ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณมากครับ

 

ถ้าโลกแตกสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นก้อไม่รู้ไปเอาไปทำไร

 

ถ้าโลกแตก....หรือตาย...ไม่ใช่ปัญหา

 

แต่ถ้ายังอยู่....

 

เขา จะต้องเป็นคนกำหนดเกมส์ให้คนอื่่นเล่น......

 

นี่แหละ.....ความหมายของคำว่า " อำนาจ "

ถูกแก้ไข โดย Phormaew

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เท่าที่แกะได้นะครับ จากรายงานของ shanghai gold exchange ภาคภาษาจีน ส่วนรายงานตัวเลข delivery

 

http://www.sge.sh/publish/sge/docs/20130524140633952078.pdf

 

行情周报

2013 年第 19期(总第500 期)

5月 13日-5 月17 日

 

交割品 上周交割 量 本周交割量 增减 本周交割 比 累计成交量 累计交割量 累计交割 比

黄金 55502.4 48430.7 -12.74% 34.42% 3844472.7 835307.2 21.73%

 

 

ตรงส่วนเป็นรายงานประจำสัปดาห์ที่ 19 มีจำนวนทอง delivery 48.4307 ตัน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 55.5024 ตัน ตัวเลขรวมของปีนี้อยู่ที่ 835.072 ตัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

post-2564-0-24263000-1369407239_thumb.png

 

 

 

:033 ก็จริงอ้ะแหละ แต่มังไม่สามัคคีนิจิ เฮ้อออออ---- :_02

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

6 ชั่วโมงที่แล้ว

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง ... มิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุน

 

27 พฤษภาคม 2556

 

General News

----------------

 

• ส.สถิติแห่งชาติอิตาลี รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือน มี.ค.ลดลง 0.3% จากเดือนก่อน ลดลง4 เดือนติดต่อกัน และลดลง 3.0% เมื่อเทียบปีก่อน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเดือน พ.ค.อ่อนตัวลงเป็น 85.9 จาก 86.3 ในเดือน เม.ย. สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราว่างงานยังคงอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่เศรษฐกิจยังถดถอยอย่างต่อเนื่อง

 

• ชาวโปรตุเกสหลายพันคนชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่กรุงลิสบอนเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการรัดเข็มขัดอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงการลดบำนาญ ลดสวัสดิการว่างงาน และการขึ้นภาษี ภายใต้ข้อตกลงความช่วยเหลือวงเงิน 7.8 หมื่นล้านยูโร กับกลุ่มทรอยก้า

 

• ส.สถิติแห่งชาติเยอรมนี รายงานว่า GDP ขยายตัวแค่ 0.1% ในไตรมาส 1 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาคก่อสร้างที่ลดลง 2.1% กับการลงทุนที่อ่อนตัวลง 1.5% จากไตรมาส 4 อันเป็นผลจากสภาพอากาศที่รุนแรงในช่วงฤดูหนาว และเศรษฐกิจที่ถดถอยในยุโรป

 

• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเยอรมัน รายงานว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ 105.7 จาก 104.4 ในเดือน เม.ย. ปรับตัวสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

 

• ส.สถิติแห่งชาติอังกฤษ รายงานว่า เศรษฐกิจขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2011 โดย IMF ระบุว่า อังกฤษควรใช้งบมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการลงทุนและเร่งการฟื้นตัว

 

• ก.แรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 พ.ค. ร่วงลง 23,000 ราย สู่ 340,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไป 5,000 ราย โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานติดต่อกัน 4 สัปดาห์ลดลง 500 คน มาอยู่ที่ 339,500 ราย

 

• ก.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 2.3% สู่ 454,000 ยูนิต/ปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็น 425,000 ยูนิต/ปี และราคากลางของบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 14.9% สู่ 271,600 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่ที่ ก.พาณิชย์ เริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในช่วงต้นทศวรรษที่ 1960

 

• ผู้เชี่ยวชาญในรัสเซีย ชี้ว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปีที่มอสโกรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว 8.3 ริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ใต้ทะเลโอคอทส์ลึกลงไป 600 ก.ม. ทางตะวันออกสุดของรัสเซีย ใกล้กับตอนเหนือของญี่ปุ่น

 

• ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่น มั่นใจว่าการใช้นโยบายผ่อนปรนด้านเงินตราเชิงรุกจะช่วยให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด โดยให้คำมั่นว่าจะดูแลอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไม่ให้อยู่ในภาวะที่ผันผวน ด้วยการซื้อพันธบัตรอย่างยืดหยุ่น และขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์ร้อนแรงเกินไป และยังไม่เห็นสัญญาณารทำกิจกรรมที่เสี่ยงจนเกินไปจากสถาบันการเงินต่างๆ

 

• ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า มูลค่าของสินเชื่อภาคครัวเรือนค้าง ชำระอยู่ที่ 961.6 ล้านล้านวอน ณ สิ้นเดือน มี.ค. ลดลง 2.2 ล้านล้านวอนจากไตรมาสก่อน ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากผู้บริโภคใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตน้อยลงเพราะอุปสงค์ที่ซบเซาในประเทศ

 

• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแอลจี รายงานว่า ผู้ส่งออกของเกาหลีใต้มียอดขายไตรมาสแรกตกลง 1.1% เมื่อเทียบรายปี ลดลงอย่างต่อเนื่องจากที่ลดลง 1.6% ในไตรมาส 4 เนื่องจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องทำให้เกาหลีใต้เสียเปรียบผู้ส่งออกของญี่ปุ่น

 

• คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (EDB) เปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ในเดือน เม.ย. ขยายตัว 4.7% เมื่อเทียบรายปี แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ โดยได้แรงหนุนหลักจากผลิตภัณฑ์ด้านเภสัชกรรม ซึ่งขยายตัว 48.0%

 

• รัฐบาลพม่าให้ใบอนุญาตบริษัทประกัน เอกชน 5 แห่ง เพื่อเปิดบริการในเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากที่ได้ให้ใบอนุญาตไป 12 บริษัทไปเมื่อเดือน ก.ย. ปีก่อน โดยให้ดำเนินธุรกิจประกันได้หลากหลายประเภท เช่น ประกันสินเชื่อ ประกันสุขภาพ แต่ไม่ครอบคลุมประกันชีวิตและประกันภัย อย่างไรก็ดี คาดว่าจะอนุญาตบริการประกันประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต

 

• ก.พาณิชย์ รายงานว่า การส่งออกของไทยในเดือน เม.ย.เป็น 18,698 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.52% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่ม 5.6% ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 21,550 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.91% จากปีก่อน ทำให้ขาดดุลการค้า 2.85 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ โดยการส่งออกเติบโต 5.74% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 8.56% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของการส่งออกในปีนี้ เหลือ 7.0-7.5% จากเป้าหมายเดิมที่ 8.0-9.0%

 

• ม.หอการค้าไทย คาดการณ์ว่า GDP ไทยจะขยายตัว 4.8-5.2% และการส่งออกจะขยายตัว 6-8% โดยจะขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดในไตรมาส 1 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบสินค้าเกษตรที่มีราคาลดลงทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มแผ่ว และการจับจ่ายในประเทศชะลอลงตาม

 

• ปลอดประสพ สุรัสวดี เปิดเผยว่า เตรียมจ้างบริษัทที่ปรึกษาโครงการน้ำ สัญญา 5 ปี 6-7 พันล้านบาท ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยจะเปิดประมูลทีโออาร์ 2 ซอง คือซองด้านเทคนิค และด้านราคา ซึ่งจะกำหนดคุณสมบัติว่าต้องมีบุคลากรประเภทไหนจำนวนกี่คนไว้อย่างชัดเจน

 

• ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงกำลังพิจารณาแผนเร่งด่วนในการระบายข้าวใน สต๊อกแบบรัฐต่อรัฐ หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าจนส่งผลทำให้การเจรจาขายข้าวมีอุปสรรคมากขึ้น โดยจะทำการตลาดข้าวในประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และจะเน้นการขายข้าวล็อตใหญ่ให้กับหลายประเทศ เช่น จีน เพื่อให้การเจรจาราคามีความเหมาะสมกับราคาที่ผู้ซื้อรับได้

 

Equity Market

---------------

 

• SET Index เมื่อวันก่อนปิดที่ 1,607.46 จุด ลดลง 23.81 จุด หรือ -1.46% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 78,134.46 ล้านบาท ปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ท่ามกลางความกังวลต่อการที่ธนาคากลางสหรัฐ (FED) จะปรับลดวงเงิน QE รวมถึงการประกาศตัวเลข PMI ของจีนในเดือน เม.ย ที่ลดลงมาต่ำกว่า 50 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

-----------------------------------------------------

 

นักลงทุนสถาบัน -563.20

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -3,148.11

นักลงทุนต่างชาติ -3,100.73

นักลงทุนทั่วไป +6,812.05

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.05% โดยปรับตัวในทุกช่วงอายุ (ยกเว้น 1 เดือน) สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วัน 30,000 ล้านบาท

 

Guru Corner

--------------

 

• Marc faber

--------------

 

“ผมดื่มเบียร์ช้างที่นี่ ที่ประเทศไทย มันมีฉลากรูปช้างอยู่บนกระป๋อง และเป็นของคนที่รวยที่สุดคนหนึ่งในประเทศผู้ซื้อกิจการ Fraser & Neave ในสิงคโปร์ซึ่งก็คือ Tiger Beer ผมคิดว่าเขาจะทำให้มันเป็นเบียร์ที่ยอดเยี่ยมมาก”

 

• Jim Rogers

---------------

 

“Ben Bernanke อาจจะลาออกจากตำแหน่งประธาน FED ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผมเดาว่าเขาน่าจะอยากพ้นตำแหน่งไปก่อนที่จะต้องตื่นมาเจอกับอาการเมาค้าง”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อมูล COT ออกมา รายย่อย ยังเก็บต่อ รายใหญ่ ยังทุบต่อ

 

หลังๆ มีมือใหม่เข้ามาหลายท่าน ขออธิบายหน่อย

 

COT - Commitment of Traders ข้อมูลตลาด Futures ของสหรัฐ ที่ถูกบังคับให้เปิดเผยทุกสัปดาห์ เพื่อป้องกันการครอบงำตลาดของผู้เล่นรายใหญ่ (หรือ อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่หรอก แต่ก็ดีกว่าไม่มี) ออกวันเสาร์ แต่เป็นข้อมูลปิดตลาดตั้งแต่วันอังคารโน่น

 

ตลาด Futures เป็นตลาดสัญญากระดาษ ที่สร้างความผันผวน ปั่นป่วนให้ตลาดของจริงมากกว่าปกติหลายเท่า เพราะมีปริมาณมากกว่าของจริง อาจจะเป็นร้อยเท่า จากภาพ จะเห็นว่า

- รายใหญ่ ลดจำนวนถือสัญญา Long (ซื้อคาดว่าขึ้น) (กราฟที่เห็น เป็นสัญญา Long - Short)

- รายย่อย กลับเพิ่มจำนวนสัญญา แต่ไม่มากเท่ารายใหญ่ (กราฟที่เห็น เป็นสัญญา Long - Short)

- แต่ปริมาณสัญญา (กราฟแท่ง) กลับเพิ่มขึ้น แปลว่า ขาใหญ่ เปิด Short

 

ราย ใหญ่ Short ก็ต้องซื้อคืน สุดท้าย ราคาจะกลับขึ้นมาแน่นอน แต่ปัญหา คือ รายใหญ่ ที่หนุนหลังโดยรัฐบาลสหรัฐ หรือ พูดกลับกัน ครอบงำรัฐบาลสหรัฐอยู่ หน้าตัก ไม่จำกัด จึงไม่ต้องรีบซื้อคืน เราจึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ราคาจะกลับขึ้นไปเมื่อไหร่ ต้องแล้วแต่ท่านจะเมตตา

 

ช่วงเวลาสัญญา สิ้นสุด เรามักจะเห็นราคาแกว่งตัวแรง เพราะมีปิด-เปิดสัญญา ซื้อคืน ขายทิ้ง ก็ว่าไป อย่างตอนนี้ เปิด Short กันเยอะ ก็คาดว่า จะเห็นราคาดีดกลับ แต่ไม่รู้จะเป็นตามนั้นหรือเปล่า เพราะบางที ก็ไม่เป็น (โดนหลอกล่อ) ลองไปดูตารางวันปิดสัญญาที่ link ข้างล่าง มีทุกเดือนเลย ของเรา 2 เดือนที

 

http://www.cmegroup....ar_futures.html

 

 

cot130525.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ

 

จากโพสต์ที่ลงไปของคุณโดนหลอก Madee เห็นว่ามีประโยชน์จึงลงซ้ำกระตุ้นให้เพื่อนๆได้รับรู้ รู้สึกผิดปกติตั้งแต่คุณเด็กอู่ทองที่มาลง จากหลังไมค์ได้พบเพื่อนๆอีกจำนวนมากที่เสียหายจากการดูแลของเซลบริษัทนี้ เมื่อได้พูดคุยกันจึงรู้ว่ามาจากที่เดียวกัน

ในวันนี้ Madee ไม่รู้ว่าใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู รู้แต่ว่าพวกเราบอบช้ำ หดหู่ สิ้นหวัง หากใครก็ตามที่ไม่ช่วยก็ขออย่าซ้ำเติม ทีมาโพสต์บอกเพียงต้องการเตือนเพื่อนๆ ให้ระวังตัว ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อ จะบอกชื่อก็กลัวถูกฟ้อง เท่านี้พวกเราก็แย่มากๆ พฤติกรรมที่ทางบริษัทให้เราทำคือ หากซื้อติดดอยหรือติดเหวก็จะให้เราเฉลี่ย ไม่มีการบอกให้คัส บอกถือไว้ก่อน ไม่ต้องคัส ทำไมต้องเชื่อ เพราะเค้าจะมีข้อมูลบอกมาตลอด แม้แต่ตัวเจ้าของบริษัทเองที่ขยันออกทีวี บอกตลอดว่าทองจะเป็นยังไง ดูน่าเชื่อถือ แต่จะตรงข้ามเหมือนที่คนโดนหลอกบอกตรงแป๊ะ สุดท้ายคือเซลลาออกบ้าง หนีไปเฉยๆบ้าง เทปมีแต่ถูกตัดต่อก่อนเราเข้าไป เมื่อแรกที่เข้าไปบริษัทบอกเซ็นสัญญา 50000 บาทต่อ 1 กิโล ช่วงทองลงสงกรานต์คุณต้องเพิ่มมาจิ้น (งง เราซื้อทองแท่งกิโล พูดเหมือนเราซื้อGF)เป็น 1 แสนต่อกิโลเท่านั้นยังไม่พอ คุณต้องวางเงินมัดจำเพิ่มที่ทองลงมาอีก 10 เปอร์เซนต์ของราคาทองที่ถือไว้ (ในกรณีซื้อเกินเงินที่มีเพราะเฉลีย)เช่นทองดอยราคา 25500x65.6=1672800 ต้องวางเพิ่ม 167280 เท่านั้นยังไม่พอหากคุณยังไม่พร้อมจ่ายภายใน 2 วันคุณต้องเพิ่มมัดจำอีก 30 เปอร์เซนต์ประกันความเสียงที่ทองอาจจะลงจากวันนี้ ซึ่งต้องจ่ายอีก 501840 สรุป สามรายการ 1 กิโลคุณต้องวางเงินทั้งหมด 769120 แล้วเซลโทรบอกคุณ คุณต้องหาเงินให้บริษัทภายในวันนี้เท่านั้น บางคนได้รับข้อมูล 5 โมงเย็น ไม่รู้จะหาตรงไหนทัน บริษัทก็บอกต้องคัสนะค่ะ เพื่อนดิฉันอีกคนได้ร้บข้อมูลให้หาเงินค้ำเพิ่ม ภายใตครึ่งชั่วโมงต้องหา 5แสน ไม่มีปิดพอร์ท ทางเลือกไม่มี หนทางไม่เหลือไว้ให้เดินหลังจากบางรายหาเงินค้ำได้ เซลก็จะกระหน่ำโทรบอกราคาทองจะลง 1100 ให้รีบคัส คัสตอนนี้แค่หมดตัว ไม่มีหนี้ หากไม่คัสจะหมดตัวและเป็นหนี้บริษัท เจอไม้นี้เกือบทุกคนก็ต้องคัสแม้ตัวMadeeเองก็ไม่พ้นเช่นกัน บริษัทเค้าวางเกมส์ไว้แล้วเราคือเหยื่อ ส่วนแพะโยนให้เซล เพราะเซลหนีไปแล้ว ออกไปแล้ว ฮื่อ! เหนื่อยค่ะ ข้อมูลท่ีแหลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ไม่มีเจตนาทำให้เพื่อนๆหมองไปด้วย แค่อยากแชร์ประสบการณ์แย่ๆให้รับรู้ อย่าตกเป็นเหยื่อให้เค้าอีกเลยนะ

ขอบคุณทุกกำลังใจ หากสามารถช่วยได้มากกว่านี้ก็ยินดีนะค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนี้เอเชียพุ่งท่วมหัวชนวนวิกฤต ศก.รอบใหม่

  • 28 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:42 น. |

6CC46B50401C49A3BBAEB46FDCBE05D3.jpg

 

 

โดย...พันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์

นอกเหนือจากเรื่องความกังวลของตลาดทั่วเอเชีย รวมไปถึงทั่วโลก ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจยุติหรือชะลอการใช้มาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ (คิวอี) เร็วกว่ากำหนดแล้ว อีกหนึ่งประเด็นทางเศรษฐกิจที่ต้องจับตามองไม่น้อยก็คือ “ภาวะฟองสบู่หนี้ของเอเชีย” ซึ่งปัจจุบันหนี้สินในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน หนี้ของภาคเอกชน ต่างพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดความกังวลว่าอาจนำไปสู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ในภูมิภาคได้ใน อนาคตอันใกล้นี้ และทำลายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างสดใสในขณะนี้ลง

ข้อมูลจากสถาบันแม็คคินซีย์โกลบอล ของบริษัทที่ปรึกษาแม็คคินซีย์ แอนด์ โค เปิดเผยว่า หนี้ในทุกภาคส่วนของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาต่อจีดีพีในเอเชีย เช่น จีน มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม ณ ปัจจุบัน ได้พุ่งทะยานขึ้นไปจนสูงกว่าระดับหนี้ในปี 1997 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งแล้ว โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีหลังที่ผ่านมาที่มีการขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่ระดับ 133% ต่อจีดีพีทั้งหมดในปี 2008 ขึ้นไปอยู่ที่ 155% ในช่วงกลางปี 2012

สาเหตุหลักที่ทำให้หนี้ของเอเชียพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ก็เป็นเพราะผลพวงจากกระแสทุนร้อน ซึ่งเกิดจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจ เช่น สหรัฐและยุโรป ได้ทำให้เงินทุนไหลทะลักเข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์และพันธบัตรในเอเชีย เพื่อหาส่วนต่างผลตอบแทนและมีการเติบโตที่สูงกว่า ดังนั้นจึงทำให้การเข้าถึงแหล่งระดมเงินกู้ในเหล่าผู้บริโภคและนักธุรกิจใน เอเชีย จึงทำได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำลงกว่าในอดีตที่ผ่านๆ มา

นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงที่ประจวบเหมาะกับการที่เศรษฐกิจโลกกำลังเกิดภาวะการชะลอตัว จนทำให้เหล่าบรรดาผู้กำหนดนโยบายในหลายชาติของเอเชียหันมาใช้มาตรการอัดฉีด และตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อยับยั้งผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างแดน โดยภาวะดังกล่าวได้ส่งผลข้างเคียงที่ทำให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการกู้ ยืมมีต้นทุนต่ำลง จนทำให้เกิดภาวะการกู้ยืมและการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหนี้ภาคครัวเรือนที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ

ทั้งนี้ จากการใช้มาตรการกระตุ้นดังกล่าวอย่างเคยชิน บวกกับแรงขับดันทางการเมืองที่ต้องการให้การขยายตัวเศรษฐกิจเป็นไปอย่างแข็ง แกร่ง เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง ก็ทำให้หลายประเทศเกิดอาการลังเลเมื่อต้องลดการใช้มาตรการกระตุ้นลง ไปจนถึงขั้นเสพติดการใช้มาตรการกระตุ้นและการตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำเอาไว้มาก เกินไป ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วควรลดการใช้มาตรการดังกล่าวลง เพราะภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกลับเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว

กรณีดังกล่าว จีนเคยมีบทเรียนมาแล้ว ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008 ที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นผ่านการอัดฉีดขนานใหญ่ ด้วยจำนวนเงินถึง4 ล้านล้านหยวน ส่วนธนาคารพาณิชย์จีนก็ขานรับต่อด้วยการเพิ่มสัดส่วนการปล่อยเงินกู้ไปอยู่ ที่ 33% ในปี 2009 เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 15% ในช่วง 6 ปีก่อนหน้านั้น

ทว่า หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลายลง การขยายตัวของภาคสินเชื่อในจีนกลับมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แถมยังแซงหน้าระดับจีดีพีของประเทศอีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้การกระตุ้นผ่านการอัดสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกลายเป็น เครื่องยนต์หลักในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าการพึ่งพาการส่งออกไป แล้ว

ดังนั้น จึงทำให้การควบคุมการปล่อยสินเชื่อของจีนทำได้ยากมากขึ้น เพราะจะส่งผลกระทบไปถึงเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าก่อนหน้านี้เหล่านักวิเคราะห์จะออกมาระบุว่า การเพิ่มขึ้นของระดับหนี้ในเอเชียยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ เพราะหนี้ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ที่ไม่ได้กู้ยืมมาในรูปของ สกุลเงินต่างชาติ ซึ่งต่างจากปี 1990 ที่เงินส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ในรูปเงินตราต่างประเทศ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงน้อยหากเกิดกรณีค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลงอย่างรวด เร็วขึ้นมา

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลาย ประเทศ จนเสี่ยงว่าจะเกินกว่าความสามารถที่จะควบคุมได้นั้น ได้ก่อให้เกิดความกังวลและความเสี่ยงขึ้นมาว่าอาจเกิดกรณีการผิดนัดชำระหนี้ ขึ้นมาได้ และนั่นอาจกลายเป็นตัวฉุดรั้งและทำลายการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียใน ปัจจุบันเลยทีเดียว ซึ่งกรณีดังกล่าวได้มีให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วในยุโรป

ทั้งนี้ ประเทศที่เสี่ยงจะจมกับภาวะวิกฤตหนี้มากกว่าใครเพื่อน และปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลกระเทือนไปทั้งภูมิภาคก็คือ “พญามังกรจีน”

เพราะปัจจุบันนั้นหนี้สินรัฐบาลท้องถิ่น และหนี้ของรัฐวิสาหกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นที่ 2 ของโลกได้พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ยืนยันได้จากระดับหนี้ในทุกภาคส่วนเมื่อรวมกันแล้วเพิ่มขึ้นสูงถึง 183% ต่อจีดีพีในช่วงกลางปี 2012 ขณะที่ปี 2008 อยู่ที่ 153%

ด้านจื้อเหว่ยจาง นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ คาดการณ์ว่าระดับหนี้ของแดนมังกรอาจจะพุ่งทะยานขึ้นไปมากกว่า 200% ต่อจีดีพีก็เป็นไปได้

จากระดับหนี้ที่พุ่งทะยานอย่างน่ากลัว เมื่อบวกกับปัจจัยด้านความอ่อนแอของการกำกับดูแลภาคการเงินอย่างมี ประสิทธิภาพของจีนแล้ว ก็ยิ่งทำให้ความเสี่ยงว่าปัญหาดังกล่าวจะปะทุขึ้นมายิ่งเป็นไปได้สูงมากขึ้น ไปอีก

“ระบบการเงินของจีนยังเปราะบางและเสี่ยงมากที่จะเกิดปัญหา ดังนั้นผมจึงไม่คิดว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในขณะนี้ แต่จะเป็นแหล่งกับระเบิดขนาดใหญ่” หยูหย่งดิง นักเศรษฐศาสตร์จีน ซึ่งปัจจุบันรั้งตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของธนาคารกลางจีน กล่าว

นอกจากนี้ โครงการเงินกู้ต่างๆ ที่รัฐบาลท้องถิ่นของจีนแห่ขนไปลงทุน ก็ยังมีปัญหาในแง่ประสิทธิภาพ และประสบกับการขาดทุนอีกด้วย โดยเห็นได้จากการลงทุนก่อสร้างทางด่วนพิเศษราว 4,000 ไมล์ ในตอนกลางของมณฑลหูหนาน ของบริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งโครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุนอยู่ที่ 1.74 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยอาศัยเงินกู้จากแบงก์เป็นหลัก ทว่าภายหลังจากเปิดใช้กลับไม่สามารถคืนทุนได้ เพราะมีผู้ใช้น้อยกว่าที่คาด ดังนั้นบริษัทดังกล่าวจึงต้องออกหุ้นกู้ระยะเวลา 1 ปีออกมาเพื่อหาเงินไปจ่ายหนี้จากการลงทุน

กรณีความคุ้มค่าจากการลงทุนด้วยการกู้เงินมานั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับรัฐบาลท้องถิ่นของจีนอย่างเดียวเท่านั้น เพราะ มาเลเซีย ก็มีปัญหาเฉกเช่นเดียวกัน โดยในช่วงทศวรรษ 1990 โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ามวลเบา (โมโนเรล) ที่ใช้เงินกู้จากหลายแหล่งนั้นต้องประสบกับการขาดทุน และต้องขอรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาลมาแล้วในปี 2001

ดังนั้น จึงทำให้เกิดความกังวลขึ้นมาว่า แผนการลงทุนสร้างระบบขนส่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ระยะความยาว 60 ไมล์ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ผ่านการระดมเงินจากกองทุนมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จะล้มเหลวซ้ำรอยกับโครงการโมโนเรลดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ภาวะหนี้ทั้งส่วนของภาคครัวเรือนและภาครัฐที่สูงขึ้น กลายเป็นความน่าวิตกกังวลอีกปัญหาหนึ่งที่เหล่าผู้กำหนดนโยบายในเอเชียจะ ต้องจับตาดูให้ดี

เพราะมิเช่นนั้นอาจทำให้ฝันแห่งการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจโลกในอนาคตอาจต้องดับสูญลงได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GOLD SPOT และGF เมื่อมีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย(ZERO SUM GAME) GFต้องหาคนที่มองต่างแล้วจับคู่กันถึงจะมีสัญญาซื้อขายเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครจับคู่กับใคร แต่GOLD SPOT เรามองขึ้นหรือมองลงไม่ต้องเสียเวลาหาคนที่มองต่างครับ เจ้ามือรับเอง{บริษัทที่เราซื้อขายด้วยรับแทงโดยตรงเหมือนเป็นเจ้าของบ่อน เราได้เจ้ามือเสีย เราเสียเจ้ามือได้ แต่เจ้ามืออาจกระจายความเสี่ยงไปบ่อนใหญ่ทีอื่นก็ได้นะ ถ้าลูกค้ามองเหมือนกันเยอะมากๆ จึงได้ยินมาบ่อยว่าเล่นGSบางช่วงเวลาเวปล่มบ่อยและโทรไม่ติดเลยเหมือนจงใจ ไม่รับสาย(อาจล่มจริงก็ได้)} อะไรเสี่ยงมากกว่ากัน อะไรใช้เงินลงทุนน้อยแต่ซื้อของได้จำนวนมากกว่าก็จะเสี่ยงมากกว่าครับ สนใจข้อมูลลองอ่านกระทู้นี้เพิ่มครับ

 

http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/241-gold-spot-vs-gold-future/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

7 ชั่วโมงที่แล้ว

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

General News

----------------

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นฝรั่งเศสในเดือน พ.ค.ลดลงมาอยู่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 79 จุด จากเดือนก่อน 83 จุด เนื่องมาจากเศรษฐกิจถดถอย และการขึ้นภาษีทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง

 

• ดัชนีราคาบ้านของสหรัฐในเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 10.87% จากปีก่อน เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมที่อยู่ในระดับต่ำ

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปีเป็น 76.2 จุด จาก 69 จุดในเดือนก่อน เนื่องจากราคาบ้านและดัชนีตลาดหุ้นสูงขึ้นจนส่งผลให้ฐานะการเงินของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น

 

• เศรษฐกิจของแอฟริกาใต้ในไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 0.9% ชะลอลงจาก 2.1% ในไตรมาสก่อน เพราะโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งหยุดซ่อมบำรุง ทำให้ผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวลง

 

• นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า มาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจจะช่วยให้จีนมีการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น และการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับ 7.7% ถือเป็นระดับที่เหมาะสม

 

• รมช.การค้าของจีน เปิดเผยว่า การดำเนินการของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อคุ้มครองการค้าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และจีนจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้ จีนและ EU กำลังมีข้อพิพาททางการค้าเกี่ยวกับแผงรับแสงอาทิตย์ กับเครือข่ายโทรคมนาคมไร้สาย เนื่องจาก EU อาจมีมาตรการภาษีเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดของจีน

 

• ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 97.2 จุด ลดลง 2.6 จุดจากเดือนก่อน หดตัวลง 3 เดือนติดต่อกันจากความกังวลในภาคส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

 

• ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของไทยในเดือน เม.ย.ลดลง 3.84% จากปีก่อน และลดลง 18.69% จากเดือนก่อน ด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 60.28% โดยดัชนีที่ลดลงเป็นผลมาจากวันหยุดจำนวนมากในเดือน เม.ย. และการชะลอการผลิตของผู้ประกอบการเพื่อรองรับการขาดแคลนไฟฟ้าจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงจ่ายก๊าซธรรมชาติของเมียนมาร์

 

• ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการ ธปท. เตือนว่า ไทยต้องระมัดระวังความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจากมาตรการ QE ของสหรัฐและญี่ปุ่นให้มาก เพราะแม้แต่จีนยังได้รับผลกระทบจนเศรษฐกิจอ่อนแรงลง ทั้งนี้ เชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐและญี่ปุ่นจะไม่ฟื้นตัวจากมาตรการ QE แต่ฟื้นตัวจากการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ที่สำคัญและผูกขาดตลาดได้ เช่น การค้นพบเชลแก๊สของสหรัฐ

 

• ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันว่า ไม่ได้รับแรงกดดันจากการเข้าร่วมประชุม ครม.วานนี้ และการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอยู่กับ กนง. ทั้งนี้ วานนี้ ครม.ได้เชิญหน่วยงานด้านเศรษฐกิจเข้าชี้แจงตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกัน และถือเป็นครั้งแรกที่มีการเชิญ ธปท.ให้ร่วมประชุม

 

• ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่า กนง.ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมวันนี้ เพื่อช่วยให้อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพมากขึ้น และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่ควรมีใช้มาตรการเสริมอื่นๆเข้ามาดูแลปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

 

Equity Market

---------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,619.57 จุด เพิ่มขึ้น 26.47 จุด หรือ +1.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 51,250.72 ล้านบาท เป็นการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความคาดหวังต่อการประชุม กนง.ในวันนี้ว่าน่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

-----------------------------------------------------

 

นักลงทุนสถาบัน +1,978.98

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +1,316.91

นักลงทุนต่างชาติ -2,744.95

นักลงทุนทั่วไป -550.94

 

• จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า การปรับฐานของหุ้นไทยในช่วงนี้เป็นไปตามภูมิภาค จากการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติที่กังวลเรื่องการถอนมาตรการ QE ของสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน

 

อย่างไรก็ตาม พื้นฐานตลาดหุ้นไทยในระยะกลางยังน่าลงทุน เพราะบริษัทจดทะเบียนสามารถทำกำไรได้ดีมาก และจากการที่ไทยอยู่ในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว พร้อมทั้งตั้งเป้าที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนล้านเหรียญภายใน 3 ปี จาก 4.5-5 แสนล้านเหรียญในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นตลาดหุ้นอันดับ 1 ของอาเซียน และเทียบเท่าตลาดหุ้นไต้หวัน

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้น 0.01% ถึง 0.03% โดยเป็นการปรับขึ้นในช่วงบ่ายหลังมีข่าวเกี่ยวกับความพร้อมของธปท.ในการดำเนินมาตรการดูแลเงินทุนไหลเข้าในกรณีที่เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร

 

Guru Corner

 

• Marc Faber

---------------

 

“หนี้ที่น่าเกลียด น่าขยะแขยง คือหนี้ของประเทศที่เกิดจากระบบการปกครองด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติหรือประชาชน หนี้อย่างนั้นควรเป็นหนี้ส่วนตัวของบุคคลหรือคณะบุคคลที่ก่อหนี้ ไม่ใช่หนี้ของประเทศชาติหรือประชาชนโดยรวม

 

• Nouriel Rubini

------------------

 

“พันธบัตรรัฐบาลอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดๆ ของสหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ และ ญี่ปุ่น จะผลักดันให้ผู้ลงทุนแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าในประเทศอื่นๆ.

 

ตราบใดที่เศรษฐกิจโลกยังเติบโตเพียง 1.5%-2.0% และเรายังมีเงินสะพัดจากการอัดฉีดของรัฐบาล ตลาดก็จะยังไปได้สูงกว่านี้ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้เชื่องช้ากับโดยมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ชะลอตัวลงเพราะยอดขายกับกำไรไม่ได้ดีอย่างแต่ก่อน แต่ Margin จะสูง จะฟองสบู่ในราคาทรัพย์สินต่างๆ (เพราะมีต้นทุนกู้ยืมที่ต่ำตามอัตราดอกเบี้ย โดยกู้ได้ถูก แล้วเอาไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทำให้ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้นสูง)

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการปรับฐาน แล้วฟองสบู่ก็จะแตกภายใน 1-2 ปีข้างหน้า”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีคนไปร้านทองในเมืองลุงแซมแล้วเอาข้อมูลมาฝาก

  • ตอนที่ราคาโดนทุบครั้งแรก คนเข้ามาแย่งกันซื้อมากจนของขาด
  • ผ่านไปได้ซักอาทิตย์กว่าๆ พอราคาเริ่มนิ่งหน่อย ปริมาณคนขาย กับคนซื้อ เฉลี่ยประมาณครึ่งๆ
  • อย่างไรก็ดี ของที่มีในตู้โชว์ ก็น้อยกว่าปกติ
  • ทองคำแท่งสวิส/ออสเตรเลีย ๑ ออนซ์ แบบซีลอย่างดี พรีเมี่ยม ๕๐ เหรียญ
  • เหรียญซิลเว่อร์อีเกิล และแคนาดา พรีเมี่ยม ๑๐ เหรียญ
  • เงินแท่งโนเนม พรีเมี่ยม ๕ เหรียญ
  • วัลคัมบิ (คอมบิบาร์) หนัก ๕๐ กรัม ที่แกะออกมาได้เหมือนชอกโกเแลต ที่คุณเน็กซ์นำคลิปมาฝาก ร้านนี้ไม่สั่งเข้า เพราะว่า ราคาร้านรับมา ค่าพรีเมี่ยมคิดแล้วก็ ๒๐๐ เหรียญ/ออนซ์ ขืนรับมาขาย ค่าพรีเมี่ยมคงสุดๆ ไม่มีใครซื้อ

 

ช่วงนี้เลิกตามข่าวแล้วสบายใจจริงๆ

:uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ช่วงนี้เลิกตามข่าวแล้วสบายใจจริงๆ

:uu

 

คิดอย่างนี้เหมือนกันเลยครับ

 

:21

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
มีคนไปร้านทองในเมืองลุงแซมแล้วเอาข้อมูลมาฝาก

 

เคยดูข่าว แล้วลูกชายหมอกฤชรัตน์ เล่าว่าในเมกา ไม่มีร้านทอง คนจะซื้อต้องซื้อผ่านกองทุน?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...