราคาน้ำมัน หลังจากลดลงแรงเมื่อวันพุธ(11) จากข้อมูลคลังเบนซินสำรองของอเมริกาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่เบรนท์ ปิดลบแรง หลังคาดหมายว่าคลังน้ำมันของลิเบียจะกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้งเร็วๆนี้ หลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธปิดกั้นมานานหลายเดือน โดยลิเบียถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบเบามายังโรงกลั่นต่างๆในยุโรปรายสำคัญ

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(11) ปิดลบพอสมควร หลังตัวเลขค้าปลีกที่ดีเกินคาด ก่อความคาดหมายว่าธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) จะลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 102.94 จุด (0.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,739.43 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.62 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,775.60 จุด แนสแดค ลดลง 5.41 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,998.40 จุด

 

นักวิเคราะห์บอกว่าปัจจัยที่สนับสนุนการปรับลดของวอลล์สตรีท คือรายงานตัวเลขค้าปลีกเดือนพฤศจิกายน ที่พบว่าขยายตัวร้อยละ 0.7 เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ ซึ่งข้อมูลนี้เองที่กระพือข่าวลือว่าเฟดอาจลดระดับการเข้าซื้อพันธบัตรเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ลง ระหว่างการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายในวันพุธหน้า

 

ปัจจัยนี้เองที่ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(12) ปิดลบกว่า 30 ดอลลาร์ ถือเป็นการขยับลงวันเดียวคิดเป็นร้อยละ แรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 32.30 ดอลลาร์(2.6 เปอร์เซ็นต) ปิดที่ 1,224.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าครับ

 

ขอบคุณ ป๋า สำหรับบ่น ๆ

 

กราฟรหัสงวดนี้มาหลอกครับ

 

หรือคืนนี้ อาจมีเด้ง แล้วทะยานฟ้ารับปีใหม่เลย ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หวั่น เฟดลด QE ฉุดทองคำปิดร่วง $ 32.3

 

วันศุกร์, 13 ธันวาคม 2556 08:25

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 32.3 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 1,224.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยสัญญาทองคำร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมที่จะมีขึ้นสัปดาห์หน้า

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีกำหนดประชุมในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งนักลงทุนจับตาดูการประชุมดังกล่าวอย่างใกล้ชิดหลังจากมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า เฟดอาจจะตัดสินใจลดขนาด QE ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากมีข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ

 

โดยล่าสุดมีรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และยังทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.ของสหรัฐขยายตัว 0.7% ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่

 

ส่วนตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น นักลงทุนมองว่าเป็นเพียงข้อมูลที่ผันผวนตามฤดูกาลเนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ธ.ค. พุ่งขึ้น 68,000 ราย แตะระดับ 368,000 ราย สูงว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ราย

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 90.3 เซนต์ ปิดที่ 19.453 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 20.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1364.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 18.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 720.25 ดอลลาร์/ออนซ์

 

http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/23251-ah66.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หวั่นเฟดลดขนาด QE ฉุดทองคำปิดร่วง 32.3 ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2556 06:50:29 น.

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยสัญญาทองคำร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมที่จะมีขึ้นสัปดาห์หน้า

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 32.3 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 1,224.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 90.3 เซนต์ ปิดที่ 19.453 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 20.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1364.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 18.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 720.25 ดอลลาร์/ออนซ์

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีกำหนดประชุมในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งนักลงทุนจับตาดูการประชุมดังกล่าวอย่างใกล้ชิดหลังจากมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า เฟดอาจจะตัดสินใจลดขนาด QE ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากมีข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ

 

โดยล่าสุดมีรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และยังทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.ของสหรัฐขยายตัว 0.7% ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่

 

ส่วนตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น นักลงทุนมองว่าเป็นเพียงข้อมูลที่ผันผวนตามฤดูกาลเนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ธ.ค. พุ่งขึ้น 68,000 ราย แตะระดับ 368,000 ราย สูงว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ราย

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq31/1796576

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำปิดร่วง 32.30 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,224.90 ดอลลาร์/ออนซ์ กังวลเฟดลดขนาดคิวอี

 

 

ข้อวิตกว่าเฟดอาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้ (12 ธ.ค.) ปิดลบกว่า 30 ดอลลาร์ ถือเป็นการขยับลงวันเดียวคิดเป็นร้อยละ แรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม

 

โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 32.30 ดอลลาร์(2.6 เปอร์เซ็นต) ปิดที่ 1,224.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (13/12/2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลค้าปลีกดีเกินคาด ยิ่งเพิ่มความเป็นโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะตัดสินใจลดการซื้อพันธบัตรในสัปดาห์หน้า...

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวัยที่ 12 ธ.ค.ในแดนลบ โดนดัชนีดาวโจนส์ลดลง 104.10 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 15739.43 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 6.72 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 1775.50 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 5.41 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 3998.40 จุด

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากเพิ่มขึ้นอย่างมากตลอดปีที่ผ่านมา โดยนายปีเตอร์ คาร์ดิลโล ผู้อำนวยการแผนกวิจัยการลงทุน ของบริษัท 'ร็อคเวล โคลบัล แคปิตอล' ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดการลดลงเมื่อวันพฤหัสบดีคือ รายงานข้อมูลค้าปลีกประจำเดือน พ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%

 

เรื่องนี้ยิ่งส่งผลให้นัก ลงทุนยิ่งเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะประกาศลดปริมาณการซื้อพันธบัตรซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ภายหลังการประชุมในช่วงกลางสัปดาห์หน้า.

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (13/12/2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าครับ

 

ขอบคุณ ป๋า สำหรับบ่น ๆ

 

กราฟรหัสงวดนี้มาหลอกครับ

 

หรือคืนนี้ อาจมีเด้ง แล้วทะยานฟ้ารับปีใหม่เลย ^^

ฝรั่งนักลงทุน เล่นอะไรของมัน ขนาดเมื่อคืนนี้ ตัวเลขขอรับสวัสดิการ มีมากขึ้น แทนที่จะขึ้น ดันร่วง

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์พุ่งขึ้น 68,000 ราย แตะระดับ 368,000 ราย สูงว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ราย และเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2555

 

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวขึ้นพลิกจากที่ลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดแรงงานจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

 

ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเฉลี่ย 4 สัปดาห์ปรับตัวขึ้น 6,000 ราย แตะ 328,750 ราย

 

สำหรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องหลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือในสัปดาห์แรกไปแล้วนั้นเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 2.79 ล้านราย

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานลดลงจาก 7.3% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 7.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทีี่ 12 ธันวาคม 2556)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

 

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐประเภท 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.865% จากระดับ 2.855%

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ยังทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากยอดขายยานยนต์และสินค้าประเภทอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่ายอดค้าปลีกที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดอาจเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เริ่มพิจารณาปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้ ตลาดการเงินทั่วโลกวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะลดขนาดมาตรการ QE หลงจากผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.แล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดระดับการใช้จ่ายสำหรับรัฐบาลกลางในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะยุติมาตรการลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า sequester บางส่วน ในอีก 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 12 ธันวาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากขึ้นมองว่ามีโอกาสที่เฟดอาจจะตัดสินใจปรับลดขนาด การกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ แม้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะยังคาดหมายการปรับลดในเดือนมีนาคม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานลดลงเหลือ 7% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดการณ์ช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะเริ่มลดขนาดการซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจาก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือนเร็วขึ้นจากเดิม

ผลสำรวจความคิดเห็นโดยรอยเตอร์พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ 29 จาก 63 รายเชื่อว่าการลดขนาดจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมหรือมกราคม ก่อนที่นางเจเน็ต เยลเลน จะเข้ามารับตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนายเบน เบอร์นานคี โดยมี 9 รายกล่าวว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเฟดระหว่างวันที่ 17 - 18 ธันวาคม ขณะที่ 19 รายกล่าวว่าจะเกิดขึ้นเดือนมกราคม และ 1 รายกล่าวว่าอาจจะเป็นเดือนธันวาคมหรือมกราคม

เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจความคิดเห็นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน มีนักเศรษฐศาสตร์ 16 รายที่เชื่อว่าเฟดจะเริ่มลดขนาดการซื้อพันธบัตรในเดือนมกราคม และมีเพียง 3 รายมองว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่าเฟดจะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรในเดือน มีนาคม "ผมคิดว่าเฟดจะรอจนถึงมีนาคมด้วยหลายเหตุผล ข้อแรกเฟดต้องการให้แน่ใจว่าตลาดแรงงานมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่การเติบโตเพียงชั่วคราว" มาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากมูดีส์ อนาไลติกส์ กล่าว และเสริมว่าเฟดอาจต้องการรอดูผลจากการเจรจาเรื่องงบประมาณของสภาคองเกรสว่า จะไม่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ

ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าตลาดแรงงานกำลังเดินไปใน ทิศทางที่ดีขึ้น แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่แสดงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ "แนวโน้มเงินเฟ้อในระดับต่ำน่าจะทำให้เฟดตัดสินใจเลื่อนการเริ่มลดการซื้อ พันธบัตรไปจนถึงเดือนมีนาคม" สก็อต บราวน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเรย์มอนด์ เจมส์ กล่าว

ในช่วงปีที่ผ่านมา เฟดใช้การซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวและตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์จำนองค้ำ ประกัน (Morgage-backed securities) หรือที่เรียกกว่า Quantitative Easing (QE) ในการรักษาต้นทุนกู้ยืมให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดแรงงาน

เจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางเซนต์หลุยส์ กล่าวสนับสนุนการปรับลดมูลค่าการซื้อพันธบัตรในเดือนธันวาคม โดยกล่าวว่า การลดมูลค่าลงเล็กน้อยในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นถึงการยอมรับว่า ตลาดแรงงานมีพัฒนาการที่ดีขึ้น "ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้คณะกรรมการเฟดจับตามองภาวะเงินเฟ้อในช่วงครึ่ง แรกของปี 2557 ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเงินเฟ้อไม่เพิ่มขึ้นมาตามเป้าหมาย เฟดอาจจะระงับการลดขนาดการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งต่อไป"

บูลลาร์ดกล่าวด้วยว่า นักลงทุนไม่น่าจะตื่นตระหนกถ้าเฟดเริ่มลดการซื้อพันธบัตรในอนาคตอันใกล้ "ถ้าเราลดการซื้อพันธบัตรในเร็วๆ นี้ ส่วนตัวคิดว่าตลาดการเงินน่าจะรับมือได้ เราลดการซื้อพันธบัตรเพื่อตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นผมคิดว่าตลาดจะมีความสะดวกในมากกว่ากับปัจจัยดังกล่าว"

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจโดยรอยเตอร์พบว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะเริ่มต้นลดขนาด ของการซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการ QE รอบล่าสุดจะสิ้นสุดลงทั้งหมดในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

 

ทืี่มา: ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 13 ธค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 103.26 เยน จากระดับ 102.56 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8895 ฟรังค์ จากระดับ 0.8805 ฟรังค์

 

ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3746 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3788 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6347ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6382 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.8936 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9067 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และยังทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากยอดขายยานยนต์และสินค้าประเภทอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติยุโรปหรือยูโรสแตทเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนร่วงลง 1.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งส่วนทางกับการคาดการณ์ที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 0.3%

 

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PPI เดือนพ.ย.จะทรงตัว และคาดว่าดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 ธันวาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คืนนี้ คืนศุกร์ 13 จะสยองขวัญ หรือ ขวัญสยอง หรือไม่ รวยกันไปข้าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คืนนี้ คืนศุกร์ 13 จะสยองขวัญ หรือ ขวัญสยอง หรือไม่ รวยกันไปข้าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.11/13 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.07/09 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่า เนื่องจากความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจตัดสินใจปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า

 

เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าตามภูมิภาค เมื่อคืนดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเนื่องจากตลาดเริ่มกลับมากังวลว่าจะมีการถอน QE ในสัปดาห์หน้า" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินบาทมาจากการปรับตัวแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะเดียวกันตลาดยังจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังมีความไม่แน่ นอน ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยเดิมๆ

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ในกรอบ 32.05-32.20 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.59/60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 102.77 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3751/3753 ดอลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3771 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.1220 บาท/ดอลลาร์

 

- ศูนย์วิจัยทองคำเปิดผลสำรวจโบรกทอง คาดราคาปีหน้าลดลงต่อเนื่อง หวั่นแตะระดับต่ำสุด 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เหตุปัจจัยชะลอคิวอีและดอกเบี้ยสหรัฐขยับ แนะลดสัดส่วนถือครอง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือนธ.ค.วูบ หลังเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัว

 

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จับตาปัจจัยการเมืองไทยมีความเสี่ยงสูงและหากยืดเยื้อ จะกระทบต่อภาคการลงทุน-บริโภค ประเมินกรณีปกติเรื่องจบมีรัฐบาลชุดใหม่ทันในครึ่งปีแรก-ส่งออกฟื้นจีดีพีโต 4.5% แต่หากยืดเยื้อดิ่งสุดอาจโตแค่ 0.5% ส่วนกรณีการลด QE แม้กระทบบ้าง แต่มั่นใจรับมือได้

 

- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เผยราคานำเข้าในเดือน พ.ย.ปรับตัวลดลง 0.6% จากเดือน ต.ค.ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยเป็นผลจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลง เมื่อเทียบกับช่วงเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ราคานำเข้าร่วงลง 1.5% ส่วนราคาส่งออกในเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากลดลง 0.6% ในเดือน ต.ค.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งนักลงทุน เล่นอะไรของมัน ขนาดเมื่อคืนนี้ ตัวเลขขอรับสวัสดิการ มีมากขึ้น แทนที่จะขึ้น ดันร่วง

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์พุ่งขึ้น 68,000 ราย แตะระดับ 368,000 ราย สูงว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ราย และเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2555

 

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวขึ้นพลิกจากที่ลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดแรงงานจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

 

ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเฉลี่ย 4 สัปดาห์ปรับตัวขึ้น 6,000 ราย แตะ 328,750 ราย

 

สำหรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องหลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือในสัปดาห์แรกไปแล้วนั้นเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 2.79 ล้านราย

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานลดลงจาก 7.3% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 7.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทีี่ 12 ธันวาคม 2556)

 

เหตุเหมือน ๆ กัน แต่ ผล ไม่เหมือนกัน อิอิ

 

สงสัยมี ปัจจัยภายนอก

 

ไม่ก็ จ้าวตลาด มองต่างมุม ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...