ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

นักวิเคราะห์คาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น แตะระดับ 22.1% ในปีนี้

 

------น่าจะหมายถึงผลตอบแทนจากขายพันธบัตรชุดเก่าในวันนี้ แล้วไปซื้อกลับในราคาที่ถูกลง(คิดเป็นผลตอบแทนจากเก็งกำไร) ไม่น่าใช่ราคาที่จะขายใหม่ไปถึง22.1เพราะรัฐบาลอเมริกาไม่ยอมแน่(หนี้มหาศาล ดอกเบี้ยขึ้นก็แย่ซิ)

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวโน้มทองปีนี้ก็น่้าจะมีการลดราคาอย่างน่าใจหายแน่ๆๆใช่หรือไม่ค่ะถ้ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น เพราะนักลงทุนก็จะหันไปหาดอลฯลงทุนในดอลเพิ่มขึ้นทองก็จะถูกลงใช่หรือไม่ค่ะ ขอคำชี้แนะด้วยนะค่ะ

 

เป็นเกมปั่นหัวเพื่อเอาของหรือเปล่าผมไม่แน่ใจนะ อเมริกาเป็นหนี้มหาศาล ยอด16.4ล้านล้านเหรียญ(มีทั้งพันธบัตรอายุสั้นและอายุยาว10ปี)ถ้าต้องจ่ายดอกเพิ่ม1% แค่จ่ายดอกรัฐบาลอเมริกาก็แย่แล้วครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตามที่ผมเข้าใจมาร์ตินเป็นตามนี้ครับ

  1. ลุงแซมใช้เงินเกินตัว เลยเป็นหนี้
  2. สมัยก่อนใช้วิธีพิมพ์เงิน (คิวอี) เพื่อให้ลุงแซมมีเงินใช้ ลุงแซมเลยดูใจดี สปอร์ต ยูเอสเอ (ทำให้สภาพเศรษฐกิจดูดี)
  3. หลัง พ.ย. ปีที่แล้ว ลุงแซมเบื่อที่จะหลีสาวๆแล้ว (ไม่ต้องลุ้นตำแหน่งปธน.แล้ว) เลยไม่จำเป็นต้อง ใจดี สปอร์ต ยูเอสเอ
    อีกต่อไป (เศรษฐกิจพัง บริษัทเจ๊ง ช่างหัวมัน) แต่อย่างไรก็ตาม ลุงแซมยังมีอาการใช้เงินเกินตัวอยู่เหมือนเดิม (สรุปก็มือเติบสร้างหนี้ต่อ)
  4. ถ้าลุงแซมสร้างหนี้เพิ่มไม่ได้ ลุงแซมก็จะไม่มีเงินมาถลุง และไม่มีเงินมาจ่ายดอก จ่ายต้น ของหนี้ที่สร้างไว้ตั้งแต่แรกๆ
  5. ถ้าไม่มีตังจ่ายหนี้ ไม่พิมพ์เงิน คราวนี้ก็ต้องไปกู้อาแปะหน้าปากซอยที่ปล่อยกู้นอกระบบ (ในเมื่อไม่พิมพ์เงินมาปล่อยกู้ให้กับตัวเอง ก็ต้องไปกู้คนอื่น ทำให้ดอกสูงขึ้น แถมหนี้เก่าปรับดอกตามหนี้ใหม่อีก -- ดอกสูง = เงินเฟ้อ)
  6. ลุงแซมดูท่าแล้ว เงินเฟ้อก็ไม่อยากได้, พิมพ์เงินเองก็ไม่อยากทำ, ประหยัดเงินก็ไม่อยากประหยัด คราวนี้ทำไงดีหล่ะ
  7. นึกได้ว่าที่บ้านมีเมีย มีลูก มีทาสอยู่ (ประชาชน) เลยบังคับให้เมีย ลูก และทาส ที่บ้าน แบ่งรายได้จากการทำงาน และทำไร่ไถนา มาให้ลุงแซมเพิ่ม ลุงแซมจะได้มีเงินถลุงต่อ (ขึ้นภาษี ทางตรง ทางอ้อม ฯลฯ)
  8. ถ้าลุงแซมสามารถรีดเงินจากทาสที่บ้านได้ถึงในระดับที่ทำให้เกิดสมดุล ลุงแซมก็ไม่ต้องพิมพ์เงิน และไม่ต้องกู้อาแปะ นั่นเอง

มาร์ตินบอกว่า เพราะข้อ ๗ และ ข้อ ๘ ลุงแซมจึงไม่ต้องง้อการพิมพ์เงินต่อไป และเชื่อว่าเฟดจะลดปริมาณคิวอีในปีนี้

 

ส่วนตัวผมมองว่า ถ้ามองทางทฤษฏีนั้นพอเป็นไปได้

แต่พอมองกราฟที่มีคนทำมาให้ดู ปริมาณเงินที่ลุงแซมใช้เกินตัว

มันเยอะมากๆๆๆๆๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเงินที่ลุงแซมรีดมาจากทาสที่บ้าน

รีดเก่งเท่าไหร่ก็ไม่พอกับการใช้เงินมือเติบ เหมือนคนติดยา ของลุงแซมหรอก

 

ส่วนในค่ายลุงจิม / ปีเตอร์ ชิฟฟ์ บอกว่า ลุงแซมไม่มีทางหยุดพิมพ์เงินได้

ไม่งั้นลุงแซมเจ๊งล้มหัวทิ่มในตอนนี้แน่ๆ (ซึ่งยังไงก็ต้องล้ม แต่ลุงแซมบอกว่าขอเอากระดาษไปแลกนา แลกไร่ แลกของจริงๆ มาเก็บไว้ก่อน ตราบใดที่ยังมีคนยอมให้แลก)

สรุป : ที่ออกมาพูดดูดีว่าจะเลิกพิมพ์เงินนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ และเป็นเพียงการสับขา หลอกชาวบ้านไปวันๆ

 

 

 

ผมมองว่าอเมริกาไม่ยอดรัดเข็มขัดครับ รัดเข็มขัดเศรฐกิจอเมริกาจะถดถอยหนัก อเมริกาไม่ยอมเป็นผู้ล้มคนเดียว ล้มคนเดียวอาจโดนคนอื่นแซงโดยได้โดยเฉพาะจีน

 

ถ้าจะพังก็พังกันทั้งโลกเลย พังทั้งโลกพร้อมกันหมด อเมริกาอาจยังคงเป็นเบอร์1ได้(ในความเห็นของเขา)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอลองตอบบ้างครับ

คือ พันธบัตรแท้จริง คือ คูปองตัวนึง ที่มูลค่า 1000$ แต่มีตัวเลขกำกับไว้ว่า จะจ่ายผลตอบแทน จำนวนนึง สมมติ 20 $ ก็หมายถึง 2 % ต่อปีครับ ถ้าเราไปซื้อ คูปองใบในราคา $1000 ไม่ว่า จะเกิดอะไรน้ำท่วม โดนนิวเคลียส ถ้ารัฐบาลไม่เบี้ยว คนถือก็ได้ผลตอบแทน 2 %

 

เวลาผ่านไป เฮียเบอร์นันเก้ บอกว่า อยากลดดอกเบี้ยของตลาดโดย QE หรือ พิมพ์เงินซื้อพันธบัตร ก็หมายความว่า เค้าพยายามเข้ามาซื้อ พันธบัตรที่เราถือเนี่ย สมมติว่าเค้ามีเลขในใจ คือ 1.5 % แต่ในตลาดมีพันธบัตรแบบเรามากมาย ทุกคนก็มีต้นทุน $1000 และเก็บถ้าเก็บไว้ 1 ปีรัฐบาลต้องจ่าย 20 $ ทุกปี เฮียเบอร์นั้นเก้ต้องยินดีซื้อพันธบัตรของทุกคนให้หมดทุกใบในราคาไม่ต่ำกว่า $1333 ครับ แล้วปล่อยให้คนที่จะขายเกินกว่า $1334 เป็นต้นถึงจะอยู่ในตลาดได้ เพราะ คนอื่นที่ซื้อพันธบัตรใบนี้ที่ราคา 1334 แต่ก็ยังได้เงินจากรัฐบบาล แค่ 20$ เหมือนเดิมครับ เค้าจะได้ผลตอบแทนแค่ 20/1334*100 = 1.49 เท่านั้น

 

จะเห็นว่า ตัวราคาพันธบัตร เพิ่มจาก 1000 ไป 1333 เลยที่เดียว คนซื้อที่ราคา 1000 ได้กำไร 333 เลยครับ ดังนั้น ที่กล่าวว่า พันธบัตรราคา และเป็นฟองสบู่ครับ เพราะ คนที่ถือพันธบัตรก่อนมี QE 1 2 3 จะกำไรมหาศาลครับ และจะกำไรต่อไปถ้าเฮียเบนเปลี่ยนเป้าดอกเบี้ยให้ลงไปอีก สมมติเป็น 1.25 ก็กำไรต่อครับ

 

คำถามของคุณหมอเล็กถามว่า ใครจะไปซื้อของแพง ผลตอบแทนต่ำเนี่ย งง

คนซื้อก็คงจะคิดว่า เฮียเบนจะพยายามพิมพ์เงินมาซื้อไงครับ ให้ดอกมันต่ำไปอีก เข้าก็กำไรแล้วครับ ขอแค่เฮียเบนทำดอกต่ำได้จริง ไม่มีขาดทุนครับ

แต่ถ้าเฮียเบนทำไม่ได้ล่ะ แล้วเหตุการณืไปคล้ายกะ อิตาลี สเปน คือ ดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้นไปเป็น 7 % ( จากการขายพันธบัตรชุดใหม่จากกว่าประมูล พันธบัตรชุดนี้ก็ใบ $ 1000 แต่ีตัวเลขกำกับผลตอบแทน 70$ )

 

เหตุการณ์นี้จะทำให้คนที่ถือ ผลตอบแทน 20 $ ไม่่ว่าจะซื้อราคามาเท่าไร 1000 เหมือนราคาคูปอง หรือ ราคาเท่าเฮียเบน (โดนเฮียเบนหลอก ) ชีวิตหนักทันที่เพราะ ถ้าเอาไปขาย ต้องขายถูกมาก ประมาณ 285 เท่านั้น เพราะ คนที่ซื้อไปยังไงก็ได้ผลตอบแทนแค่ 20$ คนซื้อจะต้องซื้อในแค่ราคาประมาณ 285$ ( 20/285 = 7% ) ใครที่ไปซื้อพันธบัตรใบที่ให้ผลตอบแทน 20 $ แล้วเวลาต่อมาเจอรัฐบาลออกพันธบัตรที่จ่าย 70 $ ก็จะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 700$ ครับ จากต้นทุน 1000 $

 

เป็นหลักการคร่าวๆ นะครับ กระบวนการจริงๆของ พันธบัตรอเมริกายังมีอีกเยอะ สนใจเปิด wiki ครับ อธิบายละเอียดดีครับ

ถูกแก้ไข โดย magnataur

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

และก็อีกนิดนึงครับ หลายท่านคงเคยได้ยินว่า พันธบัตรกรีซ ได้ผลตอบแทน 100++ % มันหมายความว่่า มีคนยอมขายพันธบัตรกรีซในราคาน้อยกว่า ผลตอบแทนที่ได้รับต่อปี จากพันธบัตรเสียอีก

สมมติว่ากรีซออกพันธบัตรดอกเบี้ย 10 % ก่อนวิกฤติกรีซ พัตรบัตรนี้ราคา 1000 euro จ่ายดอกให้คนถือ 100 euro ต่อปี แต่สุดท้ายคนถือรู้ตัวแน่ว่าจะโดนรัฐบาลกรีซเบี้ยว ( และก็เบี้ยวจริง ) ก็ต้องคิดว่าถือไปก็ 0 euro กำขี้ดีกว่ากำตด เอาออกขายดีกว่า

แล้วมีคนนึงอาจคิดว่าไง ๆ รัฐบาลไม่เบี้ยวแน่ แล้วมายอมซื้อในราคา 80 euro ( คนขายขาดทุนทันที 920 euro ) คนซื้อไปในราคา 80 euro นั่งยิ้มบอกปีนึงได้ผลตอบแทน 100 euro ผลตอบแทน 100++ % เห็นๆ งงทำไมคนขายมันโงจัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้นะ แค่เอามุมมองผมมาแลกเปลี่ยนนะ เพื่อนๆอย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่ผมพูดนะ รอท่านอื่นมาเฉลยก่อนนะครับ

 

ขณะนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะเวลา 10 ปี ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.91% หลังจากที่เคยทำสถิติต่ำสุด 1.4% ในเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว

 

-----ถ้าผมซื้อพันธบัตรไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว(ผลตอบแทน1.4%) หรือเพิ่งซื้อปีนี้ที่ผลตอบแทน1.91% ซึ่งหมายความว่าเมื่อถือครบอายุ10ปีผมถึงจะได้ผลตอบแทนในอัตรา1.4%ต่อปีหรือ1.9%ต่อปี

 

----- อยู่ๆมีข่าวมาว่าอนาคตข้างหน้าผลตอบแทนชุดใหม่จะแพงกว่านี้มากโดยนักวิเคราะห์คาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น แตะระดับ 22.1% ในปีนี้(ที่ขึ้นสูงเพราะไม่มีคนซื้อ)

 

-----ถ้าเชื่อว่าพันธบัตรชุดใหม่อนาคตจะไปที่22.1% ผมจะรีบขายชุดเก่าในราคาขาดทุน ขายขาดทุน10%ก็ยอมเพราะเชื่อว่าชุดใหม่ที่ออกภายในปีนี้จะไม่มีคนซื้อ(ทำให้ขึ้นไปถึง22.1%)

 

------ชุดเก่าผลตอบแทน1.9%ต่อปีเมื่อครบ10ปีได้ประมาณ 19% ถ้าชุดใหม่ถ้าผลตอบแทนพุ่งไป22.1%(เพราะคนเริ่มหนีจากพันธบัตร) ผลตอบแค่ปีเดียวก็22.1%

 

 

------ยอมขายชุดเก่าแบบขาดทุนเพื่อเก็บเงินสดไว้ซื้อชุดใหม่ดีกว่า

 

-----สุดท้ายตลาดพันธบัตรจะแตกตามข่าวที่เขาสร้างมั้ย ถ้าแตกจริงคนจะรีบขายพันธบัตรออก พันธบัตรชุดใหม่จะไม่มีคนซื้อ ทำใหผลตอบแทนพันธบัตรชุดใหม่ขึ้นไปสูงมาก(22.1%ตามข่าวที่เขาสร้างจะมามั้ย) อนาคตจะเป็นตัวบอกครับ

 

 

-----พันธบัตรชุดเก่าที่จำหน่ายออกไปแล้ว ผลตอบแทนที่รัฐบาลจ่ายเท่ากับที่กำหนดวันจำหน่ายครับ(ไม่เพิ่มหรือลด) แต่ใครจะไปซื้อขายเปลี่ยนมือในราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลงทำได้ครับ

 

ตกลงมันจะส่งผลดีกับทองใช่ไหมครับ เพราะคนขายพันธบัตร์สหรัฐ (ทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้น) แล้วเงินก็ต้องหาที่พัก เช่นทอง

 

แต่ทีนี้ ถ้าผลตอบแทนพันธบัตรสูง ดอกเบี้ยก็ต้องขึ้น ผมจำจาก บทความโอกาสทองได้ว่า ถ้าดอกเบี้ยขึ้น ราคาทองก็จะลง

 

ตกลงมันจะดีกับทองไหมครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตกลงมันจะส่งผลดีกับทองใช่ไหมครับ เพราะคนขายพันธบัตร์สหรัฐ (ทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้น) แล้วเงินก็ต้องหาที่พัก เช่นทอง

 

แต่ทีนี้ ถ้าผลตอบแทนพันธบัตรสูง ดอกเบี้ยก็ต้องขึ้น ผมจำจาก บทความโอกาสทองได้ว่า ถ้าดอกเบี้ยขึ้น ราคาทองก็จะลง

 

ตกลงมันจะดีกับทองไหมครับ

  • ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ดอกเบี้ยขึ้นไม่น่าจะดีกับราคาทอง
  • ตามหลักการเดามั่วๆ ของคนที่เรียน เศรษฐศาสตร์ ๑๐๑ ได้ "ดี"
    อ่านข่าวแล้วเขาเปิดประเด็นไว้ว่า ฟองสบู่พันธบัตรจะระเบิด
    ถ้าระเบิดจริง น่าจะดีกับทองในระยะยาว เพราะใครๆเขาก็บอกว่า
    ทองคำเป็นฟองสบู่ระดับ "ตัวแม่" คือจะเป็นฟองสุดท้ายที่แตก

อย่างไรก็ตาม ขอเสริมข้อมูล/แนวคิด ที่ผมมอง ๓ ข้อ

  1. นักเศรษฐศาสตร์ที่เคารพ เตือนไว้ว่า เศรษฐศาสตร์เป็น "ศิลป์" อย่างหนึ่ง ทฤษฏีที่นักเศรษฐศาสตร์เขียนไว้ คนไม่จำเป็นต้องมีปฏิกิริยาตามทฤษฏี
  2. จากข่าวที่คุณส้มโอมือนำมาฝาก ส่วนที่อ้างอิงสำนักข่าวตลาดๆอย่างซีเอ็นๆ ที่ทำแบบสอบถาม โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามถึง ๓๒ คนจากสถาบันชั้นนำว่าดอกเบี้ยจะขึ้น ผมว่าเป็นการปั่นกระแสเสียมากกว่า ย่อหน้าต่อไป เฟดยังบอกอยู่เลยว่าคาดว่าจะกดดอกเบี้ยต่ำไปเรื่อยๆ
     
    เท่าที่จับความได้คือ นักลงทุน/โบรก/สถาบัน บอกว่า ขึ้นได้แล้วเฟ้ย...
    ส่วนเฟดก็บอกว่าตูไม่ขึ้น ไม่มีปัญญาจ่ายดอก...
  3. อันนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้อง ... บล็อก/รายการข่าวการเงินทางเลือกที่ผมตามอ่านตามฟังอยู่ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีก่อนรายการการประชุมของเฟดก็บอกประมาณว่า ไม่ทำคิวอีแล้วหล่ะ .... เผลอแป๊ปเดียว พี่แกก็ทำคิวอี ๒.๕/๓ พวกเขามองว่า ถึงเวลาเฟดก็จะกลับมาทำคิวอีเหมือนเดิม เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ข่าวที่ออกมาในตอนนี้ เป็นเพียงแค่การทุบราคาทองคำเท่านั้นเอง

ผมเข้าใจถูกผิดอย่างไร ถ้ามีผู้รู้มากรุณาช่วยชี้แนะ จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

post-2564-0-30177200-1357581052.jpg

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมมองว่าอเมริกาไม่ยอดรัดเข็มขัดครับ รัดเข็มขัดเศรฐกิจอเมริกาจะถดถอยหนัก อเมริกาไม่ยอมเป็นผู้ล้มคนเดียว ล้มคนเดียวอาจโดนคนอื่นแซงโดยได้โดยเฉพาะจีน

 

ถ้าจะพังก็พังกันทั้งโลกเลย พังทั้งโลกพร้อมกันหมด อเมริกาอาจยังคงเป็นเบอร์1ได้(ในความเห็นของเขา)

 

ครับ จำไม่ได้แล้วว่าใครว่าไว้

ดอลล่าร์จะเป็นสกุลเงินสุดท้ายที่ล้ม

เพราะดอลล่าร์เหมือนเป็นเสาหลักในเตนท์

รอเสารองแต่ละต้นล้มไปหมดก่อน แล้วเดี๋ยวเสาพวกนั้นก็จะดึงเสาต้นใหญ่ล้มเอง

 

ส่วนใครจะแอบไปเตะ/ถอดเสาต้นเล็กๆเมื่อไหร่ อันนี้ไม่มีใครรู้ :)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:Announce คำตอบหลักของลุงจิมที่ว่ายังไงก็ไม่มีทางที่จะหยุด QE ก็คือ สันดานนักการเมืองนั่นเอง(ดูได้จากการแก้ปัญหาหน้าผาการคลัง)

Politics have run business and will continue to. There is no political willingness to accept the results of a broken US Treasury market sure to happen if Fed buying was curtailed or stopped. Look what happened at the Financial Cliff if you really believe there is any willingness to accept the hardest of hard times.

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความดีงาม

เริ่มต้นขึ้น ณ ที่ซึ่ง แต่ละคน

ถูกผลักดันให้ต่อสู้ กับตัวเอง

หรือต่อสู้กับสถานการณ์อันยากลำบาก อย่างเหลือเชื่อ

มีชัยชนะต่ออารมณ์ของตัวเอง

หรือมีชัยชนะต่อชะตากรรม ที่ถูกบีบบังคับ

 

ปิแอร์ เดอ คูเบอร์ทิน 1863-1937

ผู้ก่อตั้งกีฬาโอลิมปิคยุคใหม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นิทานจากลุงจิม ใครมีเวลาว่างๆ ลองอ่านตรงกลางๆกับท้ายๆครับ ต้องอ่านต้นฉบับถีงจะฮา

  • แกเทียบสถานการตอนนี้กับการที่มีคนตะโกน "ไฟไหม้!!!!" ในโรงหนัง (จะเลิกพิมพ์เงิน)
  • ทุกคนก็พยายามวิ่งหนีตาย เหยียบกันตาย หนีออกจากโรงหนัง (ขายทองคำทิ้ง)
  • ในระหว่างนั้น ก็มี "นาย อ." (เข้าใจว่าเป็น มาร์ติน) เสียงทุ้มนุ่มลึก ออกมาประกาศว่า จากที่เขาศึกษาประวัติศาสตร์มา ๑๔๐๐ ปี และปฏิทินมายัน และจากการคำนวณของเขา วันนี้ไฟจะต้องไหม้โรงหนัง!!!! ประวัติศาสตร์มันจะต้องซ้ำรอย ทุกคนจงวิ่งออกไปจากโรงหนังเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะถูกไฟไหม้เป็นจุล ใครที่ไม่ใส่ใจในสิ่งที่เขาพูด จะโดนแบนจากงานสัมนาราคาแพงของเขา
  • ในขณะที่นาย "กระทิงนั่ง" หันซ้ายหันขวา ก็ยังไม่เห็นไฟไหม้ ไม่มีควันไฟ ทุกอย่างเป็นปกติ เลยนั่งกระดิกเท้าอยู่ในโรงหนังต่อไป (เก็บทองคำไว้)
  • ผ่านไปได้แป๊ปเดียว คนก็วิ่งออกนอกโรงหนัง และยังไม่โดนเหยียบตาย ก็วิ่งกลับเข้ามาในโรงหนัง (ต่ายห่ะ ขายทองไปแล้ว ทำไมมันขึ้นวะ ต้องรีบซื้อคืน)
  • น่าเสียดายที่ตอนเกิดเรื่อง เก้าอี้พังไปหลายตัวอยู่ คนที่วิ่งกลับเข้ามา แทนที่จะได้นั่งเก้าอี้สบายๆ ต้องเสียเงินเพิ่มซื้อเสื่อผืนเล็กๆมาปูนั่งแทนอีก (ซื้อคืน แพงกว่าราคาที่ขายไปตอนหนีตาย ได้ของน้อยลง)
  • หนังที่ฉายในโรงชื่อ "ชีวิต ของ เจสซี่ ลิเวอร์มอร์"

ที่มา http://www.jsmineset...s-mailbox-1142/

555 แค่อ่านภาคแปลก็ขำแล้วค่ะ เข้าใจแจ่มแจ้งเลย คุณwcg ชอบโพสต์บทความที่อ่านง่ายๆ ชอบค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ผมไม่เข้าใจเรื่องการเงิน ไม่รู้พอที่จะมีใครอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ใหมครับว่าการที่

ผลตอบแทนต่ำแต่ราคาสูง.... จะซื้อไปทำไม

ผมตอบแทนสูงราคาต่ำ...ทำไมถึงไม่ซื้อ

งงตายห่ะ :38 :45

สงสัยเหมือนคุณหมอเล็กค่ะ รอฟัง รอฟัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

555 แค่อ่านภาคแปลก็ขำแล้วค่ะ เข้าใจแจ่มแจ้งเลย คุณwcg ชอบโพสต์บทความที่อ่านง่ายๆ ชอบค่ะ

 

ตอนแรกผมอ่านต้นฉบับลุงจิมแล้วก็ขำก๊ากอยู่คนเดียว จนแฟนต้องถามว่าขำอะไร

ต้องขอบคุณลุงจิมที่เขียนนิทานฮาๆมาให้อ่าน :)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อปี ๒๐๐๔ อินเดียได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับไทย

โดยที่หนึ่งในสินค้าที่ได้รับภาษีพิเศษ (ร้อยละ ๑) คือเครื่องประดับทองคำ

ในขณะที่ตอนนี้อัตราภาษีนำเข้าปกติอยู่ที่ประมาณร้อยละ ๑๐

 

ตอนนี้รัฐบาลอินเดียได้นำเครื่องประดับทองคำ ออกจากรายการสินค้า

ที่ได้รับอัตราภาษีพิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ประเทศที่ขึ้นชื่อในการผลิตเครื่องประดับ

ได้ออกมายืนยันว่า การส่งออกพวกนี้ ไม่ได้เริ่มต้นมาจากประเทศไทย หากแต่

เริ่มต้นมาจาก จีน และ มาเลย์ แล้วจึงส่งต่อไปยังอินเดีย

 

ที่มา : http://www.mineweb.com/mineweb/content/en/mineweb-gold-news?oid=168888&sn=Detail

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...