ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ngoodin

การดูจุดซื้อขายกองทุนระบบ trend following แบบบ้าน ๆ

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้นะคะ ขุมทรัพย์ความรู้สำหรับมือใหม่กองทุนรวมจริงๆค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รวบรวมคำถามคำตอบการลงทุนด้วยระบบ

 

 

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 07 มีนาคม 2013 - 21:40 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

กองทุนสินค้าเกษตร dba ซึ่งเป็นกอทุนแม่ของ k-agri ที่คุณ เคนนี่ เคยเล่นอยู่

หลังจากเป็นขาลงมายาวนาน บัดนี้รูปกราฟน่าสนใจมากครับ

rsi oversold แล้วร่วมเดือนและกำลังจะทำ bullish divergence

macd บีบตัดขึ้นปริ่มๆแล้ว ถ้าวันสองวันนี้ปิดบวกได้ ผมว่าจะลองเล่นดูมั่งแบบขำๆ

เนื่องจาก navประกาศช้า และค่าธรรมเนียมแพง คงต้องทยอยเข้า แล้วรอรอบยาวหน่อย

 

dba เมื่อคืนดีดแรงดี มี bullish divergence ที่ rsi ชัดเจน

macd คัดขึ้น

ผมจะจัดพอร์ตเล็กๆ ทดลองทยอยเข้า k-agri ดูครับ กองนี้มีข้อจำกัดเยอะ ถ้าคุณเคนนี่ มีอะไรแนะนำหน่อยก็ดีครับ

ผมจะแบ่งเป็น 2ไม้ ไม้แรกเข้าตรงนี้ ไม้สองเข้าเมื่อ macd ตัด 0 หรือไม่ก็ถ้าหลุดตรงนี้ก็ไปเข้าที่ low ล่างเดิมของราย week

stop loss ทั้งหมด หากหลุด low ล่างครับ

take profit ก็แบ่ง 2 ไม้ ไม้แรกเมื่อ macd ตัดเส้นสัญญาณลง ไม้สองเมื่อ macd ตัด 0 ลงมาครับ

ลุ้นของใหม่กันหน่อย เป็นการกระจายความเสี่ยงในสินค้าหลากหลายมากขึ้น

ตามหลัก trend following

รูปย่อ

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 12 มีนาคม 2013 - 08:06 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

ครับ ลองวางระบบที่ตนเองถนัด เล่นสั้นยาวตามสะดวก กำหนดจุดเข้าออก แล้วทำให้ได้ต่อเนื่อง

เทปสัมภาษณ์ลุงโฉลก ตอนที่2 ที่เพื่อนๆเอามาลงให้ดูในนี้ นั่นคือสรุปทุกสิ่งของระบบไว้แล้วครับ

คุณลุงได้พูดถึงหลักคิด มุมมอง เรื่องระบบ ทั้งการเลือกตลาด การไม่คำนึงถึงข่าวหรือแม้แต่ปัจจัยงบการเงิน

เพราะพวกนายทุนมันปั้นแต่งมาทั้งนั้น การไม่ยึดมั่นในสินค้าตัวเดียว แต่หมุนไปเรื่อยๆ ในตัวที่มีสัญญาณซื้อ

money management การไม่ overtrade

ลองดูครับ

 

มีเพื่อนหลังไมค์มาถามกองทุนอสังหาของกสิกรที่จะเปิดเดือนนี้

kpnpf

http://manager.co.th...D=9560000030311

ผมเห็นว่าน่าสนใจดี เป็น freehold สิทธิการเช่าสำนักงานตึก kpn มูลค่ากองทุน 1800 ล้านบาท พื้นที่เช่า 26000 ตรม

ดูแล้วเขาคิดค่าเช่า 400 บาทต่อ ตรม สมมติว่ามีคนเช่าเต็ม ก็จะได้ค่าเช่าเดือนละ 10.4 ล้านบาท

ตกปีละ 124.8 ล้านบาท ในต้นทุน 1800 ล้านบาท คิดเป็น 6.9%ต่อปีแแต่จริงๆคงเช่าไม่เต็มและมีค่าดำเนินการ ผลตอบแทนคงประมาณ 5% ต่อปี

 

หากเปิดขายเมื่อไหร่ผมก็จะไปจองซื้อเพิ่มอีกซักกองครับ เป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างกระแสเงินสดเพิ่มครับ

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 14 มีนาคม 2013 - 21:12 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

กองทุนอสังหา erwpf เปิดขายพรุ่งนี้ ราคาหุ้นละ 10.40 บาท เป็น free hold

ใครอยากเป็นเจ้าของโรงแรมเอราวัณ ที่พัทยาและภูเก็ต ก็เร่เข้ามา

ติดต่อธนาคานไทยพาณิชย์ครับ

http://www.scbam.com...ail.aspx?id=276

#420974หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 15 มีนาคม 2013 - 23:25 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

กองทุนใหม่ k-usxndq ลงทุนอิง nasdaq100 ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน 75%

ค่าธรรมเนียมต่ำ 0.08%

เปิดจอง 21-27 มีนาคมนี้ครับ

http://www.kasikorna...s/K-USXNDQ.aspx

 

http://k-expert.askk...ges/A2_118.aspx

 

อันนี้คือลักษณะของกองทุน trigger จะเห็นว่า unfair มาก

 

ถ้าผมจะตั้งกอง trigger ที่ดี ผมจะวางเงื่อนไขแบบนี้

 

กองทุนงูดิน trigger อายุการลงทุน 1 ปี มูลค่าอิงดัชนี set 100%

set ขึ้นไปเท่าไหร่ กองทุนก็กำไรเท่านั้นไม่มีจำกัด ครบ 1 ปีคืนทุนพร้อมกำไร แต่ถ้าก่อนครบกำหนด set ร่วงจนขาดทุนถึง 10% เราจะปิดกองทุนทันที

รับประกันขาดทุนไม่เกิน 10% แต่กำไรไม่จำกัด

 

ใครจะซื้อบ้าง อิอิ

 

ปล. การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง เพราะใครเผลอจะโดนหลอกฟันเสมอ

 

กองทุน trigger พวกนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกลวงนักลงทุนโดยแท้

ทำให้นักลงทุนได้น้อยกว่าที่ควรจะได้ แต่กลับเสียมากกว่าที่ควรจะเสียอย่างมาก

แต่ กลต ก็สนับสนุนให้เปิดในเมืองไทยกันครึกโครม ในขณะที่กองทุนดีๆพวก strategic defensive กลต รีบแจ้งให้ปิดกองแทบไม่ทันเพราะกลัวว่านักลงทุนจะได้ประโยชน์มากไป หรืออย่างกองทุนน้ำมันที่เมื่อก่อนรู้ราคาก่อน nav

กลต ก็ให้แก้ไข เพราะกลัวนักลงทุนจะได้กำไรมากไป หรือกองทองคำที่อิงหุ้นปั่นสิงคโปโตก

กลต ก็ไม่สนใจจะเข้าไปดูแล ปล่อยให้ปั่นราคาท้ายตลาดกันตามสบาย

ลุงโฉลกจึงบอกว่า พวกนี้มันนายทุนทั้งนั้น จะไปเชื่อถือข้อมูลของพวกนี้ก็โดนหลอกฟันจนหมดตัว แบบถูกกฎหมายเสียด้วย

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 17 มีนาคม 2013 - 22:39 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

leo_attack, เมื่อ 17 มีนาคม 2013 - 20:20, พูดว่า:

 

 

ไม่ทราบว่าที่บอกว่า kf-oil, kt-oil เปลี่ยนกฏนี่ ไม่ทราบว่าเปลี่ยนกฏอะไรตอนไหนหรอครับ....

 

 

 

เมื่อก่อน kf-oil kt-oil tisco-oil คิด nav จากราคาปิดของ dbo ในคืนที่ผ่านมาแล้วครับ

ทำให้เราสามารถคาดหมายราคา nav ได้ล่วงหน้า จึงมีโอกาสเล่นสั้นเก็งกำไรส่วนต่างได้ ตอนนั้นผมใช้ ma2/ma3 แค่นั้นเอง

แต่พอลงพิมพ์วิธีการดังกล่าวในเวปนี้แหละได้สักสองสามเดือน กลต คงมาอ่านเจอ ก็เลยออกคำสั่งให้เปลี่ยนวิธีคิด nav ใหม่ให้เหมือนของ k-oil ที่คิด nav จาก dbo ในวันถัดไปแทน เป็นอันหมดโอกาสเล่นวิธีดังกล่าวอีก

ลองดูแถวๆหน้า นี้ไปเรื่อยๆ จะเข้าใจครับ

 

http://www.thaigold..../page__st__6465

 

http://www.thaigold..../page__st__6525

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 20 มีนาคม 2013 - 12:21 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

wcg, เมื่อ 17 มีนาคม 2013 - 06:58, พูดว่า:

ตอน 3 มาแล้วครับพี่น้องงงง

http://ibizchannel.c...?cid=1220&lid=7

 

 

(ตอน 2 http://ibizchannel.c...?cid=1174&lid=7)

 

วันนี้ผมเข้าจองซื้อกองทุนอสังหา ERWPF เพิ่มขึ้นเป็นฐานของปิรามิด เสริมกระแสเงินสด อีกกองหนึ่งครับ

 

ยิ่งดูลุงโฉลกตอนที่ 3 แล้วจะเห็นเลยว่า ฐานของปิรามิดมีความสำคัญต่อความมั่งคั่ง แสดงให้เห็นถึงการใช้จุดได้เปรียบในการสร้างความมั่นคงของพอร์ตครับ

 

ในส่วนอสังหาริมทรัพย์ เดิมผมลงทุนในอสังหาจริง คือซื้อขาย บ้านที่ดินคอนโด ให้เช่า และตอนน้ำท่วมก็ได้เห็นเลยว่า มีปัญหาสภาพคล่อง เพราะไม่สามารถขายทิ้งหนีน้ำได้

คนเช่าก็หนีออกหมด แถมน้ำลดยังต้องเสียเงินมาซ่อมแซมอีก

แต่ตอนนี้มีกองทุนอสังหาเกิดขึ้นเยอะแยะ แก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องได้เลย ผมจึงหยุดซื้ออสังหาจริง

ไม่ลงทุนซื้อเพิ่มแล้ว แต่มาลงทุนเพิ่มในกองทุนอสังหาแทนครับ

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 20 มีนาคม 2013 - 12:27 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

ตอนนี้กองอสังหาที่ผมมีอยู่แล้วคือ

DTCPF TLGF CPNCG ERWPF

 

 

และที่รอเข้าซื้อเมื่อเปิดขายคือ

 

BTSGIF KPNPF

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 20 มีนาคม 2013 - 21:19 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

primmy, เมื่อ 20 มีนาคม 2013 - 20:22, พูดว่า:

เรียนถามคุณงูดินว่ามีltfที่ลงทุนในหุ้นอยู่ ควรจะย้ายกองด้วยไหมคะแนะนำกองไหนคะของกสิกรค่ะ

 

ผมลงใน k70ltf ครับ ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำสุดแล้ว โดยมีสัดส่วนหุ้น70%ตร่สารหนี้30%

 

แต่ถ้ามีกองอื่นอยู่ เช่น kgltf kdltf ก็ไม่ควรย้ายกองครับ เพราะค่าธรรมเนียมมันแพง เอาไว้ค่อยทยอยหยอดซื้อเพิ่มเมื่อมีสัญญาณซื้อจะดีกว่า

หรือ ตอนที่ซื้อเพิ่มจะลงในk70ltf ก็ได้ ของเดิมก็ทิ้งไว้งั้น

ผมยังมี kgltf ทิ้งไว้หน่อยนึงเพราะยังไม่ครบขาย

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 22 มีนาคม 2013 - 07:29 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

http://thaipropertyf...tegory/ข่าวสาร/

 

BTSGIF

เปิดจอง 29 มีค - 4 เมษ นี้

ใครอยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าก็เตรียมเงินไว้ครับ

 

โพสต์ โดย ngoodin เมื่อ 28 มีนาคม 2013 - 06:28 in วิเคราะห์หุ้น-การเงิน-การลงทุน

สรุปแนวคิดจากบทสัมภาษณ์ลุงโฉลก ตอนที่ 4

 

ง่ายเข้าไว้ กำไรมาเอง

 

การลงทุนตามระบบ trend following คือการซื้อขายตามเสียงส่วนใหญ่

คนทั้งโลกเขาดูอะไร ก็ต้องดูตามเขา

คนทั้งโลกเขาใช้อินดี้อะไรมากที่สุด ก็ต้องใช้ตามเขา คุณลุงยกตัวอย่าง macd rsi

คนทั้งโลกเขาตั้งค่าอินดี้แบบไหน ก็ต้องตั้งค่าตามเขา อย่าง macd 12,26,9 เขาใช้เป็นมาตรฐาน ก็ต้องใช้ตามนั้น เพราะเขาคำนวณอินดี้นี้มาจากค่านี้แล้วมัน work อย่าอุตริไปตั้งค่าแบบอื่น มันจะเจ๊ง

อินดี้ทั้งหลายคำนวณมาจากราคา eod คือราคาปิดรายวัน อย่าไปเปลี่ยนดูรายนาที รายชั่วโมง บลาๆๆเพราะเขาไม่ได้คำนวณมาแบบนั้น

อย่าใช้อินดี้หลายตัว ใช้ตัวหรือสองตัวพอ และไม่ต้องวิเคราะห์อะไรให้ยุ่งยากซับซ้อน แค่ใช้ตามองดูมัน ก็แค่นั้น

ลงทุนเพื่อเอาเงิน ไม่ได้เอาเก่ง หรือเอาความรู้ ถ้าอยากเก่ง อยากรู้มาก ก็จะไม่ได้เงิน

รู้ให้น้อย เอาเงินให้เยอะๆ ดีกว่าไหม

 

หลักการนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ใครๆ ก็รู้ จริงไหมครับ แต่เชื่อไหมว่า มีนักลงทุนแค่ 20% ที่เชื่อ และ 10% ที่ทำได้

ถูกแก้ไข โดย ngoodin

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รวมคำถามตอบเรื่องกองทุนอสังหาริมทรัพย์ครับ

 

คุณงูเคยพักเงินกับ mmf ไหมครับ ดีกว่าฝากเงินมากน้อยแค่ไหนครับ

ขอบคุณครับ แต่ในชาร์ทที่ให้มา ต่อปีมัน 2% กว่าไม่ใช่หรือครับ

=พอๆกับดอกเบี้ยเงินฝากเลยเมื่อหักภาษีแล้ว

 

อีกคำถามครับ

 

ถ้าผมมีเงินอยู่ก้อนนึง จะฝากแบงค์เฉยๆ กับเอามาถมที่(ในกรุงเทพกับนน)

อย่างไหนจะดีกว่ากับครับ

จุดประสงค์ คือ รักษาเงินต้น ไม่ต้องการกำไรมากมาย

เงินสด ผมพักไว้กับ mmf ทั้งหมดครับ เหลือติดออมทรัพย์ไว้พอใช้รายเดือนเท่านั้น

ผล ตอบแทนกองทุน mmf ประมาณ 2.3-2.7% ต่อปี ไม่เสียภาษี ใกล้เคียงกับเงินฝากประจำ แถมมีสภาพคล่องพอ ๆ กับออมทรัพย์ แต่ได้ผลตอบแทนมากกว่า เมื่อเทียบกับออมทรัพย์ได้แค่ 0.8% ต่อปีเท่านั้น

รักษา เงินต้น แนะนำเข้ากองทุน mmf หรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์ครับ สำหรับผมเคยซื้อขายที่ดิน ทำบ้าน คอนโดให้เช่า มีปัญหาจุกจิกเยอะ เสียค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงรักษา คนเช่าหนีไม่จ่าย น้ำท่วม ฯลฯ ซื้อกองทุนอสังหาสภาพคล่องดีกว่าเยอะ ไม่ต้องบริหารเอง ไม่เสียเวลา ขายหนีน้ำท่วมได้ง่าย ๆ ผลตอบแทน 6-8% ต่อปี ได้พอ ๆ กับค่าเช่าหลังหักค่าใช้จ่าย

mmf ไม่มีขาดทุนครับ

ส่วนกองอสังหา มีขาดทุนครับ ผมใช้วิธีซื้อไว้หลายกอง หลายแห่ง กระจายความเสี่ยง กองละ 1-2 แสน

ตอนนี้ผมมี

dtcpf tlgf cpncg erwpf crystal kpnpf btsgif spwpf

ลอง ดูราคา ปัจจุบันก็ได้ครับ กองไหนต่ำกว่า 10 บาท คือขาดทุน แต่ผมลงทุนแบบถือยาวกินปันผล ไม่ได้สับเปลี่ยนเล่นรอบ แต่ถ้าจะเล่นรอบดูกราฟก็ได้เหมือนกันครับ เพียงแต่ราคามันไม่หวือหวา

การ ลงทุนในกองอสังหา เมื่อเทียบกับซื้อคอนโดใฟ้เช่า สมมติซื้อห้องละ 1 ล้านบาท อาจจะให้เช่าได้เดือนละ 5-6 พันบาท บางช่วงอาจไม่มีคนเช่า และต้องลงทุนตกแต่ง ทาสี ทำความสะอาดซ่อมแซมให้ดูดีเสมอ เทียบกับเอาไปซื้อกองอสังหา 1ล้าน ได้ปันผล 6-8% ก็ตกเดือนละ 5-6 พัน เหมือนกัน แต่ก็ได้เป็นประจำ และตัดปัญหาค่าใช้จ่ายจุกจิก และค่าเสียเวลาไปได้มาก และไม่ต้องเสียค่าน้ำมันรถไปดูแลห้องเช่าตามที่ต่างๆอีกด้วย สภาพคล่องก็ดีกว่า เบื่อกองนี้ก็ขาย ไปหาซื้อกองอื่นเมื่อไรก็ได้

เรื่อง lease hold หรือ free hold สำหรับกองอสังหา ก็เป็นเงื่อนไขที่นักลงทุนชอบดูกัน แต่ผมมองว่า ทุกกองไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็มีมูลค่าเริ่มต้น 10 บาท เท่า ๆ กัน (เพราะผมซื้อตอนเปิดขายครั้งแรก) แต่ถ้าจะมาเข้าซื้อทีหลังตอนราคาวิ่งขึ้นไปมากแล้ว ก็อาจจะต้องมาดูว่าปันผลในอัตราคุ้มหรือไม่เมื่อเทียบกับราคา nav ที่อาจจะลดลงเรื่อย ๆ ถ้าเป็น lease hold ตามระยะเวลาที่เหลือ

 

และ ด้วยความที่กองทุนอสังหามีสภาพคล่องสูง หากถือไปแล้ว nav ลดลงไปมากเกินกว่าปันผลที่ได้ในแต่ละปี ผมก็ขายออก ไปซื้อกองอื่นก็แค่นั้นเองครับ และการซื้อกองทุนอสังหาของผมเป็นแบบการลงทุนคือมีการกระจายความเสี่ยง ไปหลาย ๆ กอง หลาย ๆ แห่ง หลาย ๆ ประเภท ดังนั้น กองไหนจะเป็น lease hold หรือ free hold ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของผม

bloomberg ไม่รวมปันผลครับ

ระยะ เวลาน้อยเพราะผทเพิ่งเริ่มซื้อปีที่แล้ว และซื้อเฉพาะกองเปิดใหม่ครับ กองอสังหาเก่าไม่ได้ซื้อ ถ้าสนใจกองเก่าก็เปิดข้อมูลการจ่ายปันผลเทียบกับ nav ดูได้ตามต้องการครับ ไปดูตาม link ที่คุณ Lychee ให้

ไว้ก็ครบถ้วน

ประเด็น คือ รายได้จากค่าเช่า เทียบกับดอกเบี้ย แต่เราไม่ต้องบริหารห้องเช่าเอง แค่เอาเงินไปลงทุน ก็เหมือนฝากเงินธนาคาร และจะถอนต้นเงินเมื่อไรก็ได้

ผล ประกอบการเนื่องจากผมซื้อกองทุนใหม่ ราคาเริ่มแรกประมาณ 10 บาทเท่ากันหมด อต่พอเข้าตลาด บางกองอย่าง tlgf พุ่งเปิด 40% ทันที บางกองอย่าง dtcpf ลดลง 10% ทันทีแต่ส่วนใหญ่ก็นิ่งๆแถว 10 บาท เหมือนกับเงินต้นเราก็เฉลี่ยคงที่ตลอดเวลา ปันผลที่ได้ 6-7% ก็ดหมือนดอกเบี้ยนั่นเอง

ส่วน ใหญ่เป็นอย่างนั้น เพราะค่าเช่ามักจะคงที่ทุกปีครับ แต่ nav จะขึ้นลงตามตลาด เพียงแต่ไม่หวือหวา ช่วงที่ nav ลงต่ำกว่า 10 บาท ก็อาจซื้อสะสมได้ของถูก ปันผลเทียบกับ nav ต่ำๆ ก็คิดเป็นเปอร์เซนต์มากกว่า แถมถ้าหุ้นขึ้นก็ได้ capital gain อีก

ผมซื้อเฉพาะกองใหม่ เพราะถือว่าราคา 10 บาทได้คำนวณต้นทุนที่เหมาะสมตอนเปิดตัวไว้ในราคานี้แล้วในขณะเวลานั้น

แต่ ถ้าซื้อกองเก่าที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมด บางกองราคาขึ้นไปเยอะ ปันผลอาจจะได้น้อยกว่าที่ควร หากต้องการซื้อกองเก่าผมว่ารอจังหวะหุ้นร่วงแรงๆ แล้วสะสมไปเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ จะดีกว่าซื้อพร้อมกันครั้งเดียวครับ อาจจะสะสมทุกครั้งที่ macd ตัดขึ้นของแต่ละกอง เป็นต้น. จนกว่าจะเต็มพอร์ตที่กำหนดไว้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก็ปรับพอร์ตของสินค้าแต่ละชนิดให้มีวงเงินเท่าๆกัน ไม่ถ่วงน้ำหนักในสินค้าใดมากเกินไป

เดิมผมลงทุนในหุ้นถึง 60% แม้จะดีช่วงหุ้นขึ้น แต่ช่วงหุ้นลงก็จะดึงพอร์ตโดยรวมลงเช่นกัน

ทำให้พอร์ตไม่นิ่ง ขาดเสถียรภาพ ก็เลยจะลองปรับพอร์ตแบบลุงโฉลกดูมั่ง ลดพอร์ตหุ้นลงบ้าง ไปเพิ่มทงคำ น้ำมัน aud บลาๆๆๆ. ขึ้นอีกหน่อย อะไรทำนองนี้ครับ

 

 

Alert Alert! ทองคำกลับตัวแล้ว macd ตัดขึ้นเป็นสัญญาณซื้อ วันจันทร์เข้า tgoldH เต็มพอร์ต

dba qqq เป็นขาขึ้น let profits run

น้ำมันยังเป็นขาลง พ่อให้นอนดูต่อไปครับ

การนำแนวคิดนี้มาใช้ ผมได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ หยงเกิดมาเทรด น่ะครับ

 

หน้า 90

สิ่งที่ลุงโฉลกบอกกับพวกเราก็คือ “กำไรมากเกินไป ขอให้กำไรน้อยลงกว่านี้”

ตอนนั้นผมคิดไม่เป็นว่า คำว่า “กำไรมากเกินไป” คืออะไร ภายหลังจึงเข้าใจว่ามันตีความได้ว่า คุณเสี่ยงมากเกินไปในการพยายามที่จะทำกำไรโดยไม่ประมาณตัวเอง

 

ลุงโฉลกให้โอวาทว่า “หยง ถ้าจะวางพอร์ตให้ดี มันต้องกระจายความเสี่ยงอย่างละเท่า ๆ กัน”

 

หน้า 91

วิธีการที่จะวางผังพอร์ตให้สินค้าฟิวเจอร์ซึ่งมีขนาดไม่เท่ากันให้สมดุลนั้น เราต้องไม่ดูที่มูลค่าหรือจำนวนสัญญา แต่ควรจะดูที่ตัวเงินที่มีว่าเทรดได้เท่าไร แล้วดูว่าเหมาะสมที่จะเทรดได้กี่ล็อต ง่าย ๆ ก็คือเอาตัวเงินในพอร์ตเป็นที่ตั้ง

มาแชร์ความเห็นกับ คุณงู คุณ potgarn ค่ะ

 

การที่คุณงูต้อนหมูทะยอยเข้าและอัตราส่วนไม่เท่ากันทำให้ผลกำไรขาดทุนที่ได้ไม่สมดุลย์น่ะ

เพราะพี่ปุณณ์ทำการทดลองคู่ไปด้วย (เก็บข้อมูลที่คุณงูบอกโดยไม่ได้ขออนุญาต ถือโอกาสขอตรงนี้เลยนะคะ อิอิ )

โดยซื้อ set50 1 ยอด พร้อมคุณงูครั้งแรก และก็ถือยาวมาตลอด(เพราะไม่มีเวลาติดตามดู) จนถึงเมื่อวาน ผลได้กำไรสุทธิ 3%

ส่วน คุณงูซื้อเข้า 4 ขายออก 2 คุณงูยังขาดทุนสุทธิ -1.2%

เพราะเวลาขาดทุนเต็มพอร์ต ขาดทุนมาก แต่เวลากำไรเวลาต้อนหมู ได้น้อยกว่า กำไรไม่คลุมยอดขาดทุนค่ะ

และการทะยอยเข้าทำให้ผลกำไรน้อยลงไปอีก เพราะยอดต่อมาทุนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

ปีหน้าคุณงูปรับระบบแล้วอาจจะดีขึ้น พี่ปุณณ์ก็ว่าจะปรับระบบเหมือนกันค่ะ เพราะไม่มีเวลาว่างเหมือนเมื่อก่อน

การทำ DCA เวลาตลาดตกมากแล้วทะยอยขายทำกำไรเวลาตลาดดีมากๆไปเรื่อยๆ ดูจะเหมาะสมกับสถานการณ์มากกว่า

 

คุณงู คุณ potgarn มึความเห็นว่าอย่างไรคะ แต่คุณ potgarn เซียนอินดี้ อยู่แล้วคงไม่มีปัญหาเรื่องระบบซื้อขาย

แต่คราวนี้ จะเก็บ set50 อีก 1 ยอด สัปดาห์หน้า แล้วลองดูผลการทดลองอีกที

dca ดีนะครับ แต่ถ้าเจอตลาดขาลง ยาวนาน เงินจะจมนานเช่นกันนะครับ

การออกแบบระบบ ต้องระวังเรื่อง curve fit ด้วยนะครับ

แหะๆ ผมไม่ได้เก่งเท่าไรเลยครับ จากปีที่แล้วตอนต้นปี ผมจัดพอร์ทแบบลุงฉโลก แนะนำช่วงทองขึ้น นั่นคือเงิน 80-90% ที่หุ้น แล้วมาเน้นทอง ฟิวเจอร์ ซื้อให้ได้ปริมาณเท่ากับ หุ้น 1-1 เลย ผลปรากฎว่า 3 เดือนแรก ขาดทุนทองมากๆ เลย จนเปลี่ยนมาเป็น หุ้น 60% ที่เหลือก็ ทอง aud

ปรากฎว่า หุ้นดี เลยเอาที่เสียคืนมา ได้ทั้งหมดและได้กำไรในช่วงปลายปี บ้างครับ ถ้าไม่เล่นทอง future ก็จะกำไรมากกว่านี้ คุณงูก็มีกำไรที่ดีเช่นกันในปีที่แล้ว

 

มาปีนี้ ผมได้เงินมาลงทุนเพิ่ม เกือบ 2 เท่า(ไม่ได้บ่อยๆ) ผลปรากฎว่าหุ้น ขาดทุนมา 2-3 ครั้งแต่ตบหนัก ดีที่จัดพอร์ท พยายามไม่ให้เสียเกิน 2% เลยขาดทุนหนักสุดก็ เกือบ 6% ของพอร์ท มาตอนนี้ เอาคืนมาพอได้เหลือขาดทุนรวมๆ อยู่ ราวๆ 3.5% ณ ตอนนี้ ซึ่งไม่ได้สร้างปัญหาอย่างใด

 

ดูธรรมชาติ trend follow แล้ว เราจะบอกไม่ได้เลยว่าปีไหนจะขาดทุน ปีไหนกำไรแจกพอร์ทแตก กำไรนิดเดียว หรือเท่าทุน แต่ที่แน่ๆ ขอให้มั่นใจว่าไม่เจ๊งแน่นอนครับ ถ้ามี money management ที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดแรกที่ นักลงทุนต้องทำให้ได้ก่อน

 

เกี่ยวกับคุณงู ระบบต้อนหมู ผมคิดว่ามันก็จะมีประโยชน์ในสภาณการณ์ อย่างเช่นว่า ถ้าซื้อเข้าไป แล้วมันผิด ตอนนี้ ถ้าโดน stoploss มันก็ แทบไม่เสีย เพราะซื้อแค่ 20% ใช่มั้ยครับ เป็นการปกป้องกำไรครั้งก่อนๆ

 

แต่ถ้ามองตาม macd หาก ถึงแม้ราคามันจะเท่าเดิม แต่ภาวะ macd มัน ลงไป oversold ก็ถือได้ว่า ตลาดได้ ทำตัวเองให้อยู่ในภาวะ ผ่อนคลายและมีโอกาสกลับขึ้นได้แล้ว ผมเลย อยากจัดหนักกว่า 20% อ่ะครับ

ในสินค้าจำพวก forex ค่าเงิน หรือ ทอง มีความผันผวน ไม่อยู่กับเทรน มากกว่าจำพวกหุ้น

หากปรับเปลี่ยนเป็นหุ้นตัวใหม่ๆ เช่น nikkei หรือ hs หรือ nasdaq อะไรพวกนี้ล่ะครับ คุงงู

การจัดสัดส่วนของพอร์ต ที่ผ่านมาผมจัดสัดส่วนตามความยากง่ายของตลาด เอามาเป็นหลักในการทำ money management

ตลาดหุ้นไทย ง่ายที่สุด เล่นกันแฟร์ ๆ ตอนกลางวัน แถมแมลงเม่าเยอะ ชอบแห่ซื้อแห่ขาย ผมก็เลยจัดสัดส่วนไว้มากที่สุด เพราะต้องการกำไรมากที่สุด

ตลาดทองคำ น้ำมัน ค่าเงิน ฯลฯ ต้องแข่งกับระดับโลก แมลงเม่าแทบไม่มีหรือมีเข้ามาแว่บเดียวก็ถูกเผาวอดวายออกจากตลาดไป มีความเสี่ยงสูง ผมก็จัดสัดส่วนไว้น้อย ๆ เพราะจะได้ง่ายในการทำตามวินัย เวลาโดนจัดหนักจะได้กล้าที่จะซื้อหรือตัดขาดทุน เพราะถือว่ามีสัดส่วนไม่มาก และเท่าที่ผ่านมาโดยเฉพาะตลาดทองคำทีเป็นขาลงมาตลอดสองปีแล้ว ผมก็เห็นว่าตัวเองสามารถทำตามระบบได้เป็นที่พอใจ เกิดความกล้าที่จะเพิ่มขนาดพอร์ตในตลาดเหล่านี้ให้มีสัดส่วนใกล้เคียงกับตลาดหุ้นไทย

 

เรียกว่ามีความมั่นใจในวินัยและจิตวิทยาการลงทุนแข็งแกร่งขึ้น ก็เลยกล้าที่จะเพิ่มสัดส่วนขนาดพอร์ตให้มีความใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังคิดว่าจะจัดสัดส่วนตลาดหุ้นไทยให้มากกว่าตลาดอื่นอยู่บ้างแต่คงไม่ถึง 60% ของพอร์ตทั้ืงหมด อาจจะ 20-30% ทำนองนี้ แล้วไปเพิ่มทองคำ น้ำมัน ฯลฯ จากเดิม 10-15% ก็เป็น 15-20% เดี๋ยวรอสิ้นปีจะดูสัดส่วนที่เหมาะสมอีกทีครับ

 

ส่วนการต้อนหมูกลับเล้านั้น ถ้าตลาดเป็นขาลง จะช่วยให้ลดผลการขาดทุนได้ แต่ถ้าตลาดเป็นขาขึ้น กำไรที่จะได้ก็น้อยลงเช่นกัน แต่ถ้าคิดกันระยะยาว ๆ แล้วผมก็ยังคิดว่าไม่แตกต่างกันมากในผลกำไรหรือขาดทุนโดยรวม แต่การต้อนหมูทำให้ต้องมาคอยดูจุดต่ำยกสูงกันอีกเป็นไม้ ๆ ไป และต้องซื้อเข้าบ่อย ๆ กว่าที่จะเข้าไม้เดียวตาม macd แถมผมก็ชักขี้เกียจคอยดูจุดต่ำยกสูง และการเข้า ๆ ออก ๆ บ่อย ๆ ก็เลยคิดว่าจะตัดระบบต้อนหมูนี้ไปเลย

 

การกระจายไปยังตลาดหุ้นอื่นอย่างตลาด hsi อินเดีย ผมก็ว่าดีมากครับ แต่ผมติดที่ว่าค่าธรรมเนียมมันแพงเกินเหตุ หากต้องเข้าออกตาม macd/signal บ่อย ๆ อาจขาดทุุนค่าธรรมเนียมไปเยอะ คล้าย ๆ กับกองทุน k-agri หากจะเล่นก็ต้องเล่นแบบยาว ๆ ใช้ macd/0 หรือราย week อะไรทำนองนั้นครับ แต่บางกองทุนอย่าง k-usxndq ที่วิ่งตาม nasdaq100 ค่าธรรมเนียมไม่แพง ผมก็ทดลองเล่นอยู่ ก็กำไรดีครับช่วงนี้

การ DCA ผมก็เห็นด้วย สำหรับคนไม่มีเวลาดูกราฟดูไร และเหมาะกับการลงทุนแบบกินเงินปันผลครับ สะสมไปเรื่อยๆ แรก ๆ ก็ได้ปันผลน้อย แต่ไปสัก 5 ปี 10 ปี ก็เริ่มจะมีเนื้อมีหนัง ผมก็ใช้อยู่กับการลงทุนในกองทุน LTF RMF ค่อย ๆ เห็นเงินทุนเติบโต และกินปันผลไปเรื่อย ๆ พร้อมกับได้สิทธิลดหย่อนภาษี

 

อีกอันที่ผมลงทุนแบบ DCA (มั้ง) ก็คือกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เปิดใหม่มาเมื่อไหร่ก็ซื้อสะสมไปเรื่อย กินปันผลไปเรื่อย ไม่ต้องดูว่าสภาพตลาดขณะนั้น ๆ เป็นอย่างไร

 

พวกกองทุนที่กินปันผลนี้ ผมจะทยอยสะสมไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มฐานเงินทุน สร้างกระแสเงินสดได้ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ และมีสภาพคล่องสูงกว่าครับ

ตามความเข้าใจนะครับ สมมุติ macd ขึ้นไป overbought แล้ว คือเลยเส้น 0 ไปมากๆๆๆ แล้ว มันตัดลงแล้ว แล้วจู่ๆ หักตัดขึ้นไปใหม่ ตรงนั้น ระบบต้อนหมูอาจช่วยได้ครับ ถ้าเราอยากซื้อใหม่ เพราะโอกาสพลาดตรงนั้นมีสูง Gerald ตั้งกฏไว้ว่า ไม่ต้องเล่นก็ได้ แต่หาก ว่า macd ร่วงลงมากๆ ลงไปถึง 0 หรือลงไปต่ำกว่า 0 มากๆ ตรงจุดนั้นเป็นจุดที่ macd ทำหน้าที่ เหมือน oscillator ไปด้วย มันคือภาวะ oversold ที่ ถ้า buy ตรงนั้น โอกาสมี มากกว่าที่จะกลับตัวขึ้นครับ ดังนั้น ถ้า macd ลงไป ถึง0 และ ระยะ week ยังดูดีอยู่ ตรงนั้น ถึงราคาจะยังเท่าๆ เดิม ผม คิดว่าน่าจะ เป็นจุด buy ที่ดีพอสมควรได้ครับ :-)

 

จุดที่ยากหน่อยคือ อย่างตอนนี้ set50 daily macd ไม่ได้ลงถึง 0 แต่ก็ ไต่ระดับลงมา พอสมควร เขาให้ดู ที่ mov 50 ว่ายังเป็นขาขึ้นระยะยาว หรือไม่ ตรงนี้ ผมดูจาก macd weekly ที่เกื้อหนุนมากในขณะนี้ จึงคิดว่านะจะเป็นสัญญาณซื้อที่พอใช้ได้ครับ เช่นเดียวกับ audthb คับ

คุณงูจะปรับน้ำหนัก อย่าลืมเรื่อง ผลตอบแทนคาดหวังด้วยนะครับ

หุ้นไทย ค่าเฉลี่ยจากระบบ ได้ราวๆ 20-30% แล้วแต่ การวางอินดี้

ทองโลก ค่าเฉลี่ย ประมาณ 8-10%

ถ้าสลับกอง น่าจะต้องลอง ประเมิน พอร์ตรวมด้วยนะครับ

 

ขออนุญาตรวบรวมข้อสังเกตของเพื่อน ๆ มาเป็นแนวทางการจัดระบบนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปีหน้านอกจากผมจะปรับสัดส่วนพอร์ตใหม่ ยกเลิกระบบต้อนหมู แล้วผมจะเปลี่ยนไปเล่นระยะยาวโดยใช้ macd/0 เป็นสัญญาณเข้าออกด้วย และยกเลิกการเข้าด้วย bullish divergence

 

เป็นการปรับครั้งใหญ่เพื่อให้เข้าสู่ระบบที่มีเสถียรภาพครับ

 

ที่นึกไว้คร่าว ๆ

scbset50 20%

scbaud 15%

tgoldH 15%

scboil 10%

tiscoUKBOND 10%

k-agri 10%

k-usxndq 10%

scbtmf 10%

 

ใช้ระบบ macd/0 มีการแกว่งตัว drawdown สูงสุดประมาณ 10% แต่ละรอบ

ถ้ารอบไหนโชคร้ายขาดทุน 10% ของตลาดใดตลาดหนึ่ง ก็จะไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตทั้งหมด น่าจะพอได้นะครับ

ถูกแก้ไข โดย ngoodin

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กองทุน scbs&p500

 

ลงทุนในกองทุน spdr s&p500 etf ในตลาด newyork

ค่าธรรมเนียมซื้อขายสับเปลี่ยน ขาละไม่เกิน 0.5% (ช่วงแรกยกเว้น)

ประกันความเสี่ยงค่าเงิน 90%

ซื้อขายได้ทุกวันทำการ

รับเงิน t+5

post-835-0-24250200-1384846230_thumb.png

post-835-0-50982800-1384846242_thumb.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เตรียมพร้อมจัดสรรพอร์ตการลงทุนตาม Trend Following สำหรับปี 2557

 

ตอนนี้ผมสรุปวางแผนการลงทุนในปีหน้าเรียบร้อยแล้ว

ผมปรับการลงทุนเป็นการลงทุนระยะยาวด้วย macd/0 จึงได้กำหนดกระจายความเสี่ยงไปยังกองทุนต่าง ๆ ตามสัดส่วนดังนี้ครับ

 

scbset 20%

scboil 10%

scbaud 10%

scbs&p500 10%

 

k-agri 10%

k-usxndq 10%

 

tgoldH 10%

 

tiscoUKBOND 10%

 

scbtmf k-money t-cash tisco-govbond 10%

 

รวมเป็น 100%

เข้าซื้อเมื่อ macd>0 ขายออกเมื่อ macd<0

 

ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มีบางกองทุนที่กราฟ macd ยืนเหนือ 0 อยู่ก่อนแล้ว แต่ผมยังไม่มีของ หรือเพิ่งขายออกไปตามระบบเดิม เท่ากับพอร์ตว่างอยู่ แต่ macd>0 อันนี้ผมจะจัดเข้า ๆ ออก ๆ ตาม macd/signal แบบเดิมไปก่อน แต่จำกัดไว้แค่ครึ่งพอร์ตที่จัดไว้สำหรับกองนั้น จนกว่า macd<0 อีกครั้ง จึงจะเข้าระบบใหม่ กองที่เข้าเงื่อนไขขณะนี้ก็คือ k-usxndq กับ scbs&p500

 

มีบางกองที่ macd>0 และผมมีของเต็มพอร์ตอยู่แล้ว ซึ่งเข้าซื้อมาเมื่อ macd/signal ตั้งแต่ตอนที่ macd<0 อันนี้ผมก็จะถือไปจนกว่า macd จะ<0 อีกครั้ง เท่ากับถือยาวตามระบบใหม่ไปเลย กองที่เข้าเงื่อนไขขณะนี้ก็คือ tiscoUKBOND กับ scboil

 

มีบางกองที่ macd <0 และผมไม่มีของ อันนี้ผมจะรอเข้าเต็มพอร์ตเมื่อ macd>0 ตามระบบใหม่ กองที่เข้าเงื่อนไขนี้คือ scbset50 scbaud tgoldH

 

มีอีกกองที่ macd<0 และผมยังมีของติดมืออยู่ เพราะ macd>signal ตามระบบเก่าและยังไม่หลุด low เดิม อันนี้ผมจะขายออกทั้งหมดเมื่อขึ้นปีใหม่ และรอเข้าใหม่ตามระบบใหม่ กองนั้นคือ k-agri ซึ่งขณะนี้ยังขาดทุนอยู่เลย

 

ส่วนกองที่พักเงิน คือ กองตราสารหนี้ทั้งหลายรองพื้นไว้ 10% ส่วนถ้ากองไหนยังไม่ถึงเวลาเข้า ก็เอามาพักเพิ่มไว้ที่กองนี้เรื่อย ๆ ดังนี้ ถ้าทุกตลาดเป็นขาลง กองตราสารหนี้ จะมี 100% แต่ถ้าทุกตลาดเป็นขาขึ้นกองตราสารหนี้ จะมี 10% รองพื้นไว้เผื่อฉุกเฉินเสมอครับ

 

บันทึกไว้เป็นแนวทางให้ตัวเอง และเพื่อน ๆ ที่สนใจวิธีการช่วงเปลี่ยนผ่านครับ

ถูกแก้ไข โดย ngoodin

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวทางการลงทุน ltf rmf ของผมในปี 2557

 

ปี 2557 นี้ผมครบกำหนดขายกองทุน ltf ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา

ช่วงนี้ตลาดหุ้นเป็นขาลง ผมจะขายออกทันทีที่ครบกำหนด

 

set เป็นขาขึ้นแรงๆ มา 2 ปี และปี 2556 เป็นขาขึ้นในช่วงต้นปีจากนั้นก็ออก sideway และเริ่มจะกลับตัวเป็นขาลงแล้ว

ผมประเมินว่าเป็นขาลงในรอบใหญ่ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 2-3 ปี ถัดจากนี้

 

 

ส่วนทองคำเป็นขาลงมานานเกือบ 3 ปี แล้ว ตอนนี้ออก sideway ในราคาต่ำ ๆ ซึ่งผมเคยประมาณว่า หากเทียบราคาทองคำกับอัตราเงินเฟ้อ ราคาทองคำระดับ 1000-1200 เหรียญนี้ คือราคาที่สะท้อนอัตราเงินเฟ้อได้ใกล้เคียงที่สุด แสดงว่าราคาทองคำเริ่มมีความสมเหตุสมผลที่จะเข้าลงทุนอีกครั้ง ไม่ใช่ราคาที่เกิดจากการปั่นราคาเหมือนช่วงที่ผ่านมา

แสดงว่าใน 2-3 ปีต่อไป ทองคำมีโอกาสขึ้นมากกว่าลงครับ

 

การลงทุน ltf ของผมจะลงทุนในตลาดหุ้น คือกองทุน k-70ltf แบ่งเงินลงทุนเป็น 5 ส่วน เข้าซื้อตาม macd>0 ครับ

ส่วน rmf ผมจะลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดทองคำ สับเปลี่ยนไปมากับกองทุน rmf ที่เป็นตราสารหนี้ ตามสัญญาณ macd>0 เช่นกัน ในตลาดหุ้นคือกอง keqrmf ตลาดทองคำคือกอง t-goldRMF-H

 

การลงทุน ltf rmf นี้เป็นการลงทุนที่ได้กำไรที่สุด เพราะได้สิทธิลดหย่อนภาษี 20-30%

 

ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ผมอาจได้สิทธิลดหย่อนภาษีลดลงเหลือ 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน ๆ ที่ได้ถึง 30% แต่กระนั้น เราจะหาการลงทุนแบบไหนที่ได้กำไรแน่ ๆ ถึงปีละ 20% โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงอะไรเลยแบบนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอากราฟที่ผมคาดหมายตลาดต่าง ๆ ในปี 2557 ที่ผมลงในห้องหุ้นข่าวมารวมไว้ที่นี่ด้วย เป็นแนวทางการวางระบบการลงทุนของผมต่อไป และคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ครับ

post-835-0-03211000-1388804674_thumb.png

post-835-0-96623000-1388804683_thumb.png

post-835-0-62555400-1388804692_thumb.png

post-835-0-79458200-1388804709_thumb.png

post-835-0-04144600-1388804721_thumb.png

post-835-0-35468300-1388804730_thumb.png

post-835-0-21458100-1388804740_thumb.png

post-835-0-88495300-1388804750_thumb.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ เห็นภาพและตัวเลขชัดเจน

จริงเลยครับ รอบใหญ่ๆแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ดังนั้น ที่สำคัญคือ ถ้ารอบใหญ่มา ต้องไม่พลาด

วินัยการเข้าออกตามระบบ จึงสำคัญยิ่ง

คนที่ทำตามระบบได้น่าจะมีน้อย

หากมองตามรูปแบบกราฟเทียบกับจิตใจที่เป็นของจริง

 

ช่วงเวลาขาขึ้น - คนที่เริ่มใช้ระบบในช่วงนี้จะมีกำไรประเดิมเป็นต้นทุน เหมือนคนมีบุญเก่า เมื่อต้องคืนกำไรในช่วงอิ่นจึงพอถือทนได้ แต่ก็คงไม่ทุกคน เพราะหลายๆ คนย่อมเสียดายกำไรที่หายไป บางทีอาจถึงทุน

 

ช่วงเวลาขาลง - คนที่เริ่มใช้ระบบช่วงนี้อาจใช้ไปได้แรกๆ เพราะเห็นประโยชน์ที่ไม่ต้องติดดอย แต่พอใช้ไปนานๆ ไม่เห็นกำไรซักที ก็จะหันไปใช้วิธีอื่น

 

ช่วงเวลา side way -คนที่เข้าระบบช่วงนี้ จะประเดิมด้วยการซื้อแพงขายถูกตลอด และจะบอกศาลากับระบบไปเลย

 

ผมคิดว่าคนที่ทนกับระบบได้จริงๆ มีแค่กลุ่มแรกเพียงไม่กี่คน

ถ้าลงทุนในสินค้าเดียว ตลาดเดียว ด้วยเงินทั้งหมด จะทำการซื้อขายตามสัญญาณได้ยากมาก อย่างที่คุณ milo กล่าวไว้ เพราะความโลภและความกลัวมันรุนแรงเกินทนไหว

 

แต่ระบบที่แท้จริง ต้องมีการกระจายความเสี่ยงไปหลายๆตลาด การแบ่งหน่วยย่อยเป็นระยะสั้นยาว การกำหนด risk/reward ratio และวิธีการทำ money management หลากหลายวิธี ที่จะช่วยลดความโลภและความกลัวลง ทำให้สามารถเข้าออกตามสัญญาณได้ทุกไม้

 

จึงต้องออกแบบระบบให้เหมาะกับตัวเรา ระบบที่เราจะไม่โลภและไม่กลัว ที่จะเข้าออกได้ทุกครั้งตามสัญญาณ

 

ถ้าเราวางระบบไว้ แต่พอปฏิบัติจริง เราไม่กล้าซื้อ หรือไม่กล้าขาย นั่นแสดงว่าระบบเรามีปัญหาแล้ว ต้องปรับปรุงใหม่ครับ

เห็นด้วยครับคุณงู :gd

 

เพิ่มเติมอีกนิดครับ

เพราะฉะนั้น ผมจึงเห็นว่า ที่พูดกันว่า ทำตามระบบง่ายๆ แค่เขียวซื้อแดงขาย นั้นไม่ใช่เลย จะทำให้คนฟังที่ไม่รู้เข้าใจผิดถนัด

ผมเองยังเห็นว่าการเข้าใจเรื่องต่างๆ ที่คุณงูกล่าวถึงนั้น ยากพอๆ หรือกว่า หลายวิธีลงทุนอื่นอีกครับ

 

ขออนุญาตรวมข้อคิดเห็นดี ๆ จากเพื่อน ๆ เกี่ยวกับการลงทุนตามระบบเพิ่มเติมครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันหยุดว่างๆ ผมก็หากองทุนเพิ่มเพื่อกระจายความเสี่ยง สร้างผลกำไรที่ยั่งยืน

ผมยังไม่มีกองทุนแถวยุโรป เลยลองค้นหาดูที่น่าสนใจคือ

scbeueq ลงทุนในหุ้นยุโรปโดยมีกองทุนแม่คือ stoxx europe 600

ดูจากกราฟแล้ว nav ก็วิ่งตามได้ดี โดยจะประกาศหลังวันซื้อขาย 1 วัน

ค่าธรรมเนียมขณะนี้คิดขาละประมาณ 0.7% ก็พอรับได้ เสียนิดเดียวตรงมีจ่ายปันผล

ผมเล่นรอบ macd/0 ซึ่งเป็นระยะยาว ก็สบายๆชิวๆ

ผมว่าจะจัดพอร์ตทดลองสัก 20,000 บาท แต่ตอนนี้กราฟยังขึ้นแรงๆอยู่ ไม่ใช่เวลาเข้าซื้อ คงต้องรอจนมีสัญญาณซื้อก่อนครับ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อมูล scbeueq จากพี่จุก

 

SCBEUEQ ....สามารถทำรายการผ่านทาง SCB Easy Net ได้ถึงเวลา 16:00 น.

โดยเมื่อมีการขายคืน จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีใน 3 วันทำการ (T+3)

ส่วนการสับเปลี่ยนใช้เวลา 2 วันทำการ (T+2) เพื่อเข้าลงทุนปลายทาง

 

สำหรับค่าธรรมเนียมยังไม่มีเรียกเก็บ

จะมีเฉพาะค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ 0.05% ทั้งเข้าและออก

ราคาเสนอขาย/สับเปลี่ยนเข้า = (ราคาหน่วยลงทุน + 0.0001) x (1 + 0.05%)

ราคารับซื้อคืน/สับเปลี่ยนออก = ราคาหน่วยลงทุน x (1 - 0.05%)

ถูกแก้ไข โดย ngoodin

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เห็นเจ้าแม่ปุณณ์ บ่นเรื่องกองทุนของ scb แอบขึ้นค่าทำเนียน scbaud จากเดิมไม่คิดค่าทำเนียน แต่ตอนนี้คิดตั้ง 0.5%

ผมก็เลยลองเช็ค nav ซื้อขายของกองทุนต่างๆที่ผมลงทุนอยู่ และที่สนใจ โดยเอาส่วนต่างของ nav ซื้อขายเทียบกับ nav ประจำวันแล้วคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ค่าทำเนียนซื้อขายแต่ละกองดูได้ผลตามตารางครับ

 

พบว่า scb คิดค่าทำเนียนรวมซื้ขาย ประมาณ 0.5-0.8% เว้นแต่ scbce คิด 1%

ส่วน k-agri คิดโหดเหมือนเดิมคือ 1.5%

k-usxndq คิดแค่ 0.16% พอๆ กับ scbset 0.1%

tisco-ukbond ไม่คิดค่าทำเนียน (มีส่วนต่าง nav ประมาณ 0.0001)

t-gold-h รวมประมาณ 0.3%

 

จึฃบันทึกเป็นข้อมูลไว้ครับ

post-835-0-72911500-1405259043_thumb.jpg

ถูกแก้ไข โดย ngoodin

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ระหว่างตรวจสอบ nav ก็ไปเจอ scbceh ดูแล้ว ไม่มีค่าทำเนียนเลย ลงทุนในตลาด Hangseng เหมือน scbce แถมมีประกันค่าเงินให้ด้วย

 

ผมเลยว่าจะจัดพอร์ตทดลอง 20,000 บาทลงทุนในกองทุนนี้ดู น่าจะดีกว่า scbce ที่คิดค่าทำเนียนตั้ง 1%

post-835-0-88613100-1405259555_thumb.jpg

post-835-0-03916500-1405259861_thumb.jpg

post-835-0-46749800-1405259870_thumb.jpg

post-835-0-57372600-1405260421_thumb.jpg

ถูกแก้ไข โดย ngoodin

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...