ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

18เดือนจากวันที่โพส ก็ประมาณกลางปี2014 สื่ออะไรหรือเปล่า หรือเพราะคาดว่าดอลลาร์ล้มก่อนกลางปีหน้า เลยห้ามออกเรตติ้งเป็นเวลา18เดือน หลังจากนั้นดอลลาร์ล้มแล้ว จะให้เรทติ้งอะไรก็ได้

 

:01 ขอบคุณครับ ผมไม่ค่อยขยัน เลยไม่ได้ไปเปิดย้อนหลังหามาดูว่าตกลงบ.นี้โดนแบนนานเท่าไหร่

 

ต้นปีหน้า โป๊งเหน่งออก มีคนใหม่เข้ามา คงมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร ถ้าตามที่ มาร์ตินว่า กว่าทองจะขึ้น ก็ประมาณ ๒๐๑๕

ทางเทคนิค หลายๆท่านก็ว่าทองจะลงต่ออีกนาน ... งานนี้ใครเก็บของจริง แล้วกำไรหด หรือติดลบ คงต้องประเมินเอาดีๆแล้ว

 

คิดเหมือนผมเลยครับ มีเรื่องการถอนของจริงออกจากคลังตั้งแต่ต้นปี

จนตอนนี้ เจพีมอรอน มีทองในคลังน้อยกว่าที่ต้องส่งมอบ แต่กลับไม่มีใครออกมาฟ้องร้องอะไร(default)

มีคนจาก goldmoney.com มาให้ความเห็นว่า ทองที่ส่งมอบ ไม่สมดุลกับในคลัง เขาเลยตั้งสมมุติฐานว่า พวกธนาคารต่าง ๆ ได้ใช้ทองที่ยื้มจากธนาคารกลางมาส่งมอบ เป็นแบบนี้ทั้งใน LBMA และ COMEX

 

ตอนนี้เหมือนรออะไรบางอย่างอยู่

 

ถ้าว่าตามมาร์ตินฯ เรื่องของน้อยกว่าจำนวนส่งมอบ เป็นเรื่องไม่แปลกครับ เพราะไม่ใช่คนเล่นฟิวเจอร์ทุกคนที่จะร้บของจริงตอนปิดสัญญา เพราะฉะนั้น การที่ของน้อยกว่าจำนวนสัญญาในระบบถือว่าไม่แปลก ....

 

ตลาดขาลงแบบนี้ ตามข่าวน้อยลง หันไปหามีด ลับมีด ไว้รบคราวต่อไปอยู่ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุณครับ ผมไม่ค่อยขยัน เลยไม่ได้ไปเปิดย้อนหลังหามาดูว่าตกลงบ.นี้โดนแบนนานเท่าไหร่

ไม่ใช่ขยัน เผอิญเนื้อหาที่คุณwcgลง มีชื่อบริษัทอยู่แล้ว น่าจะใช้เป็นคีย์ในการค้นหาไม่อยาก ลองกดค้นหาดูก็เจอเลย ลองไม่มีkey wordผมไม่หาครับ

 

เคยมีคนโพสตอบคุณหมอเล็ก เรื่องทำไมดอกเบี้ยขึ้นแล้วราคาพันธบัตรถึงถูกลง ซึ่งมีเพื่อนอยู่ท่านนึงตอบได้ดีมาก พยายามหาหลายครั้งแล้วแต่หาไม่เจอ มีคนถามเรื่องนี้ในเฟซผม ใครรู้ว่าเนื้อหานี้อยู่หน้าไหนช่วยบอกด้วยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุดท้ายแล้ว เมื่อถึงปลายปีแล้วจะยุติคิวอีจริงมั้ย หรือจะ จะ จะ อีกนาน อนาคตจะเฉลย แต่คำว่าจะก็ได้ผลอะไรเยอะตามที่เขาต้องการแล้ว

----------------------------------------------------------------------------------

• เจมส์ บุลลาร์ด ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์ ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเวลานี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังต่ำ แต่ควรดำเนินการเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณเติบโตอย่างแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นสู่ระดับเป้าหมายแล้ว

 

• Credit Suisse ระบุว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฟื้นตัวได้ชัดเจนมากและมีแนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นในอนาคตจาก

 

1) การค้นพบ Shale Gas ทำให้สหรัฐนำเข้าพลังงานลดลง ส่งผลให้การขาดดุลการค้าลดลงตามไปด้วย

 

2) ภาคอุตสาหกรรมเริ่มโยกย้ายการผลิตกลับสู่สหรัฐอีกครั้ง

 

3) ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่สหรัฐ

 

ทั้งนี้ จากอดีตที่ผ่านมานั้นการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้ก่อให้เกิดวิกฤติในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาโดยตลอด และครั้งนี้ก็มีโอกาสที่อดีตจะย้อนรอยอีกครั้ง

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

25 มิถุนายน 2556

 

General News

----------------

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรม นีของ IFO ในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ 105.9 จาก 105.7 ในเดือน พ.ค. สะท้อนว่า เศรษฐกิจเยอรมนีเริ่มฟื้นตัว หลังจากที่ชะลอลงในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอิตาลีในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ 95.7 เทียบกับ 86.4 ในเดือน พ.ค. เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศปรับตัวดีขึ้น

 

• ก.คลังของอังกฤษบรรลุข้อตกลงกับหน่วย งานต่างๆ เรื่องงบประมาณรายจ่าย ตามเป้าหมายที่จะลดค่าใช้จ่าย 11,500 ล้านปอนด์ ระหว่างปี 2558 -2559 เพื่อช่วยลดการขาดดุลงบประมาณ

 

• เจมส์ บุลลาร์ด ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์ ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเวลานี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังต่ำ แต่ควรดำเนินการเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณเติบโตอย่างแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นสู่ระดับเป้าหมายแล้ว

 

• ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศของสหรัฐโดย FED สาขาชิคาโกประจำเดือน พ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก -0.52 ในเดือน เม.ย.มาเป็น -0.30 โดยเฉพาะการผลิตและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีติดลบหมายถึงกิจกรรมการผลิตยังคงขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

 

• Credit Suisse ระบุว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฟื้นตัวได้ชัดเจนมากและมีแนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นในอนาคตจาก

 

1) การค้นพบ Shale Gas ทำให้สหรัฐนำเข้าพลังงานลดลง ส่งผลให้การขาดดุลการค้าลดลงตามไปด้วย

 

2) ภาคอุตสาหกรรมเริ่มโยกย้ายการผลิตกลับสู่สหรัฐอีกครั้ง

 

3) ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่สหรัฐ

 

ทั้งนี้ จากอดีตที่ผ่านมานั้นการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้ก่อให้เกิดวิกฤติในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาโดยตลอด และครั้งนี้ก็มีโอกาสที่อดีตจะย้อนรอยอีกครั้ง

 

• ธ.กลางจีน (PBOC) ยืนยันเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบรัดกุม แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจีนต้องทำการปรับปรุงการจัดสรรทรัพยากรด้านการเงินให้ดียิ่งขึ้นด้วยการควบคุมการปล่อยสินเชื่อและปรับปรุงการบริหารสภาพคล่องของ ธ.พาณิชย์

 

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยระบุว่าสภาพคล่องในระบบธนาคารของจีนขณะนี้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและภาวะเศรษฐกิจทั่วไปยังคงมีเสถียรภาพ

 

• Moody’s ระบุว่า การที่ ธ.กลางจีนจะไม่ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์สภาพคล่องตึงตัว เพราะต้องการควบคุมการเติบโตของสินเชื่อนั้น อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงตามมา ทั้งในแง่ของหนี้เสียที่จะเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการแข่งขันในการดึงดูดเงินฝากที่รุนแรง โดยเฉพาะในส่วนของ ธ. ขนาดกลางและขนาดย่อมที่พยายามลดการพึ่งพาตลาดอินเตอร์แบงก์ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อต่อส่วนต่างดอกเบี้ยรับของธนาคาร โดยอาจส่งผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือได้

 

• Credit Suisse คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้จะเติบโตเพียงระดับ 7.4% เนื่องจากการส่งออกที่เติบโตลดลงประกอบกับที่ภาครัฐจะยังไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับปัญหา Shadow Banking (สถาบันการเงินที่ไมใชธ.พาณิชย แตสามารถทําธุรกรรมทั้งการระดมทุนและ การลงทุนได เช่น Trust Funds และ Wealth Management Products (WMP)) ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 43.9% ของ GDP จากสภาพคล่องที่ล้นระบบของจีนในช่วงก่อนหน้านี้ ได้ไปลงทุนในหุ้นกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์และหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นที่นำไปลงทุนในโครงการท้องถิ่นที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนจะไม่ได้รับการชำระหนี้คืน และส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของจีนได้

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดูดซับสภาพคล่องของธ.กลางจีนที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะสั้นพุ่งขึ้นแตะ 13% นั้น นอกจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Shadow Banking แล้ว ยังเกิดความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคการเงิน โดยเฉพาะธ.พาณิชย์ขนาดเล็กที่อาจเกิดการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงจนอาจต้องปิดตัวลงในที่สุด อย่างไรก็ตาม การที่จีนมีหนี้สาธารณะในระดับต่ำเพียง 15% ของ GDP ทำให้มีความสามารถที่จะกู้ยืมหากเกิดวิกฤติได้

 

• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสิงคโปร์ในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาอาหารและค่าบริการทางด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น

 

• สนง. เศรษฐกิจการคลัง เตรียมลดประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ จากที่ประมาณไว้ที่ 5.3% เพราะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวล่าช้ารวมถึงการบริโภคภาย ในประเทศเริ่มแผ่วลง

 

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยบวกที่คาดว่าจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้แก่

 

1.) ระดับราคาสินค้าที่ยังไม่สูง

 

2.) การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการจะช่วยให้การบริโภคภาคเอกชนไม่ให้ชะลอตัวมากนัก

 

3.) อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับตํ่า

 

4.) อุตสาหกรรมภาคบริการโดยเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

• ธ.กรุงเทพ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้มาอยู่ที่ 4% จากเดิม 4%-5% พร้อมลดเป้าหมายสินเชื่อในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 6% จากเดิม 6%-7% เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัวหลังจากนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐได้สิ้นสุดลง

 

• ผู้ประกอบการข้าวไทย คาดการณ์ว่า การส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่ดีขึ้น แม้ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง เนื่องจากราคาข้าวที่สูงกว่าคู่แข่งส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาจำหน่ายข้าวในประเทศแทน แม้ว่าจะมีการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงก็ตาม

 

Equity Market

----------------

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

นักลงทุนสถาบัน +2,340.98

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -1,168.84

นักลงทุนต่างชาติ -2,329.51

นักลงทุนทั่วไป +1,157.37

 

• SET Index ปิดที่ 1,364.09 จุด ลดลง 36.41 จุด หรือ -2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,017.36 ล้านบาท โดยดัชนียังคงผันผวนและลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจชะลอตัวลงอันเนื่องมาจากวิกฤตสภาพคล่องในระบบการเงินรวมถึงการดำเนินมาตรการคุมเข้มด้านการเงินของ ธ.กลางจีน

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น ในช่วง 0.05% ถึง 0.10% โดยเฉพาะตราสารที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39,430 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตราสารหนี้ทุกประเภท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลิ่นสงครามแรงขึ้นเยอะ การตัดสินใจทุ่มเทการสนับสนุนทางการทหารของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เฟรนด์ส ออฟ ซีเรีย” ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ จอร์แดน อียิปต์ อิตาลี เยอรมนี และฝรั่งเศส มีขึ้นหลังจากตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมากองกำลังของฝ่ายรัฐบาลซีเรียเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะและสามารถยึดคืนพื้นที่ต่างๆ จากฝ่ายต่อต้านได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รัฐบาลซีเรียได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านกำลังพลและอาวุธจากทั้งรัสเซีย อิหร่าน และนักรบกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ถ้าสงครามขยายฐานไปเยอะ อะไรจะขึ้น อะไรจะลง

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000075939

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

เคยมีคนโพสตอบคุณหมอเล็ก เรื่องทำไมดอกเบี้ยขึ้นแล้วราคาพันธบัตรถึงถูกลง ซึ่งมีเพื่อนอยู่ท่านนึงตอบได้ดีมาก พยายามหาหลายครั้งแล้วแต่หาไม่เจอ มีคนถามเรื่องนี้ในเฟซผม ใครรู้ว่าเนื้อหานี้อยู่หน้าไหนช่วยบอกด้วยครับ

 

น่าจะตรงนี้ครับ http://www.thaigold....post__p__394618 ก็อปมาให้ทั้งหมดเลยเลยจะได้ไม่ต้องคลิกไปอ่าน

 

ขอลองตอบบ้างครับ

คือ พันธบัตรแท้จริง คือ คูปองตัวนึง ที่มูลค่า 1000$ แต่มีตัวเลขกำกับไว้ว่า จะจ่ายผลตอบแทน จำนวนนึง สมมติ 20 $ ก็หมายถึง 2 % ต่อปีครับ ถ้าเราไปซื้อ คูปองใบในราคา $1000 ไม่ว่า จะเกิดอะไรน้ำท่วม โดนนิวเคลียส ถ้ารัฐบาลไม่เบี้ยว คนถือก็ได้ผลตอบแทน 2 %

 

เวลาผ่านไป เฮียเบอร์นันเก้ บอกว่า อยากลดดอกเบี้ยของตลาดโดย QE หรือ พิมพ์เงินซื้อพันธบัตร ก็หมายความว่า เค้าพยายามเข้ามาซื้อ พันธบัตรที่เราถือเนี่ย สมมติว่าเค้ามีเลขในใจ คือ 1.5 % แต่ในตลาดมีพันธบัตรแบบเรามากมาย ทุกคนก็มีต้นทุน $1000 และเก็บถ้าเก็บไว้ 1 ปีรัฐบาลต้องจ่าย 20 $ ทุกปี เฮียเบอร์นั้นเก้ต้องยินดีซื้อพันธบัตรของทุกคนให้หมดทุกใบในราคาไม่ต่ำกว่า $1333 ครับ แล้วปล่อยให้คนที่จะขายเกินกว่า $1334 เป็นต้นถึงจะอยู่ในตลาดได้ เพราะ คนอื่นที่ซื้อพันธบัตรใบนี้ที่ราคา 1334 แต่ก็ยังได้เงินจากรัฐบบาล แค่ 20$ เหมือนเดิมครับ เค้าจะได้ผลตอบแทนแค่ 20/1334*100 = 1.49 เท่านั้น

 

จะเห็นว่า ตัวราคาพันธบัตร เพิ่มจาก 1000 ไป 1333 เลยที่เดียว คนซื้อที่ราคา 1000 ได้กำไร 333 เลยครับ ดังนั้น ที่กล่าวว่า พันธบัตรราคา และเป็นฟองสบู่ครับ เพราะ คนที่ถือพันธบัตรก่อนมี QE 1 2 3 จะกำไรมหาศาลครับ และจะกำไรต่อไปถ้าเฮียเบนเปลี่ยนเป้าดอกเบี้ยให้ลงไปอีก สมมติเป็น 1.25 ก็กำไรต่อครับ

 

คำถามของคุณหมอเล็กถามว่า ใครจะไปซื้อของแพง ผลตอบแทนต่ำเนี่ย งง

คนซื้อก็คงจะคิดว่า เฮียเบนจะพยายามพิมพ์เงินมาซื้อไงครับ ให้ดอกมันต่ำไปอีก เข้าก็กำไรแล้วครับ ขอแค่เฮียเบนทำดอกต่ำได้จริง ไม่มีขาดทุนครับ

แต่ถ้าเฮียเบนทำไม่ได้ล่ะ แล้วเหตุการณืไปคล้ายกะ อิตาลี สเปน คือ ดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้นไปเป็น 7 % ( จากการขายพันธบัตรชุดใหม่จากกว่าประมูล พันธบัตรชุดนี้ก็ใบ $ 1000 แต่ีตัวเลขกำกับผลตอบแทน 70$ )

 

เหตุการณ์นี้จะทำให้คนที่ถือ ผลตอบแทน 20 $ ไม่่ว่าจะซื้อราคามาเท่าไร 1000 เหมือนราคาคูปอง หรือ ราคาเท่าเฮียเบน (โดนเฮียเบนหลอก ) ชีวิตหนักทันที่เพราะ ถ้าเอาไปขาย ต้องขายถูกมาก ประมาณ 285 เท่านั้น เพราะ คนที่ซื้อไปยังไงก็ได้ผลตอบแทนแค่ 20$ คนซื้อจะต้องซื้อในแค่ราคาประมาณ 285$ ( 20/285 = 7% ) ใครที่ไปซื้อพันธบัตรใบที่ให้ผลตอบแทน 20 $ แล้วเวลาต่อมาเจอรัฐบาลออกพันธบัตรที่จ่าย 70 $ ก็จะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 700$ ครับ จากต้นทุน 1000 $

 

เป็นหลักการคร่าวๆ นะครับ กระบวนการจริงๆของ พันธบัตรอเมริกายังมีอีกเยอะ สนใจเปิด wiki ครับ อธิบายละเอียดดีครับ

แก้ไขโดย magnataur, 07 มกราคม 2013 - 21:57.

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้างล่างนี่ผมอ่านแล้วพอเข้าใจที่ไม่กล้าแปลเพราะมันไม่เข้าใจพอที่จะแปลให้เป็นสำนวนของผมได้ ถ้าใครพอสรุปได้รบกวนด้วยครับ มันตรงกับเรื่องที่คุณส้มโอมือถามถึงพอดี พอดอกแพงขึ้น เฟดก็ต้องใช้เงินเข้ามาซื้อเพื่อกดดอกให้ต่ำลง ถ้าถือไว้เฉยๆราคาที่อยู่ในมือก็ตกลงจนขาดทุน 35b ในวันเดียว

 

from Bill H:

 

The button has been pushed...ready or not.

 

This week has started off miserably. China had problems within their banking system last night as bank transfers, ATM's, online banking and wires did not work. Europe announced that their E500 billion bailout fund for banks is no longer the case, they now say that 60 billion Euros will be the limit...retroactively. To put this in perspective, Spain had already been promised 100 billion Euros for their banking system, I guess the money is not coming? Our stock market has started the day down 230 points and the 10yr. Treasury yield is now 2.64%, this is another .12 basis points higher on the day and now nearly 70% higher than it was back in April. (แค่ลุงเหน่งบอกว่าจะทะยอยเลิกซื้อเท่านั้นเอง ดอกก็เริ่มทะลุฟ้าแล้ว เลิกจริงเมื่อไร หุหุ ลุงแกไม่กล้าเลิกหร็อกครับ)

 

As I wrote over the weekend, this is "one gigantic global margin call". Please understand how many of these interest rate derivatives work. When the rates go against you, "margin" must be posted. By "margin" I mean collateral. Collateral must be shifted from the losing institution to the one on the winning side. When the loser "runs out" of collateral...that is when you get a situation similar to MF Global or Lehman Bros., they are forced to shut down and the vultures then come in and pick the bones clean...normally. Now it is no longer "normal", now a Lehman Bros. will take the whole tent down.

 

To put in perspective what is happening, Zerohedge calculated that the Fed lost $35 billion this morning alone and $250 billion over the last 2 monthshttp://www.zerohedge.com/news/2013-06-24/meanwhile-10-year . The Fed only has (had) $65 billion of equity capital yet in just several hours they lost half of it...again...this is because they hold $3.5 trillion in assets. This is the equivalent of a trader putting up $2 and buying $100 worth of assets, they have 50-1 leverage. They may not even be the most egregious out there, there are derivative contracts that are over 100-1 leverage that must post collateral each day, at least the Fed doesn't have to post any collateral against losses because they can be "trusted".

 

Can you see what is happening? The "button has been pushed" either on purpose, inadvertently or because "they had to". Banking laws over the last 3 months have been altered to allow "bail ins" where depositors lose rather than governments "bailing out" losing banks. Do you think that these laws were changed by mistake? Or inadvertently? No, the laws were changed because they KNEW this was coming. Now control has been lost in the sovereign government bond markets which are creating "losers" all over the place. The problem now is that the entire world's banking system is a chain, a daisy chain where if one goes down...they all go down. Yes yes I know, there are those running around saying "but we are hedged"...so there is nothing to worry about. Really? Someone, somewhere is on the losing side of the trade. With over a $1 quadrillion (with a big fat capital Q) derivatives market a 5% move creates over $50 trillion worth of winners and losers. Do you know of any institution that could absorb even a small piece of this? What if a JP Morgan took only 2% of this loss, could they pony up $1 trillion? Maybe... and only... if they could use customer funds would be my first thought

 

Unfortunately it looks like the U.S. Treasury market is experiencing some forced selling. This may abate and we may get a rally where everyone thinks "whew, that was close". This happens almost always during a crash sequence. "The worst is over" and confidence briefly comes back, this would not surprise me at all. Don't be fooled by this however as the detonation has already occurred and cannot be reversed.

 

I must confess that I had no idea that China's banking system went into seizure mode until I woke up this morning. I mention this because as you know I believe that when this comes it will be a Monday morning event. Will it be China? Japan or Europe? Surely not the U.S.?! Will it be the banks? Or will it be a broker, insurance company or even a sovereign govt. itself? I don't know and it really doesn't matter because the result will be the same no matter where "the chain breaks".

 

Please ask yourself this question, "if I woke up this Monday morning, today, in retrospect, and the world had blown up financially over the weekend where the banks did not open for whatever reason...would I have been ready for it? Maybe a bad question because NO ONE can ever really be ready for it but have you done everything that you think necessary? This is a very real question. What would you be doing right now if the banks didn't open this morning? Would you go to work? Would you be going nuts and trying to scramble to figure out a way to buy food for the next week? Would you be calling your broker to see if they could cut you a check (which no bank could cash until "later")? What would you be doing?

 

I could go on and on but you really do need to ask yourself this question now because the threat is not only real, mathematically this is what will come...whether you are ready or not. Regards, Bill H. Miles Franklin Associate writer

 

 

 

ดอกพันธบัตร 10 ปี โด่งขึ้นฟ้า

 

10%20Y%206.24_0.jpg

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เดือน พค. ธนาคารกลางรัสเซียซื้อเข้าอีก 2 แสนออนซ์(เกือบ 9 ตัน)

 

I hear that J P Morgan has stealthily gone net long gold now after beating down the price. Would having the biggest banks go long gold and then letting it be revalued higher be one way to recapitalize them? It seems as though recapitalizing them through insider information is the mode du jour.

 

Silly idea huh? Well that is what the did in 1933. They took the gold out of official circulation, and out of the hands of the people, and then revalued it significantly higher, and used it to recapitalize the remaining banks after purging the insolvent banks during a bank holiday.

http://jessescrossroadscafe.blogspot.com/2013/06/what-kind-of-fools-are-buying-gold.html

 

130621Russian_Reserves.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุณครับ ผมไม่ค่อยขยัน เลยไม่ได้ไปเปิดย้อนหลังหามาดูว่าตกลงบ.นี้โดนแบนนานเท่าไหร่

 

ต้นปีหน้า โป๊งเหน่งออก มีคนใหม่เข้ามา คงมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร ถ้าตามที่ มาร์ตินว่า กว่าทองจะขึ้น ก็ประมาณ ๒๐๑๕

ทางเทคนิค หลายๆท่านก็ว่าทองจะลงต่ออีกนาน ... งานนี้ใครเก็บของจริง แล้วกำไรหด หรือติดลบ คงต้องประเมินเอาดีๆแล้ว

 

 

 

ถ้าว่าตามมาร์ตินฯ เรื่องของน้อยกว่าจำนวนส่งมอบ เป็นเรื่องไม่แปลกครับ เพราะไม่ใช่คนเล่นฟิวเจอร์ทุกคนที่จะร้บของจริงตอนปิดสัญญา เพราะฉะนั้น การที่ของน้อยกว่าจำนวนสัญญาในระบบถือว่าไม่แปลก ....

 

ตลาดขาลงแบบนี้ ตามข่าวน้อยลง หันไปหามีด ลับมีด ไว้รบคราวต่อไปอยู่ครับ

 

ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึง จำนวน Delivery notice เป็นจำนวนส่งมอบจริงๆ ไม่ใช่จำนวนสัญญาคงค้างครับ

ลองคิดดูนะครับ ถ้าไม่อยากได้ของจริง แล้วจะถือจนหมดสัญญาทำไม เพราะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ผมนึกออก

- จ่ายเงินเต็มจำนวน ณราคาที่ซื้อด้วยไม่ใช่ราคาปัจจุบัน (ราคาปัจจุบันน้อยกว่าสองเดือนก่อน)

- ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

- ค่าเก็บรักษาทองในคลัง ตั้งแต่ที่มีการส่งมอบ ใบฝากทอง เพราะฉนั้น คนถึงรีบส่งมอบกันวันแรกของเดือน จะได้ไม่ต้องเสียค่าเก็บ

 

เท่าที่ผมดูตลาด Comex เหมือนมีคนส่งมอบ แล้วคนซื้อก็ฝากทองไว้ในตลาดต่อไป แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผล กับค่าใช้จ่ายข้างบนครับ เลยตั้งสมมุติฐานว่า มีการส่งมอบของจริงเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่ได้ใช้ทองที่ฝากไว้ตลาด Comex

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้างล่างนี่ผมอ่านแล้วพอเข้าใจที่ไม่กล้าแปลเพราะมันไม่เข้าใจพอที่จะแปลให้เป็นสำนวนของผมได้ ถ้าใครพอสรุปได้รบกวนด้วยครับ มันตรงกับเรื่องที่คุณส้มโอมือถามถึงพอดี พอดอกแพงขึ้น เฟดก็ต้องใช้เงินเข้ามาซื้อเพื่อกดดอกให้ต่ำลง ถ้าถือไว้เฉยๆราคาที่อยู่ในมือก็ตกลงจนขาดทุน 35b ในวันเดียว

 

from Bill H:

 

The button has been pushed...ready or not.

....

ดอกพันธบัตร 10 ปี โด่งขึ้นฟ้า

 

 

 

ถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้น ตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ในเวลาแค่สองเดือน ดอกขึ้นจาก 1.6% ไป 2.2% ก่อนเบนเบอนาเก้ ออกมาพูดว่าจะลด QE เพราะฉนั้นความหมายจริงๆ ของการลด QE(tapper) คือเฟดสูญเสียการควบคุมดอกเบี้ย จึงไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะทำหรือเพิ่ม QE ต่อไป

 

เพราะฉนั้นนี้คือการเตรียมตัวสำหรับฟองสบู่พันธบัตรที่กำลังจะแตก

6-24am10yr.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้ตลาดที่หน้าจับตามองการเปลี่ยนแปลง คือ ตลาด bond ของรัฐบาลต่างๆครับ เพราะ ราคา bond ลดลงไปมาก ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ( คนถือขาดทุนเยอะมาก ไม่ต่างจากคนถือหุ้น )

 

http://www.bloomberg.com/markets/rates-bonds/

 

 

จะเห็นว่า yield เพิ่มขึ้น 0.4 -1.00 % กันทุกประเทศ

 

คนอาจจะอธิบายว่า เพราะ ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดขนาด qe ทำให้ yield เพิ่ม ก็อาจจะจริง

 

แต่ อย่าลืมว่า ลุงเบนบอกว่า อาจลดปีหน้า และหยุด สิ้นปีหน้า ปีนี้ยังมีอีก 6 เดือนที่ยังจะไม่ลด qe ดังนั้น นี่อาจเป็นสัญญาณว่า เฟดกะลังคุมดอกเบี้ยไม่อยู่ ( หมายถึงดอกเบี้ยพันธบัตรอเมริกา ส่วนดอกเบี้ยอ้างอิงคุมสบาย 0 % โลด )

 

ถ้าคุมไม่อยู่ ดอกเบี้ยขึ้นเรื่อย ๆ จะเกิดความเสียหายกับ banking sector ทันที คือ bank ที่รับเงินฝากประชาชนในดอกเบี้ย 0-0.5 % ไปกินส่วนต่างกับ พันธบัตรรัฐบาล10 ปี ที่ 1.5-2.0 % ( ตอนนี้ 2.5 % ล่ะ ) ถ้า ราคาพันธบัตรลดลงจาก yield ที่เพิ้มขี้น เกิดทันที loss คครับ ยิ่งดอกขึ้นเยอะ ยิ่งขาดทุนเยอะครับ เหมือบ bank ต่างๆ ในยุโรปที่ขาดทุนจากาการถือ พันธบัตรประเทสกรีซ ประเทสที่ใหญ่ประมาณไทย แต่ทำเอาธนาคารยุโรป เกือบเจ้งระนาว

 

ก็ต้องดูต่อไปครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้น ตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ในเวลาแค่สองเดือน ดอกขึ้นจาก 1.6% ไป 2.2% ก่อนเบนเบอนาเก้ ออกมาพูดว่าจะลด QE เพราะฉนั้นความหมายจริงๆ ของการลด QE(tapper) คือเฟดสูญเสียการควบคุมดอกเบี้ย จึงไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะทำหรือเพิ่ม QE ต่อไป

 

เพราะฉนั้นนี้คือการเตรียมตัวสำหรับฟองสบู่พันธบัตรที่กำลังจะแตก

 

สงสัยว่า "ฟองสบู่พันธบัตรแตก" มันคืออะไรหรอครับ แล้วสิ่งนี้จะมีผลอย่างไรกับตลาดบ้างครับ

 

:38 :38

--------------------------------------

 

เหมือนว่าคุณ magnataur จะตอบให้แล้วตอนกำลังพิมพ์ถาม :D

 

มีข้อสงสัยต่อครับคือ ยิ่งดอกพันธบัตรรัฐบาลเยอะทำไม bank ถึงยิ่งขาดทุนอะครับในเมื่อ

 

กำไรที่ได้จากการกินส่วนต่างของประชาชนที่ฝากเงินไว้กับดอกพันธบัตรรัฐบาล ยิ่งดอกพันธบัตรรัฐบาลมากก็ยิ่งได้กำไรไม่ใช่หรอครับ

 

:38 :38

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้น ตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ในเวลาแค่สองเดือน ดอกขึ้นจาก 1.6% ไป 2.2% ก่อนเบนเบอนาเก้ ออกมาพูดว่าจะลด QE เพราะฉนั้นความหมายจริงๆ ของการลด QE(tapper) คือเฟดสูญเสียการควบคุมดอกเบี้ย จึงไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะทำหรือเพิ่ม QE ต่อไป

 

เพราะฉนั้นนี้คือการเตรียมตัวสำหรับฟองสบู่พันธบัตรที่กำลังจะแตก

 

 

การขึ้นก่อนของกราฟ อาจหมายถึง การที่ข่าวรั่ว หรือคนถึงข้อมูลก่อนว่าเฮียเบนจะพูดอะไร ลงมือก่อนทำให้กราฟกระดกขึ้นก่อนอย่างที่คุณงูเคยกล่าวไว้หรือเปล่าครับ

 

ขอถามโง่ๆ อีกข้อ ครับ ดอกเบี้ยพันธบัตร กับดอกเบี้ยนโยบายนี่อันเดียวกันหรือเปล่าครับ

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้ามองตามที่มาร์ตินฯมอง เขาบอกว่า เงินจะเฟ้อ เมื่อดอกเบี้ยขึ้นเท่านั้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ wcg ครับ ที่ว่าลดอันดับความน่าเชื่อถือฮ่องกง กับ China Credit Crunch นี่เรื่องเดียวกันหรือเปล่าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...