ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ปล. ไข่ไก่ไม่น่าเก็บค่ะ แต่ราคาหุ้นของยักษ์ใหญ่ที่ผลิตไข่และไก่วิ่งจากราคา 2-3 บาทมาเป็น 30 กว่าบาทแล้ว

คุณพี่ kunghdy'คะ

อันนี้หนูก็มี...ยังไงคุณพี่ช่วยกรุณาวัดค่าความสูงให้ด้วยก็ดีนะคะ....แบบว่าเวลาอยู่ที่ราบตาหนูมองอะไรไม่ค่อยเห็นน่ะค่า ...มันไม่ชิน :lol: 5555

 

 

....จะมีซักกี่คนที่ซื้อหรือขายได้ในราคาสูงสุดหรือต่ำสุด % ของคนที่สามารถซื้อหรือขายได้ราคานี้ น้อยมากๆๆๆๆ เพราะฉะนั้นจงภูมิใจที่เป็นคนแค่ 1 ใน 100 ที่เข้ามาซื้อหรือขายแล้วได้ราคายอดดอย เอาไว้คุยทับเลยว่าซื้อได้ป่าวราคานี้ แน่จริงทำให้ได้สิ คิคิคิ[/color] ;)

อันนี้หนูว่า....แถวนี้เพื่อนหนูแอบอยู่เยอะนา...คุณพี่ขา อิอิ !uu

 

 

ปล. ขออภัยที่หนูไร้สาระนะคะ ถือว่าเป็นโฆษณาคั่นรอราคาเป้าหมายละกันนะคะทุกท่าน :blush:

ถูกแก้ไข โดย bingo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่ๆคับ

 

ถ้าผมช่วยซื้อสินค้าเมกา เช่น Ipad 1 เครื่อง จะช่วยเค้าได้บ้างมั๊ย คร้าบบบบบบบบบ... :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปล. ไข่ไก่ไม่น่าเก็บค่ะ แต่ราคาหุ้นของยักษ์ใหญ่ที่ผลิตไข่และไก่วิ่งจากราคา 2-3 บาทมาเป็น 30 กว่าบาทแล้ว

คุณพี่ kunghdy'คะ

อันนี้หนูก็มี...ยังไงคุณพี่ช่วยกรุณาวัดค่าความสูงให้ด้วยก็ดีนะคะ....แบบว่าเวลาอยู่ที่ราบตาหนูมองอะไรไม่ค่อยเห็นน่ะค่า ...มันไม่ชิน :lol: 5555

 

 

....จะมีซักกี่คนที่ซื้อหรือขายได้ในราคาสูงสุดหรือต่ำสุด % ของคนที่สามารถซื้อหรือขายได้ราคานี้ น้อยมากๆๆๆๆ เพราะฉะนั้นจงภูมิใจที่เป็นคนแค่ 1 ใน 100 ที่เข้ามาซื้อหรือขายแล้วได้ราคายอดดอย เอาไว้คุยทับเลยว่าซื้อได้ป่าวราคานี้ แน่จริงทำให้ได้สิ คิคิคิ[/color] ;)

อันนี้หนูว่า....แถวนี้เพื่อนหนูแอบอยู่เยอะนา...คุณพี่ขา อิอิ !uu

 

 

ปล. ขออภัยที่หนูไร้สาระนะคะ ถือว่าเป็นโฆษณาคั่นรอราคาเป้าหมายละกันนะคะทุกท่าน :blush:

 

น้องจ๋า "Prives move in trend" ค่ะ ตอนนี้ราคามันขึ้นอยู่ มันก็จะขึ้นต่อไป ถือไปเรื่อยๆ (เอาปันผลฟรี) เหมือนรถที่วิ่งไปข้างหน้าทิศใดก็ตาม กว่ามันจะกลับทิศ วิ่งไปด้านตรงข้ามได้ มันต้องชลอก่อน เลี้ยวซ้าย ถอยหน้า ถอยหลัง กลับลำ แล้วค่อยวิ่งไปทิศตรงข้าม (จริงมั๊ยคะ) เพราะงั้น.... เข้าใจนะว่าให้ทำไง :wub:

 

เป้าหมายไม่มีค่ะ (มีแต่เป้าหมายที่อยากให้เป็น ซัก 40-50 หรือ 100 บาทเลยดีมั๊ย เอาใจน้อง คิคิคิ อย่าเอาเป็นสาระนะ พี่พูดเล่น) รู้แต่ว่าถ้ารถคันนี้เปลี่ยนทิศทางเมื่อไร เราก็กระโดดลง ตอนนี้ไหนๆ หนูก็กระโดดขึ้นมานั่งบนรถคันนี้แล้ว นั่งนิ่งๆ รัดเข็มขัดให้แน่น แล้วพักผ่อนให้สบายค่ะ (ถ้าบอกเป้าหมายได้ พี่ก็มหาเศรษฐีนี แบบพี่หมอเล็กหรือคุณ NEXT ไปแล้วสิคะ คิคิคิ)

 

ดีค่ะ ที่รู้ตัวว่าอยู่ยอดดอย บางคนอยู่ปากเหวแล้วกระโดดลงไป เพราะคิดว่าเหวอาจจะตื้น ยังไม่รู้เลยว่าเหวนี้ก้นมันอยู่ที่ไหน ไม่น่ากลัวกว่ารึ !01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่ๆคับ

 

ถ้าผมช่วยซื้อสินค้าเมกา เช่น Ipad 1 เครื่อง จะช่วยเค้าได้บ้างมั๊ย คร้าบบบบบบบบบ... :rolleyes:

 

 

น่าจะได้บ้างนะ มีประมาณ 5% ของราคา IPAD ที่อเมริกาอาจได้ไป แต่ part ส่วนใหญ่ made in china, เวียดนาม และ ไทยหรือป่าว คิคิคิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร่วมด้วยช่วยกันครับ สำหรับบทความที่คุณ next โพสต์มาให้ ผมแปลแบบงูๆ ปลาๆ ดูครับ ผิดถูก ผู้รู้ช่วยแนะนำเพิ่มด้วย

 

 

Thought For The Afternoon

 

Will they or will they not continue QE is not the question. They must, be it through the front or back door. The future of the dollar is what you need to know if you are to navigate this, the most violent upcoming part of the gold drama.

 

The dollar situation is damned if you do and damned if you don’t. A suspension of QE is negative MOPE that would impact the equity market, therein destroying the liquidity rally from March of 2009. The recovery is not getting serious traction regardless of the bliss of the media.

 

The US dollar would be hit hard by a collapse of this modest recovery that a suspension of QE would mandate. If QE is to continue, either front or back door, the dollar will remain under pressure.

 

Forget the media and blog commentary. The future of gold is all in the dollar. The US dollar has no future under present conditions.

 

 

อเมริกาจะยังคงมี QE ต่อไปหรือไม่ คงไม่ใช่คำถามอีกแล้ว เพราะยังไงก็ต้องทำแน่ๆ ไม่ว่าจะทำแบบเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังก็ตาม อนาคตของดอลล่าร์ต่างหาก คือสิ่งที่พวกคุณจำเป็นต้องรู้ถ้าคุณอยู่ในโลกการเงินใบนี้ และความรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าจะเป็นส่วนหนึ่งของละครทองคำ

 

ดอลล่าร์จะล่มสลายแน่ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ตาม การไม่ทำ QE จะส่งผลเชิงลบต่อตลาดทุน เพราะมันเป็นการทำลายสภาพคล่องที่ปล่อยเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ มี.ค. 2009 การดึงสภาพคล่องคืนจากระบบจะไม่ได้รับการติดตามอย่างจริงจังหากไม่คำนึงถึงความสุขสบายของสื่อ

 

ดอลล่าร์จะถูกโจมตีอย่างหนักด้วยการเข้าไปทำลายกระบวนการดึงสภาพคล่องคืนจากระบบ อันเป็นผลเนื่องมาจากการไม่ทำ QE ต่อไป แต่ถ้า QE ยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะทั้งเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ดอลล่าร์ก็ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไปอยู่ดี

 

ไม่ต้องสนใจสื่อหรือความเห็นอื่นใดๆ อนาคตของทองคำขึ้นอยู่กับดอลล่าร์เรียบร้อยแล้ว แต่ดอลล่าร์ต่างหากที่กลับมองไม่เห็นอนาคตภายใต้เงื่อนไขทั้งหลายแหล่ในขณะนี้

 

ได้แค่นี้แหละครับ แหะ แหะ

 

 

ได้แค่นี้อะไรกันคะ ยอดเยี่ยมค่ะ ขอบคุณค่ะ :D :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้องจ๋า "Prives move in trend" ค่ะ ตอนนี้ราคามันขึ้นอยู่ มันก็จะขึ้นต่อไป ถือไปเรื่อยๆ (เอาปันผลฟรี) เหมือนรถที่วิ่งไปข้างหน้าทิศใดก็ตาม กว่ามันจะกลับทิศ วิ่งไปด้านตรงข้ามได้ มันต้องชลอก่อน เลี้ยวซ้าย ถอยหน้า ถอยหลัง กลับลำ แล้วค่อยวิ่งไปทิศตรงข้าม (จริงมั๊ยคะ) เพราะงั้น.... เข้าใจนะว่าให้ทำไง :wub:

 

เป้าหมายไม่มีค่ะ (มีแต่เป้าหมายที่อยากให้เป็น ซัก 40-50 หรือ 100 บาทเลยดีมั๊ย เอาใจน้อง คิคิคิ อย่าเอาเป็นสาระนะ พี่พูดเล่น) รู้แต่ว่าถ้ารถคันนี้เปลี่ยนทิศทางเมื่อไร เราก็กระโดดลง ตอนนี้ไหนๆ หนูก็กระโดดขึ้นมานั่งบนรถคันนี้แล้ว นั่งนิ่งๆ รัดเข็มขัดให้แน่น แล้วพักผ่อนให้สบายค่ะ (ถ้าบอกเป้าหมายได้ พี่ก็มหาเศรษฐีนี แบบพี่หมอเล็กหรือคุณ NEXT ไปแล้วสิคะ คิคิคิ)

 

ดีค่ะ ที่รู้ตัวว่าอยู่ยอดดอย บางคนอยู่ปากเหวแล้วกระโดดลงไป เพราะคิดว่าเหวอาจจะตื้น ยังไม่รู้เลยว่าเหวนี้ก้นมันอยู่ที่ไหน ไม่น่ากลัวกว่ารึ !01

 

;) โอเค แท้งค์กิ้ว แอนด์ เล็ท-ซะ-โก โปรฟิทรันเลยค่ะคุณพี่ :lol:

ถูกแก้ไข โดย bingo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ Leo คุณกระต่ายคลั่งเค้า L28 สัญญา แต่เค้าไมไ่ด้บอกต้นทุนนิครับว่า L ที่เท่าไหร่ (^ ^) ไม่ใช่แถวๆนี้แน่ เพราะผมเคยเห็นคุณกระต่าย L ไว้ 17 สัญญา ที่ 1175 !!!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณส้มโอมือ.. ถุงละ 5 กิโล นี่ขนาดประมาณเท่าไหร่ครับ

คือเห็นภาพที่หลายๆท่านเอามาลงให้ดู แต่มันดันไม่มีของอย่างอื่นให้เปรียบเทียบ

เลยกะขนาดที่เก็บไม่ค่อยได้ครับ

 

สงสัย คงจะกะขนาดห้อง ว่า จะเก็บพอมัย ...

 

เด่ว เยอะไปต้องเอาไปซุกไว้ ตามห้องครัว หรือ ใต้กระไดบ้าน....อิอิ

ถูกแก้ไข โดย VikingsX

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร่วมด้วยช่วยกันครับ สำหรับบทความที่คุณ next โพสต์มาให้ ผมแปลแบบงูๆ ปลาๆ ดูครับ ผิดถูก ผู้รู้ช่วยแนะนำเพิ่มด้วย

.

.

.

ได้แค่นี้แหละครับ แหะ แหะ

 

เฮ้ย บอกมาได้ไง ว่า "ได้แค่นี้.. แหะ แหะ"

แปลได้สุดยอดแล้วครับ !031 ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณส้มโอมือ.. ถุงละ 5 กิโล นี่ขนาดประมาณเท่าไหร่ครับ

คือเห็นภาพที่หลายๆท่านเอามาลงให้ดู แต่มันดันไม่มีของอย่างอื่นให้เปรียบเทียบ

เลยกะขนาดที่เก็บไม่ค่อยได้ครับ

ขอโทษนะครับที่ตอบช้า วันนี้ไปแบกเงินที่สังซื้อเช้าวันอังคารกลับมาครับ ผมโทรไปสั่งเช้าวันอังคารประมาณ11.15am โชคดีจังเป็นเวลาที่เงินลงต่ำของวัน

ทางร้านบอกราคากิโลละ43952 รอคาถูกใจผมสั่งแบบเต็มMAXเลย ทางร้านบอกว่าหลังจากผมล็อคราคา ราคาก็เดินหน้าเลย

เงินถุง10กิโลที่ผมซื้อมา ผมลองเอามาเทียบดูกับของที่ผมมีในห้องผม เงิน10กิโลกินพื้นที่ประมาณข้าวสาร1.5กิโลครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมอยากขอให้เพื่อนๆอ่านบทความนี้ดูครับ

 

จะขอเริ่มต้นด้วยการแยกเรื่องราวทางเศรษฐกิจออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดเก็งกำไร เช่น เรื่องของ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การคำนวณ GDP มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน หรือเรื่องของการทำธุรกิจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เราสามารถคิดได้อย่างเป็นเหตุ เป็นผล, ใช้เหตุผลตรงไปตรงมาในระดับปกติธรรมดาในการคิดได้ ส่วนที่สอง เป็นเรื่องของตลาดเก็งกำไร เช่นตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดซื้อขายทอง ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ตลาดเก็งกำไรเหล่านี้ไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆ ในแบบที่เราคิดกัน ไม่สามารถใช้เหตุผลในระดับปกติธรรมดา แบบที่เราใช้ในการทำธุรกิจ ฯลฯ ในการเอาชนะ หรือคาดการณ์ทิศทางราคาให้ถูกต้องได้ เราจึงเห็น คนเก่ง ๆ มีการศึกษาสูง เป็น ด็อกเตอร์ เป็นหมอ เป็นนักวิชาการ เป็นนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ หาเงินได้มากจนร่ำรวย พอมาเล่นหุ้นกลับขาดทุน คาดการณ์ทิศทางราคาผิดตลอด เพราะหลักการเหตุผลมันคนละอย่างกัน วิธีการหลักคิดที่ใช้ในการทำธุรกิจ แล้วประสบความสำเร็จจนร่ำรวย พอเอาหลักการเหตุผล มาใช้ในตลาดหุ้นกลับขาดทุน เพราะตลาดหุ้นไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆในแบบที่เราคิดกันแต่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของเหตุและผล ถ้าตลาดหุ้นเป็นเหตุ เป็นผลและใช้เหตุผลวิเคราะห์คาดการณ์ทิศทางราคาได้ คนเก่ง ๆ มาเล่นหุ้นต้องได้กำไรไม่ใช่ขาดทุนกันเป็นส่วนใหญ่เช่นนี้

 

มีคนอยู่น้อยนิดในโลกที่เข้าใจสิ่งนี้ หนึ่งในนั้นคือ WARREN BUFFET อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำอย่างไรจึงจะได้รู้ว่าเมื่อไรหุ้นจะขึ้นและเมื่อใดหุ้นจะลง วิธีเอาชนะตลาดหุ้นจนประสบความสำเร็จจนร่ำรวยของเขา หลักคิดที่เป็นหัวใจนั้น ตั้งอยู่บนฐานที่ว่า เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่า เมื่อใดหุ้นจะขึ้นและเมื่อไรจะลง การพยายามกะเก็งวงจรของตลาดจึงทำให้ประสิทธิภาพและผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น วิธีการทำกำไรจากตลาดหุ้นของเขา คือการซื้อหุ้นที่ธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวพยายามซื้อในเวลาที่ตลาดตกต่ำมูลค่าหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และสามารถนั่งดูหุ้นที่ตัวเองซื้อราคาปรับลงไปอีกกว่าครึ่งได้โดยไม่รู้สึกขวัญผวา เมื่อซื้อแล้วให้ถือหุ้นที่ดีไว้ตลอดไปเท่าที่นานได้ ขายหุ้นที่ไม่ดีที่ผิดพลาดออกไป ฯลฯ (รายละเอียดอ่านหนังสือของ WARREN BUFFET) ไม่ใช่พยายามทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยการพยายามกะเก็งวงจรของตลาด แต่เป็นการทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยซื้อหุ้นที่ดีมีคุณค่า โดยไม่ต้องสนใจและไม่ต้องรู้ว่าหุ้นจะขึ้น-ลง เมื่อไรอย่างไร

 

แต่คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่เชื่อเช่นนั้น ส่วนใหญ่พยายามที่จะเข้า-ออก ให้ถูกจังหวะของตลาด โดยคิดว่าตัวเองทำได้ คนส่วนใหญ่ 98% จึงขาดทุนไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น เพราะเขาใช้ “เหตุผล” ในการวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้น วิธีเดียวที่จะชนะตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งก็คือ สามารถคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจได้ถูกต้อง ต้องใช้และเข้าใจทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แห่งความจริง

 

ทฤษฎีนี้อธิบายว่าความจริงแท้ไม่ใช่สิ่งที่ตาเห็น หูได้ยินและสัมผัสได้ แต่ความจริงจะอยู่ลึกลงไปข้างในไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยประสาทสัมผัส ถ้าคิดในแบบทั่ว ๆ ไป เราจะคิดว่าเราก็สามารถทำกำไรจากตลาดหุ้นได้ ขึ้นอยู่กับการติด - ตามใกล้ชิดข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์สถานการณ์ตัวเลขต่าง ๆ ได้ถูกต้อง แต่ถ้าคิดตามหลักความจริงแล้ว จะเห็นว่าพวกเราบุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น เป็นนักธุรกิจ นักวิชาการ อาจารย์ ฯลฯ อยู่ในระดับล่างสุดแล้วที่เข้าไปซื้อขายในตลาดเก็งกำไรได้ ระดับต่ำหรืออยู่ล่างกว่า พวกเรา ๆ คือ คนชั้นแรงงานซึ่งไม่มีปัญญา ลงทุนในตลาดเก็งกำไร นอกนั้นมีแต่ระดับสูงกว่าเรา ไล่จากล่างสูงขึ้นไปก็คือเริ่มจาก กองทุนในประเทศ ธนาคารในประเทศ ธนาคารต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศ จนถึงระดับสูงที่สุด คือระดับ จอซ โซรอส หรือเทียบเท่า จะเห็นว่าพวกเราอยู่ระดับล่างสุดที่ซื้อขายอยู่ในตลาดเก็งกำไร ถ้าเรากำไรแล้วใครจะขาดทุน ? มันไม่มีแล้วเนื่องจากเราอยู่ระดับล่างสุด เราจึงจะเป็นผู้ขาดทุนเสมอ โดยเม็ดเงินจะออกจากกระเป๋าเราไปสู่ระดับที่สูงกว่า – สูงสุด เนื่องจากในตลาดหุ้นมีคนกำไร ก็ต้องมีคนขาดทุน * เป็นวิธีคิดตามหลักความเป็นจริง ไม่ใช่ตามสิ่งที่ตาเห็น ดังนั้นเราจึงจะต้องไม่ซื้อ ในขณะที่คนทั่วไปส่วนใหญ่ซื้อในทางกับกันเราต้องขาย และต้องซื้อในเวลาที่คนส่วนใหญ่ขาย คือต้องเป็นส่วนน้อย และเนื่องจากคนส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อขายในตลาดเก็งกำไรด้วย ”เหตุผล” เราจึงต้องไม่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อหรือขายเรื่องราวจึงกลายเป็นว่า เมื่อใดมีข่าวดี มีแต่เหตุผลด้านดี ๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดี ๆ ที่บ่งบอกว่าราคาหุ้นจะขึ้นต่อไปอีก MASS ตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยเหตุผลในระดับปกติธรรมดายอมซื้อ เมื่อใดเหตุผลชัดเจน MASS แทบทุกคนก็ย่อมเห็นและซื้อกันหมด มองไปทางไหน ถามใคร ๆ ก็บอกหุ้นน่าซื้อ แต่เราลืมไปว่าคนไทยแทบทุกคนซื้อหุ้นกันอยู่ได้อย่างไร และใครขาย ? เพราะซื้อต้องเท่ากับขายเสมอแสดงว่าอีกด้านหนึ่งที่เรามองไม่เห็นว่าเป็นใคร กำลังขายอยู่ ซึ่งก็คือระดับ โซรอส จึงจะMATCH เกิดเป็นราคาได้ เมื่อ MASS ซื้อระดับผู้ชนะขาย ราคาก็เริ่มปรับตัวลงมาเรื่อย ๆ ข่าวร้ายก็ออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ โดยที่ข่าวร้ายเหล่านี้ เราไม่สามารถเห็นได้เลย ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงมา ก่อนที่ราคาจะลงจะมีแต่ เหตุผล – ข่าวดี ว่าราคาจะชึ้นต่อไปอีก เมื่อราคาปรับตัวลงเรื่อย ๆ จนต่ำถึงจุดบริเวณหนึ่งที่มีแต่ข่าวร้าย เหตุผลด้านไม่ดีที่บ่งบอกว่าราคาจะปรับตัวลงต่อไปอีก มองอย่างไรก็ไม่เห็นเหตุผลว่าราคาจะขึ้นได้อย่างไร MASS เล่นหุ้นด้วยเหตุผลก็ขาย ด้านผู้ชนะ MATCHING ด้านซื้อ ราคาก็เริ่มปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ เหตุผลด้านดี ๆ ก็ออกมาอ้างอธิบายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เหตุผลเหล่านี้เราไม่สามารถเห็นได้เลย ก่อนที่ราคาจะขึ้นมา มีแต่เหตุผลว่าราคาจะลงต่อ

 

*****ข้อมูลเหล่านี้นำมาประยุกต์กับการลงทุนในทองคำได้ครับ******

บทความนี้ต้องให้เครดิตกับคุณพิชัย จาวลาครับ เค้าพูดได้อย่างน่าคิดน่ะครับ

ปล. บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาให้เพื่อนๆในบอร์ดนี้เชื่อตามน่ะครับ แล้วแต่พิจารญาณของแต่ละบุคคลน่ะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

188131_192796994063738_7269421_n.jpg188131_192796994063738_7269421_n.jpg

 

 

 

สวนทางเซียน (A Different Way Of Thinking)

 

ไม่นานมานี้รายการ “ตามรอยเซียน” ทางช่องมันนี่แชนแนล

ได้พูดถึงภาวะตลาดทองคำและดอลล่าร์ที่เป็นอยู่ ใครได้ฟังเนื้อหาหลักๆแล้วก็คงต้องบอกว่า

ตรงข้ามกับ โอกาสทอง(จริงๆ) โดยสิ้นเชิง

 

เริ่มจากหัวข้อในการสนทนาก็ใช้ชื่อว่า “ระวัง!ทองตกสวรรค์”

หลังจากนั้นก็บรรยายถึงทิศทางการร่วงที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการกลับมาพุ่งอีกครั้งของดอลล่าร์

คนละเรื่องคนละราวกับสิ่งที่เราได้พูดคุยกันอยู่ทุกวัน ?

 

เหตุใด เซียน ถึงมองต่าง ? ด้วย “เหตุและผล” อะไร ? ทำไม ? จึงเป็นเช่นนั้น

 

อ่านบทความนี้ทีไรก็คิดว่ามาถูกทางทุกที. เก็บทองไว้ เพราะข้าวราดกระเพราไก่ไข่ดาวข้างถนนแถวทีีทำงานตอนนี้ จานละ 42 บาทแล้วคะเมื่อก่อน 25 บาท แล้วทองจะไปเท่าไหร่ดี ปีนี้ดอกเบี้ย MLR. แบงค์ขนาดเล็ก 7%.ค่าของแบงค์กระดาษถูกลงทุกวัน

 

 

วันนี้เราจะมาพูดคุยกันครับ.

 

แขกรับเชิญตามรอยเซียนในวันนั้นคือ คุณพิชัย จาวลา

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากหุ้นและอสังหาริมทรัยพ์

 

เกริ่นก่อนว่า:ในอดีต คุณ พิชัย เคยเขียนหนังสือชื่อ “ลับเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง”

ท้ายหนังสือเล่มนี้ ได้คาดการณ์ราคาทองคำในอนาคตไว้ว่า

 

เขียนเมื่อปี 2008 “ทองคำปัจจุบันที่ 14,000 จะตกลงไปเหลือ 12,000

หลังจากนั้นจะเคลื่อนไหวอยู่ระดับบาทละ 10,000 สูงสุดไม่เกิน 15,000

หลังจากนั้น 1-2 ปีจะร่วงรุนแรงลงไปเหลือบาทละ 6,000 !!!"

 

2 ปีผ่านไปจนมาถึงทุกวันนี้ ทองคำได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่านอกจากจะ “ไม่ลง”

ราคายังปรับสูงขึ้น “อย่างหนัก” จนทะลุระดับ 21,000 ต่อบาทขึ้นมาได้

การที่ทองขึ้นนั้นไม่แปลก แต่แปลกใจที่ในปัจจุบันคุณพิชัยก็ยังคงมีมุมมองต่อทองคำในเชิงลบเหมือนเช่นเดิม

 

จริงอยู่การที่เค้าคาดการณ์ผิดในครั้งนั้น ไม่ได้การันตีว่าเค้าจะผิดอีกในครั้งนี้ (เพราะเวลาเท่านั้นที่จะเฉลยทุกอย่าง)

แต่พอได้ฟังเหตุผลที่คุณพิชัยอ้างถึงแล้ว ต้องขอบอกว่ามีแนวโน้มมากเหลือเกินที่ “เค้าจะผิดอีก”

 

:excl: อันดับแรกคุณพิชัยกล่าวว่า : ในตลาดเก็งกำไรนั้นไม่ได้ตรงไปตรงมา

ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้แล้วค่อยมีเหตุและผลอย่างอื่นมาสนับสนุนทีหลัง นักลงทุนอย่าคาดหวังว่าตลาดจะสมเหตุสมผล

ประเด็นนี้ฟังแล้ว ราวกับว่า “การลงทุนนั้นไม่ต่างจากการพนัน” เหตุและผลที่ถูกต้องอาจจะไม่ถูกต้อง

ในขณะที่สิ่งไม่ถูกต้องอาจจะถูกต้องได้ในอนาคต ?

 

จริงๆแล้วเป็นอย่างนั้นหรือ ?

ก่อนจะงงไปกว่านี้ ผมอยากบอกว่าผมเชื่อใน “เหตุและผล” แต่ข้อมูลในตลาดนั้นต่างหากที่มีทั้ง

“จริง” และ “เท็จ”

 

:rolleyes: หากคุณได้รับข้อมูลที่เป็นจริง ผลที่ตามมาย่อม “สอดคล้อง”

 

:wacko: แต่หากคุณรับข้อมูลที่เป็นเท็จผลมันจะออกตรงกันข้าม “ทำให้ตลาดดู งง งง เหมือนไม่สมเหตุสมผล”

 

สิ่งสำคัญคือ เราต้องกลั่นกรองข้อมูลว่าอะไรถูก-อะไรผิดต่างหาก

ถ้าเราได้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้วลงทุนยึดตามข้อมูลนั้น ผมรับประกันว่า “ตลาดสมเหตุสมผลแน่นอน”

 

ยกตัวอย่างเช่น

 

ข้อมูล 1. ประธานธนาคารกลางสหรัฐยืนยันอัตราเงินเฟ้อในประเทศอยู่ในระดับต่ำ

 

ข้อมูล 2. นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง

 

ข้อมูล 2 ข้อนี้มีอยู่จริงในตลาด หากคุณเชื่อข้อมูลที่ 1 แล้วผลออกมา เงินเฟ้อ พุ่งกระจาย ข้าวยากหมากแพง

แบบนี้ตลาดคงดูไม่เป็นเหตุเป็นผลแต่ถ้าคุณเชื่อในข้อมูลที่ 2 ผลที่ออกมาจะดูสอดคล้องแบบไม่ต้องเกาหัว

ปัจจัยพื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

 

หากคุณรู้ในสิ่งที่ถูก คุณจะเลือกทางเดินถูก

หากคุณรู้ในสิ่งที่ผิด คุณจะลำบากเพราะต้องใช้ตัวช่วยอีกมากมาย มาอธิบายให้เข้าใจตลาดในภายหลัง

 

 

:excl: อันดับต่อมา : คุณพิชัยพูดถึง ทฤษฎีแมส (Mass) ที่ว่าคน 90% เฮกันไปทางไหน “ทางนั้นผิด”

 

ทฤษฎีนี้ผมเห็นด้วย ในโลกของการลงทุนนั้นบางครั้งก็ไม่สวยงาม คนส่วนใหญ่มักจะขาดทุนในขณะที่คนส่วนน้อยกำไร

ทฤษฎีนี้บอกว่า : ผู้คิดต่างคือผู้ชนะในขณะที่คนส่วนใหญ่คือ “เหยื่อ”

 

แต่ปัญหาคือ ในขณะนี้อะไรคือ “ความคิดของคนส่วนใหญ่ ? อะไรคือความคิดต่าง ?”

 

คุณพิชัยกล่าวว่าในขณะนี้ "ทุกคนเห่อตามกันซื้อทองเพราะเห็นมันขึ้นราคาโดยหวังว่ามันจะขึ้นต่อไปอีก"

ตรงกันข้ามเลย สิ่งที่ผมเห็นคือเมื่อทองคำแตะเลยบาทละ 20,000 ขึ้นมา คนส่วนใหญ่ “ขายทอง” ต่างหาก

 

ทุกครั้งที่ทองขึ้นคนยิ่งกลัว ต่อให้นิวไฮแล้วนิวไฮอีก คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อว่าทองจะไปได้ต่อ

คนมีทองก็ขาย คนไม่มีทองก็ Short

ผมคิดว่านี่ต่างหากคือความคิดของคนส่วนใหญ่หรือแมส (Mass)

 

ในกลุ่มคนเล่นทองคิดว่าทองจะลงคือแมสแล้ว หากเรานับนักลทุนทุกคนที่อยู่ในวงการทองคำผมอยากจะบอกว่า

พวกเรายิ่งเป็นคนส่วนน้อย ! รอบกายเราในขณะนี้ มีใครที่ซื้อทองบ้าง? จะเพื่อนฝูงญาติพี่น้องหรือจะนับรวมทั้งโลก

นักลงทุนทองคำมีน้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่ออมเงินด้วยการเปิดบัญชีเงินฝาก, ซื้อพันธบัตรรัฐ, หรือเล่นหุ้น

 

ยิ่งไปกว่านั้นทั่วโลกผู้ที่ถือครองทองคำมีน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ที่ถือครอง“ดอลล่าร์”

 

ผมมองว่าผู้ที่ถือครองดอลล่าร์ขณะนี้นั้นแมสมากๆ เมื่อเทียบกับผู้ที่ถือครองทองคำ

การที่แมสบางส่วนเริ่มจะย้ายตัวเองมาอยู่อีกฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ไม่ได้หมายความว่า “ทองคำอยู่ในกระแสหลักตอนนี้”

 

หนทางยังอีกไกลครับ...

 

แต่ที่เซียนพูดมาใช่ว่าจะผิดไปทั้งหมด : ในปี 2009 ตอนที่ทองคำปรับตัวขึ้นจากระดับ 14,000 ไปแตะ 19,000 เป็นครั้งแรก

ตอนนั้นทองต้องขึ้นถึงบาทละ 5,000 ภายในปีเดียว

 

:o คนส่วนใหญ่ถึงจะเชื่อว่า “ทองขึ้นได้ไม่ลง”

:o ดอลล่าร์อินเด็กซ์ร่วงลงแตะระดับ 74 จนคนส่วนใหญ่เชื่อว่าดอลล่าร์ “ลงได้ไม่ขึ้น”

 

“ทุกอย่างเป็นใจให้แมสขาดทุนและเป็นใจให้ทองปรับฐาน”

 

อ่านดีๆนะครับ แค่ “ปรับฐาน” คุณค่าของทองยังคงอยู่

การปรับฐานตลาดจะทำการกวาดผู้เล่นที่มาทีหลังและจิตใจอ่อนแอออกไปก่อนหลังจากนั้นค่อยพลิกตัวปรับขึ้นรอบใหม่

หากคุณพิชัยมองว่าทองอยู่ในโซนขายเพราะ เหตุการณ์ทองปรับฐานแบบเดิมอาจเกิดซ้ำขึ้นอีก

ผมคงเห็นด้วยและมองว่าอาจเป็นไปได้ แต่คุณพิชัยกลับไม่มองเช่นนั้น

 

ในบทสนทนาคุณพิชัยบอกว่าทองจะร่วงลึกและนาน

ขึ้นอยู่กับเวลาด้วยหากให้เวลามากพอทองจะลงไปถึง “พันสองร้อยเหรียญ” ได้ ??

 

อืมม...ผมกลับคิดว่า หากให้เวลามันมากพอ

ทองจะไปถึง “สองพันเหรียญ” ได้ต่างหาก

 

 

ในตลาดเก็งกำไร ดอลล่าร์อาจจะถูกขายเพราะสัญญาณทางเทคนิค ขาใหญ่อาจจะรับซื้อเพื่อลุ้นรีบาวน์อะไรก็ว่ากันไป

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ดอลล่าร์ยังไม่ถูกขาย !! ทุนสำรองดอลล่าร์

ยังกองท่วมอยู่ในธนาคารกลางทั่วโลก ทั้งๆที่มูลค่าของมัน “ละลายลงเรื่อยๆ” ดอลล่าร์ก็ยังไม่ถูกเท...

 

หากถึงวันที่นานาประเทศตัดสินใจ “คัทลอส” เทขายดอลล่าร์ทิ้ง

ผู้ซื้อคืนก็คงมีแต่ธนาคารกลางสหรัฐและประชาชนชาวอเมริกันเท่านั้น เมื่อดอลล่าร์ไหลบ่ากลับประเทศเกิด

อภิมหาเงินเฟ้อ (Hyperinflation) ก็จะตามมา ค่าเงินดอลล่าร์คงดิ่งเหว ร่วงเร็วและแรง แมสที่ถือครองดอลาร์จะพบว่า

อำนาจการซื้อ (Purchasing Power) ของตัวเองหายวับไปกับตา.......นี่ต่างหากคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

 

 

:excl: ประเด็นถัดมา : เรื่องจีน

 

จีนเองเข้าซื้อทองคำอย่างหนัก ขุดได้ก็ไม่ส่งออก

 

แต่ทุนสำรองทองคำยังคิดเป็นแค่ 2%

ของทุนสำรองจีนทั้งหมด ในขณะที่สัดส่วนการถือครองดอลล่าร์นั้นมากถึง 49%

 

หากจีนจะขาดทุนและเป็นแมงเม่าตามที่คุณพิชัยบอก คงขาดทุนจากพอร์ทดอลล่าร์ตามนานาประเทศที่ถือครองกันเป็นส่วนใหญ่มากว่า

ไม่ได้ขาดทุนจากพอร์ททองคำที่มีอยู่เพียงน้อยนิดแน่นอน

 

จีนไม่ใช่ขาใหญ่ที่เฮโลซื้อตามรายย่อยเพื่อไปขาดทุนจากการที่ทองจะตกสวรรค์ในอนาคต

แต่จีนคือขาใหญ่ที่จะเป็นผู้นำตลาด ให้รายย่อยคนอื่นๆหันมาสนใจในทองคำมากกว่า

นาทีนี้ให้เลือกระหว่างตามรอยจีนหรืออเมริกา คุณจะเลือกใคร?

 

ภาษิตจีนโบราณกล่าวไว้ว่า : พญามังกรยามหลับนั้น ถ้ำแคบๆมืดๆก็ขดตัวซ่อนอยู่ได้

แต่เมื่อถึงคราวผงาด "ฟ้าก็ยังแคบเกินไป"

 

เมื่อถึงวันที่จีนผงาดขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลก (จริงๆวันนี้ก็เป็นแล้วด้วยซ้ำ)

ทองคำที่จีนเฝ้าสะสมและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะเป็นตัวหนุนความมั่งคั่งของจีน

สกุลเงินหยวนจะมีค่ามากกว่าสกุลดอลล่าร์หลายเท่านัก

 

 

 

apr052010_1.gif

 

 

 

:excl: สิ่งที่ทำให้คุณพิชัยเชื่อว่า ราคาทองคำไม่น่าจะไปต่อได้อีกอย่างก็คือ :“ความต้องการใช้เป็นเครื่องประดับลดลง”

 

การมองแบบนี้ คือการมองว่าทองคำคือสินค้าโภคภัณฑ์ตัวหนึ่ง

เมื่อความต้องการภาคอุตสาหกรรมเครื่องประดับลด (Jewellry Demand) ทองจึงดูไม่น่าสนใจและไม่ใช่เรื่องที่คนจะมาใส่ทอง

 

จริงอยู่ที่ความต้องการในด้านนั้นลดลงแต่ก็ - มีความต้องการในด้านอื่นเพิ่มมาชดเชยแทน

 

จากกราฟ

 

golddemandthenandnow.png

 

 

เพราะทองไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับ แต่ยังถือว่าเป็น Safe Heaven ของนักลงทุน

:( Jewellry Demand ลด

:) แต่ Investment Demand เพิ่มสูงขึ้นชดเชยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

(จาก 2% เมื่อ 10 ปีก่อนมาเป็น 40% ในปัจจุบัน)

 

ชัดเจนว่า : แม้คนจะไม่ใส่ทองแต่ความต้องการของทองก็ไม่ได้ลดลง ไม่ซื้อรูปพรรณ-คนก็ซื้อทองคำแท่ง

ซื้อทองคำแท่งมากกว่าซื้อรูปพรรณด้วยซ้ำ (ซื้อขั้นต่ำก็ 10-20 บาท) วันไหนลงแรงเยาวราชแตกและมีแจกบัตรคิว..

 

:excl: ประเด็นสุดท้ายที่คุณพิชัยพูดถึงคือ : ทองคำไม่มีคุณค่าในตัวเอง

 

คุณพิชัยเปรียบกับที่ดิน-อสังหาริมทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้ทำกินได้ ต่อให้ราคาตก

แต่ทองไม่ได้มีคุณค่าในตัวของมันเอง คุณค่าของทองอยู่ที่ไหน ?

 

ประเด็นนี้ผมเองได้พูดเน้นย้ำไปหลายครั้ง ว่าทองมีคุณค่าในตัวเอง (Intrinsic Value) เพราะมันคือ “เงินที่แท้จริง”

ทองคำกว่าจะขุดและสกัดขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่าย แถมยังเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษเหมาะจะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

และรักษาความมั่งคั่งให้เราได้ผ่านกาลเวลา “คุณลักษณะแบบนี้โลหะชนิดอื่นไม่มี”

แต่คุณพิชัยกลับบอกว่าทองคำคือ “สิ่งกลวง”

 

น่าแปลกที่พิธีกรเองซะอีกที่เข้าใจและแย้งว่า “เงินกระดาษก็เป็นสิ่งสมมุติและคนกำหนดขึ้นมาไม่ใช่หรือ ?”

แต่คุณพิชัยกลับย้อนไปพูดเรื่อง “ทองเป็นเครื่องประดับที่ไม่ฮิตแล้วในตอนนี้”

 

มันคนละเรื่องกัน...ทองคำไม่ใช่ Commodity แต่มันคือ The best currency ต่างหาก

 

ทองคำคือตัวฟ้องการเสื่อมค่าของเงินที่ดีที่สุด เพราะมันคือ “เงินที่จริงแท้และแน่นอน”

ถ้าจะมีอะไรที่เป็นสิ่งกลวงสิ่งนั้นคือ กระดาษพิมพ์สี ไม่ใช่ทองคำ

 

การคาดการณ์ว่า กระดาษพิมพ์สีที่ชื่อว่า ดอลล่าร์ จะแข็งค่าถึงขนาดไปแตะ 35-40 บาท

 

-ภายใต้สถานะการณ์ : ที่สหรัฐมีนโยบายพิมพ์เงินเป็นว่าเล่น (QE)

 

-ภายใต้สถานะการณ์: ที่ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยมีนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบถี่ยิบ

 

ดูจะไม่สมเหตุสมผลเอามากๆ เกรงว่า หากเบน เบอร์นันเก้ยังพิมพ์ต่อ แล้ว ธปท.ยังปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ

25 บาทอาจจะกลับมาให้ได้เห็นซะด้วยซ้ำ.

 

 

 

***************************************************************************************************************

 

 

ทั้งหลายทั้งปวงที่ได้เขียนไปแล้ว จะเชื่อ “ตามรอยเซียน” ว่าระวังทองร่วงตกสวรรค์

หรือ “สวนทางเซียน” คิดว่าทองจะไปดวงจันทร์ ก็สุดแล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณา

 

ในตลาดมีข้อมูลมากมาย ให้เราเลือกรับ และกลั่นกรอง ย้ำอีกครั้งว่า “ข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะทำให้เราบรรลุวัตถุประสงค์"

ขออวยพรให้ “คุณ” จะตัดสินใจได้ถูกต้องและโชคดีในการลงทุนทองคำครั้งนี้ครับ..

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณส้มโอมือ เงินเริ่มโดนทุบแล้วจะซื้อเพิ่ม เก็บเงินไว้ที่ไหนดีขอปรึกษาคนมีเงินหลายกระสอบ มันใหญ่กว่าทองมากเลย หรือต้องใส่ตุ่มฝั่งดินแล้วทำแผนที่ไว้เหมือนสมัยโบราณดี :rolleyes:

วันนี้ขอออกความเห็นเรื่องการเก็บโลหะเงินนะครับ อันนี้แค่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับไม่รับรองผล หลายคนห่วงเรื่องการเก็บโลหะเงินที่ซื้อมา ส่วนตัวผมมองว่าถ้าเก็บเงินและเก็บทองไว้ที่บ้าน ผมมองว่าเก็บเงินห้าสิบกิโลง่ายกว่าเก็บทองหนัก50สิบบาทครับ

การจะซ่อนอะไรก็ตามผมว่าใช้หลักง่ายๆดีกว่าครับ ที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ที่อันตรายที่สุด ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด(แต่วิธีนี้ต้องระวังคนในบ้านนึกว่าเป็ของไร้ค่านำไปทิ้งนะครับ)

เงิน50กิโลสำหรับบ้านใหญ่หน่อย ถ้าบ้านคุณมีห้องเล็กๆที่ไม่ค่อยใช้หรือมีห้องเก่าๆเก็บของ เอาเงินไปสุมรวมกับของที่เก็บไว้เลยไว้ใต้ๆหน่อยแล้วล็อคแค่ลูกบิ๊คพอ(คุณถือกุญแจคนเดียวพอกันคนในบ้านเอาไปทิ้ง) ขโมยเปิดเข้าไปเห็นเป็นห้องเก็บของก็ไม่สนใจรื้อแล้ว

ส่วนบ้านที่ที่มีห้องน้อยหาตู้เก่าๆสักใบเพื่อเป็นที่เก็บของที่นานๆใช้ทีของทางบ้าน วางตู้ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญภายในบ้าน เก็บเงินปนเข้าไปเลยแล้วล็อคกุญแจกันคนในบ้านเอาของไปทิ้ง โจรเข้าไปในบ้านมีตู้หลายใบล็อคเหมือนกันหมด โจรเลือกเปิดตู้สวยๆในตำแหน่งสำคัญก่อน ส่วนตู้เก่าๆว่างตำแหน่งไม่สำคัญถึงโจรเปิดมาเห็นว่าเป็นตู้เก็บของไม่สำคัญที่ไปก็ไม่สนใจแล้ว

เงิน50กิโลเก็บแบบที่ผมบอกน่าจะปลอดภัย(ไม่ตกหล่นแน่) แต่ทอง50บาทก้อนเล็กมาก เก็บตำแหน่งไม่สำคัญอาจตกหล่นหรือหายได้(บางคนเก็บทอง50บาทในช่องแช่แข็งตู้เย็น(ระวังนะเจ้าตัวหรือคนในบ้านเผลอหยิบทิ้ง) บางคนเก็บใต้ฝาชักโครก ) เก็บตำแหน่งสำคัญ ต้องบอกว่าโจรถนัดหามากครับ

ทุกข์ของคนจนคือไม่มีจะกินจะใช้ ทุกข์ของคนรวยคือไม่รู้จะเก็บสมบัติมีค่าไว้ที่ไหน

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทความของคุณเน็กซ์ดูสมเหตุสมผลกว่า. มีทองตั้งแต่ 12000 จะเก็บไว้ไม่ขายคะตอนนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...