ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Euro crisis: The only way to save the euro is the destruction of its members

วิธีเดียวที่จะรักษายูโรไว้คือไล่ประเทศสมาชิกที่มีปัญหาออก

http://blogs.telegra...of-its-members/

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวที่ต่อเนื่องกันครับ

 

 

Tribes Threaten to Attack Suez Canal if Mubarak Does Not Step Down

 

ชนเผ่าเบดูอินยึดเมืองริมคลองสุเอซ เรียกร้องให้ ปธน. ลาออก ซึ่งผลก็คือ ข่าวล่างครับ http://www.worldthreats.com/?p=5659

Oil passes $100 a barrel on Suez Canal shipping fears

 

น้ำมันทะลุ 100แล้ว (Brent)

http://www.telegraph...ping-fears.html

ถ้ายังยืดเยื้อราคาทองคงจะตามมาในเวลาอันไกล้ครับ อิอิ ผมเดานะครับcool.gif

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อวานได้รับหนังสือครบแล้ว รีบแจกสามีคนแรกเลยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

igbad.jpg

 

ข่าวร้าย....ไม่ร้าย (Bad News)

 

ในตอนที่แล้ว พูดถึงว่าหากเราเข้าใจใน พื้นฐานของทองคำจริงๆ ต่อให้มีอะไร มั่วๆ มึนๆ เข้ามา

ก็ทำให้เรา งง ได้ยาก ในตอนนี้ เราจะมาลองดูกันว่า มีอะไรบ้าง ที่อาจจะทำให้เราไขว้เขวหรือสับสัน

 

 

:excl: ข่าวร้าย 1 : ทองคำอยู่ในภาวะฟองสบู่ (Gold Bubble)

 

 

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ ทุกครั้งที่ทองคำปรับราคาขึ้น หรือ ลงแรงๆ คนทั่วไปมักจะฉุกคิดว่า ทองคำอยู่ในภาวะฟองสบู่ที่กำลังจะแตก

เป็นความกังวลที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดตั้งแต่ทองราคา 850$ / 1,000$ / 1,200$ / 1,300$ หรือแม้แต่กระทั่งในตอนนี้

สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือระดับราคาทองคำในตอนนี้ “ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าฟองสบู่” เลยครับ นั่นเพราะคำว่า

 

ฟองสบู่ = คือการปรับขึ้นของราคาสินทรัพย์อย่างรวดเร็ว (Rapidly Rising)

เกินมูลค่าของสินทรัพย์นั้น (Over value)นักลงทุนกล้าที่จะเข้าซื้อแม้ว่าราคาจะขึ้นเรื่อยๆ เพราะคิดว่า ราคาที่ขึ้นนั้นจะขึ้นต่อไปได้อีก

 

สาเหตุที่ราคาแพงขึ้นไม่ได้มาจากมูลค่าของสินทรัพย์อย่างแท้จริง แต่เพราะแค่ “มีคนซื้อมากกว่าคนขาย”

ทำให้ราคาตลาดทะยานสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว คล้ายกับการพองของฟองสบู่ที่เมื่อถึงวันนึงต้องแตกและราคาจะดิ่งเหวลงอย่างรวดเร็ว

ในอดีตเราเคยมีฟองสบู่เกิดขึ้นในหลายๆภาคส่วน (Sector) ไม่ว่าหุ้น อสังหาริมทรัพย์ น้ำมัน ฯลฯ

 

การจะบอกว่า สิ่งใดคือฟองสบู่ ดีที่สุดคือเราจำเป็นต้องศึกษาจากฟองสบู่ในอดีต

 

เราลองมาย้อนดูกันซักนิดครับ

 

ดัชนี Shanghai Composie : ปรับขึ้น 502% ภายใน 2 ปี

(Shanghai Composie index Bubble)

 

 

28nsh.jpg

 

 

ราคาน้ำมัน Oil Price : ปรับขึ้น 100% ภายในปีเดียว

(Oil Bubble)

 

 

phoil.jpg

 

 

 

ตลาดหุ้น Nasdaq ช่วง (Dot-com Bubble) : ปรับขึ้นกว่า 450% ในเวลา 5 ปี

 

 

nasdaq.jpg

 

 

จากภาพจะเห็นว่า การปรับตัวขึ้นจะเรียกว่าเป็นฟองสบู่ได้จะมีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงของราคาก่อน

แล้วตามมาด้วยการตกลงของราคาอย่างรวดเร็ว

 

นั่นเพราะ ราคาที่พุ่งสูงเกินกว่ามูลค่า (Over Value) เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนตาสว่าง ราคาจะกลับมาสู่ มูลค่า (Value) ที่แท้จริง

ผิดกลับทองคำที่ตอนนี้ ราคาต่ำกว่ามูลค่า (Under Value)

สิ่งที่นักลงทุนควรทำก็คือ “ซื้อ” ไม่ใช่ “ขาย”

 

1.เราควรซื้อเมื่อราคามันต่ำกว่ามูลค่า – ถูก (Under Value)

2.แล้วรอให้ราคาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง – ราคายุติธรรม (Value)

 

3.แล้วไปขายเอาตอนที่ราคาเกินมูลค่า – แพง (Over Value)

 

หลักการก็มีเพียงเท่านี้ครับ

 

จริงอยู่ที่ว่า ทองคำปรับตัวขึ้นมากว่า 500%แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใช้ระยะเวลาถึง 10 ปี (ค่อยๆขึ้นเฉลี่ยปีละ 17%)

เมื่อเทียบกับ Shanghai Composite ที่ปรับขึ้น 500% เหมือนกัน แต่ใช้เวลาแค่ 2 ปี อย่างหลังสมควรเรียกว่า ฟองสบู่ มากกว่า

 

gold10.jpg

 

เรามาดูการเดินทางของทองคำ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมากันครับ จะพบว่าไม่มีช่วงไหนเลยที่ราคาปรับตัวกระชากขึ้นแรงๆ เหมือนฟองสบู่ในสินทรัพย์ประเภทอื่นข้างต้น

สิ่งที่เราเห็นคือ การขึ้นและย่อตัวลง + ค่อยๆพุ่งแล้วปรับฐานเป็นระยะๆ

การลดลงของราคาในแต่ละครั้ง (Correction) กลับกลายเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันทำให้ “กระทิงได้พักแข้งพักขาบ้าง” ก่อนจะวิ่งไปต่อ

 

กระทิงตัวนี้แข็งแรงและมีพละกำลังเหลือเฟือที่จะสร้างสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เราเห็น

ฟองสบู่ทองคำ ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวครับ ตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่เราควร “รอคอย” ให้มันมามากกว่า

การปรับลดลงของราคาจากจุดสูงสุดที่ผ่านมาถึง 100$ เป็นการปรับฐานเพียง 7% จากการขึ้นมาถึง 28% ของปีที่แล้ว

ในบทความ ธรรมชาติตลาดกระทิง ผมเคยบอกไว้ว่า การปรับขึ้นหรือลงที่ 5-10% นั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ ฟองสบู่แตก!

 

 

 

goldbubble.jpg

 

 

 

จากกราฟจะเห็นว่า ทองคำ(เส้นสีเหลือง) ต้องพุ่งสูงถึง 3,100$/oz

จึงจะเทียบเท่ากับการพองของฟองสบู่ Nasdaq(เส้นสีน้ำเงิน)

 

 

ยิ่งหากเรานำเอาราคาฟองสบู่ทองที่เคยระเบิดเมื่อปี 1980 (850$ ณ ตอนนั้น)

มาปรับตามอัตราเงินเฟ้อ (Inflation adjust) ราคาทองคำต้องอยู่ที่ระดับ 2,300$/oz จึงจะเทียบเท่ากับฟองสบู่ลูกเก่า

 

หันไปมองรอบกายเรา เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง วันนี้มีใครซื้อหรือลงทุนในทองคำบ้าง ? หากทองคำอยู่ในภาวะฟองสบู่จริง

อย่าว่าแต่คนรอบกายเราเลยครับ ช่างตัดผมของคุณ หรือแม้แต่คนขับแท็กซี่ก็จะรู้ว่าวันนี้ ทองคำราคาเท่าไหร่ ?

ตราบใดที่คนส่วนใหญ่ยังไว้วางใจฝากเงินไว้กับธนาคารหรือซื้อสลากออมสินออมทรัพย์เพื่อหวังถูกรางวัล ผมยังไม่เห็นสัญญาณ ของฟองสบู่ทองคำที่กำลังเกิดขึ้น

 

ถ้าจะมีอะไรที่เป็นฟองสบู่ในตอนนี้ คงจะเป็น “ดอลล่าร์” (Dollar Bubble) มากกว่าครับ ที่รอวันระเบิด

ปริมาณเงินในระบบรวมทั้งเครดิตนั้นมีมากมายมหาศาล การพองตัวของมันถูกฟ้อง ด้วย “ทองคำ”

ที่ทำหน้าที่เป็นแค่ไม้บรรทัดวัดเงินเฟ้อ (Inflation) เท่านั้น

 

 

คนเราควรมองแง่ดีไว้บ้างเพื่อเป็นกำลังใจ แต่ ก็ควรมองในแง่ร้ายไว้เพื่อที่จะได้ระวัง

การมองแง่ดีเกินไปจะทำให้ดูเหมือนเพ้อฝัน แต่การมองแง่ร้ายเกินไปนั้นก็จะทำให้เราวิตกกังวล

หากไม่เอาอารมณ์มาเกี่ยวข้องแล้วมองตามความเป็นจริง ผมหวังว่าคุณจะได้เห็นในสิ่งเดียวกับที่ผมเห็นครับ

 

:excl: ข่าวร้าย 2 ทองคำเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

 

ความจริงลึกๆแล้ว ทองคำไม่ใช่สินทรัพย์ที่จะเอามาลงทุนกัน เพราะแท้จริงนั้นมันคือ “เงิน” (Real Money)

หากคุณบอกว่าไม่อยากเสี่ยงอะไรเลย ขอถือเงินสดไว้เฉยๆหรือแม้แต่ฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ ผมอยากบอกว่าเสี่ยงมากครับ

เพราะคุณจะโดนเงินเฟ้อเล่นงานทำให้ขาดทุน(ภัยเงียบ)

 

ในขณะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ รักษาอำนาจการซื้อของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านกาลเวลา(Maintain Purchasing Power)

อะไรก็ตามที่คุณเคยหาซื้อได้ ด้วยทองคำน้ำหนัก 1 บาท ไม่ว่ากี่สิบ กี่ร้อยปีก่อน ทุกวันนี้คุณก็ยังสามารถเอาทอง 1 บาทไปซื้อได้

 

เมื่อคุณซื้อทองแล้วมองราคาทองที่วิ่งขึ้นวิ่งลง ทองคำไม่เกี่ยวเลยครับ ราคาที่เราเห็นมันสะท้อนถึง ค่าของเงินที่บางวันแข็งบางวันอ่อนต่างหาก

ถ้าคุณซื้อทองแล้วลุ้นให้ขึ้นภายในวันสองวันหรืออาทิตย์สองอาทิตย์ถัดมา แท้จริงแล้ว คุณกำลังลุ้นให้ค่าเงินมันอ่อนเมื่อเทียบกับทองคำ

 

ในระยะสั้นๆ ค่าเงินอาจจะแข็งหรืออ่อนก็ได้ ทำให้เรามีกำไรหรือบางทีขาดทุน แต่ในระยะยาวแล้ว “เงินทุกสกุลอ่อนกว่าทองคำสถานเดียวครับ”

นั่นหมายความว่า "ถ้าคุณให้เวลามันมากพอ" ที่ผ่านมาทองคำ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง มีแต่ กำไรเร็วหรือกำไรช้าเท่านั้น

สิ่งที่ควรทำคือ ทำงานหารายได้ตามปกติแล้ว นำรายได้นั้นมาเก็บออมสะสมในรูปแบบของทองคำจะดีกว่า

ค่อยทยอยสะสมๆ ให้มีปริมาณทองคำมากที่สุด เมื่อถึงเวลาที่ควรขายมันออกไป ผมไม่ต้องบอกหรอกครับ

“คุณจะรู้สึกได้ด้วยตัวเอง”

 

 

:excl: ข่าวร้าย 3 หากธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยทองจะลง

 

ข้อนี้จะว่าถูกก็ถูกจะว่าผิดก็ผิด มันขึ้นอยู่ว่า ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ ? และ เร็วแค่ไหน ?

ย้อนกลับไปในปี 2004 การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ประธานธนาคารกลางสหรัฐในขณะนั้นคือ อลัน กรีนสแปน ( Alan Greenspan)

เค้าปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นทีละ 0.25% รวมทั้งหมด 14 ครั้ง !!

ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้ เบน เบอร์นันเก้ (Ben Bernanke) มาปรับขึ้นต่ออีก 2 ครั้ง ในปี 2006 (รวมทั้งสิน 16 ครั้งภายในระยะ 2 ปี)

อัตราดอกเบี้ยจากระดับ 1% ปรับสูงขึ้นถึง 5.25% ถามว่าแล้ว ราคาทองคำเป็นยังไงในช่วงนั้น

 

คำตอบคือ แทนที่จะลง ปรับขึ้นจาก 400$ มาเป็น 625$ ขึ้นกว่า 50% !!!

 

ทำไม ??

 

สาเหตุก็เพราะ การปรับขึ้นทีละ 0.25% นั้น อ้อยอิ่งและหน่อมแน้มเกินไป เทียบไม่ได้กับปริมาณเงินในระบบที่พิมพ์เพิ่มขึ้นมา

การปรับดอกเบี้ยสูงขึ้นจริงแต่อัตราการเพิ่มของเงินเฟ้อสูงมากกว่า ยิ่งที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 0% มา 2 ปีกว่าแล้ว (Too Low and Too long)

ปริมาณเงินในระบบ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน

ไม่ว่าจะผ่านการ Bail out , Stimulus Package, นโยบาย QE1 + QE2 (นี่แว่วๆจะออก QE3 อีกแล้ว)

 

การประชุม FOMC ครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่วัน ก็ยังประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม

 

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐนั้นว่ากันตามตรงแบบไม่ตกแต่งตัวเลข อยู่ที่ระดับต่ำๆก็ 5-6%

ต่อให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25-0.5% ก็ยังถือว่าติดลบ

 

ทองคำจึงยังเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ดีกว่า ต่อให้ ธนาคารกลางใจข่มขืน (ใจป้ำ) ปรับขึ้นพรวดเดียว 5-6% ก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐพังพินาศ

หนำซ้ำเรื่องก็จะแดง ว่าที่ผ่านมาบอกว่า ศก. ฟื้นแล้วๆ (Recovery) เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

 

หากจำกันได้ในอดีต

 

กระทิงทองคำตัวพ่อถูกฆ่าตายไปเมื่อปี 1980 ด้วยน้ำมือของ พอล วอร์คเกอร์ จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 20% (ถึงจะเอาอยู่)

แต่ล่าสุด พอล วอร์คเกอร์ เพิ่งจะไขก๊อกลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐของโอบาม่า

(Chairman of President Obama's Economic Recovery Advisory Board)

ไปเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมานี่เอง.....

 

เป็นลางดีสำหรับทองคำแต่เป็นลางร้ายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ !!

 

ผมสงสัยว่า เบน เบอร์นันเก้ จะกล้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 20% เหมือนคราว พอล วอร์คเกอร์หรือไม่ ?

ยิ่งคราวนี้หนี้สินล้นพ้นตัวมากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่า ต่อให้กล้าทำ ผมเองก็ไม่กล้าคิด ถึงผลที่จะตามมาต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวอเมริกัน

สิ่งเดียวที่เค้าเลือกทำเสมอมาคือ กดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำ แล้ว เสี่ยงพิมพ์เงินเพิ่มไปลุ้นเอาดาบหน้า

 

อภิมหาเงินเฟ้อ (Hyperinflation) คือ ดาบหน้า เล่มโตที่คมกริบ

สู้โดนซะดาบนี้แล้วพักรักษาตัวยังมีสิทธิ์รอด หากรอให้ถึงตอนนั้นทุกอย่างคงจะสายเกินไป

ท้ายที่สุด เบน เบอร์นันเก้ ก็จะถูกบีบให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เฝ้าติดตาม ระยะประชิดให้ดีนะครับ หากปรับแค่ 0.25% ตลาดอาจจะตกใจ

(เพราะไม่ได้เห็นการปรับขึ้นมานาน) ทองอาจจะลง แต่ก็คงแค่ช่วงสั้นๆ ให้อาศัยจังหวะแบบนั้น สะสมทองคำเพิ่มตามระเบียบ

 

ยังมีข่าวร้ายๆ อีกหลายประเด็นนะครับ ที่ดูเหมือนจะเป็น “แง่ลบ” ต่อทองคำ ข่าวไหนจริง? ข่าวไหนลวง?

ไว้มีโอกาสจะได้มาพูดคุยกันต่อครับ

 

 

 

ปล. ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ขอให้สมาชิก Thaigold ทุกท่านมั่งมีศรีสุขในเทศกาลตรุษจีนนี้ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากคุณเน็กมากคะ :lol: ขอให้ร่ำรวย เฮงๆๆนะคะ

ถูกแก้ไข โดย rich

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร่ำรวยๆ ครับคุณ เน็กซ์.....ได้ซองอั่งเปาเป็นบทความไว้อ่านเล่นแล้ววันนี้ ^_^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่อยทยอยสะสมๆ ให้มีปริมาณทองคำมากที่สุด เมื่อถึงเวลาที่ควรขายมันออกไป ผมไม่ต้องบอกหรอกครับ

“คุณจะรู้สึกได้ด้วยตัวเอง”

............................................................

กลัวถึงเวลานั้นแล้วจะไม่รู้อ่ะค่ะ จริงๆนะคะเพราะเล่นหุ้นก็อยู่ดอยเรื่อยเลย !_09 จะติดตามอ่านคุณnextตลอดไปนะคะ 5 ปี 10 ปี เลยค่ะ คุณnext เขียนนานๆน๊า :lol:

ถึงเวลาขายรบกวนคุณnext เขียนตัวโตๆตะโกนดังๆเลยนะคะ ... แต่เราอาจไม่ต้องขาย เพราะต้องใช้มันแบบที่คุณnext เคยแนะนำใช่มั๊ยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับสำหรับบทความ(ยังมะได้อ่านเลย อยุ่ที่ทำงาน แหะๆ)

หนังสือมาถึงบ้านผมแล้ว แต่ดั๊นนนมาส่งตอนไม่มีคนอยุ่บ้าน(ทั้งๆทีปกติมีคนอยุ่ พับผ่าสิ!)ต้องกลับไปเซ็นเอกสารให้คนอื่นไปรับแทนเลยง่ะ อยากอ่านเร็วๆจังง :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุดยอดเหมือนเดิม...กว๋ยเตี๋ยวเจ้าเก่า..ขอบคุณครับ...มีข้อมูลใหม่...อย่าลืมขาประจำรอกินอยู่นะ.!!! :lol: :D ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ เฮงๆรวยๆมั่งมีศรีสุขทั้งคุณ next และทุกๆคนนะคะ :D :wub: :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ อาจารย์ NextToNothing

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ Next เป็นคนเก่งมีความรู้และมีเหตุผลมากครับ ทั้งยังเผยแพร่ความรู้ให้ผู้อื่นน่าเคารพมากครับ

ขอบคุณมากๆครับ :)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...