jarurote

สงสัยจริงๆว่า ทำไมพวกกองทุนต่างๆพวกนี้ต้องใช้คำว่า "สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง" ทั้งๆที่มันก็คือ หุ้นกู้อนุพันธ์ หรือเป็นการจงใจใช้คำ ให้ลูกค้าคนทั่วไปมันงงๆ จนหาคำตอบไม่เจอกันแน่ เอกสารประกอบเกี่ยวกับ Structure Note หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ หรือ หุ้นกู้+option http://www.sec.or.th/webedu/content.html;jsessionid=85AA66919337B97BE7F74CABFF9386A4?menu_id=433 http://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache:JE0mT_ZD-jUJ:www.thaipvd.com/thaipvd_v4/th/public_document/document/183.ppt+%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C+structure+note&hl=en&gl=th&pid=bl&srcid=ADGEESjYVGmDP-AD6FPVKl40XTTeIhkR-VDHAyNY-iw2-dGRbz2w77ZsIZ5DcNxB0QfZZWsEcSDtLozzktuCZJfMVskVRcKLHSjj2k4q5h9fNZY_L6nxHBqotAHCGnsNdBrlAv8bO7hb&sig=AHIEtbRl4DfVjO_DPj9lf60bUZoJBORlfQ http://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache:iBW3JNslRXsJ:www.sec.or.th/infocenter/th/pub/seminar/concl.doc+%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C&hl=en&gl=th&pid=bl&srcid=ADGEESinemZDkkQtx99vi0Ry77KIBPz-piuGwRxKXXM5Y3wMxYKvHsr2EfRry9KRpal4rBIfe2f02HbJUN5H0Z8c3Zx8W_BzKxb6OaKnX_0-wuT2mSqAsd8RglINE6sEwhXJxxsQYoJ2&sig=AHIEtbSwIL8LPK018XRwWISuH55oMJNKkw http://www.google.co.th/url?sa=t&source=web&cd=6&ved=0CDwQFjAF&url=http%3A%2F%2Fwww.igetweb.com%2Fwww%2Fmmm9satsun%2Fprivate_folder%2Fbm602%2Fstructurednotes.ppt&ei=h3wqTpnmJc_nrAeT-qSyDQ&usg=AFQjCNF9XqZ81H1mJTjxV800qwvoUeRlAA

วิธีดูประวัติการโพสของคุณ ton ไปที่ Link: http://www.thaigold.info/Board/index.php?app=core&module=search&do=user_activity&search_app=&mid=3331&sid=a313533a0ada2d66cc1a8231165bc4c1 แล้วทำตามรูป ดังนี้: ผลลัพธ์ออกมาเป็นดังรูป

ไปค้นอะไรเจอมาเข้า ใครที่เคยจำได้ว่ามีคนมาป่วนๆ สร้างความรำคาญคนๆนี้ได้บ้างที่เอา คลิปแขกขายกล้วยแขกมาพูดเพ้อเจอว่า ทองคำไม่มีค่า เงินกระดาษเช็ดตรูดมีค่า http://www.thaigold.info/Board/index.php?app=core&module=search&do=user_activity&search_app=&mid=3331&sid=a313533a0ada2d66cc1a8231165bc4c1 อาชีพพวกนี้มัน เป็นพวกนักล่าเหยื่อนี่เอง เค้ายังดีเนอะ ยังเตือนตัวมันเองว่า มันไม่น่าเชื่อถือพอ แถมเป็นเบื๊อกเกอร์บ๊องส์ๆ ใครเจอคนห่วยๆแบบนี้ปิดพอร์ททิ้งๆไปเลย ขยะสังคม

นั่นแหละครับที่ทำให้ผมสงสัย เพราะถ้าเพื่อน ๆ จำได้ ค่า nav ของกองทุน spdr ที่สิงคโปร์ มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งผมตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีการทุ่มซื้อท้ายตลาดสิงคโปร์เพื่อให้มีผลต่อค่า nav ของกองทุนทองคำในประเทศไทย ซึ่งถือราคาปิดตลาดสิงคโปร์เป็นเกณฑ์คำนวณ คนที่รู้เทคนิคนี้ก็ต้องเป็นคนที่ควบคุมดูแลกองทุนทองคำในประเทศไทย และกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดของไทยคือ k-gold ของกสิกรไทย นั่นอาจจะเป็นการทำราคาทิ้งทวนฟันกำไรให้พอร์ตของตัวเองก่อนย้ายไปที่ scb ก็ได้ และถ้าข้อสงสัยเป็นจริง ผู้ต้องสงสัยนี้อาจจะเป็นเพียงหนึ่งในเครือข่ายขนาดใหญ่ อาจจะมีผู้จัดการกองทุนคนอื่นเกี่ยวข้องด้วยอีกได้ ถ้าเป็นจริง ก็ !_cd เรื่องเงินทองนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ เรื่องของจรรยาบรรณผจก.กองทุนนี้ มันก็คล้ายๆผู้ดำรงตำแหน่งส.ส. ในหมู่รัฐมนตรี แรกๆมาก็ด้วยอุดมการณ์ หลังๆก็อุดมกิน ระยะหลังนี้ในเวปกองทุนกสิกร K-GOLD ขึ้นตัวหนังสือเล็กทิ้งท้ายเกี่ยวกับ พอร์ทเงินฝาก และการหาผลประโยชน์อื่นๆโดยไม่ขัด กฎหมาย กลต. อ่านข่าวจากก่อนหน้านั้น แล้วมาดูรายละเอียดที่ออกมาเสนอ มันดูขัดๆและแปลกๆดีเหมือนกันเนอะ http://www.kasikornasset.com/th/pages/K-GOLD.aspx ถ้ามันทำดี กูก็เชิดชู ถ้ามันชั่ว กูก็ตะปบหัว ตบๆและฝั่งๆดิน และขุดๆขึ้นมา ก็ตบๆและฝังๆต่อ

นั่นแหละครับที่ทำให้ผมสงสัย เพราะถ้าเพื่อน ๆ จำได้ ค่า nav ของกองทุน spdr ที่สิงคโปร์ มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งผมตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีการทุ่มซื้อท้ายตลาดสิงคโปร์เพื่อให้มีผลต่อค่า nav ของกองทุนทองคำในประเทศไทย ซึ่งถือราคาปิดตลาดสิงคโปร์เป็นเกณฑ์คำนวณ คนที่รู้เทคนิคนี้ก็ต้องเป็นคนที่ควบคุมดูแลกองทุนทองคำในประเทศไทย และกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดของไทยคือ k-gold ของกสิกรไทย นั่นอาจจะเป็นการทำราคาทิ้งทวนฟันกำไรให้พอร์ตของตัวเองก่อนย้ายไปที่ scb ก็ได้ และถ้าข้อสงสัยเป็นจริง ผู้ต้องสงสัยนี้อาจจะเป็นเพียงหนึ่งในเครือข่ายขนาดใหญ่ อาจจะมีผู้จัดการกองทุนคนอื่นเกี่ยวข้องด้วยอีกได้ ถ้าเป็นจริง ก็ !_cd เรื่องเงินทองนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ เรื่องของจรรยาบรรณผจก.กองทุนนี้ มันก็คล้ายๆผู้ดำรงตำแหน่งส.ส. ในหมู่รัฐมนตรี แรกๆมาก็ด้วยอุดมการณ์ หลังๆก็อุดมกิน ระยะหลังนี้ในเวปกองทุนกสิกร K-GOLD ขึ้นตัวหนังสือเล็กทิ้งท้ายเกี่ยวกับ พอร์ทเงินฝาก และการหาผลประโยชน์อื่นๆโดยไม่ขัด กฎหมาย กลต. อ่านข่าวจากก่อนหน้านั้น แล้วมาดูรายละเอียดที่ออกมาเสนอ มันดูขัดๆและแปลกๆดีเหมือนกันเนอะ http://www.kasikornasset.com/th/pages/K-GOLD.aspx บทคำนินทา และวิจารณ์: http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/17-%e0%b8%ab%e0%b8%b8%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99/page__view__findpost__p__136487

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ในร้านขายเหรียญเสนอขาย เหรียญที่ระลึกชาวเขา http://www.tobethai.org/autopage/show_page.php?t=36&s_id=06&d_id=06&page=1 ซึ่งมันคล้ายๆ บัตรประชาชนประจำชาวเขาในจังหวัดนั้น ดังรูปข้างใต้นี้เป็นของชาวเขาจังหวัดน่าน แต่ที่มันเอามาขายไม่ได้ตีตราตัวเลข ทีแรกเค้าอ้างว่าเป็น เหรียญเงิน แต่ที่เท่าที่สืบค้นมารายละเอียดค่อนข้างจำกัด บ้างก็ระบุว่าเป็น เนื้ออัลปาก้า หรือ เงินเยอรมัน ไม่ใช่เนื้อเงินจริงๆ มีส่วนประกอบดังนี้: ทองแดง60 นิเกิ้ล20 สังกะสี20 ข้อมูล: http://en.wikipedia.org/wiki/Nickel_silver ยังไม่รู้ว่าจริงเท็จประการได้ แต่ที่แน่ๆเราไม่ชอบเก็บเหรียญประเภทนี้เท่าไหร่ เพราะเหมือนไปถือบัตรประชาชนของคนตาย ว่างั้น ถึงไม่ได้ตีตรา แต่คนขายยังไม่ได้รู้จริงๆ และระบุที่มาการได้มาของเหรียญไม่ชัดเจน ก็ไม่คิดจะซื้อไว้ ถึงแม้เสนอขายราคาไม่แพง ซื้อเหรียญบาท รุ่น ปี2500 ยังจะดีกว่าอีก อย่างน้อยก็มีเนื้อเงินอยู่จี๊ดนึง 3% ราคาก็พอๆกัน

เอามาจากกระทู้คุณเสม ไม่รุ้ว่าคุณเหมียวทราบข่าวยัง ว่าแต่พอรู้ข่าวแล้ว คุณเหมียวจะจัดหนักจองเหรียญทองขัดเงา 550,000บาท เลยป่าว อิอิ (ส่วนตัวผมคงไม่ไหวจะซื้อแน่55)ผมคงเอื้อมได้แค่เหรียญเงินเท่านั้น เหรียญทองนิก็ตกบาทละ30,000เลยแหะ(ดีหน่อยตรงที่ขัดเงาและสวยงาม) ขอถามความเห็นคุณเหมียวหน่อยคับ พอดีเห็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล ชนิดราคา 50 บาท ราคาจ่ายแลก 50 บาทเอง อันนี้ถ้ามองในแง่ลงทุนแล้วเป็นยังไงบ้างหรอคับ ขอบคุณคร้าบบ ขอบคุณสำหรับข่าวสารเกี่ยวกับเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึกคร้าบ ยังถือว่าผิดคาดไปพอสมควร เพราะเห็นราคาสูงแบบนี้นึกว่าน่าจะเป็น เหรียญกษาปณ์ที่ผลิตน่าจะมีความบริสุทธ์ขั้นต่ำ 99.0% ทั้งเงินและทองคำ แต่อย่างที่บอกไปว่า เหรียญพวกนี้เป็นเพียงแค่เก็บไว้ที่ระลึกเฉยๆ แต่ถ้าหวังเพื่อการลงทุนนั้นมันยาก เพราะราคามันสูงกว่ามูลค่าจริงในปัจจุบัน อีกทั้งมันพ้นระยะเวลาไปก่อนหน้านั้นแล้ว ตั้งแต่มีคนไปปล่อยข่าวในเวปกรมเข้า จึงไม่มีการผลิตเหรียญกษาปณ์เงินธรรมดาผลิตออกมาจำหน่ายตามหน้าเหรียญอีก ตอนนี้เหมือนรู้ว่าคนจะรอซื้อเหรียญลักษณะแบบนี้มากกว่า เลยเลิกผลิตหันมาปั๊มมูลค่าด้วย เหรียญขัดเงาแทน โดยส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบเก็บเหรียญ 20 กับ 50 เท่าไหร่ มันก็คือเหรียญ ทองแดง75% เจือด้วย นิเกิล25% ให้ดูเหมือนเงิน เว้นเสียแต่เหรียญรุ่นนั้นสวยจริงๆ และหาซื้อในรูปเป็นเหรียญเงินหรือทองได้ยากมากๆ จำเป็นต้องเก็บพวกนี้สักเหรียญ เช่นเหรียญ Agricola เหรียญพ่อขุนราม เป็นต้น ดังนั้นเหรียญถ้าจะเก็บไว้ที่ระลึกจริงๆอย่างมากก็แค่เหรียญเงินขัดเงาสักสองสามเหรียญ ราคายังแพงกว่าในตอนงานใหญ่สักอีก(กษาปณ์เงินขัดเงา 1200 เอง) อีกทั้งความบริสุทธ์ยังสู้เหรียญ UNDP ไม่ได้ แถมแพงกว่าอีกด้วย เพียงแต่เก็บแต่เหรียญเดิมดูอย่างเดียวอาจจะรู้สึกเบื่อได้ มีหลากหลายบ้างก็ดีเหมือนกัน ส่วนเหรียญทองแบบนั้นเท่าที่คำนวณออกมาสูงกว่ามูลค่าเจริงไปมาก น้ำหนักเพียงแค่ 16 บาท โดยประมาณ ไม่เหมาะในแง่การลงทุน ดังนั้นซื้อทองคำแท่งเก็บจะดีกว่าอีก

อยากเข้า ก็เข้าไปสิ ยังไงก็ดีกว่า KF-OIL KT-OIL ที่ไม่กันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนช่วงบาทแข็งให้ แต่ต้องสวดภาวนาว่าอ้อนวอนว่า ซื้อไปอย่าให้ราคาดีดไปตอนตี 4 ซึ่งเป็นอะไรทีแ่ย่มากๆ คราวที่แล้วก็โดนไปที เห็นตอนกลางวัน ราคาลงมาที่ 94 ซื้อไปแค่หมื่นเดียวไว้ลุ้นใกล้ปิดสถานะราคาน้ำมันในเดือน มิ.ย. (เพราะมันใกล้ปิดสัญญาฟิวเจอร์น้ำมันประจำเดือน ก.ค. ของกองทุน DBO จึงลงไม่มากนัก) ดันทะลึงดีดไปปิดที่ 103 เซ้งแมวจริงๆ !ahh ถือยาวไปก็ไม่คุ้มรอ เพราะไม่มีปันผลไว้ฆ่าเวลาดอยเล่นๆ !59 ด้วยเหตุนี้ถึงไม่ค่อยอยากแนะนำให้ลงทุนพวกนี้สักเท่าไหร่ มันเป็นประสบการณ์ห่วยๆมากๆ ถ้าเป็นหุ้นพลังงานซื้อราคาไหนเลือกได้ตามใจ เห็นวันนี้ราคานี้เคาะซื้อ-ขายเลยตามใจชอบ อีกทั้งเงินที่ได้ T+3 เร็วกว่ากองทุนน้ำมัน T+4 สักอีก ในเมื่อต้องดูกราฟด้วยเช่นกัน หุ้นพลังงานเป็นทางเลือกที่ดูเหมาะกว่า

จากchart จะเห็นว่าน้ำมันนี้ ยัง Bullish Divergence ซึ่งจะมีท่าที่ยืนยันว่าเป็นขาขึ้นในอีกในไม่ช้านี้ ดูจาก RSI และ MACD แต่อย่าถามว่าเมื่อไหร่จะน้ำมันจะแตะไปถึง 110 ดูข้างใต้ภาพแล้วจะเข้าใจเอง !37 บอกได้แต่เพียงว่า เพราะน้ำมันแพง ปลาทูก็เลยแพง แค่นั้นเอง

เมี้ยวๆๆ ดีคร้าบทุกคน ขณะนี้ราคาทองแตะไปที่ 1600 แล้ว ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญถ้าทะลุผ่าน ก็มีโอกาสที่จะเข้าไปสู่เป้าหมายต่อไปที่ 1620 1650 ปลายทางอยู่ที่ 1667 ส่วนคนที่ตกรถ อาจต้องรอดูในวันที่ 19 กับ วันที่ 26 อีกที ซึ่งเท่าที่ดูจาก chart ในรอบ 10 ปี จะเริ่มปรับตัวลงส่วนใหญ่จะตกอยู่ในวันดังกล่าว ซึ่งน่าจะเป็นช่วงวันใกล้ปิดสัญญา option กะ future ทองคำอยู่กะมั้ง เดี๋ยวว่างๆจะไปส่องดู !37 ส่วนน้ำมันตราบใดที่ราคาต่ำกว่า 100 ก็เข้าได้แหละ เมื่อดูจาก chart นี้คงพอเข้าใจ จะเห็นว่าเดือน มิ.ย.-ก.ค. จะเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันยังถูกอยู่ พอเลยมาถึงกลางเดือน ต.ค. จะปรับตัวสูงขึ้น นั้นเป็นเพราะเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ เอ้ย ฤดูเฮอร์ริเคน ซึ่งเป็นผลทำให้ ธุระกิจโรงกลั่นซึ่งมีมากทางเมกาแถบรอบๆอ่าวเม็กซิโก มักจะต้องปิดทำการชั่วคราว อาจมีความเสียหายเกิดขึ้นบ้าง จึงเป็นผลทำให้ ธุริกิจโรงกลั่นแถวเอเชีย ได้รับงานจากฝั่งโน้นมายังฝั่งนี้กัน ได้รับทรัพย์กันถ้วนหน้า อีกทั้งอัตราส่วนทองต่อน้ำมันยังแกว่งอยู่ในกรอบปกติ โดยมีค่าเฉลี่ยยังอยู่ที่ 15.2 เช่นเดิม ซึ่งต่อให้ราคาทองมาอยู่เหนือ 1600 จึงเป็นโอกาสที่ราคาน้ำมันดันราคาต่อไปถึง 106-110 ยังถือว่า เป็นราคาที่ขึ้นมาเป็นปกติ เมื่อเทียบกับสัดส่วนทองคำ-น้ำมัน ดังที่กล่าวมาก่อนหน้านั้น ส่วนที่เหลือจากนี้นึกภาพไม่ออกเหมือนกัน คนเงินเดือนเท่าเดิมซื้อของได้น้อยลง หรือเพิ่มขึ้นมาก็ซ้ำเติมของแพงหนัก ยิ่งคิดยิ่งงงจริงๆ เป็นไปได้ตอนนี้ใครมีปันผลซื้อทองเก็บไว้ลูกเดียว ส่วนกรณีระยะหลังจากนี้มาถึงฤดูหนาว ตั้งแต่พ.ย.เป็นต้นไป ปกติจะปรับตัวขึ้นต่อไปอีกนะ แต่ดูจาก chart นี้มันขัดๆชอบกล ไว้ก่อนอีกที่ ยังขี้เกียจอยู่เลย !37 ในสถานะการณ์ที่ทองคำแพงแต่น้ำมันยังถูก ขายทองแล้วสับเข้าน้ำมันยังได้ แต่ถ้าเลือกได้ควรเป็นหุ้นพลังงานปันผลดี จะดีกว่ามั้ง ถ้าคิดจะถือยาวนะ หรือไม่ก็หุ้นพลังงานที่มันขึ้นลงตามดัชนีน้ำมัน แต่พักนี้ในระยะสั้นดูไม่ค่อยหันซ้ายหันขวาตามทิศทางน้ำมันเหมือนปีที่ผ่านมาสักเท่าไหรนัก ทำให้สลับกับทองคำไม่ได้เลยในบางจังหวะเลยเสียเลย เซ็งแมวจริงๆ จึงต้องถือยาว กะว่าจะเอาปันผลกลับไปซื้อ เงินเม็ด หรือไม่ก็ทองคำสักหน่อยแล้ว ไปแล้ว บ๊ายบาย เมี้ยวๆๆๆๆ !bye

ทดลองโพสบน. iPhone ใช้งานลำบากกว่่าที่คิดไว้จริงๆเเหะ พิมพ์มากบรรทัดไม่ได้ ไม่สามารถเลื่อนไปแก้ข้อความข้างใต้กล่องข้อความ แล้ว logout ยังไงกันเนี่ยะ. แล้วดันloginเข้าได้ไงก้น. งงจริงๆ

เมี้ยว ๆๆๆ ดีคร้าบทุกคน ขณะนี้ ราคาทองไม่ว่าสกุลยูโร ดอลล์ บาท ทำ all time high ไปเเล้ว. ถ้าเเนวต้าน เเถว new high นี้เเตก มีลุ้น 1600 ไม่่เดือนนี้ก็เดือนหน้า หลังจากนี้คงต้องมาดุกันอีกที งานนี้มีลุ้นในใจ อาจจะได้เห็นราคาทองอยู่ที่2000ในปีหน้า เเต่เก็บไว้ในใจดีก่า เดี๋ยวเหมือนในบทความของคุณสุมาอี้ ดังเชียร์กันเงียบๆเข้าไว้ ไม่งั้นบ่อนเตกกันพอดี

เมี้ยวๆๆๆ ดีคร้าบทุกๆคน !37 วันนี้เผอิญเห็นรูปโพสเวปแห่งหนึ่ง อ่านแล้วโดนจริงๆ เกี่ยวกับแนวคิดน่าสนใจมาก เลยเอามาฝากกันสักหน่อย !54 ลงทุนมาก แต่ได้ผลน้อย ลงทุนน้อย กลับได้ผลมาก อืม ลงทุนน้อยที่สุดก็คือ สมาธินี้นี่เอง คราวหลังต้องฝึกบ่อยๆแล้ว เมี้ยวๆๆ

เมี้ยวๆๆๆ !37 มีบทความฝาก ไว้อ่านสนุกๆกันหน่อย คงมีคนจะจำได้ถึง คนที่เป็นชาวสวนแนะให้ไปซื้อดอลล่าร์ เน๊อะ Contrarian Investing (ลงทุนแบบชาวสวน) โดย สุมาอี้ Date: Wednesday, 25 March 2009 ในตลาดหุ้นมีแนวการลงทุน 2 แนวที่ไปคนทาง คือ แนวโมเมนตัม (Momentum Investing) กับ แนวคอนทราเรียน (Contrarian Investing) แนว momentum อาศัยข้อสังเกตที่ว่า เวลาหุ้นจะขึ้น 100% นั้น หุ้นจะไม่ขึ้นวันเดียว 100% แต่จะขึ้น วันละ 5% บ้าง 10% บ้าง สลับกับปรับฐานบ้าง จนกว่าจะไปถึง 100% คล้ายกับว่า ราคาหุ้นมีความเฉื่อยแบบมวลสาร ดังนั้น ถ้าอยู่ดีๆ หุ้นขึ้นไป 5% ก็อาจจะยังซื้อได้อยู่ เพราะอาจจะยังมีโมเมนตัมเหลืออยู่ คนที่เล่นแนวนี้จะเล่นตามตลาด คือ เห็นหุ้นขึ้น ก็ยิ่งซื้อเพิ่ม อาจเรียกว่าเป็นพวก "ชาวไร่" (ไล่ราคา) ก็ได้ ส่วนแนว contrarian จะคิดตรงข้าม กล่าวคือ ถ้าหุ้นตกมากๆ แสดงว่า ตลาดเกิดความ "กลัว" ขึ้น ดังนั้นหุ้นน่าจะทำให้หุ้นมีราคาถูก คนที่เล่นแนวนี้จะชอบเข้าไปซื้อหุ้นที่ตกสวนกระแสตลาด อาจเรียกว่าเป็นพวก "ชาวสวน" ก็ได้ เวลาเป็น contrarian นั้น ต้องมีเชิงด้วย ไม่ใช่เห็นหุ้นตกก็วิ่งเข้าไปรับเลย บอกว่าตลาดตกใจแล้ว ส่วนใหญ่แล้ว เวลาหุ้นตกใหม่ๆ จะมีคนอยากเป็น contrarian เยอะมาก ทำให้ contrarian เป็นกลยุทธ์ใช้ไม่ได้ผล เพราะถ้าคนส่วใหญ่เป็น contrarian การเป็น contrarian จะกลายเป็นการทำตามตลาดไปซะงั้น แต่เมื่อหุ้นตกต่อไปเรื่อยๆ contrarian จะเริ่มลดจำนวนลง สักพักหนึ่งจะแทบไม่เหลือใครที่อยากเป็น contrarian แล้ว เวลาเช่นนี้ต่างหากที่ควรควักกลยุทธ์แบบ contrarian มาใช้ ห้ามใช้พร่ำเพรื่อ กลยุทธ์ใดๆ ย่อมใช้ไม่ได้ผล ถ้าหากมีคนใช้กลยุทธ์นั้นอยู่ในตลาดมากเกินไป โดยส่วนตัว ผมไม่ชอบแนว contrarian เท่าไร (พอๆ กับที่ไม่ชอบแนว momentum ด้วย) ผมคิดว่าเราควรมีความคิดที่เป็นอิสระจากตลาดมากกว่าซึ่งไม่ใช่การเป็น contrarian เพราะ contrarian เห็นว่าตลาดเป็นอย่างไร ก็ทำตรงข้าม จึงเป็นการขึ้นกับตลาดรูปแบบหนึ่ง การคิดอย่างเป็นอิสระจริงๆ หมายความว่า ในบางครั้งเราก็อาจเห็นด้วยกับตลาด ในบางครั้งเราก็เห็นแย้งกับตลาด ขึ้นอยู่กับข้อมูลและเหตุผลมากกว่า

กองทุนทองคำกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เล่นเอามัน แต่อย่าจริงจังกะมันมาก เพราะ มันก็เหมือนๆกองทุนทั่วๆไป อีกทั้งมี ตราสารทางการเงินอื่นๆซุกซ่อน เป็นองค์ประกอบอีก ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั่ง กองทุันที่อ้างว่าลงทุนของจริงกว่า (กูไม่เห็นกับตา เชื่อไม่ลง และทำไมยังต้องบังคับซื้อขายกองทุน ในเวลาเดียวกับ กองทุนที่ลงทุนใน GOLD ETF ด้วย ซึ่งน่าจะผ่อนเวลาได้มากกว่านี้) ดังนั้น ถ้าอยากลงทุนทองคำ ควรมีของจริงติดตัวไว้บ้าง ถึงแม้ค่าเงินบาทจะแข็ง (เว้นเสียแต่ สมาคมกั๊ก ได้กั๊กราคาจนน่าเกลียด ถึงค่อยใช้กองทุนเป็นเครื่องมือคานอำนาจไว้อีกที ) จากคำบอกเล่าของ คนที่มีประสบการณ์ลงทุนกองทุนตราสารหนี้ยุคปี 40 ในเวปกองทุนแห่งหนึ่ง ได้เล่านิทานให้ฟังว่า "ราคากองทุนแห่งหนึ่ง จากราคาหน่วยลงทุนเป็นเลขสองหลัก ลดลงมาเหลือแต่หลักหน่วย ภายในข้ามคืน เกือบศูนย์บาท" เอ เราเกิดไม่ทัน สงสัยคงจะคา port ไว้สัก 5000 ดูหน่อยกระมัง จะได้เห็นของจริงอย่างที่ล่ำลือกัน

เมี้ยวๆๆๆ ดีคร้าบทุกๆคน !37 ช่วงนี้ยังเบื่อเซ็งๆ คงต้องขอแว๊บพักใหญ่ให้หายเบื่อๆหน่อย แล้วค่อยกลับมา !37 โดยส่วนตัว เชื่อว่า พื้นฐานทองคำได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะ หลังผลการเลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายประชานิยม แบบ กรีซ และ อาเจนตินา จะมาหลอนชาวไทยอีกรอบ ต่อไปก็นึกภาพเอาเองว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ให้ไปดูตัวอย่างจาก อาเจนติน่า ประชานิยมตัวพ่อ เป็นตัวอย่าง แค่เหตุการณ์ล่าสุด วิกฤติการณ์เศรษฐกิจในกรีซ ก็เห็นๆกันอยู่แล้ว อีกทั้ง ภาษีบวกเพิ่มเป็น 20 กว่าเปอร์เซนต์ อีกทั้งต้องลดเงินเดือนข้าราชการลงไปอีก 5% http://www.thaistockinfo.com/forum2010/f0140.html เพิ่มภาษีจัดเก็บ ลดเงินเดือน ลดสวัสดิการ ขายรัฐวิสาหกิจเพิ่ม (ในบ้านเรา เท่าที่เห็นๆก็มี EGAT ตัวเดียวที่ยังรอดตัว แต่อนาคตไม่แน่) จำได้ว่ามี VDO CD ของ ดร.นิติภูมิ เนาวรัตน์ (คนๆนี้เดี๋ยวเหลืองเดี๋ยวแดง สงสัยนิยม สีส้มมั้ง !37 ) เคยนำมาตีแผ่ถึงอนาคตของประเทศไทยเช่นกัน http://www.nitipoom.com/th/article3.asp?idOpenSky=2516&ipagenum=85 ดังนั้น พื้นฐาน ทองคำระยะยาวในประเทศนี้ คือ Bullish ไม่ใช่ Buffalo Trap แน่นอน ดังนั้น ถือยาวต่อไป ถ้าคิดจะขายออกไป ต้องมั่นใจว่า ราคาทองลงมาพอที่จะทำให้เกิดกำไรส่วนเกินได้ ไม่งั้นก็กินทุนไปอีก ส่วนช่วงปรับฐานระยะนี้ ก็ซื้อไปเลย ไม่ต้องคิดมากแล้ว ไม่ต้องรอให้ต่ำไปถึง 1400 จนตกรถกันพอดี ตราบใดแนวรับแถว NeckLine (1450-1470) ยังแข็งๆแบบนี้ อีกทั้ง น้ำมันดิบไม่ได้ลงต่ำกว่า 89-90 เช่นนี้ ราคาทองเชื่อว่า ทำให้ทองคำยังอยู่เหนือ 1440 โดยคำนวณจาำกราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 95 ในช่วงswing ในกรอบ 89-100 เช่นนี้ ไปและ บ๊ายบายเมี้ยวๆๆๆ !bye Link: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2

ถ้าอยู่ในสภาวะราคาทองเป็นขาขึ้น ในช่วงค่าเงินบาทแข็ง K-Gold, T-GoldBullion-H ที่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน จะได้เปรียบกว่ากองทุนทองคำอื่นที่ไม่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในช่วงค่าเงินบาทอ่อน ทองคำแท่ง และกองทุนที่ไม่มีนโยบายกันความเสี่ยง (เช่น T-GoldBullion-UH, B-Gold) จะได้เปรียบกว่า K-Gold เท่าที่ผ่านมาพบว่า ในช่วงบาทแข็ง กองทุนทองคำแบบไม่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเช่น B-Gold จะให้ผลตอบแทน ห่วยแตก เมื่อเทียบกัย K-Gold, ทองคำแท่ง อาจเป็นเพราะต้องเสียค่าส่วนต่างเรื่องค่าธรรมเนียมจัดการซ้ำซ้อนยี้ปั้วซาปั้วเพิ่มเติมไปอีก ซึ่งตารางเปรียบเทียบเคยโชว์มาแล้ว แต่ขี้เกียจหา ไปค้นหาเอาเองในกระทู้นี้ กองทุนB-Gold ไม่มีปันผล หมายถืงไม่ขายก็ไม่ได้ห่าอะไรเลย ไม่เหมือน K-Gold มันจึงเหมาะเป็นกองทุนที่ซื้อแล้วทิ้งไปเรื่อย โดยมันจะเอามูลค่าเพิ่มnav ตัดออกมาแล้วหักภาษี10% เพื่อมาเป็นปันผล หรือจะเอาปันผลไปลงทุนทบต้นเหมือนเอาดอกเบี้ยไปฝากประจำอีกที ดังนั้นสรุปได้ด้งนี้ในสภาวะราคาทองเป็นขาขึ้น ถ้าเหตุการณ์ช่วงค่าเงินบาทอ่อน ทองคำแท่ง ดูน่าสนใจกว่า อีกทั้งสามารถซื้อขายในช่วงวันหยุดได้ แต่สำหรับช่วงค่าเงินบาทแข็ง K-Gold, T-GoldBullion-H ที่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน น่าสนใจกว่า แต่สุดท้ายแล้วถือ ของจริง ยังปลอดภัยกว่าถือเป็นกระดาษ ให้ลองนึกภาพตอนเหตุการณ์บ้านเืมืองวุ่นวายเมื่อปีที่แล้ว ซื้อขายกองทุนไม่ได้เลย (คาตรงนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาพิมพ์เพิ่มเติมกันต่อ)

ซื้อขันเงินไว้มาใช้สอยไว้ก็ดีเหมือนกัน เป็นการอุตหนุนงานช่างไม่ให้สูญหาย แถมได้ใช้สอยระหว่างดอยแร่เงินเม็ดที่ทำอะไรไม่ได้เลยไปในตัว อย่างน้อยเอาไปตักน้ำอาบ หรือ ตักน้ำฝนดื่ม หรือ เอาไปตั้งโชว์ กันได้บ้าง

ขอขอบคุณ คุณส้มโอมือมากนะครับ !01 สำหรับคลิปสารคดีเหรียญกษาปณ์ของกรมธนารักษ์ ทำให้ได้รู้อะไรอีกเยอะเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิต สำหรับเงิน 1 บาทในสมัยก่อนดูแล้วชวนเวียนหัวและสับสนมากๆ เงิน 1 บาท = 4 สลึง (100สตางค์ ระบบหลังสุดปลาย ร.5) = 8 เฟือง = 16 ซีก = 32 เสี้ยว = 64 อัฐ = 128 โสฬส = 6400 เบี้ย (อันหลังนี้แล้วแต่สถานกาณ์ ถ้าเบี้ยในระบบเยอะ อาจจะเฟ้อกว่านี้ ดั่งเช่นสมัย ร.3 เงินเบี้ยในระบบมาก มูลค่าลดลง) และเงิน 1 บาทสมัยนี้ ให้นึกถึง แบงค์ 500-1000 บาท ที่จริงแล้ว ในการผลิตเหรียญกษาปณ์ในปัจจุบันแบบนี้ เหรียญเงิน 1 บาท น่าจะตีตราเป็น 1000 บาทไปแล้ว (ต้นทุนโลหะอยู่ที่ 40% ของหน้าเหรียญ ไม่คิดค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

ข้อมูลอยู่ในนี้ http://www.royalthaimint.net/index.php?option=com_content&view=article&id=192%3A60kq&catid=28%3Aroyal-thai-mint-news&lang=th เหรียญทองบริสูทธิ์ 99% นน. 1 บาท คาดว่าราคาป่านนี้ก็คงอยู่ในช่วง 26,000-30,000 บาท เนื่องจากรุ่นที่ผลิต มีทั้งชนิด ทองคำ เงิน ทองแดง ข้อควรระวังก็คือ ที่จะโดนหลอกต้ม ด้วยการเอา เหรียญทองแดง หรือเหรียญเงิน ที่มีมูลค่าน้อยกว่ามากๆ มาชุบทองหนาๆ แล้วหลอกขายว่าเป็นเหรียญทองคำ ทางที่ดีควรเหรียญทีว่านั้นไปทำการทดสอบชั่งน้ำหนักและวัดขนาดทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางและความหนา หรือวิธีการนอกเหนือจากนี้ ก็ไปหาวิธีการเอาเอง คงไม่ขอตอบนอกเหนือจากนี้ (เดี๋ยวจะเป็นการชี้โพรงให้ ไอ้พวกโกงพยายามจะปิดอีก) ง่วงแล้ว บ๊ายๆ !37

ที่จริงอยากเรียกร้องให้ กรมธนารักษ์ ออก พดด้วงเงิน พดด้วงทอง ตามวโรกาสพิเศษที่ระลึก ประจำรัชกาลที่ 9 หลังผ่านพ้นมา้ร้อยกว่าปี ไม่เคยมีการผลิตอีกเลยตั้งแต่หลัง ร.5 ไปแล้ว แย่จัง

ในสมัย ร.5 - ร.6 เราจะเห็นเหรียญบาท ทำจากเงิน 90% แต่ในยุค ร.7 ร.8 อยู่ในยุค The Great Depression และ สงครามโลก มีการผลิตเหรียญกษาปณ์เงินเฉพาะ เหรียญ 10 50 สตางค์ ที่ได้เอาเหรียญในท้องพระคลังมา รีไซคเคิล หรือมาหลอมผลิตใหม่ หลังจากนั้นก็เป็น ดีบุกถูกๆผุๆ ในช่วงสงครามโลก แต่กลายเป็นเหรียญแพงกว่าเหรียญเงินปกติในยุคปัจจุบัน เพราะมันผุพังง่าย จึงหายาก อย่างที่เห็นๆกัน ส่วนเงิน 1 บาท ทดแทนด้วย ธนบัตร ก่อนที่จะเหตุการณ์ร้ายๆหลังสงครามโลกสงบ จึงกลับมาเป็นเหรียญบาท (โดยที่ ปี 2500 ผลิตเหรียญ1บาท เนื้อ เงิน3% หลังปี 2504 กลายมาเป็นคิวโปรนิเกิ้ล) อย่างที่เห็นๆ