ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

 

รองนายกรัฐมนตรี คาดปี 2555 ประเทศไทยจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 7

 

รองนายกรัฐมนตรี คาดปี 2555 ประเทศไทยจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 7 จากการเร่งสร้างระบบพื้นฐานป้องกันน้ำท่วม

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทย ในปี 2555 จะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 7 จากการริเริ่มโครงการต่างๆ กระตุ้นกำลังซื้อ และการผลิตไปแล้วหลายโครงการ รวมทั้งจะต้องมีการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน ในการป้องกันน้ำท่วมน้ำแล้ง เชื่อเป็นโอกาสที่เศรษฐกิจ จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยัน สามารถดำเนินการตามแผนแม่บทบริหารการจัดการลุ่มน้ำที่ปรับปรุงใหม่ ได้ทันทีที่พระราชบัญญัติงบประมาณแผ่นดิน ประจำปี 2555 ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ด้วยวงเงินงบประมาณว่า 29,000 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมประตูน้ำ คันกั้นน้ำที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ จะมีการออกกฎหมาย ระดมเงินกว่า 350,000 ล้านบาท เพื่อใช้บริหารจัดการ 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ แบ่งเป็น 8 ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะใช้งบประมาณ จำนวน 300,000 ล้านบาท ส่วนอีก 40,000 ล้านบาท จะใช้บริหารจัดการ 17 ลุ่มน้ำที่เหลือ ขณะที่ งบประมาณอีก 10,000 ล้านบาท จะให้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) พิจารณาโครงการที่มีประโยชน์ต่อประเทศระยะยาว ตั้งเป้าจะระดมเงิน ให้แล้วเสร็จภายในกลางปี 2556

ด้าน ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธาน กยอ. ยอมรับว่า นักลงทุนชาวต่างชาติ ค่อนข้างมีความกังวลเรื่องการประกันภัย เกรงกระทบการกู้ยืมเงิน โดยได้มีการยืนยันถึงการวางแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เชื่อนานาชาติ จะไม่ย้ายฐานการผลิตการลงทุนในประเทศไทย พร้อมฝากให้รัฐบาล เร่งเสริมระบบป้องกันน้ำท่วม ทั้งการขุดลอกคูคลอง เสริมคันคู ก่อนน้ำมา และควรมีการซ้อมเตรียมการขณะน้ำท่วมฉับพลัน เพื่อให้รู้ข้อบกพร่องในระบบป้องกันและจัดการน้ำที่มี

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : จุฑามาส รักษาพันธุ์   Rewriter : พนาวรรณ์ จิตรสมุทร(2)

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 07 มกราคม 2555

ceibc79aab9eg9b97996c.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตีรณหวั่นซ้ำรอยกรีซ

 

ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีหนี้อีกจำนวนมากที่ผลักไปอยู่ในบัญชีสถาบันการเงินของรัฐเพื่อดำเนินนโยบายต่างๆ คิดเป็นสัดส่วนอีกประมาณ 30% ของจีดีพี ดังนั้นหนี้สาธารณะที่แท้จริงของประเทศไทยนั้นสูงกว่าที่ปรากฏตามตัวเลขที่เผยแพร่อย่างแน่นอน จึงแนะนำให้รัฐบาลปรับตัวเลขหนี้เพื่อให้สะท้อนกับความเป็นจริง เพื่อไม่ให้เกิดการตกแต่งตัวเลขหนี้และก่อหนี้ใหม่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และจะเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่วิกฤติหนี้สาธารณะที่เลวร้ายซ้ำรอยประเทศกรีซและยุโรปในท้ายที่สุด

 

ดร.วิมุต วานิชเจริญธรรม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในการออกพระราชกำหนดโอนหนี้ให้กองทุนฟื้นฟู และเป็นภาระของธปท.เพราะหนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 เป็นผลจากกลไกที่รัฐบริหารจัดการ โดยในสมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เข้าไปรับประกันผู้ฝากเงิน และสถาบันการเงิน และให้กองทุนฟื้นฟูฯออกหน้ารับภาระ ซึ่งเป็นต้นตอทำให้กองทุนฟื้นฟูมีหนี้สินมหาศาลเพราะไม่มีรายได้ต้องไปกู้ยืมและจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูงและเมื่อรัฐบาลนี้ต้องการใช้เงินเร่งด่วนจำนวนมากและอยากจะมีช่องว่างในการกู้ยืมจึงผลักภาระที่รัฐบาลควรรับผิดชอบในระยะยาวออกไป

 

ส่วนเนื้อหาร่างพระราชกำหนดที่มองว่าไม่เหมาะสมอย่างมากคือร่างมาตรา 7(3) ที่ระบุว่าให้โอนเงิน หรือสินทรัพย์ของกองทุนเข้าบัญชีตามมาตรา 5 ตามที่ครม.กำหนด เพราะถือเป็นการไปก้าวก่ายอำนาจการจัดการทรัพย์สินของธนาคารกลางที่ควรจะเป็นอิสระ และปราศจากการแทรกแซงจากกระทรวงการคลังและฝ่ายการเมือง ซึ่งไม่ผิดนักที่จะมีการเปรียบเทียบว่าเหมือนการเซ็นเช็คเปล่าให้ฝ่ายการเมืองเซ็น เพราะเป็นการยกอำนาจให้คณะรัฐมนตรีเข้ามามีสิทธิในการจัดการทรัพย์สิน ซึ่งอาจรวมไปถึงทุนสำรองเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

งั้นเด็กขายของเปลี่ยนใหม่แบบ 23,9xx แล้วกัน แหม! จะให้ออกมาตรงเป๊ะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่สำคัญกว่า ลงมาแล้ว ควรจะเด้งขึ้นและมีกำไร ส่วนเด็กขายของ เงินที่ขายทองออกไป เปลี่ยนเป็นซื้อดอลล์สหรัฐตัวเป็นๆ เก็บไว้ วันจันทร์ก็จะไปขายคืนแล้ว กำไรพอเพียง เก็บเงินสดก่อน เพราะข่าวแว่วมาว่า เมื่อโยนหินถามทางว่า " จะทำโอนหนี้ " แล้วทำไม่ได้ทุกข้อ ก็ต้องตัดทอน หรือ ถอนเรื่องออก ดังนั้น ค่าเงินบาทน่าจะกลับมาแข็ง

 

แล้วถามว่า มูลค่าหุ้นธนาคารฯ กับ แมงเม่า ที่เสียหาย ใครรับผิดชอบ ? คำตอบ ตัวใครตัวมัน เราคือเหยื่อ

 

ส่วนเมื่อค่าบาทแข็งขึ้น ราคาทองคำในประเทศก็จะลดลง

 

มีเงินสดในมือเหมือนกันครับ แต่ยังไม่ถนัดในการเปลี่ยนเป็น

ดอลล์เท่าไหร่ งั้นรอ 23,9xx ต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีเงินสดในมือเหมือนกันครับ แต่ยังไม่ถนัดในการเปลี่ยนเป็น

ดอลล์เท่าไหร่ งั้นรอ 23,9xx ต่อไป

 

ท่าจะรอนานนะคุณ gb 2514 ทุกคนมองขึ้นหมด ถ้าเก็บรอจัน เช้า สาย บ่าย ค่ำ ดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ท่าจะรอนานนะคุณ gb 2514 ทุกคนมองขึ้นหมด ถ้าเก็บรอจัน เช้า สาย บ่าย ค่ำ ดี

 

ไม่นานหรอกครับ ใจเย็นไว้ ยังไปไกลกว่านี้ไม่ไหวหรอกครับ แล้วลุ้นบาทแข็ง

อีกเด้ง..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีเงินสดในมือเหมือนกันครับ แต่ยังไม่ถนัดในการเปลี่ยนเป็น

ดอลล์เท่าไหร่ งั้นรอ 23,9xx ต่อไป

สวัสดีครับ คุณ GB2514

การเปลี่ยนเป็นดอลล์สหรัฐฯ ของเด็กขายของ ก็เอาเงินบาทไทยไปทำการแลกเป็นธนบัตรสหรัฐ ฉบับละ 100 เท่านั้น ต่ำกว่านี้ ไม่เอาสำหรับเก็งกำไร เพราะส่วนต่างซื้อขาย น้อยครับ ( ฉบับละ 1 เหรียญ 5 เหรียญ ไว้สำหรับแลกไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะ Rate ต่ำกว่า ) แล้วเวลาแลกซื้อหรือขาย ก็ไม่ใช่ที่ธนาคารพาณิชย์นะครับ เป็นสถานที่เฉพาะเจาะจงทั่วไป เช่น super rich แต่ตอนนี้ เข้าซื้อไม่ได้แล้วครับ เพราะมันมาไกลมากแล้ว นั้นคือ ความเสี่ยงที่เกิดตามมาด้วย เหมือนๆ กับทองล่ะครับ เข้าซื้อตรงๆ เก็บไว้กับตัว ไม่ต้องพึ่งคนอื่น หรือ กองทุนฯ ที่มีค่าบริหารจัดการ เอาส่วนนี้ มาบำเรอความสุขตัวเองดีกว่า

 

ที่บอก 23,9xx คราวต่อไป ไม่ใช่ว่า วันจันทร์หรือวันอังคารหรือวันพุธ อาจจะเป็นปลายๆ สัปดาห์ แต่ปัญาอยู่ที่ " มันมาตอนกลางคืน " นี่สิ เรื่องใหญ่ การซื้อทองที่ร้านทองฯตู้แดง จะไม่ได้ราคาที่กล่าวมา เพราะมันมาแล้ว ก็เด้งขึ้นไปต่อ แถมกลางวัน เวลาราคาทองลง อาแปะ ดันราคาสูงเกินกว่าที่ควรบ่อยๆ เพราะ ความต้องการซื้อมีเยอะ ว่าไปแบบนั้น

แต่เวลาขึ้น ความต้องการสลับขั้ว ราคาขายในประเทศจึงออกมาอีกแบบหนึ่ง ยังไง เช้าวันจันทร์ ราคาก็ขึ้นต่อ เพราะค่าเงินออสเตรเลีย ไม่ค่อยดี และ นักเก็งกำไรจีนอาจกลัวเรื่องเกาหลีเหนือ ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งเศส เล็งเพิ่มมาตรการคุมเข้มความปลอดภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ประกาศเตรียมเพิ่มมาตรการคุมเข้มความปลอดภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชีนอน ทางตอนกลางของประเทศ หลังเมื่อ 1 เดือนก่อนเกิดเหตุกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมลักลอบบุกเข้าไปในเขตของโรงไฟฟ้าเพื่อแสดงให้เห็นถึงความหละหลวมด้านความปลอดภัยโรงไฟฟ้าของรัฐบาลฝรั่งเศส ปัจจุบัน ฝรั่งเศส ถือเป็นผู้ใช้พลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก ด้วยจำนวนเตาปฏิกรณ์ทั้งหมด 58 ตัว กระจายอยู่ตามโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 19 แห่งทั่วประเทศ สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 75 เปอร์เซนต์ ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ

 

 

เงินยูโรเทียบเยน อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี

เงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่น จากแรงเทขายอย่างหนักของนักลงทุน หลังรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนล่าสุดของสหรัฐออกมาดีเกินคาด ทำให้เงินยูโรเทียบดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับย่ำแย่ที่สุดในรอบ 16 เดือน ทั้งนี้ คาดกันว่าเงินยูโรจะยังอ่อนค่าต่อไปอีก หลังมีข่าวว่าฝรั่งเศสอาจถูกบริษัทจัดอันดับเครดิตหั่นอันดับความน่าเชื่อถือประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในสเปนและอิตาลี ยังคงน่าเป็นห่วง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยูเอ็น จี้อิหร่านพิสูจน์ข้อครหาโครงการนิวเคลียร์

นายบัน กีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ออกโรงเรียกร้องให้อิหร่านและชาติตะวันตกพยายามแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอย่างสันติ พร้อมทั้งขอให้อิหร่านพิสูจน์ข้อครหากรณีโครงการนิวเคลียร์ หากไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อผลิตอาวุธร้ายแรงจริงอย่างที่อิหร่านยืนกรานมาตลอด ทั้งนี้ การเรียกร้องดังกล่าวของนายบัน มีขึ้นหลังความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกทวีความตึงเครียดขึ้นอีกครั้งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

หุ้นสหรัฐปิดตลาดแดนลบแม้ยอดการจ้างงานปรับเพิ่มขึ้นเกินคาด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตัวแดนบวกในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์แม้ว่ายอดการจ้างงานเดือนล่าสุดจะออกมาดีเกินคาด โดยดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 55.78 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 0.45 ปิดตลาดที่ระดับ 12,359.92 จุด เช่นเดียวกับเอสแอนด์พี 500 ที่ดิ่งลง 3.25 จุด ปิดที่ระดับ 1,277.81 จุด ส่วนดัชนีแนสแดค เคลื่อนไหวสวนกระแส ปิดตลาดบวกขึ้นไปเล็กน้อยร้อยละ 0.16 ด้านราคาน้ำมันตลาดโลก ปรับผันผวนจากแรงซื้อขายทำกำไร โดยน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส ราคาลดลง 25 เซนต์ มาอยู่ที่บาร์เรลละ 101 ดอลลาร์ 56 เซนต์ ขณะที่เบรนท์ ทะเลเหนือ เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดตลาดที่บาร์เรลละ 112 ดอลลาร์ 50 เซนต์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขจ้างงานสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นเกินคาดเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว

กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่าเมื่อเดือนที่แล้วเศรษฐกิจอเมริกามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่เพียง 150,000 ตำแหน่ง และนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ทำให้อัตราการว่างงานล่าสุด ปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.5 ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี จากเดิมที่เคยยืนอยู่ที่ร้อยละ 8.7 ในเดือนพฤศจิกายน โดยภาคเศรษฐกิจที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดได้แก่ภาคการผลิต ภาคค้าปลีก ภาคการขนส่ง และภาคการรักษาพยาบาล ทั้งนี้ หากนับรวมตัวเลขทั้งปี 2554 จะพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการจ้างงานทั้งสิ้น 1,600,000 ตำแหน่ง สูงที่สุดในรอบ 5 ปี ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ชี้ว่าตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังเดินมาถูกทางแล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขว่างงานที่ลดลงจะส่งผลดีต่อโอบามาในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในช่วงปลายปีนี้

 

 

คาร์ฟูร์ ประกาศหยุดขายหูฉลามในห้างสาขาทั่วสิงคโปร์

คาร์ฟูร์ บริษัทค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกจากฝรั่งเศส ประกาศจะหยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หูฉลามในห้างสาขาที่สิงคโปร์ทันทีหากสินค้าสต็อกปัจจุบันหมดลง การตัดสินใจดังกล่าวของคาร์ฟูร์มีขึ้นหลังเอ็นทียูซี แฟร์ไพรซ์ เชนซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่สุดของสิงคโปร์ ประกาศจะถอดหูฉลามออกจากรายการสินค้าของห้างตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ภายหลังถูกนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนขู่คว่ำบาตร ทั้งนี้ จากข้อมูลของกองทุนสัตว์ป่าโลก หรือ WWF ระบุว่าการนิยมบริโภคหูฉลาม ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฉลามลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว หากย้อนดูสถิติของปี 2553 จะเห็นว่ามีฉลามกว่า 180 สายพันธุ์ กำลังใกล้สูญพันธุ์ เทียบกับเมื่อปี2539 ที่มีเพียง 15 สายพันธุ์ เท่านั้น นอกจากนี้ ข้อมูลของ WWF ยังระบุด้วยว่าทุกวันนี้ สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าหูฉลามรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากฮ่องกง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมัยนี้ สอบวุ่นวายไปหมด เครียดทั้งพ่อแม่ และลูกหลาน สมัยก่อน เรียนจบ มศ. 5 ก็สอบ Entrance เข้ามหาลัยฯทีเดียว มาจุดเทียนส่องไฟฉาย ดูรายชื่อเข้าได้เข้าไม่ได้ ที่สนามจุ๊บ

 

 

 

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางตรวจเยี่ยมการสอบตรงเคลียริ่งเฮ้าส์ วันแรกเป็นไปอย่างเรียบร้อย ระบุ การสอบระบบดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาด้านการเดินทางและประหยัดค่าใช่จ่ายแก่นักเรียน

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางตรวจเยี่ยมการสอบตรงเคลียริ่งเฮ้าส์ วันแรกเป็นไปอย่างเรียบร้อย ระบุ การสอบระบบดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาด้านการเดินทางและประหยัดค่าใช่จ่ายแก่นักเรียน

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางตรวจเยี่ยมการสอบตรงเคลียริ่งเฮ้าส์ ซึ่งกำหนดสอบวันที่ 7และ 8 มกราคม 2555 ที่สนามสอบโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ซึ่งวันนี้ถือเป็นการสอบตรงวันแรก โดยนายวรวัจน์ กล่าวว่า การสอบในระบบเคลียริ่งเฮ้าส์ วันนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่คุมเข้มทุกห้องสอบ ซึ่งการสอบระบบดังกล่าว เพื่อให้มหาวิทยาลัยต่างๆนำคะแนนไปใช้ในการประกอบการรับสมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบรับตรงผ่านเคลียริ่งเฮ้าส์ ประจำปี 2555 โดยทาง สทศ.จะจัดสถานที่สอบให้ในหวัดต่างๆจำนวนรวม 8 ศูนย์สอบ 113 สนามสอบ ใน 7 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ซึ่งวิชาที่มีผู้สมัครสอบมากที่สุดคือวิชาภาษาอังกฤษ ที่มีผู้สมัครสอบ 146,263 คน รองลงมาคือสังคมศึกษาและวิชาภาษาไทย ด้านคุณสมบัติของผู้สมัครสอบจะต้องอยู่ระหว่างการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า หรือจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ขึ้นไป ขณะที่บรรยากาศการสอบเคลียริ่งเฮาส์ ที่ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม วันนี้ มีการสอบทั้งสิ้น 4 วิชา ได้แก่วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วิชาคณิตศาสตร์ วิชาฟิสิกส์ และวิชาภาษาไทย และในวันที่ 8 มกราคม 2555 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการสอบจะทำการสอบใน 3 วิชาได้แก่ วิชาภาษาอังกฤษ วิชาเคมี และวิชาชีววิทยา และจะทำการประกาศผลสอบในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งการสมัครสอบครั้งนี้มีผู้สมัครสอบอายุสูงสุด 53 ปี 1 คน

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการสอบในระบบรับตรงเคลียริ่งเฮ้าส์ จะช่วยแก้ปัญหาและลดภาระการเดินทางไปสอบยังสถานที่ต่างๆรวมถึงช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาพรวมการเข้าสอบระบบเคลียริ่งในวิชาสามัญ 7 วิชาทั่วประเทศวันแรก พบปัญหานักเรียนลืมนำบัตรประจำตัว โดยภาษาอังกฤษมีผู้สมัครสอบมากสุด 146,263 คน

 

ภาพรวมการเข้าสอบระบบเคลียริ่งในวิชาสามัญ 7 วิชาทั่วประเทศวันแรก พบปัญหานักเรียนลืมนำบัตรประจำตัว ขณะที่วิชาที่มีผู้สมัครสอบมากสุด คือภาษาอังกฤษ 146,263 คน

รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชติ หรือ สทศ. กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมสถานที่จัดสอบวิชาสามัญ 7 วิชา เพื่อให้มหาวิทยาลัยนำคะแนนไปใช้ประกอบการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งวันนี้เป็นการสอบวันแรก ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั้ง 8 ศูนย์สอบทั่วประเทศ จำนวน 113 สนามสอบ อย่างไรก็ตาม พบปัญหานักเรียนลืมนำบัตรประจำตัวที่มีรูปแสดงตนเองบ้างเล็กน้อย ซึ่งต้องขอย้ำให้ผู้เข้าสอบวันพรุ่งนี้ อย่าลืมนำบัตรประตัวมาด้วย นอกจากนี้ ขอให้เตรียมพร้อมในการเข้าห้องสอบ เพราะหากเลยเวลากำหนดสอบเกินครึ่งชั่วโมง จะถูกตัดสิทธิ์ทันที โดยในวันพรุ่งนี้ตนเองจะไปตรวจสนามสอบ ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี

ผู้อำนวยการ สทศ.กล่าวถึงวิชาที่มีผู้สมัครสอบทั้ง 7 วิชา ว่า ภาษาอังกฤษมีผู้สมัครสอบมากที่สุด 146,263 คน รองลงมาสังคมศึกษา 145,620 คน ภาษาไทย 145,619 คน คณิตศาสตร์ 136,979 คน ชีวิทยา 96,876 คน ฟิสิกส์ 95,798 คน และเคมี 95,609 คน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ผู้ว่า ธปท. เผย รองนายกฯพร้อมแก้ไข พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ เพื่อความเหมาะสม

 

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เผย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมแก้ไข พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้เพื่อความเหมาะสม ส่วนจะยกเลิกหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการหารือเกี่ยวกับพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ เพื่อช่วยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ)เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาว่า กับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาว่า การหารือเป็นไปด้วยดี ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี พร้อมจะแก้ไขเพื่อความเหมาะสม ส่วนการแก้ไขจะเสร็จสิ้นเมื่อใดหรือจะยกเลิกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ พ.ร.ก.ดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย ธปท.จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จุดใดที่อาจก่อเกิดความเสียหาย จะขอให้แก้ไขทันที ส่วนที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก(สคฝ.) เป็นห่วงเรื่องรายได้กองทุนคุ้มครองเงินฝาก จะไม่มีเงินเพียงพอหากสถาบันการเงินขนาดใหญ่มีปัญหา นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กล่าวว่า กระทรวงการคลังต้องออกมารับผิดชอบ

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : ดวงกมล แสงจันทร์ /สวท.   Rewriter : พนาวรรณ์ จิตรสมุทร(2)

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 07 มกราคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

*** ต้องอ่าน

 

 

อนาคตเศรษฐกิจสหรัฐปี 2012สดใสหลังจากตัวเลขว่างงานลดเหลือ 8.5 %

January 6, 2012  |   Filed under: TOP News  |   Posted by: admin

การว่างงานของสหรัฐเหลือ 8.5 % ถือว่าดีที่สุดในรอบ 3 ปี โอบามาเรียกร้องให้ตัดภาษีไปจนถึงสิ้นปี พบว่าค่าแรงโดยเฉลี่ยเพิ่มที่ 23.24 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ตลาดหุ้นลดลงเล็กน้อย

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2012 พบว่าในเดือนธันวาคม 2011 อัตราการว่างของสหรัฐลดเหลือ 8.5 % โดยมีแรงงานที่ได้รับการจ่ายจากเพย์โรล เช็คเพิ่ม 200,000 ราย หลังจากที่เพิ่มมาแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 100,000 ราย  หรืออัตราการว่างงานลดมากที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาทำให้มองเห็นว่าอนาคตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2012 เดินไปในทิศทางที่ดีขึ้น 

 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้ออกสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรวมทราบว่าทุกคนประเมินว่าอัตราการจ้างงานของเดือนธันวาคมน่าจะเพิ่มประมาณ 150,000 ตำแหน่ง โดยนำข้อมูลจกเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนมาเป็นเกณ์ที่เพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 8,000 ราย   

 

ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 กระทรวงแรงงานแถลงตัวเลขคนว่างงานลดจาก 9 เหลือ 8.7 %  โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานจากภาคเอกชนที่ไม่นับรวมภาครัฐเพิ่มถึง 212,000 ตำแหน่งหรือได้มีการทบทวนจากเดือนพฤศจิกายนที่ระบุว่ามีการเพิ่มอัตราการจ้างงานอยู่ที่เพียง 120,000 ตำแหน่ง

 

ในช่วงฤดูวันหยุดร้านจำหน่ายสินค้าปลีกและห้างสรรพสินค้ามีการจ้างงานแบบชั่วคราวเพิ่ม 27,900 ตำแหน่ง ทั้งนี้หลังจากนั้นได้มีบริษัทเอกชนจะจ้างคนงานเพิ่มเป็นการถาวรคือบริษัท Pier 1 Imports Inc. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่เมืองฟอร์ธ เวิร์ธ รัฐเท็กซัส

 

นายอเล็กซานเดอร์ สมิทธ ซีอีโอของห้างเพียร์ 1 ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมว่ายอกขายเพิ่มขึ้น สินค้าเป็นที่ต้องการอยู่ในอัตราที่สูงและการดำเนินงานต่างๆก็เติบโตขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าบริษัทจะต้องจ้างงานเพิ่มในไตรมาสแรกของปี 2012 อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ขณะเดียวกันปัจจัยที่ส่งเสริมการใช้จ่ายยังมาจากภาครัฐดังที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เสนอให้มีการต่ออายุการลดภาษีหรือ payroll-tax cut ตลอดปี 2012 หลังจากที่สภาคองเกรสให้ต่ออายุไปจนสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ 

 

“เรากำลังเริ่มฟื้นตัว เรากำลังจ้างงานเพิ่ม”โอบามากล่าวในระหว่างการประชุมที่สำนักงานพิทักษ์ผู้บริโภคทางการเงิน(  Consumer Financial Protection Bureau)ที่กรุงวอชิงตัน   

 

ในภาคบริการ การจ้างงานเพิ่ม 152,000 ราย โดยบริษัท United Parcel Service Inc. (UPS) ประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่าปี 2012 บริษัทจะจ้างงานเพิ่ม 55,000 ตำแหน่งหรือเพิ่ม 10 % เมื่อเทียบกับการจ้างงานเมื่อปี 2010 เหตุหนึ่งพนักงานเหล่านี้จะเข้ามาเป็นผู้จัดส่งสินค้าที่มีออร์เดอร์ผ่านออนไลน์

 

นายบรูซ แคสแมน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ JPMorgan Chase & Co.ที่นิวยอร์กกล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานเป็นองค์ประกอบประการหนึ่งที่ยังจะรวมไปถึงการก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้นเพราะอากาศดี จะทำให้เกิดการจ้างงานในส่วนนี้ เมื่อเดือนธันวาคม ธุรกิจการก่อสร้างได้จ้างแรงงานเพิ่ม 17,000 ราย

 

ในภาพรวมของปี 2011 นายจ้างในสหรัฐได้เพิ่มแรงงานรวม 1.64 ล้านตำแหน่งถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ขณะที่ปี 2010 มีการจ้างงานเพิ่ม 940,000 ราย อย่างไรก็ตามในช่วงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2009 นั้นคนอเมริกันถูกลอยแพไป 8.75 ล้านราย

 

นอกจากนี้เมื่อสำรวจค่าจ้างพบว่าเฉลี่ยตกชั่วโมงละ 23.24 ดอลลาร์หรือเพิ่ม 0.2 % และอัตราการทำงานก็เพิ่มขึ้น 6 นาทีหรือเฉลี่ยสัปดาห์ละ 34.4 ชั่วโมง

 

เมื่อเทียบอัตราการว่างงานแล้วจะพบว่าเมื่อปี 2009 อัตราอยู่ที่ 9.6 % ,ปี 2010 อยู่ที่ 9.3 % และปี 2011 อยู่ที่ 8.9 % หรือถือว่าแย่กว่าปี 1939-1941 ซึ่งอยู่ในช่วงปลายเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ( the Great Depression)

 

ในทางตรงกันข้ามภายหลังจากที่ตัวเลขอัตราการว่างงานแถลงออกมาทำให้การซื้อขายในตลาดหุ้นตกลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้หุ้นของ Goldman Sachs Group Inc. (GS) และ Morgan Stanley การซื้อขายตกลงมากกว่า 1 % ,หุ้นของBank of America Corp. (BAC) ตกมากกว่า 2.1 % หลังจากเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมหุ้นตัวนี้เพิ่ม 8.6 % , Alcoa Inc. ลดลง 1.4 %   

 

ตลาดปิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม ดัชนีดาวโจนสืลดลง 38.15 จุดหรือ 0.31 % ปิดที่ 12,377.55 จุด,ตลาดหุ้น  Standard & Poor’s 500 Index ลดลง 2.01 จุดหรือ 0.16 % ปิดที่ 1,279.05 จุดและ  The Nasdaq Composite Index กลับเพิ่ม 5.49 จุดหรือ 0.21 % ปิดที่ 2,675.35 จุด

 

 Analysis: Amid jobs gains, worries persist over Europe

 

http://news.yahoo.com/analysis-amid-u-jobs-gains-worries-persist-over-180458210.html

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การยื่นฟ้องคดีบ๊องๆในปี 2011

January 4, 2012  |   Filed under: Handheld-Home,กฏหมายและอิมมิเกรชั่น  |   Posted by: admin

 

 

 

 

 

 

สถาบันเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย (Institute for Legal Reform)แห่งสภาหอการค้าอเมริกันได้รวบรวมคดีบ๊องๆ (crazy lawsuits)ที่มีการยื่นฟ้องกันในปี 2011 รวม 10 คดีที่ถือว่าสุดบ๊อง การยื่นฟ้องในสหรัฐยื่นฟ้องได้และศาลต้องรับฟ้องไว้ แต่จะนำมาเป็นคดีหรือไม่จะมีการไต่สวนกันอีกครั้ง  บ่อยครั้งคดีจะต้องลูกขุนคณะใหญ่ (Grand Jury) เป็นผู้ชี้ขาดว่าจะนำขึ้นสู่การพิจารณาคดีได้หรือไม่

 

 

....

การยื่นฟ้องย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชน,ธุรกิจและผลอาจจะกระทบต่อชีวิต,หน้าที่การงานแม้กระทั่งความเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

การคัดเลือกครั้งนี้ได้กระทำผ่านการโหวตของผู้เข้าท่องเว็บ the FacesOfLawsuitAbuse.org โดยทำเป็นรายเดือนทุกเดือน  จากนั้นนำมาจัด 10 อันดับ ชื่อว่า The top ten Most Ridiculous Lawsuits of 2011 ประกอบด้วย

 

1.ผู้ต้องโทษยื่นฟ้องสามีภรรยาที่เขาลักพาตัวไป โดยกล่าวหาว่าไม่ช่วยให้เขาหนีตำรวจไปได้ตามที่ให้สัญญาไว้ ขณะนี้โจทก์ติดคุกอยู่และต้องการเงิน 235,000 ดอลลาร์ในข้อหาที่เจ้าทุกข์ผู้ถูกจี้ตัวเบี้ยวสัญญา (breach of contract)

 

2.ลูกสาววัย 20 และ 23 ยื่นฟ้องแม่ของตัวเองว่าส่งคาร์ดไปให้แต่ไม่มีของขวัญพร้อมด้วยของเล่นที่เธอชอบไปให้ด้วย

 

3.ชายเพนซิลเวเนียผู้หนึ่งพกปืนเข้าไปในบาร์,หลังจากเมาก็เกิดการยิงต่อสู้กันขึ้นกับลูกค้าคนอื่นจนเขาได้รับบาดเจ็บ,จากนั้นยื่นฟ้องบาร์ในข้อหาไม่ค้นอาวุธในตัวเขาก่อนเข้าบาร์

 

4.สตรีผู้หนึ่งยื่นฟ้องเจ้าของร้านเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านดอลลาร์หลังจากตกลงกันไม่ได้เรื่องขอเงินคืน (refund) 80 เซ็นต์จากคูปองสินค้าที่ร้านออกให้

 

5.คุณแม่ชาวนิวยอร์กคนหนึ่งยื่นฟ้องฝ่ายบริหารโรงเรียนอนุบาลเกี่ยวกับความคาดหวังของเด็กที่จะเข้าเรียนต่อคอลเลจระบุว่าโรงเรียนได้ทำให้ลูกวัย 4 ขวบของเธอพลาดโอกาสที่จะเข้าเรียนใน Ivy League

 

6.ชายผู้หนึ่งยื่นฟ้องเกี่ยวกับการกีดกันเรื่องอายุ (age discrimination)โดยระบุว่าผู้พิพากษาที่ว่าคดีความของเขานั้นแก่เกินไปเพราะอายุ 88 ปีแล้ว

 

7.ชายอ้วนน้ำหนักเกือบ 300 ปอนด์ยื่นฟ้องร้านขายเบอร์เกอร์WhiteCastleกล่าวหาว่าทางร้านจัดหาที่นั่งไว้ไม่เหมาะสมสำหรับคนขนาดอย่างเขา

 

8.สตรีผู้หนึ่งยื่นฟ้องบริษัทฉายหนังประเภทขับรถเข้าไปนั่งดู(driving in) โดยกล่าวหาว่าหนังที่ประกาศไว้ไม่มีแสดงการขับรถมากพอตามที่เธอคาดหวังไว้

 

9.ผู้โดยสารท่องเรือสำราญยื่นฟ้องว่าเรือสำราญ (cruise ship)แล่นเร็วเกินไปทำให้คนนั่งต้องโคลงตัวไปมา

 

10.คุณแม่ผู้หนึ่งยื่นฟ้องบริษัท Chuck E. Cheese โดยกล่าวหาว่าเกมที่ทางร้านเปิดให้เด็กเล่นนั้นทำให้เด็กติดการพนันได้ ขอให้นำเครื่องเล่นออกจากร้านและเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านดอลลาร์  ทางร้านบอกว่าเกมที่นำมาติดตั้งทำอย่างถูกกฎหมายและยื่นให้ผู้พิพากษาจำหน่ายคดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

On Monday, French President Nicolas Sarkozy will meet with German Chancellor Angela Merkel in Berlin to discuss preparations for a summit of European Union leaders at the end of January.

ในวันจันทร์ ประธานาธิบดีซาร์โกซี่ และ นายกรัฐมนตรีเมอร์เกล มีคุยนอกรอบ ที่กรุงเบอร์ลิน ก่อนการประชุมเหล่าผู้นำสหภาพยุโรปปลายเดือนมกราคม

 

 

On Thursday, the European Central Bank is expected to hold interest rates steady when it holds its monetary policy meeting.

วันพฤหัสฯ ธนาคารกลางยุโรป มีการประชุมนโยบายการเงิน และการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คงเดิม หรือ ลดลง ย่อมต้องมีเหตุและผลมาอธิบาย

 

“After the ECB decided to adopt comprehensive quantitative easing measures at its last meeting, it looks set to remain on hold at Thursday’s meeting. Looking ahead, however, the ECB is likely to keep the door open to all options,” said Michael Schubert, an economist at Commerzbank, in a report.

ต้องดูว่า การประชุมวันพฤหัสฯ จะมีการส่งสัญญานของ ผ่อนคลายทางการเงินหรือเปล่า

It is also shaping up to be a busy week for economic data.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...