ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ796ลบ. พอร์ตลงทุนต่างชาติซื้อ 796 ลบ. รายย่อยซื้อ 2.5 พันลบ. สถาบันขาย 4 พันลบ. บัญชีบล.ซื้อ 723 ลบ. เงินบาทปิด32.13/15แข็งค่า เงินบาทปิดตลาด32.13-32.15บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าสวนทางภูมิภาค คาดสัปดาห์หน้าแข็งค่าแตะ32.00บาท/ดอลลาร์ หุ้นไทยปิดร่วง2.25จุด หุ้นไทยปิดร่วง 2.25 จุด อยู่ที่ 1,533.41 จุด คาดสัปดาห์หน้าแกว่งกรอบ 1,520-1,550 จุด เอกชนห่วงนานาชาติขัดแย้งกระทบศก.โลก คาดสิ้นเดือนนี้ได้ผอ.กองสลากฯคนใหม่ เอกชนหนุนคสช.คงภาษีมูลค่าเพิ่มที่7% 'สรรพากร'ชี้คงVAT7%อีก1ปีหวังกระตุ้นศก.

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

"เอดีบี"ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปี57ของอาเซียนจะขยายตัวเพียง4.7%ในปีนี้จากเดือนเม.ย.ที่โต5%

 

ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจประจำปี 2557 สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้เหตุผลถึงความตึงเครียดทางการเมืองในไทย และเวียดนาม ประกอบกับความต้องการที่ซบเซาในอินโดนีเซีย

เอดีบี คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ของอาเซียน จะขยายตัวเพียง 4.7% ในปีนี้ และ 5.4% ในปีหน้า จากเมื่อเดือนเมษายนที่คาดว่า เศรษฐกิจในปีนี้ จะเติบโตราว 5%

ในจำนวนนี้ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะหดตัวลง 0.6% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ผลจากภาวะทางตันทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการท้องถิ่น และส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว

อย่างไรก็ดี ธนาคารมองว่า เหตุรัฐประหารในไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น และมีสัญญาณว่า เศรษฐกิจไทยอาจมีการฟื้นตัวปานกลางในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ธนาคารยังคาดว่า อินโดนีเซียจะมีอัตราการเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 5.2% จากราคาโภคภัณฑ์ที่ลดต่ำลง และการห้ามส่งออกแร่บางชนิดเป็นการชั่วคราว ทำให้ภาคส่งออกฟื้นตัวช้าลง ทั้งธนาคารยังปรับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามลงมา เพราะความตึงเครียดในเรื่องข้อพิพาทเขตแดนส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ

สำหรับประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ที่ครอบคลุม 45 ประเทศนั้น เอดีบียังคงตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไว้เท่าเดิมที่ 6.2% ในปีนี้ และ 6.4% ในปี 2558

Tags : เอดีบีเศรษฐกิจอาเซียน

รัสเซียร่วมสอบเหตุบินมาเลย์ตกในยูเครน ขณะที่โอเอสซีอี กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเครื่องบินตก

 

กระทรวงกิจการฉุกเฉินของรัสเซียแจ้งต่อทางการยูเครนเพื่อขอเข้าร่วมตรวสอบจุดที่เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน เอ็มเอช17 ตกในภาคตะวันออกของยูเครน ขณะที่องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปหรือโอเอสซีอี กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเครื่องบินตก และประเมินว่าจะสามารถมีส่วนร่วมในการสอบสวนอย่างไรได้บ้าง แต่เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ของโอเอสซีอีในยูเครนยอมรับว่า การสอบสวนในพื้นที่สู้รบมีความยากลำบาก

นอกจากนี้ นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็นกล่าววันนี้ว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่าจำเป็นต้องมีการสอบสวนจากนานาชาติอย่างละเอียดและโปร่งใสต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทางการยูเครนประกาศแล้วว่าการสอบสวนครั้งนี้จะนำทีมโดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ

Tags : เครื่องบินรัสเซียยูเครนมาเลเซียยิงขีปนาวุธ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 18 กรกฎาคม 2557 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2557 16:47:03 น.

กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--PRDD

สภาวะตลาดวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,308.90-1,324.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ14 อยู่ที่ 20,050 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,950 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVQ14 อยู่ที่ 667 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 667 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.09 น. ของวันที่ 18/07/14)

แนวโน้มวันที่ 21 กรกฎาคม 2557

เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ โบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH 17 บินจากอัมสเตอร์ดัมไปกัวลาลัมเปอร์ ถูกยิงตกในเขตโดเนตสก์ ซึ่งเป็นภาคตะวันออกของยูเครน และส่งผลให้วิกฤติระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกทวีตรึงเครียดมากยิ่งขึ้นหลังจากสหรัฐเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัฐบาลรัสเซีย ทั้งนี้ ราคาทองคำและน้ำมันปรับขึ้น เมื่อมาตรการคว่ำบาตรมุ่งเป้าไปยังบริษัทขนาดใหญ่และรวมถึงบริษัทผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซียด้วยเช่นกัน ความเสี่ยงต่อปัญหาขัดข้องด้านอุปทานน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคดังกล่าวหาก รัสเซียไม่พอใจและยุติการส่งออกน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนในทันที เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบกว่า 10 % ของตลาดโลก ขณะที่ในวันเดียวกัน ราคาทองคำทะยานขึ้นภายในไม่กี่นาที เมื่อมีรายงาน เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ MH 17 ถูกยิงตกพร้อมผู้โดยสารทั้งหมดประมาณ 298 รายเสียชีวิต ขณะที่นักลงทุนได้เทขายหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ สำหรับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์เพิ่งประสบโศกนาฏกรรมกับเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH 370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คน ขาดการติดต่อระหว่างบินอยู่เหนเหนือบริเวณทะเลจีนใต้ เหตุเครื่องบินตกดังกล่าว อาจเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ทั้งรัสเซียและยูเครนปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ หรือไม่ เหตุการณ์นี้ ก็จะจุดพลิกผันให้นานาประเทศอาจเพิ่มแรงกดดันเพื่อยุติวิกฤติในยูเครน ทางด้านทำเนียบขาวของสหรัฐเรียกร้องให้หยุดยิงในทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปยังสถานที่ซึ่งเครื่องบินถูกยิงตกได้อย่างปลอดภัยและไม่มีข้อจำกัด วายแอลจีเชื่อว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในกรอบ ซึ่งบริเวณ 1,327-1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นแนวรับหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากไม่สามารถยืนได้ราคาก็มีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,300-1,291 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวลักษณะ Sideway โดยนักลงทุนสามารถซื้อและขายทำกำไรในกรอบราคา สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้ทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นและไม่ผ่านแนวต้าน 1,327-1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคามีการย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,303-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,291ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,327 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่หากผ่านได้ให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,300 (19,750บาท) 1,291 (19,610บาท) 1,282 (19,470บาท)

แนวต้าน 1,327 (20,160บาท) 1,337 (20,310บาท) 1,347 (20,460บาท)

GOLD FUTURES (GFQ14)

แนวรับ 1,300 (19,910บาท) 1,291 (19,770บาท) 1,282 (19,640บาท)

แนวต้าน 1,327 (20,320บาท) 1,337 (20,480บาท) 1,347 (20,630บาท)

SILVER FUTURES (SVQ14)

แนวรับ 20.65 (658 บาท) 20.40 (650 บาท) 20.25 (645 บาท)

แนวต้าน 21.30 (679 บาท) 21.50 (685 บาท) 21.85 (697 บาท)

 

18:25 THAI คาดปีนี้ยังขาดทุน แต่เชื่อเห็นกำไร Q2-Q3/58 หลังเดินหน้าแผนฟื้นฟู บมจ.การบินไทย (THAI) คาดผลการดำเนินงานปีนี้ยังขาดทุน โดยคาดว่าในไตรมาส…

18:19 ภาวะตลาดอนุพันธ์: ปรับลง คสช.เลื่อนประมูล 4G กด ADVANC-วิตกความไม่สงบในยูเครนและอิสราเอล นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อา…

18:18 ยอดขายบ้านในปักกิ่งช่วงครึ่งปีแรกคิดเป็นเนื้อที่ลดลง 34.8% จากปีก่อน สำนักงานสถิติกรุงปักกิ่งรายงานว่า ยอดขายบ้านเชิงพาณิชย์ในกรุงปักกิ่งช่วง…

18:15 นายกฯอิสราเอลเผยพร้อมขยายปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยว่า กองกำลังป้องกันของอิสราเอลพร้อม…

18:08 ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: แรงซื้อหนุน ดัชนี Sensex ปิดบวก 80.40 จุด ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแรงซื้อที่มีเ…

 

ยูเครนปิดน่านฟ้าทางตะวันออกของประเทศอย่างเต็มรูปแบบ หลังเหตุเครื่องบินตก

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2557 17:59:05 น.

หน่วยงานกำกับดูแลการบินของยูเครนได้กำหนดให้เขตน่านฟ้าทางตะวันออกของยูเครนเป็นเขตห้ามบินอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้ หลังจากที่เมื่อคืนนี้เกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 ตกลงในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนที่ติดกับชายแดนรัสเซีย

รายงานระบุว่า การกำหนดเขตห้ามบินดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับเมืองโดเนทสค์ ลูฮันสค์ และคาคีฟในยูเครน โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลของการปิดน่านฟ้าว่า เพื่อดำเนินปฏิบัติการทางทหารต่อต้านกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย

รัฐบาลยูเครนยังได้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อสืบหาความจริงของเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ โดยคณะทำงานพิเศษจะประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานความปลอดภัยเที่ยวบินระหว่างประเทศ ตลอดจนตัวแทนจากองค์กรการบินจากประเทศที่มีผู้โดยสารในเที่ยวบิน MH17

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

KBANK ชี้เงินบาทช่วงสั้นมีแนวโน้มผันผวน แนะนลท.บริหารความเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2557 17:48:23 น.

นายกิตติ เจริญกิจชัยชนะ ผู้บริหารกลุ่มงานขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) มองแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้นว่า ถ้าหากในสัปดาห์นี้เงินบาทยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์ได้ คาดว่าในสัปดาห์หน้าเงินบาทมีโอกาสที่จะ swing ลง และเชื่อว่าถ้าค่าเงินบาทหลุดระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์ไปแล้วก็มีโอกาสมากที่จะได้เห็นเงินบาทแข็งค่าลงไปต่ำกว่าระดับ 32.00 บาท/ดอลลาร์

"ก่อนเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซียถูกยิงตก เราคาดว่าเงินบาทมีโอกาสหลุดระดับ 32 ได้ แต่พอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เงินบาทก็พยายามไป test ที่ระดับ 32.20 แต่ก็ไม่ผ่าน ดังนั้นสัปดาห์หน้ามีความเสี่ยงที่เงินบาทจะ swing ลง และถ้าหลุด 32.20 แล้วก็มีโอกาสที่จะลงได้เร็ว" นายกิตติระบุ

พร้อมมองว่าจากนี้ไปอีกประมาณ 1 เดือน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินซึ่งเป็นไปได้ทั้งทิศทางที่อ่อนค่าและแข็งค่าถึง 50 สตางค์ ดังนั้นจึงแนะนำให้ทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้ากลับมาพิจารณาเรื่องการบริหารความเสี่ยง

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2557

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2557 16:58:58 น.

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เครื่องบินบรรทุกผู้โดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ที่ตกบริเวณชายแดนยูเครน-รัสเซีย นั้น ได้ถูกขีปนาวุธยิงตก

-- สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เปิดเผยว่า IATA เชื่อว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ที่ถูกยิงตกในบริเวณชายแดนยูเครน-รัสเซียนั้น ไม่ได้บินเข้าไปในเขตห้ามบิน

-- นายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียตก ซึ่งส่งผลให้ผู้โดยสาร 280 คนและลูกเรืออีก 15 คนบนเครื่องบินเสียชีวิต โดยเรียกร้องให้นานาชาติทำการสืบสวนอย่างโปร่งใส

-- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียได้ตกลงในภาคตะวันออกของยูเครน

-- ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐเตรียมความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมการสืบสวนระดับนานาชาติในเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกลงในภาคตะวันออกของยูเครน โดยจะให้การสนับสนุน "อย่างทันท่วงที, เต็มที่, ไว้วางใจได้และต่อเนื่อง"

-- สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า มาเลเซีย แอร์ไลน์จะเปลี่ยนเส้นทางบินของเที่ยวบินยุโรปทุกเที่ยวบิน โดยจะเปลี่ยนไปใช้เส้นทางบินอื่นและเลี่ยงเส้นทางบินที่ใช้ประจำ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า ราคาบ้านในหลายเมืองของจีนยังคงอยู่ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน ส่อแววให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เนื่องจากการเติบโตชะลอตัวลง

-- สถานีอุตุนิยมวิทยามณฑลไห่หนาน เปิดเผยว่า พายุไต้ฝุ่นรามสูรได้ทวีกำลังขึ้นเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น และคาดว่า อิทธืพลจากพายุอาจจะทำให้เกิดเหตุดินถล่มบริเวณมณฑลไห่หนาน หรือบริเวณชายฝั่งของมณฑลกวางตุ้งในช่วงบ่ายวันนี้

-- เกาหลีใต้ตัดสินใจเตรียมเปิดตลาดข้าวในประเทศเพื่อนำเข้าข้าวในปีหน้าโดยมีเงื่อนไขว่า จะมีการกำหนดอัตราภาษีนำเข้าในระดับสูงและจะมีมาตรการป้องกันพิเศษด้วยการเก็บเงินเพิ่มสำหรับการนำเข้าข้าวที่สูงเกินไป

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Ausiris Trading Ideas Gold Futures วันที่ 18 ก.ค 57

Gold Spot:

- เครื่องบินมาเลย์โดนยิงตกที่ยูเครน ผู้โดยสาร 295 คนเสียชีวิต

- เล่นรีบาวด์ต่อได้ / ราคาหลุด 1305 ให้ออกก่อน

Gold Spot ($/Oz)

กรอบ 1305 - 1340

แนวต้าน 1330 1335 1340

แนวรับ 1315 1310 1305

Gold Futures

กรอบ 19750 - 20400

แนวต้าน 20200 20350 20400

แนวรับ 19990 19850 19750

Strategy

- ถือ Long GF10Q14 จังหวะตัดกำไร ราคาทะลุ 1330 ซื้อเพิ่มได้ / cut loss 1305

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับคุณ.. Ginger TraderJunior Alan Gejen Wann ตู้เย็น Pasaya OKorNO เด็กสยาม MegaGold meng166 deb99 เต้าหู้ ปุยเมฆ tuktaaaa Lekk Espresso’(S) และทุกท่านครับ

กราฟรายวันตอนนี้เป็นเขียวแท่งสองครับ :21

 

ล่าสุดราคาต่ำสุด 1297 ราคาสูงสุด1324

ราคาขณะนี้อยู่ที่ 1306

สัญญานหลักแบลคคิง ทิศทาง sideway down ครับ

RSI Price Line เส้นเขียว 43.50 วิ่งมา 52.18 ครับ

Trade Signal Line เส้นแดง 59.01 วิ่งมา 54.91 ครับ

market base Line เส้นเหลือง 54.93 วิ่งมา 56.42 ครับ

เส้นแดงลดครับ

 

สัญญานรองQQE ทิศทาง sideway down

เส้นฟ้า 52.73 วิ่งมา 51.93 ครับ

เส้นประเหลือง 60.50 วิ่งมา 59.94 ครับอยู่สูงว่าเส้นฟ้าครับ

(เส้นเหลืองถ้าคงที่นานๆ จะแสดง side way หรือกลับตัวและ

ถ้าทิศทางลงจะเด้งไปอยู่สูงกว่าเส้นฟ้าทันทีถ้าขึ้นจะลงมาต่ำกว่าเส้นฟ้าทันที)

แนวต้าน 1324 1333 1344 1352

แนวรับ 1303 1291 1284 1277

 

ภาพรวมๆจากสัญญานราคา sideway down ครับ

ด้านล่างไปถึง 1284 – 1251

ด้านบน มาถึง 1344 ครับ

 

 

 

 

 

ขอให้โชคดีครับ

:bye

post-1891-0-87512700-1405696087_thumb.png

บาย

ถูกแก้ไข โดย news

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 123.37 จุด เหตุตลาดคลายวิตกสถานการณ์ตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2557 07:50:51 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในต่างประเทศ รวมถึงเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกในยูเครน และเหตุการณ์สู้รบในฉนวนกาซา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกูเกิล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,100.18 จุด พุ่งขึ้น 123.37 จุด หรือ +0.73% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,432.15 จุด เพิ่มขึ้น 68.70 จุด หรือ +1.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,978.22 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +1.03%

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.9% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 0.5% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 0.4% อันเนื่องมาจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากข่าวที่ว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ได้ถูกยิงตกในยูเครน ใกล้กับชาวแดนของรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารเกือบ 300 คนเสียชีวิตทั้งหมด นอกจากนี้ ตลาดยังผ่อนคลายจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในฉนวนกาซา

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากหุ้นกูเกิล อิงค์ ที่พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากนายแลร์รี เพจ ซีอีโอของกูเกิลได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่บนบริการโทรศัพท์มือถือ วีดิโอ และเว็บ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานในด้านการตลาด และเพื่อเสริมฐานธุรกิจของกูเกิลให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ หุ้นกูเกิลยังได้รับแรงบวกจากรายงานที่ว่า จำนวนคลิกเพื่อดูโฆษณาบนยูทูบและกูเกิลเสิร์จ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% ในไตรมาส 2 ปีนี้

หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นหลังจากที่ถูกกระหน่ำขายเมื่อวันพฤหัสบดี อันเนื่องมาจากข่าวเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ตก โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ หุ้นสปิริท แอร์ไลน์ และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2%

หุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 2.60% หลังจากบริษัท AbbVie ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์อีกรายหนึ่งนั้น ประกาศบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการของไชร์ มูลค่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นนิวยอร์กแทบจะไม่ได้รับแรงกดดันจากรายงานของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในช่วงต้นเดือนก.ค.นั้น ลดลงสู่ระดับ 81.3 จากช่วงท้ายเดือนมิ.ย.ที่ 82.5 ขณะที่ผู้บริโภคในสหรัฐวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาล่าสุดนี้อยู่สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 83.0

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบสกุลเงินหลักๆ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2557 09:03:02 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาช้อนซื้อดอลลาร์ หลังจากที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถูกยิงตกในยูเครน

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.37 เยน จากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 101.31 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8980 ฟรังค์ จากระดับ 0.8976 ฟรังค์

ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3526 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3527 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.7094 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.7113 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9398 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9379 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนกลับเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่ากลุ่มกบฎชาวยูเครนได้ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH-17 ตกลงในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของยูเครน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือเกือบ 300 คนเสียชีวิตทั้งหมด

ดอลลาร์สหรัฐแทบจะไม่ได้รับปัจจัยลบจากรายงานของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในช่วงต้นเดือนก.ค.นั้น ลดลงสู่ระดับ 81.3 จากช่วงท้ายเดือนมิ.ย.ที่ 82.5 ขณะที่ผู้บริโภคในสหรัฐวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาล่าสุดนี้อยู่สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 83.0

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคุณนิวและเพื่อนๆ ขอบคุณครับ

 

สวัสดีวันหยุดจร้า Mr. Li wann news TraderJunoir deb meng Espresso Alan gejen ตังเม อยากเล่นด้วยคน ตู้เย็น Pasaya yot

น้อย Tuktaaa ton ทุกคน

10511367_715085481921738_9115660003582608153_n.jpg

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไร ฉุดทองคำปิดร่วง 7.5 ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2557 08:36:14 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากความตื่นตระหนักเกี่ยวกับข่าวเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถูกยิงตกในยูเครน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 7.5 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1309.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปรับตัวลง 24.8 เซนต์ ปิดที่ 20.886 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 13.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1489.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 881.50 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 17 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยของยูเครนเปิดเผยว่า กลุ่มกบฎชาวยูเครนได้ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH-17 ตกลงในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของยูเครน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารพร้อมลูกเรืออยู่บนเครื่อง 295 คนเสียชีวิตทั้งหมด

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดทองคำนิวยอร์กจะได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้น เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากตลาดแรงงานภายในประเทศยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

าวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 6 เซนต์ จากแรงขายทำกำไร

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2557 08:53:22 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากที่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ถูกยิงตกในยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 6 เซนต์ ปิดที่ 103.13 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 65 เซนต์ ปิดที่ 107.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปรับฐานลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากข่าวที่ว่ากลุ่มกบฎชาวยูเครนได้ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH-17 ตกลงในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของยูเครน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือเกือบ 300 คนเสียชีวิตทั้งหมด

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในช่วงต้นเดือนก.ค.นั้น ลดลงสู่ระดับ 81.3 จากช่วงท้ายเดือนมิ.ย.ที่ 82.5 ขณะที่ผู้บริโภคในสหรัฐวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาล่าสุดนี้อยู่สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 83.0

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองขึ้น50บ.แท่งขายออก20,000 ราคาทองคำวันนี้ทองแท่งขายออกบาทละ 20,000 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 20,400 บาท ปรับขึ้น 50 บาท สรุปภาพรวมตลาดหุ้น-ทอง 18-7-57 vdo.gif สรุปภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้น-ทอง ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 18-7-57 'ประสาร'ชี้การคลังขับเคลื่อนศก.หลังการเมืองเปลี่ยน ผู้ว่าแบงก์ชาติเผยหลังการเมืองไทยเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ศก.ไทยมีสัญญาณฟื้นตัว เผยการคลังช่วยขับเคลื่อนเบิกจ่ายงบ พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ796ลบ. เงินบาทปิด32.13/15แข็งค่า หุ้นไทยปิดร่วง2.25จุด เอกชนห่วงนานาชาติขัดแย้งกระทบศก.โลก

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

news_img_593786_1.jpg

 

วันที่ 18 กรกฎาคม 2557 10:16

เบื้องลึก!คาดปมจีทูจีลวงโลกมัดยิ่งลักษณ์

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_593815_1.jpg

 

ฟันอาญา"ยิ่งลักษณ์"จำนำข้าว มติปปช.7:0ส่งอัยการฟ้องคดี 'สมพร'คาดปมจีทูจีลวงโลกมัดยิ่งลักษณ์

ป.ป.ช.ลงมติเอกฉันท์ฟ้องอาญา "ยิ่งลักษณ์" มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการรับจำนำข้าว ระบุเป็นหัวหน้ารัฐบาล รับทราบปัญหาทุกอย่างและมีอำนาจยับยั้งแต่กลับไม่ทำ เตรียมส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดสัปดาห์หน้าเพื่อยื่นฟ้องศาลฎีกานักการเมือง ประเมินโครงการเสียหายไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท "นักวิชาการ"ชี้ปมทุจริตใหญ่สุดในขั้นตอนการระบายข้าว คาดปมจีทูจีเก๊ มัดอดีตนายกฯปฏิเสธความรับผิดชอบยาก "วรงค์"มั่นใจดิ้นไม่หลุด

หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้ชี้มูลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโครงการจำนำข้าว และได้เริ่มไต่สวนเพื่อตั้งข้อกล่าวหาในคดีอาญามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ อดีตนายกฯกระทำผิดต่อหน้าที่และตำแหน่งในกระบวนการกฎหมายอาญาและกฎหมายของป.ป.ช.

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกป.ป.ช. แถลงเมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในคดีที่กล่าวหา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวนั้น

ป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 0 เห็นว่ามีความจริงในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1

ชี้ยิ่งลักษณ์ทราบทุจริตแต่ไม่ยุติโครงการ

นายวิชา กล่าวว่า มติเสียงข้างมากเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งกำหนดนโยบายนี้มาตั้งแต่ต้น และเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้กำหนดราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลาด เมื่อมีการระบายข้าวที่รับจำนำได้เกิดผลขาดทุนจำนวนมาก และเกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน

อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนับล้านครอบครัวที่ยังไม่ได้รับเงิน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หลายรายถึงกับฆ่าตัวตาย จึงเป็นกรณีจำเป็นที่ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณายับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบว่ามีการทุจริต แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับยืนยันที่จะดำเนินโครงการรับจำนำข้าวต่อไป

นายวิชา กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าจะส่งรายงานและเอกสารพร้อมความเห็นทั้งหมดไปให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ประเมินโครงการเสียหาย 5 แสนล้าน

นายวิชา กล่าวต่อว่า ความเสียหายในโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท และการที่ออกมาแถลงชี้มูลความผิดนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่อดีตนายกฯ จะเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของคสช.ที่จะพิจารณา

นายวิชา กล่าวอีกว่า จากเดิมกำหนดการที่ป.ป.ช.ประกาศจะชี้มูลความผิดกรณีโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด ที่ระบุว่าไม่เกินเดือนก.ย.นั้น เป็นกรณีที่มีผู้เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นที่นอกเหนือจากนางสาวยิ่งลักษณ์ เช่น อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ และบุคคลอื่นๆ แต่ในครั้งนี้เป็นการพิจารณาเฉพาะในกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ เนื่องจากได้ไต่สวนข้อมูลข้อเท็จจริงและมีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หลังจากนี้จะส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้หากอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ตรงกับความเห็นที่ป.ป.ช.ดำเนินการส่งไป ทางอัยการสูงสุดก็สามารถตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นพิจารณาได้

อย่างไรก็ตามนายวิชา ยังกล่าวอีกว่า คดีอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ยังคงค้างและอยู่ระหว่างการดำเนินการไต่สวนของป.ป.ช.มีทั้งสิ้น 35 คดี

"นิพนธ์"ย้ำจำนำข้าวทุจริตทุกขั้นตอน

นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้สัมภาษณ์ "เนชั่นทีวี" ถึงความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่ง ป.ป.ช.ระบุตัวเลขสูงถึงกว่า 5 แสนล้านบาทว่า การประมาณการตัวเลขมูลค่าความเสียหายในโครงการ เป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก เพราะข้อมูลการจดทะเบียนชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ การสวมสิทธิ์ของชาวนา หรือที่ผ่านมาโรงสีต่างๆ แอบซื้อขายข้าวในโครงการไปเป็นจำนวนสุทธิเท่าไร ไม่มีทางหาตัวเลขได้ เพราะเป็นพฤติกรรมการกระทำผิดแบบย่อยๆ

ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญคือเรื่องการระบายข้าว เพราะเป็นอำนาจโดยตรงของรัฐมนตรีบางคน และมีความเป็นไปได้ที่นักการเมืองกับข้าราชการกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ได้มีอำนาจโดยตรง แต่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้อง ร่วมทุจริตในบางขั้นตอนของโครงการได้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ข้อมูลที่ชัดเจน เพราะการทุจริตเป็นการจ่ายเงินสด ไม่ผ่านธนาคาร ไม่มีใบเสร็จ และถ้าคนรับเงินไม่ซัดทอดก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าคดีนี้เมื่อไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีหลักฐานมัดแน่นหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์พยานหลักฐานว่ามีความชัดเจนเพียงใด โดยเฉพาะการชี้ว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และสามารถระบุมูลค่าความเสียหายได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับศาลที่จะวินิจฉัย

"สมพร"คาดปมจีทูจีลวงโลกมัดยิ่งลักษณ์

นายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโสสถาบันคลังสมองของชาติ กล่าวว่าป.ป.ช.ได้พิจารณาจากพยานหลักฐานและความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตัวเลขความเสียหายในโครงการ ที่ ป.ป.ช.ระบุว่าประมาณ 5 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับนักวิชาการ ได้ออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ โดยคำนวณจากต้นทุนการรับซื้อข้าวและต้นทุนการบริหารจัดการข้าวในสต็อกของรัฐบาล ซึ่งมีต้นทุนสูงถึงตันละ 23,000 บาท แต่ระบายข้าวออกไปได้ในราคาเฉลี่ยเพียงตันละ 12,000 บาทเท่านั้น ก่อให้เกิดความเสียหายจากการขาดทุนสูงมาก

นอกจากนั้นการตัดสินของ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ที่เจาะจงไปที่ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะเกิดจากความผิดเกี่ยวข้องกับเรื่องนโยบาย โดยเฉพาะการระบายข้าว เนื่องจาก ป.ป.ช.มีหลักฐานเส้นทางทางการเงินที่บ่งชี้ว่าการระบายข้าวไม่ได้เป็นการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แต่เป็นการระบายข้าวในประเทศ ซึ่งเป็นการส่อเจตนาไปทางทุจริตในการระบายข้าวที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง จนเกิดความเสียหายต่อรัฐ ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการทุจริตและเป็นคดีอาญา

จี้ฟันข้าราชการ-เอกชน-ที่ปรึกษา

อย่างไรก็ตามคาดว่าหลังจากนี้การดำเนินการเอาผิด กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว กระบวนการทางกฎหมาย จะต้องนำผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับปฏิบัติมาลงโทษทั้ง นักการเมือง ข้าราชการ เอกชน รวมทั้งนักวิชาการที่ปรึกษารัฐบาลที่เป็นคนให้ข้อมูลสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวมาโดยตลอดควรจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายของโครงการนี้ด้วย

“โครงการรับจำนำข้าวเริ่มต้นโดยหลักคิดที่ผิด เพราะยกระดับราคาข้าวจากตันละ 10,000 บาท ขึ้นไปเป็น 15,000 บาท แล้วเอาข้าวไปเก็บไว้ในโกดังแทบไม่มีการระบายส่งออก ซึ่งทางเศรษฐศาสตร์ก็รู้ว่าหายนะ จะเกิดขึ้น แล้วผลที่ออกมาก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้นผมมองว่าทุกคนที่มีส่วนสนับสนุนนโยบายนี้ทั้งนักวิชาการ นักการเมือง ข้าราชการระดับปลัดกระทรวง ที่มีส่วนในการบริหารจนเกิดความเสียหาย ก็ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในทางใดทางหนึ่ง” นายสมพรกล่าว

"วรงค์"มั่นใจ"ยิ่งลักษณ์"ดิ้นไม่หลุด

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่เปิดข้อมูลทุจริตจำนำข้าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ และยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนความผิด กล่าวว่า ตอนยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.นั้น เป็นคดีรัฐบาลขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ แต่ช่วงนั้น ป.ป.ช.มีหลายคดีที่เกี่ยวข้อง จึงแยกออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกเป็นเรื่องที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิด (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157) ส่วนที่สองเป็นเรื่องการทุจริตของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก

ในส่วนของ นางสาวยิ่งลักษณ์ มีเอกสารยืนยันว่ารับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าวตลอดเวลา ในการชี้แจงของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ต่อ ป.ป.ช.ในขั้นไต่สวน ก็ยังรับแทนนายบุญทรงด้วย ตอนนั้นจำได้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชี้แจงผิดๆ ถูกๆ นั่นก็แสดงให้เห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ปล่อยให้มีการทุจริตจนทำลายกลไกตลาด สร้างความเสียหายให้กับโครงการรับจำนำข้าว

"ผมจำได้ว่าเคยเป็นพยานการทุจริต และเตือนหลายรอบว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตทุกขั้นตอน ขอให้ตัดสินใจยุติโครงการ แต่คุณยิ่งลักษณ์กลับนิ่งเฉยปล่อยให้มีข้าวเน่า ข้าวเหลือง จนมาถึงตอนที่ตรวจสอบโกดังข้าว ก็พบว่าข้าวในโกดังเสียหายตามที่เคยเตือน" นายวรงค์ กล่าว และว่า มั่นใจ 100% ว่าจะสามารถเอาผิดกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ เพราะในช่วงที่ดำเนินการตรวจสอบและไต่สวนมาตลอด 2-3 ปี คนของรัฐบาลไม่เคยแก้ข้อกล่าวหาได้เลย

Tags : ป.ป.ช.จีทูจีวิชา มหาคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนิพนธ์ พัวพงศกรสมพร อิศวิลานนท์นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บันทึกความทรงจำฮิลลารี : เผยที่มาของ "ปักหมุดเอเชีย"

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ผมอ่าน "Hard Choices" หนังสือบันทึกความทรงจำขายดีขณะนี้ของ ฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1

 

 

และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศที่กำลังตัดสินใจ ว่าจะลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งหรือไม่ ได้รับรู้ถึงวิธีคิดของมหาอำนาจประเทศนี้เกี่ยวกับเอเชียไม่น้อยเลย

เธอเขียนหนังสือได้สนุก เนื้อหาสาระแน่น และมีสีสันของเหตุการณ์แทรกเข้ามาเป็นช่วงๆ ทำให้เข้าใจถึงเบื้องลึกการตัดสินใจนโยบายสำคัญๆ ของวอชิงตันตอนที่เธอเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในเทอมแรกของ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้อย่างน่าสนใจยิ่ง

โดยเฉพาะในประเด็นนโยบาย"ปักหมุดเอเชีย" หรือ Pivot to Asia ที่ฮิลลารีเล่าว่ามาจากความริเริ่มของเธอ

เธอเปิดเผยเหตุผลที่เอเชีย-แปซิฟิกมีความสำคัญต่อสหรัฐฯ ที่คนไทยควรจะได้รับรู้หลายข้อ

O จีนกำลังขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน

O ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกอยู่ในภูมิภาคนี้

O พันธมิตรสำคัญๆ ทางความมั่นคงอยู่แถบนี้

O คู่ค้า "ที่ทรงคุณค่า" ของสหรัฐฯหลายประเทศอยู่เอเชีย

O เส้นทางการค้าและการขนส่งพลังงานที่คึกคักที่สุดของโลกคือแถบนี้

O การส่งออกของสหรัฐฯมาเอเชีย-แปซิฟิกช่วยให้สหรัฐฯฟื้นตัวเศรษฐกิจขณะที่เผชิญกับภาวะถดถอย

O การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในอนาคตต้องพึ่งพาการเข้าถึงฐานผู้บริโภคของชนชั้นกลางในเอเชียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

O เอเชียเป็นแหล่ง "การคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯอย่างชัดเจน" โดยเฉพาะจาก"ระบบเผด็จการของเกาหลีเหนือ"

ฮิลลารี เขียนเล่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า คนจำนวนมากในเอเชียเห็นว่าการที่รัฐบาลโอบามาทุ่มเทความสนใจให้กับอิรัก, อัฟกานิสถาน และตะวันออกกลาง ทำให้วอชิงตันถอยห่างจากบทบาทความเป็นผู้นำของเอเชียที่เคยมีความสำคัญเป็นเวลายาวนาน

"ดิฉันจึงคิดว่าเราควรจะขยายความสัมพันธ์กับจีนและวางความสำคัญของเอเชีย-แปซิฟิกอยู่ลำดับสูงสุดของวาระทางการทูตของเรา..." เธอบอก (“I thought we ought to broaden our engagement with China and put the Asia-Pacific at the top of our diplomatic agenda.”)

มิน่าเล่า ตอนที่ผมสัมภาษณ์เธอในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศที่กรุงเทพฯเมื่อเดือน ก.ค.ปี 2009 เธอจึงประกาศอย่างฉาดฉานว่า"Yes, America is back!"

ในแง่ของทางเลือกทางนโยบายนั้น ฮิลลารีบอกว่ามีสามแนวทาง

หนึ่ง คือ การเน้นขยายความสัมพันธ์กับจีน บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าหากวอชิงตันสามารถดำเนินนโยบายที่ถูกต้องกับปักกิ่ง งานส่วนอื่นๆ ในเอเชียก็จะง่ายขึ้นมาก

สอง คือ การให้ความสำคัญกับการกระชับความแข็งแกร่งกับพันธมิตรเอเชียที่มีพันธสัญญากับสหรัฐ เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไทย,ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย "ซึ่งจะเป็นการสร้างดุลถ่วง (counterbalance) ต่ออิทธิพลที่ขยายตัวของจีน”

ประโยคนี้ชี้ชัดว่าแกนหลักของนโยบายสหรัฐฯในเอเชียนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าจับตาดูความเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และทุกความเคลื่อนไหวของวอชิงตันล้วนต้องเกี่ยวกับการรักษาดุลแห่งอำนาจของตนเองในเอเชียทั้งสิ้น

แนวทางที่สามของฮิลลารี คือ การยกระดับความสัมพันธ์กับการรวมกลุ่มในเอเชีย เช่น ASEAN และ APEC

เธอเลือกแนวทางไหน?

ฮิลลารีบอกว่าแนวทางของเธอไม่ใช่การเลือกระหว่าง Hard Power หรือ Soft Power แต่ต้องเป็น Smart Power นั่นคือการใช้อำนาจสหรัฐฯแบบชาญฉลาดโดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นแบบ "แข็ง" หรือ "นิ่ม"

เธอจึงตัดสินใจในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศขณะนั้นว่าจะต้องใช้ทั้ง 3 แนวทางผสมผสานกัน

และนี่คือที่มาของนโยบาย "ปักหมุดเอเชีย" หรือ Pivot to Asia ของสหรัฐฯ (บางคนเรียก "rebalance to Asia" หรือการ "ปรับดุลอำนาจในเอเชีย")

จะเห็นว่าในแผนภูมิแห่งการเดินเกมอำนาจในเอเชียนั้น ประเทศไทยเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญในเอเชีย และเมื่อเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ในไทย แนวทาง Pivot to Asia ของโอบามาจึงเกิดอาการ "ชักกระตุก" ขึ้นมาเหมือนกัน

(เครือเนชั่นได้ลิขสิทธิ์แปลหนังสือ "Hard Choices” ของ ฮิลลารี คลินตัน เป็นภาษาไทยแต่ผู้เดียว...จะวางแผงก่อนสิ้นปี...โปรดติดตามต่อไป)

Tags : ฮิลลารี คลินตันนโยบาย ปักหมุดเอเชียPivot to Asiaสหรัฐอเมริกาการสร้างดุลถ่วงเอเชีย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...