ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

แล้วเงินแท่งนี่ ตกลงเข้าจะขายกันตามแถวไหนครับเนี่ย ได้ยิงแว่วๆ ว่าจะมีขายกันแล้ว

 

จากเนื้อข่าวเขาอาจจะมีการขายเงินแท่งแล้วก็ได้ครับ สงกรานต์ผมจะหยุดมากกว่าที่อื่น ถ้าไม่ได้ไปไหนจะโทรไปถามถ้ามีคงเข้าไปซื้อ YLG ชู Silver ผลตอบแทนดีกว่าทอง เทรดถึงเที่ยงคืน

 

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:02:47 น. นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่โลหะเงิน หรือ Silver 99.99% เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนมากขึ้น โดยเน้นลูกค้าที่เป็นกลุ่มส่งออก Silver โดยจะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสินค้าใหม่สำหรับการลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้แล้วการเพิ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังเป็นการรองรับบริษัทตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TFEX) จะเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงโลหะเงิน หรือ Silver Futures ภายในปีนี้

 

สำหรับ Silver 99.99% เปิดบริการซื้อขายจนถึงเวลา 24.00 น. ซึ่งเป็นราคา real time อ้างอิงราคาตามตลาดโลกเช่นเดียวกับทองคำ นอกจากนี้ยังมีรายงานสดราคา Silver ผ่านเว็บไซต์ การดูราคา Silver ผ่านมือถือด้วย YLG Application บน iPhone รวมถึงบทวิเคราะห์รายวัน เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ฉับไว และสามารถแนะนำทิศทางการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้ามียอดเทรดภายในปีนี้ประมาณ 120 ตัน[/color]“ราคาโลหะเงินและราคาทองคำ มีทิศทางและการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน แต่ในช่วงนี้สัดส่วนของการปรับขึ้นของราคาโลหะเงินมีมากกว่าราคาทองคำ ขณะที่การปรับลงของราคามีน้อยกว่า เพราะได้รับปัจจัยหนุนหลักจากความต้องการโลหะเงินของประเทศจีนที่สูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยในปี 2553 อยู่ที่ 10.3% ประกอบกับประชากร ประมาณ 5% ได้ปรับฐานะทางการเงินจากคนยากจนมาเป็นชนชั้นกลาง ส่งผลให้ความต้องการใช้โลหะเงินเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าเพื่อส่งออก และใช้ภายในประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย โดยปี 2553 มียอดนำเข้าโลหะเงิน 3,500 ตัน มากกว่า 3 เท่าตัวเทียบจากปีก่อนหน้านี้ จากอดีตที่จีนเป็นผู้ส่งออกโลหะเงินมาโดยตลอด” นางพวรรณ์ กล่าว

 

นางพวรรณ์ กล่าวว่า ราคาโลหะเงิน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 49 % ในปี 2552 และ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 83 % ในปีที่ผ่านมาหรือปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วถึง 173 % จากระดับราคา 11.3 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อสิ้นปี 2552 มาอยู่ที่ ระดับ 30.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา สำหรับในปี 54 วายแอลจีประเมินในเชิงบวกโดยคาดว่าราคาโลหะเงินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 24 – 38 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อราคาโลหะเงิน คือแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้จะทำให้ความต้องการโลหะเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจะลดลง แต่การความต้องการเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นและจะส่งผลผลักดันให้ราคาโลหะเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงความต้องการโลหะเงินในจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความต้องการเพื่อใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ อาทิ นำโลหะเงินมาใช้ในโซล่าเซลล์ ในแบตเตอรี่หรือที่เรียกว่า Silver–zinc batteries ที่เป็นการคิดค้นเพื่อนำไปใช้กับแบตเตอรี่ที่ต้องการคุณภาพสูงอย่างในโน๊ตบุ๊ค และมือถือ นอกจากนี้แล้วในอนาคตโลหะเงินอาจถูกนำไปใช้ในการผลิตรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้ราคาโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นด้วย

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทั้งหมดข้างบน เป็นการอ่านแล้วเอามาวิเคราะห์แบบงูๆปลาๆของผมเอง ผู้รู้เห็นต่าง ต้องการแก้ไข คือเพิ่มเติมอะไร น้อมรับด้วยความยินดีครับ

พ่อน้องเอ็มขา... หนูงงค่ะ ถ้าทุกประเทศเค้าลดการถือครองดอลล่าแบบไม่ต้องถือเป็นทรัพย์สิน

 

อย่างจีนเค้าลดโดยการเปลี่ยนเป็นสินค้ากลับมา (อย่างนี้เงินไม่ไหลกลับไปที่เมกาเองเหรอคะ)

 

หนูรวมถึงอาจมีการสั่งซื้อสินค้าจากเมกาแทนการถือครองอะไรประมาณนั้นค่ะ (แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ระบบดอลจาเริ่มเดินได้ต่อหรือเปล่าคะ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ได้อ่านบทความที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เขียนเมื่อปี 2003 เกี่ยวกับการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐอเมริกา บัฟเฟตต์เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเขาไม่เคยจำเป็นต้องการซื้อเงินต่างชาติเลย แต่ตั้งแต่ปี 2002 เขาได้เริ่มการถือครองเงินสกุลอื่นๆเพิ่มขึ้น (ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าเป็นการไม่รักชาติ) บัฟเฟตต์ก็บอกว่า หน้าที่ในการเป็นหัวเรือของเบิร์กเขียร์นั้น คือการลงทุนในสิ่งที่ "make sense" ในบทความบัฟเฟตต์ยังอธิบายสถานการให้เข้าใจง่ายๆ โดยยกนิทานเรื่องหนึ่งซึ่งคล้ายกับเรื่อง "A tale of two farmers" ที่ Peter Schiff เมื่อ พ.ค. 2006 และที่คุณ next ได้นำมาเรียบเรียงใหม่เป็นเรื่อง แอปเปิลกับส้ม อีกด้วย

 

ถ้ามีโอกาส ขอแนะนำให้ไปโหลดมาอ่านดูนะครับ

http://www.berkshirehathaway.com/letters/growing.pdf

 

และในบทความนี้ มีกรอบข้างๆที่พูดถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมต่างชาติถึงไม่สามารถที่จะลาขาดกับ US Dollar ได้ ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่หล่ายๆท่านนำมาพูดถึง เช่น เช่นการลดการถือเงินดอลล่าร์ หรือการสร้างสกุลเงินสำรองของโลกขึ้นมาใหม่เป็นต้น บัฟเฟตต์ ยกตัวอย่างการแลกสินทรัพย์ของสหรัฐ(ที่ดิน/บริษัท/สกุลเงิน) ว่าถ้าใครอยากจะขายออก ถ้าไม่ได้เงินสกุล US กลับไป ก็จะมีชาติอื่นๆมาซื้อ และกลายเป็นเพียงการ "เปลี่ยนมือ" ของการถือครองสินทรัพย์นั่นเอง และในที่สุดแล้ว ชาติอื่นๆก็จะยังต้องเสพติดดอลล่าร์กันต่อไป เพียงแต่ว่าความมั่งคั่ง จะไหลออกจากสหรัฐไปสู่ประเทศอื่นเท่านั้นเอง

 

ลองอ่านต้นฉบับ (โหลดได้จากลิงค์ด้านบน) หรือลองอ่านที่ผมพยายามแปลดูนะครับ

 

 

 

เมื่อวานอ่านข่าวอีกข่าวที่อ้างถึงคำพูดของบัฟเฟตต์กับคณะกรรมการไต่สวนวกฤตการเงิน (FCIC) เมื่อ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่าเขามองว่าในที่สุด อเมริกันชนผู้เสียภาษี ก็จะต้องมาอุ้มบริษัทที่ "ใหญ่เกินกว่าที่จะล้มได้" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะรัฐบาลจะไม่รีรอที่จะมาอุ้มบริษัทพวกนี้ด้วยเงินภาษีของประชาชน เดาเอาเล่นๆ ก็คงเป็นการ "พิมพ์เงิน" เพื่อมาอุ้มบริษัทเหล่านี้อย่างที่เกิดขึ้นมาแล้ว(ถ้าให้มอง QE1/2/3/4/5 ก็จะเป็นภาษีที่มองไม่เห็น อย่างที่คุณ next อธิบายไว้)

 

http://www.bloomberg.com/news/2011-02-11/buffett-tells-fcic-it-s-powerless-to-stop-too-big-to-fail-.html

 

พออ่านเสร็จแล้ว ผมว่าที่บัฟเฟตต์พูดก็จริงอยู่ ถ้าลองนึกถึง "ทองคำ" ที่หลายๆประเทศพยายามลดการถือเงิน US แล้วถือทองเพิ่มขึ้น ก็เหมือนกับเป็นการผ่องถ่ายเงิน US ที่พิมพ์กันเป็นว่าเล่นไปใส่มือคนอื่นนั่นเอง เลยอดคิดไม่ได้ว่าเกมนี้น่าจะจบตรงที่ เมื่อเพลงจบ คนที่ถือ US Dollar มากที่สุดก็จะเป็นคนที่เจ๊งหนังที่สุด

 

จริงๆแล้วก็อาจจะมองบัฟเฟตต์เป็นคุณลุงใจร้ายซักคนที่หากินกับความล้มเหลวของสหรัฐ (ถือเงินต่างชาติ / ฟันกำไรจากหุ้นตอน QE เพราะรู้ว่ารัฐบาลจะต้องเข้ามาอุ้ม ฯลฯ) แต่หลายๆบทความที่ผมอ่าน นอกจากบัฟเฟตต์จะชี้ให้เห็นรู้โหว่ที่เขาใช้ในการทำเงินแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เขาเน้นมากๆ คือการเสนอทางแก้สำหรับสหรัฐ ดูแล้วเหมือนกับน่าจะเป็นยาขมที่ได้ผล แต่คงไม่มีปธน. หรือนักการเมืองหน้าไหนจะกล้าป้อนยานี้ให้คนอเมริกันกิน เพราะจะต้องสอบตกในสมัยหน้าอย่างแน่นอน

 

ทั้งหมดข้างบน เป็นการอ่านแล้วเอามาวิเคราะห์แบบงูๆปลาๆของผมเอง ผู้รู้เห็นต่าง ต้องการแก้ไข คือเพิ่มเติมอะไร น้อมรับด้วยความยินดีครับ

 

 

ความถนัดของนักลงทุนมันมีหลายแบบ จะเอาไปเปรียบคนๆนึ่งไปกับสิ่งโน้นกับสิ่งนั้นได้ลำบาก

เหมือนกับ คนที่เป็นแชมป์มวยสากลเฮฟวีเวท จะไปแข่งยิงเป้า หรือจะไปแข่งตีเทนนิสวิมเบอดัน กลับมาได้แชมป์หรือเปล่า บางที่ต้องแยกแยะให้ออกนะ

 

 

 

ก็เหมือนกัน นักลงทุนก็มีมุมมองที่ต่างออกไป และคนละสไตล์กัน จะเอามาเหมารวมๆว่าคนนี้ลงทุนได้เงินเยอะที่สุด น่าจะรู้ไปทั่วหมด

 

คุณบัฟเฟต เค้าเป็นนักลงทุนรุ่นเก่าในสิ่งที่เค้ารู้เท่านั้น

ถ้าเค้าไม่รู้ก็ไม่ลงทุน เพราะไม่สนามแข่งของเค้า

เค้าจะลงทุนที่สิ่งที่เค้ารู้จริงๆเท่านั้น

 

 

แต่ถ้ารู้จักตีสนิทคุณจิมโรเจอร์ เค้าก็ได้วิสัยทัศน์ใหม่ๆ

ยังไงก็คงเลือกที่จะลงทุนผ่านหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณท์อยู่ดี

 

 

กรณีของสไตล์นักลงทุนที่เห็นกันชัดๆ

คุณบัฟเฟตต์ เค้าเรื่่องหุ้นพื้นฐาน เค้าก็ลงทุนเฉพาะหุ้นที่เค้ารู้จักเท่านั้น

คุณบัฟเฟตต์ก็ไม่ได้ เก่งเรื่องแนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง คุณจิม โรเจอร์

และก็ไม่ได้เก่งเรื่องอสังหาริมทรัพย์ เหมือนอย่างเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ โดนัลด์ ทรัมป์

 

หรือถ้าใครไปฝากถาม กูรูเศรษฐกิจของไทย ที่ชื่อ อ.วีระ ธีรภัทร เกี่ยวกับแนวโน้มทองคำ

ซึ่งตัวเค้าก็ไม่ได้คลุกคลีแวควงการพวกนี้ ถามไปก็อย่างนั้นแหละ

 

 

 

มาเข้าเรื่องต่อ ถ้าญี่ปุ่นจะขายบ้านในอเมริกากลับประเทศ ยังไงก็ออกมาเป็นเงินดอลลาร์

 

แต่ถ้าคิดเป็นก็ซื้อเป็นทองแท่งขนกลับบ้าน แต่ทว่าคงหนักขี้เกียจแบกเปลื่องค่าน้ำหนัก

 

แต่ถ้าอยากเบามือ ก็ขนเพชรกลับบ้าน เพราะเบากว่า เครื่องตรวจจับโลหะตรวจไม่พบ หมาดมกลิ่นไม่เจอ ^_^

 

(ดูหนังมาเฟียบ่อยๆ ก็พอรู้ว่าวิธีขนเงินเยอะกลับบ้าน ก็ซื้อเพชรนี่เอง ^_^ )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วครับ ขอยืนยันคำเดิม สุดยอดและยอดเยี่ยมมากๆๆครับ ขอบพระคุณมากๆๆครับ

post-929-013941600 1297699780.gif

post-929-011290300 1297699826.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พ่อน้องเอ็มขา... หนูงงค่ะ ถ้าทุกประเทศเค้าลดการถือครองดอลล่าแบบไม่ต้องถือเป็นทรัพย์สิน

 

อย่างจีนเค้าลดโดยการเปลี่ยนเป็นสินค้ากลับมา (อย่างนี้เงินไม่ไหลกลับไปที่เมกาเองเหรอคะ)

 

หนูรวมถึงอาจมีการสั่งซื้อสินค้าจากเมกาแทนการถือครองอะไรประมาณนั้นค่ะ (แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ระบบดอลจาเริ่มเดินได้ต่อหรือเปล่าคะ)

ความถนัดของนักลงทุนมันมีหลายแบบ จะเอาไปเปรียบคนๆนึ่งไปกับสิ่งโน้นกับสิ่งนั้นได้ลำบาก

เหมือนกับ คนที่เป็นแชมป์มวยสากลเฮฟวีเวท จะไปแข่งยิงเป้า หรือจะไปแข่งตีเทนนิสวิมเบอดัน กลับมาได้แชมป์หรือเปล่า บางที่ต้องแยกแยะให้ออกนะ

 

 

 

ก็เหมือนกัน นักลงทุนก็มีมุมมองที่ต่างออกไป และคนละสไตล์กัน จะเอามาเหมารวมๆว่าคนนี้ลงทุนได้เงินเยอะที่สุด น่าจะรู้ไปทั่วหมด

 

คุณบัฟเฟต เค้าเป็นนักลงทุนรุ่นเก่าในสิ่งที่เค้ารู้เท่านั้น

ถ้าเค้าไม่รู้ก็ไม่ลงทุน เพราะไม่สนามแข่งของเค้า

เค้าจะลงทุนที่สิ่งที่เค้ารู้จริงๆเท่านั้น

 

 

แต่ถ้ารู้จักตีสนิทคุณจิมโรเจอร์ เค้าก็ได้วิสัยทัศน์ใหม่ๆ

ยังไงก็คงเลือกที่จะลงทุนผ่านหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณท์อยู่ดี

 

 

กรณีของสไตล์นักลงทุนที่เห็นกันชัดๆ

คุณบัฟเฟตต์ เค้าเรื่่องหุ้นพื้นฐาน เค้าก็ลงทุนเฉพาะหุ้นที่เค้ารู้จักเท่านั้น

คุณบัฟเฟตต์ก็ไม่ได้ เก่งเรื่องแนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง คุณจิม โรเจอร์

และก็ไม่ได้เก่งเรื่องอสังหาริมทรัพย์ เหมือนอย่างเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ โดนัลด์ ทรัมป์

 

หรือถ้าใครไปฝากถาม กูรูเศรษฐกิจของไทย ที่ชื่อ อ.วีระ ธีรภัทร เกี่ยวกับแนวโน้มทองคำ

ซึ่งตัวเค้าก็ไม่ได้คลุกคลีแวควงการพวกนี้ ถามไปก็อย่างนั้นแหละ

 

 

 

มาเข้าเรื่องต่อ ถ้าญี่ปุ่นจะขายบ้านในอเมริกากลับประเทศ ยังไงก็ออกมาเป็นเงินดอลลาร์

 

แต่ถ้าคิดเป็นก็ซื้อเป็นทองแท่งขนกลับบ้าน แต่ทว่าคงหนักขี้เกียจแบกเปลื่องค่าน้ำหนัก

 

แต่ถ้าอยากเบามือ ก็ขนเพชรกลับบ้าน เพราะเบากว่า เครื่องตรวจจับโลหะตรวจไม่พบ หมาดมกลิ่นไม่เจอ ^_^

 

(ดูหนังมาเฟียบ่อยๆ ก็พอรู้ว่าวิธีขนเงินเยอะกลับบ้าน ก็ซื้อเพชรนี่เอง ^_^ )

 

อ.เหมียวขา..ถ้ายังอยู่ตอบคำถามน้องเล็กหน่อยซิคะ !thk !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก็ยังสงสัยว่า ถ้าเมื่อก่อนมีการใช้เงินปอนด์เป็นสกุลหลักและหย่าขาดได้

เงินดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลัก ก็มีสิทธิ์อย่าขาดได้เช่นกัน

 

 

ถ้าไม่ใช้่เงินดอลล่าร์เทรดสินค้ากัน ก็หันมาใช้ barter trade กันแทน

 

เหมือนกรณีแลกไก่หรือข้าว กับเครื่องบินรบ

หรือแลกข้าวกับ หัวจักรรถไฟ ^_^

 

ของมันก็เคยทำมาแล้ว จะยากอะไรกันนักเชียว

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปลื้มใจครับที่คุณ Pinky ชอบหนังสือ และก็ช่างสังเกตมากๆเลยนะครับ :lol:

 

ค่าจัดส่งนั้นคำนวณว่าจะส่งแบบธรรมดา เลยคิดแค่ 30 บาท

แต่พอปัญหาเรื่องปกผิดพลาดแล้วผมตีกลับโรงพิมพ์

ก็กลัวว่าจะได้หนังสือช้าเข้าไปอีกหากส่งแบบธรรมดา

จึงจัดส่งแบบ EMSให้ทุกคนครับ

 

แน่นอนว่าเฉพาะค่าส่ง (ยังไม่ต้องรวมกล่องแพ็คกิ้งต่างๆ)

ขาดทุนทุกรายการ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า ผมไม่ได้ทำเพื่อเป็นการค้าอยู่แล้ว

ตั้งใจจะให้เพื่อเป็นวิทยาทาน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ผมบอกทีมงานว่า ไม่ต้องเก็บใบเสร็จ

ไม่มีการคำนวณกำไรขาดทุนหรือทำบัญชีใดๆทั้งสิ้น

 

เรื่องการทำบุญก็ได้นำเงินไปทำมาแล้ว ไม่ได้คิดอะไรมากครับ พอดีมีงานตักบาตรพระสงฆ์ 11,111 รูป

ผมเลยบริจาค 11,111 บาท ไม่ต้องกลัวว่าจะบาปหรือโอนเพิ่มมานะครับ ได้บุญกันถ้วนหน้าคร้าบบ สาธุๆ :rolleyes:

อนุโมทนาด้วยค่ะ .... สาธุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอรับหนังสืออยู่ค๊า มีเพื่อนฝากมาถามว่า หน้างานสัมมนาของเฮียกัมเดือนหน้าจะมีหนังสือมาด้วยไหมคะ มีเพื่อนๆฝากซื้อคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กร๊าก ผมคงตอบไม่ได้ครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น

แต่ตอบได้อย่างเดียวคือถ้ามันขึ้นวันละขนาดนั้น ผมคงเอาทองไปขายวันละแท่งครับ 70bff581.gif

แล้วก็ผมไม่กลัวว่าจะไม่มีคนรับซื้อครับ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแล้วแสดงว่าค่าเงินลดลงเร็วมาก(อภิมหาเงินเฟ้อ)04a97f13.gif

1 ร้านทองคงไม่โง่ที่จะเก็บเงินเอาไว้ให้มันลดค่าลงไป เขาคงต้องรีบเอาเงินที่มีอยู่มาหาซื้อทองของผมมังครับ332f960b.gif

2 .ตอนที่ทองขึ้นแรงๆ สมาคมจะตั้งราคาแบบกั๊กสุดๆ(ผมเคยเห็นถูกกว่าราคา spot ถึง 500-600บาท) เพราะรู้ว่ายังไงคนก็จะเอาทองมาขาย รับซื้อปั๊บเคาะขายเมืองนอกทันที กำไรมหาศาล 07baa27a.gif

 

 

คำตอบที่ 2 ของพี่หมอ บางอ้อเลยว่ามันจะกั๊กทำไม เฮ้อ

บางทีเห็นราคาspot กะแท่ง ต่างกันมาก อยากจะตะโกนว่าคุณพี่กั๊ก บวกลบคูณหารตัวเลขไม่ถูกหรืองัยฟร่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พ่อน้องเอ็มขา... หนูงงค่ะ ถ้าทุกประเทศเค้าลดการถือครองดอลล่าแบบไม่ต้องถือเป็นทรัพย์สิน

 

อย่างจีนเค้าลดโดยการเปลี่ยนเป็นสินค้ากลับมา (อย่างนี้เงินไม่ไหลกลับไปที่เมกาเองเหรอคะ)

 

หนูรวมถึงอาจมีการสั่งซื้อสินค้าจากเมกาแทนการถือครองอะไรประมาณนั้นค่ะ (แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ระบบดอลจาเริ่มเดินได้ต่อหรือเปล่าคะ)

 

คือ ผมเอง ก็ ยังไม่ค่อยเข้าใจครับ เลยเอาสิ่งที่พอจะวิเคราะห์เองได้ + บทความที่แปลแล้ว มาลงเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด หาความรู้ต่อครับ ^_^

ชื่อของบทความที่เอามาแปะนี่เป็นบทความที่บัฟเฟตต์กล่าวถึงการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐ และแนวทางแก้ไขที่บัฟเฟตต์เสนอ

 

ในบทความ บัฟเฟตต์ได้ตอบคำถามนี้ไว้แล้วว่า ถ้าทั้งโลกหันมาซื้อของ MADE IN USA อเมริกาก็จะไม่ขาดดุลการค้า และความมั่งคั่งก็จะไม่ไหลออกนอกประเทศอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งผลโดยรวมนั้นจะดีกับสหรัฐ ถ้าจากข่าวที่จีนบอกว่าจะซื้อของอเมริกากี่ billion ก็ไม่รู้ ถ้าจำไม่ผิดที่เคยกดเครื่องคิดเลขไว้ก็ประมาณ 2-5% ของเงิน US ที่จีนมีอยู่ บางท่านก็ว่าจิ๊บจ๊อย ไม่มีผลกระทบ แต่บางท่านก็ว่าเป็นการเริ่มต้นของการเท USD ออกแล้ว ส่วนผม ได้แต่ฟังแล้วคิดตามครับ เพราะไม่รู้จริงๆว่าใครถูก และจริงๆแล้ว แต่ละประเทศเดินหมากกันไว้อย่างไร

 

แต่ถ้าอ่านจากลิงค์ที่สอง โอกาสที่เกิดขึ้นน่าจะยากครับ เพราะอเมริกาก็ไม่รู้จะ "ส่งออก" อะไร นอกจากการส่งออกเงินเฟ้อ อย่างที่คุณ next เขียนไว้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก็ยังสงสัยว่า ถ้าเมื่อก่อนมีการใช้เงินปอนด์เป็นสกุลหลักและหย่าขาดได้

เงินดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลัก ก็มีสิทธิ์อย่าขาดได้เช่นกัน

 

 

ถ้าไม่ใช้่เงินดอลล่าร์เทรดสินค้ากัน ก็หันมาใช้ barter trade กันแทน

 

เหมือนกรณีแลกไก่หรือข้าว กับเครื่องบินรบ

หรือแลกข้าวกับ หัวจักรรถไฟ ^_^

 

ของมันก็เคยทำมาแล้ว จะยากอะไรกันนักเชียว

อ.ขา แล้วจีนเอาดอลล่าแลก เครื่องบินรบ (แบบนี้การจ้างงานในเมกาไม่เกิดเหรอคะ . อย่างนี้ระบบดอลล่าก็ยังเดินหน้าต่อได้ซิคะ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คือ ผมเอง ก็ ยังไม่ค่อยเข้าใจครับ เลยเอาสิ่งที่พอจะวิเคราะห์เองได้ + บทความที่แปลแล้ว มาลงเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด หาความรู้ต่อครับ ^_^

ชื่อของบทความที่เอามาแปะนี่เป็นบทความที่บัฟเฟตต์กล่าวถึงการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐ และแนวทางแก้ไขที่บัฟเฟตต์เสนอ

 

ในบทความ บัฟเฟตต์ได้ตอบคำถามนี้ไว้แล้วว่า ถ้าทั้งโลกหันมาซื้อของ MADE IN USA อเมริกาก็จะไม่ขาดดุลการค้า และความมั่งคั่งก็จะไม่ไหลออกนอกประเทศอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งผลโดยรวมนั้นจะดีกับสหรัฐ ถ้าจากข่าวที่จีนบอกว่าจะซื้อของอเมริกากี่ billion ก็ไม่รู้ ถ้าจำไม่ผิดที่เคยกดเครื่องคิดเลขไว้ก็ประมาณ 2-5% ของเงิน US ที่จีนมีอยู่ บางท่านก็ว่าจิ๊บจ๊อย ไม่มีผลกระทบ แต่บางท่านก็ว่าเป็นการเริ่มต้นของการเท USD ออกแล้ว ส่วนผม ได้แต่ฟังแล้วคิดตามครับ เพราะไม่รู้จริงๆว่าใครถูก และจริงๆแล้ว แต่ละประเทศเดินหมากกันไว้อย่างไร

 

แต่ถ้าอ่านจากลิงค์ที่สอง โอกาสที่เกิดขึ้นน่าจะยากครับ เพราะอเมริกาก็ไม่รู้จะ "ส่งออก" อะไร นอกจากการส่งออกเงินเฟ้อ อย่างที่คุณ next เขียนไว้

แล้วเค้าส่งออกเทคโนโลยีได้มั้ยคะ . หรืออาวุธสงครามอะไรประมาณนั้นค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

....

มาเข้าเรื่องต่อ ถ้าญี่ปุ่นจะขายบ้านในอเมริกากลับประเทศ ยังไงก็ออกมาเป็นเงินดอลลาร์

 

แต่ถ้าคิดเป็นก็ซื้อเป็นทองแท่งขนกลับบ้าน แต่ทว่าคงหนักขี้เกียจแบกเปลื่องค่าน้ำหนัก

 

แต่ถ้าอยากเบามือ ก็ขนเพชรกลับบ้าน เพราะเบากว่า เครื่องตรวจจับโลหะตรวจไม่พบ หมาดมกลิ่นไม่เจอ ^_^

 

(ดูหนังมาเฟียบ่อยๆ ก็พอรู้ว่าวิธีขนเงินเยอะกลับบ้าน ก็ซื้อเพชรนี่เอง ^_^ )

 

สวัสดีครับคุณเหมียวโจ

 

เมื่อตอนเย็นนั่งรถกลับบ้าน เอะใจคิดเหมือนคุณเหมียวโจเลยครับ ถ้าเอาดอลล์ไปแลกอย่างอื่นไม่ได้ ก็แลกทองกลับมาก็แล้วกัน

แต่คิดต่อไปอีกหน่อยว่าต้องเอาดอลล์ไปแลกทองจากใคร ถ้าจากนิโคลา ซาร์โคซี ก็เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนมือของการถือครอง USD

ของต่างชาติเท่านั้น แต่ถ้าแลกกับรัฐบาลกลางที่มีอยู่ 8000ตัน หรือ 6% ของทองที่ขุดไว้ทั้งโลก (ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายังเหลืออยู่ใน Fort Knox จริงหรือเปล่า)

ประเด็นแรกก็คือ เขาจะยอมให้แลกหรือเปล่า และถ้าให้แลก ราคาทองคงขึ้นมหาศาลอย่างที่หลายท่านคาดการไว้

 

8000 ตัน = 256,000,000 ออนซ์

QE1/2 พิมพ์เงินมา 2.6Trillion = 2.6 * 10^12

สมมติว่าถ้าแค่เอาเงินที่พิมพ์มาจาก QE1/2 มาแลกทองหมดหน้าตักกลับบ้าน ทองก็จะมีราคาอยู่ที่ $10,156.25/oz

(จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าคุณ next เคยคำนวณประมาณนี้มาให้ดูแล้ว)

 

ซึ่งถ้าในระดับประเทศ ทุกประเทศพยายามถอนทองออกจากสหรัฐหมดหน้าตักอย่างที่คำนวณ อเมริกาก็จะไ่ม่เหลืออะไรเลยนอกจากแบงค์กงเต็กที่เป็นรูปหน้าปธน.คนก่อนๆ (นักเลงค้ายาในอเมริกาเรียกแบงค์ USD ว่า dead presidents) อเมริกาก็น่าจะชักดาบและตีรวนให้เกิดสงครามโลกเพื่อที่ละล้มกระดาน ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

 

เลยเดา end game ของปัญหานี้ไ่ม่ถูก

 

:D ทั้งหมดนี่ จินตนาการ + เดา ล้วนๆเลยครับ ไม่มีความรู้ทางการเงินมารองรับทั้งสิ้น นอกจากตีความจากข้อมูลเท่าที่จะพอทราบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณอ.เหมียว แล้วก็คุณพ่อน้องเอ็มด้วย . หนูก็อาศัยทุกท่านถกกัน (รับเป็นผลพลอยได้แทน แฮะแฮะ) !thk !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วเค้าส่งออกเทคโนโลยีได้มั้ยคะ . หรืออาวุธสงครามอะไรประมาณนั้นค่ะ

 

http://petemurphy.wordpress.com/2010/09/14/cumulative-u-s-trade-deficit-surpasses-10-trillion/

 

ได้ครับแต่ตอนนี้อเมริกา ติดลบ อยู่ 10 Trillion หรือ 10 ล้าน ล้าน USD

อย่างที่คุณ next เคยยกตัวอย่างไว้ ว่าต้องมี Microsoft/Apple/Google ไม่รู้เท่าไหร่

เพื่อที่จะผลิต เพื่อให้การขาดดุลเป็นศูนย์

 

ถ้าผมมอง คล้ายๆกลับว่า 10ล้านล้าน ที่ติดลบอยู่ เป็นการติดลบแบบง่ายๆ คือ เงินไม่พอ ก็พิมพ์เงินใช้

แต่พอถึงเวลาจะต้องการไม่ให้ติดลบ ก็จะต้องมา ออกแรงทำงานจริงๆ ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการเปิดแท่นพิมพ์

หรือเคาะตัวเลขในบัญชี

 

นั่งคิดไปคิดมา เรื่องที่เราคุยกันอยู่นี่คุณ next เล่าให้ฟังในบทความก่อนๆแล้ว

พอมีเรื่องอะไรเข้ามา ก็ใช้หลักการที่คุณ next ว่าไว้จับได้เกือบหมด เยี่ยมจริงๆครับ !gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...