โอกาส"ทอง" (จริงๆ) : Safe Heaven

[goldgold 29]

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ

[winsg 0]

สวัสดีครับ ขอแจมด้วยอีกสักคนนะครับ ผมคิดว่าระยะครึ่งปีที่ผ่านมา เงินของนักลงทุนและเก็งกำไรถูกเบนความสนใจไปที่โลหะเงินแทนที่โลหะทอง คิดว่าเพราะกลุ่มที่ cover short ไม่อยากให้ใครมายุ่มย่ามกับทองมากนัก

[kay_jintana 3]

แหมคุณ ton โดนซะหนักเชียว

แต่แอบดีใจที่ปัจจุบันคนไทย (โดยเฉพาะคนในกระทู้ โอกาสทองฯ) ไม่ได้เอาแต่นั่งเงียบให้ใครก็ได้มายัดข้อมูลใส่สมอง หรือท่องจำทฤษฎีที่คุณครูท่องจากหนังสือเหมือนกันมายัดใส่สมองของพวกเราแล้ว

 

ตอนนี้มีการหาเหตุผลมาโต้แย้ง ใครเหตุผลดีกว่าก็ชนะไป สู้กันด้วยเหตุด้วยผลจริงๆ

รอฟังคุณ ton อยู่นะคะ รีบหาข้อมูลด้วยค่ะ ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และยินดีรับฟังค่ะ

[zagio 163]

แบบนี้ต้องยกตัวอย่างให้ดูหุ้นหนึ่งตัวครับ

 

ต้องเรียนถามเพื่อนทั้งพื้นฐานและเทคนิค หรือโบรคเจ้าไหนก็ได้ครับ

 

ว่าหุ้นตัวนี้เราควรจะช้อนตอนไหนครับ ??

[cocohill 72]

ความเห็นของผมสำหรับทองจากวันนี้อาจจะสามารถลงได้อีก ดอลล่าก็อาจจะขึ้นได้ ครับเป็นไปตามกลไกของตลาด

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยคือที่บอกว่าทองได้ทำราคาสูงสุดของปีนี้ไปแล้ว (อาจจะจริงก็ได้) เพราะกราฟไม่สามารถบอกได้ว่า

 

ราคาสูงสุดของปีอยู่ตรงไหน ไม่มีเครื่องมือชนิดใดของกราฟบอกได้ว่าราคาสูงสุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน แต่ที่คุณคิดว่ารู้เพราะคุณมองกราฟ

 

อดีตครับ ในอดีตคุณจะเห็นยอดสูงสุดต่ำสุดชัดเจน แต่อนาคตไม่มีใครรู้ครับ

[888 38]

ผมยังเชื่อว่าเงินมันจะด้อยค่าลงไปเรื่อยๆๆ ตลอดๆไป

 

 

เงินดอลล่าห์ เงินบาท เงินยูโร เงินเยน เป็นแค่ตัวแทนเงิน ที่มีรัฐบาลเป็นประกัน

 

 

ถ้าวันนี้ผมมีเงินอยู่ 20000 บาท US EURO YEN ผมคงเปลี่ยนเงินเหล่านั้นให้เป็น อาหาร COMPUTER TV CAR ทองคำ แทน

 

เพราะสิ่งของเหล่าเป็นสิ่งของที่เราๆ ทั้งหลายต้องใช้ แต่ก่อนผมบูชาแต่เงิน เงินคือพระเจ้า(ความเชื่อ) เก็บเงินไว้เยอะๆ

 

ตอนนี้ผมบูชา ของจริง จับต้องได้ ได้ใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน รถ ทองคำ อยากมีสิ่งเหล่านี้เยอะๆ

 

ไม่อยากมีเงิน ดอลล่าห์ บาท เยน ยูโร เยอะๆ

 

 

ทองก็จะเกิน 1600 US แน่นอน ขอสวนทางเซียนอีกคน

 

 

 

 

:rolleyes: :rolleyes:

[zagio 163]

ราคาสูงสุด 290 ต่ำสุด 0.01

 

ปัจจุบัน 0.03-0.04

 

ช้อนตรงไหนดีครับคุณต้น

[leo_attack 579]

เห็นด้วยครับ แต่ละคนมีแนวทางในการลงทุนไม่เหมือนกัน

บางคนเน้นทำรอบ

บางคนเน้นรอปันผล

บางคนเน้นเอามัน

 

อย่างนี้ ใช้แนวคิดเดียวกันไม่ได้

 

ที่คุณ ton เตือนมา ส่วนตัวผมไม่รังเกียจข้อคิดเห็นใหม่ๆนะครับ

แต่ถ้าให้ดี ให้เข้าใจชัดๆ ขอเสนอตามสมาชิกหลายๆท่าน

ให้ช่วยอธิบายต่อด้วย ว่าคุณ ton มีแนวคิดอย่างไร หรือ ใช้หลักหาร มีเหตุผล

อะไรมารองรับคำแนะนำ จะมีประโยชน์มากเลยครับ

 

 

 

เห็นด้วยนะครับ ความจริงที่คุณ ton ออกมาเตือนผมก็อยากฟังนะ ผมอยากทราบปัจจัยด้านข้อมูล เทคนิค หรือมูลเหตุเยอะๆ ครับว่าเหตุใดถึงคิดว่าดอลล่ากำลังจะฟื้น(บ้าง)ครับ

 

ส่วนตัวผมก็มีอ่านๆ อันนึงที่หน้าสนใจดีว่าเหมือนดอลล่าจะฟื้นเพราะ QE เหมือนจะได้ผลครับ แต่คงไม่ถึงกับฟื้นมั้งครับ ตราบใดที่ลุงแซมยังขาดดุลอยู่

 

ขออนุญาติแชร์ลงบทความที่คิดว่าดอลล่าจะขึ้นครับเพราะ QE มันได้ผล

เคดดิน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10484322/I10484322.html

คุณกระต่ายคลั่ง ผมชอบเรียกแบบนี้อะ(Crazy Rabbit) แห่งเวปพันทิพครับ ผมชอบบทความแกมากครับ เปิดห้องสินทร จะหาชื่อแกก่อน ถ้าไม่เจอจะไปหาอย่างอื่นอ่านต่อ

 

 

จับตาโค้งสุดท้าย QE2

 

เผลอแผลบเดียว QE2 ขวัญใจชาวหุ้น ชาวน้ำมันดิบ น้ำมันพืช กะปิ น้ำปลา และชาวทอง หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือขวัญใจนักนิยม risky asset ทั้งหลาย ก็มาถึงโค้งสุดท้ายเสียแล้ว QE2 จะหมดสิ้นเดือน 6 มิใช่หรือ ทำไมผมจึงถึงบอกว่า โคงสุดท้าย เป็นเพราะนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า การประชุม FOMC หรือ กนง. ของสหรัฐ ในวันที่ 26-27 เดือนนี้ น่าจะรู้แล้วครับว่า Fed จะทำยังไงต่อไป เนื่องจากในเดือนที่แล้ว Fed มีจุดเปลี่ยน โดยแก้ไข Language บางอย่างในบันทึกการประชุม

 

วันนี้ เรามาคุยกันเรื่อง QE2 โค้งสุดท้ายกันนะครับ วัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูล พวกเราจะได้เตรียมพร้อมสำหรับการสิ้นสุดลงของสิ่งที่หลายคนเรียกว่า การพิมพ์เงินครั้งใหญ่ ซึ่งมีส่วนทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกทะยานไม่หยุดจนถึงวันนี้

 

ไม่ได้ต้องการคาดการณ์ผลการประชุมนะครับ เพราะคืนวันพุธก็รู้แล้ว หัวข้อที่จะเสนอก็มีดังนี้

 

1. QE2 คืออะไร และความคืบหน้า

2. ผลการประชุม Fed ครั้งล่าสุด

3. QE2 ได้ผลหรือเปล่า

4. นักวิเคราะห์มองว่าอย่างไรในโค้งสุดท้าย

5. ขั้นตอนในการ unwind QE2

6. แนวทางปฏิบัติของนักลงทุน [/size][/color]

 

 

1. QE2 คืออะไร (แบบสั้นสุดขีดเพราะเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้ว)

 

ธนาคาร กลางของประเทศส่วนใหญ่มักจะใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการดำเนิน นโยบายการเงิน (สิงคโปร์ใช้อัตราแลกเปลี่ยน) เพื่อสู้กับเศรษฐกิจถดถอยครั้งล่าสุด Fed ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Fed Fund Rate ลงไปอยู่ในช่วง 0-0.25% ถ้าติดลบได้คงทำไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยนี้เป็นระยะสั้นเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยระยะยาวยังสูงอยู่และไม่สามารถลดลงได้ด้วยเครื่องมือปกติ หาก Fed ต้องการกดดอกเบี้ยระยะ 10 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำได้โดยการเข้ากว้านซื้อพันธบัตรระยะยาวเท่านั้น เรียกว่า Quantitative Easing (QE) ช่วงเกิดวิกฤตใหม่ๆ Fed ทำไปแล้วครั้งนึง หรือ QE1 ญี่ปุ่นเคยทำเหมือนกันก่อนหน้านี้

 

แต่ในช่วงกลางปี 2010 วิกฤตหนี้ยุโรปเริ่มมีเค้า และเศรษฐกิจสหรัฐก็มีแววจะอ่อนแอลงไปอีกดูได้จากอัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ Federal Open Market Committee (FOMC) จึงตัดสินใจเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2010 ที่จะเข้าซื้อพันธบัตรรอบใหม่ หรือ QE2 เพื่อที่จะ “promote a stronger pace of economic recovery and to help ensure that inflation, over time, is at levels consistent with its mandate” โดยวงเงินในครั้งนี้มีจำนวน 600 พันล้าน US$ เริ่มต้นการซื้อตั้งแต่เดือน 11/2010 ถึงเดือน 6/2011 ตกประมาณเดือนละ 75 พันล้าน US$ (ในเวลาต่อมาพบว่า พันธบัตรที่ออกมาในช่วงนั้นไปอยู่กับ Fed ถึง 70% ทำให้ยอดซื้อของต่างชาติลดลง)

 

สัดส่วนของการซื้อพันธบัตรอายุต่างๆ เป็นดังนี้

 

ความคืบหน้าของ QE2 เป็นดังรูป นะครับ หากเราเอาต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นจุดเริ่มต้น แล้วหาส่วนต่างของมูลค่าพันธบัตร หักด้วยส่วนต่างของมูลค่า Mortgage Backed Securities (MBS) จะพบว่า Fed ทำตามที่พูดจริงๆ โดยซื้อ US Treasury ไปทั้งสิ้นประมาณ 450 พันล้าน US$ เหลืออีกสองเดือนๆเดือนละ 75 พันล้าน ก็จะครบ 600 ล้าน

 

มีอยู่จุดนึงที่อยากตั้งข้อสังเกต จะเห็นได้ว่า MBS เริ่มทำท่าจะนิ่ง จะว่าไม่มี expire เพิ่มก็ไม่น่าใช่ Fed อาจจะ reinvest ส่วนที่ expire ใน MBS ชุดใหม่ เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาที่ฟื้นช้า

 

 

 

2. ผลการประชุม Fed ครั้งล่าสุด

FOMC หรือ กนง ของสหรัฐเค้ามีประชุมกันเกือบทุกเดือน ก่อนหน้านี้ทุกครั้ง ในบันทึกการประชุมจะมีคำว่า ต้องการคงดอกเบี้ยต่ำนี้ต่อไป for "extended period" ทำให้ตลาดใจชื้นขึ้น เพราะแสดงว่าท่อน้ำเลี้ยงยังอยู่ แต่ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อ 15 มีนาคม นอกจากจะมีคำว่า "extended period" เหมือนเดิมแล้ว Fed ยังบอกว่า

 

- เศรษฐกิจสหรัฐนั้น "is on firmer footing" ยืนได้มั่นคงขึ้น

- และตลาดแรงงานนั้น "improving gradually" ค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับ

- Fed เฝ้าติดตามเรื่องเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด แต่ยังมองว่า “recent impact of higher oil prices on inflation as likely transitory” ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากนั้น น่าจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น (ธนาคารกลางมักไม่ได้สนใจ headline inflation เท่าไหร่เพราะมีความผันผวนสูง จะสนใจ core inflation เป็นหลัก ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน)

 

ตรง นี้เองที่นักวิเคราะห์คิดว่า Fed เริ่มส่งสัญญาณแล้ว ภาษาในแถลงการณ์ก็เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ Fed ใช้บ่อย ในการประชุมวันอังคาร-พุธที่จะถึงนี้ อาจเริ่มชัดขึ้น

 

ผมขอเสริมว่า ในกลางเดือนมีนาคมมีสามเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน หรือยังไม่มีในตอนนั้น

 

- ผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นยังไม่ชัดเจน โดยในตอนนี้ก็รู้กันแล้วว่า มันรุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดไว้มาก และญี่ปุ่นแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ใน supply chain ของทั้งโลก ดังนั้นจึงมีผลกระทบกว้างขวาง รวมถึงโรคหวาดนิวเคลียร์ที่แพร่ระบาด ทำให้โครงการในหลายประเทศชะลอลง มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันในระยะยาว

 

- Greece และเพื่อนๆ ยังไม่ได้เข้าใกล้ default มากเท่าวันนี้ ตอนนี้ CDS ของ Greece ทะลุ 1,300 แล้ว ถ้าประเทศเหล่านี้ default เจ้าหนี้ซึ่งก็คือสถาบันการเงินทั้งโลกจะสูญเสียเงินมหาศาล เสียหายหนักกว่าตอน Lehman Brothers เจ๊ง เฉพาะ Greece ประเทศเดียวคาดว่า เจ้าหนี้ต้อง haircut ถึง 60%

 

- S&P ยังไม่ได้ปรับมุมมองสหรัฐเป็น Negative ทำให้ท่าน Obama ต้องหาทางเคลียร์กับฝ่ายค้านโดยเร็ว และมาตรการลดการขาดดุลงบประมาณ เช่น ขึ้นภาษี ลดค่าใช้จ่าย มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจแน่นอน

 

หากรวมสามเรื่องนี้เข้าไป Fed อาจจะชะลอการนำพันธบัตร QE ออกมาขายคืนตลาด หรือชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก็เป็นได้

 

 

 

3. QE2 ได้ผลหรือเปล่า

 

ถ้าปิดตาตอบ หลายคนคงท่องแบบสวดมนต์ว่า QE ไม่ได้ผลๆๆ ถ้าลืมตาขึ้นมาซักนิดจะพบว่า

 

เมื่อ เดือนมกราคมที่ผ่านมา นักเศรษฐศาสตร์ของ Fed สาขา San Francisco ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลของ large-scale asset purchase ทั้ง QE1 และ QE2 ได้ผลดังนี้

 

- Yield ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี จะลดลงได้สูงสุด -0.6% ในปลายปี 2010 จากนั้น yield จะสูงขึ้น และผลจาก QE จะสูญสิ้นไปทั้งหมดในปี 2015

 

- อัตราการว่างงานจะลดลงได้สูงสุด -1.6% ในปลายปี 2012 แล้วผลจาก QE จะค่อยๆลดลง

 

- QE จะมีผลทำให้ Core Inflation สูงขึ้น 1% ในกลางปีนี้ จากนั้นจะค่อยๆลดลง

 

 

เราลองมาดูข้อมูลจริงเน้นช่วงปลายปี 2010 เป็นต้นมา จะพบว่า จริงๆแล้ว QE2 ไม่ได้ขี้เหร่เลยสำหรับสหรัฐ

 

- Yield ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ดูไม่ออกครับ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้สูงขึ้นอย่างประเทศอื่น (เพราะสหรัฐยังไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยด้วย)

 

- QE2 มีหน้าที่นำเงินเฟ้อกลับมาในสหรัฐ ดูจากรูป แล้วหากจะบอกว่า QE2 ได้ผลก็ไม่น่าเกลียด ถึงแม้ในช่วงปลายปีเป็นต้นมามีปัญหาตะวันออกกลางมาผสมโรงราคาน้ำมันด้วย core inflation ยังต่ำกว่า target แต่ดูรูปแล้วเชื่อว่าไม่มุดกลับเป็น deflation ที่ Fed กลัวหนักหนา

 

- QE2 อาจมีส่วนช่วยทำให้อัตราการว่างในสหรัฐลดลง ดูจากกราฟแล้วหาก Fed จะเอามาคุยก็ไม่น่าเกลียดเช่นเดียวกัน

 

 

 

4. นักวิเคราะห์มองอย่างไรในโค้งสุดท้าย

 

เกือบทุกคนที่ปรากฏในข่าวบอกว่า QE2 จะจบลงตามเวลาอย่างแน่นอน และยังไม่เห็นใครบอกว่า Fed จะมี QE3

 

Bloomberg สอบถามนักวิเคราะห์มา 50 คน ส่วนใหญ่บอกว่า Fed จะคงตราสารที่ซื้อมาไว้ในพอร์ตซักระยะหนึ่งหลังจาก QE2 สิ้นสุดลง ไม่นำมาขายในตลาด (และต่างชาติต้องกลับมาซื้อในส่วนที่ Fed หยุดไป) ในกลุ่มนี้ 16 คนบอกว่า น่าจะถือไว้ 4-6 เดือน มี 5 คนบอกว่า Fed คงหยุดซื้อทันที และขายด้วย (ซึ่งก็คงค่อยๆขาย) 11 คน คิดว่า Fed น่าจะ reinvest หรือนำเงินที่ได้จากพันธบัตรหมดอายุหรือผลตอบแทนมาซื้อเพิ่มไปอีก 1-3 เดือน 14 คนบอก 7-9 เดือน และ 5 คนบอกนานกว่านั้น

 

งงมั้ยครับ สรุปว่า ส่วนใหญ่เห็นว่า Fed จะไม่ดำเนินการไปในทางที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างรุนแรงค่อนข้างแน่

 

แต่ ที่เห็นต่าง(และเป็นขาใหญ่) คือ Bill Gross แห่ง PIMCO อดีตกองทุนพันธบัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ตอนนี้ไม่รู้ PIMCO ลงทุนในอะไร ตอนต้นปีบอกว่าชอบหุ้น ล่าสุดบอกว่า ชอบหุ้นจีน) Gross บอกว่าหลังจาก QE2 จบลง yield พันธบัตรจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้พูดเปล่า Total Return Fund กองทุนหนึ่งของ PIMCO ขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐออกมาอย่างรวดเร็ว ขายหมดแล้ว short ต่อด้วย หรือแทงว่า ลงชัวร์ Gross เท่าที่ผมติดตามวิเคราะห์เด็ดขาดและเชื่อถือได้มาก

 

ส่วน Krugman บอกว่า ตลาดน่าจะรู้แล้วล่ะว่า ผลจะเป็นยังไง ซึ่งถ้า yield จะสูงขึ้นจริงๆ ก็ต้องสูงขึ้นไปแล้ว เพราะทุกคนคิดว่า QE2 จบแน่ๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่

 

 

 

5. ขั้นตอนในการ unwind QE2

 

คำว่า unwind คือทำกลับให้เป็นปกตินะครับ จะบอกว่า ยกเลิก มันดูแปลกๆ

 

ถึงแม้คุณ Bernanke จะเคยให้สัมภาษณ์ว่า เค้าสามารถสั่งขึ้นดอกเบี้ยภายใน 15 นาที แต่การขึ้นดอกเบี้ยน่าจะยังอยู่ไกล

 

ใน ตอนที่จบ QE1 Fed เริ่ม unwind โดยส่งสัญญาณก่อนผ่านการขึ้น discount rate แต่ทำได้ไม่สุด ต้องหยุด แล้วมาต่อที่ QE2 เป็นที่ขบขันแก่คนทั่วไปว่าเป็น false exit

 

นักวิเคราะห์จาก Credit Suisse บอกว่า Fed น่าจะทำแบบนี้

 

Q2-2011 – ยุติการซื้อพันธบัตรบัตร (QE2) ตามกำหนดเวลาเดิม

 

Q4-2011/Q1-2012 – ยุติการนำเงินจากตราสารที่ครอบครองอยู่มาลงทุนซ้ำ (reinvestment) ทำให้ Balance Sheet ของ Fed เริ่มหดลง ในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนภาษาในแถลงการณ์ โดยไม่มีคำว่า “extended period” อีกต่อไป

 

Q1-2012/Q2-2012– Fed เริ่ม neutralize บางส่วนของ excess reserve โดยใช้ reverse และ term deposit account

 

Q3-2012/Q4-2012 – Fed เพิ่ม target range ของ fed funds rate (ก็คือขึ้นดอกเบี้ย)

Q1-2013 – Fed เริ่มขาย MBS และ Agency debt securities

ปลายปี 2013 – Fed เริ่มขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

 

งงมั้ยครับ เอาเป็นว่า ให้จับตา ดูเรื่องการ reinvest และเมื่อไหร่ที่คำว่า “extended period” จะหายไป

 

Credit Suisse มองว่า Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ย Q3/2012 ผมลองไปหา Taylor Rule มาเทียบก็ได้ผลตรงกัน

 

 

 

6. แนวทางปฏิบัติของนักลงทุน

 

นักลงทุนส่วน ใหญ่เชื่อว่า QE2 มีผลทำให้เกิด US Dollar Carry Trade และการเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ดังนั้นเมื่อ QE2 จบลงก็น่าจะมีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เช่น หุ้น และ commodity ต่างๆ แต่เนื่องจากทุกคนรู้อยู่แล้วว่า QE2 จะจบ ก็น่าจะ price-in ไปแล้ว สิ่งที่จะมีผลคือ Fed จะทำอะไรที่เราไม่ได้คาดไว้หรือเปล่า

 

ผมคิด ว่า แย่สุดคือ Fed เอาพันธบัตรออกมาขายเลย ซึ่งไม่น่าจะเกิด แต่เผื่อไว้ ทุกคนควรจับตา US Treasury Yield อย่างใกล้ชิดหลังจากนี้ ถ้าขึ้นเร็วผิดปกติอย่างที่ Gross ว่าไว้ ก็ให้ระวัง

 

http://stockcharts.com/h-sc/ui?s=$UST10Y&p=D&yr=1&mn=0&dy=0&id=p51021509144

http://stockcharts.com/h-sc/ui?s=$UST2Y&p=D&yr=1&mn=0&dy=0&id=p51021509144

 

ก็ดูกันเองนะครับ ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน

 

ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน

 

มีคำผิดแก้ตอนกลางคืนนะครับ

 

สำหรับผู้ที่สงสัยเรื่องทำไม foreign reserve สูง รองผู้ว่าแบงค์ชาติพูดไว้สัปดาห์ก่อนนี่เองครับ

จริงๆก็ไม่เห็นจะน่าสงสัย

 

“If one country intervenes in their foreign-exchange market, others have to do it as well,” Atchana said. “If you look at our increase in the international reserves, you see it is obvious that we intervened in the market.”

 

Atchana Waiquamdee , Deputy Governor, Bank of Thailand.

Bloomberg Apr 22,2011

 

ถ้ายาวไป อ่านแค่ตรงนี้ you see it is obvious that we intervened in the market.

 

 

 

 

และก็มาเจอคนถามตอบกันที่ คห.ด้านล่าง

เลยชัดเจนเลยครับว่าแกคิดอย่างไร

 

 

"ขอบคุณคุณ Crazy Rabbit

 

ทองคำเริ่มดิ่งลงตามที่ผมคาดแล้ว

 

สุดยอดข้อมูลจริงๆ ^^

 

จากคุณ : everandever "

 

 

"คุณ everandever เก่งมากครับที่คิดออกไปทางนั้นได้

ผม long อยู่ 28 สัญญาน่าจะรู้ว่าจริงๆแล้วผมคิดยังไง

 

จากคุณ : Crazy Rabbit"

 

ชัดเจนเลยไอ้ที่ตูอ่านมาว่านี่คือแค่ QE เหมือนจะได้ผลสินะ

 

สุดท้ายเจ้าของบทความดันเปิด Long ไว้ 28 สัญญา !033 ประต่ายคลั่งหลอกป๋ม...หรือผมอ่านไม่ดีเองฟระ !_09

 

 

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะครับ

ถูกแก้ไข เมษายน 27, 2011 โดย leo_attack

[MOR LEK 2,835]

เช้านี้อ่านกระทู้แล้วก็งงๆว่าทำไมการลบคะแนนกัน คนแรกที่ผมเจอคือคุณ WSUKMAHA (ผมบวกคืนไปแล้วครับ)

คนต่อมาเลยเอารูปมาให้ดูเป็นหลักฐาน

 

 

 

ทั้งๆที่ทั้ง2คนก็เพียงแต่ถามหาข้อมูลที่มาแย้งเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรไม่ดี ผมขอประณามคนที่มาติดลบคะแนนครับ ใจแคบจริงๆ

ถูกแก้ไข เมษายน 27, 2011 โดย MOR LEK

[Lyuk 3]

รู้สึกเจ้าของบทความจะแก Long gold future อยู่ 28 สัญญา นะครับ

[leo_attack 579]

รู้สึกเจ้าของบทความจะแก Long gold future อยู่ 28 สัญญา นะครับ

 

ใช่ครับ ตอนแรกผมก็อ่านอยู่ตั้งนาน ตอนหลังถึงเข้าใจว่า แกแค่บอกว่า QE มันได้ผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ดอลล่าจะฟื้น

[NEWS 2,613]

รู้สึกเจ้าของบทความจะแก Long gold future อยู่ 28 สัญญา นะครับ

ขอถามเป็นความรู้นะครับ

ดูข้อมูลได้ที่ไหนครับ

ว่าใคร Long ใคร S ไว้เท่าไรอะครับ

[MOR LEK 2,835]

และก็มาเจอคนถามตอบกันที่ คห.ด้านล่าง

เลยชัดเจนเลยครับว่าแกคิดอย่างไร

 

 

"ขอบคุณคุณ Crazy Rabbit

 

ทองคำเริ่มดิ่งลงตามที่ผมคาดแล้ว

 

สุดยอดข้อมูลจริงๆ ^^

 

จากคุณ : everandever "

 

 

"คุณ everandever เก่งมากครับที่คิดออกไปทางนั้นได้

ผม long อยู่ 28 สัญญาน่าจะรู้ว่าจริงๆแล้วผมคิดยังไง

 

จากคุณ : Crazy Rabbit"

 

 

 

 

ขอถามเป็นความรู้นะครับ

ดูข้อมูลได้ที่ไหนครับ

ว่าใคร Long ใคร S ไว้เท่าไรอะครับ

 

 

เจ้าของกระทู้เขาบอกเองเลยครับว่าเขา L ไว้ 28 สัญญา

นอกนั้นใครจะSหรือLไม่ได้มีใครบอกไว้ครับ

ถ้าของเมกาดูที่นี่น่าจะได้ครับ แต่ผมดูไม่เป็นครับ

http://www.cftc.gov/OCE/WEB/gold.htm

ถูกแก้ไข เมษายน 27, 2011 โดย MOR LEK

[mdaddy 2,443]

 

....

 

และก็มาเจอคนถามตอบกันที่ คห.ด้านล่าง

เลยชัดเจนเลยครับว่าแกคิดอย่างไร

 

 

"ขอบคุณคุณ Crazy Rabbit

 

ทองคำเริ่มดิ่งลงตามที่ผมคาดแล้ว

 

สุดยอดข้อมูลจริงๆ ^^

 

จากคุณ : everandever "

 

 

"คุณ everandever เก่งมากครับที่คิดออกไปทางนั้นได้

ผม long อยู่ 28 สัญญาน่าจะรู้ว่าจริงๆแล้วผมคิดยังไง

 

จากคุณ : Crazy Rabbit"

 

ชัดเจนเลยไอ้ที่ตูอ่านมาว่านี่คือแค่ QE เหมือนจะได้ผลสินะ

 

สุดท้ายเจ้าของบทความดันเปิด Long ไว้ 28 สัญญา ประต่ายคลั่งหลอกป๋ม...หรือผมอ่านไม่ดีเองฟระ

 

 

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะครับ

 

พออ่านมาถึงตรง comment ของจขกท. กับคุณ ever แล้วอดขำไม่ได้

 

QE ได้ผลจริงตามนโยบายที่ตาโป๊งเหน่งว่าไว้ จากตัวเลขผมก็พอเห็นด้วยนะครับ

คือตัวเลขใช่ ตรงกับนโยบายก็ใช่ แตที่ผมมองก็คือ ตัวเลขพวกนี้ ลวงตาพอสมควรเลย

อย่างตัวเลขคนว่างงานที่น้อยลงนี่เป็นเพราะ วิธีนับ แต่จำนวณจริงๆมันไม่ลงครับ

 

ถ้าตกงานเกิน 26 สัปดาห์ ไม่นับว่าตกงานอีกต่อไป

ถ้าตกงานแล้วได้งาน part-time ก็ไม่นับ

 

เหมือนกับที่ใครๆก็ไม่เอาราคาอาหาร และพลังงานมาคิดในอัตราเงินเฟ้อ

เพราะมันผันผวนเกินไป ทั้งๆที่ทั้งสองอย่างเป็นสิ่งสำึคัญมากในการดำรงชีวิตของมนุษย์

แต่นายวิลเลียม ดัดลีย์ ปธ.เฟด นิวยอร์ค แสดงความคิดเห็นว่าคุณควรจะดูราคาสินค้าโดยรวม

อย่างเช่น iPad ราคาก็ไม่เห็นจะขึ้น

[นัย 232]

เช้านี้อ่านกระทู้แล้วก็งงๆว่าทำไมการลบคะแนนกัน คนแรกที่ผมเจอคือคุณ WSUKMAHA (ผมบวกคืนไปแล้วครับ)

คนต่อมาเลยเอารูปมาให้ดูเป็นหลักฐาน

 

 

 

ทั้งๆที่ทั้ง2คนก็เพียงแต่ถามเหาข้อมูลที่มาแย้งเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรไม่ดี ผมขอประณามคนที่มาติดลบคะแนนครับ ใจแคบจริงๆ

เห็นด้วยค่ะ บวกเพิ่มให้เหมือนกันค่ะ