ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

...เกี่ยวกับ..มะเร็ง

โพสต์แนะนำ

!thk ขอบคุณคุณมดแดง กับคุณหมอเล็กมากๆ นะค่ะ เรื่องจิงจูฉ่าย เพิ่งจะเข้ามาอ่านค่ะ แล้วในกรุงเทพ จะหาซื้อได้ที่ไหนค่ะ

รบกวนคุณมดแดง ว่างๆ นำความรู้เกี่ยวกับมะเร็งมาลงบ่อยๆ นะค่ะ ถ้าว่างจะเข้ามาอ่านค่ะ ขอบคุณมากค่ะ :D

 

 

 

 

 

มะเร็ง..โรคร้าย รักษาด้วยอาหารบำบัด

 

 

หลายคนพอรู้ตัวว่าเป็น “มะเร็งระยะสุดท้าย” อยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ตาย เพราะรับรู้ได้ถึงเงาของมัจจุราชที่ยืนอยู่ใกล้ร่างเต็มที จากร่างที่เคยมีแรง กลับทรุดตัวลง เหมือนคนไร้วิญญาณไปชั่วขณะ ผวา หวาดกลัว สมอง ณ ห้วงเวลานั้น สร้างภาพความคิดสลับขึ้นมามากมาย “เราจะตายหรือเปล่า” “ไม่ตายสิ มันไม่จริง” “หมอตรวจผิดหรือเปล่า” “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกช้างด้วย” “ถ้าเป็นมะเร็งจริง จะมีทางรักษามั้ยเนี่ย” “โอ๊ย...เครียด” ??

 

ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นลงซ้ำซาก เวียนวนนึกคิดอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนจิตไม่ปกติ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ส่งผลให้สภาพจิต และสภาพกายแย่ลงทุกวัน แย่จนไม่อยากทนความเจ็บปวด และทนทรมานกับโรคร้ายที่เป็นอยู่ได้อีกต่อไป

 

นพ.สำราญ อาบสุวรรณ อายุ 58 ปี หนึ่งในผู้ป่วยที่เคยตรวจพบมะเร็ง เมื่อปี พ.ศ.2546 โดยตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งเชื้อดังกล่าวได้ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง และกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเกือบทุกส่วนแล้ว จนหมอต้องบอกว่า สามารถยื้อชีวิตได้เพียง 3-4 เดือนเท่านั้น

“ขณะนั้นผมอายุ 54 ปี หลังได้ยินประโยคคำพูดของหมอ บอกตามตรงว่าหัวใจเต้นถี่ และแรงมาก จากร่างกายที่เคยเป็นคนแข็งแรง กลับต้องมาทรุดตัวลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงหวนคิดกับตัวเองว่า เราเป็นมะเร็งได้อย่างไร เพราะตรวจสุขภาพ กินอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด” นพ.สำราญ เผยถึงความรู้สึก

ก่อนจะไปพบหมอ นพ.สำราญ เล่าอาการว่า จะเจ็บชายโครงด้านขวา หอบเหนื่อยผิดปกติ หลังจากวินิจฉัยแล้ว พบก้อนที่ปอดข้างขวา มีน้ำท่วมปอด 200 ซี.ซี. เชื้อมะเร็งลุกลามไปยังเยื้อหุ้มปอด ต่อมขั้วปอด กระดูกซี่โครงที่ 7 กระดูกไขสันหลังที่ 5 กระดูกสะบัก 2 ข้าง ต่อมหมวกไตข้างขวา และไหปลาร้า 2 ข้าง ถูกมะเร็งกินหมด หมอบอกว่า อยู่ได้อย่างมาก 4 เดือน ตอนนั้นคิดมาก หัวใจหดหู่จนไม่อยากทำอะไร แม้กระทั่งข้าวก็ไม่อยากกิน

 

หลายปีผ่านไป นพ.สำราญ ได้ย้อนนึกถึงน้องสาวที่เคยป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเหมือนกัน แต่กลับรักษาหายได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงขอคำแนะนำ และพบว่า เธอใช้การแพทย์แบบผสมผสาน หรือแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นการรักษาพยาบาลอีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างไปจากแพทย์แผนปัจจุบัน เน้นการรักษาตามธรรมชาติแทนการใช้ยาเคมี เช่น เลือกสรรอาหาร พืชผัก สมุนไพร ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายเสริมสร้างสุขภาพ การพักผ่อน การฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจเหล่านี้ ล้วนเป็นวิถีเพื่อสุขภาพที่ประหยัดตามแนวรักษาแบบธรรมชาติ เพื่อสร้างเสริมภูมิชีวิต และภูมิต้านทานต่อโรคที่แข็งแรง

 

“ผมใช้แพทย์ทางเลือกแนวธรรมชาติบำบัดควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน 2 เดือน ก้อนมะเร็งยุบไป 20% ให้ยาเคมี 6 ชุด จนกระทั่ง 9-10 เดือน หลังให้เคมีบำบัดก้อนยุบไปหมด จากนั้นจึงใช้แพทย์ทางเลือก โดยใช้หลักของ เกอร์สัน เทอราปี (อาหารบำบัดรักษามะเร็ง) ในการดูแลตัวเองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ผมอยากจะบอกคนที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง อย่าคิดในกรอบ ให้คิดนอกกรอบ เพราะมะเร็งคือโรคที่หายโดยเรา 50% หมอ 50% ด้วยการปรับวิถีการกิน เลือกอาหารสุขภาพ เช่น ผัก และผลไม้ มีการล้างพิษ หรือทำดีท็อกซ์บ้าง เป็นต้น” นพ.สำราญ แนะนำพร้อมเผยวิธีการดูแลตัวเอง

 

นอกจากนี้ นพ.สำราญ ยังให้ความรู้เสริมว่า ปกติร่างกายของมนุษย์ทุกคน จะมีเซลล์ที่กลายพันธุ์ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งกระจัดกระจายอยู่ตามเนื้อเยื่อตามอวัยวะของร่าง กายอยู่แล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่า ทุกหนึ่งวินาที จะมีเซลล์มะเร็งแตกตัวออกมาประมาณ 1,000-10,000 เซลล์ แต่ทั้งนี้ ปัจจัยเร่งให้เกิดเซลล์มะเร็ง ส่วนหนึ่งมาจากยีนมะเร็งที่ได้รับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ของพ่อแม่คิดร้อย ละ 5 ส่วนพฤติกรรม และวิถีชีวิตจากสิ่งแวดล้อม ก็เป็นเหตุปัจจัยหลักถึง 90-95% ของการเกิดเซลล์มะเร็ง เช่น การกินอาหาร วิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุ น้ำ อากาศที่ไม่บริสุทธิ์ สารพิษ สารเคมี ยาสังเคราะห์ สารอนุมูลอิสระ ระบบภูมิคุ้มกัน ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ เคร่งเครียด หรือแม้กระทั่งขาดการสะสมบุญ ล้วนมีอิทธิพลต่อการเกิด “โรคมะเร็ง” ได้ทั้งสิ้น

 

ข้อมูล : ผู้จัดการออนไลน์

 

http://www.meedee.net/magazine/med/foods-security/383

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอเล็ก จะนำไปบอกเพื่อนค่ะ

 

post-21-065643600 1308668658.jpg

 

จิงจูฉ่าย

 

รายละเอียด

ราคาไม่รวมค่าขนส่ง จัดส่งได้หากมีปริมาณเยอะกว่า 100 ต้นต่อรองราคาได้คะ ที่เบอร์ 081-4721704

 

ดอกแก้วเมืองจีน, จิงจูฉ่าย (SAGE BRUSH) อยู่ในวงศ์ COMPOSITAE (ASTERACEAE)

Family ชื่อพฤกษศาสตร์ (Botanical name) Habit ชื่อสามัญไทย

COMPOSITAE Artemisia lactiflora Wall. ex Bess. var. genuina Pampan ExH ดอกแก้วเมืองจีน

ที่มา : สารบัญหนังสือ "ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย” ศ.ดร.เต็ม สมิตินันทน์

 

จิงจูฉ่าย คือชื่อของผักของจีนชนิดหนึ่งส่วนมากนิยมนำไปใส่ในเกาเหลาเลือดหมูเพราะช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้และ ก็มีสรรพคุณทางสมุนไพร

จิงจูฉ่าย เป็นหนึ่งในผลผลิตดอยคำในหมวดสมุนไพร ของมูลนิธีโครงการหลวง ที่มีผลผลิตตลอดทั้งปี

จิงจูฉ่าย เป็นผัดชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอม แพทย์จีนเชื่อกันว่าเป็นยาเย็นและช่วยแก้ไข้ได้ นอกจากนี้ ความเย็นของจิงจูฉ่าย ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด ทำให้เลือดอุ่นและไหลเวียนได้ดี คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว (ที่มา: นิตยสาร HEALTH & CUISINE ฉบับที่ 38 ประจำเดือน มีนาคม 2547)

 

http://nanagarden.com/%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B9%E0%B8%89%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-100596-4.html

 

 

 

ต้านมะเร็งด้วยอาหารบำบัดธรรมชาติ

 

 

 

พ่อเลี้ยง วรรณ พิมพนิช เจ้าของรวมเกษตรฟาร์ม เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่กระดูกสันหลัง คุณหมอทั้งไทยและเยอรมัน ไม่รับรองว่า จะรักษาหาย จึงไปทำการรักษาที่เกาหลีเหนือ เป็นเวลา 1 เดือน ก็หายจากโรค กลับมาเมืองไทย จึงตั้งเป็นมูลนิธิวรรณ รับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ฟรี!

จิตใจต้องสู้ งดเว้นอาหารประเภทเนื้อสัตว์

 

วงจร ชีวิต ของมะเร็งในร่างกาย

 

1. โปรตีน ขยายเผ่าพันธุ์

2. ไขมัน สร้างเนื้อร้ายให้โตขึ้น

3. เกลือโซเดียม เกาะกำบัง ยึดติดแน่น

 

ผู้เป็นมะเร็ง ต้องตัดวงจร ของมันให้เด็ดขาดให้มันฝ่อ งดสิ่งเหล่านี้

 

* โปรตีน มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทุกชนิด อาหารที่ทำจากสัตว์ทุกชนิด เช่น นม ไข่ น้ำมันหอย น้ำปลา กะปิ แบรนด์รังนก ฯลฯ ก่อนรับประทาน ต้องพิจารณา วิเคราะห์ก่อนว่ามาจากเนื้อสัตว์หรือเปล่า

* ไขมัน จากสัตว์ พืช ของทอด ผัด ของมันๆ

* เกลือ โซเดียม เกลือ และ ที่ผสมอยู่ในอาหารต่างๆ

* อาหารรสจัด รสเค็ม รสหวาน อาหารมันมะเร็งชอบต้องงด

* ผลไม้ คือ สับประรด

* โปรตีนในพืชบางชนิดมีมากเช่น ถั่วต่างๆ งาดำ ควรงด

 

ทำน้ำซุปโปรตัสเซียมแทนเกลือ ไว้ในตู้เย็น

 

1. กระหล่ำปลี

2. มะเขือเทศ

3. ผักกาดขาว

4. มันฝรั่ง

5. ข้าวโพดหวาน

 

นำทั้ง 5 อย่างต้มกับน้ำเปล่า ตุ๋นจนสุก ตักพืชออก พอเย็นตักน้ำซุปใส่ถุงหรือภาชนะแช่ช่องแข็งในตู้เย็น แบ่งออกมาทำอาหารต่างๆแทนเกลือ

ผู้เป็นมะเร็งต้องการมาก

 

1. วิตามินซี มีในพืช ผัก ผลไม้สดๆ

2. เบต้าแคโรทีน พืชผักสีเขียว สีส้ม ยอดแค มีมากๆ

3. เซราเนียม มีใน หอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม ฯ

 

เพิ่มเม็ดเลือดขาวให้กับผู้เป็นมะเร็งสู้กับเชื้อโรค

1. ใบมะยม 1 กรัม

2. ใบมะขามเปรี้ยว 1 กรัม (ประมาณ 1 กำมือ)

 

ตำบดรวมบีบน้ำออกมาดื่มสดๆ จะเพิ่ม เม็ดเลือด ขาวประมาณ 4000 หน่วยเพิ่มขึ้นในร่างกายต่อวัน

 

 

การปฏบัติตัวทำให้สม่ำเสมอจะดีมากๆ

 

1. ออกกำลังกาย

2. อาบน้ำอุ่นจัด สลับ น้ำเย็นจัด ราดน้ำจากหัวลงมา น้ำละ ประมาณ 2 นาที รวมประมาณ 10นาที หรือมากกว่า

3. อ้าปาก หลับตารับแสงตะวัน (กินแดด) และอาบแดด ตอนเช้าๆประมาณ 20 นาที

4. แช่ตัวในแม่น้ำ น้ำที่ไหลธรรมชาติจะนวดตัว สม่ำเสมอ ประมาณ 30 นาที

 

(คนปรกติหรือคนป่วยโรคอื่นๆ ถ้าได้ปฏิบัติใน 4ข้อนี้ สุขภาพดีแน่ๆ)

พืช 15ชนิด(ผักใช้ชนิดใกล้เคียงแทนได้)

 

1. ข้าวกล้อง

2. ข้าวดอย

3. ข้าวบาร์เล่ย์

4. ข้าวสาลี

5. เมล็ดเดือย

6. หอมใหญ่

7. หอมแดง

8. กระเทียม

9. ถั่วพลู

10. ยอดแค

11. ข้าวโพดหวาน

12. มันเทศ

13. คะน้า

14. กวางตุ้ง

15. บล็อดเคอรี่

 

* จะหุง ต้ม ลวก ยำ นึ่ง แยกชนิด แล้วแต่สะดวกที่จะหาวิธีทำอาหาร ขอให้รสชาดธรรมชาติที่สุด พืชผัก ผลไม้ชนิดอื่นๆก็ทานตามปรกติ ต้องปลอดสารพิษ

* 15 ขุนพล ที่ใช้รักษามะเร็งและโรคที่ไม่ใช่โรคติดต่อได้ด้วย แต่ต้องงดเนื้อสัตว์ทุกชนิด อาหารที่มีส่วนผสมจากสัตว์เด็ดขาด

 

ผู้เขียนขอแนะนำ

 

* ข้าว 5 ชนิด ซาวน้ำทิ้งหรือไป รดต้นไม้ ข้าวแช่น้ำ แค่พอท่วมเมล็ดข้าว แช่นานๆหรือแช่ก่อนนอน เช้ามาคนแล้วเติมน้ำปริมาณปรกติเหมือนหุงข้าวขาว (ข้าวจะไม่แฉะ) ห้ามทิ้งน้ำที่แช่ ใช้น้ำที่แช่หุงเลยเพราะมีสารอาหารเพิ่มขึ้นมากมาย จากการที่แช่ไว้นานๆ รับประทานได้ทุกคนมีประโยชน์กับร่างกายมากๆ

 

ผู้ป่วยเป็นมะเร็งแนะนำ

 

* ให้ปั่นพืชทั้งหมดหรือบางชนิดผสมในน้ำหุงข้าว หรือนำพืชทั้ง 15 ชนิด ต้มแล้วนำมาปั่น 1 ถ้วย เป็นซุป ตักทานแบบอุ่นๆ โดยใส่น้ำซุปโปรตัสเซียมผสมลงไปด้วย รับประทานได้ 3 มื้อ

* ผู้เป็นมะเร็งตับเพิ่ม หอมแดง 5 หัว / กระเทียม 2 หัว / ข่าอ่อน 2 แว่น / ขิง 2 แว่น / กระชาย 2 ราก / มะนาว พอประมาณ ทั้ง 6 อย่าง จะตำ บด ปั่น แล้วแต่สะดวก คั้นบีบน้ำออกมา แล้วดื่มสดๆ ทันที

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิวรรณ 3/681 ประชานิเวศน์ ถนนนิมิตรเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900โทร.084-3545552 หรือ 086-7886222

 

 

 

 

เรื่องโดย : พ่อเลี้ยง วรรณ พิมพนิช

 

ที่มา : อนิตยสาร Young@Heart สำนักพิมพ์ขวัญข้าว

 

http://www.youngheartonline.com/

 

 

http://www.meedee.net/magazine/med

 

 

 

ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง

 

ผลงานวิจัยในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกา ตีพิมพ์ผลงานของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐอเมริกาว่า ข้าวโพดหวานที่ต้มสุกแล้ว จะมีฤทธิ์ในการล้างพิษภายในร่างกายได้สูงกว่าปกติ

 

ในข้าวโพดหวานตามธรรมชาติ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อยู่ และมีตัวที่สำคัญคือ กรดเฟรุลิก (Felrulic Acid) จึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ (aging) ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลต (จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้)

 

จากผลการวิจัยพบว่า การต้มข้าวโพดที่ 115 องศาเซลเซียส มีผลดังนี้

เวลาที่ใช้ในการต้ม ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ ปริมาณของกรดเฟรุลิก

10 นาที เพิ่มขึ้น 22% เพิ่มขึ้น 240%

25 นาที เพิ่มขึ้น 44% เพิ่มขึ้น 550%

50 นาที เพิ่มขึ้น 53% เพิ่มขึ้น 900%

ทำให้สรุปได้ว่า ข้าวโพดหวานที่ผ่านการต้มหรือปิ้ง

มีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ และกรดเฟรุลิก

ซึ่งมีประโยชน์สำหรับร่างกายเพิ่มมากขึ้น

เมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเป็นเวลานานขึ้น

แต่จะสูญเสียวิตามินบางตัว เช่น วิตามินซี ไปบ้าง

อย่างไรก็ตามข้าวโพดก็ไม่ใช่แหล่งที่ดีสำหรับ

วิตามินซีอยู่แล้ว

 

 

ที่มา : นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 31 ฉบับที่ 6 เดือนกรกฎาคม 2550, http://www.redcross.or.th/pr, หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับ วันอังคารที่ 8 เมษายน 2546, หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับ วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2545

 

รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด

Thailand Web Stat

 

 

จากมี่คุณหมอเล็ก นำมาแปะ ต้นจิงจูฉ่าย

 

 

ไปเจอมาค่ะ เผื่อใครอยากได้

 

 

http://www.nanagarden.com/%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B9%E0%B8%89%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%28caladium-angle-of-wings%29-18040%5E1-2.html

 

post-21-058734800%201309623782.jpg

 

 

post-21-011159800%201309623793.jpg

 

 

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่ กทม. ตลาดบางรักมีแน่นอนครับ

ผมเลือกกิ่งแก่เอาไปชำเริ่มขึ้นแล้วครับlaugh.gif

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับคำแนะนำผม

 

- จะเป็นมะเร็งที่ไหนก็แล้วแต่ นั่นไม่ใช่จุดที่คุณต้องไปทำอะไรมัน เพราะมันเป็นแค่ปลายเหตุ

- อย่าไปผ่าเอาอะไรออกไป อย่าไปฉายแสง อย่าไปคีโม เพราะเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน แถมทำให้ร่างกายเสียสมดุล อ่อนแอลง สู้มะเร็งยากขึ้น มะเร็งตายแน่ เมื่อโดนพวกนี้ แต่ลองคิดดู เมื่อตรงที่ตัดหรือคีโมหรือฉายแสงทำลายไป มันแค่ปลายทาง ไม่ใช่ต้นทาง อะไรจะเกิดขึ้น ร่างกายเราจะฟื้นฟูกลับมาก่อน หรือมะเร็งจะกลับมาก่อน

- อย่าหวังพึ่งหมอพึ่งยา เพราะคนที่จะทำให้หาย คือตัวเราเอง ที่จะต้องเลือกที่จะเลิกการกิน เลิกพฤติกรรมเดิมๆของตนเองแบบทำร้ายตัวเอง ที่ก่อมะเร็งขึ้น

- ต้องเชื่อมั่นว่า มะเร็งแก้ไขไม่ยาก ไม่ต้องเสียเงินเยอะแยะ แต่ต้องออกแรงสู้กับมันหน่อย ด้วยตนเอง และด้วยอาวุธ คือใจตัวเอง ที่จะต้องตัดกิเลส จากการติดของกิน ติดพฤติกรรม กิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ ที่ก่อมะเร็ง

 

เท่าที่สัมผัสคนที่หายจากมะเร็งได้ เลิกกินเนื้อสัตว์ ทานผักเป็นหลักทั้งนั้น อย่างน้อย ก็รู้แน่ๆว่า อาหาร คือตัวก่อมะเร็ง และนั่น คือคำตอบในการรักษาด้วย

 

อันนี้ลอกมาจากเวปอื่น ข้อมูลแนวเดียวกับที่หมอเขียวแนะนำไว้เช่นกัน ไม่แน่ใจว่า ข้อมูลนี้ จะหาได้จาก เวป จอห์น ฮอปคินส์หรือไม่ ใครเก่งภาษาอังกฤษ ช่วยไปคุ้ยมา confirm หน่อย จะขอบคุณมาก rolleyes.gif

 

http://board.palungj...%8C-211267.html

 

อัพเดทเรื่องมะเร็ง จาก จอห์น ฮอปคินส์

 

 

เรื่องนี้อาจช่วยรักษาชีวิตของคุณ หรือ ชีวิตของใครสักคนที่คุณรัก หลังจากหลายปีที่ใครๆ ก็บอกว่า การบำบัดเคมี เป็นหนทางเดียวที่จะลองทำได้ ในการกำจัดมะเร็ง (ลอง เป็น คีย์เวิร์ด) ในที่สุด จอห์น ฮอปคินส์ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงทางเลือกอื่น

 

ทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย แต่เซลล์มะเร็งเหล่านี้จะปรากฏให้เห็น เมื่อตรวจดูด้วยวิธีตรวจขั้นพื้นฐาน ก็ต่อเมื่อมันได้เจริญเป็นพันล้านเซลล์ เมื่อหมอบอกผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังการรักษาว่า ไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ นั่นแค่หมายความว่า การตรวจไม่สามารถตรวจเจอเซลล์มะเร็ง เพราะว่าจำนวนเซลล์มะเร็งยังไม่มากถึงระดับที่จะตรวจเจอได้

 

ในร่างกายคนในช่วงชีวิตหนึ่ง เซลล์มะเร็งก่อตัวได้มากถึง 6 ถึง 10 ครั้ง

ถ้าระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เซลล์มะเร็งจะถูกทำลาย หรือไม่สามารถแบ่งตัว และทำให้ไม่เกิดเป็นเนื้องอก

 

คนที่เป็นมะเร็ง แสดงให้เห็นว่าคนนั้นขาดสารอาหาร ซึ่งอาจเป็นเพราะปัจจัยทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม อาหาร และวิถีดำเนินชีวิต

 

การแก้ปัญหาการขาดสารอาหาร ทำได้โดยการเปลี่ยนอาหารการกิน และทานอาหารเสริม เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง

การบำบัดเคมีนั้นไม่เพียงแต่ทำลายเซลล์มะเร็ง แต่ยังทำลายเซลล์ดีที่เติบโตเร็วในไขกระดูก อวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งทำให้อวัยวะ เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ถูกทำลาย

ในขณะที่รังสีทำลายเซลล์มะเร็ง ก็ยังก่อให้เกิดผลเสีย ทำให้เกิดรอย หรือทำลายเซลล์ดี เนื้อเยื่อ หรือแม้แต่อวัยวะ

 

การรักษาด้วยรังสี และบำบัดเคมีในระยะแรกจะลดขนาดเนื้องอก แต่เมื่อรักษาติดต่อเป็นเวลานาน การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่สามารถทำลายเนื้องอกได้มากขึ้นไปกว่าเดิม

เมื่อร่างกายสะสมพิษที่เกิดจากการบำบัดเคมี และรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ หรืออาจถูกทำลาย ทำให้ผู้ป่วยนั้นๆ อาจได้รับการติดเชื้อ หรือเกิดอาการแทรกซ้อนตามมา

 

การบำบัดเคมี หรือรังสี สามารถทำให้เซลล์มะเร็งกลายพันธุ์ และทำให้ดื้อยา หรือทำลายยากขึ้น การผ่าตัดก็อาจทำให้เซลล์มะเร็งกระจายไปยังที่อื่นได้

วิธีต่อสู้กับโรคมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพคือการทำให้เซลล์มะเร็งขาดอาหาร ด้วยการไม่กินอาหารที่ทำให้เซลล์มะเร็งนั้นขยายตัว

 

เซลล์มะเร็งได้รับอาหารจาก

น้ำตาลทำให้เซลล์มะเร็งโต การลดปริมาณน้ำตาล จะช่วยลดแหล่งอาหารสำคัญของเซลล์มะเร็ง สารแทนน้ำตาล เช่น นิวทราสวีท อีควล สปูนฟูล ฯลฯ ทำมาจาก อสปาร์เทม ซึ่งมีอันตราย จึงควรใช้ผลิตธรรมชาติที่มีความหวาน แทนน้ำตาล เช่น น้ำผึ้ง หรือ กากน้ำตาล แต่ในปริมาณที่น้อย เกลือที่ใช้ บางชนิดก็มีการใส่สารเคมีเพื่อขัดให้สีขาว จึงควรใช้เกลือทะเล หรือ แบรกส อมินโนส์ (เดาว่าเป็นยี่ห้ออะไรสักอย่าง)แทน

 

นมทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะภายในอวัยวะช่องท้อง มะเร็งอยู่ได้ด้วยเมือกนี้ การลดปริมาณนม และหันมาดื่มนมถั่วเหลือง(ไม่ใส่น้ำตาล)แทน จะช่วยทำให้เซลล์มะเร็งขาดอาหาร

เซลล์มะเร็งชอบอยู่ในสภาพเป็นกรด อาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลักจะมีสภาพเป็นกรด ดังนั้นจึงดีกว่าที่หันมาทานปลา และเนื้อไก่บ้างนิดหน่อย แทนเนื้อวัว และหมู เนื้อยังเป็นแหล่งสารปฎิชีวนะ ฮอร์โมนเร่งโต และพยาธิ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง

 

อาหารที่ 80 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วยผักสด น้ำผักผลไม้ โฮลเกรน เมล็ดพืช ถั่ว และผลไม้บ้างเล็กน้อย จะทำให้ร่างกายมีสภาพเป็นด่าง อีก 20 เปอร์เซนต์ อาจมาจากอาหารที่ถูกประกอบให้สุกแล้ว รวมถึงถั่ว น้ำที่มาจากผักสดจะให้เอนไซม์ที่ดูดซึมได้ง่าย และไปถึงระดับเซลล์ภายใน 15 นาที ซึ่งจะไปช่วยเสริม บำรุงการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ดี จึงควรดื่มน้ำผักสด (ผักส่วนใหญ่ รวมถึงถั่วงอก) เพื่อให้ได้เอนไซม์ที่ช่วยสร้างเซลล์ที่แข็งแรง และรับประทานผักดิบ วันละ 2-3 ครั้ง เพราะว่าเอนไซม์จะถูกทำลายที่อุณหภูมิ 104 องศาฟาเรนไฮต์ (40 องศาเซลเซียส)

 

หลีกเลี่ยงกาแฟ ชา และชอคโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และมีสมบัติที่ต่อต้านมะเร็ง น้ำดื่ม ควรผ่านการฆ่าเชื้อโรค หรือกรองเพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษ และโลหะหนักที่ปนเปื้อนในน้ำประปา หลีกเลี่ยงน้ำกลั่นเพราะมีความเป็นกรด

โปรตีนจากเนื้อสัตว์นั้นย่อยยาก และต้องใช้เอนไซม์ช่วยย่อยหลายชนิด เนื้อที่ไม่ได้รับการย่อยจะคงอยู่ในลำไส้และเน่า ทำให้เกิดการสะสมของสารพิษ

 

ผนังเซลล์ของเซลล์มะเร็งถูกปกป้องด้วยโปรตีนที่เหนียว การหลีกเลี่ยง หรือทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ทำให้เอนไซม์สามารถทำลายผนังเซลล์ของเซลล์โปรตีน และทำให้เซลล์ที่ร่างกายมีไว้ทำลายเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมไปทำลายเซลล์มะเร็งได้

 

อาหารเสริมบางอย่าง(ไอพี6 ฟลอเซนส์ เอสเสียค แอนตี้ออกซิแดนต์ส์ วิตามิน เกลือแร่ อีเอฟเอ อื่นๆ) ช่วยเสริมสร้างระบบที่ช่วยให้สิ่งทำลายสิ่งแปลกปลอมของร่างกายเราสามารถทำลายเซลล์มะเร็ง อาหารเสริมอื่นเช่น วิตามินอี เป็นที่รู้กันว่าช่วยทำลายเซลล์ หรือตั้งโปรแกรมฆ่าเซลล์ ซึ่งเป็นระบบที่ร่างกายเราใช้ในการทิ้ง หรือทำลาย เซลล์ที่เราไม่ต้องการ ไม่จำเป็น

 

โรคมะเร็งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ คนที่กระตือรือร้นและคิดในแง่ดีจะรอดพ้นจากโรคมะเร็ง ความโกรธ การไม่ให้อภัย ความขื่นขมจะทำให้ร่างกายเครียด และเกิดภาวะเป็นกรด เราจึงควรที่จะพยายามที่จะรัก และรู้จักให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย และมีความสุขกับชีวิต

 

เซลล์มะเร็งอยู่ไม่ได้ในภาวะที่มีออกซิเจน การออกกำลังกายทุกวัน และหายใจลึกๆ จะช่วยให้เราได้รับออกซิเจนมากขึ้นในระดับเซลล์ การบำบัดโดยใช้ออกซิเจนจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ในการทำลายเซลล์มะเร็ง

 

อัพเดทเรื่องมะเร็งจากโรงพยาบาลจอห์น ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา

อย่าใช้ภาชนะพลาสติกในไมโครเวฟ

อย่าใช้ขวดน้ำในช่องแช่แข็ง

อย่าใช้ที่ห่ออาหารจากพลาสติกในไมโครเวฟ

 

รพ.จอห์น ฮอปคินส์ได้ส่งข้อมูลนี้ และได้ส่งผ่านกระจายภายใน ศูนย์พยาบาล วอลเตอร์ รีด อาร์มี่ อีกด้วย

สารไดออกซินทำให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม

ไดออกซินมีพิษต่อเซลล์ของร่างกายเรา

อย่าแช่แข็งขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำในช่องแข็ง เพราะนั่นจะเป็นการปลดปล่อยสารไดออกซินออกมาจากพลาสติก

 

เมื่อไม่นานมานี้ ดร. เอ๊ดเวิร์ด ฟูจิโมโต้ ผู้จัดการโปรแกรมเวลล์เนส (อยู่ดีกินดี) แห่งรพ. คาสเซิล ได้ออกรายการทีวี เพื่ออธิบายถึงภัยต่อสุขภาพนี้ เขาได้พูดถึงสารไดออกซิน และอธิบายว่ามันไม่ดีอย่างไร เขาบอกว่าเราไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติก อุ่นอาหารในไมโครเวฟโดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ ส่วนผสมระหว่างไขมัน ความร้อนสูง และพลาสติกจะทำให้สารไดออกซินเข้าไปตกค้างในอาหาร และในที่สุดก็เข้าสู่เซลล์เรา

 

จึงควรใช้แก้ว เช่น ภาชนะคอร์นนิ่ง ไพเรกซ์ หรือเซรามิคในการอุ่นอาหาร เพราะจะได้อาหารที่อุ่นอร่อยเหมือนกัน ต่างตรงทีไม่มีสารไดออกซินตกค้าง เพราะฉะนั้นอาหารสำเร็จรูปที่มาในภาชนะพร้อมใช้อุ่น ควรนำมาใส่ภาชนะอื่นก่อนอุ่นกระดาษไม่แย่ แต่คุณก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระดาษนั้นบ้าง เพราะฉะนั้นมันเลยปลอดภัยกว่าที่จะใช้ภาชนะแก้ว คอร์นิ่ง เป็นต้น ดร.เอ๊ดเวิร์ดยังบอกต่ออีกว่า

 

เมื่อไม่นานมานี้ ร้านอาหารได้เปลี่ยนจากการใช้ภาชนะ โฟม มาเป็นกระดาษ และสาเหตุหนึ่งก็เป็นเรื่องของไดออกซิน เขายังได้ชี้อีกว่าในพลาสติกห่ออาหาร เช่น ซุราน ก็ไม่ปลอดภัยที่จะนำมาใช้ห่ออาหารในไมโครเวฟ ในขณะที่อาหารกำลังถูกทำให้สุก ความร้อนจะทำให้สารพิษซึ่งละลายออกมาจากพลาสติก ซึมเข้าสู่อาหาร ให้คลุมอาหารด้วยกระดาษแทน นี่เป็นบทความที่คุณควรส่งให้ทุกคนที่เป็นคนสำคัญสำหรับคุณ

 

หมายเหตุ: ขอบพระคุณพี่น้อยที่กรุณาส่งเมล์มาให้นะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบเฮียกัม :)

จากที่เห็นมา อาหารที่ชอบและการใช้ชีวิตเป็นสาเหตุ มะเร็งเป็นได้ในทุกส่วนของร่างกาย

จึงไม่ควรกินอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง กินเนื้อสัตว์มากเิกิน ไม่ิกินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ

กินผัก ผลไม้พื้นบ้าน ผักปลอดสาร และสลับกันไปให้ครบทุกสี ไม่กินซ้ำๆหรือเลือกแต่ที่ชอบ

ออกกำลังกาย พ้กผ่อนให้พอ อารมณ์ดีๆเอาไว้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อันนี้ไปเจอมาจาก Pantip หมอมะเร็งตอบเอง ว่าโพสต์นั้น ไม่ได้มาจาก จอห์น ฮอปกินส์

 

เอามาแปะไว้เป็นข้อมูลอีกด้่่านนะครับ ส่วนตัว ไม่ได้เชื่อตามแนวการรักษามะเร็งแบบผ่าตัด คีโม ฉายแสง เพียงแต่ดันไปลอกโพสต์หลอกลวงแหล่งต้นกำเนิดข้อมูล ก็ต้องรับผิดชอบ แก้ไขหน่อย ph34r.gif

 

ที่มา: http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2009/11/L8577741/L8577741.html

 

 

สืบเนื่องจากข้อความที่forward mail เรื่องมะเร็งจากฮอปส์กิน

http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8574773/L8574773.html

คห.5 และ 6 ได้พูดถึงฟอร์เวิร์ดเมล์ที่แพร่หลายกันมาตั้งแต่ปี 2007

และมีคนนำมาลงใน pantip บ่อยๆครั้ง

จึงอยากจะให้ทราบครับว่า การอ่านฟอร์เวิร์ดเมล์ต้องใช้วิจารณญาณกันมากๆครับ โดยเฉพาะข้อมูลทางวิชาการ

 

ผมได้พยายามสืบค้นที่มาของ email ที่ว่ามาจาก John Hopskin

ซึ่งในฐานะหมอมะเร็งอ่านดูข้อความดังกล่าวก็รู้สึีกแปลกๆอยู่แล้ว

อยากให้ลองอ่านข้อความจากเวปที่รวบรวมเรื่องข่าวลือจากอเมริกา

 

http://www.snopes.com/medical/disease/cancerupdate.asp

 

เป็นที่รับทราบกันว่า email ดังกล่าว ไ่ม่เป็นความจริงครับ

 

คห.5 กับ 6 ไ่ม่เป็นความจริงครับ

อย่า forward mail กันพร่ำเพรื่อเลยครับ

ผมเคยคอมเม้นต์เรื่องนี้ไว้ตั้งนานแล้ว

จากกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8494156/L8494156.html

แต่ครั้งนี้อยากจะให้ทราบกันโดยทั่วกันครับ

 

จากคุณ : wisutiyano

เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 23:07:59

 

 

ความคิดเห็นที่ 1

หลายๆข้อ อ่านๆดูแล้วไอเดียก็เป็นแบบแพทย์ทางเลือกนะครับ

 

จากคุณ : unami

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 00:36:30

 

 

ความคิดเห็นที่ 2

ขอบคุณค่ะ

 

จากคุณ : พิณณ์อวี

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 01:28:38

 

 

ความคิดเห็นที่ 3

ผมจะให้ความเห็นแบบข้อต่อข้อนะครับ จะได้ทราบว่าในทางทฤษฎีมีความเ่ข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งอย่างไร ข้อความของผมขึ้นต้นด้วย ** ครับ

 

AFTER YEARS OF TELLING PEOPLE CHEMOTHERAPY IS THE ONLY WAY TO TRY AND ELIMINATE CANCER, JOHNS HOPKINS IS FINALLY STARTING TO TELL YOU THERE IS AN ALTERNATIVE WAY .

หลังจาก หลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะ ลอง และใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก

 

 

 

 

**ในทางการแพทย์ การให้ยาเคมีไม่ใช่ทางเลือกเดียวของการรักษามะเร็งครับ การรักษามะเร็งใช้วิธีการรักษาแบบผสมผสาน นั่นคือเราแบ่งมะเร็งง่ายๆเป็น 2 แบบ

1. มะเร็งระบบโลหิต (ได้แก่มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งฮอร์ดกิน และนอนฮ้อร์ดกิน โรค multiple myeloma เป็นต้น) มะเร็งพวกนี้ใช้การรักษาหลักเป็นยาเคมี, molecular targeted therapy (เรียกว่าการรักษาแบบเจาะจงระดับโมเลกุล) และ การฉายรังสีเสริมเฉพาะจุดเพื่อเพิ่มการควบคุมโรคเฉพาะที่ครับ นอกจากนี้ยังมีการปลูกถ่ายไขกระดูกด้วยสเตมเซลล์ด้วย ซึ่งเป็นมะเร็งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสเตมเซลล์ช่วยรักษาโรคได้จริงๆ ในคนไข้ที่หมอเลือกว่าเหมาะสมกับการปลูกถ่ายไขกระดูก ทางแพทย์เรียกว่า stem cell transplant ครับ

2. มะเร็งชนิดเป็นก้อน (solid tumor) การรักษาหลักคือการผ่าตัด ถ้าก้อนไม่ใหญ่โตมาก ซึ่งมักจะตามด้วยการให้ยาเคมีบำบัด หรือการฉายรังสีเพื่อลดการกำเริบของโรค สำหรับผู้ที่เป็นก้อนขนาดใหญ่ มีการลุกลามต่อมน้ำเหลือง หรือการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น (เรียกว่าระยะ 4) มักจะให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดนำ แล้วตามด้วยการฉายรังสีหรือผ่าตัด นอกจากนี้ยังมี molecular targeted therapy ด้วย

 

ความรู้ิเพิ่มเติมเกี่ยวกับ targeted therapy ทางนี้เลยครับ

http://www.chulacancer.net/newpage/Targeted-cancer-therapies.html

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 07:52:35

 

 

ความคิดเห็นที่ 4

1. Every person has cancer cells in the body. These cancer cells do not show up in the standard tests until they have multiplied to a few billion. When doctors tell cancer patients that there are no more cancer cells in their bodies after treatment, it just means the tests are unable to detect the cancer cells because they have not reached the detectable size.

 

ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษา แล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่ มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น

 

 

**ทุกคนมีเซลล์ที่ผิดปกติ (mutated cell เซลล์กลายพันธ์) ในร่างกายอันนี้ถูก แต่ไม่ใช่ทุกคนมีเซลล์มะเร็ง (cancer cell)ในร่างกาย โดยปกติร่างกายจะมีระบบตรวจสอบผ่านกลไกทางชีววิทยามากมาย (ไม่เว้นแม้แต่เซลล์เส้นใหญ่ เซลล์เศรษฐี เซลล์นักการเมือง ฮา..) ซึ่งจะคอยกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านั้น ร่างกายที่แข็งแรงก็จะมีระบบตรวจสอบแข็งแกร่ง ร่างการที่ไร้ภูมิคุ้มกันเช่นคนเป็นโรคเอดส์ ก็จะมีระบบตรวจสอบอ่อนแอ (เหมือนประเทศไทยเลย) หากเซลล์ที่กลายพันธ์โตขึ้นโดยควบคุมไม่ได้ (เรียกว่ารัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพก็ได้) ก็จะทำให้เกิดก้อนเนื้อขึ้นมา ซึ่งปกติต้องใหญ่กว่า 1 ซม. (ประมาณพันล้านเซลล์) จึงจะสามารถตรวจได้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ (ซึ่งก็มีหลายระดับหลายราคา) จากนั้นเมื่อเราคลำได้ ไปหาหมอ เจาะเซลล์มาดูก็อาจจะพบเซลล์มะเร็งนั้นได้ เซลล์มะเร็งทนต่อการทำลายครับ จึงค่อยๆโตขึ้น ถ้าเป็นมากก็จะลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง (เหมือนชายแดนเรานั่นเอง) ต่อจากนั้นก็เริ่มกินเส้นเลือด เซลล์หลบไปตามเส้นเลือด (เหมือนหนีออกจากประเทศ) แล้วก็กระจายไปอวัยวะสำคัญ เช่นตับ ปอด หัวใจ (เหมือนเขมร ดูไบ) แล้วในที่สุดถ้าไม่ได้รับการรักษาก็เสียชีวิตครับ (ระวังประเทศเราจะเป็นอย่างนั้น)

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:00:45

 

 

ความคิดเห็นที่ 5

2. Cancer cells occur between 6 to more than 10 times in a person's lifetime.

 

เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง

 

**ในประชากรแต่ละคนก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งไม่เท่ากัน บางคนเสี่ยงมากเช่นนักการเมือง เอ้ย! คนสูบบุหรี่ เสี่ยงต่อมะเร็งปอด ช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร (เสี่ยงเยอะ) ในคนบางคนมียีนผิดปกติในร่างกายเช่นยีน retinoblastoma ก็ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งมากกว่าปกติ

ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีรพ.ไหนสามารถตรวจได้ว่าคนแต่ละคนมียีนเสี่ยงจะเป็นโรคมะเร็งหรือไม่ แต่หากเป็นแล้วก็อาจนำชิ้นเนื้อที่ตรวจได้ไปตรวจว่ามียีนผิดปกติไหม เช่นมะเร็งเต้านมมียีน HER-2 ผิดปกติเป็นต้น ซึ่งก็จะทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้รัดกุมขึ้น แม่นยำขึ้น เรียกเท่ๆว่า tailored treatment เหมือนช่างตัดเสื้อตัดให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนครับ

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:04:58

 

 

ความคิดเห็นที่ 6

3. When the person's immune system is strong the cancer cells will be destroyed and prevented from multiplying and forming tumours.

 

เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร้งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก

 

**อันนี้ถูกครับ แต่ถูกไม่หมด ในคนปกติภูมิคุ้มกันดีแข็งแรง เซลล์มะเร็งก็เกิดขึ้นได้ เซลล์ที่โตเร็วๆบางทีก็ไม่เป็นมะเร็งครับเรียกพวกนี้ว่า benign neoplasm เช่นเนื้องอกธรรมดา เนื้องอกมดลูก เนื้องอกหลอดเลือด คีลอยด์หลังเกิดแผล เป็นต้น หากเป็นมะเร็งเรียก malignant neoplasm ซึ่งก็เกิดได้ในคนแข็งแรงได้เช่นกันเหมือนที่กล่าวแล้วข้างต้น

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:07:32

 

 

ความคิดเห็นที่ 7

4. When a person has cancer it indicates the person has multiple nutritional deficiencies. These could be due to genetic, environmental, food and lifestyle factors.

 

เมื่อใครก็ ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต

 

**ไม่ถูกครับ คุณจะกินเนื้อสัตว์ กินมังสวิรัติ กินเจ กินชีวจิต ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่เป็นมะเร็ง ดังนั้นมะเร็งกับโภชนาการไม่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งตรงๆนะครับ เว้นแต่ดื่มแต่เบียร์ เหล้า ของปิ้งทอดดำๆ ที่มีสารก่อมะเร็ง บ่อยๆ ก็อาจจะเกิดมะเร็ง ผมใช้คำว่าอาจจะเพราะบางคนกินเหล้า กับแกล้มปิ้ง ครบชุดก็ไม่เป็นมะเร็งได้ อย่างที่บอกตอนต้นว่าระบบตรวจสอบของแต่ละคนไม่เท่ากัน นอกจากนี้สิ่งแวดล้อม มลพิษ ก็อาจมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง การดำรงชีพแบบตะวันตกก็อาจเป็นปัจจัยให้เกิดโรคมะเร็งทีมีรูปแบบเหมือนคนตะวันตก เช่นปัจจุบันคนเป็นมะเร็งเต้านมกันมากขึ้นเพราะเชื่อว่าในอาหารบางอย่างอาจมีฮอร์โมนกระตุ้น แต่จริงๆแล้วผมเชื่อว่านั่นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่คนมีความรู้มากขึ้น มีการระวังมากขึน ผู้คนมากขึ้นจึงทำให้เราเห็นว่าอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นครับ

 

ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันมะเร็งทางนี้เลยครับ.

http://www.chulacancer.net/newpage/patientp017.html

http://www.chulacancer.net/newpage/cancer_prevention.html

http://www.chulacancer.net/newpage/cancer_prevention_calcium.html

http://www.chulacancer.net/newpage/cancer_prevention_breast.html

 

แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 52 08:19:52

 

แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 52 08:15:24

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:11:41

 

 

ความคิดเห็นที่ 8

5. To overcome the multiple nutritional deficiencies, changing diet and including supplements will strengthen the immune system.

 

เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับ โภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น

 

**หากคุณกินอาหารครบ 5 หมู่ (เรียนตั้งแต่ประถมแล้ว) กินเฉลี่ยๆ ใครว่ากินผักปลอดภัยครับ (ยาฆ่าแมลงมีถมไป) ใครว่ากินถั่วปลอดภัย (ถั่ว GMO ก็เยอะครับ) ดังนั้นเดินทางสายกลางกินเฉลี่ยๆ โน่นนิดนี่หน่อย ออกกำลังกาย ทำใจให้ผ่องใส หากกินไม่ครับจริงๆก็อาจเพิ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ครับ แต่อย่าให้มากเกินไปประเภทกินแต่วิตามินเป็นกำๆ ก็ไม่ไหวครับ

 

สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งแล้วและอยู่ระหว่างการรักษา คุณต้องโดปหน่อย อย่าอดอาหารเดี่ยวเราจะแย่ก่อนมะเร็งครับ.

 

เคล็ดลับการกินอาหารสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งและอยู่ระหว่างรักษาตัวทางนี้เลย

http://www.chulacancer.net/newpage/eating-hints.html

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:19:12

 

 

ความคิดเห็นที่ 9

6. Chemotherapy involves poisoning the rapidly-growing cancer cells and also destroys rapidly-growing healthy cells in the bone marrow, gastro-intestinal tract etc, and can cause organ damage, like liver, kidneys, heart, lungs etc.

 

การทำคีโมคือ การให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ

 

**ยาเคมีบำบัดเป็นยาที่ทำลายเซลล์ที่เติบโตเร็ว ดังนั้นระหว่างรักษาจึงมีผลข้างเคียงต่ออวัยวะปกติที่โตเร็ว เช่น ผมร่วง (ยาบางตัวก็ผมไม่ร่วง) อาการผมร่วงหรือไม่ร่วงไม่ได้บอกว่ายานั้นแรงกว่ายาอีกตัวนะครับ ยาบางตัวทำให้ท้องเสีย ยาเคมีส่วนใหญ่ทำให้เม็ดเลือดขาวลดลง จึงต้องระมัดระวังการดำเนินชีวิตจะได้ไม่ติดเชื้อโรคง่ายๆ หากมีไข้ต้องบอกแพทย์ อย่าเีรียกว่าทำลายเลยครับ เพราะอวัยวะส่วนใหญ่ของผู้ที่แข็งแรงดี (กินอาหารได้ ดูดซึมสารอาหารได้) มักจะซ่อมแซมตัวเองได้ดี

 

รายการยาเคมีต่างๆ และผลข้างเคียงที่เจอบ่อยทางนี้เลย

http://www.chulacancer.net/patient/page035.htm

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:24:14

 

 

ความคิดเห็นที่ 10

7. Radiation while destroying cancer cells also burns, scars and ! damages healthy cells, tissues and organs.

การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ

 

**การฉายแสงปัจจุบันมีเทคนิกต่างๆมากมายในการลดปฏิกิริยาต่ออวัยวะข้างเคียง เช่นการฉายแสง 3 มิติ การฉายแสงแบบปรับความเข้ม หรือ IMRT เป็นต้น บางกรณีเราต้องการรังสีปริมาณสูงก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงสูงขึ้น เพื่อให้โอกาสหายสูงขึ้นเป็นต้น

 

หลักการรักษาด้วยรังสีทางนี้ครับ

http://www.chulacancer.net/newpage/radiation/radiotherapy.html

 

หลักการรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษาร่วมกับยาเคมีบำบัด

http://www.chulacancer.net/newpage/radiation/chemoradiation.html

 

การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยการใส่แร่

http://www.chulacancer.net/newpage/radiation/brachytherapy.html

 

การฉายรังสีแบบปรับความเข้ม (ไอ-เอ็ม-อาร์-ที หรือ IMRT) คืออะไร?

http://www.chulacancer.net/newpage/radiation/IMRT.html

 

การฉายรังสีแบบ 4 มิติ

http://www.chulacancer.net/newpage/patient-4D-Radiotherapy.html

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:28:44

 

 

ความคิดเห็นที่ 11

8.. Initial treatment with chemotherapy and radiation will often reduce tumor size. However prolonged use of chemotherapy and radiation do not result in more tumor destruction.

การ บำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก

 

**การรักษามะเร็งสำคัญที่สุดคือตอนรักษาครั้งแรกครับ หมอมะเร็งพยายามอย่างยิ่งทุกวิถีทางที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายในการเพิ่มโอกาสการหายขาด ดังนั้นการรักษาแบบผสมผสานจึงมีความสำคัญ เพราะเมื่อเกิดการกำเริบ การลุกลามโอกาสหายจะน้อยลงครับ เพราะจะเป็นพวกเซลล์พันธ์อึด ดื้อแสง ดื้อยาเคมี เมื่อให้ยาเข้าสูตรที่ 3-4 ก็ยิ่งรักษายากขึ้นและโอกาสชนะไม่มากครับ

ผมจึงอยากให้ผู้่ป่วยอย่านิ่งนอนใจเวลาเป็นน้อยๆ อย่ามัวแต่กินผัก กินถั่วครับ รีบรักษาก็โอกาสหายสูง

 

http://www.chulacancer.net/patient/page029.htm

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:32:51

 

 

ความคิดเห็นที่ 12

9. When the body has too much toxic burden from chemotherapy and radiation the immune system is either compromised or destroyed, hence the person can succumb to various kinds of infections and complications.

เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉาย รังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมี ความซับซ้อนยิ่งขึ้น

 

**เวลาให้ยาเคมีบำบัดและฉายรังสี แพทย์จะต้องติดตามเม็ดเลือดขาวว่าต่ำเกินไปไหม ผู้่ป่วยมีเรียวแรงพอจะรักษาไหม ถ้าไม่ได้ก็ต้องเลื่อนหรือหยุดการรักษาครับ วิธีสำคัญที่จะเพิ่มเม็ดเลือดและภูมิคุ้มกันคือโปรตีนครับ จากเนื้อสัตว์ นม ไข่ขาวเป็นต้น เพื่อไม่ให้ต้องหยุดการรักษากลางครัน ซึ่งจะทำให้เซลล์ดื้อยาโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:35:02

 

 

ความคิดเห็นที่ 13

10. Chemotherapy and radiation can cause cancer cells to mutate and become resistant and difficult to destroy. Surgery can also cause cancer cells to spread to other sites.

การทำคีโมและ การฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย

 

**เซลล์ที่กลายพันธุ็จากการรักษามักจะเกิดหลังรักษาแล้ว 5-20 ปี ซึ่งแพทย์พยายามใช้วิธีการรักษาที่ปลอดภัยที่สุด ผลข้างเคียงน้อยที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสหายของผู้ป่วยครับ และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นถ้าก้อนใหญ่เกินกว่าผ่าตัดได้ ก็จะต้องให้ยาเคมีหรือฉายรังสีนำเพื่อให้ผ่าง่ายขึ้น ผ่าได้หมด จะได้เพิ่มโอกาสหายขาด

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:37:28

 

 

ความคิดเห็นที่ 14

11. An effective way to battle cancer is to starve the cancer cells by not feeding it with the foods it needs to multiply.

วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว

 

**ผมกล่าวแล้วข้างต้นว่าร่างกายใหญ่กว่าก้อนมะเร็งตั้งเยอะ เซลล์ปกติก็มีมากกว่าเซลล์มะเร็งตั้งเยอะ การอดอาหาร ไม่ได้ทำให้ก้อนมะเร็งขาดอาหารหลอกครับ เพราะมันก็มีวิธีการสันดาปอาหารมากมายหลายวิธี ดั้งนั้นร่างกายต้องแข็งแรงจึงจะสู้โรคได้ อย่ามัวแต่อดอาหารเลยครับ ภาวะโภชนาการที่ดีทำให้ร่างกายมีภูมิที่ดี และทนต่อการรักษาได้

ผู้ป่วยที่ขาดอาหาร เช่นผู้่ป่วยมะเร็งหลอดอาหาร ผอมมมมม เซลล์มะเร็งก็โตขึ้นทุกวันครับ ขนาดให้อาหารทางหลอดเลือด ฟีดทางสายยาง ก็รักษายาก ดั้งนั้นเมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง และอยู่ในช่วงรักษาต้องกินให้ได้พลังงานและสารอาหารที่ครบถ้วยและเพียงพอครับ

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:41:02

 

 

ความคิดเห็นที่ 15

จบตรงนี้แล้วครับ

 

ทานอาหารให้ครบ

ทำจิตใจให้แจ่มใส

ทำบุญ บำเพ็ญสมาธิ รักษาศีล

 

จะเป็นมะเร็งไม่เป็นมะเร็งก็สบายใจไปหลายส่วนครับ

 

บทความธรรมมะทางนี้เลย

http://www.chulacancer.net/newpage/dharma.html

 

จากคุณ : wisut (wisutiyano)

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 08:43:07

 

 

ความคิดเห็นที่ 16

Vote ให้ครับ

 

จากคุณ : ส.มโนมัย

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 14:37:25

 

 

ความคิดเห็นที่ 17

โหวต ด้วย ...

 

 

 

 

ปล. ผมก็เขียนเอาไว้เหมือนกัน

 

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=13-10-2009&group=7&gblog=36

 

จากคุณ : หมอหมู

เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 19:53:51

 

 

ความคิดเห็นที่ 18

อยากจะให้ กิ๊ฟ นะ แต่ จขกท . ไม่มีอมยิ้ม

 

จากคุณ : Unspoken Passion

เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 52 14:16:08

 

 

ความคิดเห็นที่ 19

เพิ่งรู้ว่าคุณหมอเป็นหมอมะเร็งโดยตรง

 

ขอบคุณคุณหมอมากที่เข้ามาเขียนแนะนำ

เพราะโดยตัวเอง(เป็นมะเร็งเต้านม)ก้อสับสนตลอด

และกินอาหารอย่างกล้า ๆ กลัว

คือก้อกินเนื้อสัตว์และกินอาหารปกติแต่จิตยังเสียว ๆ อยู่

คือกินอาหารปกติ แต่เน้นผัก+ผลไม้ทุกวัน

ออกกำลังกาย 3- 5วัน ต่อสัปดาห์

 

ขอบคุณค่ะ

 

จากคุณ : ยืมล็อคอินน้องใช้ (nutcs)

เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 52 14:46:08

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ อาจารย์

 

เมื่อวานก็ไปหาอ่านก็เจอประมาณนั้น แต่ไม่แน่ใจเพราะภาษาไม่แข็งแรง ไปเจาะหา research ของ johns hopkins แต่ยัง search ไม่พบและไม่มีเวลา และเข้าใจว่ามันก็เหมือนเมล์ทั่วๆไป ส่งกันต่อๆมา ไม่มีความน่าเชื่อถือ แต่เรื่องน้ำที่ freezeโดยขวดพลาสติกนี่ซิน่าสนใจมาก ว่างๆจะลองหาข้อมูลดูค่ะ

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พืช ผัก ผลไม้ เมนูพิชิตมะเร็ง

 

 

 

พืช ผัก ผลไม้ ที่เราไม่ค่อยชอบกินกัน ความจริงพืชธรรมชาติเหล่านี้ โรคมะเร็งไม่อยากถามหาเลยและยังกลัวสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้น หากคนเรากินพืช ผัก ผลไม้ อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ ร่างกายจะมีเกราะป้องกันมะเร็งได้อย่างดี ในผัก ผลไม้ มีอะไรดีที่พิชิตมะเร็งได้

 

เส้นใยอาหาร โดยทั่วไป หมายถึงสารจากพืชที่ไม่ย่อยสลายด้วยเอนไซม์ในทางเดินอาหารของคน การกินอาหารที่มีเส้นใยสูงมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ และอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งเต้านม ช่องปาก กระเพาะอาหาร และทวารหนัก เป็นต้น

 

สารเม็ดสีในพืช มีคุณสมบัติต้านมะเร็งหลายชนิด เช่น ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

 

• คลอโรฟิลล์ : สารสีเขียว พบในพืชใบเขียวทั่วไป เช่น คะน้า ผักโขม ตำลึง และสาหร่าย เป็นต้น

 

• สารคาโรที นอยด์ : สารสีส้ม-เหลือง และแดง-ส้ม มีหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ลูทีน ไลโคปิน เป็นต้น พบในแครอท ฟักทอง มะเขือเทศ และผักใบเขียวอื่นๆ

 

• สารแอนโทไชยานิติน : สารสีน้ำเงิน ม่วง แดง พบในหัวบีทเบอร์รี่ เชอร์รี่ องุ่นม่วงและแดง กะหล่ำม่วง เป็นต้น

 

 

ผักตระกูลกะหล่ำ มีหลากชนิด เช่น บรอคโคลี กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ หัวผักกาด มีสาระสำคัญหลายชนิด เช่น suiforaphane และสาร isothiocyanate ซึ่งช่วยขับพิษสารเคมี สาร indole สามารถจับสารก่อมะเร็ง ขับสารเคมีและรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน สาร giucosinolate ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและยับยั้งการเจริญของเนื้องอก เป็นต้น

 

ส้ม – มะนาว นอกจากมีวิตามินซีแล้ว ยังประกอบไปด้วยสารอื่นๆ อีก เช่น สาร flavonoids ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง สาร limonoids ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการขับพิษ ยับยั้งการเจริญของเนื้องอก สาร limonenes มีคุณสมบัติกระตุ้นการขับพิษ สาร carotenoids มีคุณสมบัติยับยั้งอนุมูลอิสระ สาร terpenes ลดการสร้างคลอเรสเตอรอล และส่งเสริมเอนไซม์ที่ยับยั้งสารก่อมะเร็ง

 

หอม – กระเทียม มี สารป้องกันมะเร็งหลายชนิด เช่น สาร diallyt disulfide และ diallyt trisulfide พบในน้ำมันกระเทียม สาร S-allyicystein พบในกระเทียมทุบ สารเหล่านี้มีกลไกการทำงานหลายอย่าง เช่น กระตุ้นการขับพิษ ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

 

เห็ดและสาหรายทะเล สาร tentinan ในเห็ดหอมและเห็ดหลินจือ และสาร polysaccharide ในเห็ด Mitake สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งในสัตว์ทดลอง

 

ในสาหร่ายทะเลมีสาร mucin ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายเส้นใยอาหาร จะดูดซับน้ำและสารพิษ นอกจากนี้ยังพบสาร mucopolysaccharide ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย

 

เครื่องเทศ พบสารต้านมะเร็ง เช่น พริกไทย ขิง ขมิ้น rosemary และอื่นๆ สารเหล่านี้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้านอนุมูลอิสระ

 

ผัก - ผลไม้อื่นๆ

 

สับปะรด : มีสาร bromelain ต้านมะเร็งในสัตว์ทดลอง ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

 

ทับทิม แอปเปิล องุ่น และสตรอเบอร์รี่ : มีสาร Ellagic acid ที่สามารถจับและทำลายพิษของสารก่อมะเร็ง

 

แอสปารากัส อะโวกาโด บรอคโคลี แตงโม : มีสาร glutathione เป็นสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และขับพิษสารเคมี

 

ผักชีฝรั่ง : มีสาร polyacetylenes สามารถยับยั้งการสร้างสารส่งเสริมมะเร็งได้

 

 

แหล่งข้อมูล : หนังสือ - แม่ไม่รู้หนูเป็นมะเร็ง

 

http://www.yourhealthyguide.com/article/ac-vegetable-1.htm

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:D สถาบันมะเร็งแห่งชาติ

 

http://www.nci.go.th/index.html

 

:huh: download เอกสารความรู้โรคมะเร็ง

 

http://www.nci.go.th/Knowledge/filedownload.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่ กทม. ตลาดบางรักมีแน่นอนครับ

ผมเลือกกิ่งแก่เอาไปชำเริ่มขึ้นแล้วครับlaugh.gif

 

 

ตลาด..ช่วงไหนล่ะคะ แถวนั้นมีขายต้นไม้ด้วยหรือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ระวัง!! ขวดน้ำพลาสติก

 

ozmn3.jpg

 

ข้อมูลจาก MCOT

 

ขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่มที่ขาย ๆ กันตามห้างสรรพสินค้าเซเว่นอีเลฟเว่น รวมทั้งที่ไปเติมน้ำมันครบ 800 แถมน้ำ 1 ขวด อะไรทำนองนั้น ปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้ว ครั้งเล่าโดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม

 

เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีกรวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้

 

ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้วควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า

 

bottleplastic.jpg

 

 

ปัจจุบันเห็นหลายครอบครัวนำขวดน้ำอัดลมหรือขวดน้ำเปล่า ที่ทำจากพลาสติก มา กรอกน้ำแช่ตู้เย็นเอาไว้ดื่มซ้ำแล้วซ้ำอีก จาก ข้อมูลที่ส่งต่อกันทางอินเทอร์เน็ตบ้างก็ว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง บางก็ว่าไม่เป็นอันตรายอะไรหรอก เพราะหลายสถาบันในต่างประเทศก็ออกมาการันตีว่ามีความปลอดภัย ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี

นพ.กฤษดา ศิรามพุช

ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ

 

 

อธิบายว่า ขวดน้ำพลาสติกใช้แล้วใช้อีก อันตรายจริง โดยเฉพาะขวดน้ำพลาสติกแบบ โพลีคาร์บอเนต เมื่อโดนเย็นจัดหรือร้อนจี๋หรือการขบกัดขูดขีดกระแทก จะทำให้มีสารก่อมะเร็งกลุ่ม BPA (Bis-phenol A) ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ทำมาจากพลาสติกออก มา ซึ่งจากงานวิจัยของฮาร์วาร์ดพบว่าเพียง 3-4 ส่วนในล้านส่วนก็ก่อมะเร็งในหนูทดลองได้ ที่ซูเปอร์มาร์เกตในแคนาดาจึงออกกฎเตือนว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องปิดฉลาก เตือนไว้และถ้าเป็นเครื่องบริโภคบางอย่างถึงขนาดห้ามใช้พลาส ติกเลยทีเดียว

 

แต่ที่ทางการบ้านเรายังไม่ตื่นเต้นก็เพราะว่า ยังเป็นผลการวิจัยว่าเกิดมะเร็งในระดับสัตว์ทดลองและมีปริมาณสารพิษไม่มาก แต่อย่าลืมว่าถ้าเลี่ยง ๆ ไว้ก่อนได้ก็จะดีกว่ารออีก 10 ปีมีงานวิจัยออกมาบอกว่าคนก็เป็นมะเร็งได้ซึ่งไม่มีประโยชน์เสียแล้ว และอย่าลืมอีกข้อที่สำคัญคือถึงแม้มี BPA ปริมาณน้อยจากขวดพลาสติก แต่อย่าลืมว่าวันหนึ่งเราดื่มน้ำจากขวดพลาสติกกันหลายรอบทีเดียว เวลาเบรกจากประชุมหรือสัมมนาแต่ละทีก็ดื่มกันอึกอัก ไปแวะกินข้าว ก่อนกลับบ้านก็ดื่มอีกขวดหนึ่ง วันหนึ่ง 3-4 รอบบ่อย ๆ เข้าก็มี BPA สะสมได้นะครับ

 

ทั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้ตื่นตระหนกจนห้ามใช้พลาสติก เพียงแต่ให้ตระหนักไว้ก่อน และพยายามลดการใช้ไว้ก่อนจะดีกว่า

 

 

:wub: นพ.กฤษดา กล่าวว่า ลักษณะการใช้ที่ทำให้ตายเร็วมีดังนี้

 

1.ขวดพลาสติกหรือแก้วพลาสติกเอามาใช้แล้วใช้อีก

 

2.ขวดพลาสติกที่กระทบกระแทกขูดขีดไปมาจากการทิ้งไว้ในรถยนต์

 

3.ขวดพลาสติกที่โดนความเย็นจัดต่ำกว่าศูนย์หรือร้อนจัดมากเช่นใส่น้ำต้มกาแฟ หรือใส่เข้าไปในไมโครเวฟ

 

4.กล่องโฟมพลาสติกและพลาสติกใส (Wrapper) ห่ออาหารเข้าไมโครเวฟก็ต้องระวัง

 

5.ขวดนมเด็กพลาสติก เพราะมีโอกาสที่สารนี้หลุดปนออกมาจากการที่เด็กอมขบกัดพลาสติก

 

6.ของเล่นตุ๊กตุ่นตุ๊กตาพลาสติกราคาถูกและเครื่องใช้พลาสติกตามตลาดนัดมักทำ จากพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพต่ำทำให้ต้องเติมสารพิเศษให้พลาสติกเสถียรซึ่งสาร นี้ก่อมะเร็งได้

 

7.อาหารที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง เช่น ในนมวัวที่มาจากวัวกินหญ้าปนเปื้อนยาฆ่าแมลง จะมีสารซีโนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนมรณะทำให้เด็กสาวโตวัยมีนมแตกพานได้ ตั้งแต่อายุไม่ถึง 3 ขวบ

 

9bf2821ed767ff21b6f1ea29f955f577.jpg

 

วิธีหนีให้ไกลมัจจุราชเงียบในพลาสติก คือ

 

1.ใช้ขวดแก้วแทนขวดพลาสติก

2.ใช้จานชามกระเบื้องหรือหม้อกระเบื้องเคลือบแทน

3.รณรงค์ให้ใช้วัสดุอินทรีย์แทนพลาส ติก เช่น ใบตอง ห่อผัดไทยใช้เชือกกล้วยผูกหิ้ว

4.ขวดน้ำพลาสติกอย่าทิ้งไว้ในรถหรืออย่านำกลับมาใช้ใหม่

5.อย่าใช้ความร้อนสูงหรือใช้ความเย็นจัดกับภาชนะพลาส ติก เช่นเอาไปใส่ ในไมโครเวฟหรือใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง

6.อย่าให้ภาชนะ กระ ทบกระแทก หรือ ขูดขีดมาก ระวังไม่ให้เด็กอมขวดหรือกัดพลาสติกเล่น

7.ในแต่ละวันจำกัดการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกไว้ไม่ให้มากเกินไป ไม่ใช่ประชุมกัน 4 รอบก็กินเบรกแกล้มกับดื่มน้ำขวดพลาสติกทุกครั้ง อาจใช้แก้วกาแฟรองน้ำเปล่าดื่มบ้างก็ได้

 

 

http://www.moosuper.com/blog167-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87!!%20%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81.html

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาด..ช่วงไหนล่ะคะ แถวนั้นมีขายต้นไม้ด้วยหรือ

 

แหะๆ จิงจูฮวยไฉ่จัดเป็นผักครับ ดังนั้นต้องอยู่ที่แผงขายผักcool.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แหะๆ จิงจูฮวยไฉ่จัดเป็นผักครับ ดังนั้นต้องอยู่ที่แผงขายผักcool.gif

 

ขอบคุณค่ะ

 

 

อุ๊ ว๊าว เว็บ เร็วปรู๊ดแล้ว..เลยเข้ามาขอบคุณได้ค่ะ :P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 29 มกราคม 2552 08:43 น.

 

หนีความตายจาก "มะเร็งระยะสุดท้าย"

 

หลาย คนพอรู้ตัวว่าเป็น “มะเร็งระยะสุดท้าย” อยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ตาย เพราะรับรู้ได้ถึงเงาของมัจจุราชที่ยืนอยู่ใกล้ร่างเต็มที จากร่างที่เคยมีแรง กลับทรุดตัวลง เหมือนคนไร้วิญญาณไปชั่วขณะ ผวา หวาดกลัว สมอง ณ ห้วงเวลานั้น สร้างภาพความคิดสลับขึ้นมามากมาย “เราจะตายหรือเปล่า” “ไม่ตายสิ มันไม่จริง” “หมอตรวจผิดหรือเปล่า” “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกช้างด้วย” “ถ้าเป็นมะเร็งจริง จะมีทางรักษามั้ยเนี่ย” “โอ๊ย...เครียด” ??

 

ความคิด ดังกล่าวผุดขึ้นลงซ้ำซาก เวียนวนนึกคิดอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนจิตไม่ปกติ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ส่งผลให้สภาพจิต และสภาพกายแย่ลงทุกวัน แย่จนไม่อยากทนความเจ็บปวด และทนทรมานกับโรคร้ายที่เป็นอยู่ได้อีกต่อไป

“มะเร็ง” โรคร้ายรักษาได้ ด้วยอาหารบำบัด

 

นพ.สำราญ อาบสุวรรณ อายุ 58 ปี หนึ่งในผู้ป่วยที่เคยตรวจพบมะเร็ง เมื่อปี พ.ศ.2546 โดยตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งเชื้อดังกล่าวได้ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง และกระจายไปส่วนต่างๆ ของร่างกายเกือบทุกส่วนแล้ว จนหมอต้องบอกว่า สามารถยื้อชีวิตได้เพียง 3-4 เดือนเท่านั้น

 

“ขณะนั้นผมอายุ 54 ปี หลังได้ยินประโยคคำพูดของหมอ บอกตามตรงว่าหัวใจเต้นถี่ และแรงมาก จากร่างกายที่เคยเป็นคนแข็งแรง กลับต้องมาทรุดตัวลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงหวนคิดกับตัวเองว่า เราเป็นมะเร็งได้อย่างไร เพราะตรวจสุขภาพ กินอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด” นพ.สำราญ เผยถึงความรู้สึก

 

ก่อนจะไปพบหมอ นพ.สำราญ เล่าอาการว่า จะเจ็บชายโครงด้ายขวา หอบเหนื่อยผิดปกติ หลังจากวินิจฉัยแล้ว พบก้อนที่ปอดข้างขวา มีน้ำท่วมปอด 200 ซีซี เชื้อมะเร็งลุกลามไปยังเยื้อหุ้มปอด ต่อมขั้วปอด กระดูกซี่โครงที่ 7 กระดูกไขสันหลังที่ 5 กระดูกสะบัก 2 ข้าง ต่อมหมวกไตข้างขวา และไหปลาร้า 2 ข้าง ถูกมะเร็งกินหมด หมอบอกว่า อยู่ได้อย่างมาก 4 เดือน ตอนนั้นคิดมาก หัวใจหดหู่จนไม่อยากทำอะไร แม้กระทั่งข้าวก็ไม่อยากกิน

หลายปีผ่านไป นพ.สำราญ ได้ย้อนนึกถึงน้องสาวที่เคยป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเหมือนกัน แต่กลับรักษาหายได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงขอคำแนะนำ และพบว่า เธอใช้การแพทย์แบบผสมผสาน หรือแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นการรักษาพยาบาลอีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างไปจากแพทย์แผนปัจจุบัน เน้นการรักษาตามธรรมชาติแทนการใช้ยาเคมี เช่น เลือกสรรอาหาร พืชผัก สมุนไพร ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายเสริมสร้างสุขภาพ การพักผ่อน การฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจเหล่านี้ ล้วนเป็นวิถีเพื่อสุขภาพที่ประหยัดตามแนวรักษาแบบธรรมชาติ เพื่อสร้างเสริมภูมิชีวิต และภูมิต้านทานต่อโรคที่แข็งแรง

 

“ผม ใช้แพทย์ทางเลือกแนวธรรมชาติบำบัดควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน 2 เดือน ก้อนมะเร็งยุบไป 20% ให้ยาเคมี 6 ชุด จนกระทั่ง 9-10 เดือน หลังให้เคมีบำบัดก้อนยุบไปหมด จากนั้นจึงใช้แพทย์ทางเลือก โดยใช้หลักของ เกอร์สัน เทอราปี (อาหารบำบัดรักษามะเร็ง) ในการดูแลตัวเองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ผมอยากจะบอกคนที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง อย่าคิดในกรอบ ให้คิดนอกกรอบ เพราะมะเร็งคือโรคที่หายโดยเรา 50% หมอ 50% ด้วยการปรับวิถีการกิน เลือกอาหารสุขภาพ เช่น ผัก และผลไม้ มีการล้างพิษ หรือทำดีท็อกซ์บ้าง เป็นต้น” นพ.สำราญ แนะนำพร้อมเผยวิธีการดูแลตัวเอง

 

 

 

นอกจากนี้ นพ.สำราญ ยังให้ความรู้เสริมว่า ปกติ ร่างกายของมนุษย์ทุกคน จะมีเซลล์ที่กลายพันธุ์ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งกระจัดกระจายอยู่ตามเนื้อเยื่อตามอวัยวะของร่าง กายอยู่แล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่า ทุกหนึ่งวินาที จะมีเซลล์มะเร็งแตกตัวออกมาประมาณ 1,000-10,000 เซลล์ แต่ทั้งนี้ ปัจจัยเร่งให้เกิดเซลล์มะเร็ง ส่วนหนึ่งมาจากยีนมะเร็งที่ได้รับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ของพ่อแม่คิดร้อย ละ 5 ส่วนพฤติกรรม และวิถีชีวิตจากสิ่งแวดล้อม ก็เป็นเหตุปัจจัยหลักถึง 90-95% ของการเกิดเซลล์มะเร็ง เช่น การกินอาหาร วิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุ น้ำ อากาศที่ไม่บริสุทธิ์ สารพิษ สารเคมี ยาสังเคราะห์ สารอนุมูลอิสระ ระบบภูมิคุ้มกัน ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ เคร่งเครียด หรือแม้กระทั่งขาดการสะสมบุญ ล้วนมีอิทธิพลต่อการเกิด “โรคมะเร็ง” ได้ทั้งสิ้น.

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...