ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

19884024_1362681423852406_5073687350250039354_n.jpg?oh=8fa6050a78a5685881dd67bf06d461c9&oe=5A1D1D0F

 

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

หมายกำหนดการ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 25 - 29 ตุลาคม 2560

 

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เผยแพร่ภาพหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีรายละเอียด ดังนี้

วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

 

วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีเชิญพระบรมศพไปพระเมรุมาศ

- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

 

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุมาศ

 

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

 

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ ขึ้นประดิษฐานพระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

- พระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

 

ภาพและข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

 

 

หมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ..คลิป

 

ย้ำอีกครั้ง พระราชพิธีถวายพระเพลิง “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” หยุดเฉพาะ 26 ต.ค ..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

19884024_1362681423852406_5073687350250039354_n.jpg?oh=8fa6050a78a5685881dd67bf06d461c9&oe=5A1D1D0F

 

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

หมายกำหนดการ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 25 - 29 ตุลาคม 2560

 

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เผยแพร่ภาพหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีรายละเอียด ดังนี้

วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

 

วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีเชิญพระบรมศพไปพระเมรุมาศ

- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

 

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุมาศ

 

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

 

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560

 

- พระราชพิธีเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ ขึ้นประดิษฐานพระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

- พระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

 

ภาพและข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

 

 

หมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ..คลิป

 

ย้ำอีกครั้ง พระราชพิธีถวายพระเพลิง “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” หยุดเฉพาะ 26 ต.ค ..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

21430368_10155633612524547_5851526115381265053_n.jpg?oh=57cb4978e39d77c3049ac62dda0d2314&oe=5A54E343

เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงรับการทูลเกล้าถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขากฎหมาย (Honorary Doctor of Law) มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ณ วิทยาลัยธุรกิจไท่คัง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ขอบคุณภาพ.Web_xwtoutiao

 

21430635_10155633611144547_3990710866896746028_n.jpg?oh=f710e98275f452e5cddf5f4754fc5a50&oe=5A4B5C49

 

เรารัก พระองค์ภา : Our Beloved Princess Bajrakitiyabhaadded 2 new photos.

เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และหลักประกันทางกฎหมายสำหรับข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ณ วิทยาลัยธุรกิจไท่คัง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ขอบคุณภาพ.Web_xwtoutiao.cn

 

 

21369480_10155633598824547_5580878264435265871_n.jpg?oh=00af408f1c43d14b66d6b561182ea544&oe=5A5E6630

เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงพบ นายจาง จุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ขอบคุณภาพ.Web_moj.gov.cn

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โพสต์ เมื่อวานนี้, 01:42 PM

:uu :uu :uu

 

 

:01 :01 :01

 

สวัสดีจ้า มีหลักการลงทุน ถูกจังหวะ โชคดี มีกำไร

ขอบคุณนะจ๊ะ

 

Paisal Puechmongkol shared ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์'s post.

5 hrs · _Y91QzmaslR.png

โลกทุกวันนี้ เสียงแห่งสัจจะสามารถดังได้ แม้ว่าสื่อหลักจะโกหกขนาดไหนก็ตาม

พม่าเรียนรู้บทเรียนจากซีเรีย อิรัค ลิเบีย อย่างดี และชาวโลกก็ทราบดีว่าวิธีการที่นำมาใช้กับพม่าครั้งนี้มันคุ้นๆมาก จึงลวงโลกได้ยากขึ้น

ทว่าอาการแบบนี้คือสัญญานว่าในเร็วนี้ถ้าเหตุการณ์รุนแรงขึ้น อาจมีทหารต่างขาติเข้าพม่าและอ้างว่าไปปราบไอซิส

แต่พม่ารู้ทันรีบทำความตกลงขอให้รัสเซียช่วยแล้ว แบบเดียวกับที่ฟิลิปปินส์ อินโด ตกลงกับรัสเซีย จีน นั่นเอง

 

988414_632550026792961_982535663_n.jpg?oh=de076ddf25098def0939d9a95dac92df&oe=5A566AB0

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

11 hrs · _Y91QzmaslR.png

ความจริงที่ต้องพิจารณาให้รอบด้าน:

๑.ชาวมุสลิมเบงกาลีที่อพยพเข้ามาอยู่ในพม่าอย่างผิดกฎหมาย ออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีรัฐบาลพม่าว่าถูกพม่าขับไล่ พร้อมกันนั้น ก็อ้างเหตุผลว่า 'เพราะพม่าเป็นดินแดนของชาวพุทธ ตนเป็นมุสลิมจึงถูกทำร้าย' (https://www.facebook.com/bbcnews/videos/10155090316587217/?hc_ref=ARTR7cAwhe99TP748GtSqM9Z7D23lfQt4O_iQEZ7v7i_jqFGMGlOpCpzsFzKXN5wVrk) ความจริง เจ้าของประเทศจะเป็นพุทธหรือไม่ใช่พุทธไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือคนเหล่านี้เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย หรือเป็นแรงงานข้ามชาติอย่างผิดกฎหมายมาแต่เดิม พม่าไม่ยอมรับ อเมริกาก็ไม่ยอมรับ ถ้าให้มุสลิมอพยพเบงกาลีเหล่านี้ไปอยู่ในอเมริกา ถามว่าอเมริการับได้มั้ย? คำตอบคือไม่ได้

ประเด็นที่ซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่งก็คือโดยปรกติ พม่าจัดพื้นที่ให้มุสลิมเบงกาลีอพยพเหล่านี้อยู่เป็นสัดส่วน ปรกติ รัฐบาลพม่าก็ไม่ได้ปราบปราม แต่แล้ว จู่ๆ ภายในกลุ่มมุสลิมเบงกาลีนั่นแหละ มีกลุ่มก่อการร้ายออกมายิงถล่มใส่ค่ายทหาร/ตำรวจพม่า นี่คือสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลพม่ากวาดล้าง เพราะกลุ่มก่อการร้ายฝังตัวอยู่กับฝูงประชาชนมุสลิมเบงกาลีนั่นเอง

๒.คลิปข้างล่างเป็นสตรีมุสลิมซึ่งเป็นประชากรพม่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธออธิบายว่าโรงเรียนของเธอ ถูกกลุ่มก่อการร้ายชาวเบงกาลี (โรฮีนจา) เข้ามาสังหารคน ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าพม่าก็ดูแลชาวมุสลิมที่อยู่ในแผ่นดินพม่าอย่างดีไม่ต่างอะไรจากชุมชนอื่นๆ ที่อยู่ในประเทศอย่างถูกกฎหมาย

๓.วันก่อน นางอองซานซูจีได้ให้สัมภาษณ์ว่าการที่คนทั่วโลกรังเกียจพม่าอย่างหนักขณะนี้ เพราะมีกลุ่มคนใช้รูปเทียมประกอบคำบรรยายเท็จมาสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่าพม่าเข่นฆ่าชาวมุสลิมเบงกาลีอย่างโหดเหี้ยม

(https://sputniknews.com/…/201709061057132812-myanmar-rohin…/ และ https://www.thequint.com/…/fake-news-alert-rohingyas-are-no…) แล้วสื่อกระแสหลักของอเมริกาและยุโรปก็เน้นโจมตีรัฐบาลพม่าว่าสังหารชาวมุสลิมเบงกาลีอย่างโหดเหี้ยม โดยไม่แยกแยะว่าภาพไหนเท็จภาพไหนเทียมใดๆ เลย

ข้อมูลทั้ง ๓ ข้อนี้ บ่งบอกว่ารัฐบาลอันธพาลโลกกำลังพยายามแทรกแซงพม่าโดยใช้องค์กรสิทธิมนุษยชนหรือองค์กรมนุษยธรรมปูทาง

กลุ่มก่อการร้ายในซีเรียพากันโจมตีรัฐบาลซีเรีย แทนที่จะช่วยกลับซ้ำเติมว่ารัฐบาลอัสสาดเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลว ประชาชนกำลังพากันโค่นล้มฉันใด

กลุ่มก่อการร้ายกำลังโจมตีค่ายทหารพม่า ทำให้ชาวมุสลิมเบงกาลีเสียชีวิต แทนที่จะตำหนิกลุ่มก่อการร้าย กลับหันไปติเตียนรัฐบาลพม่าก็ฉันนั้น

รัฐบาลอันธพาลโลกส่งกลุ่มช่วยเหลือมนุษยชนจอมปลอมอย่างพวกหมวกกันนอกสีขาว (The white helmets) เข้าซีเรียแล้วให้ข้อมูลข่าวเท็จแก่สื่อกระแสหลักของตนฉันใด ในพม่ารัฐบาลอันธพาลโลกก็ส่งกลุ่มช่วยเหลือมนุษยธรรมซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วเป็นหน่วยสืบราชการลับไปช่วยหาข้อมูลเพื่อทำข่าวบิดเบือนโจมตีรัฐบาลพม่าหนักขึ้นก็ฉันนั้นเช่นเดียวกัน

๘ กันยายน ๒๕๖๐

*หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาร์ติน วีลเลอร์ หนุ่มอังกฤษปริญญาตรีเกียรตินิยมผันตัวเป็นเกษตรกรไทยยึดหลักพอเพียง

 

maxresdefault-11.jpg

 

แม้เติบโตจากระบบทุนนิยม แต่แนวคิดกลับแปลกแยกอย่างสิ้นเชิง แม้เป็นชาวอังกฤษ แต่มุมมอง “ความเป็นไทย”กลับเฉียบคมยิ่ง๑๒ ปี ในเมืองไทย หล่อหลอมฝรั่งคนนี้เป็นคนไทย เกือบสมบูรณ์ กว่าคนไทยอีกหลายคน

ประวัติ

ชื่อ Martin Wheeler อายุ ๔๒ ปี เป็นชาวอังกฤษ เมือง Blackpool

ปริญญาตรีเกียรตินิยม ภาษาละติน จาก London University

ภรรยา นางรจนา วีลเลอร์ ชาวขอนแก่น บุตร ๓ คน

๑. ด.ช.อิริค วีลเลอร์ (Eric Wheeler) อายุ ๘ ขวบ

๒. ด.ญ.แอนนี่ วีลเลอร์ (Anne Wheeler) อายุ ๖ ขวบ

๓. ด.ช.ดิเรก วีลเลอร์ (Derek Wheeler) อายุ ๖ เดือน

*** ผมเป็นชาวอังกฤษ

เกิดในครอบครัวที่ฐานะดีพอสมควร พ่อจบปริญญาเอก เป็นผู้จัดการบริษัทเกี่ยวกับสารเคมี ยาฆ่าแมลง มีลูกน้อง ๒๐,๐๐๐ กว่าคน แม่จบปริญญาตรี เป็นครูสอนเปียโนกับไวโอลิน ผมจบปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งภาษาละติน ครั้งแรกเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปีที่ ๓ ผมย้ายไปเรียน มหาวิทยาลัยลอนดอน และจบที่นั่น ผมไม่ชอบเคมบริดจ์ เพราะเป็น แบบโบราณ อังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่มาก สมัยโบราณเป็นระบบศักดินา มีขุนนาง และ ชาวบ้านเป็นขี้ข้า ทุกวันนี้แม้ยกเลิกระบบนั้นแล้ว แต่ที่เคมบริดจ์ยังเจอวัฒนธรรม แบบขุนนาง เป็นสังคมเล็กๆ ผ่านมา ๒๐๐-๓๐๐ ปีแล้ว แต่ไม่รับรู้อะไร ไม่เข้าใจชาวบ้าน เขาคิดแต่เรื่อง สังคมเล็กๆ ของเขาในกลุ่มคนชั้นสูง เป็นพวกหอคอยงาช้าง ที่ผมเรียนได้คะแนนดี เพราะพ่อแม่ของผม บังคับให้เรียนหนังสือ ส่งเสริมให้เรียนตั้งแต่อายุ ๒ ขวบครึ่ง สอบไปเรื่อยๆ เพิ่มไอ.คิว. ให้สูงที่สุด เท่าที่จะทำได้ ผมเรียนสูงจนได้เกียรตินิยม เพราะพ่อแม่มีเงินช่วย ไม่เกี่ยวกับความฉลาดเฉพาะตัว

*** ปฏิวัติค่านิยมเก่า

ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องเงิน ไม่อยากมีรถยนต์ ไม่อยากมีบ้านใหญ่ อยากมีบ้านเล็กๆ อยากมี ครอบครัวเล็กๆ ที่มีความสุข ไม่สนใจเรื่องวัตถุ ผมอยากอยู่แบบง่ายๆ เมื่อก่อน ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร แต่ตอนนี้รู้ว่า เขาเรียกมักน้อย สันโดษ ที่อังกฤษเขาว่าผมบ้า เป็นเด็กนิสัยเสีย เพราะพ่อแม่ส่งให้เรียนหนังสือ แต่ไม่เอาความรู้ไปหาเงิน เขาหาว่า เด็กที่ไม่คิดทำงานนั้น นิสัยเสีย

หลังจากเรียนจบแล้ว ผมก็เอาปริญญาให้พ่อแม่ตามที่ท่านอยากได้ แล้วผมก็ไปทำงานก่อสร้าง แบกอิฐแบกปูนอยู่ ๑๐ ปี ช่วงนั้นชาวบ้านบอกว่า ผมบ้าแน่ครับ

แต่เป็นเรื่องที่ผมอยากเรียนรู้ชีวิต อยากรู้จักตัวเอง ว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใด มีความอดทนมั้ย ทำในสิ่งที่เราไม่น่าจะทำได้มั้ย ท้าทายตัวเองบ้าง อยากผ่านชีวิตที่ลำบากบ้าง

ผมอยู่ในสังคมของคนมีเงิน เขาจะพูดถึงแต่เรื่องเงิน คุณมีรถยี่ห้ออะไรบ้าง มี่กี่คัน คุณมีบ้านใหญ่ ขนาดไหน ลูกของคุณเรียนที่ไหน เอาลูกมาแข่งขันกัน จบจากที่ไหนบ้าง จบจากเคมบริดจ์ดีกว่าจบจากมหาวิทยาลัยลอนดอน แต่ผมกลับคิดว่า ชีวิตน่าจะมีอะไร มากกว่านั้น ช่วงนั้นผมไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร แต่ที่รู้แน่ๆ คือไม่ใช่เงิน ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่ปริญญา ต้องมีสิ่งอื่น ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ผมก็เลยมาลองแบกอิฐ แบกของหนักไว้ก่อน เดินแบกอิฐไปมา วันละสาม-สี่พันเที่ยว มันอิสระ เรามีเวลาคิด ได้รู้จักคนอื่น และได้สร้างความเข้มแข็ง ให้ร่างกาย แล้วจิตใจเราก็เข้มแข็งขึ้นด้วย

ชาวบ้านธรรมดาที่อังกฤษนั้น จริงๆ เขาลำบากกว่าคนไทยมาก เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ผมได้เห็น ชีวิตของชาวบ้านที่อังกฤษแย่มาก คนที่นั่น ๖๐% ไม่มีบ้าน ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา จะไม่ได้เป็น เจ้าของบ้าน ต้องไปเช่าบ้านจากเจ้านายตลอดชีวิต ๙๘%ไม่มีใครมีที่ทำกิน แล้วก็อยู่ในเมือง เป็นขี้ข้าเขาหมด แม้แต่เป็นผู้จัดการก็เป็นขี้ข้าด้วย เพราะไม่มีใครพึ่งตนเอง ไม่มีใครมีที่ทำกิน จะไปทำอะไร ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะไปสุขอะไรก็ไม่ได้ ต้องไปหาเงิน ชีวิตอยู่กับเงินอย่างเดียว เงินเยอะ ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เงินน้อยคุณภาพชีวิตก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่

*** พ่อแม่และผม

ถามว่าชีวิตของพ่อมีความสุขมั้ย ผมคิดว่าไม่ ผมคิดว่าพ่ออยากได้บางสิ่งบางอย่าง เขาได้เงินเดือน เยอะมาก ได้รับบำเหน็จบำนาญ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในชุมชน มีตำแหน่ง มีเกียรติยศอะไรอีกเยอะแยะ แต่ผมคิดว่าพ่อไม่มีความสุข เพราะว่าวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ไปทำงานที่โรงงาน ตกเย็นไปประชุมอีก กลับบ้านสามทุ่มสี่ทุ่ม ไม่ได้เจอเมียเจอลูก วันเสาร์อาทิตย์พ่อก็ปวดหัว อยากพักผ่อน พ่ออยากอยู่คนเดียว ไม่ให้ใครรบกวน พ่อมีเมีย และลูกสามคน แต่พ่อไม่ค่อยได้เห็นลูกเห็นเมีย สมัยที่ผมอายุสิบสามขวบ ผมไม่ได้คุยกับพ่อ แม้แต่คำเดียวเกือบปีครึ่ง เห็นเมื่อไหร่ก็เจอพ่อปวดหัวตลอด คิดหนัก อาชีพของพ่อ ต้องใช้สมองมาก ผมว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ด้วย ผมก็ปวดหัวบ่อยเหมือนกัน (หัวเราะ) ชอบคิดมาก ตอนนี้หายแล้ว แม่เข้าใจผม แต่ไม่เห็นด้วยที่ผมมาเมืองไทย

แม่เสียชีวิต ผมได้มรดกนิดๆ หน่อยๆ มีเวลาที่จะไปเที่ยว ผมเคยวางแผนไว้ในใจว่าจะเที่ยว ๑ ปี จะไปในประเทศ ที่ผมไม่เคยไปมาก่อน เช่น ไทย ลาว เขมร พม่า มาเลย์ เวียดนาม อินโด ออสเตรเลีย คิดว่าจะไปออสเตรเลียเพราะเป็นประเทศเปิด ไม่ค่อยมีกฎระเบียบ เหมือนอังกฤษ แต่ก็ยังไม่ได้ไปตามแผนที่วางไว้ ประเทศแรกที่ผมมาคือประเทศไทย

 

2112.jpg

*** ผมไม่ใช่ครูฝรั่ง

สมัยก่อนผมนิสัยเสีย ชอบกินเหล้า ชอบเที่ยว ชอบสนุก เงินที่ผมเก็บไว้ ๑ ปี ภายใน ๒ เดือนใช้หมดเลย ไม่มีเงินกลับบ้าน ผมอยู่ประเทศไทย ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ ผมอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเงิน แม้แต่บาทเดียว ไปหางานทำ อาชีพอย่างเดียวที่เราทำได้ คือเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ จริงๆแล้ว ผมไม่ได้เป็นครูหรอก ผมสอนไม่เป็น แต่คนไทยเห็นฝรั่ง จะบอกว่าฝรั่งทุกคน เป็นครูสอนภาษา ซึ่งมันไม่จริง ฝรั่งส่วนมากไม่ได้เป็นครู ที่กรุงเทพฯ เขาจ้างผมให้เป็นครู เอาเสื้อผ้าดีๆ เนคไทดีๆให้ใส่ เขาบอกว่า คุณเป็นครูนะ แล้วเขาก็ส่งผมเข้าห้องเรียนเลย

ความจริงฝรั่งที่เขาเรียกครูนั้น ไม่มีใครเคยสอนหนังสือ แม้แต่คนเดียว และบางครั้ง ก็ไม่ใช่คนอังกฤษด้วย มีคนหนึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส พูดภาษาอังกฤษผมฟังไม่รู้เรื่อง แม้แต่คำเดียว คนไทย ก็แปลกดีเหมือนกัน เขาให้เงินเดือนผมเดือนละ ๓ หมื่นบาท ไปนั่งเฉยๆ ผมก็ละอายใจ ไม่อยากรับ ผมคิดมาก ปวดหัวทั้งวันทั้งคืน เพราะถ้าเราทำงานอะไรในชีวิต เราต้องได้ผล สมมุติมีคนมาจ้างเรา ๑๐๐ บาทแบกอิฐ ผมจะรับแน่เพราะว่า ผมแบกอิฐแผ่นนั้น จากโน่นไปที่นู่น ผมทำได้แน่ครับ แล้วผมก็จะเอาเงินของคุณไป แต่เวลาผมเป็นครูสอนภาษา มันไม่ได้ผลหรอก ผมสอนไม่เป็น เอาเงินให้ผมเฉยๆ ผมก็รู้สึกว่า ไม่น่าจะเอา ผมไม่ได้ทำ ประโยชน์อะไร คุ้มค่าเงินนะ

*** เงินไม่ทำให้ผมมีความสุข

ผมมีอุดมการณ์เล็กๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ

๑. ถ้าเราทำงานอะไร ต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุข

๒.จะไม่ทำงานที่ต้องผูกเนคไท

๓.จะไม่มีกระเป๋าเอกสารเพราะว่าเหมือนสังคมของพ่อแม่ผม เขาจะทำงานแบบนั้น ทุกคนมีเสื้อนอก มีรถยนต์ มีเอกสาร แต่เขาไม่ค่อยมีความสุขหรอก ผมเอาสิ่งนี้ มาเป็นสัญลักษณ์ แห่งการทำงานที่ไม่มีความสุข มีช่วงเดียวเท่านั้นที่ผมทรยศต่อชีวิตตัวเองคือ ช่วงที่ผมเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมต้องผูกเนคไท ผมทำในสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดเลย เพื่อเงินอย่างเดียว ทำอยู่ประมาณ ๑๑ เดือน ชีวิตไม่มีความสุข เหมือนอยู่ที่อังกฤษ คือทำงานอะไรก็ได้ ขอให้มีเงิน แต่ไม่มีความสุข แล้วก็เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไปเที่ยว ไปกินเหล้า ไปสูบบุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิดผมเอาหมด ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้แต่อยู่กรุงเทพฯ ก็ยังทำอยู่ ถึงได้เงินเยอะ แต่ไม่รู้ว่า จะเอาไปทำอะไร เพราะเงินไม่ช่วยให้เรามีความสุข

*** หันเหชีวิตสู่แนวทางที่วาดหวัง

ผมเจอภรรยา เธอมาจากจังหวัดขอนแก่นอยู่กรุงเทพฯ ไม่นานก็มีลูก ผมเริ่มคิดหนัก แต่ก่อน อยู่คนเดียวไม่มีปัญหา มีความสุขหรือไม่มีก็คนเดียว ไม่ยากหรอก เมื่อมีเมียมีลูก มันต้อง รับผิดชอบผู้อื่นด้วย จะไปนั่งกินเหล้าเฉยๆ ไม่ได้หรอก คิดว่าทำอย่างไร ให้เมียกับลูกอยู่ได้ ผมรู้แน่ๆ ถ้าผมอยู่ในสังคมเมือง และทำงานแบบนี้ ผมจะเป็นคนแย่มาก จะกินเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา เที่ยวอย่างเดียว จึงตัดสินใจตัดตัวเองออกจากสังคมเมือง ไปอยู่บ้านนอก แฟนผม มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดขอนแก่น ช่วงปีใหม่ผมไปเที่ยวบ้านของแม่ยาย เห็นว่า เป็นธรรมชาติดี

ต้องเข้าใจว่าคนอังกฤษอยู่บ้านนอกไม่ได้ เพราะชนบทมีพื้นที่นิดเดียว พวกขุนนางยึดหมด คนยากจน จึงอยู่ชนบทไม่ได้ ต้องไปอยู่ในเมืองที่สกปรก แออัด คนอังกฤษที่ยังรวยไม่ถึงขั้น เช่นพ่อของผม มีเงินเยอะ แต่ก็ยังรวยไม่ถึงขั้น เพราะยังอยู่ในเมือง วัดจากคนที่อยู่ กลางเมืองใหญ่ๆ จะเป็นคนจนที่สุด ที่อยู่ชานเมือง จะเป็นพวกครู ข้าราชการ อะไรแบบนั้น เป็นผู้จัดการ ก็ยังอยู่ในเมือง ส่วนคนที่จะได้อยู่บ้านนอก จะต้องเป็นคนรวย ถึงขั้นจริงๆ เป็นพวกขุนนางใหญ่โต มันเป็นเรื่องแปลก ผมมาอยู่ที่ขอนแก่น เห็นแต่ละคน มีที่ดินเยอะมาก ชาวบ้านธรรมดา คนเดียวมีถึง ๕๐ ไร่ ๒๐๐ กว่าไร่ก็มี พ่อแม่ผมมีแค่ ครึ่งไร่เท่านั้นเอง แต่อยู่บ้านนอกที่นี่ โอ้โฮ..มีเยอะมาก สะอาดด้วย อากาศก็ดี ตอนแรกได้กลิ่น ผมก็ว่ากลิ่นอะไร อ๋อ มันกลิ่นธรรมชาติ ผมไม่เคยดมมาก่อน โอ้สุดยอดเลยบ้านนอก คนอื่นว่าฝรั่งมันบ้า

เพราะเขาไม่คิดว่า ทำไมฝรั่งอยากไปอยู่บ้านนอก เขาคิดว่าฝรั่งมีแต่คนรวย ฝรั่งไม่มีคนยากจน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าฝรั่งส่วนมากลำบาก บ้านก็ไม่มี ที่ดินก็ไม่มี เป็นขี้ข้าเขาหมด ลูกก็ไม่มีอนาคต

222805pljshohl6saa66gp.jpg

ปัญหาของระบบทุนนิยมคือเรื่องเงิน เงินถูกจำกัดเป็นก้อนเล็กๆ คนรวยกวาดเงินไปเยอะ จนเหลือนิดเดียว มันแบ่งกันไม่ลงตัว ทำให้มีคนจนเยอะ ถ้ามีคนรวย ๑ คน จะมีคนจน เป็นร้อยเลย ระบบทุนนิยมจึงอยู่ได้ ปัญหาของคนยากจนคือ ทำยังไง จะมีชีวิตที่ดี เราจะหลุดพ้น จากความยากจนได้ ต้องหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน อันนี้เป็นจุดเด่นของประเทศไทย ชาวบ้านธรรมดา อาจจะไม่มีเงินเยอะ แต่เขาสามารถจะหาหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีคุณค่า มากกว่าเงินตั้งเยอะ

*** แค่อยากหาคำตอบให้ชีวิต

ผมตกลงกับแฟนว่าเราจะไปอยู่บ้านนอก ผมจะไม่รับจ้างสอนภาษาอังกฤษ เขาก็ตกลง แต่ปัญหาคือ ผมทำเกษตรไม่เป็น ช่วงแรกก็ลำบาก ต้องกลับมาแบกอิฐเหมือนเดิม วันละร้อยยี่สิบบาท โอ้โฮ…เหนื่อย เพราะที่อังกฤษ ถึงจะแดดร้อน แต่อากาศเย็น เดินไม่ได้ ต้องวิ่ง ก็อุ่นได้ แต่ขอนแก่นช่วงนั้น เป็นเดือน ๔ อากาศร้อนมาก ๔๐ กว่าองศา บางครั้ง ผมเป็นลม เขาเอาน้ำมาสาด โอ๊ย.! ฝรั่งมันบ้า ทำไม ไม่กลับบ้าน คิดผิดหรือเปล่า ทำไมต้อง มาลำบากขนาดนี้ เขาคิดว่า ผมเป็นฆาตกร ไปฆ่าคนที่อังกฤษ แล้วกลับบ้านไม่ได้ หนีคดีมา ความจริงไม่ใช่ ผมก็แค่อยากหาคำตอบในชีวิต บางเรื่องเท่านั้น อยากหาความสุข ที่เป็นแบบ ยั่งยืนสักหน่อย

บางครั้งก็คิดหนีไปที่อื่นเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่า ถ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้จะไปอยู่ที่ไหน คิดว่า เราต้องหาคำตอบให้ได้ ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวของผมเอง แต่ในภาพรวมที่นี่ดี สิ่งแวดล้อมดี สะอาด ถ้าเรามีลูก เราอยากให้ลูกของเราอยู่ในที่สะอาด อาหารธรรมชาติฟรีๆ ก็มีเยอะมาก ในภาคอีสาน เห็ดแดง หน่อไม้ ไข่มดแดง ดอกกระเจียว ผักอีหรอก แมงคับแมงคาม ขี้กะปอมเยอะ แต่บางคนก็ไม่กินนะ บางคนก็กิน ซึ่งมันดีมากเพราะว่า ๑.สะอาด อาหารธรรมชาติ ไม่มีใครไปใส่ปุ๋ยเคมี ๒.ไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ใช้เงิน ขอให้ขยันเดินไปเก็บ สมัยก่อน ที่อังกฤษ ผมจะเดินแบกอิฐทั้งวัน เมื่อได้เงินแล้ว ก็เอาเงินเกือบทั้งหมดไปซื้ออาหารในร้าน ฝรั่งส่วนมาก ทำงานหนักทุกวัน แต่เงินที่เขาได้ มันเพียงพอที่จะซื้ออาหารกินเท่านั้น ไม่มีเงินเหลือ ฝากธนาคาร

*** นิยามความรวยกับความจน

มันเป็นเรื่องแปลกนะที่ประเทศไทย คนยากจนมีหนี้สินเยอะ ที่อังกฤษมีแต่คนรวย ที่มีหนี้สิน คนจนไม่มีหนี้ เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงิน เนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์ มีหนี้สิน แต่คนรวยยืมเงินได้ คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่

23-10.jpeg

ที่ขอนแก่นเขาว่าผมบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงิน แต่ผมบอกว่า ไม่ใช่ ผมรวยนะ เขาถามว่ารวยได้ยังไง ผมบอกว่า

๑. ผมมีบ้าน ผมทำบ้านเล็กๆ เป็นกระท่อมน้อยๆ เอาหญ้ามามุงหลังคา ชาวบ้านเรียกว่า เถียงนา ไม่ใช่บ้านหรอก ผมบอกว่าใช่ มันบ้านของผม ไม่ใช่บ้านเจ้านาย ราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท อยู่ได้ครับ มันกันแดดกันฝนได้ แค่นั้นผมก็รวยแล้ว

๒. มีที่ดิน แค่ ๖ ไร่เท่านั้นเอง ที่นั่นเขาบอกว่ากระจอก มีนิดเดียว แต่สำหรับฝรั่ง มันเยอะมาก จริงๆ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นพื้นฐานของชีวิต เราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา ไม่ใช่ของเจ้านาย เพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา ถ้าเราไม่มีเงิน เขาก็ไล่เราออก เราไม่มีที่อยู่นะ เพราะฉะนั้น ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อน ซึ่งผมก็มีบ้าน คิดว่าลูกของผม จะต้องมีบ้านแน่ๆ ด้วย เรื่องเกษตรผมทำไม่เก่ง แต่ที่ทำได้ง่ายคือ ปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก แค่ ๒๕-๓๐ ปีตัดได้แล้ว ไม่เหมือนอังกฤษ ๒๐๐ ปีได้เท่านี้เอง เพราะอากาศเย็น เป็นเรื่องแปลก ที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย..มันร้อนๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดี แสงแดดเยอะ จะทำการเกษตรได้ ตลอดเวลา ๑ ปี ทำได้ทุกวัน แต่คนไทยจะบ่นร้อนๆ ไม่เอาๆ อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า แต่คนอังกฤษ เขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน เพราะว่าไม่มีปัญญา จะไปเมืองนอก ซึ่งกลับกันเลย แม้แต่พ่อของผม เขาก็ยังมีเครื่องอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน ให้ดูเป็นแบบคนมีสตางค์ แต่คนไทย กลับอยากมีผิวขาว

*** วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์

ผมมีลูก ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเรา คือ ๑. ต้องมีบ้าน เป็นของตัวเองให้ได้ จึงจะถือว่า ชีวิตประสบความสำเร็จ ๒. ต้องมีงานทำทุกวัน ไม่ได้จำกัดว่า ต้องเป็นงานอะไร แต่ขอให้ มีงานทำทุกวัน ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่า ลูกมีงานทำ คือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็น ผมคิดว่าคนชนบทจริงๆ ใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน เว้นแต่คนขี้เกียจ ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะ แต่ไม่ยอมทำ ถ้าเราสั่งสอน ให้ลูกรู้จักทำมาหากิน เขาก็ไม่ตกงาน ผมถือว่างานที่อิสระ และมีประโยชน์ มากที่สุด คืองานเกษตรซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะ ผมไม่อยาก ให้ลูกของผมอดอาหาร อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย กินอาหาร ที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้ แต่อิ่มทุกวัน เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร ลูกของผม ก็จะรวยที่สุด ผมอยากให้ลูกอยู่บ้านนอก เพราะว่าสะอาด จ้างเท่าไหร่ ก็ไม่อยาก ให้ไปอยู่ ในเมืองหรอกเพราะสกปรก แออัด สำคัญที่สุดคือเรื่องของสังคม ผมไม่อยากให้ลูกไปอยู่ในเมือง เพราะว่า คนเมืองเห็นแก่ตัว วิ่งไปหาเงินอย่างเดียว แข่งขันกันเยอะ เดี๋ยวก็ฆ่ากัน ด่ากันทุกวัน ไม่สงบ อยากให้ลูกอยู่บ้านนอก เขาจะได้สิ่งที่หายากที่สุดในโลก

คนอีสานบ้านนอกเป็นคนดีมากนะ มีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น เอื้ออาทรกัน เกื้อกูลกัน แบ่งปันกัน ไม่แข่งขันกัน ความเป็นชุมชนเป็นสิ่งที่หายากนะ ถ้าเราไปอยู่ในเมือง จะอยู่แบบ ของใครของมัน บ้านคนละหลัง ครอบครัวคนละหลัง ไม่รู้จักกัน ถ้าเราอยู่ในชุมชนเล็กๆ เราก็ช่วยเหลือกันได้ คุยกันได้ แบ่งปันกันได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นคนมีน้ำใจได้

ลูกของผมเขาเป็นคนมีน้ำใจ เขาอาจจะไม่มีเงิน ไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่เขาจะมี สิ่งที่ดีกว่า นั้นเยอะ คือเขาจะมีที่อยู่อาศัย มีชุมชนที่ดี ไม่มียาเสพติด ไม่มีการพนัน ไม่มีอาชญากรรม มันน่าอยู่ ขอให้เราอยู่ในชุมชนที่เป็นแบบนั้น มันก็ดีนะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกก็จะเป็นคนดี ไม่ติดยา ไม่ขี้ขโมย ไม่เล่นไพ่ มีน้ำใจและรู้จักช่วยเหลือคนอื่น ลูกผมเรียน หนังสือไม่เก่ง ปีนี้เขาได้คะแนนเป็นอันดับที่ ๑๙ ในห้องของเขามีนักเรียน ๓๙ คน มันเดินสายกลาง พอดีเลย (หัวเราะ)

แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องอันดับคะแนนหรอก ครูเขาเขียนถึงอุปนิสัยของลูกว่า เป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งผมไม่ได้สอนแบบนั้น ฝรั่งส่วนมากจะเห็นแก่ตัว ผมเคยอยู่ ในสังคม อย่างนั้นมาก่อน มันเปลี่ยนยากครับ ผมจึงไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ แต่มันเป็นที่ชุมชน เป็นวิถีชีวิต ของคนอีสาน ที่เริ่มซึมเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้ลูกอายุแค่ ๘ ขวบเป็นคน มีน้ำใจ ผมถือว่าสุดยอดแล้ว ผมภูมิใจในตัวของลูกมากๆ เรื่องเรียนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่สุดนั้น เป็นความมีน้ำใจ ถ้าเขาสามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดชีวิต ผมคิดว่า เขาคงมีความสุขแน่

*** วิเคราะห์เจาะลึกอีสานบ้านเฮา

ผมเคยบังคับลูกชายคนแรก ตอนอายุประมาณ ๓ ขวบ จับมานั่ง สอนภาษาอังกฤษ เขาก็ร้องไห้ ๆ ไม่เอาๆๆ ผมก็คิดว่า เอ๊ะ..เราน่าจะเลิกทรมานเด็ก ปล่อยให้เขามีความสุข ตั้งแต่วันนั้น ผมบอก จะไม่สอนเขาอีก แต่ถ้าอยากเรียนมาบอกผม จะสอนให้ ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เขายังไม่บอกผมเลย ผมก็มาคิดว่า จะให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร ในหมู่บ้าน ของผมมี ๕๐ ครอบครัว ทุกคนพูดอีสานอย่างเดียว แม้แต่ผมก็ยังพูด แล้วจะให้เขาเรียนภาษาอังกฤษ เพื่ออะไร

สมมุติว่าลูกของผมอยากอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดชีวิต ภาษาอังกฤษก็จะเป็นความรู้ ที่ไม่เป็น ประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ผมเคยเรียกว่า มันเป็นวิชาขี้ข้า เอาไว้รับจ้างเฉยๆ เอาไปหาเงิน คนที่มีความรู้ ภาษาอังกฤษ จะเอาอันนี้แลกกับเงินอย่างเดียว เขาไม่ได้เรียนเพื่อชีวิตของเขา เขาอยากเอาเงิน ไปทำงานสูงๆ หน่อย

ปัญหาของคนอีสานมีมากในเรื่องของการศึกษา คนอีสานส่วนมากไม่อยากให้ลูกเป็นคนอีสาน ไม่อยากให้ลูกเป็นคนบ้านนอก ไม่อยากให้ลูกพูดภาษาอีสาน อยากให้พูดไทย ชาวบ้านส่วนมาก คิดอยากให้ลูกได้ดีในชีวิต คิดว่าสิ่งที่ดีในชีวิตของลูกคือ ๑.ไม่ได้พูดอีสาน พูดแต่ภาษาไทย ๒. พูดภาษาอังกฤษด้วย ๓. เล่นคอมพิวเตอร์ได้ ๔. ไปอยู่ในเมือง ๕. ไปรับจ้างเขา ๖. ไปสร้าง หนี้สิน ไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ ราคา ๒ ล้าน ๓ ล้านบาท เขาคิดว่า อย่างนี้ลูกของเขาได้ดี ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ผมก็อยากให้ลูกของผมได้ดีเหมือนกัน แต่ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ปัจจัย ที่จะช่วยให้เขา ได้ชีวิตที่ดี อาจจะเอาไปแลกเงินในบางช่วงได้ แต่ผมหวังว่า ลูกของผม จะมีความคิด สูงกว่านั้น ชีวิตน่าจะมีไว้เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน ถ้าเขาเรียนรู้ เพื่ออยาก จะหาเงิน อย่างเดียวก็น่าเสียใจนะ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การเรียนรู้ เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ทุกวันตลอดชีวิต เราหยุดเรียนรู้ไม่ได้ แต่เราไม่น่าจะเรียน เพื่อเอาความรู้ เอาปริญญา ไปแลกกับเงิน ทำให้ความรู้ไม่มีคุณค่า

10-82.jpeg

*** จุดอ่อนจุดแข็งของคนไทย

ผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหน ก็คิดว่ารวยหมด คิดว่าการพัฒนา ในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงิน ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนา ระบบทุนนิยม นานแล้ว เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก แต่คนไทยก็คิดว่า เมืองนอก ดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ คือคนไทยสนใจเมืองนอก ไม่ได้สนใจ ประเทศไทย ผมเป็นฝรั่ง คุณเลยนั่งฟังผม ถ้าผมเป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผม อันนี้เป็นจุดอ่อนนะ แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แผ่นดินประเทศไทย อุดมสมบูรณ์มากๆ ที่ดินเยอะมาก น้ำเยอะมาก แสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ เป็นพลังแผ่นดิน ใครๆ ก็อยากได้ประเทศไทย ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่ คนไทยโชคดีมากๆ ที่ได้ในหลวง เป็นผู้นำ พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงาน หนักมาก เพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ ในประเทศอื่น ไม่ค่อยมีแบบนี้ ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง แต่ไม่ยอมปฏิบัติ ตามคำสอนของในหลวง พระองค์ท่าน บอกมา ๒๗ ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทย ก็ไม่รู้จักพอเพียง เอาอย่างเดียว ถึงยกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิต ไม่ได้ทำตามในหลวง ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิด ของในหลวง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ต้องอาศัย พลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียง ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะ เหมือนประเทศไทย

พวกคุณโชคดีที่ได้แผ่นดินดีๆ ได้ผู้นำที่ดีด้วย และเรื่องที่ ๓ เรื่องศาสนา ผมคิดว่าศาสนาพุทธ มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนไทย ไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระ แค่นั้นไม่พอ แต่อยู่ที่การปฏิบัติ ด้วยนะ มักน้อย สันโดษ พอเพียง ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่ายๆ พึ่งตนเองก็ได้ ปรัชญาของ ศาสนาพุทธ ทำได้นะ แต่คนไทยจำนวนน้อยที่เข้าใจ จริงๆ แล้วศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ ออกแบบให้เหมาะสม สำหรับคนบ้านนอก ให้ใช้ชีวิตร่วมกับ ธรรมชาติโดย ไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

7-5.jpeg

*** อยากบอกอะไรคนไทย

คุณโชคดีมากๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมัน จากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิด เรื่องเงินอะไรมาก อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง คนไทยส่วนมาก นิสัยดีจริงๆ คนไทยมีน้ำใจ หายากนะ คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธ ที่ดีมาก ทั้ง ๓ อย่างนี้พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป คือชีวิต ที่มีคุณภาพ ชาวบ้านทุกคนทำได้ ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จ แต่มั่นใจว่าจะทำได้แน่ในอนาคต ถ้าผมทำได้ คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะ ทุกอย่างอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่อยากได้อะไร มากเกินไป ในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย พยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้น อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก พยายามรักษา สิ่งแบบนี้ให้ดี และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป

มาร์ติน วีลเลอร์ หนุ่มอังกฤษปริญญาตรีเกียรตินิยมผันตัวเป็นเกษตรกรไทยยึดหลักพอเพียง

แม้เติบโตจากระบบทุนนิยม แต่แนวคิดกลับแปลกแยกอย่า…

SIAMMANUSSATI.COM

 

 

เศรษฐกิจพอเพียงโดย มาร์ติน วิลเลอร์

 

 

 

กูรู แนวคิดชีวิตพอเพียง มร มาร์ติน วีลเลอร์ ตอน 1 - YouTube

 

===

 

 

 

นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น

 

2 hrs · g_kf1vXYV_O.png

 

 

นิทานเรื่องจริง เรื่อง "เป้าเดิม"

ตอนที่ 6

ปรากฏว่า หม้อตุ๋นรุ่นอาหรับสปริง ส่งผลตรงกันข้าม...Continue reading

 

 

 

 

21314597_1809474229081049_8187203385728097528_n.jpg?oh=fc188a2f3921f8badcb1e01a5549005e&oe=5A13AA77

 

 

ปปง.อายัดเพิ่มที่ดิน บ.อสังหาฯเชียงใหม่ 58 ล. กลุ่ม‘เสี่ยเปี๋ยง’พันคดีข้าวจีทูจีเก๊

อายัดเพิ่มที่ดิน 53 แปลง จ.อ่างทอง 58 ล้าน! ปปง. พบพัวพันฟอกเงินคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีเก๊ ‘ก๊วนเสี่ยเปี๋ยง’ พบ หจก.ดอยคำฮิลล์ไซค์ ถือกรรมสิทธิ์

 

 

 

 

ISRANEWS.ORG|BY สำนักข่าวอิศรา

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พลังความรักเพื่อพ่อ Ep.67 | สถาปัตยกรรม พระเมรุรัชกาลที่9 | 17ก.ค.60

 

 

ในดวงใจนิรันดร์ ตอน งดงามประติมากรรมตกแต่งพระเมรุมาศ 8 ก.ย.60

 

 

RRR2560presentพระเมรุมาศ

 

 

14642215_1076032089132483_973184312614207018_n.jpg?oh=b702fadbc4b0b908a0c70e4b630f8002&oe=5A4ECAD9

 

14570220_1076032082465817_6904710209182248822_n.jpg?oh=97c27b4e410cc85fb9e67a09a2d807ea&oe=5A52EA40

 

 

https://www.facebook...?type=3

 

 

14725600_1076032072465818_3143418392840185303_n.jpg?oh=a9cf3358f6e8b22db9bc62a2bf7e04ef&oe=5A56CA75

ข้าพระบาท Lightning Talk ตอน ภูมิสถาปัตยกรรมแปลงนาข้าว ประกอบพระเมรุมาศในหลวง ร 9 5 09 60

 

 

เจาะลึก ลวดลาย "กระถาง" พระเมรุมาศ จาก

 

 

พระเมรุมาศรัชกาลที่ ๙ ศิลปกรรมชิ้นเอกแห่งจักรวาล

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=haiku&month=20-05-2017&group=41&gblog=1

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

5 September at 19:52 · _Y91QzmaslR.png

เตือนสติกันอีกรอบ: 'พม่ากำลังถูกสงครามการข่าวจากชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกและอเมริกาเล่นงาน':

ขอเตือนท่านที่นำเสนอข่าวกรณีพม่าผ่านสื่อต่างๆ นะครับ พวกท่านจะดูเป็นสื่อที่โง่เง่าเต่าตุ่นล้าหลังถ้าคิดแค่ว่ารัฐบาลทหารพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมากมายอย่างที่สื่อตะวันตกกล่าวอ้าง ตอนนี้ สื่อกระแสหลักจากชาตินักล่าอาณานิคมต่างๆ ต่างพากันเล่นงานพม่ากันเต็มที่ เป็นสงครามการข่าวที่มากพอๆ กับตอนที่อเมริกาจะเริ่มบุกอิรักกันเลยทีเดียว

ผมเขียนมาหลายครั้งแล้วว่า สาเหตุที่แท้จริงมีแค่ ๒ อย่าง:-

อย่างแรกคือบริเวณรัฐยะไข่มีก๊าซและน้ำมัน ซึ่งพวกรัฐบาลเปรตทั้งหลายอยากได้ จึงคิดจะนำประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมาขายเพื่อหาทางเข้าไปพม่า (ดูรายละเอียด https://www.upi.com/Third-gas-discovery-declared-off-the…/…/)

อย่างที่ ๒ คือพม่าเป็นฐานอันสำคัญของจีนในการขยายเส้นทางสายใหม จีนมีแผนการที่จะวางท่อน้ำมันผ่านพม่านับแต่อ่าวเบงกอลในพม่าเรื่อยไปจนถึงเขตมณฑลยูนนานของจีน โดยสถานีน้ำมันที่เบงกอลจะรับต่อมาจากตะวันออกกลาง (ดูภาพประกอบ)

ปัจจุบัน เส้นทางลำเลียงน้ำมันของจีนมาจากช่องแคบมะลักกาซึ่งบรรดาประเทศลูกน้องอเมริกาควบคุมอยู่ ถ้าจีนสามารถวางท่อจากอ่าวเบงกอล เพื่อขนน้ำมันจากตะวันออกกลางเข้าสู่จีนผ่านพม่าและมณฑลยูนนานได้สำเร็จ จีนจะขนน้ำมันเข้าประเทศโดยไม่ผ่านเขตอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา คนจีนก็จะหลั่งใหลเข้าพม่า แล้วพม่าก็จะกลายเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจบนเส้นทางสายใหมของจีน อิทธิพลอเมริการวมทั้งแผนการ Pivot to Asia ก็จะล้มหายไปจากพม่าอย่างสิ้นเชิง

เมืองยะไข่เป็นเมืองทางออกของพม่าสู่มหาสมุทรอินเดียและจีนต้องการให้เป็นเมืองท่าที่สำคัญของโครงการสายใหมใหม่ของจีนด้วย เจตนารมณ์ของอเมริกาคงไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงผู้นำพม่า แต่คงจะอยากหาเรื่องก่อกวน มิให้พม่าร่วมมือกับจีนพัฒนาเศรษฐกิจบนเส้นทางสายใหมใหม่เสียมากกว่า

มีข้อมูลเพิ่มเติม:

หลังจากมีการส่งกลุ่มก่อการร้ายโรฮีนจาไปถล่มค่ายทหารพม่า พอทหารพม่าออกมาปราบ ชาวบ้านโรฮีนจาก็โดนลูกหลง พวกนี้ก็ปั่นกระแสข่าวทั้งจริงและเท็จ ถล่มพม่ากันอย่างสนุกปาก หลายชาติที่เป็นภาคีเครือข่ายนาโต้ออกมาด่าพม่ากันมากมาย ชาตินักล่าอาณานิคมก็สั่งการให้กลุ่มก่อการร้ายโรฮีนจา บุกถล่มหมู่บ้านชาวพุทธที่เมืองยะไข่ ในพม่าตามมาอีกระลอก (https://sputniknews.com/…/201709041057062369-myanmar-islam…/) แต่ไม่มีสื่อกระแสหลักของอเมริกาให้ความสนใจใดๆ เลย หมู่บ้านชาวพุทธในเมืองยะไข่จึงถูกกลุ่มก่อการร้ายโรฮีนจาบุกถล่มไปอย่างเงียบๆ

ท่านคิดว่าอเมริกาเป็นชาติที่ห่วงใยสิทธิมนุษยชนของมุสลิมโรฮีนจาจริงๆ มากขนาดที่จะสั่งให้บรรดาสื่อเล่นงานพม่าในคราวเดียวขนาดนี้เชียวหรือครับ? รัฐบาลอเมริกาเคยห่วงใยประชาชนชาติไหนบ้างละครับบนโลกใบนี้? ขณะนี้ อเมริกาอยากจะส่งทหารเข้าพม่ามากพอๆ กับที่อยากจะส่งทหารไปประจำที่อาฟกานิสถานเพื่อสะกัดอิทธิพลของจีน ไม่ต่างกันเลยครับ

๕ กันยายน ๒๕๖๐

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

*หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น

21462600_1404703636244259_1875328769176089365_n.jpg?oh=0b791d103748caefa3e8934e48c04157&oe=5A5E504E

 

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ shared บีบีซีไทย - BBC Thai's video.

1 hr · _Y91QzmaslR.pngคลิป

คนไทยที่ทำงานให้บีบีซีไทย ชะโงกดูนโยบายรัฐบาลอังกฤษบ้างนะครับ:

บีบีซีภาคภาษาไทย ทำงานโฆษณาชวนเชื่อให้ประเทศชาตินักล่าอาณานิคม เฝ้าโจมตีรัฐบาลพม่าประจำ ล่าสุด เผยค่ายผู้อพยพชาวโรฮีนจาในบางกลาเทศ

ก็สมควรแล้วนี่ครับที่รัฐบาลบางกลาเทศจะดูแล ชาวโรฮีนจาหรือบางบางกลาเทศเหล่านี้อพยพเข้าพม่าอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่ประชากรพม่า แถมมีลูกมีเต้ากันมาก อาหารก็ไม่พอเลี้ยง รัฐบาลพม่าให้อยู่อาศัยในฐานะผู้ลี้ภัยแต่กลับมีกลุ่มก่อการร้ายชาวโรฮีนจา แฝงอยู่ในฝูงชนลักลอบโจมตีทหารและประชาชนพม่าอยู่ประจำ ถ้ารัฐบาลบางกลาเทศรับไปดูแลเลยก็น่าจะดีกว่ารัฐบาลพม่านะครับ

คณะผู้ทำงานบีบีซีไทย น่าจะชะโงกดูนโยบายรัฐบาลอังกฤษบ้างนะครับ กันยายนปีที่แล้ว รัฐบาลอังกฤษอนุมัติเงิน ๑ ล้าน ๙ แสนปอนด์เพื่อสร้างกำแพงสะกัดผู้ลี้ภัยไม่ให้เข้าประเทศ (https://www.theguardian.com/…/uk-immigration-minister-confi…) ถ้ารัฐบาลพม่าไปสร้างกำแพงอย่างนั้นกับชาวโรฮีนจาหรือชาวบางกลาเทศอพยพ ปัญหาไม่เกิดแน่นอน ทหารรัฐบาลพม่าก็จะไม่ต้องไล่ชาวบางกลาเทศเหล่านี้

แน่จริง บีบีซีไทยก็เสนอให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรเปิดประเทศสหราชอาณาจักรรองรับผู้อพยพชาวโรฮีนจาไปเลยสิครับถ้าสงสารประชาชนชาวบางกลาเทศเหล่านี้

๑๓ กันยายน ๒๕๖๐

*หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น

 

21771261_1983844698503227_6333361673784524800_n.jpg?oh=2c7abdf044ec03bf0bf5634a91192d72&oe=5A536F61

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

China Xinhua News added 2 new photos.

1 hr · _Y91QzmaslR.png

เตรียมตัว! นักท่องเที่ยวจีนเล็ง “ไทย” จุดหมายเบอร์หนึ่งช่วงหยุดยาว

เว็บไซต์ซีทริป (Ctrip.com) ผู้ให้บริการด้านการเดินทางของจีนเผยว่า ประเทศไทยจัดเป็นจุดหมายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีน ที่วางแผนเที่ยวต่างประเทศในช่วงหยุดยาววันชาติจีน (National Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ต.ค. นี้

ซีทริประบุว่าการจองบัตรโดยสารเครื่องบินและโรงแรมระหว่างวันที่ 1-10 ต.ค. ได้ปรับเพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในต่างแดนจะแตะหลัก 9-9.5 ล้านคนในช่วงเวลาดังกล่าวของปีนี้

สำหรับประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตัวเลือกแรกเพราะมีการปรับปรุงกฎระเบียบของภาคการท่องเที่ยว อาทิ การปราบปรามกรุ๊ปทัวร์ที่มีการดำเนินงานอันไม่ชอบมาพากล ด้านหน่วยงานของไทยประเมินยอดนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวในไตรมาสสี่ด้วยการเติบโตคาดการณ์กว่า 71 เปอร์เซ็นต์

รายงานเสริมว่าการใช้จ่ายเงินโดยเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจีนน่าจะสูงกว่า 8,000 หยวน (ราวสี่หมื่นบาท) ต่อคนในช่วงหยุดยาววันที่ 1-8 ต.ค. และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงญี่ปุ่น ยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมเช่นเดิม

21731462_1973673869515292_8147379870141173318_o.jpg?oh=75709822ddd628f96b1ec0289ac50c42&oe=5A473CB6

21731523_1973673872848625_3633854575200211320_o.jpg?oh=85d4c40bb0e523c9d5eac50ed1ca6358&oe=5A133C24

จีนสนับสนุนรบ.เมียนมาปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพ

อังคารที่ผ่านมา (12 ก.ย.) เกิ๋งส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเผยว่า จีนสนับสนุนความพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในรัฐยะไข่ของรัฐบาลเมียนมา

“เราขอประณามการโจมตีด้วยความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในรัฐยะไข่ของเมียนมา” เกิ๋งส่วงกล่าว ในขณะที่จีนหวังอย่างจริงใจให้ชีวิตและความเป็นอยู่ฟื้นคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด

เนื่องจากวันนี้ (13 ก.ย.) สหประชาชาติเตรียมประชุมวาระเร่งด่วนว่าด้วยวิกฤตในรัฐยะไข่ เกิ๋งส่วงจึงเสริมว่า ประชาคมโลกควรสนับสนุนเมียนมาซึ่งพยายามปกป้องเสถียรภาพการพัฒนาของชาติ พร้อมเน้นย้ำว่าจีนยินดีที่จะสื่อสารกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในปัญหานี้

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีตำรวจในรัฐยะไข่เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ส่งผลให้เกิดการปะทะจนมีชาวโรฮิงญาในพื้นที่อพยพเข้าสู่บังกลาเทศแล้วกว่า 300,000 ราย

21752180_1973628392853173_2726228383098437930_n.jpg?oh=e2ab6891e2a8f653b9ad50beff4added&oe=5A1B5591

 

Paisal Puechmongkol shared Jammika Suwun's post.

30 mins · _Y91QzmaslR.png

 

19732065_150234208871587_5242579776736652922_n.jpg?oh=5b30842c611306cc70793a811f8014a6&oe=5A15F02B

Jammika Suwun

50 mins ·

_Y91QzmaslR.png

#สนธิแนะก้าวต่อไปของประยุทธ์ต้องใช้คนเป็นเหมือนพลเอกเปรมอย่าฟังแต่คนใกล้ชิดกลุ่มทุน

เช้าวันจันทร์ หลังจากสัปดาห์ก่อนเถ้าแก่สนธิชื่นชมแนวทางที่เปลี่ยนไปของพล.อ.ป...See more

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สิริอรัญญา

แนวหน้า

ในการไปประชุมกลุ่มประเทศ BRICS ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เมืองเซียะเหมิน มณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน เมื่อสัปดาห์แรกของเดือนกันยายนนี้ ได้เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลก

เพราะประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศซึ่งไม่ใช่เป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS และเป็น 1 ใน 10 ประเทศอาเซียนที่ได้รับเชิญ ซึ่งเป็นนัยสำคัญ

ที่บอกกล่าวแก่ชาวโลกให้ต้องจับตามองสนใจ

การไปประชุมครั้งนี้ นอกจากพล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าประชุมร่วมคณะใหญ่ของผู้นำกลุ่ม BRICS แล้ว ยังได้ประชุมทวิภาคีหรือประชุมสองฝ่ายกับผู้นำจีน รัสเซีย และบราซิลด้วย ถือเป็นความสำเร็จในการดำเนินวิเทโศบายของราชอาณาจักรไทยครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

ทำให้ใครบางคนต้องอิจฉาตาร้อนและถึงแม้กลุ่มมวลชนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบั่นทอนการแก้ไขปัญหาชาติของรัฐบาลจะโหมกระหน่ำโจมตีสักเท่าใดก็ไม่อาจลบเลือนกระแสแห่งสัจจะที่ปรากฏไปทั่วโลกได้

เป็นการปรากฏตัวและเข้าร่วมประชุมครั้งแรกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับกลุ่มประเทศ BRICS ซึ่งเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ของทุกทวีปของโลก เป็นกลุ่มประเทศที่มีประชากรรวมกันมากที่สุดในโลก มีพลังทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก และมีแสนยานุภาพเกรียงไกรมากที่สุดในโลกด้วย

จึงเป็นที่คาดหวังได้ว่าหลังกลับจากประชุมครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยได้ทราบสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงใหญ่ของโลก และน่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศ และนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในระยะเวลาจากนี้ไปด้วย

จะได้ปลุกบรรดาผู้ลุ่มหลงอดีตที่ยังลุ่มหลงแบบไม่ลืมหูลืมตา และกำลังก่อความผิดพลาดใหญ่หลวงให้กับชาติบ้านเมือง ได้ลุกตื่นขึ้น เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศไทยของเราได้ก้าวรุดหน้าไปโดยสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วนั้น เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติและเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของราชอาณาจักรไทย

ในการไปประชุมกลุ่ม BRICS ครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องตั้งข้อสังเกตเพื่อให้ได้ตั้งสติกันสองเรื่อง

เรื่องแรก การกล่าวถึงนโยบายประเทศไทย 4.0 แทบไม่ได้รับความสนใจจากชาติใดๆเลย และมีเสียงกระซิบกระซาบด้วยว่าผู้นำกลุ่ม BRICS ได้ยินเรื่องนี้แล้วก็พากันอมยิ้ม เพราะอย่างน้อยในประเทศกลุ่ม BRICS นั้น ได้แก่ รัสเซีย จีน อินเดีย ล้วนแต่เป็นประเทศที่ล้ำหน้ากว่าสิ่งที่เรียกว่า 4.0 ไปมากมาย โดยเฉพาะรัสเซียนั้นเป็นต้นฉบับต้นแบบของหลักคิดในการแบ่งยุคสมัย การพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นแบบระบบคอมพิวเตอร์ คือ 1.0, 2.0, 3.0 และ 4.0 โดยถือเอาปัจจัยการผลิตสำคัญคือถ่านหิน น้ำมัน และดิจิทอลเป็นการแบ่งยุค

และมาถึงวันนี้เขาไปกันไกลแล้ว ไปไกลถึงขั้นที่เชื่อมต่อวิทยาศาสตร์กายภาพกับเทคโนโลยีขั้นสูงสุด ดังเช่นการใช้คลื่นสมองในการสั่งการสมองกลหรือเครื่องจักร หรือระบบสารสนเทศต่างๆ โดยไม่ต้องมีเส้นสายหรือคลื่นอื่นในการเชื่อมต่ออีกต่อไปแล้ว

จึงเป็นเรื่องที่ควรตั้งสติยั้งคิดกัน เพราะถ้าเราก้าวล้ำไปกว่าความเป็นจริงของเราเองก็ดี หรือก้าวไปในสิ่งที่เราไม่มี ไม่รู้และไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ดี ก็จะก่อเกิดจุดอ่อนและความไม่มั่นใจในการขับเคลื่อนนั้น ซึ่งไม่ต้องพูดถึงองค์ประกอบในการขับเคลื่อน ไม่ว่าภาครัฐหรือธุรกิจ ซึ่งก็เห็นๆ กันอยู่

เรื่องที่สอง คำเชิญชวนให้มาลงทุนที่ EEC คือพื้นที่จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ไม่มีเสียงขานรับจากกลุ่ม BRICS ซึ่งสาเหตุสำคัญคือชาวโลกเขารู้ทั่วกันแล้วว่า EEC ของประเทศไทยนั้นถูกจับจองโดยนักธุรกิจญี่ปุ่น ราวกับเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นไปแล้ว หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง! และอาจเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจที่คับแคบ คือมีประชากรเกี่ยวข้องอย่างมากก็แค่ 17 ล้านคนเท่านั้น

ดังนั้นจึงสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของผู้บริหาร AIIB หรือธนาคารเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย ที่แสดงความห่วงใยว่าจะเป็นการลงทุนที่เกินกำลังของประเทศไทยที่จะตัดรอนการพัฒนาด้านอื่นๆ และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศจนหมดสิ้น และได้ผลไม่คุ้มค่า

สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่ว่า ประเทศไทยเหลือช่องว่างที่จะสามารถกู้ยืมเงินได้เพียงร้อยละ 20 ของ GDP หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาทเท่านั้น ก็จะเต็มเพดานสูงสุด หากทุ่มเงิน 2 ล้านล้านบาท ไปที่ EEC แล้ว กิจการอื่นๆทั่วประเทศ และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ก็จะไม่สามารถพัฒนาในเรื่องอื่นๆ และพื้นที่อื่นๆได้อีกต่อไป ที่สำคัญคือการทุ่มเงินเพื่อพัฒนาสามจังหวัดนี้เพื่อประชาชาติไทยทั้งผอง หรือเพื่อใครกันแน่?

เสียงจิ้งจกตุ๊กแกทักยังต้องฟัง นี่เป็นเสียงสถาบันการเงินที่มีพลังทางการเงินยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเขาตั้งความห่วงใยมา แล้วจะไม่ฟังกันบ้างหรืออย่างไร!

นั่นเป็นสองเรื่องที่ควรได้ตั้งสติยั้งคิดกันว่าเป็นจริงดังที่มีการตั้งข้อสังเกตไว้หรือไม่? อย่าได้ถือว่านี่เป็นการคัดค้านแบบไร้เหตุผลหรือด้วยความประสงค์ร้าย อันเป็นวิสัยของผู้มีอำนาจกันเลย ขอให้มองกันด้วยแง่ดีและเจตนาดีก็จะได้รับประโยชน์จากสิ่งที่มีการท้วงติงนั้น

มีเรื่องอีกสองเรื่องที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพราะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์แห่งชาติโดยตรง และเกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศชาติโดยตรงด้วย

เรื่องแรก เป็นการหารือร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ผู้นำจีน ซึ่งประธานสี จิ้น ผิง ได้กล่าวชนิดที่ต้องคิดให้ลึก นั่นคือคำกล่าวที่ว่าจีนเคารพต่อเส้นทางพัฒนาของประเทศไทยที่ไทยเห็นว่าสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศไทย แต่จีนก็หวังว่าประเทศไทยจะร่วมมือกันกับนานาชาติในการเข้าร่วมพัฒนาตามโครงการเส้นทางสายไหม ซึ่งนานาชาติกำลังขับเคลื่อนกันอย่างคึกคักบนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกัน

คำพูดแบบจีนนี้ต้องแปลเป็นไทย และแปลได้ว่าไม่ว่าประเทศไทยจะพัฒนาไปทางไหน จะส่งผลประการใดก็เป็นเรื่องของประเทศไทย ซึ่งจีนจะให้ความเคารพไม่ยุ่งเกี่ยวแทรกแซง ซึ่งที่ร่วมมือรถไฟไทย-จีนนั้น จีนย่อมรู้เป็นอันดีว่าเป็นอย่างไร และเกิดอะไรขึ้น

เพราะจากข้อตกลงทำรถไฟสามสายทางมูลค่าเกือบ 700,000 ล้านบาทใช้เวลาเจรจากันสามปีก็ยังไม่ไปถึงไหน มีการลงนามในสัญญากันในครั้งนี้ก็เป็นแค่สัญญาจ้างออกแบบและควบคุมงานวงเงินแค่ 3,000 ล้านบาทเศษเท่านั้น

จีนจึงตั้งความหวังว่าประเทศไทยจะเข้าร่วมพัฒนาโครงการเส้นทางสายไหมเช่นเดียวกับนานาชาติที่กำลังขับเคลื่อนกันอย่างคึกคักเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของมวลมนุษย์

ความอันเจรจากันนี้ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะดำเนินการกันอย่างไรต่อไป เพราะดูกระบวนท่าที่ร่ายรำเรื่องเพลงรถไฟแล้ว ให้หวั่นใจว่าจะไม่ราบรื่น

เรียบร้อยดังที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยเจรจาหารือกับผู้นำจีนเอาไว้

ก็คอยดูกันต่อไปว่าเมื่อใดจะลงมือก่อสร้างได้ เพราะถ้าเอาเรื่องกำหนดเวลาก่อสร้างมาเรียงกันดูก็เลื่อนมาไม่น้อยกว่า 7 ครั้งแล้ว

เรื่องที่สอง คือคำเชิญชวนของประธานสี จิ้น ผิง ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังว่าจีนตั้งความหวังว่าประเทศไทยจะร่วมมือในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ร่วมกันของอนุภูมิภาคนี้ และนายกรัฐมนตรีได้ตอบรับคำเชิญนี้อย่างแข็งขันด้วย

ความจริงอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงนั้น ประกอบด้วยประเทศ 6 ประเทศ คือ จีน พม่า ไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา โดยประเทศจีนตั้งอยู่ต้นน้ำ ไทย พม่า อยู่คอน้ำ ลาวและเวียดนามอยู่กลางน้ำ ส่วนกัมพูชาอยู่ปลายน้ำ โดยกระแสน้ำไหลจากจีนลงมาที่กัมพูชาและออกสู่ทะเล

ประชากรของ 6 ประเทศนี้มีจำนวนถึง 2,200 ล้านคน เป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดและมีพลังมากที่สุดของเอเชียอาคเนย์ โดยได้มีการจัดตั้งกลุ่มสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขงขึ้นเรียบร้อยมานานแล้ว และล่าสุดผู้นำของ 6 ประเทศภาคีสมาชิกก็ได้ทำความตกลงร่วมกันที่จะพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ยกระดับให้เป็นแม่น้ำแห่งการท่องเที่ยวและการค้าขาย ตลอดจนการลงทุนของประชากร 2,200 ล้านคน มากกว่าประชากรที่เชื่อมต่อกับ EEC กว่า 150 เท่า

ที่สำคัญ ประเทศไทยได้เปรียบประเทศอื่นมาก เพราะเป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคและอยู่ใกล้ชิดส่วนกลางที่สุดของลุ่มแม่น้ำโขง มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงยาวมาก และพื้นที่ประเทศไทยก็ได้พัฒนาแล้ว มีความพร้อมที่จะขยายตัวทุกด้าน

ทว่าน่าเสียดายนัก เราเป็นประเทศเดียวที่บิดพลิ้วไม่ทำตามข้อตกลงที่ลงนามกันไว้ล่าสุด และยังปล่อยให้เอ็นจีโอลิ่วล้อต่างชาติเคลื่อนไหวคัดค้าน จึงทำให้ประเทศไทยถูกตัดขาดออกจากการพัฒนา ซึ่งหากการพัฒนาสิ้นสุดลงเมื่อใด ประเทศไทยก็จะตกหล่นและยากจะเข้าร่วมการพัฒนาได้อีกต่อไป

เรื่องดีๆ เช่นนี้เป็นเรื่องที่ต้องรีบทำ และต้องมอบหมายผู้ที่มีความปรีชาสามารถรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองให้ทำการเรื่องนี้จึงจะสำเร็จ มิฉะนั้นก็ได้แต่จะใช้เรือหางยาววิ่งข้ามแม่น้ำโขงและต้องอาศัยจมูกประเทศอื่นในการค้าขายดังที่เป็นอยู่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น's post.

14 hrs · _Y91QzmaslR.png

 

21457969_1809489975746141_1898226328143242292_o.jpg?oh=9121534614ed509436f4dabc3c5498aa&oe=5A5761EB

นิทานเรื่องจริง เรื่อง "เป้าเดิม"

ตอนที่ 9

(1)...Continue reading

21318849_1809487125746426_8344051453481331850_o.jpg?oh=cf7d8987e17e6fd88b10bfcbd54884a8&oe=5A59FCAD

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใกล้เข้ามาแล้ว

น้อมส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีไหว้ครูนาฏดุริยางคศิลป์ ก่อนการแสดงมหรสพ เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

วันนี้ (14 ก.ย.2560) ที่โรงละครแห่งชาติ เวลา 09.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีไหว้ครูนาฏดุริยางคศิลป์ ก่อนการแสดงมหรสพเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และบรรดาศิลปิน ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าฯ รับเสด็จ

ในการนี้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาครู ทรงพระสุหร่าย ทรงโปรยข้าวตอกดอกไม้ที่เครื่องดนตรีไทยและทรงวางพวงมาลัยที่หน้าตะโพน ทรงปักธูปหางที่เครื่องสังเวย จากนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กราบบังคมทูลรายงานและขอพระราชทานพระราชานุญาตเบิกนายสมบัติ แก้วสุจริต ผู้ประกอบพิธีไหว้ครู โดยมีนายสมรัตน์ ทองแท้ และนายสมเจตน์ ภู่นา เป็นผู้ช่วยประกอบพิธีไหว้ครู ในครั้งนี้ได้กำหนดรำถวายมือ หรือการรำเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ 2 เพลง คือ เพลงช้า – เพลงเร็ว (ฝ่ายละคร) 5 คู่ และเพลงเสมอข้ามสมุทร (ฝ่ายโขน)

พิธีไหว้ครูนาฏดุริยางคศิลป์ ถือเป็นพิธีสำคัญยิ่งของศิลปินที่จัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคล สร้างขวัญกำลังใจ รวมทั้งขจัดปัดเป่าอุปสรรคทั้งปวงแก่บรรดาศิลปินและผู้ปฏิบัติงาน ให้สามารถดำเนินงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี อีกทั้งเป็นการแสดงถึงความกตัญญูของศิษย์ที่มีต่อครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้สืบทอดกันมาแต่โบราณ

สำหรับการแสดงมหรสพสมโภชเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีผู้แสดง ผู้บรรเลง และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,000 คน จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ สถาบันมูลนิธิกัลยาณิวัฒนา วงดนตรี อ.ส.วันศุกร์ วงสหายพัฒนา โรงเรียนราชินี กรมดุริยางค์ทหารบก กองดุริยางค์ทหารเรือ กองดุริยางค์ทหารอากาศ กองสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ C.U. Band แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอบพระคุณ thaipbs

21761760_1919637974957020_1902234896971744142_n.jpg?oh=12c0790528cf53bd02c70f3f0d7fdd65&oe=5A5E60C3

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...