ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Before commencing I would like to report that we had two banks that entered the morgue Friday night:

 

1. Sun Security Bank of Ellington Mo.

2. Riverbank, Wyoming, MN

 

Gold finished the comex session at $1634.50 down $17.40 on the day. Silver fell $1.06 to $30.96

Most of the fall in the metals occurred after 12 o'clock when London and the physical markets were put to bed.

I felt on Thursday that a raid of this type was imminent (due to light volume) and the bankers decided to attack only after 12 pm to conserve badly needed physical.

http://harveyorgan.blogspot.com/

 

วันศุกร์ที่ผ่านมาเมกาปิดไปอีก 2 ธนาคาร

เขาบอกว่าราคาทองมักจะถูกกลุ่มธนาคารของเมกาทุบ หลังจากที่ตลาดลอนดอนปิด (ทุบง่าย..โวลุ่มน้อย)

เพื่อที่จะทำให้ความกลัวจนทำให้ความต้องการทองแท่งลดลง (แปลว่าทองยิ่งขึ้นธนาคารยิ่งเจ๊ง)smile.gif

 

ในความคิดของผมธนาคารตัวทุบก็ไกล้หมดแรงเต็มทีแล้ว ยิ่งทุบคนยิ่งซื้อครับ

ความต้องการของทองและเงินสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

Global Demand for Gold & Silver at Unprecedented Levels

 

http://kingworldnews...ted_Levels.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold Morning! ขอให้กำลังใจพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ถูกน้ำท่วมด้วยคนครับ

ทำให้ผมนึกถึง พ.ศ. 2485 น้ำท่วมกรุง มีภาพนั่งเรือหน้าวัดสุทัศน์และศาลาว่าการ กทม.

สมัยนั้นคือ ยังไม่มีเขื่อน แต่ตอนนี้แม้จะมีแล้ว ก็ต้อง wait and see!

เตรียมตัวรับมือด้วยนะครับ ... ขอส่งกำลังใจ ... ปีนี้น้ำมากเหลือเกิน

เห็นรถฮอนด้าของผมที่สั่งจองจมน้ำคาตาเลย ...โถ จะเอาไงดี :wacko:

 

ราคาทองคำก็ยังไม่ไปไหนเลย ... หมีจำศีล ... แต่ที่ยังไม่ไปไหนก็คือ น้องโดมิโน่ของผมยังอยู่ครบเลย

ดอยไหน ๆ ก็ไม่เท่าดอยผาคำ ... :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่นำข้อมูลมาแบ่งปัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เป็นห่วงคุณ John ครับน้ำท่วมเชียงใหม่ ไม่รู้เป็นไงบ้าง หายเงียบไปหลายวันแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://wearethe99percent.tumblr.com/

 

อยู่ที่ไหนก็ไม่สู้อยู่บ้านเรา หวังว่าบ้านเราคงไม่เดินตามก้นโลกตะวันตก จนกระทั่งประชากรอยู่ในสภาพนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://wearethe99percent.tumblr.com/

 

อยู่ที่ไหนก็ไม่สู้อยู่บ้านเรา หวังว่าบ้านเราคงไม่เดินตามก้นโลกตะวันตก จนกระทั่งประชากรอยู่ในสภาพนี้

 

 

น่าเห็นใจค่ะ :(

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอเป็นกำลังใจ ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม สู้สู้นะคะ ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าคะ :) :)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://wearethe99percent.tumblr.com/

 

อยู่ที่ไหนก็ไม่สู้อยู่บ้านเรา หวังว่าบ้านเราคงไม่เดินตามก้นโลกตะวันตก จนกระทั่งประชากรอยู่ในสภาพนี้

 

บ้านเราก็เริ่มแล้ว เด็กจบปริญญาตรีกู้เรียนจบมามีใบแจ้งหนี้แนบมาพร้อมปริญญาบัตร

หลายคนแม้นไม่ทำงานอยู่ได้ด้วย การอาศัยพ่อแม่กินไปเรื่อย ๆ

ตราบเท่าที่พ่อแม่ยังมีเงินเลี้ยงอยู่

ต้นทุนการศึกษาสมัยนี้ สูงเกินจริง และคนส่วนใหญ่ยึดติดกับค่านิยมสังคมว่าต้องจบปริญญา ยิ่งสูงยิ่งดียิ่งมีโอกาสได้เงินเดือนสูง

ซึ่งหลายครั้ง ไม่จริงเลย

กว่าจะปริญญา ลงทุนไปเป็นล้าน

ได้เงินเดือนหมื่นกว่า

หักค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ก็ติดลบแล้ว

การเดินตามเส้นที่ระบบทุนนิยมขีดไว้ให้โดยไม่พิจารณาว่า มีเหตุมีผลหรือเปล่า

อาจทำให้เราและลูกของเราถูกสังคมเส็งเคร็งสังคัง ลากพาเราลงเหวไปพร้อมกับคนส่วนใหญ่ในสังคม ก็เป็นได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold Morning! ขอให้กำลังใจพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ถูกน้ำท่วมด้วยคนครับ

ทำให้ผมนึกถึง พ.ศ. 2485 น้ำท่วมกรุง มีภาพนั่งเรือหน้าวัดสุทัศน์และศาลาว่าการ กทม.

สมัยนั้นคือ ยังไม่มีเขื่อน แต่ตอนนี้แม้จะมีแล้ว ก็ต้อง wait and see!

เตรียมตัวรับมือด้วยนะครับ ... ขอส่งกำลังใจ ... ปีนี้น้ำมากเหลือเกิน

เห็นรถฮอนด้าของผมที่สั่งจองจมน้ำคาตาเลย ...โถ จะเอาไงดี :wacko:

 

ราคาทองคำก็ยังไม่ไปไหนเลย ... หมีจำศีล ... แต่ที่ยังไม่ไปไหนก็คือ น้องโดมิโน่ของผมยังอยู่ครบเลย

ดอยไหน ๆ ก็ไม่เท่าดอยผาคำ ... :D

อาม่าอายุ 81 เล่าเมื่อเช้าว่า ตอนอายุ 12 น้ำท่วมกรุงเทพ

และพูดถึงวิธีตุนอาหาร เช่น เอาฟักเขียวมาเก็บไว้กินได้เป็นเดือน เอาไหมาหมักไชโป๊วไว้ เก็บได้หลายเดือน

มาทำน้ำแกงฟักเขียวไชโป๊ว กินได้ ข้าวก็เก็บไว้ทั้งรวงแล้วค่อย ๆ ทยอยเอามาสีกิน

มีการเก็บเมล็ดถั่วเขียวไว้ ทยอยเอามาเพาะถั่วงอกกิน

 

ภูมิปัญญาคนสมัยก่อนเราก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน

 

เลยต้องรีบออกไปซื้อฟักดิบโดยด่วน รวมถึงถั่วเขียวด้วย

เพิ่มในสเบียงและของจำเป็นเพื่อให้อยู่ในสภาวะน้ำไฟไม่มี น้ำท่วมไปทั่ว สักเดือนนึง

ต้องหา ถังน้ำสิบใบมารองน้ำใช้ไว้เพิ่มเติม หากไม่มีไฟจริง ก็คงไม่มีน้ำด้วย เอาไว้เช็ดตัว คงอาบน้ำทุกวันไม่ได้

อาหารแห้ง น้ำดื่ม แก็ส ไม่ต้องพูดถึง ต้องคำนวนว่ามีกี่คนในบ้าน และกินกันวันละเท่าไหร่ต่อคน และเอาสามสิบคูนเข้าไป

 

ซื้อเผื่อ ๆ ไว้หน่อย ถึงเวลามีรถก็วิ่งออกไปไม่ได้ เพราะน้ำท่วมถนน หรือไม่มีน้ำมัน หรือออกไปก็ไม่มีอะไรให้ซื้อ้ หรือตู้เอทีเอ็มจมน้ำมีเงินในบัญชีก็เอาออกมาใช้ไม่ได้ ระบบคอมพ์อาจล่ม ธนาคารต้องปิดหลายวัน

 

จะไปหวังความช่วยเหลือ คงยาก เพราะโดนกับเกือบหมด

 

เปลี่ยนบัญชีให้เป็น เงินกระดาษ

และเปลี่ยนเงินกระดาษเป็นสินค้าจำเป็น และฟักดิบดีกว่า

เวลาเหลือน้อยลงทุกที น้ำใกล้เข้ามาแล้ว

 

อยุธยาลพบุรี และนครสวรรค์

ได้แสดงตัวอย่างให้คนกทม และปริมณฑลเห็นบทเรียนอย่างชัดเจนแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บ้านเราก็เริ่มแล้ว เด็กจบปริญญาตรีกู้เรียนจบมามีใบแจ้งหนี้แนบมาพร้อมปริญญาบัตร

หลายคนแม้นไม่ทำงานอยู่ได้ด้วย การอาศัยพ่อแม่กินไปเรื่อย ๆ

ตราบเท่าที่พ่อแม่ยังมีเงินเลี้ยงอยู่

ต้นทุนการศึกษาสมัยนี้ สูงเกินจริง และคนส่วนใหญ่ยึดติดกับค่านิยมสังคมว่าต้องจบปริญญา ยิ่งสูงยิ่งดียิ่งมีโอกาสได้เงินเดือนสูง

ซึ่งหลายครั้ง ไม่จริงเลย

กว่าจะปริญญา ลงทุนไปเป็นล้าน

ได้เงินเดือนหมื่นกว่า

หักค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ก็ติดลบแล้ว

การเดินตามเส้นที่ระบบทุนนิยมขีดไว้ให้โดยไม่พิจารณาว่า มีเหตุมีผลหรือเปล่า

อาจทำให้เราและลูกของเราถูกสังคมเส็งเคร็งสังคัง ลากพาเราลงเหวไปพร้อมกับคนส่วนใหญ่ในสังคม ก็เป็นได้

 

เห็นด้วยค่ะ ชอบที่เขียนอ่ะ บางทีอาจช่วยกระตุกความคิดและสติของคนบางคนหรือหลายคนได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://wearethe99percent.tumblr.com/

 

อยู่ที่ไหนก็ไม่สู้อยู่บ้านเรา หวังว่าบ้านเราคงไม่เดินตามก้นโลกตะวันตก จนกระทั่งประชากรอยู่ในสภาพนี้

 

 

วันนี้ไปธุระข้างนอกทั้งวัน เพิ่งกลับเข้าบ้าน รีบเปิดคอมพ์ฯ เข้าบ้าน Thaigold อ่านคร่าวๆ แล้ว รู้สึกหดหู่และเศร้าจัง เดี๋ยวว่างๆ จะอ่านต่อให้จบ แต่สงสัยคนอเมริกัน กู้ยืมเงินเรียนได้ทุกวัย ทุกระดับ(การศึกษา)หรือ

ถูกแก้ไข โดย Kan2011

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บ้านเราก็เริ่มแล้ว เด็กจบปริญญาตรีกู้เรียนจบมามีใบแจ้งหนี้แนบมาพร้อมปริญญาบัตร

หลายคนแม้นไม่ทำงานอยู่ได้ด้วย การอาศัยพ่อแม่กินไปเรื่อย ๆ

ตราบเท่าที่พ่อแม่ยังมีเงินเลี้ยงอยู่

ต้นทุนการศึกษาสมัยนี้ สูงเกินจริง และคนส่วนใหญ่ยึดติดกับค่านิยมสังคมว่าต้องจบปริญญา ยิ่งสูงยิ่งดียิ่งมีโอกาสได้เงินเดือนสูง

ซึ่งหลายครั้ง ไม่จริงเลย

กว่าจะปริญญา ลงทุนไปเป็นล้าน

ได้เงินเดือนหมื่นกว่า

หักค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ก็ติดลบแล้ว

การเดินตามเส้นที่ระบบทุนนิยมขีดไว้ให้โดยไม่พิจารณาว่า มีเหตุมีผลหรือเปล่า

อาจทำให้เราและลูกของเราถูกสังคมเส็งเคร็งสังคัง ลากพาเราลงเหวไปพร้อมกับคนส่วนใหญ่ในสังคม ก็เป็นได้

 

แล้วถ้าไม่ให้กู้ จะปล่อยให้กลายเป็นคนที่ไม่มีการศึกษางั้นเหรอครับ !_18d

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วถ้าไม่ให้กู้ จะปล่อยให้กลายเป็นคนที่ไม่มีการศึกษางั้นเหรอครับ 189bbdde.gif

 

การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมากเลยนะครับ จะยากดีมีจน ก็ควรมีการศึกษา

ถ้ารัฐบาล(ประเทศอะไรก็ตาม) อยากจะให้คนมีการศึกษา น่าจะให้เรียนฟรี มากกว่าการปล่อยกู้ครับ

การปล่อยกู้ส่วนใหญ่ทุกวันนี้ เป็นการเสกเงินมาจากอากาศ กดในคอมพิวเตอร์สองสามทีก็เสกเงินขึ้นมาได้

ทำให้เงินเฟ้อไปโดยปริยาย

 

คนปล่อยกู้ออกแรงกดคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างเงินมาปล่อยกู้

แต่คนกู้ ต้องใช้หยาดเหงื่อ แรงงาน (และน้ำตา?) ในการหาเงินมาใช้คืนคนปล่อยกู้

 

เมื่อเงินเฟ้อแล้ว ก็จะทำให้ค่าครองชีพ จนถึงค่าเรียนเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย

เหมือนที่อเมริกา เึคยปล่อยกู้ซื้อบ้านแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่มีงานทำ ยังสามารถซื้อบ้านราคา $300,000 ได้

ทำให้ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ราคาบ้านสูงเกินความเป็นจริงไปมาก

 

ไม่รู้อย่างนี้จะเรียกว่าเป็น cost-push inflation หรือ demand-pull inflation ดี

เพราะมันเป็นวงจรอุบาทว์ กู้ได้ง่าย ก็ demand-pull พอเงินเริ่มเฟ้อแล้ว ก็กลายเป็น cost-push

เสร็จแล้วก็ต้องมีการสร้างเครดิตเพิ่ม ก็เกิด demand-pull อีก

 

ตอนนี้ในอเมริกา ผมก็มองว่าค่าเรียนหนังสือ ก็เริ่มเฟ้อแบบราคาบ้านแล้วละครับ

ถึงแม้ว่าการศึกษาจะสำคัญขนาดไหน ทุกอย่างก็มีจุดคุ้มทุนของมัน

ถ้าผมต้องจ่ายเงิน(ณ ตอนนี้) 2 ล้าน ใน 4 ปี (ปีละ 5 แสน) เพื่อที่จะเรียนจบมหาวิทยาลัยรัฐ

ถ้าไม่มีคนให้กู้ ผม และคนอีกจำนวนมาก ก็คงไม่เรียนปริญญาตรี ออกมาหางานทำ หรือเรียนสายอาชีพ เพื่อรีบออกไปทำงาน

แต่ถ้ามีคนปล่อยให้กู้ ก็คงมีคนจำนวนหนึ่ง ที่หันมาเรียนป.ตรีแทน (และมหาลัยก็อาจจะได้ใจ ค่อยๆขึ้นค่าเทอมอีกในระหว่างปี)

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------

 

ไปหาตัวเลขมาลองดูเล่นๆนะครับ

 

http://registrar.ber...n/feesched.html

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เบิร์กลีย์ ค่าเรียนเทอมละ $7230 (เหมาจ่าย)

ค่าแรงขั้นต่ำของรัฐแคลิฟอร์เนียอยู่ที่ $6400 แต่หลังหักสารพัดภาษีแล้ว เหลือ เดือนละประมาณ $4160

บิก แม็ค ชิ้นละ $4.07

เรียนที่อเมริกาหนึ่งเทอม ใช้เงิน 1.7 เท่า ของเงินเดือนขั้นต่ำ หรือซื้อบิค แมคได้ 1776 ชิ้น (อิ่มได้ 592 วัน)

 

http://www.inter.chu...dents/frame.htm (ตัวเลขเมื่อปี 2008)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ค่าเรียน (เฉลี่ยสองกลุ่ม) เทอมละ 15,000 บาท (เหมาจ่าย และบวกค่าธรรมเนียมต่างๆโดยประมาณเข้าไปแล้ว)

ค่าแรงขั้นต่ำของไทยอยู่ที่ 300 บาท/วัน หรือ 9000 บาท/เดือน (เงินเดือนไม่ถึงหมี่น ไม่เสียภาษี?)

บิค แม็ค ชิ้นละ 70 บาท

เรียนที่จุฬาฯหนึ่งเทอม ใช้เงิน 1.67 เท่า ของเงินเดือนขั้นต่ำ หรือซื้อบิค แม็ค ได้ 214 ชิ้น (อิ่มได้เพียง 71 วัน)

 

ถ้าเทียบกับเงินเดือน ค่าเล่าเรียนของทั้งสองมหาวิทยาลัยใกล้่เคียงกันมาก

แต่ถ้าเทียบกับ บิค แม็ค อินเด็กซ์ แล้ว เมืองไทยเรียนหนังสือแพงกว่าที่อเมริกาอยู่โขเลยนะครับ

 

สมัยคนรุ่นอายุ 60++

เรียนหนังสือที่อเมริกา ขยันทำงานหน่อย มีตังพอประทังชีวิตได้ เรียนจบออกมา ไม่เป็นหนี้ ไม่เป็นทาส

เดี๋ยวนี้คนที่เรียนหนังสือ มีน้อยคนที่จะสามารถขยันทำงานส่งตัวเองเรียน และจบมาแบบไม่เป็นหนี้ ไม่เป็นทาสได้

ส่วนมาก ก็ต้องขอพ่อแม่ (ซึ่งกำลังซื้อของเงินเก็บพ่อแม่ ก็ถูดริดรอนด้วยเงินเฟ้อไปด้วย) หรือไม่ก็ต้องกู้รัฐบาล

หรือสถาบันการเงินต่างๆเพื่อมาใช้จ่าย

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

บวกประเด็นนี้ เข้ากับปัญหาที่นโยบายของรัฐบาลอเมริกา สนับสนุนให้ "ส่งออก" งานออกไปนอกประเทศ

(ปากว่า ตาขยิบ บอกว่าต้องการสร้างงาน แต่นโยบายเอื้อ+สนับสนุน ให้บริษัทเอางานออกไปนอกประเทศ)

ทำให้คนจำนวนมาก ที่จบใหม่ๆ (ต้องเริ่มใช้หนี้แล้ว) หางานไม่ได้ และต้องทำงาน และอยู่อย่างลำบาก เพื่อที่จะเอาเงินไปจ่ายหนี้

ซึ่งไอ้งานที่ต้องจำใจทำนั่น ก็ไม่จำเป็นต้องมีปริญญาเสียด้วยซ้ำ

 

และเมื่อคนพวกนี้เริ่มวิ่งไม่ไหว ก็จะตกลงไปในเหวที่รออยู่ ลึกถลำลึกลงไปเรื่อยๆ

  • ป่วย ไปหาหมอ เป็นหนี้ เพิ่ม (งานที่ต้องจำใจทำ มักจะไม่มีประกันสุขภาพให้ --- และเนื่องจากคนส่วนมากมีประกันสุขภาพ
    ก็ทำให้ธุรกิจยา / ร.พ. ได้ใจ โขกคนใข้ได้เต็มที่ ทำให้เงินเฟ้อขึ้นไปอีก น้ำเกลือในร.พ.ในอเมริกา เคยเห็นถุงละ $60+ นะครับ ซื้อที่เมืองไทยถุงละร้อยสองร้อย)
    เป็นไข้หาหมอในอเมริกา คลินิคถูกๆ/โทรมๆ ครั้งนึงก็ $60 + ค่ายาประมาณ $50 ถ้าไม่มีประกัน สรุป หาหมอครั้งละ 3300, ไปร.พ.เอกชน ในอาการพอๆกัน โดนอย่างมากก็ 2000 บาท ถ้าไปคลินิคเล็กๆ ยิ่งถูกลงไปอีก
     
  • ป่วยครั้งต่อไป หมอไม่ยอมให้หา เพราะหนี้เก่าก็ยังไม่จ่าย ต้องไปโรงพยาบาลรัฐ
     
  • ร.พ. รัฐ ไปที ก็ต้องรอเป็นวัน(หรือหลายวัน) กว่าจะได้รักษา ในที่สุดก็ต้องเลือกเอา ว่าจะตกงาน หรือจะป่วยต่อไป

พอถึงจุดที่สุดแล้ว คนที่ตกลงไปในเหว ก็จะไม่สามารถจ่ายหนี้ค่าเรียนหนังสือได้ กลายเป็นหนี้เสีย

หนี้ก้อนนี้ เป็นหนี้ที่รัฐบาลการันตีไว้ นั้นหมายความว่า รัฐบาลก็ต้องเอาเงินภาษีประชาชนมาจ่าย

 

เมื่อเอาเงินภาษีมาจ่ายมากๆเข้า ก็ทำให้งบประมาณไม่พอ ต้องขึ้นภาษี + พิมพ์เงินเพิ่ม อีก

เสร็จแล้วเราก็ต้องวนกลับไปข้างบน แล้วเปลี่ยนตัวเลขภาษีจาก 35% กับ อัตราเงินเฟ้อ เป็นตัวเลขอื่นๆที่สูงขึ้น

 

ถึงจุดๆหนึ่ง คนก็จะไม่กล้ากู้เงินออกมา เพราะกลัวไม่มีปัญญาใช้หนี้

ทำให้เศรษฐกิจติดขัด เพราะไม่มีการใช้จ่าย และเมื่อถึงเวลานั้น

สิ่งที่นักวิเคราะห์หลายๆคนกลัวกันมากๆ ก็คือปัญหา debt collapse

หรือการที่ไม่สามารถต่อยอดหนี้เพิ่มขึ้นได้อีกนี่หล่ะครับ เมื่อถึงเวลานั้น ระบบเศรษฐกิจก็คงถูก reset ซักหนึ่งที

คงมีคนเป็นจำนวนมากที่เจ็บตัว(ทางเศรษฐกิจ) หากเกิด debt collapse ขึ้น

 

สิ่งทีพวกพวกเจ้ามือแชร์ของวงนี้ (สถาบันการเงิน) กลัวที่สุด ก็น่าจะเป็น debt collapse

ช่วงที่มีวิกฤตตอนปี 2008/2009 ถ้าสังเกตุดู รัฐบาลอเมริกัน จะออกมากระตุ้นให้คนใช้จ่าย

และสร้างหนี้ ด้วยการลดภาษีเวลาซื้อบ้าน และลดภาษีเวลาซื้อรถยนต์ใหม่ (ถ้ารถใหม่กินน้ำมันน้อยกว่าคันที่มีอยู่)

หาเหตุผลอะไรได้ ก็อ้างกันไป เรื่องซื้อบ้าน ก็บอกว่าทุกชนชั้นจะได้มีบ้าน ทำให้ "อเมริกัน ดรีม" เป็นจริง

(คนแย่งกันซื้อเพราะอยากลดภาษี ก็ทำให้ราคาบ้านพุ่งขึ้น แต่พอหมดโปรโมชัน ราคาบ้านก็ตกต่อ ไม่รู้ว่าคนที่

ไปแย่งซื้อกันมานี่ไจะได้ อเมริกันดรีม หรือ อเมริกันไนท์แมร์)

 

ส่วนเรื่องรถ ก็บอกว่าเพื่อสิ่งแวดล้อม ใช้รถกินน้ำมันน้อย ดีกว่า ใช้รถกินน้ำมันเยอะ

(แต่รถคันเก่าที่กินน้ำมันเยอะ ต้องเอาไปทำลายทิ้ง ถึงจะได้ลดภาษี! เสียของจริงๆ)

 

เหตุผลลึกๆที่สุด เจ้ามือเค้าน่าจะกลัว debt collapse ครับ ไม่ใช่อย่างอื่น

-----------------------------------------------------------------------------------------------

 

ประเด็นเรื่องนี้ ผมไม่ได้มองที่ว่ามีการศึกษาดี หรือไม่ดี ผมเชื่อว่าทุกคนเห็นด้วยว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในอเมริกา เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ว่าระบบที่เป็นอยู่ ทำให้การศึกษาเป็น commodity อย่างหนึ่ง

ซึ่งหากำไรได้ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่จำเป็น คนที่ได้ประโยชน์คือสถาบันการเงิน ที่ปล่อยกู้ และได้ดอกเบี้ยงามๆ(เข้ากระเป๋าตัวเอง)

แต่ถ้าหนี้เสียเมื่อไหร่ ก็เอาเงินภาษีประชาชนมาจ่าย

 

ถ้ามองเฉพาะประเด็นการปล่อยกู้เพื่อการศึกษา ผมว่าสิ่งที่สังคมอเมริกันได้ มีไม่มากเท่ากับ ความเสียหายในสังคมที่เกิดขึ้นครับ

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...