ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

:Pขอบคุณคร้าคุณ Next ติดตามอ่านด้วยคนคร้า :P :P :P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เป็น โอกาสทอง ของผมและสมาชิกทุกท่านในเว็บแห่งนี้จิงๆครับที่ได้มาเจอกระทู้ดีๆแบบนี้

ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านจากบทความของคุณเน็กแล้ว ผมเข้าใจว่าดาวขึ้นแบบภาพมายา หุ้นเฟ้อ แต่หุ้นไทยบ้านเราขึ้นเพราะเศรษฐีเขามองเห็นโอกาสในอนาคตที่เอเชียจะเป็นตลาดใหม่แทนที่เมกากะยุโรปใช่ไหมครับ ฉะนั้นถ้าจะลงทุนยาวหน่อยสักปีสองปี ลงทุนในตลาดหุ้นไทยตอนนี้คุณเน็กคิดว่าน่าลงทุนไหมอะครับ

ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

dollar-roll.jpg

 

 

เงินคืออะไร? (What is money?)

 

 

บางคนเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็น “กูรู” เอ …. อันนี้ไม่แน่ใจนะครับว่า ถึงขนาดนั้นหรือเปล่า

เพราะสำหรับผม คำว่ากูรูนี่ฟังดู มันล้ำมากๆเลย แต่สิ่งที่ผมรู้และเข้าใจนั้น ไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อนเลยครับ

สังเกตุว่า ภาษาและเนื้อหาที่ใช้นั้น บางครั้งจะเป็นแบบ “บ้านๆ” ซะด้วยซ้ำ

 

หากว่าจะมีบางอย่างที่ผมพอจะรู้และเข้าใจ สิ่งนั้นน่าจะเป็น “เศรษฐศาสตร์และการเงินขั้นพื้นฐาน” (Basic Economy) แค่นั้นเองครับ

แต่อะไรที่มันเป็น “พื้นฐาน” นี่แหละครับ ผมอยากจะบอกว่า สำคัญมากๆ เพราะหากคุณเข้าใจพื้นฐานอย่างถ่องแท้

ต่อให้มีข้อมูลอะไรมั่วๆ มึนๆ เข้ามาก็ทำให้คุณงงได้ยากครับ

หากคุณเคยค้นคว้าหาความรู้จากหลายๆแหล่ง ที่มีเนื้อหาที่มันดู ซับซ้อน ศัพท์เทคนิคเยอะแยะมากมาย เพราะคิดว่า ข้อมูลต่างๆที่มันดูล้ำลึกเหล่านั้น

นั่นแหละถึงจะเป็นข้อมูลที่ดี ผมว่าพวกเราลองมามองอะไรที่มันเป็นเบสิคๆ กันก่อนดีกว่ามั๊ยครับ ?

 

 

วันนี้ผมจะพูดคุยกับเพื่อนๆสมาชิก เรื่อง “เงินที่อะไร ?” (What is money?) ครับ

 

- คนเราทำงานทุกวันนี้ก็เพราะอยากได้ “เงิน”

 

- นักเรียน นักศึกษาตั้งใจเรียนทุกวันนี้ก็เพราะอยากมีอาชีพการงานที่ดีในอนาคต จะได้”เงินเดือน” สูงๆ

 

- นักลงทุน ทุกคนลงทุนกันก็เพราะอยากได้ “กำไร”

 

ใครหลายๆ คนวางเป้าหมายเอาไว้ที่ “เงิน” แต่ คนส่วนใหญ่ ผมขอยืนยันครับว่า 99% เลยครับที่ ไม่รู้จัก “เงิน” อย่างแท้จริง

 

เพื่อเพิ่มความตื่นเต้น ไม่น่าเบื่อ ก่อนจะอ่านต่อ เวลาผมเล่าหรืออธิบายเรื่องพวกนี้ให้เพื่อนๆฟัง

ผมชอบพูดถึง ภาพยนต์ เรื่องนึง ดังมากกก ชื่อเรื่อง “The Matrix”

จะมีอยู่ฉากนึงครับ ที่พระเอก (พนักงานออฟฟิศ ที่ชีวิตสุดแสนจะธรรมดา) จะต้องตัดสินใจ เลือกกินยา ระหว่าง oยาเม็ดแดง กับ oยาเม็ดสีฟ้า

 

หากพระเอกเลือกกินยาเม็ดสีฟ้า เค้าก็จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติดังเดิม

 

แต่หากเค้า เลือกยาเม็ดสีแดง เค้าจะหลุดออกจากโลกแบบเดิมๆ แล้วออกไปสู่โลกที่แท้จริง พร้อมกับพบความจริงว่า โลกที่เค้าเคยอยู่และรับรู้มาโดยตลอดนั้นคือ “The Matrix”

 

ในโลกของการเงินนั้นก็มี The Matrix ครับ ......................

:excl: หากคิดว่ากระทู้นี้ชักจะเลอะเทอะ ไม่เข้าเรื่องซะที กดปิดหน้าต่าง ….. (ยาเม็ดสีฟ้า)o

 

:excl: อ่านต่อ..... (ยาเม็ดสีแดง) o

 

 

.................................................................

 

 

เรามาลองย้อนดูกันครับ....

 

โอกาส “ทอง” จริงๆ ครั้งนี้เป็นโอกาสของการลงทุนในทองคำอย่างที่เคยเกริ่นไว้นะครับ พูดถึง ทองคำ ต้องพูดถึง เงิน ก่อนครับ

เหตุที่ต้องพูดถึงเรื่องเงิน เพราะในสมัยโบราญนั้น “ทองคำ” กับ “เงิน” นั้นมันเคยเป็น ของอย่างเดียวกันครับ

ในชั่วชีวิตคนเรานั้น ไม่คุ้นเคยกับการ ใช้ทองคำเพื่อไปจ่ายตลาด หรือ เติมน้ำมัน แต่ในอดีตนั้น ใช้กันอย่างแพร่หลาย

แถมใช้มาเป็น พันๆ ปีเลยทีเดียว กว่าจะมาเปลี่ยนเป็นระบบ ธนบัตรกระดาษ หรือแม้แต่ บัตรเครดิต พลาสติกแบบในปัจจุบัน

ดูเหมือนพวกเราทันสมัยครับ พกธนบัตรเบาๆ จับจ่ายใช้สอย สะบาย-สะดวก ส่วนคนโบราญเป็นพันๆปีนั้นเชย หิ้วทองไปหิ้วทองมา หนักก็หนัก ไม่เวิร์ค.....

 

...........ไม่เวิร์ค จริงหรือ ????..........

 

ระบบเงินตราที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน บอกได้เลยครับว่าระบบนี้ มีอายุประวัติความเป็นมาไม่ถึง 50 ปีเท่านั้นเองครับ (เริ่มต้นในปี คศ.1971)

หากเทียบกับอายุ ของระบบเงินตรารุ่นเก่า อย่างทองคำ ที่ได้รับความนิยมมา 5000 กว่าปีแล้วนั้น เทียบกันไม่ติดครับ...

แต่ อายุแค่ 50 ปี นั้นก็เพียงพอครับ ที่จะทำให้ คนทั้งโลก ชิน และ ยอมรับ กับระบบนี้

 

เพราะ อายุขัย เฉลี่ยของคนเราทั้งโลก ก็ ไม่เกิน 60 ปีหรอกครับ นั่นหมายความว่า

หากเราอายุ 50 ปี หรือ ต่ำกว่า เราใช้เงินอยู่ในระบบนี้มาตั้งแต่เกิด ครับ นั่นทำให้เรารู้สึกว่า ระบบนี้มัน ธรรมดา และเป็นปกติ

 

................... แล้วก่อนพวกเราเกิดล่ะ ?

 

บอกได้เลยครับ เป็นพันๆ ปีมาแล้วเค้าใช้ระบบ เงินตราแบบอื่นกันครับ

 

หากเราคิดว่า ที่ผ่านมา พันๆปี ระบบเงินตราที่ใช้กันมาไม่ดีไม่เหมาะสม แต่ ระบบเงินตราที่พัฒนามาให้เราใช้กันอยู่ ซึ่งมีอายุได้แค่ ไม่ถึง 50 ปีถูกต้องเหมาะสมกว่า

เราอาจจะต้องคิดใหม่ครับ…

 

ประวัติศาตร์และวิวัฒนาการ ด้านการเงิน (ฉบับย่อ)

 

ก่อนหน้านั้นมันไม่มีอะไร ซับซ้อนเลยครับ มนุยษ์เรานั้นไม่ใช้เงินด้วยซ้ำ ทุกคน ต่างหาอาหาร ประทังชีวิต ปัจจัยสี่ อยู่ตามธรรมชาติ ออกล่าสัตว์

ประดิษฐ์เสื้อผ้า อยู่กระท่อม ต้นไม้ใบหญ้ารอบๆกายคือสมุนไพรชั้นดี จับปลาก่อกองไฟกันไป จนเริ่มได้คิด ……

หากเราคนเดียวทำทุกอย่างด้วยตัวเราเอง มันก็คงจะทำได้ไม่ดี มนุษย์เรานั้นเป็นสัตว์สังคมครับ มองหน้าเพื่อนซ้ายขวา กันไปมา อย่ากระนั้นเลยเรามาแบ่งงานกันทำจะดีกว่าไหม? เธอล่าสัตว์ ฉันปลูกผัก เธอสร้างบ้าน ฉันก่อกองไฟ เธอหาสมุนไพร ฉันเอาใบไม้มาทำเสื้อผ้า ปรากฎว่า “เข้าท่าครับ”

เมื่อแต่ละคนไม่ต้องทำทุกอย่าง ทำเฉพาะที่ตนเองถนัด งานก็ออกมาดี เอาของมาแลกกัน ก็เป็นของที่คุณภาพดี สังคมเริ่มมีการขยายตัว

คนจับปลาเริ่ม ประดิษฐ์แห จับได้ทีละมากๆ คนปลูกผักเลี้ยงสัตว์เริ่ม ทำในลักษณะเป็นฟาร์ม เศรษฐกิจเริ่มจะดี GDP เริ่มจะโต ….

 

คนปลูกผักเอาผักไปแลกหมูจากคนเลี้ยงหมู คนเก็บสมุนไพรก็เอาไปแลกกับเสื้อผ้า คนปลูกมะกรูดไปแลกมะนาว คนมีลูกสาวเอาไปแลกลูกชาย ….

เกิดเป็นระบบบาร์เตอร์ (Barter system) ของเธอแลกของฉัน อยู่กันแบบสุขสรร มาได้ระยะหนึ่งครับ แต่ …..

 

ซักพักปัญหาเกิด…

 

เกิดปัญหา ว่าคนปลูกผักจะเอาผักไปแลกหมูแต่ละที ต้องหา เจ้าของหมู ที่กำลังอยากจะได้ผักพอดี กันด้วย อยากได้ของเค้า

แต่เค้าเองก็ต้องอยากได้ของเรา การแลกเปลี่ยนถึงจะเกิด มันไม่สะดวก หนำซ้ำ ผักแค่ไหนแลกหมูได้เท่าไหร่ ?

ถึงจะยุติธรรม ผักยังปลูกไม่โต แต่อยากกินหมูแล้ว ต้องรอให้ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวก่อนอีก ….. เครียดครับ

 

กำเนิด “สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน” (Medium of exchange)

 

การไม่มีสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมันไม่สะดวกเอามากๆเลยครับ เราคงพอจะนึกภาพออก เราต้องการอะไรซักอย่างที่สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้

เพื่อให้สามารถเอาไปแลกกับสินค้าที่เราต้องการอะไรก็ได้ คำถามคือ เอาอะไรดี ??

 

มนุษย์เราเคยใช้ เปลือกหอย ครับแลกกันไปแลกกันมา บิ่นมั่ง หักมั่ง หนำซ้ำเวลา มีซึนามิมาที เปลือกหอย เต็มหาดเลย ….. แบบนี้ ไม่มีมาตราฐาน

มนุษย์เราเคยใช้ ใบชา, ใช้วัว, ใช้ข้าวเปลือก ครับ ลองสารพัดอย่าง มาแล้ว ไม่เข้าท่าซักอย่าง

 

แต่ได้คอนเซปต์แล้วครับ ว่าในช่วงที่เอาเปลือกหอยแลกเปลี่ยนกัน มันสะดวกขึ้นกว่า เอาของแลกกันจริงๆ ที่เหลือก็แค่ หาสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม

…หากเราจะเรียกเปลือกหอย ใบชา ในช่วงลองผิดลองถูกว่า “เงิน (Money)” ก็คงไม่ผิดครับ

มันเป็นเป็นเงิน ในสังคมๆหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่งก็แค่ยังไม่เหมาะสมที่สุด เท่านั้นเอง

 

...... งานนี้เลยต้องมีการคัดสรรกันหน่อยครับ

 

เกณฑ์การประกวด

 

1. พกพาสะดวก ติดตัวได้ (Transportability)

 

2. แบ่งแยกเป็นหน่วยย่อยๆได้ (Divisibility)

 

3. ใครๆก็ยอมรับและรู้จัก (Recognizability)

 

4. ทำปลอมยาก (Resistance to counterfeiting)

 

5. มีลักษณะ เป็นมาตราฐานและเหมือนกันทุกหน่วย (Homogeneity)

 

6. หายาก (Scarcity)

 

7. ทน (Durability)

 

8. มีคุณค่าในตัวเอง (Intrinsic Value)

 

ยิ่งกว่าประกวดนางสาวไทยอีกครับ หลังจากการคัดแล้วคัดอีก ลองผิดลองถูก เฟ้นหาจนได้ ผู้เข้ารอบสุดท้าย ได้แก่ “หมวดโลหะ (Metal)” ครับ

แต่เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด คัดแล้วเหลือผู้ชนะได้ แก่ “ทองคำ, แร่เงิน, และทองแดง (Gold, Silver, and Copper)”

ได้สายสะพาย อันดับ 1 รองอันดับ 1 รองอันดับ 2 ตามลำดับครับ กลุ่มนี้คือกลุ่ม “โลหะมีค่า (Precious metal)” ครับ...

เหมาะสมหรือไม่ ? เหมาะสมตรงไหน ?

 

ธรรมชาติสร้างสรรทุกอย่างให้มีความหมายอย่างน่าประหลาดครับ ไม่มีอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพียงแต่ประโยชน์ของแต่ละอย่างนั้นต่างกัน

มีลักษณะเฉพาะตัว มีหน้าที่ที่เหมาะสมต่างกัน เหล็กและหินเหมาะกับการก่อสร้าง ไม้เหมาะกับทำฝืน หรือ เฟอร์นิเจอร์

 

ผมเชื่อครับว่า ธรรมชาติ กำหนดมาแล้วครับว่า หน้าที่ของทองคำและแร่เงิน (Gold and Silver) คือ เงิน (Money) ครับ!

 

 

หากพิจารณาจากเกณฑ์การประกวดข้างต้น

 

- ทองคำสะดวกที่จะพกครับ ไม่หนักเกินไปที่จะพาติดตัวไปด้วยได้

 

- แบ่งแยกย่อยได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

- เราสามารถหลอมรวมเป็นก้อนเป็นเหรียญ หรือ ตีแผ่เป็นแผ่นบางเฉียบ ทำเป็นเส้นยาวก็ได้

 

- หนำซ้ำ ทองคำแต่ละหน่วยที่แยกย่อย ยัง มีความบริสุทธิ์ ของเนื้อในเท่ากันอีกด้วย

(พูดง่ายๆคือ หากมีทองแท่ง หัวแท่งกับ ท้ายแท่ง ทุกจุดของทองคำเนื้อในมันเหมือนกันเปี๊ยบครับ)

 

- ทำปลอมก็ยาก หาก็ยาก สกัดจากหินดินทรายน้ำหนักเป็น ตัน เพื่อให้ได้ทองคำ หนักแค่ไม่กี่ กรัม

 

- ความเฉื่อยของโลหะทองคำ ทำให้มันไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศไม่เกิดสนิม คงทนผ่านกาลเวลา แวววาวสวยงาม เอามาทำเครื่องประดับก็เหมาะ

 

 

หากมีทองคำแท่งอยู่ที่บ้านแนะนำให้ ลองเอามาหยิบจับไว้ในมือ รู้สึกถึงความ “แพง” ในตัวของมันเองไหมครับ?

ความหนักความหน่วงของมัน ความแวววาว ของมัน แสดงถึงความมั่งคั่ง ของผู้ที่ได้เป้นเจ้าของ

 

ลองพิจารณามองดูมันดีๆเราอาจจะได้คิด ได้เข้าใจ ว่าเหตุใด

 

คนสมัยก่อนถึงกับต้องก่อสงคราม ฆ่ากันตายมาแล้วเพียงเพราะต้องการครอบครองและแย่งชิงมัน !

 

ยามเมื่อทองคำได้รับตำแหน่งนี้แล้ว ถึงคราวปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับรองอันดับ 1 (แร่เงิน) และ 2 (ทองแดง) ก็เยี่ยม! ครับ

 

ทำให้เกิดความคล่องตัวในการซื้อขาย เศรษฐกิจเริ่มจะดี GDP เริ่มจะโต.....

 

ทุกคนยอมรับทองคำ สินค้าเมื่อทำการวัดมูลค่าด้วยทองคำเกิดความยุติธรรม และ สะดวกในการซื้อขาย ของมูลค่าสูงใช้ทอง

มูลค่ารองๆ ลงมาก็ ใช้แร่เงินและทองแดง ควบคู่กันไป เกิดระบบทองคำ (Gold money) ใช้ทองซื้อของ ระบบนี้ อยู่มาได้เป็นร้อยเป็นพันปีครับ

 

 

.... ซักพักใหญ่ๆปัญหาเกิดอีก

 

 

TO BE CONTINUED :)

ถูกแก้ไข โดย Nexttonothing

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านแล้วสนุกดีคะ ทำให้นึกถึงตอนเรียนแต่ไม่นุกเท่านี้ รออ่านต่อคะ :lol:

 

ลืมไปคะ +1ให้เป็นกำลังใจจะได้มีอะไรนุกๆมาเล่าต่อ :lol:

ถูกแก้ไข โดย mayany

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เปลี่ยนช่องไปไหน ติดต่อตอนต่อไปครับ..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ ได้ความรุ้มากเลยทีีเดียว :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...