ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 16.40 จุด ตลาดพักฐานจากแรงขายทำกำไรที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2557 17:23:22 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,502.39 จุด ลดลง 16.40 จุด(-1.08%) มูลค่าการซื้อขาย 51,231.96 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,525.34 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,501.36 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 287 หลักทรัพย์ ลดลง 518 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 170 หลักทรัพย์

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ในภาคบ่ายปรับตัวลงค่อนข้างมากในช่วงใกล้ปิดตลาด จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ซึ่งแนวโน้มยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นตัวฉุดดัชนีฯให้ปรับตัวลงจนใกล้หลุดแนว 1,500 จุด และมองว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อไปจะสะท้อนภาพของการพักฐานที่ชัดเจนมากขึ้น

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(1 ส.ค.)นายอดิศักดิ์ ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังเข้าสู่ช่วงของการพักฐาน และมีแนวโน้มที่ดัชนีจะปรับตัวลงต่อ จากแรงขายทำกำไรที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,470 จุด แนวต้าน 1,518 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TRUE (XR) มูลค่าการซื้อขาย 4,906.69 ล้านบาท ปิดที่ 9.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

CK มูลค่าการซื้อขาย 2,765.03 ล้านบาท ปิดที่ 25.00 บาท ลดลง 1.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,946.25 ล้านบาท ปิดที่ 319.00 บาท ลดลง 7.00 บาท

SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,872.63 ล้านบาท ปิดที่ 434.00 บาท ลดลง 18.00 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,870.18 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2557

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2557 17:00:00 น.

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลด QE ไปจนจบโครงการในปีนี้

--นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ กล่าวในการประชุมฉุกเฉินว่า เชื้อไวรัสอีโบลาซึ่งคร่าชีวิตประชาชนนับร้อย นับตั้งแต่เดือนก.พ. อาจเป็นภัยคุกคามในอังกฤษ

--บริษัทซัมซุง อิเล็คทรอนิคส์ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น เพื่อปกป้องฐานลูกค้าจากแอปเปิ้ลและคู่แข่งจากจีน

 

--สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือพันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศของอาร์เจนติน่าสู่ระดับผิดนัดชำระหนี้บางส่วน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเท่ากับเป็นการประกาศว่า อาร์เจนตินาผิดนัดชำระหนี้ ภายหลังจากที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลอาร์เจนตินาและสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้รัฐบาลอาร์เจนตินาไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรวงเงิน 539 ล้านดอลลาร์ให้แก่กลุ่มผู้ถือครองพันธบัตรได้ตามขีดเส้นตาย

--ผู้นำกลุ่มจี-7 และสหภาพยุโรป (อียู) วิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย ที่ยังคงบั่นทอนอำนาจอธิปไตยของยูเครน และเตือนรัสเซียว่าจะทำการคว่ำบาตรเพิ่มเติม

--กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เศรษฐกิจจีนอาจหดตัวลงเป็นอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากจีนไม่เร่งการปฏิรูปเศรษฐกิจ

 

--บริษัทโซนี คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทจะถอนหุ้นออกจากการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนในเดือนหน้า หลังจากจดทะเบียนซื้อขายมานานกว่า 44 ปี อันเนื่องมาจากปริมาณการซื้อขายที่อยู่ในระดับต่ำ

--สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติการฟ้องร้องประธานาธิบดีบารัค โอบามา ฐานใช้อำนาจบริหารประเทศในทางมิชอบ ด้วยคะแนนเสียง 225-201

--สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.7% แตะที่ 5,066,178 คันในครึ่งแรกของปี 2557 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนการปรับขึ้นภาษีอุปโภคบริโภคในเดือนเม.ย.ที่ชดเชยการปรับตัวลงของยอดขายในช่วงต่อมา

--เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตี้ นิวส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อว่า จีนจะประกาศมาตรการเปิดเสรีกลไกการนำเข้าน้ำมันดิบ ที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด ในหลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้

--กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการสังคมของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ค่าแรงพื้นฐานโดยเฉลี่ยของบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะที่ 243,019 เยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 3 เดือน

--กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวประมาณ 7.5% ในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่าระดับ 3%

--บริษัทโซนี คอร์ป เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในช่วงไตรมานเดือนเม.ย.-มิ.ย.เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า สู่ระดับ 2.681 หมื่นล้านเยน เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายเกมคอนโซล นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินเยนยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทด้วย

--สำนักงานแรงงานของเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนคนว่างงานในเดือนก.ค.ลดลง 12,000 คน สู่ระดับ 2.9 ล้านคน โดยเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะลดลง 5,000 คน

ส่วนอัตราว่างงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 6.7%

--อิสราเอลระดมกำลังทหารกองหนุนเข้าประจำการเพิ่มอีก 16,000 นาย หลังจากมีการยิงจรวดจากฉนวนกาซาไปยังตอนใต้ของอิสราเอลในช่วงเช้าวันนี้

--สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0%

ยอดค้าปลีกในเดือนมิ.ย.ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่หดตัวลง 0.2% ในเดือนพ.ค.

--พานาโซนิค คอร์ป เผยกำไรสุทธิในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2557 ลดลง 64.8% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 3.793 หมื่นล้านเยน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

เงินบาทเย็นนี้ 32.09/10 อ่อนค่าตามภูมิภาคจากแรงซื้อดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2557 16:24:06 น.

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.09/10 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 31.99/32.01 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังประกาศตัวเลข GDP ของสหรัฐไตรมาส 2/57 ออกมาดี ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 31.98 บาท/ดอลลาร์ และทำไฮที่ระดับ 32.11 บาท/ดอลลาร์

"กลับมาปรับตัวอ่อนค่าค่อนข้างจะรุนแรง หลัง GDP ของสหรัฐออกมาดีมาก ทำให้มีแรงซื้อดอลลาร์กลับคืน" นักบริหารเงิน กล่าว

นักลงทุนรอดูการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ หรือ Non Farm Payroll คืนนี้

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.00-32.20 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX PM ณ วันที่ 31 ก.ค.57 อยู่ที่ระดับ 31.9919 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.77/80 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.77/80 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3396/3398 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3396/3398 ดอลลาร์/ยูโร

- นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยภาวะเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.57 เศรษฐกิจปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนตามการส่งออกที่ขยายตัว ขณะที่การใช้จ่ายภาคเอกชนโดยเฉพาะการบริโภคสินค้าไม่คงทนปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่สูงขึ้นภายหลังสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองเริ่มมีความชัดเจน อย่างไรก็ดีอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอและการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวช้าในช่วงก่อนหน้ามีส่วนทำให้ระดับสินค้าคงคลังในภาคอุตสาหกรรมอยู่ในระดับสูง ธุรกิจจึงลดระดับการผลิตลง สำหรับภาคการท่องเที่ยวยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง แต่เริ่มมีสัญญาณปรับดีขึ้นในช่วงปลายเดือน

- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มิ.ย 57 อยู่ที่ระดับ 48 ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 สะท้อนความเชื่อมั่นที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยค่าดัชนีฯ ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนในเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านการผลิต ด้านค่าสั่งซื้อ และด้านผลประกอบการ สะท้อนความกังวลด้านการใช้จ่ายในประเทศและการส่งออกที่ยังมีอยู่สอดคล้องกับความเห็นของผู้ประกอบการที่ยังรอประเมินการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและผลจากนโยบายภาครัฐ ส่วนอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคที่มิใช่อุตสาหกรรมประเมินว่า ภาวะธุรกิจโดยรวมจะปรับดีขึ้นจากปัจจุบันโดยค่าดัชนีฯ อยู่เหนือระดับ 50 และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ความเชื่อมั่นในเกือบทุกองค์ประกอบโดยเฉพาะด้านการผลิต ผลประกอบการ และการจ้างงาน ปรับดีขึ้นมาก สะท้อนมุมมองที่ดีของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 ของปี

- นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย(TMB) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย คาดว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 57 ไปจนปี 58 สภาพคล่องในระบบจะปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐเตรียมเลิกใช้มาตรการ QE และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 0.5-0.75% ซึ่งจะทำให้เงินในภูมิภาคไหลกลับไปยังสหรัฐฯ

- นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ คาดว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 จะไม่ต่ำกว่า 92% แม้ที่ผ่านมาจะมีความล่าช้าไปกว่า 6 เดือน แต่ได้เร่งประสานให้ทุกหน่วยเร่งเบิกจ่ายตามความสามารถแล้ว ส่วนงบลงทุนผูกพันงบประมาณปี 57-58 มีวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาทก็จะเร่งพิจารณาให้เดินหน้าในโครงการที่มีความพร้อมโดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าระบบมากขึ้นประมาณ 50

- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตได้ที่ 4-5% ทำให้ทั้งปี 57 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวประมาณ 2-2.5% และคาดว่าตั้งแต่ปี 58 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า GDP ในช่วง 2-5 ปีตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจะเติบโตใกล้เคียงกรอบ 5% โดยภาคการท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากนักท่องเที่ยวมั่นใจและเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามปกติ ขณะที่การส่งออกเชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวประมาณ 7.5% ในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่าระดับ 3% แม้การลงทุนชะลอตัวลงและอาจมีการปรับเปลี่ยนเชิงลึกมากขึ้นในกิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ไอเอ็มเอฟคาดว่ามาตรการต่างๆ ของรัฐบาลจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวสอดคล้องกับเป้าหมายที่ราว 7.5%

- สำนักงานแรงงานของเยอรมนี เผยจำนวนคนว่างงานในเดือน ก.ค.57 ลดลง 12,000 คน สู่ระดับ 2.9 ล้านคน โดยเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะลดลง 5,000 คน ส่วนอัตราว่างงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 6.7% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยูโรโซนกำลังมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากเผชิญกับภาวะชะลอตัวในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้

- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปิดเพิ่มขึ้นในวันนี้ เนื่องจากแรงเทขายหลังราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 334 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.530% เพิ่มขึ้น 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ โดยในช่วงบ่ายนักลงทุนบางส่วนได้ถือโอกาสเข้าช้อนซื้อพันธบัตรเมื่อราคาอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ก.ย.ปรับตัวลง 0.06 จุด แตะที่ 145.92 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จีน: สินค้าโภคภัณฑ์เกษตรปิดไร้ทิศทางวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2557 16:49:00 น.

สัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรจีนปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆและปิดขึ้นลงแตกต่างกันในวันนี้ โดยสัญญาถั่วเหลืองและน้ำมันปรุงอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ข้าว ฝ้าย และน้ำตาลปรับตัวลง

สัญญากากถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดต้าเหลียนปิดลบ ตามการปรับตัวลงของสัญญาถั่วเหลืองที่ตลาด CBOT เมื่อคืนนี้ โดยปรับลง 0.19% ปิดที่ 3,130 หยวน/ตัน ขณะที่สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.98% ปิดที่ 4,442 หยวน/ตัน

สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยตามพื้นที่เพาะปลูกในสหรัฐ มีแนวโน้มจะกดดันราคาผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองต้าเหลียนลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต

กระทรวงพาณิชย์จีนได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขนำเข้าถั่วเหลืองเดือนก.ค.เป็น 5.87 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงยังได้คาดการณ์ว่า ยอดนำเข้าในเดือนส.ค.อาจหดตัวลงแตะ 3.84 ล้านตัน

สัญญาน้ำมันปรุงอาหารที่ตลาดต้าเหลียนดีดตัวปานกลาง โดยสัญญาน้ำมันปาล์มส่งมอบเดือนก.ย. ปิดบวก 0.46% ที่ 5,656 หยวน/ตัน ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.28% ปิดที่ 6,460 หยวน/ตัน

สัญญาน้ำตาลที่ตลาดเจิ้งโจวปิดลบต่อเนื่อง ตามน้ำตาลดิบตลาด ICE ที่ยังคงปรับตัวลดลง โดยสัญญาส่งมอบเดือนม.ค.ปิดลบ 0.06% ปิดที่ 4,759 หยวน/ตัน

สัญญาฝ้ายส่งมอบเดือนม.ค.2558 ที่ตลาดเจิ้งโจวขยับลง 0.03% ปิดที่ 14,380 หยวน/ตัน ดัชนีราคาฝ้ายแห่งชาติ CCIndex 3128B ซึ่งบ่งชี้ราคาโดยเฉลี่ยของเส้นใยมาตรฐานในจีน ลดลง 8 หยวน/ตัน สู่ระดับ 17,139 หยวน/ตัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำฮ่องกงปิดตลาดวันนี้ ลดลงแตะ 11,975 HKD/tael

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2557 16:40:57 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 35 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 11,975 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,297.04 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 3.79 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

 

17:17 สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,005.55 ลบ.(SET+MAI) ตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ดังนี้ กลุ่ม ปริมาณซื้อ (ลบ…

17:15 สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,094.89 ลบ.(SET) ตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ดังนี้ กลุ่ม ปริมาณซื้อ % ปริมา…

17:12 ภาวะตลาดหุ้นมาเลเซีย: ดัชนี KLCI ปิดลบ 6.98 จุด จากแรงขายหุ้นใหญ่ ดัชนีหุ้นมาเลเซียปิดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงขายหุ้นใหญ่บาง…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Money Wise COMMODITIES 31-7-57 vdo.gif Money Wise ช่วง COMMODITIES กลยุทธ์ลงทุนทอง ติดตามได้ใน Money Wise "Now26" 31-7-57 สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย 31-7-57 vdo.gif Money Wise สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย สดตรงจากนักวิเคราะห์ ติดตามได้ใน Money Wise "NOW26" 31-7-57 ธปท.ชี้ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจมิ.ย.ยังไม่ฟื้น ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจมิ.ย.อยู่ที่ 48.0 จาก 48.6 เดือนพ.ค.ยังไม่ฟื้นตัว บลจ.ไทยพาณิชย์ ออกกองไทยแลนด์รีคอฟเวอรี่ ทริกเกอร์ เจาะหุ้นเด่นภาคบ่าย 31-7-57 vdo.gif ทิศทางตลาดอนุพันธ์ภาคบ่าย 31-7-57 vdo.gif กรุงไทยฉวยตลาดหุ้นขาลงขายทริกเกอร์ฟันด์3

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

news_img_596159_1.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10509717_10152606644917450_1527285357104614196_n.jpg?oh=9bd7657f79e33ec8b68fa4bff9a411a7&oe=543E99AF&__gda__=1413055673_9b7634ccac57432ce24bff8bedf826a1

ชายไม่มีขา สู้ชีวิต จนเป็นเจ้าของฟาร์มแกะ #NationTV

อ่านเพิ่มเติม

http://www.nationtv.tv/main/content/lifestyle/378418056/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนค่า เหตุวิตกภาวะเงินฝืดในยูโรโซน

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 07:42:43 น.

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของประเทศยูโรโซนปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบในรอบเกือบ 5 ปี ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่ายูโรโซนกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด

ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3390 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3392 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6883 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6916 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9293 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9327 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.84 เยน จากระดับของวันพุธที่ 102.87 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9085 ฟรังค์ จากระดับ 0.9092 ฟรังค์

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากยูโรสแตทรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนปรับตัวลงแตะ 0.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 0.5% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มประเทศยูโรโซนกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด

ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ค. เพิ่มขึ้น 23,000 ราย แตะที่ 302,000 ราย หลังจากลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปีในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 230,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอลงจากเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 6.1% ในเดือนก.ค.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 07:46:16 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 31 ก.ค.2557

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในต่างประเทศ รวมถึงข่าวการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลอาร์เจนตินา และตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,563.30 จุด ร่วงลง 317.06 จุด หรือ -1.88% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,369.77 จุด ลดลง 93.13 จุด หรือ -2.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,930.67 จุด ลดลง 39.40 จุด หรือ -2.00%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทต่างๆ รวมถึงอาดิดาส ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กีฬารายใหญ่ของเยอรมนี

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.3% ปิดที่ 335.99 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,246.14 จุด ลดลง 66.16 จุด หรือ -1.53% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,407.48 จุด ร่วงลง 186.20 จุด หรือ -1.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,730.11 จุด ลดลง 43.33 จุด หรือ -0.64%

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทเวียร์ กรุ๊ป

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 43.33 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 6,730.11 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลอาร์เจนตินาเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้และได้ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.17 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 49 เซนต์ ปิดที่ 106.02 ดอลลาร์/บาร์เรล

--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นนั้น อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 14.1 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,282.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 18.5 เซนต์ ปิดที่ 20.412 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 16.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,465.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 6.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 873.70 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของประเทศยูโรโซนปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบในรอบเกือบ 5 ปี ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่ายูโรโซนกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด

ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3390 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3392 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6883 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6916 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9293 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9327 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.84 เยน จากระดับของวันพุธที่ 102.87 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9085 ฟรังค์ จากระดับ 0.9092 ฟรังค์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,563.30 จุด ลดลง 317.06 จุด -1.88%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,369.77 จุด ลดลง 93.13 จุด -2.09%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,930.67 จุด ลดลง 39.40 จุด -2.00%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,730.11 จุด ลดลง 43.33 จุด -0.64%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,407.48 จุด ลดลง 186.20 จุด -1.94%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,246.14 จุด ลดลง 66.16 จุด -1.53%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,315.85 จุด ลดลง 131.17 จุด -1.39%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,620.77 จุด ลดลง 25.46 จุด -0.16%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,076.12 จุด ลดลง 6.49 จุด -0.31%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,623.10 เพิ่มขึ้น 8.00 จุด +0.14%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,632.90 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด +0.18%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,201.56 จุด เพิ่มขึ้น 20.32 จุด +0.93%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,864.82 จุด ลดลง 2.77 จุด -0.04%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,756.85 จุด เพิ่มขึ้น 24.64 จุด +0.10%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,871.36 จุด ลดลง 6.98 จุด -0.37%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,374.06 จุด เพิ่มขึ้น 20.41 จุด +0.61%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,894.97 จุด ลดลง 192.45 จุด -0.74%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อิสราเอล-ฮามาส ยอมตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 07:19:46 น.

แถลงการณ์จากนายจอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐเปิดเผยว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาส ได้ตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง หลังจากที่ได้ปะทะกันมานานถึง 3 สัปดาห์

นายเคอร์รี่ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ประเทศอินเดีย ระบุว่าการหยุดยิงอาจเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเปิดการเจรจา เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงในระยะยาว

การหยุดยิงจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 8.00 น. ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยหลังจากนั้น คณะผู้แทนจากอิสราเอลและปาเลสไตน์จะร่วมหารือกันในกรุงไคโร เพื่อเปิดการเจรจาซึ่งมีรัฐบาลอียิปต์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า การหยุดยิงจะช่วยให้ "ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับการปลดเปลื้องจากความรุนแรง" อีกทั้งเปิดโอกาสให้ชาวกาซาสามารถ "ฝังร่างผู้เสียชีวิต ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บ และกักเก็บอาหาร"

นอกจากนี้ ก็จะมีการซ่อมแซมระบบประปาและไฟฟ้า ที่ได้รับความเสียหายจากความรุนแรงที่ยาวนานถึง 24 วัน

อย่างไรก็ตาม "กองกำลังภาคพื้นดินจะยังคงตั้งหลักอยู่ที่เดิม" ซึ่งหมายความว่า อิสราเอลอาจเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาและกำจัดอุโมงค์ของกลุ่มฮามาสระหว่างการหยุดยิง

แถลงการณ์กล่าวว่า "เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น จนกว่าการหยุดยิงจะเริ่มต้นขึ้น และปฎิบัติตามพันธสัญญาที่พวกเข้าได้ให้ไว้ระหว่างการหยุดยิง" สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดโลก-หนี้ครัวเรือนเป็นตัวถ่วง-แบงก์ชาติชี้ธุรกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 06:00:00 น.

ภาวะตลาดโลก-หนี้ครัวเรือนเป็นตัวถ่วง-แบงก์ชาติชี้ธุรกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่

ลุ้นคสช.เทงบพยุงศก.ปี57

ต้องยอมทำใจศก.ไทยปี57ไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่หวัง ปัจจัยลบมีหลายด้าน แม้การเมืองจะนิ่งแต่นักลงทุนยังรอดูโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ มีแต่เงินลงทุนรัฐ ที่พอช่วยพยุงได้ตอนนี้ ส่วนปีหน้า หากศก.โลกสดสใส ส่งออกได้อานิสงส์ ท่องเที่ยวอาการดีขึ้น ลงทุนโครงการพื้นฐาน ช่วยให้เม็ดเงินสะพัด

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย เปิดเผยผลคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจตลอดทั้งปี 2557 ว่าต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสูง ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ทรงตัวในระดับต่ำ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น เช้นค่าแรง ราคาพลังงาน ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง เป็นต้น

ทั้งนี้ปัจจัยต่างๆส่งผลให้ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่าทั้งปี 2557 การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวได้ 1.2% การส่งออกจะขยายตัวประมาณ 1.8% หรือในกรอบ 1.5-2.0% และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับ 2.3-2.7% และภาคการลงทุนจะติดลบ 0.4 % เพราะเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบล่าช้า ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในไตรมาสที่4 แต่ก็คาดว่าตลอดทั้งปี จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 24.9 ล้านคน ลดลง 5.9% คิดเป็นมูลค่า 1.17 ล้านบาท ลดลง 2.8% ซึ่งภาพรวมจะทำให้เม็ดเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจ รวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะอยู่ที่ 32-33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ระหว่าง 104-107 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยตอนนี้ อยู่ในมือของ คสช. โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งหากมีการเร่งเบิกจ่ายจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน เพราะจะทำให้มีแรงขับเคลื่อนจากเงินลงทุนผ่านโครงการของภาครัฐ ซึ่งหากภาครัฐอัดเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจหรือการลงทุนน้อยเงินเศรษฐกิจไทยในปี 2557 จะโตต่ำกว่า 2.0%

"หอการค้ามองว่าในไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ 3.5% ภายใต้เงื่อนไขที่คสช. มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจถูกกระตุ้น ส่งออกน่าจะได้ 4-5% และรัฐควรเข้าไปดูแลเอสเอ็มอีพอสมควร ส่วนในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ รัฐอาจเข้ามาช่วยเศรษฐกิจให้เร็วขึ้นโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ”

สำหรับปี 2558 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะดีดกลับมาขยายตัวดีขึ้น และอาจขยายตัวเกิน 5 % เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากเงินลงทุนภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ประมาณ 3 แสนล้านบาท เช่น การยกระดับเขตเศรษฐกิจพิเศษในหลายพื้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลดีต่อการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในกรอบ 5-7 % และการเมืองที่นิ่งทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนและการบริโภคที่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ

เดือน มิ.ย 57 อยู่ที่ระดับ 48 ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 สะท้อนความเชื่อมั่นที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยค่าดัชนีฯ ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าในเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านการผลิต ด้านค่าสั่งซื้อ และด้านผลประกอบการ สะท้อนความกังวลด้านการใช้จ่ายในประเทศและการส่งออกที่ยังมีอยู่สอดคล้องกับความเห็นของผู้ประกอบการที่ยังรอประเมินการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและผลจากนโยบายภาครัฐ

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคที่มิใช่อุตสาหกรรมประเมินว่า ภาวะธุรกิจโดยรวมจะปรับดีขึ้นจากปัจจุบันโดยค่าดัชนีฯ อยู่เหนือระดับ 50 และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ความเชื่อมั่นในเกือบทองค์ประกอบโดยเฉพาะด้านการผลิตผลประกอบการและการจ้างงานปรับดีขึ้นมากสะท้อนมุมมองที่ดีของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 ของปี

สำหรับข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ 5 อันดับแรก ได้แก่ การปรับราคาสินค้าทำได้ยาก ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ต้นทุนการผลิตสูง การแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดในประเทศ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในเดือนนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมองว่าการปรับราคาสินค้าทำได้ยากเป็นข้อจำกัดสำคัญที่สุด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นส่งผลให้ธุรกิจคลายความกังวลจากข้อจำกัดนี้ลงมาก

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดเรื่องงาน และปาถกฐาเรื่อง “การผลักดันเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง สู้เป้าหมายจีดีพีมากว่า 2%” ในงานสัมมนา “อนาคตเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติการเมือง” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า หลังจากที่คณะรักษาความสงบเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้สถานการณ์ความวุ่นวายคลี่คลาย และสงบลง โดยมีการดำเนินมาตรการอย่างเร่งด่วนทั้งในส่วนของระยะสั้น และระยะยาวตามขั้นตอน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังโดยคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 4.3 % หลังจากที่ครึ่งปีแรกติดลบ 0.4 % ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์เมืองที่ไม่สงบ

ด้านนายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ คสช. เข้ามาบริหารประเทศได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท โดยคาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 57 จะสามารถมีเม็ดเงินใช้จ่ายได้อีกไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท โดยจะทำให้เป้าหมายการเบิกจ่ายทั้งปีอยู่ที่ 92% จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ 90%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นักลงทุนที่ยังไม่เคยลงทุนในไทยนั้น อาจอยู่ระหว่างรอสถานการณ์ชัดเจน โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนกลุ่มนักลงทุนเดิมที่มีการลงทุนในไทยอยู่แล้วนั้น ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนเพิ่ม เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยคาดว่า ภาคการเกษตรอาจจะยังคงมีปัญหา เนื่องจากสินค้าหลายชนิดราคายังตกต่ำอยู่ เช่น ราคาข้าว ยางพารา น้ำตาล แต่เชื่อว่าภาคการบริการจะฟื้นตัวดีขึ้น จากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 2% และในปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวได้เกินกว่า 4% แต่สิ่งที่ไทยต้องเร่งฟื้นฟู คือความสามารถในการแข่งขันที่ไทยถดถอยมาแล้ว 10 ปี ซึ่งหากสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ย 5-7 %

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง 14.1 ดอลล์ เหตุวิตกเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 06:57:33 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นนั้น อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 14.1 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,282.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 18.5 เซนต์ ปิดที่ 20.412 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 16.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,465.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 6.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 873.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เมื่อพิจารณาจากถ้อยแถลงภายหลังการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

ทั้งนี้ แถลงการณ์เฟดระบุว่า "กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีในไตรมาส 2 ขณะที่ภาวะในตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้น โดยอัตราว่างงานปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2551 ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวขึ้นปานกลาง และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจก็ขยายตัวได้ดีเช่นกัน"

นอกจากนี้ เฟดยังระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด และการคาดการณ์เงินเฟ้อก็ยังคงมีเสถียรภาพ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ผู้ผลิตเหล็กแฉแผนล้ม”เซฟการ์ด-อากรทุ่มตาด” ยันพณ.คุมเข้มหมดสิทธิโก่งราคา

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 06:00:00 น.

ผู้ผลิตเหล็กแฉแผนล้ม”เซฟการ์ด-อากรทุ่มตาด”

ยันพณ.คุมเข้มหมดสิทธิโก่งราคา

จับตาเบี่ยงประเด็นหลบเลี่ยงภาษี

จากกรณีที่มีกลุ่มผู้ปรนะกอบการอสังหาริมทรัพย์ และ บริษัทก่อสร้างบ้านบางราย ออกมาแถลงข่าวว่าจะร้องเรียนต่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าได้รับความเดือดร้อนจากราคาสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมขู่ว่าในอนาคตอาจใช้วิธีลดต้นทุนโดยการลดสเปกเหล็ก มีผลต่อความปลอดภัยของผู้อาศัยนั้น พร้อมทั้งพาดพิงถึงผู้ผลิตในประเทศ ว่าได้รับประโยชน์จากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นและมีการขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ล่าสุดผู้ผลิตในประเทศได้รวมตัวกันแถลงข่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าว

มร.ริวโซ โอกิโน กรรมการบริหาร บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนมีการแข่งขันด้านราคากันตามกลไกตลาดจากทั้งสินค้านำเข้า และระหว่างผู้ผลิตภายในประเทศด้วยกันเอง ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนโดยรวมแล้วปีหนึ่ง 7 ล้านตัน โดยเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศปีละประมาณ 3 ล้านตัน และผลิตภายในประเทศประมาณ 4 ล้านตัน ทั้งที่ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนภายในประเทศ 5 รายมีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่านั้นนับเท่าตัว โดยยังคงเหลือกำลังการผลิตรวมเหลืออีกกว่า 50% ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถผลิตสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนได้เพียงพอกับความต้องการ และปรับขึ้นราคาอย่างผิดปกตินั้น จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ด้านนายนาวา จันทนสุรคน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเหล็กแผ่นรีดร้อนถูกกำหนดเป็นรายการสินค้าที่ควบคุมโดย คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม สำหรับมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น(เซฟการ์ด) เป็นมาตรการที่องค์กรการค้าโลก (WTO) ให้ประเทศสมาชิกสามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันตนเองในยามจำเป็นได้ และประเทศที่เน้นการค้าเสรี ได้ แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ต่างก็ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ ประเทศในอาเซียนหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ต่างก็ใช้มาตรการเซฟการ์ดมากและเร็วกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำไป

ด้านนายไพโรจน์ มีทวี รักษาการผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมการก่อสร้างบ้านพักอาศัยในประเทศไทยส่วนใหญ่กว่า 90 % นิยมก่อสร้างด้วยระบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งแบบหล่อในที่ และแบบหล่อสำเร็จมาจากโรงงาน เหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างประเภทนี้ เป็นเหล็กเส้นประเภทเหล็กข้ออ้อยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผลิตมาจากเหล็กขั้นกลางที่เรียกว่า billet โดยมีผู้ผลิตอยู่หลายราย อาคารบ้านพักอาศัยบางส่วน ได้มีการเริ่มที่จะนำเหล็กประเภท H beam หรือ I beam ซึ่งเป็นเหล็กรูปพรรณรีดร้อน เข้ามาใช้อยู่บ้าง แต่ต้นทุนการก่อสร้างสูงกว่าบ้านที่ทำจากโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ทั้งนี้ เหล็กรูปพรรณรีดร้อน เป็นเหล็กที่ผลิตจากเหล็กขั้นกลางที่เรียกว่า bloom ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า billet สำหรับเหล็กขั้นกลางประเภท slab ซึ่งเป็นเหล็กทรงแบน ที่มี application ขั้นถัดไป เป็นเหล็กม้วนรีดร้อน ก็มีปริมาณการใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างบ้านอยู่บ้าง แต่ก็ในสัดส่วน (น้ำหนัก) ที่ไม่สูงมาก

แหล่งข่าวจากวงการเหล็กรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็ก และธุรกิจก่อสร้างบ้าน การออกมาแถลงข่าวโจมตี เรื่องมาตรการเอดีและเซฟการ์ดเหล็กแผ่นรีดร้อน อาจเป็น สงครามตัวแทนเพื่อเบี่ยงประเด็นเลี่ยงอากร ซึ่ง กรมศุลกากร ก.พาณิชย์ กำลังสืบสวนและปราบปรามการเลี่ยงอากรเซฟการ์ดและอากรเอดี อย่างเข้มข้นอยู่ในขณะนี้ และเชื่อว่าทางคสช. กระทรวงพาณิชย์ และกรมศุลกากร รู้เท่าทันเกมส์นี้และไม่หลงกลแน่นอน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10009293_1470807506480877_1647563958_n.jpg

สวัสดี วันศุกร์

อัญมณีเพิ่มมูลค่าด้วยการจารนัย รังสรรค์

ดุจมนุษย์เช่นกัน ความเพียรใฝ่หาความรู้ ประสพการณ์ ความมานะ

การเรียนรู้จากความผิดพลาดของตน ย่อมและความคิดดีๆหลากหลาย

ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม แต่อย่าคิดถึงแค่ตัวเงิน กำไร

คิดถึงคูณค่า การเป็นมนุษย์ที่ดีบวกเพิ่มไปด้วย

ใช้ชีวิตให้มีความสุข เบิกบานใจ

สวัสดี deb new wannn TraderJunoir meng Goldleng ตะนอย ทุกคนจร้า

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกาะติดหุ้นโลก 1-8-57 vdo.gif Morning News : เกาะติดหุ้นรอบโลก "NOW26" 1-8-57 สรุปภาพรวมตลาดหุ้น 31-7-57 vdo.gif สรุปภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้น ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 31-7-57 แนวโน้มราคาทอง vdo.gif แนวโน้มราคาทองคำ สดตรงจากนักวิเคราะห์ ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 31-7-57 บาทปิด 32.09/10 หุ้นไทยปิดร่วง 16.40 จุด พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติขาย1.09พันลบ. Money Wise COMMODITIES 31-7-57 vdo.gif

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภคในรัสเซียเผย ได้ระงับการนำเข้าน้ำผลไม้จากยูเครน หลังรัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรรอบใหม่

 

กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภคในรัสเซียอ้างว่า น้ำผลไม้ยูเครนไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับรัฐเพื่อปฏิบัติตามระเบียบทางเทคนิคของสหภาพศุลกากร ซึ่งประกอบด้วยรัสเซีย เบลารุส และคาซัคสถาน ส่วนเมื่อวานนี้รัสเซียได้ห้ามนำเข้าผัก ผลไม้ เกือบทั้งหมดจากโปแลนด์ที่สนับสนุนอย่างแข็งขันให้เพิ่มการลงโทษรัสเซีย

ทางการโปแลนด์ระบุว่า มาตรการของรัสเซียมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง หลังจากเมื่อวันอังคาร สหภาพยุโรปหรืออียู และสหรัฐ ได้เพิ่มการคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซียด้วยการจำกัดการจำหน่ายอุปกรณ์ด้านน้ำมันและกลาโหม รวมถึงจำกัดธนาคารรัฐรัสเซียในการเข้าถึงตลาดทุนตะวันตก

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียใช้มาตรการการค้ากับอดีตบริวารสหภาพโซเวียตที่ต้องการเข้าร่วมกับองค์กรตะวันตก รัสเซียเพิ่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์นมทั้งหมดจากยูเครนในเดือนนี้ โดยอ้างว่าไม่มีการควบคุมคุณภาพ ส่วนปีที่แล้วห้ามนำเข้าขนมจากโรงงานของนายเปโตร โปโรเชนโก ขณะยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดียูเครน โดยอ้างว่ามีสารก่อมะเร็งในช็อกโกแลต และจำกัดการนำเข้าเนื้อจากมอลโดวาที่ลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีและความร่วมมือทางการเมืองกับอียู

Tags : รัสเซียผักผลไม้โปรแลนด์ยูเครนคว่ำบาตร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...