ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

น้ำมันพุ่ง หุ้นมะกัน-ทองคำบวกจากข้อมูลการผลิตสหรัฐฯ

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2556 05:38 น.

 

 

 

 

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นวานนี้(16) หลังผู้ประท้วงติดอาวุธในลิเบีย ยังไม่ยอมหยุดปิดกั้นทางเข้าคลังเชื้อเพลิงหลักทางตะวันออกของประเทศ ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำก็บวกแรง จากข้อมูลเศรษฐกิจอเมริกา ก่อนหน้าเฟดจะประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายช่วงกลางสัปดาห์

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 97.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

อิบราฮิม จอชราเน หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งปิดกั้นการเข้าออกคลังน้ำมันหลักทางตะวันออกของลิเบีย บอกในวันอาทิตย์(15) ว่ารัฐบาลไม่ยอมรับคำเงื่อนไขที่เรียกร้อง ดังนั้นก็จะปิดกั้นคลังน้ำมันทั้งหลายต่อไป ปัจจัยนี้ก่อความกังวลทางอุปทานพอสมควร

 

ในเดือนกรกฎาคม กลุ่มติดอาวุธของชนเผ่าอัล-มาการ์บา ดำเนินการปิดกั้นคลังน้ำมันหลายแห่งทั้งในซูอิตินา, ราส ลานูฟ และอัล-เซดรา ด้วยข้อเรียกร้องขอเป็นอิสระในด้านเก็บรายได้น้ำมันและทางการเมืองในดินแดนไซเรไนกา ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรพลังงานทางภาคตะวันออกของประเทศ

 

เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทางกลุ่มคาดหมายว่าจะสามารถเปิดการเข้าออกคลังน้ำมันได้ในวันอาทิตย์(15) แต่จากการเจรจาที่ล้มเหลวล่าสุด ก็ก่อความกังวลทางอุปทาน ขณะที่ทางนักวิเคราะห์คาดหมายว่า ลิเบีย คงต้องตะเกียกตะกายอย่างหนักหากประสงค์ผลิตน้ำมันให้ได้เกินกว่า 800,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2014

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(16) ขยับขึ้นแรง จากข้อมูลผลผลิตทางอุตุสาหกรรมอันแข็งแกร่งของอเมริกา

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 129.02 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,884.38 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.23 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,786.55 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 28.52 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,029.50 จุด

 

ดัชนีข้อมูลผลผลิตทางอุตุสาหกรรมของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.1 เปอรเซ็นต์ ด้วยการผลิตมือถือปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

 

ปัจจัยข้่างต้น ประกอบกับนักลงทุนจับตาชะตากรรมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนที่จะติดสินโดยที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์ ก็ส่งผลให้ทองคำวานนี้(16) ปิดบวกพอประมาณ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.80 ดอลลาร์ (0.8 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,244.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมไม่เคยคิดจะเชียร์ ด้านรัสเซีย เลย แต่เมื่อมีเหตุนี้เกิดขึ้น ผมเลือกข้างรัสเซีย เพราะสหรัฐฯ ชอบกร่างไปทั่วโลก และเมื่อเห็นประเทศไหนมีผลคอบแทนให้มาก ก็จะหลับหูหลับตาเชียร์สนับสนุนสุดลิ่มสุดซอย ไม่สนใจเรื่องความถูกต้อง

 

ตึงเครียด!รัสเซียเคลื่อนขีปนาวุธนิวเคลียร์ประชิดยุโรป ตอบโต้มะกันติดตั้งโล่ป้องมิสไซล์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2556 02:01 น.

 

เอเอฟพี - รัสเซียเผยเมื่อวันจันทร์(16) กองทัพของพวกเขาได้เคลื่อนย้ายขีปนาวุธนิวเคลียร์ "อิสกันเดอร์" ไปประชิดพรมแดนของยุโรปเพื่อตอบโต้การติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธที่นำโดยสหรัฐฯ ถ้อยแถลงที่แน่นอนว่าจะสร้างความขุ่นเคืองแก่เหล่าอดีตชาติคอมมิวนิสต์ของยุโรปตะวันออกและขายความตึงเครียดในความสัมพันธ์อันเต็มไปด้วยอุปสรรคระหว่างมองโกกับวอชิงตัน

 

ขีปนาวุธเวอร์ชันพัฒนาของรัสเซียนี้มีพิสัยทำการ 500 กิโลเมตรและมีความสามารถโจมตีเรดาร์ภาคพื้นและระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธใหม่ของนาโต ขณะที่หนังสือพิมพ์บิลด์ ของเยอรมนี รายงานครั้งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มอสโกได้ประจำการระบบ "อิสกันเดอร์" 10 แท่น ในเขตคาลินินกราด ดินแดนของรัสเซียแต่ตั้งอยู่ระหว่างโปแลนด์และลิทัวเนีย ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูงของรัสเซียนายหนึ่งก็ให้สัมภาษณ์ขานรับรายงานข่าวดังกล่าวที่ระบุว่ามีการเคลื่อนย้ายขีปนาวุธนิวเคลียร์ อิสกันเดอร์ ไปประจำการในเขตทหารทางตะวันตกของรัสเซียจริง โดยในภูมิภาคเหล่านั้นได้แก่เขตคาลินินกราดและยังรวมถึงตามแนวชายแดนที่ติดกับ 3 ประเทศแถบบอลติกของสหภาพยุโรป ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนของสหภาพโซเวียต

 

"ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีและยุทธการอิสกันเดอร์ ถูกส่งเข้าประจำการแทนกองกำลังทหารปืนใหญ่และขีปนาวุธของเขตทหารตะวันตก" สำนักข่าวรัสเซียอ้างคำสัมภาษณ์ของนายอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหม ที่ยืนยันว่าการประจำการขีปนาวุธนิวเคลียร์อัสกันเดอร์ ไม่ได้ละเมิดสนธิสัญญาหรือข้อตกลงนานาชาติใดๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรมีเสียงประท้วงมาจากชาติตะวันตก

 

เครมลินเคยเตือนเมื่อปี 2011 ว่าอาจประจำการขีปนาวุธนำวิถีพิสัยใกล้ถึงกลาง ตามแนวชายแดนทางตะวันออกของสหภาพยุโรปตอบโต้โครงการป้องกันขีปนาวุธของนาโต แม้สหรัฐฯและพันธมิตรตะวันตก แย้งว่าโล่ป้องกันขีปนาวุธไม่ได้มีเป้าหมายที่รัสเซีย แต่ออกแบบมาเพื่อปกป้องภัยคุกคามจากรัฐอันธพาล แต่มอสโกเกรงว่าระบบนี้ที่ประกอบด้วยดาวเทียมชี้เป้าขีปนาวุธ สักวันอาจเปลี่ยนเป็นอาวุธรุกรานซึ่งมีเป้าหมายดินแดนของรัสเซียก็เป็นได้

 

รายงานที่จัดทำโดย Stratfor ที่ปรึกษาด้านข่าวกรองโลกซึ่งมีฐานบัญชาการในสหรัฐฯและเผยแพร่โดยเว็บไซต์วิกิลีกส์ระบุว่าก่อนหน้านี้ขีปนาวุธอิสกันเดอร์ส่วนใหญ่ประจำการในไซบีเรียและดินแดนที่ผันผวนอย่างนอร์ท คอเคซัส ดังนั้นเชื่อว่าการเคลื่อนย้ายมายังคาลินินกราด จึงเป็นไปได้อย่างมากว่าเป็นเหตุผลทางการเมือง เนื่องจากมันมีพิสัยที่ยิงไปถึงเยอรมนีหรือโจมตีระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯใดๆ

 

เหล่านักวิเคราะห์มองด้วยว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัสเซีย ดูเหมือนกำลังพยายามใช้คำขู่ของความเป็นไปได้ที่จะโจมตีกดดันความคิดเห็นของประชาชนในประเทศต่างๆ อย่างเช่นโปแลนด์ ให้แสดงการคัดค้านระบบป้องกันขีปนาวุธของนาโตด้วย "สิ่งที่พวกเขาทำคล้ายกับการโฆษณาชวนเชื่อ" พาเวล เฟลเกนฮาเออร์ นักเขียนสายทหารระบุ "พวกเขาหวังว่าชาวโปแลนด์จะตื่นตระหนกและออกมาต่อต้านการประจำการจรวดของสหรัฐฯ"

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรือรบของ 2 ชาติมหาอำนาจ “จีน-สหรัฐฯ” เกือบ “ปะทะกัน” ในทะเลจีนใต้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 ธันวาคม 2556 15:55 น.

 

เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - แหล่งข่าวกองทัพสหรัฐฯเปิดเผยว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน “เหลียวหนิง” (Liaoning) ได้แล่นเข้ามาประชิดในระยะน้อยกว่า 500 หลา เกือบปะทะกับเรือลาดตระเวนคาวเพ็นส์ ( USS Cowpens ) ในเขตทะเลจีนใต้ในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯเลี่ยงปฎิเสธที่จะประเมินจุดมุ่งหมายของการเผชิญหน้าที่าแข็งกร้าวจากจีนในครั้งนี้ แต่สื่อรัสเซียอาร์ทีรายงานว่า จีนได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกเพื่อหยุดการลาดตระเวณของเรือรบสหรัฐฯในน่านน้ำพิพาทที่จีนอ้างสิทธิ์ครอบครอง

 

เรือลาดตระเวนคาวเพ็นส์ (USS Cowpens) จำต้องแล่นถอยออกมาเพื่อเลี่ยงการเฉี่ยวชนกับเรือรบจีนที่แล่นพุ่งตรงเข้ามาในระยะประจัญหน้าและหยุดลงในระยะที่น้อยกว่า 500 หลา รายงานจากแหล่งข่าวกองทัพเรือสหรัฐฯ และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

 

“การประจันหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นในน่านน้ำสากลที่อยู่ในแถบทะเลจีนใต้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม” แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเผยต่อในอีเมล

 

“และในท้ายที่สุด จากผลสำเร็จที่ต่อสายตรงคุยกันระหว่างเจ้าหน้าที่บนเรือรบสหรัฐฯและเรือรบของจีนทำให้เรือรบของทั้ง 2 ชาติมหาอำนาจสามารถตกลงกันได้ในการถอยหลังออกมาเพื่อเลี่ยงการปะทะ” แหล่งข่าวเผยต่อ

 

โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวต่อไปว่า เรือลาดตระเวนคาวเพ็นส์ได้เข้าไปอยู่ในระยะของเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนที่ชื่อ “เหลียวหนิง” (Liaoning) ซึ่งถึงแม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในการเผชิญหน้าครั้งนี้แต่ก็ได้สร้างแรงกดดันให้กับทั้งสหรัฐฯและจีน ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากหลังจากทางกรุงปักกิ่งได้ประกาศเขตป้องกันภัยทางอากาศ ในเดือนที่ผ่านมาที่ครอบคลุมทะเลจีนตะวันออก

 

ซึ่งการประจันหน้าจนเกือบจะกลายเป็นการปะทะเกิดขึ้นในในเขตยุทธศาสตร์ทะเลจีนใต้ที่รัฐบาลจีนได้มีนโยบายที่แข็งกร้าวในความพยายามที่จะควบคุมพื้นที่พิพาทกับประเทศเอเชียอื่นๆ ในแถบนี้โดยส่งเรือรบเหลียวหนิงลาดตระเวน ในขณะที่สหรัฐฯได้ส่งเรือลาดตระเวนคาวเพ็นส์ไปช่วยเพื่อผู้ประสบภัยพายุไห่เยี่ยนที่ฟิลิปปินส์ที่ผ่าน และในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เกือบปะทะนั้น เรือรบลำนี้ทำการลาดตระเวนเป็นปกติในปฏิบัติการ “freedom-of-navigation” ที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาสิทธิช่องทางการเดินเรือสากลในบริเวณน่านน้ำเขตพิพาท

 

และอย่างไรก็ตาม อ้างจากสื่ออังกฤษ เดอะการ์เดียน แหล่งข่าวสหรัฐฯปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า “เรือรบจีนจงใจที่จะแล่นตรงเข้าหาเรือรบลาดตระเวนคาวเพ็นส์เพื่อต้องการปะทะหรือไม่” ซึ่งทางแหล่งข่าวหลีกเลี่ยงที่จะคาดการณ์ถึงจุดมุ่งหมายของเรือรบบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง โดยกล่าวเพียงว่า “บรรดาผู้นำกองทัพสหรัฐฯมีจุดมุ่งหมายชัดในการรักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพต่อกองทัพกับจีน”

 

ในขณะที่สื่อรัสเซีย อาร์ที รายงานว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่จีนได้ส่งเรือรบบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงเพื่อหยุดการลาดตระเวณของเรือรบลาดตระเวนคาวเพ็นส์ที่ทางจีนอ้างว่า สหรัฐฯได้ล้ำเข้ามาในเขตน่านน้ำจีน แต่ทว่าสหรัฐฯได้ปฏิเสธที่จะทำตาม โดยอ้างว่าเรือรบลาดตระเวณคาวเพ็นส์นั้นแล่นอยู่ในน่านน้ำสากลและปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และเมื่อเรือรบจีนได้แล่นตรงเข้าไปประจันหน้าท้าทาย ทางสหรัฐฯจำต้องแล่นถอยหลังเพื่อเลี่ยงการปะทะ

 

และยังมีรายงานว่าทางกรุงวอชิงตันและสถานทูตสหรัฐฯในกรุงปักกิ่งได้ใช้ช่องทางการทูตประท้วงในเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

 

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร ริค ฟิชเชอร์ เผยว่า หลังจาก 2 ทศวรรษที่จีนได้สร้างกองเรือรบขึ้นทำให้จีนมีความมั่นใจในแสนยานุภาพทางทะเลมากขึ้น และไม่ต้องการเห็นกองเรือรบสหรัฐฯแล่นลาดตระเวนในภูมิภาคนี้ต่อไป และฟิชเชอร์ได้แนะนำว่า ทั้งสหรัฐฯและญี่ปุ่นควรร่วมมือกันป้องกันหมู่เกาะพิพาทเซนกากุ ที่จีนได้อ้างสิทธิ์เช่นกันในนามหมู่เกาะเตียวหยู และร่วมมือทางด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้นกับฟิลิปปินส์

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

f...cking double standard American.....

 

ไอ้กันนี่แม่งรักประชาธิปไตยจริงๆ..แถลงการณ์สนับสนุนรัฐบาลไทยจัดเลือกตั้งตามประชาธิไตย...ไอ้หัวเหม่งมันก็รีบเอามาสำเร็จความใคร่ซะหายหื่น...

 

แต่อีกฝากมันแถลงสนับสนุนประชาชนโค่นรัฐบาลยูเครน...เพราะรัฐบาลไปฝักใฝ่รัสเซียแทนมัน....ไอ้เอี้ยกันนี่แม่งรักประชาธิปไตยมากจริงๆ...

 

เลิกเสือกเรื่องชาวบ้านได้แล้ว กลัวเสียผลประโยชน์กับรัฐบาลนี้มากเหรอ...งั้นอเมริกาก็ไม่ต่างจากเขมรเลย....Mind your own god damned business...damned USA.....ระฐบาลจะให้มาตั้งฐานทัพเรือทัพอากาศสหรัฐในไทย ในขณะที่ไทยเป็นมหามิตรกับจีนเสมือนบ้านพี่เมืองน้องกันโดยตลอด เขาคิดอะไรกัน ถ้าไม่ใช่เป็นการแก้แค้น การอยากเอาชนะ แบบจะเกิดอะไรกับประเทศชาติไม่สนใจ สนองตัณหาเพียงกรูคนเดียว พอแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ป๋า.. ผมก็เกลียดอันธพาลโลกนี่เหมือนกัน

ถูกแก้ไข โดย Mr.Li

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ธันวาคม 2556

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,884.57 จุด เพิ่มขึ้น 129.21 จุด, +0.82%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,029.52 จุด เพิ่มขึ้น 28.54 จุด, +0.71%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,786.54 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด, +0.63%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,119.88 จุด เพิ่มขึ้น 60.17 จุด, +1.48%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,163.56 จุด เพิ่มขึ้น 157.10 จุด, +1.74%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,522.20 จุด เพิ่มขึ้น 82.24 จุด, +1.28%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,089.60 จุด ลดลง 8.80 จุด, -0.17%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,313.87 จุด ลดลง 63.07 จุด, -0.76%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,152.91 จุด ลดลง 250.20 จุด, -1.62%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,961.15 จุด ลดลง 1.76 จุด, -0.09%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,160.86 จุด ลดลง 35.22 จุด, -1.60%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 5,812.54 จุด เพิ่มขึ้น 45.41 จุด, +0.79%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,125.96 จุด ลดลง 48.87 จุด, -1.17%

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) ขานรับรายงานที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาคการผลิตในสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,884.57 จุด พุ่งขึ้น 129.21 จุด หรือ +0.82% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,786.54 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด หรือ +0.63% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,029.52 จุด เพิ่มขึ้น 28.54 จุด หรือ +0.71%

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไร ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 9.8 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,244.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 49.7 เซนต์ ปิดที่ 20.101 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1360.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ ปิดที่ 716.35 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 97.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นขานรับดัชนี PMI ภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซน

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.99 เยน จากระดับ 103.22 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8871 ฟรังค์ จากระดับ 0.8901 ฟรังค์

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3764 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3734 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6302 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6295 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.8950 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8964 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปีเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค) หลังจากปรับตัวลดลง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติการปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังรายงานบ่งชี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนขยายตัวสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,522.20 จุด เพิ่มขึ้น 82.24 จุด หรือ +1.28%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตของยูโรโซนขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ 313.64 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,119.88 จุด เพิ่มขึ้น 60.17 จุด หรือ +1.48% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,163.56 จุด เพิ่มขึ้น 157.10 จุด หรือ +1.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,522.20 จุด เพิ่มขึ้น 82.24 จุด หรือ +1.28%

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17/12/2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นขานรับดัชนี PMI ภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซน

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.99 เยน จากระดับ 103.22 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8871 ฟรังค์ จากระดับ 0.8901 ฟรังค์

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3764 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3734 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6302 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6295 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.8950 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8964 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันอังคารและ วันพุธนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ในการประชุมเดือนนี้เนื่องจากมีการรายงานข้อมูลการจ้างงานเดือนพ.ย.ที่สดใส ในสหรัฐ โดยปัจจุบันวงเงิน QE หรือโครงการซื้อพันธบัตรของสหรัฐอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

 

ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากสำรวจของมาร์กิตแสดงให้เห็นว่าดัชนีผู้จัดการ ฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนธ.ค.ปรับขึ้นสู่ระดับ 52.1 ซึ่งสูงสุดในรอบ 3 เดือน จาก 51.7 ในเดือนพ.ย.

 

สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นที่ 52.7 ซึ่งสูงสุดในรอบ 31 เดือน จาก 51.6 ในเดือนพ.ย. และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.ลดลงมาอยู่ที่ 51.0 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เทียบกับ 51.2 ในเดือนพ.ย.

 

นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า การปรับตัวขึ้นของดัชนี PMI เบื้องต้นรวมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนในเดือนธ.ค. ได้ช่วยผ่อนคลายความวิตกของนักลงทุน หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลง 2 เดือนติดต่อกันก่อนหน้านี้ และส่งสัญญาณถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจของยูโรโซนจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17/12/2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทีดีอาร์ไอ แนะรัฐตรวจสต๊อกข้าว และออกกฎหมายพิเศษเผาข้าวเน่า ถ้าพบคาโกดัง เพื่อแก้ปัญหาขาดทุน–ทุจริต ชี้ถ้าจะยกเลิกรับจำนำ ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักดิบ เหตุราคาข้าวทรุด พ่อค้าจ้องกดราคาซื้อ ชาวนาประท้วงใหญ่แน่ นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย เผยชาวนาจำนำใบประทวนกับนายทุนหาเงินใช้หนี้ หลังเบิกเงิน ธ.ก.ส.ไม่ได้ ด้านพาณิชย์ยันรัฐเคลียร์เงินให้จบก่อนปีใหม่แน่นอน

 

นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยระหว่างการประชุมเวทีข้าวไทย 2556 หัวข้อ “อนาคตข้าวไทยในเวทีการค้าข้าวโลก” จัดโดยมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ว่า เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อสะสางโครงการรับจำนำข้าวคือการตรวจสอบปริมาณสต๊อกข้าวในโครงการทั้งหมด ของรัฐบาล เพื่อลดการขาดทุนและการทุจริต ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลจำเป็นจะต้องทำเรื่องนี้โดยด่วน เนื่องจากเป็นตัวสร้างภาระงบประมาณ เป็นค่าจัดเก็บมหาศาล ทำให้การระบายข้าวของไทยมีปัญหา และเป็นแหล่งทุจริต และการขาดทุนขนาดใหญ่ “วันนี้ตัวเลขข้อมูล สต๊อกข้าวทั้งหมดยังมืดดำ ตัวเลขที่รัฐบาลชี้แจงขาดความน่าเชื่อถือ เพราะรัฐบาลประกาศว่าขายข้าวได้เป็นจำนวนมาก แต่กลับส่งคืนเงินให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้น้อย ไม่สอดคล้องกัน”

 

สำหรับการตรวจสต๊อกโครงการรับจำนำข้าวนั้น ขอเสนอให้มีการตรวจสอบตัวเลขสต๊อกทั้งในทางบัญชี และสต๊อกข้าวจริงที่อยู่ในโกดัง เพื่อจะได้รับรู้สภาพที่แท้จริงว่าข้าวที่เป็นข้าวเก่า หรือข้าวใหม่ปริมาณเท่าไรแน่ เมื่อรู้ข้อมูลที่แน่ชัด จะทำให้การวางแผนเพื่อระบายข้าวทำได้ดีขึ้น เพราะหากรู้ว่าข้าวส่วนใดเป็นข้าวเน่า ก็ต้องยอมรับสภาพ โดยอาจจะต้องออกกฎหมายพิเศษขึ้นมา เพื่อเผาทำลายข้าวเสื่อมสภาพ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ตัวเลขสต๊อกข้าวรัฐที่มีอยู่สูงเกินจริง จนถูกผู้ซื้อกดราคารับซื้อ “รัฐบาลเคยทำท่าขึงขังออกตรวจสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำ ผลสุดท้าย กลับไม่ยอมเปิดเผยรายงานการตรวจสต๊อกข้าวให้ประชาชนรับทราบ นอกจากนี้ จะต้องมีการตรวจสอบด้วยว่า รัฐบาลขายข้าวได้จริงเป็นเงินเท่าไหร่กันแน่ และมีกี่ครั้งที่ขายข้าวได้แล้ว แต่ไม่ได้รับเงิน เพราะถ้าได้รับเงินจากการขายข้าวได้จริง ตัวเลขเงินส่งคืน ธ.ก.ส.จะต้องมีจำนวนมากกว่านี้”

 

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นของโครงการรับจำนำข้าว เพราะหากยกเลิกโครงการทันที จะทำให้ชาวนาต้องขายข้าวตามราคาตลาด อาจถูกกดราคารับซื้อ ทำให้ขายได้ราคาต่ำกว่าปัจจุบันมาก และชาวนาอาจรวมตัวกันปิดถนนประท้วงครั้งใหญ่ เพราะมีชาวนาที่ได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวทั้งสิ้น 1.7 ล้านครัวเรือน จากทั้งหมดประมาณ 4 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นชาวนาในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งเป็นชาวนารายใหญ่ มีฐานะปานกลางไปจนถึงร่ำรวย กลุ่มคนเหล่านี้มีพลังในทางการเมืองค่อนข้างมาก และนโยบายการรับจำนำข้าวเปลือกจะกลายเป็นนโยบายที่สร้างแรงกดดันทางการเมือง ขนานใหญ่ต่อทุกรัฐบาล ที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อไปจากนี้ “ปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าวจะเป็นบทเรียนสำคัญของทุกพรรคการ เมืองว่า การออกนโยบายจะหวังเพียงคะแนนเสียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องศึกษาให้รอบคอบ เกิดผลดีมากกว่าผลเสีย”

 

นายนิพนธ์กล่าวว่า ในที่สุดประเทศไทยจะต้องยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้คุณภาพข้าวไทยลดลง ก่อนที่จะเสียตลาดถาวร เพราะแนวโน้มตลาดข้าวโลกในช่วงไม่เกิน 10 ปี อัตราการบริโภคข้าวของประชากรโลกเติบโตลดลง ปัจจุบันมีแอฟริกาทวีปเดียวเท่านั้นที่บริโภคข้าวเพิ่มขึ้น แต่ตลาดส่วนใหญ่บริโภคข้าวลดลง เพราะมีรายได้เฉลี่ยสูงขึ้นกว่าในอดีต จึงหันไปบริโภคอาหารชนิดอื่นๆ เมื่อบริโภคข้าวน้อยก็ต้องการข้าวคุณภาพดีเท่านั้น

 

ด้านนายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย กล่าวว่า ชาวนาเดือดร้อนมาก เพราะนำข้าวไปเข้าโครงการแล้วได้รับใบประทวนมา แต่นำไปเบิกเงินที่ ธ.ก.ส.ไม่ได้ เพราะรัฐบาลไม่ได้หาเงินมาจ่ายให้ ธ.ก.ส. ทำให้หลายรายนำใบประทวนไปจำนำกับนายทุน เพื่อนำเงินไปจ่ายเป็นค่าเช่านา ค่าปุ๋ย ที่ติดหนี้ไว้ ยิ่งไปกว่านั้นมีนักการเมืองในพื้นที่บอกชาวนาว่า ใครสนับสนุนพรรครัฐบาลจะได้เงินค่าจำนำข้าวก่อน ส่วนนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นโยบายสินค้าเกษตรที่เหมาะสมที่สุดคือ การไม่บิดเบือนราคาตลาด ต้องหาทางทำให้ชาวนาอยู่ได้โดยเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯได้คัดเลือกชาวนา 100 คน จาก 10 จังหวัด ที่ปลูกข้าวนาปรังได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาเป็นต้นแบบให้ ชาวนาคนอื่นๆ เพื่อให้มีกำไรมากขึ้น

 

ขณะที่นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับและดูแลการรับจำนำข้าวว่า กรณีที่ชาวนายังไม่ได้รับเงินนั้น ขณะนี้ ธ.ก.ส.กำลังเร่งจ่ายให้แล้วเสร็จก่อนปีใหม่ ซึ่งขณะนี้ มีเงินที่จะจ่ายเพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้นแล้วประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 56/57 (รอบแรก) ที่จะสิ้นสุดสิ้นเดือน ก.พ.57 นั้น ยืนยันว่ามีเงินเพียงพอแน่นอน เพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้แล้ว 270,000 ล้านบาท สำหรับการเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐ ผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟท) วันที่ 20 ธ.ค.นี้นั้น จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมประมูลตรวจสอบข้าวในโกดังได้ตั้งแต่วัน ที่ 13-19 ธ.ค.นี้.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (17/12/2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัวในการซื้อขายช่วงกลางวัน ก่อนที่จะมีความผันผวนมากขึ้นในการซื้อขายช่วงค่ำ โดยราคาทองเริ่มดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของ สหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงจากการรายงานครั้งก่อน แต่ด้วยการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯที่เป็นประเด็นหลักที่อยู่ในความสนใจ ของนักลงทุนและมีการประเมินว่าอาจมีการประกาศลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงิน ลงในการประชุมครั้งนี้ จึงกดดันให้มีแรงขายกลับออกมา โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,237.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 0.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,227 และ 1,251 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 18,700 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,600 บาท กองทุน SPDR รายงานว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลง 8.70 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 818.90 ตัน

 

ราคาทองคำแกว่ง ตัวผันผวนในการซื้อขายวานนี้ โดยมีแรงซื้อเข้ามามากในการซื้อขายช่วงค่ำจนราคาดีดตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวที่ แนวต้านบริเวณ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หลังจากตลาดอนุพันธ์ปิดทำการไปแล้วก็เริ่มมีแรงขายกลับออกมาจนราคาอ่อน ตัวลดช่วงการบวกลง และกลับลงมาปิดตลาดใกล้กับระดับปิดของวันศุกร์ รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯในเดือนธันวาคม ซึ่งปรับตัวลดลงสู่ 54.4 จากข้อมูลขั้นสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนที่ 54.7 ส่งผลให้ราคาทองดีดตัวขึ้น แต่ด้วยการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนต่างประเมินว่าจะมีการประกาศลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงิน กดดันให้มีแรงขายกลับออกมา

 

ส่วนในช่วงค่ำนี้จะมีรายงานดัชนีราคาผู้ บริโภคและรายงานภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคคาดว่าคงยังอยู่ในระดับต่ำและไม่เป็น ปัญหาสำหรับการผ่อนคลายทางการเงิน ส่วนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ นั้น โดยรวมแล้วคาดว่าคงมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองในกรอบจำกัด ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้คาดว่าราคาจะแกว่งตัวอยู่ระหว่างแนว รับและแนวต้านบริเวณ 1,220 และ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่อไป และกรณีที่ราคาดีดตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือแนวต้านหรือกลับอ่อนตัวลงไป เคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับ แม้จะเป็นสัญญาณซื้อและขายในทางเทคนิคที่จะส่งผลให้มีแรงซื้อและขายเข้ามา มาก จนราคาอาจแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบที่กว้างขึ้น แต่ด้วยการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯที่เป็นประเด็นหลักที่อยู่ในความสนใจ ของนักลงทุน จึงคาดว่าจะส่งผลให้โดยรวมแล้วราคาทองจะกลับมาเคลื่อนไหวทรงตัวบริเวณแนวรับ และแนวต้านดังกล่าวต่อไป

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (17/12/2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แรงซื้อเก็งกำไรหนุนทองคำปิดบวก $ 9.8

วันอังคาร, 17 ธันวาคม 2556 08:20 | พิมพ์ | อีเมล

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 9.8 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,244.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไร ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด

 

 

นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันอังคารและวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ในการประชุมเดือนนี้เนื่องจากมีการรายงานข้อมูลการจ้างงานเดือนพ.ย.ที่สดใสในสหรัฐ โดยปัจจุบันวงเงิน QE หรือโครงการซื้อพันธบัตรของสหรัฐอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

 

 

นอกจากนี้ ข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดขนาด QE โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 1.1% ซึ่งพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี และนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ล่าสุดถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.8% แตะ 79.0% ในเดือนพ.ย

 

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 49.7 เซนต์ ปิดที่ 20.101 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1360.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ ปิดที่ 716.35 ดอลลาร์/ออนซ์

 

http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/23384-aj44.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันพุ่ง หุ้นมะกัน-ทองคำบวกจากข้อมูลการผลิตสหรัฐฯ

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2556 05:38 น.

 

 

blank.gif 556000016165801.JPEG blank.gif เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นวานนี้(16) หลังผู้ประท้วงติดอาวุธในลิเบีย ยังไม่ยอมหยุดปิดกั้นทางเข้าคลังเชื้อเพลิงหลักทางตะวันออกของประเทศ ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำก็บวกแรง จากข้อมูลเศรษฐกิจอเมริกา ก่อนหน้าเฟดจะประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายช่วงกลางสัปดาห์

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 97.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

อิบราฮิม จอชราเน หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งปิดกั้นการเข้าออกคลังน้ำมันหลักทาง ตะวันออกของลิเบีย บอกในวันอาทิตย์(15) ว่ารัฐบาลไม่ยอมรับคำเงื่อนไขที่เรียกร้อง ดังนั้นก็จะปิดกั้นคลังน้ำมันทั้งหลายต่อไป ปัจจัยนี้ก่อความกังวลทางอุปทานพอสมควร

 

ในเดือนกรกฎาคม กลุ่มติดอาวุธของชนเผ่าอัล-มาการ์บา ดำเนินการปิดกั้นคลังน้ำมันหลายแห่งทั้งในซูอิตินา, ราส ลานูฟ และอัล-เซดรา ด้วยข้อเรียกร้องขอเป็นอิสระในด้านเก็บรายได้น้ำมันและทางการเมืองในดินแดน ไซเรไนกา ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรพลังงานทางภาคตะวันออกของประเทศ

 

เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทางกลุ่มคาดหมายว่าจะสามารถเปิดการเข้าออกคลังน้ำมันได้ในวันอาทิตย์(15) แต่จากการเจรจาที่ล้มเหลวล่าสุด ก็ก่อความกังวลทางอุปทาน ขณะที่ทางนักวิเคราะห์คาดหมายว่า ลิเบีย คงต้องตะเกียกตะกายอย่างหนักหากประสงค์ผลิตน้ำมันให้ได้เกินกว่า 800,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2014

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(16) ขยับขึ้นแรง จากข้อมูลผลผลิตทางอุตุสาหกรรมอันแข็งแกร่งของอเมริกา

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 129.02 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,884.38 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.23 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,786.55 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 28.52 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,029.50 จุด

 

ดัชนีข้อมูลผลผลิตทางอุตุสาหกรรมของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.1 เปอรเซ็นต์ ด้วยการผลิตมือถือปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

 

ปัจจัยข้่างต้น ประกอบกับนักลงทุนจับตาชะตากรรมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าซื้อพันธบัตร รายเดือนที่จะติดสินโดยที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์ ก็ส่งผลให้ทองคำวานนี้(16) ปิดบวกพอประมาณ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.80 ดอลลาร์ (0.8 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,244.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับรายงานที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาคการผลิตในสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐในวันอังคารและวันพุธนี้

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.5% แตะระดับ 137.62 จุด เมื่อเวลา 9.29 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,290.22 จุด เพิ่มขึ้น 137.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,161.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,281.38 จุด เพิ่มขึ้น 166.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,351.98 จุด เพิ่มขึ้น 38.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,977.94 จุด เพิ่มขึ้น 16.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,073.07 จุด เพิ่มขึ้น 19.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,830.56 จุด เพิ่มขึ้น 18.02 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,837.22 จุด ลดลง 0.66 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,099.10 จุด เพิ่มขึ้น 9.50 จุด

หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นไดอิจิ ไลฟ์ อินชัวรันซ์ ทะยาน 3.5% ขณะที่หุ้นแดวู เอนจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ร่วงลง 9.2%

 

ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 1.1% ซึ่งพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี และนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ล่าสุดถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.8% แตะ 79.0% ในเดือนพ.ย.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ธันวาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าการสื่อสารที่ดีขึ้นจะช่วยให้ประชาชนเข้าใจถึงเจตนารมณ์และเหตุผล ด้านนโยบายของเฟด ซึ่งมีความสำคัญต่อความชอบธรรมธนาคารกลาง

 

“การสื่อสารที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจะสามารถช่วยให้เราดำเนิน นโยบายได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะผ่านทางการเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤตของภาคธนาคาร (streee test) หรือโดยการช่วยให้สาธารณชนและนักลงทุนในตลาดสามารถเข้าใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับ แนวโน้มนโยบายทางการเงิน" นายเบอร์นันเก้กล่าวในงานฉลองครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งเฟด

 

เฟดได้รับการก่อตั้งขึ้นโดยกฎหมายธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งอดีตประธานาธิบดีวู้ดโรว์ วิลสันของสหรัฐ ได้ลงนามรับรองเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2456

 

ประธานเฟดกล่าวว่าในท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของเฟดในการดำเนินการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการยอม รับของสาธารณชนต่อการดำเนินการต่างๆ

 

“ความชัดเจน ความโปร่งใสและความรับผิดชอบจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ ธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นหากเฟดต้องการจะประสบความสำเร็จในการส่งเสริมเสถียรภาพ และความรุ่งเรือง"

 

นายเบอร์นันเก้จะครบวาระในช่วงสื้นเดือนม.ค.ปี 2557 และนางเจเน็ต เยลเลน รองประธานเฟด จะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ประธานเฟดแทน โดยวุฒิสภาสหรัฐกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณารับรองการดำรงตำแหน่งของนางเย ลเลน

 

“เราต้องทำทุกอย่างที่จะสามารถทำได้เพื่ออธิบายการทำงานของเรา และเพื่อแสดงให้เห็นว่ามาตรการต่างๆทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างไร นั่นคือเหตุผลที่เราต้องขานรับการสื่อสาร"

 

ทั้งนี้ การส่งเสริมความโปร่งใสมากขึ้นได้เป็นเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งที่นายเบอร์ นันเก้ได้ผลักดันในช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของเขา ขณะที่เฟดได้ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ไว้เมื่อ 2 ปีก่อน และได้พึ่งพานโยบายสัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward Guidance) มากขึ้นในฐานะเครื่องมือประการหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวใกล้ 0% มานับตั้งแต่ปลายปี 2551

 

เฟดมีกำหนดจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะหารือกันในประเด็นที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง เพียงพอที่จะสามารถชะลอโครงการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนหรือไม่

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ธันวาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ รับดอกไม้อะไรไม่ทราบ ขาวๆ ยาวๆๆ ยื่น จากเด็กชาวเขา บนดอย

ดอกกะเจียว...มัง...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...