ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

พิจารณากันเองสำหรับ รหัส กราฟ ทั้ง 3 รหัส ในวันนี้ จะโพสต์ให้เห็นนะว่า เป็นยังไง เริ่มจาก 12,26,9 แบบดั้งเดิม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับรหัสกราฟ 5,35,9 ที่ส่ง Signal ออกมาแบบนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน

สปอตขึ้นมาให้ชื่นจายยยยย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"จอดรถขวางจนเดือดร้อน..."

 

ประมวลกฎหมายอาญา หมวดลหุโทษ มาตรา 397 บัญญัติว่า ผู้ใดในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล กระทำด้วยประการใดๆอันเป็นที่การรังแกหรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ความผิดลหุโทษ เป็นหมวดท้ายสุดของกฎหมายอาญาซึ่งจะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก็ได้ นอกจากศาลจะมีอำนาจตัดสินคดีประเภทนี้ ยังยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจเปรียบเทียบปรับที่โรงพักสำหรับคดีในหมวดนี้ด้วยเพื่อสะดวกในการดูแลควบคุมให้สังคมสงบและปลอดภัยเร็วขึ้น ดังนั้น ความผิดในหมวดนี้มักกำหนดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมซึ่งอาจทำให้การอยู่ร่วมกันไม่สงบสุข หรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น เป็นหลัก

 

เหตุการณ์หนึ่งซึ่งหลายคนต้องพบเจอกันบ่อยมากและข้องใจว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เมื่อคนอื่นเอารถมาจอดขวางประตูบ้าน ทำให้เจ้าของบ้านเข้าออกไม่ได้ เราไปขอให้ย้ายที่จอดรถ ก็จะเถียงว่า ถนนหน้าบ้านไม่ใช่ของเรา หากไปแจ้งตำรวจ ก็ได้รับคำตอบว่า ยังไม่เกิดความเสียหายแก่ฝ่ายใดชัดเจน ก็ไม่รับแจ้งความหรือดำเนินคดีใดไม่ได้ ทำให้เกิดความเคืองแค้นระหว่างกัน บางคนก็ระบายอารมณ์ด้วยการฉีดพ่นสีรถก่อเหตุหวังให้กลัวเกรง แต่ผู้พ่นสีหรือเจ้าของบ้านต้องไปขึ้นศาลคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายรถคันนั้นและรถก็ยังกีดขวางหน้าบ้านดังเดิม ทั้งนี้เพราะมิได้แก้ไขจากต้นเหตุ

 

กฎหมายอาญาเขียนกำหนดลักษณะความผิดและโทษไว้ตามยุคสมัยและพฤติกรรมทั่วไปของมนุษย์ อาจไม่ครอบคลุมทุกพฤติกรรม แต่การปรับบทกฎหมายให้เข้ากับข้อเท็จจริงเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยเฉพาะหมวดลหุโทษซึ่งเขียนขึ้นเพื่อควบคุมให้บุคคลอยู่ร่วมกันในสังคมโดยไม่เบียดเบียนกันเกินขอบเขตอันควร กรณีจอดรถขวางประตูบ้านหรือการเลี้ยงสัตว์มากเกินไปจนส่งเสียง ส่งกลิ่นเหม็น หรือการจัดงานเลี้ยงแล้วเกิดเสียงดังลั่นจนรบกวนการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข จึงใช้บางมาตราในหมวดลหุโทษปรับใช้เพื่อลงโทษผู้ก่อเหตุก็ได้

 

ความผิดในหมวดลหุโทษแม้ไม่มีเจตนาทำผิด หากเกิดพฤติกรรมที่เขียนไว้ในบทมาตราแล้ว ตำรวจหรือศาลก็มีสิทธิตัดสินลงโทษได้ อันแตกต่างจากการกระทำความผิดอาญาทั่วไปที่ต้องมีเจตนาด้วย การจอดรถกีดขวางทางเข้าบ้านของผู้อื่น แม้จะมองไม่เห็นชัดเจนว่าสร้างความเสียหายพอที่จะดำเนินคดีในศาลหรือแจ้งความดำเนินคดีใดได้ แต่เป็นพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อน รำคาญใจ แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมนี้แม้จะกระทำบนถนนสาธารณะก็ตาม เนื่องจากการใช้ทางสาธารณะจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจแก่คนอื่น ทางสาธารณะเป็นทางใช้ร่วมกันเพื่อประโยชน์ของทุกคน แต่ต้องไม่ใช้เพื่อสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นด้วย

 

การจอดรถขวางประตูบ้านของผู้อื่น เป็นการกระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญ เพราะไม่สามารถนำรถเข้าหรือออกจากบ้าน ข้ออ้างว่าถนนหน้าบ้านเป็นที่สาธารณะ หรือ เจ้าของบ้านไม่ควรใช้รถเมื่อเขาจอดรถบนถนนหน้าบ้าน ใช้อ้างไม่ได้และไร้สาระ เนื่องจากเจ้าของรถใช้สิทธิไปก่อความเดือดร้อนของผู้อื่นทั้งที่รู้แก่ใจถึงความเสียหายนั้นเยี่ยงวิญญูชนพึงรู้กัน จึงถือว่า กระทำความผิดฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญใจตามมาตรา 397 หมวดลหุโทษ ทั้งนี้ เมื่อเป็นความผิดกฎหมายอาญาแล้ว ตำรวจจะปัดไม่รับแจ้งความร้องทุกข์ไม่ได้ ถ้าปฏิเสธ อาจมีโทษฐานละเว้นหน้าที่โดยทุจริต เพราะความผิดฐานนี้ไม่จำเป็นต้องมีความเสียหายเกิดขึ้น แค่เกิดพฤติกรรมที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญใจ ก็เป็นความผิดอาญาฐานนี้แล้ว

 

กรณีการจอดรถขวางประตูบ้านของผู้อื่นนั้น ก่อนจะแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเอาความกับเจ้าของรถ สิ่งที่ต้องคำนึงด้วยคือ การพิสูจน์ให้ได้ว่ามีความเดือดร้อนรำคาญ คือ การขับรถเข้าออกบ้านไม่สะดวกจนน่ารำคาญและเดือดร้อน สิ่งแรกที่พึงต้องเตรียมไว้คือ การพิสูจน์ว่ามีรถที่เข้าออกบ้าน และ การปิดป้ายหน้าบ้านเพื่อเตือนแล้วว่า อย่าจอดรถขวางประตูบ้าน เพื่อยืนยันการมีรถในบ้านที่จะเข้าออกในเวลาใดก็ได้ จากนั้นเมื่อมีรถจอดขวางประตูบ้านก็ไปแจ้งความโดยอ้างประมวลกฎหมายอาญา หมวดลหุโทษ มาตรา 397 กับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดี เมื่อคดีนี้มีโทษจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ ตำรวจต้องดำเนินคดีอาญาทันทีที่รับแจ้ง ส่วนบทลงโทษที่ใช้นั้นเป็นดุลพินิจของตำรวจ เราก็ต้องยอมรับอำนาจนั้น วิธีทำให้เจ้าของรถเข็ดหลาบและไม่ทำผิดซ้ำอีกคือ เจ้าของบ้านต้องอดทนและหมั่นแจ้งความทุกครั้งที่เจ้าของรถนำรถมาจอดขวางหน้าบ้าน เพื่อให้ตำรวจจับปรับหรือสั่งจำคุกแล้วแต่ดุลพินิจ ยิ่งจ่ายมาก ยิ่งไม่อยากจ่าย สุดท้ายจะรามือไม่จอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นโดยปริยาย อย่าใช้วิธีอื่นระบายอารมณ์เด็ดขาดเพราะอาจเป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้ตัวเองโดยไร้ประโยชน์และไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลย ควรเคารพกฎหมายและใช้กฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ตัวเองเมื่อมีกฎหมายให้ใช้ได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อเก็งกำไรหนุนทองคำปิดพุ่ง 14.2 ดอลลาร์

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 10 เมษายน 2556 06:47:38 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่สัญญาทองคำร่วงลงเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 14.2 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,586.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 27.881 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 74.3 เซนต์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.05 เซนต์ ปิดที่ 3.4415 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 1,553.10 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 16.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 733.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 3.20 ดอลลาร์

 

สัญญาทองคำปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาทองคำร่วงลง 4 วันในระยะเวลา 5 วันทำการที่ผ่านมา นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ เพราะการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำมีมูลค่าน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น

 

อย่างไรก็ตาม ดอยช์ แบงก์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำโดยเฉลี่ยในปี 2556 ลง 11.8% มาอยู่ที่ระดับ 1,637 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่า หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 10 เมษายน 2556 07:06:25 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจและดัชนีความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจขนาดเล็กปรับตัวลดลง แต่ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน

 

 

 

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นแตะระดับ 1.3100 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3004 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5254 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1. 0503 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0410 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.30 เยน จากระดับ 99.21 เยน แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9315ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9354 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนแอ รวมถึงสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.พ.ซึ่งปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.8% โดยสต็อกสินค้าเดือนก.พ.ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2554 หรือในรอบ 17 เดือน และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายบริษัทปรับลดสต็อกสินค้าคงคลัง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ปิโตรเลียม และเภสัชภัณฑ์

 

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนในเดือนมี.ค. โดยเจ้าของธุรกิจที่วางแผนจะลดสต็อกสินค้าและลดการจ้างงานนั้นมีจำนวนมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เพราะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ในการประชุมครั้งล่าสุด โดยบีโอเจจะยังคงเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินแบบเชิงรุก จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เพื่อจัดการกับปัญหาเงินฝืด

 

ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนแรงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีในเดือนก.พ.ลดลง 1.5% เมื่อเทียบรายเดือน และหดตัว 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ข้อมูลระบุว่าการส่งออกของเยอรมนีไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลกปรับตัวลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีจะต้องใช้ระเวลานานกว่าที่เคยประเมินไว้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 10 เมษายน 2556 07:36:19 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากอัลโค อิงค์ บริษัทเหมืองรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 288.07 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,670.72 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด หรือ 0.11% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,237.86 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือ 0.48% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,313.21 จุด เพิ่มขึ้น 36.27 จุด 0.58%

 

 

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจและดัชนีความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจขนาดเล็กปรับตัวลดลง

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 59.98 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 14,673.46 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.54 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 1,568.61 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 3,237.86 จุด

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขเงินเฟ้อของจีนชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธนี้

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 94.2 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 106.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่สัญญาทองคำร่วงลงเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 14.2 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,586.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 27.881 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 74.3 เซนต์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.05 เซนต์ ปิดที่ 3.4415 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 1,553.10 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 16.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 733.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 3.20 ดอลลาร์

 

--ราคาทองคำตลาดลอนดอนปิดวันทำการล่าสุด (9 เม.ย.) ที่ 1,577.25 ดอลล์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจและดัชนีความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจขนาดเล็กปรับตัวลดลง แต่ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน

 

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นแตะระดับ 1.3100 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3004 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5254 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1. 0503 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0410 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.30 เยน จากระดับ 99.21 เยน แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9315ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9354 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในจีนผ่อนคลายลง

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 36.27 จุด หรือ 0.58% แตะที่ 6,313.21 จุด

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐเผยสต็อกสินค้าภาคค้าส่งลดลง 0.3% ในเดือนก.พ. ขณะยอดค้าส่งเพิ่ม 1.7%

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 9 เมษายน 2556 22:05:00 น.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.8% อย่างไรก็ดี ยอดค้าส่งปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทต่างๆประเมินอุปสงค์ของผู้บริโภคต่ำเกินไป

 

 

 

สต็อกสินค้าเดือนก.พ.ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2554 หรือในรอบ 17 เดือน และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายบริษัทปรับลดสต็อกสินค้าคงคลัง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ปิโตรเลียม และเภสัชภัณฑ์ โดยสต็อกสินค้าเกษตรลดลงในช่วงหลายเดือนมานี้ ซึ่งเป็นผลมาจากภัยแล้งในเขตมิดเวสต์

 

สำหรับยอดขายในระดับค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. นำโดยยอดขายปิโตรเลียม เสื้อผ้า และคอมพิวเตอร์ โดยยอดค้าส่งเดือนก.พ.ดีดตัวขึ้นจากที่ลดลง 0.3% ในเดือนม.ค.

 

ทั้งนี้ สต็อกสินค้าที่หดตัวอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะหมายความว่าโรงงานต่างๆกำลังผลิตสินค้าลดลง อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนก.พ.ส่งสัญญาณว่า บริษัทต่างๆจะต้องปรับเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลังให้เร็วขึ้นในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการขยายตัวได้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทแข็งชน28ต่อดอลล์ แบงก์ชาติให้วางใจ'จับตาใกล้ชิด'หุ้นปิดร่วง18จุด(10/04/2556)

ไทยโพสต์ * มาตรการ BOJ กระทบไทย ดันค่าเงินบาทแข็งโป๊ก แตะ 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ผู้ว่าการ ธปท.ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจ ย้ำจับตาดูอย่างใกล้ชิด ชี้ลงทุน 2 ล้านล้านไม่เป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจ ด้านหุ้นไทยดิ่งแรง 18 จุด ต่างชาติขายต่อ 1.3 พันล้านบาท

 

นายประสาร ไตรรัตน์วร กุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประ เทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทช่วงเช้าวันที่ 9 เม.ย. มีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งเห็นมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเปรียบเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ แข็งค่ากว่า 1.4% และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่ามากขึ้นกว่า 4%

 

 

 

ทั้งนี้ จากการติดตามล่า สุด มีปริมาณการซื้อขายเงินตราต่างประเทศในช่วงเช้าของ วันที่ 9 เม.ย.มากกว่าปกติ เข้าใจว่าสาเหตุสำคัญเกิดจากการ ดำเนินมาตรการทางการเงินล่าสุดของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไปในทางที่ผ่อนคลายมากกว่าที่ ธปท.ได้คาดการณ์เอาไว้ เป็นผลทำให้เงินในภูมิ ภาคละตินอเมริกาแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงไทยด้วย เมื่อเปิดตลาดค่าเงินจึงแข็งแตะ 29 บาท และแกว่งลงมาอยู่ในช่วง 28.96-28.99 บาท ซึ่ง ธปท.ขอระยะเวลาในการดูแลอีกสักระยะหนึ่ง พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวตลาดการเงินอย่างใกล้ชิดต่อไป ขอให้ทุกฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้องโปรดระมัดระวัง

 

สำหรับการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ตามแผนการลงทุน 7 ปี เฉลี่ยต่อปีมีการกู้ยืมเงินปีละ 3 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขที่ไม่ห่างไกลจากระดับการลงทุนปกติ ถือว่าไม่เป็นภาระระบบเศรษฐกิจจนเกินไป อีกทั้งเศรษฐ กิจไทยได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้สภาพคล่องน่าจะเพียงพอ

 

ด้านความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 9 เม.ย. 2556 ปิดการซื้อขายที่ 1,470.72 จุด ลดลง 18.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,016.43 ล้านบาท โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,495.24 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,470.22 จุด ขณะที่นักลงทุนสถาบันขาย สุทธิ 107.74 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 619.63 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย สุทธิ 1,346.64 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,074.01 ล้านบาท

 

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า นักลงทุนไม่ควร ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่ตลาด หุ้นไทยในช่วงนี้ปรับตัวลงมา เนื่องจากเป็นเรื่องปกติที่ตลาดจะต้องปรับตัวลงมาในช่วงใกล้เทศกาลซึ่งเป็นวันหยุดยาวอย่าง สงกรานต์

 

นอกจากนี้ มองว่าตลาด หุ้นไทยยังมีความน่าสนใจและ ราคายังถูกอยู่ เมื่อเทียบกับตลาด หุ้นในภูมิภาค เนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีค่าพี/อี (อัตราส่วนกำไร ต่อหุ้น) อยู่ที่ระดับ 13.7 เท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกกว่าตลาดในภูมิภาคมาก ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนกลับมาลงทุนหลังเทศกาลสง กรานต์ โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเป็นหลัก

 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการปรับประมาณการตัวเลขเป้าหมายของ ตลท.ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คงจะต้องมีการปรับประมาณการ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น โดยมากเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาค สูงกว่าอันดับ 2 อยู่ถึง 25% รวมถึงในปีนี้มีหุ้นเข้าใหม่ (IPO) เพิ่มมากขึ้น และการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียน (PP) ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากในปีนี้.

 

 

 

ที่มา : ไทยโพสต์ (10 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพื่อไทยเล็งปฏิเสธอำนาจศาล รธน.

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย มีการประชุมของคณะยุทธศาสตร์ร่วมกับฝ่ายกฎหมายพรรค โดยนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือแลกเปลี่ยนกันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อคัดค้านการแก้ไขมาตรา 68 ไว้ ซึ่งที่ประชุมมีการมองว่า ศาลมีอำนาจก้าวก่ายการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ โดยมีการเสนอแนวทางที่จะปฏิเสธอำนาจศาลว่า สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งหากจะมีการทำเราจะต้องออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ บอกว่า ศาลไม่มีอำนาจก้าวล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ และชี้แจงเหตุผลว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 และก็ได้ทำตามที่ศาลเคยมีคำแนะนำไว้คือให้แก้เป็นรายมาตรา ดังนั้นการทำตรงนี้ก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น เพราะคดีความที่เกี่ยวข้องกับมาตรานี้เป็นเรื่องร้ายแรง ก็ควรให้มีการยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุดเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือมาใช้กลั่นแกล้งกัน

 

นายสามารถกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อดำเนินการโหวตญัตติกรอบเวลาแปรญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมเห็นด้วยหากจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อที่จะทำเรื่องที่เห็นต่างให้ชัดเจน ซึ่งก็สอดคล้องกับความเห็นของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ก็เป็นเรื่องของวิป 3 ฝ่ายที่จะหารือกัน ยังมีเวลาก่อนปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งก็เปิดประชุมรัฐสภาได้ ไม่มีปัญหาขัดข้องอะไร ทั้งนี้เชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจะไม่สะดุดหยุดชะงักแน่นอน เพราะเราแยกเป็น 3 ร่าง ส่วนที่มีคนร้องก็เป็นมาตรา 68 เราก็เชื่อว่าจะสามารถชี้แจงกับศาลได้ชัดเจน และผลออกมาก็น่าจะเป็นไปในทางบวก

 

"อย่างไรก็ตามเราเข้าใจศาล ที่รับคำร้องเอาไว้ ท่านต้องประคองสถานการณ์ ซึ่งหากไม่รับคำร้องไว้ ก็อาจจะมีการเล่นนอกเกม กลับไปสู่เกมมวลชนได้ ศาลถึงต้องรับเรื่องเอาไว้ก่อน แล้วให้สถานการณ์เย็นลง ให้มาฟังเหตุผลในคำวินิจฉัย ก็คงจะยอมรับกันได้"นายสามารถกล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ครับป๋า

 

จากรหัส สามตัวข้างบน

 

หมายถึงให้ซื้อได้แล้วใช่ไหมครับ ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures (10/04/2556)

ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- เงินบาทแข็งค่าสูงสุดทำสถิติใหม่รอบ 16 ปี

 

- SPDR ถือทองลดลง 4.94 ตัน

 

- คาดทองยังมีแนวโน้มฟื้นตัวรอติดตามรายงานการประชุมเฟด

 

- ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดการซื้อขายในช่วงกลางวัน ก่อนที่ในการซื้อขายช่วงค่ำจะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาจนทำให้ราคาดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากการซื้อขายช่วงปลายสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกันกับราคาโลหะเงินซึ่งในการซื้อขายช่วงค่ำที่ผ่านมา ราคาโลหะเงินปรับตัวขึ้นได้ในปริมาณค่อนข้างมาก

 

- เงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นทำสถิติแข็งค่าสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี ในการซื้อขายวานนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำและราคาโลหะเงินในประเทศปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างน้อย และคาดว่าค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อ จนอาจทำให้นักลงทุนกลับเริ่มมีการคาดการณ์เรื่องมาตรการป้องกันการแข็งค่าของเงินบาท

 

- การเคลื่อนไหวของราคาทองในช่วงนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อจากปลายสัปดาห์ก่อน ทั้งจากรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดประเมิน จนมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเช่นเดียวกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ประกอบกับความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ที่ยังเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคาทอง

 

- ราคาทองอ่อนตัวลงจากแนวต้านบริเวณ 1,590 ดอลลาร์ แต่ยังคงเคลื่อนไหวทรงตัวที่บริเวณแนวต้านดังกล่าวต่อเนื่องมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้ การเคลื่อนไหวในทางเทคนิคของราคาทองในระยะสั้นยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ หากราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,570-1,575 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา และหากผ่านแนวต้าน 1,590 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ คาดว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,600-1,605 และ 1,620 ดอลลาร์ ต่อไป

 

- ราคาโลหะเงินปรับตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ 28.0 ดอลลาร์ ภาพเทคนิคของราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจมีการปรับฐานระยะสั้นเกิดขึ้น โดยมีแนวรับสำหรับเก็งกำไรในระหว่างวันอยู่ที่ 27.50-27.60 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 28.0-28.20 และ 29.0 ดอลลาร์ ตามลำดับ

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.56

 

Close chg. Support Resistance

 

21,720 +20.00 21,650/21,500 21,800/21,900

 

คาดว่าราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นสลับออกมา หากราคาทองอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,570-1,575 ดอลลาร์ ยังเป็นระดับแนวรับที่สามารถกลับเข้าเปิดสถานะซื้อเก็งกำไร และมีจุดปิดสถานะซื้อตัดขาดทุนหรือกลับมาเปิดสถานะขายเก็งกำไรอยู่ที่บริเวณ 1,560-1,565 ดอลลาร์

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.56

 

Close chg. Support Resistance

 

845 - 820/810/800 860/865-867/880

 

ราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ 28.20 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา การเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินยังมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจมีการปรับฐานเกิดขึ้นในระหว่างวัน หากราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 27.50-27.60 ดอลลาร์ ยังเป็นแนวรับที่สามารถกลับเข้าเปิดสถานะซื้อเก็งกำไร โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 27.0-27.20ดอลลาร์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 10 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...