ระบบผลประโยชน์(มือที่มองไม่เห็น กลเม็ดเด็ดที่ทำเราขาดทุนเสมอๆ)ผมอยากให้ทุกคนอ่าน
สำหรับเพื่อนๆที่เล่นหุ้นกัน หรือ อยู่ในตลาดเก็งกำไรนั้น หลายคนที่พยายาม หา สูตร หา ระบบ ที่เอาชนะ มัน และ หาเหตุผลต่างๆ เพื่อ มาอธิบายว่าราคาเป็นไปที่ทางต่างๆนานา รวมทั้งข่าวที่ส่งผลกระทบต่อราคาหรือเปล่า
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะรู้แล้ว และ หลายๆคนอาจยังไม่รู้ว่า ตลาดหุ้นนั้น หรือ ตลาดเก็งกำไร เล่นกันด้วยระบบ ผลประโยชน์ ไม่ใช่ระบบเหตุผล หากมีเหตุผลตั้งแต่แรก ท่านแพ้ตั้งแต่เริ่ม
เนื่องจากหุ้นมีสภาพคล่องสูง เราจะ เอาเหตุผล ว่า มันลง เพราะข่าว นิดหน่อย หรือ ขึ้นนิดหน่อย แล้ว ตีความว่า มันใช่ ขาลงแล้วเพราะมันขึ้นไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ที่ จะทำเช่นนั้น เพราะ ในตลาด เราก็รู้ๆกันอยู่
ว่า 1.เราอยู่ล่างสุด และ ในตลาดไม่ใช่มีแค่เรา เท่านั้น เดียวจะมาบอกทริก เพื่อนำไปต่อยอด หาก im ท่านไหนอยากหันหน้าเข้าตลาด เป็น ศาสตร์ และ จิตวิทยา เพื่อ ต่อยอดความรู้ที่มี เราจะไม่เป็นคนส่วนใหญ่ได้อย่างไร
เดียวผมไปฉี่แปบ
มาต่อกันเลยคับ
ผู้คนในตลาด เขาแบ่งกันตามสัดส่วนคับผม โดย คนเราๆ แพทย์ ทหาร หรือ ใครนี่ละ หมายถึงคนธรรมดา 97% แล้ว อีก 3% คนกลุ่ม ธนาคาร หรือ รวมทั้ง อภิมหา อย่าง โซรอส ที่มีเม็ดเงินมหาศาล
เราหันหน้าเข้าตลาด โดยหวังกำไร แล้ว ใครจะเสียทุนให้กับเรา เราต้องคิดว่า เงินไม่ได้หามาง่ายๆ เงินง่ายๆ ไม่มีในโลก เหมือนที่ทุกคนทำงาน เเลือดตาแทบกระเด็น ยังได้ 0.30$ เองคับ
ดังนั้น เราต้องคิดเสมอว่า ในเมื่อ เราได้เงินมา ใครขาดทุนให้่เรา
ทุกท่านคงพอจะมองออกแล้วว่าใคร เนื่องจาก 97% นั่นคือเราๆ ท่าน แล้วในเมื่อ มีข่าวดี แล้วเราซื้อหุ้น จะเป็นไปได้อย่างไร คนทั้ง 97% จะซื้อ อย่างเดียว โดยที่ไม่มีใครขาย ทั้งๆที่มองไปทางไหนก็มีแต่ซื้อ
ท่านกับคนอื่นๆ ก็คงไม่อยากขายใช่ไหมครับ เพราะ ข่าวมันดี คนก็ซื้อสิ แต่ในเมื่อซื้อ ทำไมราคาจึงไม่ขึ้นอย่างเดียว จึงผันผวน เพราะ ในขณะที่ท่านซื้อนั้น มีกลุ่มคน 3% เขาขายอยู่ไงคับ
แต่เราไม่รู้หรอก เพราะ เรายังสด ยังใหม่ และ ยังไม่เคยชิมรสชาติ การขาดทุน เราก็ทำกำไรได้ เออ ดี เรามีกำไร รู้งี้ เล่นแต่แรกแล้ว
ท่าน คิดผิดแล้วครับ เมื่อท่าน ซื้อ ราคาก็ขึ้นไปใช่ไหมครับ คน97% สัก 50% มีข่าวมาครั้งแรก ซื้อไปแล้ว อีก 75% มีข่าวครั้งสอง ครั้งสามครั้งสี่ ซื้อไปหมดแล้ว เมื่อ ซื้อหมดทั้ง 97% ราคาก็เกิดการจับคู่กับ 3% ด้านบน แล้ว เมื่อมีข่าวดีอีก
ทำไมราคาถึงลงหละครับ ในเมื่อ มันเปนข่าวดีที่สุดของหุ้นตัวนั้น จะขึ้นได้อย่างไรละครับ ในเมื่อ 97% ซื้อข่าวก่อนหน้าไปแล้ว เห็นหุ้นน่าซื้อ เห็นข่าวน่าซื้อไม่ใช่หรอ เหนหุ้นตัวนี้ดี ดังนั้น ราคาเกิดการจับคู่กับ 3% เรียบร้อย ด้านบน
ราคาจึงเกิดการปรับตัวลงมา
นี่สำคัญมา ในเมื่อราคาเกิดการปรับตัวลงมา ราคาจึงสร้างเหตุผล กำหนดเหตุผลในตัวมันเอง ท่านจะไม่ทราบได้เลย จึงได้แต่ปลอบใจว่าราคา ลงเพราะข่าว มีเหุตผล แต่มันไม่ใช่ มันเป็นระบบผลประโยชน์
ถ้างี้ ก็น่าจะซื้อข่าวร้าย ขายข่าวดี สิ ไม่เลย ใช้การไม่ได้ เขาจับทางออกหมดแล้ว
คน3% ที่มีเม็ดเงินมหาศาลคงไม่มีใครมานั่งวิเคราะห์ไปวันๆ หรอก เขากำหนดเหตุผลได้ และ กำหนดราคาได้ คิดสิครับ ว่าคนกลุ่มนั้น 3% เขาจะยอมขาดทุนให้คนอย่างเราๆหรอก
เมื่อคนอย่างเราๆในตลาดมองหุ้นตัวนั้นน่าซื้อพร้อมกัน 90% ขึ้นไป เป็นไปไม่ได้ที่คน 90% จะมีกำไรพร้อมกัน เมื่อ ราคาเกิดการจับคู่ กับ 3% ซึ่งอาจเปน ธนาคาร การเงิน หรือ โซรอส ดักทางไว้หมดแล้ว ระบบผลประโยชน์จึงทำงาน
ในเมื่อเขากำหนดเหตุผลได้ กำหนดราคาและ ทิศทางได้ ที่เขาทำเพื่อรอเราตายเท่านั้น
ดังนั้นสำคัญมาก เราต้องไม่มีเหตุผลกับมัน ยังไงละ ก็ไม่ต้องใช้เหตุผลในตลาด เพราะ มันใช้การไม่ได้ ที่ผมต้อง การสื่อ คือ เมื่อมีข่าวออก เราอย่าเชื่อทันที อย่ามองแต่กราฟทันที ให้คิดซะว่า ถ้าคนอื่นเป็นเรา เขาจะขายหรือซื้อหุ้นตัวนั้นครับ
เป็นพื้นฐาน หากท่านไปตามข่าว ท่านก็เป็น mass หรือ คนส่วนใหญ่ 97% ในตลาด สิ่งที่เราต้องการคือ ไม่ใช่กลุ่มคน97% นั้น เราต้องการ เป็นคน 3% ไม่ใช่หรอครับ เพราะ mass จะขาดทุนเสมอ ในตลาดแห่งนี้
เมื่อเป็นกลุ่มคน 3% ก็มีโอกาสในการทำกำไรมากกว่า แต่ เมื่อไรจะซื้อจะขาย อันนี้ คงต้องทดสอบบ่อยๆครับ
เพราะ มันก็เกิดจากประสบการณ์เหมือนเดิม ทฤษฏีตัวนี้ น่าจะใ่ช่ที่สุดแล้ว หากเป็นในมุมจิตวิทยา
ระบบผลประโยชน์ยังเดินหน้าต่อ โดยไม่สนใจใครในตลาดทั้งนั้น
เราลองคิดเล่นๆว่า ถ้าเราเป็นคนที่มีเม็ดเงินมหาศาลอย่างเขา ที่สามารถกำหนดเหตุผลได้ เราคงไม่มานั่ง วิเคราะห์ไปวันๆหรอกครับ เพราะ กลุ่มคน เบื้องบนอย่างเขา มีเม็ดเงินพอที่จะจับคู่กับเงินน้อยๆอย่างเราได้หมดจนไม่มีเหลือ
แม้แต่คนที่คิดว่าปั่นหุ้นได้ พอเจอ สูตรนี้เข้าไปก็เดี้ยงพอๆกันครับ
อย่าเชื่อข่าว อย่าเชื่อกราฟ ให้ ดูตัวเรา และ มองคนที่เปนแบบเรา ว่าจะใช้ข่าวนั้นยังไง
เมื่อ ใช้ข่าวนั้น ในปริมาณมาก มองไปทางไหนก็ใ้ช้แต่ข่าวนั้น ซื้อๆๆ เราก็ทำการขายสวนทาง
เมื่อ เราขาย นั่นคือ เราไม่มีเหตุผล เพรราะ คนที่ใช้เหตุผล คือกลุ่มคน 90% เข้าไปแล้ว
และคนที่ซื้อต้องมีคนขาย เพราะ คนซื้อต้อง=คนขาย ราคาจึงเกิดขึ้น กลุ่มขาย คือ เบื้องบน เป็นกลุ่มคนน้อยๆ แต่เม็ดเงินมหาศาลพอที่จะจับคู่ซื้อขายได้ มีจำนวน3% คุณคิดว่าจะยอมเสียเม็ดเงินของเขาอันมหาศาล ให้กับคนอย่างเราๆ หรือเปล่า ละครับ
เราจึงใช้ทฤษฏีศึกษา เพื่อ เลือกที่จะเป็นกลุ่มคน 3% ที่มีเม็ดเงินมหาศาลพอที่จะกำหนดเหตุผลได้ อย่าเข้าใจว่า ข่าวสร้างราคา เพราะ ราคาก็สร้างข่าวได้ นั่นเป็นเพียงกับดักให้เราคิดว่าตลาดหุ้นมันง่ายเท่านั้นครับ แต่ แท้ที่จริง เราๆเนี่ยละจะขาดทุนเสมอ
ปวดมือละครับ ต้องไปนั่งเขียนบทความต่อ บ้าย บาย :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:
ท่านเจ้าของทฤษฏีนี้เขาบอกว่า หากมีข่าวร้าย ครับ มาเป็นตัวแรก ให้ดูข่าวนั่นก่อน แล้ว ไม่ต้องไปสนใจ ราคาจะไปยังไง ให้คิดซะว่า ถ้ามีข่าว ยูโรจะล่มสลาย ให้คิดก่อนเลยคับ ต้องมีคนจะขายออกแน่นอน ซึ่ง เมื่อ คิดเยอะๆ สัดส่วนการขายก็มากขึ้น แล้ว พอมีข่าวออกมาซ้ำๆ ก็เกิดการขายมาเรื่อย
ดังนั้น คนเราๆเนี่ยละที่เทขายลงไปเรื่อย โดยคิดว่าเราได้กำไรจากเงินด้วยกันเอง เขาบอกว่าไม่ใช่ครับ กลุ่มเงิน 3% ที่ซุ่มซื้อไว้ และ พอมีข่าวออกมาอีก ก็เกิดระยะการขายชุดใหญ่ที่อาจจะเป็นเราด้วยคับ เราก็กลายเป็น mass หรือ คนส่วนใหญ่ 97% ทันที อีก 3% เขาซื้อไว้ พอขายหมด เกิดการจับคู่ทุกคน มันจะลงต่อได้ยังไง แม้มีข่าวเล็กน้อยๆ เกี่ยวกับ ตัวเลขการซื้อขาย หรือ อัตราการผลิตต่างๆ มันก็ดันขึ้นจนหาเหตุผลไม่ได้ แล้วข่าวก็จะออกมาตอนหลัง มาบอกว่า ขึ้นเพราะอะไร กลุ่มคน 97% ก็ทยอยเอาของออก หรือ ออจากตลาด หรือ ขาดทุน กำไรก็ยังเป็นของ กลุ่มคน 3% เนื่องเพราะเขามีเงินจับคู่ ดังนั้น ราคาที่ขึ้นมา ข่าวก็ออกมา และ สร้าง เหตุผลใหม่ ว่าราคา ขึ้นมาได้เพราะนี่นะ ส่วนเราที่ทนรอข่าวร้ายๆออกมาอีก ก็กลายเป็นข่าวดีซะงั้น :wanwan004: เขาบอกว่าแบบนี้ครับ