มือใหม่หัดวิเคราะห์

[ginger 11,058]

World Economic Calendar รายสัปดาห์ ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2555

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 08:00:00 น.

ปฏิทินเศรษฐกิจรอบโลกในรอบสัปดาห์

 

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555(ตามเวลาประเทศไทย)

เกาหลีใต้ 08.00 น. ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ญี่ปุ่น 11.30 น. ยอดค้าปลีกที่มีการปรับทบทวนเดือนต.ค. ฟิลิปปินส์ 15.00 น. ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย อิตาลี 16.00 น. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อิตาลีเดือนพ.ย. สหรัฐ 20.30 น. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. 20.30 น. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. 20.30 น. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ 22.00 น. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย)ญี่ปุ่น 06.50 น. ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ญี่ปุ่น (ทังกัน) ไตรมาส 4/2555 11.30 น. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ที่มีการปรับทบทวน รายงานเศรษฐกิจประจำเดือน จีน 08.45 น. เอชเอสบีซีเผยดัชนีดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นเดือนธ.ค.ของจีน ฝรั่งเศส 15.00 น. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นเดือนธ.ค. เยอรมนี 15.30 น. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นเดือนธ.ค. อียู 16.00 น. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนเดือนธ.ค. 17.00 น. ข้อมูลจ้างงานของสหภาพยุโรป (อียู) ไตรมาส 3/2555 สหรัฐ 20.30 น. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. 21.15 น. การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ย. วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย)เกาหลีใต้ 10.00 น. ข้อมูลการค้าเดือนพ.ย.ที่มีการปรับทบทวนใหม่ วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย)ญี่ปุ่น การเลือกตั้งทั่วไป วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย)สิงคโปร์ 07.30 น. การส่งออกสินค้าที่ผลิตในประเทศยกเว้นน้ำมัน (NODX) เดือนพ.ย. จีน 09.00 น. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนพ.ย. วันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย)ออสเตรเลีย 07.30 น. ธนาคารกลางออสเตรเลียเผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเดือนธ.ค. อังกฤษ 16.30 น. เงินเฟ้อเดือนพ.ย. วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย)มาเลเซีย 16.00 น. ดัชนี CPI เดือนพ.ย. ญี่ปุ่น 12.00 น. ผลผลิตโลหะเดือนพ.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงินเดือนธ.ค. เกาหลีใต้ เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เยอรมนี 16.00 น. Ifo เผยดัชนีสภาวะธุรกิจเดือนธ.ค. อังกฤษ 16.30 น. ธนาคารกลางอังกฤษเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) เดือนธ.ค. สหรัฐ 20.30 น. ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.

[ginger 11,058]

ราคาทองคำฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ ลดลงแตะ 15,740 HKD/tael

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 09:01:29 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงดิ่งลง 178 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 15,740 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,704.83 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 19.28 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ศศิประภา อัครภูติ/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

[ginger 11,058]

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2555

ข่าวทั่วไป กรมอุตุนิยมวิทยา -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 07:07:21 น.

พยากรณ์อากาศประจำวัน

ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2555

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระแสลมตะวันตกในระดับสูงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง มีอากาศหนาวเย็นและมีหมอกในตอนเช้า

สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนกระจายในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ ทางตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า

และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส

ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 5-15 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า

โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส

สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า

โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส

สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา :

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป:

ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

[ginger 11,058]

GOLD TONIGHT MTS

 

 

[ginger 11,058]

รายการ Moneydelivery 12 Dec 2012 by classicgoldfutures

 

 

[Nicky 43]

สวัสดีครับ คุณจิงเจอร์

[ginger 11,058]

ธปท.เลิกออกบอนด์ระยะสั้น4ปี ปรับให้สอดรับแผนระดมทุนของรัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 06:00:00 น.

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่าในปี 2556 ธปท.จะยกเลิกการออกพันธบัตรอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 4 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มอุปทานของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวที่จะเพิ่มขึ้น จากความต้องการระดมทุนจำนวนมากของรัฐบาลในปี 2556

“ขณะเดียวกัน แนวโน้มสภาพคล่องส่วนเกินสุทธิในระบบ ในปี 2556 คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ทำให้การออกพันธบัตรระยะยาวขึ้น เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับสภาพคล่องส่วนเกินนั้น มีความจำเป็นลดลงธปท.จะพิจารณาปรับวงเงินพันธบัตร ธปท. แต่ละประเภทอายุให้เหมาะสมกับภาวะตลาดเงินและตลาดพันธบัตร รวมทั้งคำนึงถึงวงเงินการออกพันธบัตรรัฐบาลในแต่ละช่วงเวลา” ธปท.ระบุในเอกสารเผยแพร่ เรื่อง แผนการออกพันธบัตร ธปท.ปี 2556

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาล ที่เป็นพันธบัตรหลัก หรือ Benchmark Bond ซึ่งจะออกตามแผนดังกล่าว ได้แก่ พันธบัตรรุ่นอายุ 3, 5, 7, 10, 15, 20, 30 และ 50 ปี

อย่างไรก็ตาม ธปท.ระบุอีกว่า ในปี 2556 การออกพันธบัตรโดยรวม จะเป็นการออกเพื่อทดแทนพันธบัตร ธปท.ที่ครบกำหนดเป็นส่วนใหญ่ โดยธปท.จะปรับเพิ่มวงเงินประมูลต่อครั้งของพันธบัตรระยะสั้น และปรับลดวงเงินประมูลต่อครั้ง ของพันธบัตรระยะกลางเล็กน้อย จากปี 2555 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพคล่อง และแผนการออกพันธบัตรรัฐบาล

นอกจากนี้ ในปี 2556 ธปท.มีแผนจะช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (FRB) จึงวางแผนออก FRB เพียงรุ่นเดียว คือ รุ่นอายุ3 ปี อิงกับอัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 3 เดือน โดยจะยกเลิกการออก FRB ทั้ง 2 รุ่น ที่เคยออกอยู่ในปี 55 คือ รุ่นอายุ2 ปี อิงกับอัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 3 เดือน และรุ่นอายุ 3 ปี อิงกับอัตราดอกเบี้ย BIBOR อายุ 6 เดือน เพื่อให้วงเงินรวมต่อรุ่น สูงขึ้น

[ginger 11,058]

สวัสดีครับ คุณจิงเจอร์

 

สวัสดีค่ะ ดีใจที่เจอ โชคดีมีความสุข ลงทุนมีกำไรนะคะ

 

 

 

เงินบาทเปิด 30.63/65 ทรงตัวแม้เฟดประกาศใช้ QE4 นลท.จับตาเลือกตั้งญี่ปุ่น

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 09:14:10 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.63/65 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากปิดเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.62/64 บาท/ดอลลาร์ โดยผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่มีผลกระทบต่อค่าเงินบาท

ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) นอกจากนี้ เฟดยังประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) โดยระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 6.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงาน

"ปัจจัยที่เกิดจากสหรัฐฯที่จะเพิ่มวงเงินซื้อต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าเงินตัวอื่น แต่ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวอยู่"นักบริหารเงินกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจคือ ประเทศญี่ปุ่นจะมีการเลือกตั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 83.42/44 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเย็นอยู่ที่ระดับ 82.80/85 เยน/ดอลลาร์ เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3060/3063 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากช่วงเย็นอยู่ที่ระดับ 1.3018 /3025 ดอลลาร์/ยูโร

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบความเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 30.60-30.70 บาท/ดอลลาร์

อินโฟเควสท์ โดย สุวิมล ภูมิคำ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

[put42 92]

Good morning

 

อากาศเรื่มเย็นมากขึ้น แต่กลางวันแดดก็อาจจะแรงอยู่รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะคุณ news ginger bmw bas+trader ต่ายทอง ย่าหยา

 

มดแดง พวงชมพู Pasaya Pa'ree fung wann GoldOfCourse auntnextdoor foo Mr.Li Dr.Polar foo goldtoy deb Nice

 

กบจ้า ตังเม แสงแดด ปุยเมฆ เด็กสยาม เด็กอู่ทอง ขุนศึกปทุม gejen bbeem Aiya Angkana Hong Chinchilla และเพื่อนทุกคน

[ginger 11,058]

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 10:06:43 น.

กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

- เฟดประกาศมาตรการ QE4

- ทองคำถูกขายทำกำไรหลังทราบผลการประชุม

- ทองคำมีแนวรับที่ 1,690 และ 1,680 ดอลลาร์ตามลำดับ

ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทำให้ราคาทองคำตลาดโลกในการซื้อขายช่วงกลางคืนปรับตัวขึ้นโดยขึ้นไปสูงสุดที่ 1,723 ดอลลาร์ แต่มีแรงเทขายออกมาช่วงท้ายตลาดทำให้ราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,711.50 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเพียง 1.80 ดอลลาร์ ขณะที่การซื้อขายช่วงเช้าของวันนี้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาที่บริเวณ 1,700 ดอลลาร์

ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0-0.25% และยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปจนกว่าอัตราการว่างงานจะลดลงแตะระดับ 6.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.7% นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้มาตรการ QE4 โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อทดแทนโครงการ Operation Twist ในวงเงินเดียวกันที่จะหมดอายุลงในสิ้นปีนี้ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ MBS ในวงเงินรวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไป โดยธนาคารกลางสหรัฐจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อหลักทรัพย์ MBS ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ทุกเดือน

ราคาทองคำคาดมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบและอ่อนตัวลง หลังจากทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่มาสนับสนุน อย่างไรก็ดีเม็ดเงินจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำได้ในอนาคต ทั้งนี้ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,690 ดอลลาร์ และ 1,680 ดอลลาร์ตามลำดับ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,715 ดอลลาร์ และ 1,725-1,730 ดอลลาร์ ตามลำดับ

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนธ.ค.55

Close chg. Support Resistance

24,940 +110 24,800/24,700 25,000/25,200

ราคาทองคำถูกแรงเทขายออกมาและมีการอ่อนตัวลงมาต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์สำหรับการซื้อขายช่วงเช้าของวันนี้ ทั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศเพิ่มวงเงินซื้อหลักทรัพย์หรือมาตรการ QE4 ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มไม่สดใสนัก ดังนั้นถ้าราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นอาจปิดสถานะซื้อก่อน และเข้าเปิดสถานะซื้อในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงมาที่ 1,690 ดอลลาร์ และ 1,680 ดอลลาร์ตามลำดับ

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนธ.ค.55

Close chg. Support Resistance

1,010 -3 1,000/980 1,030/1,040

การเข้าเก็งกำไรฝั่งซื้อยังคงแนะนำให้ราคาโลหะเงินปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 32.50 ดอลลาร์ และแนะนำให้ปิดสถานะซื้อทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 33.50 ดอลลาร์และ 33.80 ดอลลาร์ตามลำดับ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 32.10-32.20 ดอลลาร์

 

 

ภาวะตลาดทองคำ Gold Futures by Classic Gold Futures

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 10:02:58 น.

กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส

Price Movement:

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,717.90 USDต่อออนซ์เพิ่มขึ้น 8.30 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวในกรอบ 1,708.50 - 1,725.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นจากการที่เฟดประกาศซื้อพันธบัตรระยะยาวมูลค่า 4.5 หมื่นล้านUSD ต่อเดือนเพื่อทดแทน Operation Twist ตามคาด และซื้อพันธบัตร MBS ตามมาตรการ QE มูลค่า 4 หมื่นล้าน USD ต่อเดือนรวม 8.5 หมื่นล้านUSD และเฟดประกาศจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปจนกว่าอัตราการว่างงานจะลดลงถึงระดับ 6.5% ในขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและค่าเงิน USD อ่อนค่าลง สำหรับในช่วงเช้าวันนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวบริเวณ 1,698 USDต่อออนซ์ ราคาร่วงลงหลังจากไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,725 ได้ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาค่อนข้างแรงจนทำให้หลุดบริเวณ 1,715 ซึ่งเป็นเส้น MA 75 ในราย 4 ช.ม.ลงมา และลงมาแกว่งตัวต่ำกว่า 1,700 อีกครั้ง คาดว่าวันนี้ทองคำมีแนวรับบริเวณ 1,690/1,685/1,672 แนวต้านบริเวณ 1,710/ 1,720 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบแนวรับ แนวต้าน นักลงทุนระยะกลาง — ยาว รออ่อนตัวบริเวณแนวรับสะสม Long เพิ่ม ถ้าไม่หลุด 1,670 ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้คาดว่าอยู่ในกรอบ 1,665 — 1,730 โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,670 หากหลุดจะทำให้ภาพเป็น Bearish มากขึ้น ส่วนการผ่านบริเวณ 1,725 ได้จะทำให้ภาพกลับมาเป็น Bullish ในสัปดาห์นี้

Technical Analysis:

ภาพกราฟทางเทคนิคราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,725 ได้ทำให้มีแรงขายทำกำไร และราคากลับลงมาย้ำฐานบริเวณ 1,690 อีกครั้ง ถ้าหากยังไม่หลุด 1,685/1,672 มีโอกาส rebound ขึ้นได้ต่อและภาพยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,685 — 1,733 สำหรับวันนี้คาดว่า มีแนวต้านบริเวณ 1,710/1,720 และแนวรับบริเวณ 1,690/1,685/1,672 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบแนวรับ แนวต้าน นักลงทุนระยะกลาง — ยาว รออ่นตัวบริเวณแนวรับสะสม Long เพิ่ม ถ้าไม่หลุด 1,670

Key Point in Precious Market:

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ( + ) ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ( + ) ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ( - ) ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อลดลง ( - ) ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางประเทศต่างๆเพิ่มขึ้น ความต้องการของกองทุน ETF ทองคำเพิ่มขึ้น ( + ) เฟดซื้อพันธบัตรระยะยาว 4.5 หมื่นล้าน USD เพิ่มเติมเพื่อทดแทน Operation Twist ตามคาด แต่ตลาดรับข่าวไปแล้ว (+/-) กรีซซื้อคืนหนี้ได้ตามเป้า แต่ต้องขอเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม (+/-)

ประเด็นที่ต้องติดตาม การแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ การแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐ การชุมนุมประท้วงในอียิปต์ การชุมนุมประท้วงในซีเรีย ประชุม EU Summit ในวันที่ 13 -14 ธ.ค.

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ วันพฤหัสบดี ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. วันศุกร์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนพ.ย.

SPDR ถือทองจำนวน 1,351.42 ตัน

ราคาโลหะเงินปิดที่ 33.46 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.0 - 33.88 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวน 9,829.15ตัน คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 32.6/32.5 แนวต้านบริเวณ 33.2/33.4 แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบแนวรับ แนวต้าน

[ginger 11,058]

Good morning

 

อากาศเรื่มเย็นมากขึ้น แต่กลางวันแดดก็อาจจะแรงอยู่รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะคุณ news ginger bmw bas+trader ต่ายทอง ย่าหยา

 

มดแดง พวงชมพู Pasaya Pa'ree fung wann GoldOfCourse auntnextdoor foo Mr.Li Dr.Polar foo goldtoy deb Nice

 

กบจ้า ตังเม แสงแดด ปุยเมฆ เด็กสยาม เด็กอู่ทอง ขุนศึกปทุม gejen bbeem Aiya Angkana Hong Chinchilla และเพื่อนทุกคน

เจอกันทุกวันนะ Put news bmw bas+trader ต่ายทอง ย่าหยา gold leng ตังเม

 

มดแดง พวงชมพู Pasaya Pa'ree fung wann GoldOfCourse auntnextdoor foo Mr.Li Dr.Polar foo goldtoy deb Nice Tara ,,,,

 

HSH

 

[ginger 11,058]

Morning Talk

 

[ginger 11,058]

สหรัฐเผยรัฐบาลกลางขาดดุลงบประมาณเดือนพ.ย.สูงถึง 1.72 แสนล้านดอลลาร์

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 10:19:35 น.

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐแตะระดับสูงสุดที่ 1.7211 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าสหรับกำลังเผชิญกับอปสรรคทางการคลัง

รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า รัฐบาลกลางสหรัฐมีรายได้ 1.6173 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ในขณะที่รายจ่ายอยู่ที่ 3.3384 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ยอดขาดดุลงบประมาณในเดือนพ.ย. อยู่ในระดับสูงกว่าเดือนต.ค.ซึ่งมียอดเท่ากับ 1.2 แสนล้านดอลลาร์

ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐพุ่งสูงสุดถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2555 ที่สิ้นสุดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

 

 

 

China Today: ข่าวเศรษฐกิจมหภาคจีนประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2555

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 10:41:32 น.

สถาบันกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจแห่งชาติ ในสังกัดสถาบันสังคมศาสตร์จีน (CASS) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.5% ในปีหน้า และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะขยายตัวลดลงแตะ 2.4%

รายงานของสถาบันกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจแห่งชาติ คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 7.7% ในปีนี้ และดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 2.6%

รายงานยังเผยว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงเผชิญปัจจัยไม่พึงประสงค์ในปีหน้า ซึ่งรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว นโยบายควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ต่อเนื่อง และศักยภาพที่มากเกินไปในเชิงโครงสร้างในตลาดภายในประเทศ

-- หนังสือพิมพ์ไชน่า ซีเคียวริตีส์ เจอร์นัล เปิดเผยรายงานฉบับพิเศษของศูนย์สารสนเทศแห่งรัฐ (SIC) วานนี้ว่า การค้าต่างประเทศจีนอาจจะยังคงมีทิศทางขาลงอย่างต่อเนื่องในปีหน้า ท่ามกลางความอ่อนแอของตลาดโลกและประสิทธิภาพที่จำกัดของนโยบายกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

SIC ซึ่งขึ้นต่อคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ที่เป็นหน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศ ระบุในรายงานว่า ยอดการส่งออกและนำเข้าของจีนในปี 2556 อาจขยายตัว 8% และ 7.8% ตามลำดับ จากปี 2555 สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

[ginger 11,058]

YLG

 

[ginger 11,058]

สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,710 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,715 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.63 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,750 บาท กับ 24,850 บาท และกลับมาปิดที่ 24,800 บาท กับ 24,900 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 2,550 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 7,119 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 153 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.02% แบบ 10 บาท ลดลง 0.07% Silver Futures เพิ่มขึ้น 11% GFZ12 ปิด 25,050 บาท และ GFG12 ปิด 25,200 บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,040 บาท GF10G12 ปิดที่ 25,200 บาท SVZ12ปิดที่ 1,022 บาท

สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 8.3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,717.9 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 76.5 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.78 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,351.42 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 98เซนต์ ปิดที่ระดับ 86.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดดลง 2.99 จุด ปิดที่ 13,245.45 จุด

Ratio Gold / Silver เท่ากับ 51 ต่อ 1

ข่าวที่สำคัญ

ที่มา : TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ เฟดประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) โดยระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงาน ทั้งนี้ การเข้าซื้อพันธบัตรรอบใหม่ดังกล่าวจะมาแทนที่มาตรการ Operation Twist ที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนนี้

ราคาทองคำได้รับแรงสนับสนุนหลังจากที่สมาชิกเฟดได้ปรับทบทวนการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้าที่ 2.3 – 3% ลดลงจากการคาดการณ์เดือนกันยายนที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตเป็นอย่างน้อย 2.5% รวมไปถึงการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีหน้าก็ลดลงเช่นกัน และเฟดยังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้คงที่ตราบเท่าที่อัตราเงินเฟ้อถูกกำหนดให้ไม่เกินกว่า 2.5% ภายใน 1 – 2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ต่างกล่าวว่า สิ่งที่น่าให้ความสนใจมากที่สุดสำหรับเฟดในตอนนี้ก็คือการสร้างงานมากกว่าการรักษาระดับเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ

แต่ ถึงอย่างนั้น นักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้คาดหวังให้มีการฟื้นตัวของการจ้างงานในระดับที่รวดเร็ว ที่จะทำให้อัตราการว่างงานลดลงไปสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดกำหนดที่ 6.5% โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานได้ประกาศว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลงไปสู่ระดับต่ำ สุดในรอบเกือบ 4 ปีที่ 7.7% เนื่องจากกลุ่มบริษัทต่างๆ ยังคงดำเนินงานอย่างช้าๆ แต่มีการจ้างงานในระดับคงที่ในเดือนพฤศจิกายน

นักวิเคราะห์ต่างกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลบวกในทิศทางขาขึ้นต่อราคาทองคำเนื่องจากเป็นการชี้ให้เห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงพิมพ์ธนบัตรใหม่ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งนักลงทุนหลายรายมีการเข้าซื้อทองคำเพื่อ hedging กับภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจากการพิมพ์ธนบัตรจากธนาคารกลางต่างๆ

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของเฟดยังระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงขยายตัวปานกลางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้สหรัฐได้เผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงมาก คือ 7.7% จากเกณฑ์ของการจ้างงานเต็มที่ที่ควรจะอยู่ระดับ 5.2% - 6% และมีผู้ทำงานเพิ่มขึ้นเพียง 146,000 คนในเดือน พ.ย. ยังคงต่ำกว่าระดับเฉลี่ยต่อเดือน 151,000 คนในปีนี้ และ 153,000 คนในปี 2011 ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงขยายตัว ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยก็ส่งสัญญาณการฟื้นตัวเช่นกัน อีกทั้งการส่งออกยังชะลอตัวเนื่องจากการหดตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับความเสี่ยงด้านการตัดลดงบประมาณในปีหน้า ทำให้บริษัทต่างๆจำกัดการใช้จ่ายเงินทุน ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรยังคงชะลอตัวลงเช่นกัน

สำหรับการแถลงของนายเบอร์นันเก้ได้กล่าวว่า Fiscal Cliff เป็นความเสี่ยงหลักที่พร้อมจะส่งผลเสียต่อการลงทุนและการจ้างงาน โดยสร้างความไม่แน่นอนและมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจ และเฟดไม่มีเครื่องมือใดที่จะสามารถขจัดผลกระทบจาก Fiscal Cliff ได้

อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ นายเจฟฟรี่ย์ แลคเกอร์ได้คัดค้านนโยบายการเข้าซื้อพันธบัตรรอบใหม่ของเฟดในครั้งนี้ และก่อนหน้านี้เขาได้ต่อต้านการขยายระยะเวลาของมาตรการ Operation Twist ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ไปจนถึงสิ้นปีของเฟดด้วย เพราะเขาคิดว่าการซื้อพันธบัตรเพิ่มไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้น

ข่าวทางด้าน Fiscal Cliff กลุ่มคนส่วนใหญ่ของสหรัฐต้องการให้ทั้ง 2 พรรคบรรลุข้อตกลงที่จะแก้ปัญหา Fiscal Cliff และสนับสนุนแนวคิดของนายโอบามา ซึ่งจากผลสำรวจทางโทรศัพท์จำนวน 1,000 คนเมื่อวันที่ 6-9 ธ.ค. มี 65% ต่อ 28% ต้องการให้มีการบรรลุข้อตกลง แม้ว่าจะมีการเพิ่มภาษีและการตัดลดสวัสดิการสังคมและประกันสุขภาพ โดย 68% กล่าวว่า นายโอบามามีอำนาจจากการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ที่จะตัดลดอัตราภาษีในครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปีและ 65% กล่าวว่าเขามีอำนาจในการเพิ่มภาษีในผู้มีรายได้สูงและการตัดลดงบประมาณ ซึ่งผลสำรวจได้แสดงถึงคะแนนนิยมที่ยืนยันการทำงานของโอบามา ซึ่งไม่เคยอยู่เหนือระดับมากกว่า 50% ในช่วงต้นปีนี้ แต่อยู่ที่ระดับ 53% ในขณะนี้

การเจรจา Fiscal Cliff มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย จากการที่พรรครีพลับลิกันได้ตำหนิการบริหารงานของนายโอบามาและสมาชิกคนหนึ่งกล่าวว่า การบริหารงานนี้ทำให้แย่ลงและไม่มีอะไรดีขึ้นเลย โดยนายอิริค แคนเตอร์ ผู้นำพรรครีพลับลิกันได้ตำหนินายโอบามาอย่างแรงว่าให้หยุดเล่นเกมทางการเมืองกัน และได้เสนอข้อเสนอในการตัดลดงบประมาณในโครงการสวัสดิการต่างๆ แต่ผู้นำพรรคเดโมแครต นายแนนซี่ เพโลซี่ได้เตือนพรรครีพลับลิกันว่า จะไม่มีการเพิ่มอายุของผู้รับประกันสุขภาพเป็นอายุ 67 ปีตามที่พรรครีพลับลิกันได้เสนอ นอกจากนี้นายจอห์น โบห์นเนอร์ยังได้กล่าวหานายโอบามาที่ไม่ได้นำเสนอแผนตัดลดงบประมาณอีกด้วย

ส่วนทางด้านฝั่งยุโรป อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี นายซิลวิโอ้ แบร์ลุสโคนี่ส่งสัญญาณว่า เขาอาจจะยินยอมหากนายมาริโอ มอนติตกลงที่จะเป็นตัวแทนในการเลือกตั้งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลผสมระดับกลาง โดยการประกาศของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่พรรคของเขาได้ถอนการสนับสนุนรัฐบาลของนายมอนติ และกล่าวหาว่านโยบายที่ยึดมั่นตามเยอรมัน (German-centric) ของนายมอนติทำให้อิตาลีมีเศรษฐกิจที่แย่ลง ขณะที่รัฐมนตรีการคลังของเยอรมนี นายโวล์ฟกัง ชอยเบิลได้ออกมาตอบโต้ว่า ในการเลือกตั้งของอิตาลี เยอรมันจะไม่เข้ามาแทรกแซงการเมืองภายใน แต่เป็นที่ทราบกันทุกคนว่าอิตาลีได้มีคืบหน้าอย่างมากภายใต้การบริหารของนายมอนติที่ไม่ได้ด้อยกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวได้กระตุ้นให้นายมอนติมีความพร้อมในการประกาศแผนที่จะลาออกจากตำแหน่ง

เช้านี้ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงรุนแรงมากกว่า 1% หลุดระดับ 1,700 เหรียญจากการทำ Stop-loss selling หลังจากที่ราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบเกือบสองสัปดาห์เมื่อคืนนี้จากแผนการเข้าซื้อพันธบัตรรอบใหม่ของเฟด

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน

- Crude Oil Inventories ออกมาที่ระดับ 0.8M จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -2.4M

- Federal Budget Balance ออกมาที่ระดับ -172.1B จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -120.0B

- Federal Funds Rate ออกมาที่ระดับ

ตัวเลขเศรษฐกิจคืนนี้

- Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ 0.0%

- PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ -0.5%

- Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.3% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ 0.5%

- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 370,000 ตำแหน่ง คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ 368,000 ตำแหน่ง

- Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ 0.2%

วิเคราะห์ทางเทคนิค

Gold –ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวแกว่งตัวอย่างมาก โดยที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงตลาด COMEX จากการคาดหวังของเฟดว่าจะมีมาตรการทางการซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง โดยเฟดมีการประกาศ 2 หลักการใหญ่คือ 1.) จากที่เฟดมีการประกาศใช้ QE4 ซื้อพันธบัตรเพื่อทดแทนมาตรการ Operation Twist ที่จะหมดอายุลงสิ้นเดือนนี้ และ 2) คงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปจนกว่าจะมีคนว่างงานน้อยกว่าระดับ 6.5% เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน ราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดเมื่อคืนโดยประมาณที่ระดับ 1,721 เหรียญ โดยที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้งหนึ่งในช่วงเช้านี้ตามแรงเทขาย ซึ่งบางส่วนคาดว่าเป็นความผิดหวังจากมาตรการใช้เงินดังกล่าว ซึ่งตลาดก็ยังมีความไม่ชัดเจนและยังไปให้ความสนใจในเรื่องของ Fiscal Cliff ซึ่งยังไม่ค่อยมีความคืบหน้าในการเจรจา ทำให้ตลาดยังให้น้ำหนักไปประเด็น Fiscal Cliff มากกว่าการที่มี QE4 สำหรับนายเบอร์นันเก้เองก็ได้ออกถ้อยแถลงระบุว่า เขายังคงมีความห่วงใยและมีความเห็นตรงข้ามว่า Fiscal Cliff จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงในระยะสั้น ทำให้โดยภาพรวมตลาดก็ยังเป็นลักษณะรอความชัดเจนของ Fiscal Cliff มากกว่า ทำให้ช่วงเช้านี้ราคาทองคำปรับหลุดลงมาที่ระดับ 1,700 เหรียญ และหลุดลงมาที่ระดับ 1,694 เหรียญโดยประมาณ สร้างความตกใจและเป็นจุดสนใจของนักลงทุน วิเคราะห์ได้ว่า ราคาทองคำยังอยู่ในความสับสนในทิศทางจากการเจรจาที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะเห็นการเคลื่อนไหวขึ้นลงรวดเร็วและรุนแรงของราคาทองคำ แนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้นๆ เท่านั้นในการซื้อและขาย โดยราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 1,690 เหรียญและแนวต้านที่ระดับ 1,715 โดยภาพของเงินบาทเองยังเป็นลักษณะทรงตัวในทิศทางแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 30.63 - 30.66 บาท/ดอลลาร์โดยประมาณ

Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,830 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,050 บาท

Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,200 บาท

Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 990 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,020 บาท

คำแนะนำ

สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade)

เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,690 – 1,715 เหรียญ แนะนำให้เป็นการซื้อขายภายในวันและเข้าเร็วออกเร็ว ซึ่งจะเห็นการแกว่งตัวอย่างมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

นักลงทุนระยะสั้น 7 – 20 วัน (Weekly Trade)

เป็นลักษณะรอความชัดเจนเพื่อรอจังหวะการเข้าซื้อ ยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อเพิ่มในขณะนี้

นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง

เป็นลักษณะรอความชัดเจนเช่นเดียวกัน

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

www.mtsgold.co.th

www.gold.in.th