teerana
-
จำนวนเนื้อหา
49 -
เข้าร่วม
-
เข้ามาล่าสุด
โพสต์ ถูกโพสต์โดย teerana
-
-
มะเร็งตับ (Liver Cancer) เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณตับมีลักษณะหรือการทำงานผิดปกติแล้วพัฒนาเป็นมะเร็งในที่สุด หรืออาจเกิดจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งจากบริเวณอื่นมายังตับก็ได้ ซึ่งมะเร็งตับส่วนใหญ่ก็มักมีที่มาจากสาเหตุหลังนี้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากซึ่งเป็นระยะที่ยากต่อการรักษา
อาการโรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งตับมักไม่มีสัญญาณหรืออาการบ่งบอกในระยะแรกเริ่ม จนเมื่อมะเร็งพัฒนาถึงขั้นแสดงอาการจึงจะสังเกตได้ดังนี้
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ไม่อยากอาหาร รู้สึกอิ่มแม้รับประทานไปเพียงเล็กน้อย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เจ็บช่องท้องส่วนบน โดยมักจะปวดบริเวณด้านขวา
- มีอาการบวมที่ช่องท้องหรือคลำพบก้อนใต้ชายโครงด้านขวา เนื่องจากตับโต
- อาจคลำพบก้อนที่ชายโครงด้านซ้ายเนื่องจากม้ามโต
- ผิวหนังและตาเหลือง (ดีซ่าน)
- อุจจาระอาจมีสีซีดลง
- อ่อนแรงและเหนื่อยล้า
- มีอาการคัน
- เป็นไข้
การจี้ทำลายก้อนเนื้อมะเร็งด้วยคลื่นความถี่วิทยุ
เป็นวิธีการรักษามะเร็งตับหรือมะเร็งชนิดอื่นที่กระจายมายังตับ ด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กมีคุณสมบัติให้ความร้อนที่ปลายเข็ม เผาทำลายก้อนเนื้อ เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งตับที่ก้อนมีขนาดเล็ก โดยการรักษาวิธีนี้ ปลอดภัย รุกล้ำร่างกายน้อย มีผลข้างเคียงน้อย ไม่มีแผลผ่าตัด พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 2-3 วัน และสามารถใช้วิธีนี้รักษาซ้ำได้เมื่อมีก้อนมะเร็งกลับเป็นซ้ำ
ภาพแสดงตัวอย่างเข็ม RFA*
หลักการและกลไกในการรักษา
เข็มความร้อน RFA ใช้หลักการของคลื่นวิทยุ ทำให้เกิดความร้อนที่ปลายเข็ม โดยใช้งานร่วมกับเครื่องผลิตพลังงานที่สามารถตั้งค่าให้พลังงานได้และแผ่นรองรับกระแสไฟฟ้าลงดิน พลังงานคลื่นวิทยุที่ถูกส่งออกไปจากขั้วไฟฟ้าจะชักนำให้เกิดไฟฟ้ากระแสสลับขึ้นภายในอวัยวะหรือเนื้อเยื่อที่อยู่โดยรอบปลายเข็ม RFA พลังงานเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 90 องศาเซลเซียส เพื่อทำลาย ก้อนมะเร็งโดยรอบปลายเข็มในรัศมีประมาณ 3-5 ชั่วโมง และความร้อนจากเข็มจะทำลายเซลล์มะเร็งอย่างถาวร
ภาพแสดงตัวอย่างเครื่องผลิตพลังงาน*
ภาพแสดงการติดตั้งแผ่นรองรับกระแสไฟฟ้าลงดิน*
ตัวเข็มจะเป็นตัวนำพลังงานเข้ามาภายในตับ ส่งผ่านไปยังก้อนเนื้องอกที่ต้องการเผาทำลาย ก่อนการรักษาผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบ แพทย์จะสอดเข็มผ่านทางผิวหนังเข้าไปในตับ เพื่อไปยังก้อนมะเร็งที่ต้องการรักษา โดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์และเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เป็นเครื่องมือระบุตำแหน่ง และยืนยันความถูกต้องของตำแหน่งเข็มระหว่างทำการรักษา รวมระยะเวลาในการทำการรักษาประมาณ 1 ชั่วโมง
ภาพแสดงการเผาทำลายก้อนเนื้องอก*
ภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ แสดงการใช้เข็ม RFA เพื่อเผาทำลายก้อนมะเร็งตับ ลูกศรแสดงเข็ม RFA*
ภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ แสดงการใช้เข็ม RFA เพื่อเผาทำลายก้อนมะเร็งตับ ลูกศรแสดงเข็ม RFA*
RFA เหมาะกับผู้ป่วยกลุ่มใด
เหมาะใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งตับหรือมะเร็งชนิดอื่นที่มากระจายมายังตับ ที่ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก โดยทั่วไปคือขนาดไม่เกินกว่า 5 ซม. ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาโดยการผ่าตัดตับได้ เช่น มีภาวะตับแข็งมาก มีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงในการทำผ่าตัด ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีอาการปวดจากก้อนมะเร็ง และยังสามารถใช้เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็งก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยให้ทำผ่าตัดง่ายขึ้น
การเตรียมตัวก่อนการรักษา
1.รับผู้ป่วยเข้าไว้ในโรงพยาบาลก่อนการรักษา 1 วัน
2.เจาะเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ค่าการแข็งตัวของเลือด การทำงานของตับและไต
3.ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
4.งดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการรักษา
5.หลังการรักษา พักฟื้นได้ที่ห้องพักและสังเกตอาการที่โรงพยาบาลอีก 1 คืน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน สามารถกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นหลังการรักษาได้
การปฏิบัติตัวหลังการรักษา
1.หลังออกจากโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ งดเว้นกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก เช่น การออกกำลังกายหักโหม การยกของหนัก
2.หลังการรักษาอาจมีอาการปวดจุกท้อง บริเวณที่ทำการรักษาสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ อาจพบมีอาการจุกแน่นได้อีก 2-3 วันหลังการรักษา
3.ผู้ป่วยจะได้รับการนัดหมายเพื่อตรวจติดตามผลการรักษาภายใน 4-6 สัปดาห์ โดยมีการเจาะเลือด และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
การป้องกันมะเร็งตับจึงควรลดปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่โรคตับแข็งไปด้วย ได้แก่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ หมั่นออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกินไปโดยรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปริมาณไขมันที่บริโภค รวมทั้งระมัดระวังการใช้สารเคมีที่อาจเป็นอันตรายและเสี่ยงต่อโรคตับแข็งตามมา
*หมายเหตุ ลักษณะของเข็มและเครื่องกำเนิดพลังงานอาจมีลักษณะแตกต่างกันตามบริษัทผู้ผลิต
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.nonthavej.co.th/Vascular-Center-1.php
-
หลายคนคงอาจจะคิดว่าอาการ ปวดท้อง ไม่สบายท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด แน่นตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือเหนือสะดือ คืออาการของโรคกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารอักเสบธรรมดา จึงมักซื้อยารักษาโรคกระเพาะมาทานเพื่อให้อาการทุเลาลง แต่เมื่อมีอาการบ่อยครั้งการทานยารักษาโรคกระเพาะก็ไม่ได้ผล โรคมะเร็งกระเพาะอาหารคือภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากระยะแรกของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มีอาการคล้ายกับโรคกระเพาะ แต่เมื่อมีอาการรุนแรงอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ (เป็นสีเลือดเก่าที่ตกค้าง) หรือการคลำพบก้อนแข็งในท้องบริเวณเหนือสะดือเมื่อกดแล้วไม่เจ็บ เริ่มเบื่ออาหาร น้ำหนักลด กลืนอาหารลำบาก เช่นนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยเร็ว เพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที
โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Gastric cancer) มีอุบัติการณ์เป็นอันดับที่ 5 ของโรคมะเร็ง ทั้งหมด และถือเป็น สาเหตุการตายอันดับที่ 3 จากการตายจากโรคมะเร็งทั้งหมดทั่วโลก สำหรับประเทศไทย มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับที่ 6 ในผู้ชาย และอันดับที่ 9 ในผู้หญิง โดยมีอุบัติการณ์ที่ 5 รายในประชากร 100,000 คน ถึงแม้จะพบได้ไม่บ่อยในคนไทยแต่ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในประเทศไทย มักพบในระยะท้ายของโรค และมีการ พยากรณ์โรคที่ไม่ดี
มะเร็งกระเพาะอาหาร เกิดจากการที่เซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหารมีการแบ่งจำนวนมากขึ้น อย่างผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของกระเพาะ เมื่อมะเร็งมีขนาด ใหญ่ขึ้น จะเกิดการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และสามารถกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ลำไส้ ปอด และรังไข่ได้
ปัจจัยเสี่ยง
- อายุ
- เพศ เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง 2 เท่า
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
- เชื้อชาติ พบในคนเอเชียโดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออก (จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น ) ได้มากกว่าชนชาติผิวขาวกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา
- อาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทหมักดอง ตากเค็ม รมควันเพิ่มความเสี่ยงของโรค ได้มากขึ้นในขณะที่ การรับประทานผักและผลไม้สดอาจช่วยลดความเสี่ยงลงได้
- การติดเชื้อ Helicobacter pylori เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบ และแผลในกระเพาะอาหารได้ การติดเชื้อชนิดนี้ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด โรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้มากขึ้น
- เคยได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ค่อยรับประทานผักและผลไม้
- ภาวะอ้วน ทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบเรื้อรังของหลอดอาหารและกระเพาะส่วนต้นทำให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น
อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร
ในระยะแรกของโรคอาจไม่มีอาการแสดงที่เฉพาะและอาจมีอาการคล้ายโรคอื่นๆเช่นโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือกระเพาะอาหารอักเสบได้แก่รู้สึกอาหารไม่ย่อยหรือรู้สึกไม่สบายท้องท้องอืดหลังรับประทานอาหารคลื่นไส้เล็กน้อยไม่อยากรับประทานอาหารมีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการลุกลามขึ้นผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้รู้สึกไม่สบายท้องโดยเฉพาะช่องท้องบริเวณส่วนบนและตรงกลางมีเลือดปนในอุจจาระอาเจียนโดยอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ำน้ำหนักตัวลดลงปวดท้องหรืออาเจียนเป็นอาหารที่กินเข้าไป เนื่องจากมีการอุดตันของกระเพาะอาหารกลืนติดหรือทานอาหารได้ลดลงอ่อนเพลีย
การวินิจฉัยโรค
-การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
-การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา ถือเป็นการตรวจหลักในการวินิจฉัย ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีการย้อมสีที่เยื่อบุและการขยายภาพ ทำให้สามารถวินิจฉัยมะเร็งในระยะแรกได้
-การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CT scan ซึ่งจะแสดงภาพอวัยวะภายเพื่อให้เห็นตำแหน่งของโรคและการกระจายของโรคได้ละเอียดมากกว่าการเอกซเรย์ธรรมดา
ระยะของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและการรักษา
การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้อร้ายการกระจายไปอวัยวะอื่นๆหรือไม่และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยคณะแพทย์ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ระบบทางเดินอาหารศัลยแพทย์แพทย์และแพทย์รังสีรักษา ทำการปรึกษาร่วมกันเพื่อวางแผนการรักษาที่ดีที่สุด
-มะเร็งระยะเริ่มแรก (early gastric cancer) หมายถึงมะเร็งที่อยู่เฉพาะชั้นเยื่อบุส่วนบนของกระเพาะอาหาร โดยทั่วไปมักจะไม่มีอาการ แต่ตรวจพบจากการทำการตรวจส่องกล้องสำหรับการตรวจสุขภาพ
สามารถทำการรักษาด้วยการตัดผ่านกล้องส่องตรวจทางเดินอาหารเพียงอย่างเดียวได้ เนื่องจากมีโอกาสที่จะมีการกระจายของมะเร็งไปที่ต่อมน้ำเหลืองน้อยมาก และได้ผลการรักษาที่ดีมาก โดยมีอัตราการอยู่รอดที่ 10 ปีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
-มะเร็งในระยะลุกลาม (advanced gastric cancer) หมายถึง มะเร็งที่มีการลุกลามเข้าสู่ชั้นเยื่อบุส่วนล่าง หรือกล้ามเนื้อของกระเพาะอาหาร สามารถมีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองได้มากกว่ามะเร็งในระยะเริ่มแรก ซึ่งเป็นมะเร็งระยะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยคนไทย ผู้ป่วยมักจะมีอาการ เช่น อืดท้อง อาหารไม่ย่อย หรือ มีเลือดออกในกระเพาะ มาสักระยะหนึ่ง
การรักษาหลักของมะเร็งระยะนี้คือการผ่าตัดกระเพาะร่วมกับการผ่าตัดเลาะเอาต่อมน้ำเหลืองโดยรอบออก และให้การรักษาเสริมหลังผ่าตัดด้วยยาเคมีบำบัด เพื่อลดการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง โดยในปัจจุบันในรายที่เหมาะสม การผ่าตัดสามารถทำได้ด้วยเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งได้ประโยชน์ในแง่ของการฟื้นตัวที่เร็วกว่า ความปวดจากแผลผ่าตัดที่น้อยกว่า โดยไม่มีความแตกต่างกันของผลการผ่าตัดเมื่อเทียบกับการผ่าตัดเปิด
-มะเร็งระยะแพร่กระจาย หมายถึงมะเร็งระยะที่มีการกระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ช่องท้อง ปอด หรือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป การรักษาหลักของระยะนี้คือการรักษา ด้วยยาเคมีบำบัด การผ่าตัดจะทำในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนจากมะเร็ง เช่น ทางเดินอาหารอุดตัน หรือเลือดออกที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น โดยทั่วไปผู้ป่วยที่อยู่ในระยะนี้จะมีการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี แต่ก็ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด จนสามารถกลับมา ทำการผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออกได้
มะเร็งกระเพาะอาหาร ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกแล้ว เป็นเรื่องใกล้ตัวเลยทีเดียว ดังนั้นหากใครมีอาการคล้ายของโรคกระเพาะอาหาร ไม่ควรนิ่งนอนใจควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และรับการรักษาได้ตั้งแต่ต้นเหตุและตรงจุดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดีกว่านะ เพราะมะเร็งกระเพาะอาหารร้ายแรงแถมอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากในระยะเริ่มแรกไม่มีอาการแสดงชัดเจน การตรวจพบเจอในระยะแรก สามารถรักษาได้
ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.วิศิษฏ์ เกษตรเสริมวิริยะ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งกระเพาะอาหาร, มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งลำไส้ โรงพยาบาลนนทเวช โทร 0-2596-7888
https://www.nonthavej.co.th/Gastric-cancer-F.php
-
ทุกวันนี้จะออกจากบ้านแต่ละทีสิ่งที่ต้องเช็คนอกจากเรื่องการจราจรแล้ว ยังมีเรื่องของฝุ่น โดยต้องตรวจค่าฝุ่นก่อนทุกครั้งที่จะเดินทาง ฝุ่นละออง PM 2.5 ถือเป็นเทรนด์ของช่วงนี้และกำลังเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทยเพราะมีอันตรายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เรามาทำความรู้จักกับฝุ่น PM 2.5 เพื่อหาวิธีรับมือและป้องกันอันตราย จาก ฝุ่น
PM 2.5 คืออะไร
PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เล็กจนขนจมูกของมนุษย์ที่ทำหน้าที่กรองฝุ่นนั้นไม่สามารถกรองได้ ซึ่งแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ ตัวฝุ่นเป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งอื่นๆ สำหรับผู้ป่วยทางเดินหายใจแนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยธรรมดา ที่มีขายทั่วไปที่จะเห็นว่าด้านหนึ่งมีสีเขียวหรือสีฟ้า อีกด้านเป็นสีขาว วิธีสวมใส่จะต้องเอาด้านสีขาวเข้าหาใบหน้า สามารถดูดซับน้ำ เช่นน้ำมูกน้ำลายมีลักษณะผิวนุ่ม และบานพับจีบของหน้ากากจะเป็นแบบหงายขึ้นเก็บละอองน้ำมูกน้ำลายได้ดี ส่วนด้านนอกคือด้านสีเขียวหรือสีฟ้าจะมีการเคลือบสารลดการซึม เวลามีน้ำมูกน้ำลายกระเด็นมาก็จะไม่ซึม เมื่อใช้อย่างถูกต้องให้ผลดีเท่ากับหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งเพราะประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อระหว่างหน้ากากผ้า และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ในคนที่ยังไม่ป่วยก็เหมือนกัน โดยปกติน้ำมูกน้ำลายจะไม่เยอะมาก ส่วนคนป่วยแล้วใช้หน้ากากอนามัยจะเหมาะสมน้ำมูกน้ำลายเยอะจะป้องกันการซึมได้ดี ใครที่ยังไม่ป่วยจึงสามารถใช้หน้ากากผ้าได้
ปัจจุบันในประเทศไทยได้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นทำให้ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันเช่นการใส่ Mask หรือหน้ากากอนามัย สำหรับหน้ากาก N95 จะเหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วย มีโอกาสพบผู้ป่วยมีเชื้อเยอะ ต้องใช้แบบคุณภาพสูงสุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอันตรายต่อสุขภาพ
วิธีรับมือกับฝุ่นละออง PM 2.5
- สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น สวมหน้ากากอนามัย PM2.5 ป้องกันฝุ่นก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านควรป้องกันตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย PM 2.5
- ใช้เจลล้างมือ หากต้องรับประทานอาหารนอกบ้าน ควรล้างมือให้สะอาดด้วยเจลล้างมือก่อนทุกครั้งเพื่อปกป้องและยับหยั้งเชื้อโรค
- เตรียมยาให้พร้อม สำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้ แพ้ง่าย เช่นแพ้ฝุ่นแพ้อากาศควรพกยาติดตัวไว้ด้วย
- กลุ่มเสี่ยงอย่าออกนอกบ้าน ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว เช่นโรคทางเดินหายใจ โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคผิวหนัง โรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีควมจำเป็นต้องใส Mask เพื่อป้องกันตัวเอง
- หากมีอาการ รีบพบแพทย์ หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และคุณไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยด้วยแล้ว
สอบถามสินค้า สอบถามข้อมูลการใช้ยา โดยเภสัชกรค่อยให้คำแนะนำได้ที่
-
ส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นเคยกับวัยทองผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ทราบมั้ยว่าวัยทองก็เกิดขึ้นในผู้ชายเช่นกัน ผู้ชายที่มีอายุมากขึ้นเนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศน้อยลง คุณผู้ชายสามารถสังเกตอาการ และรับมือเมื่อเข้าสู่วัยทองด้วยการเลือกทานอาหารเสริมเพื่อผู้ชายวัยทอง
มารู้จักวัยทองผู้ชาย
เมื่อมีอายุมากขึ้น การผลิตฮอร์โมนเทสเตอโรนของลูกอัณฑะจะค่อย ๆ ลดลงและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย อารมณ์ รวมไปถึงเรื่องเพศ เช่น หย่อนสมรรถภาพทางเพศ มีลูกยาก อัณฑะมีขนาดเล็ก ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลงส่งผลให้ไม่มีเรี่ยวแรง นอนไม่หลับ สมาธิลดลง มีปัญหาเกี่ยวกับการจดจำ นอกจากนี้ยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเทสเตอรโรนลดลงเร็วกว่าปากติจนนำไปสู่ภาวะวัยทองผู้ชายได้ เช่นกรรมพันธุ์ ความเครียด หรือพฤติกรรมบางอย่าง เช่นการทำงานหนัก การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพียงเลือกทานอาหารเสริมเพื่อผู้ชายวัยทอง จินเซง มิกซ์ เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโสมจินเซงผสมสมุนไพรรวม ช่วยในการบำรุงร่างกายคุณผู้ชายให้สมบูรณ์แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ช่วยบำรุงร่างกายเพิ่มสมรรถภาพท่านชาย โดยในจินเซง มิกซ์ มีสารจินเซนโนไซด์ เป็นสารสกัดหลักมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง และระบบประสาทส่วนกลาง ลดความอ่อนล้าจากการทำงาน ป้องกันภาวะสมองเสื่อม ส่งเสริมสมาธิและความจำ ยับยั้งอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของร่างกายทำให้ร่างกายท่านชายกระชุ่มกระชวยแข็งแรงมากขึ้น
สรรพคุณ
- เป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ ช่วยในการชะลอวัย
- ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสมรรถภาพท่านชาย
- ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ทำให้มีสมาธิ
- ช่วยเจริญอาหาร ช่วยให้นอนหลับสบาย
- ลดอาการเหนื่อยเพลีย ไม่มีแรง
- ลดการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดตีบ
หากท่านใดสนใจสินค้าหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับเราได้ที่
-
คนไม่มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศไม่มีวันเข้าใจว่าการหาทางออกกับเรื่องนี้ระหว่างทางต้องเผชิญกับอะไรบ้าง กาแฟม้าขาว ตระหนักถึงปัญหาดีว่ามันคือปัญหาอันดับต้น ๆ ของชีวิตคู่เลยก็ว่าได้ หากคนใดคนหนึ่งมีปัญหาอาจกระทบไปถึงคู่ของคุณด้วย
กาแฟสมุนไพร จึงเป็นทางออกที่อยากให้ผู้ที่มีปัญหาได้ลองเปิดใจสัมผัสกับสรรพคุณที่มีฤทธิ์ช่วยระบบร่างกายต่าง ๆ เช่น กระชายดำ ที่จะช่วยบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ เพิ่มขนาด เสริมสมรรถภาพทางเพศ เป็นยาอึด บำบัดโรคนกเขาไม่ขัน ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโสม ที่เข้าช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้น้องชายแข็งตัวได้เร็ว และนานอีกด้วย ไม่เพียงแม้แต่กระชายดำ โสม เท่านั้น ยังมีโกจิ เห็ดหลินจือ ถั่งเช่า กราวเครือแดง ใบแปะก๊วย ฯลฯ
เพื่อความสนุกความสนุกของคุณและคนทีคุณรัก อย่าลืมดูแลร่างกายและสมรรถภาพทางเพศให้ฟิตปั๋งเหมือนตอนหนุ่ม ๆ เพื่ออรรถรสบนเตียงและสีสันชีวิตที่คุณไม่เคยได้รับมาก่อน เลือก กาแฟม้าขาว
ท่านใดที่สนใจสามารถหาซื้อกาแฟเพิ่มพลังเพศชาย กาแฟม้าขาวได้ที่
ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.makhaw.com
หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ เบอร์โทร : 064-1314567
Line : @makhaw https://bit.ly/2PD47jc
-
ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ช่วงเวลาแห่งความสุข ความสนุกของทุกครอบครัว กาแฟม้าขาวขอเป็นส่วนหนึ่งในการกระชับรัก กระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แน่นขึ้น กลับมามีพลังเหมือนหนุ่มสาว มีความสุขกลับชีวิตรักอีกครั้ง
และในโอกาสนี้ กาแฟม้าขาว ขอให้ทุกๆ ท่านประสบเรื่องดีๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปในปีนี้นะครับ ขอให้ธุรกิจการเงินเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง มีความสุข คิดสิ่งใดก็สมความปรารถนาครับ ในปีนี้เราจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าของเราดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อลูกค้าทุกท่าน โดยจะโปรโมชั่นใหม่ๆ ราคาถูกใจทุกท่าน แล้วยังคงคุณภาพของสินค้าให้ดีเหมือนเดิมแน่นอนครับ
พร้อมการพัฒนาสูตรส่วนผสมเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้นแต่ยังคงความหอมของเมล็ดกาแฟไว้ แต่ที่เพิ่มมากขึ้นคือเรื่องของคุณภาพและส่วนช่วยในเรื่องสุขภาพที่ดีขึ้นได้ด้วย
กาแฟม้าขาว กาแฟสำหรับผู้ชายที่มีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไพร ออกฤทธิ์เร็วภายใน 15-30 นาที ไม่มีผลข้างเคียงทำให้ผู้ใช้พึงพอใจ กระตุ้นให้ความเป็นชายกลับคืนมากระชุ่มกระชวย คึกคักและช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นทำจากสมุนไพร รักษาปัญหาจากต้นเหตุ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ปลอดภัยกว่าไวอากร้า แต่ให้สรรพคุณคล้าย ๆ กัน ท่านสุภาพบุรุษสามารถบอกลาคำสบประมาท ต่าง ๆที่เคยเจอได้อย่างแน่นอน
ขอให้ปี 2020 นี้เป็นปีแห่งความสุข ความสำเร็จแก่ทุกท่าน และทางเรา ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ใช้บริการอุดหนุนสั่งซื้อ กันไม่ขาดสายด้วยดีเสมอมา และแน่นอนต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจกับเราเสมอมา
ท่านใดที่สนใจสามารถหาซื้อกาแฟเพิ่มพลังเพศชาย กาแฟม้าขาวได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.makhaw.com
หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ เบอร์โทร : 064-1314567
Line : @makhaw https://bit.ly/2PD47jc
-
การใส่แว่นตาหรือแว่นสายตาเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่ช่วยให้ผู้มีปัญหาสายตากลับมามองเห็นภาพต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น แต่จะเลือกแว่นตายังไงดี? รูปหน้าแบบนี้ใส่แว่นตาแบบไหนดี? เทคโนโลยีในปัจจุบัน มีการผลิตเลนส์แว่นตาออกมาให้เลือกมากมายหลายชนิด เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
เกิดคำถามมากมายสำหรับคนที่กำลังมองหาแว่นใหม่ ทำให้ตัดสินไม่ถูกไปตาม ๆ กัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เรามีแว่นตาฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ การใช้ชีวิตประจำวัน ของเราอย่างตรงจุด ได้ทั้งฟังชั่นการใช้งาน และแฟชั่นมองมุมไหนก็สวย ใส่แล้วไม่ดูเป็นสายเนิร์ดแน่นอน
นี่เลย...แบรนด์แว่นตา ฟังก์ชั่น ic! berlin แบรนด์ระดับไฮเอนด์ จากประเทศเยอรมนี ถือเป็นแว่นตาที่มีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมการผลิตชั้นยอด ทำให้เมื่อสวมใส่ไม่เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังบริเวณรอบดวงตา และยังมีจุดเด่นทั้งด้านฟังก์ชั่นและแฟชั่น ที่ซ่อนอยู่ในการออกแบบ การันตีถึงความแข็งแรง ทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง เบาสบาย
ออกแบบได้ทันสมัย โดดเด่น ทั้ง 3 รุ่น 3 สไตล์ ครองใจหนุ่มสาวออฟฟิศหลายต่อหลายคน ด้วยดีไซน์ที่มี iconic style & Function ครบครัน ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนยุคใหม่ ต้องยกให้ ic! berlin รุ่น Felix L. รุ่น Hansa และรุ่น P-Berg ... สวย ถูกใจ คนรุ่นใหม่แน่นอน
ขอบคุณข้อมูลแว่นตาดีๆจาก KT Optic
-
การใส่แว่นตาหรือแว่นสายตาเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่ช่วยให้ผู้มีปัญหาสายตากลับมามองเห็นภาพต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น แต่จะเลือกแว่นตายังไงดี? รูปหน้าแบบนี้ใส่แว่นตาแบบไหนดี? เทคโนโลยีในปัจจุบัน มีการผลิตเลนส์แว่นตาออกมาให้เลือกมากมายหลายชนิด เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
เกิดคำถามมากมายสำหรับคนที่กำลังมองหาแว่นใหม่ ทำให้ตัดสินไม่ถูกไปตาม ๆ กัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เรามีแว่นตาฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ การใช้ชีวิตประจำวัน ของเราอย่างตรงจุด ได้ทั้งฟังชั่นการใช้งาน และแฟชั่นมองมุมไหนก็สวย ใส่แล้วไม่ดูเป็นสายเนิร์ดแน่นอน
นี่เลย...แบรนด์แว่นตา ฟังก์ชั่น ic! berlin แบรนด์ระดับไฮเอนด์ จากประเทศเยอรมนี ถือเป็นแว่นตาที่มีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมการผลิตชั้นยอด ทำให้เมื่อสวมใส่ไม่เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังบริเวณรอบดวงตา และยังมีจุดเด่นทั้งด้านฟังก์ชั่นและแฟชั่น ที่ซ่อนอยู่ในการออกแบบ การันตีถึงความแข็งแรง ทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง เบาสบาย
ออกแบบได้ทันสมัย โดดเด่น ทั้ง 3 รุ่น 3 สไตล์ ครองใจหนุ่มสาวออฟฟิศหลายต่อหลายคน ด้วยดีไซน์ที่มี iconic style & Function ครบครัน ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนยุคใหม่ ต้องยกให้ ic! berlin รุ่น Felix L. รุ่น Hansa และรุ่น P-Berg ... สวย ถูกใจ คนรุ่นใหม่แน่นอน
ขอบคุณข้อมูลแว่นตาดีๆจาก KT Optic
-
ซุปตาแชร์ไอเดีย แมทช์ลุคกับแว่นตาแฟชั่น เทรนด์สุดชิค 2020
วันนี้ เราจะพาสาว ๆ สายแฟชั่นมาเปิดโลกการแมทช์แว่นตาแฟชั่นให้เข้ากับลุคต่าง ๆ โดยมีอินสปายเก๋ ๆ ชิค ๆ จากซุปตาร์เมืองไทยที่ต้องบอกเลยว่าแต่งง่ายมาก ๆ แค่มีแว่นทุกอย่างคือคอมพลีทลุค
ทำความรู้จักกับ Christian Dior Eyewear งานฝีมือ อันปราณีต ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่แฝงไปด้วยรายละเอียด ดีเทล ผ่านกระบวนการผลิตแว่นที่ปราณีต พิถีพิถัน ที่มีกระบวนการผลิตมากกว่า 250 ขั้นตอน ทำให้แว่นมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว ทันสมัย น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย เและเป็นแบรนด์เดียวที่ยังคงให้ความสำคัญกับการออกแบบ ดีไซน์ โดยทีมออกแบบจาก Fashion House ปารีส
- แว่นตาแฟชั่นรุ่นนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเป็นรุ่นที่แม่อั้มใส่ CRD DIORBYDIOR-2M2-60 เพียง 18,900 บาท สวยเก๋โดดเด่นมาแต่ไกล
- มาถึงรุ่นที่เจ้าแม่นาคีอย่าง แต้ว ณฐพร ชื่อรุ่น CRD SOSTELLAIRE1-807-59 เพียง 15,000 บาท
- รุ่นที่คิมเบอร์ลี่ และคุณจุ๋ย วรัทยา นี้ก็สวยไม่แพ้กัน CRD STELLAIREO1 เพียง 12,960 - 14,400 บาท
- มาถึงรุ่นนี้กันบ้าง ไม่เพียงเบลล่าใส่สวย ใครใส่ก็ต้องสวย แมทช์ง่ายมาก ๆ เข้ากับทุกชุด DIORCOLORQUAKE1 เพียง 15,840 บาท
- มากันที่รุ่นที่สาวน้อยแพรวา(รักติดไซเรน)เลือกใส่ ต้องบอกว่าเข้ากับวัย เหมาะสมมาก ๆ แมทช์ง่ายไม่ซับซ้อน ชื่อรุ่น CRD DIORSTELLAIREO5-NOA เพียง 12,960 บาท
- มาถึงแว่นตาแฟชั่นรุ่นแม่ชมกันบ้าง ถ้าแม่ชมเลือกคือดี กรอบแว่นสายตา CRD STELLAIREO3 เพียง 11,700 บาท
นี่เป็นเพียงไอเดียคร่าว ๆ ที่ให้ทุกคนแมทช์ตามง่าย ๆ ก็เท่านั้น เพราะถ้าใครคิดว่าตัวเองสามารถแมทช์แว่นตาแฟชั่นแว่นกันแดดแฟชั่น ได้เป๊ะปังกว่านี้ก็เชิญเลยที่ KT Optic มีหมดครบที่เดียว ทั้งแว่นตาผู้ชาย แว่นตาผู้หญิง อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับแว่นต่าง ๆ
สามารถหาซื้อได้ที่ KT Optic
➡ UD Town , Tel. 042 932 952
➡ Megabang , Tel. 02 105 1602
➡ Terminal 21 Asok , Tel. 02 108 0767
➡ Future (Central Zone) , Tel. 02 567 6096
➡ Centralplaza WestGate , Tel. 02 194 2794
ขอบคุณข้อมูลแว่นตาแฟชั่นดีๆจาก KT Optic
-
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคดิจิตอล ที่ทุกอย่างทำงาน สั่งการ และกำหนดชีวิตของเราแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ที่เกิดประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตเรามากขึ้น จนเราใช้งานสิ่งนั้นมากเกินไปหรือบางคนอาจต้องใช้เป็นเวลานานเพราะความจำเป็น
โดยไม่รู้ว่าเจ้าอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ อาจส่งผลต่อร่างกายเราได้ นั่นคือแสงสีน้ำเงิน เราจึงอยากแนะนำอันตรายจากแสงสีน้ำเงิน ที่มีอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โทรทัศน์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
อันตรายจากแสงสีน้ำเงิน : ในธรรมชาติทั่วไป จะมีพลังงานแสงที่พอเหมะกับการมองเห็นของดวงตา แต่สำหรับอุปกรณ์ Digital จะพบว่าแสงสีน้ำเงินมากเป็นพิเศษ และเมื่อจ้องมองนาน ๆ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายต่อดวงตา หรือเสี่ยงเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม
แล้วทราบหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อดวงตา?
โรคจอประสาทตาเสื่อม, ตาพร่ามัวมองภาพไม่ชัด, ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
เลนส์แว่นตา Blue Control จึงเป็นเลนส์แว่นตาที่เหมาะสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ผูกพันอยู่กับเทคโนโลยี Digital เลนส์ถูกออกแบบให้ลดทอนคลื่นสีน้ำเงินลง เพื่อเวลาใช้งานจะป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อดวงตา โดยการตัดความยาวคลื่นแสงสีน้ำเงินที่ 440 mm ซึ่งเป็นค่าที่ไดรับการยืนยันจาก JAPAN INDUSTRIAL STANDARD แล้วว่า เป็นระดับที่มองเห็นภาพได้ดีที่สุด และปกป้องสายตาได้ปลอดภัยที่สุด สิ่งที่จะได้รับจากเลนส์แว่นตา BluControl
- การมองภาพนุ่มนวลและสบายตากว่า
- ลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ลดแสงจ้าจากไฟ LED ท้ายรถยนต์
- ป้องกันการปวดตา
โดยผลลัพธ์จากการใช้เลนส์ Blue Control จะทำให้ดวงตาปลอดภัยจากแสงสีน้ำเงินที่มาจากอุปกรณ์ digital และยังช่วยให้ลดปัญหาจากแสงจ้าที่เกิดจากไฟ LED ท้ายรถยนต์ด้วย
ยังมีคุณสมบัติของมัลติโค้ท ที่มีความทนทาน, แข็งแรง, ทำความสะอาดง่าย และลดการเกิดรอย ที่จะทำให้การมองเห็นที่คมชัดและยืดอายุการใช้งาน ด้วยคุณสมบัติการเคลือบผิว 5 ประการ ได้แก่
-
- ป้องกันการเกิดรอยถึง 3 เท่า
- การตัดแสงสะท้อน
- ทำความสะอาดง่าย
- ป้องกันฝุ่นละอองและรอยนิ้วมือ
- ป้องกัน UV
ขอบคุณข้อมูลเลนส์แว่นตา ดีๆจาก KT Optic
-
กระแสรักษ์โลกกำลังมาแรง สุดๆ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจโลกและพยายามที่จะมีไลฟ์สไตล์รักษ์โลก ใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมี
ผู้พัฒนาสินค้าหรือนวัตกรรมที่ไม่เบียดเบียนโลก แนวคิดสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์ได้จริงมาก
ขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งหนึ่งในสินค้ารักษ์โลกที่เรากำลังจะนำเสนอในวันนี้ก็คือแว่นตารักษ์โลก!! เรามีตัวอย่างและแนวคิดจากแบรนด์ดังที่ ทำแว่นตาจากวัสดุธรรมชาติมาแนะนำกัน
แบรนด์ OChis ที่ผลิตแว่นตามาจาก “กากกาแฟ” ซึ่งออกมาเท่มากแบบเหลือเชื่อ แถมยังเป็นมิตรต่อธรรมชาติไอเดียนี้ส่งตรงจาก “ยูเครน” ซึ่งริเริ่มมาจากความคิดที่ต้องการผลิตแว่น ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และทดลองทำจากหลายวัสดุธรรมชาติ
แบรนด์ Dick Moby ผู้ผลิตแว่นตาชื่อดังในยุโรป ที่ตระหนักถึงเรื่องของขยะในท้องทะเลที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จึงคิดริเริ่มผลิตแว่นตา และซองใส่แว่นตาขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล หรือแม้แต่ผ้าทำความสะอาดก็ทำมาจากขวดพลาสติก ที่ใช้แล้ว
แบรนด์ Qoowl แว่นกันแดด สุดฮิปที่ผลิตจากไม้อัดธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่สร้างขยะย่อยยากเพิ่มขึ้นบนโลก และด้วยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์คัท จึงทำให้แว่นมีน้ำหนักเบาพกพาง่าย และสามารถนำมากันแดดได้ผลจริงอีกด้วย
แบรนด์ Unsuikyo (อุนชุเคียว) แว่นตาที่ถูกออกแบบและดีไซน์ จากความเป็นธรรมชาติ ไม้, หิน วัสดุคุณภาพสูงที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก โดยแว่นตาที่ออกแบบมานั้น ไม่เหมือนกัน ไม่ซ้ำใครในโลก ทุกตัวจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยงานฝีมือระดับสูง แสดงออกมาจากมุมมองที่แตกต่างกัน
ในวันที่สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จนส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์แย่ลงเรื่อยๆ การที่เราหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจเป็นการเป็นแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้โลก เราดีขึ้นในวันข้างหน้าก็เป็นไปได้
ขอบคุณข้อมูลแว่นตา ดีๆจาก KT Optic
-
“ตะคริว” มักเกิดกับกล้ามเนื้อขา จะพบได้บ่อยในช่วงวัยกลางคนและผู้สูงอายุ มักมีอาการ ตะคริว ที่ ขา ตอน กลางคืนเป็นประจำ การเกิดตะคริว กลางคืนนั้นเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณน่องขาเกิดการหดตัวในเวลาที่เรานอนหลับ การหดเกร็งที่กล้ามเนื้อมากจนทำให้เป็นตะคริวและเจ็บปวดจนต้องตื่นขึ้นกลางดึก
สาเหตุของการเกิดตะคริว เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารอาหารประเภทแมกนีเซียม และ แคลเซียม ไม่เพียงพอ และบางรายอาจสัมพันธ์กับการที่นั่งอยู่เป็นเวลานาน ๆ หรือมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป การเป็นตะคริวนั้น เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวแล้ว ความเจ็บปวดจะยังไม่หายไปในทันทีแต่จะยังเจ็บต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
บางครั้งสาเหตุเกิดจากการยืดตัวของกล้ามเนื้อ เช่นยืดผิดท่า จนทำให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บจึงสามารถทำให้เกิดตะคริวได้ เราจะแก้ไขอย่างไรดี ?
เราสามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เราเป็นตะคริวได้ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและอย่างพอเหมาะพอควร ก็สามารถป้องกันการเป็นตะคริวได้ หรือด้วยการเน้นรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม
และที่สำคัญคือแมกนีเซียม เราจึงขอแนะนำแคล-ที แมกนีเซียม พลัส วิตามินรวม เพื่อเสริมแมกนีเซียมให้ร่างกายอย่างเพียงพอ มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ลดอาการเหน็บชาและอาการเป็น ตะคริว ตอน นอน แมกนีเซียมช่วยได้
หากท่านใดสนใจสินค้าหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับเราได้ที่
http://www.cal-t.com/แมกนีเซียม-พลัส-วิตามิน/
-
เจ้าฝุ่น PM 2.5 ยังตามมาทำลายสุขภาพเราไม่เลิกรา ทั้งระบบทางเดินหายใจ ยังส่งผลไปถึงดวงตาของเราอีกด้วย โดยเฉพาะกับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ อาจเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละอองต่างๆ หรือฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นได้ ฉะนั้นอย่านิ่งนอนใจ หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยต่อดวงตาของเรา
เมื่อเราใช้คอนแทคเลนส์ ควรล้างทำความสะอาดทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคสะสม ดังนั้นเมื่อใส่มาทั้งวันแล้ว ควรถอดคอนแทคเลนส์ ไม่งั้นตาจะอักเสบ และติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ให้ถอดออกมาล้างเป็นประจำทุกคืน ด้วยขั้นตอนและวิธีล้างคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง จะช่วยรักษาความสะอาดของคอนแทคเลนส์ได้แล้วยังลดอันตรายจากการใส่คอนแทคเลนส์ได้อีกด้วย
วิธีล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ และ ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- ล้างมือให้สะอาด ด้วยสบู่ และน้ำเปล่า จากนั้นยังไม่ต้องเช็ดมือ เพราะผ้าเช็ดมือนั้นมีสิ่งสกปรก ได้แก่ เศษผง และฝุ่นเล็กๆ ที่มองไม่เห็นติดอยู่
- นำคอนแทคเลนส์วางบนฝ่ามือ จากนั้นหยดน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ประมาณ 7-10 หยด ลงบนคอนแทคเลนส์ แล้วใช้นิ้วถูวนเบาๆ ประมาณ 5-10 รอบ
- ค่อยๆ เทน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ทิ้ง จากนั้นหยิบเลนส์ด้วยคีมสำหรับหยิบเลนส์ขึ้นมาใส่ในตลับและแช่น้ำยาคอนแทคเลนส์ ปิดฝาให้สนิท
เพียงเท่านี้ดวงตาของเราก็ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 และฝุ่นควันต่างๆ ตลอดทั้งวันได้แล้ว
ขอบคุณข้อมูลเลนส์คอนแทคเลนส์ ดีๆจาก KT Optic
-
เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฮบริดสิ่งที่หลาย ๆ ท่านกังวลใจคงหนีไม่พ้นเรื่องการดูแลรักษา เพราะคิดว่าคงจะดูแลยากใช่ไหมล่ะคะ? ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยบวกกับความหรูหราของตัวรถ ทำให้อาจจะดูซับซ้อนและดูแลยาก แต่วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบจากปากช่างยนต์กันว่าแท้จริงแล้วรถยนต์ไฮบริดดูแลยากจริงหรือไม่?
ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเครื่องยนต์ระบบไฮบริด (ไฮบริด ฟอรั่ม) เพื่อเป็นการให้ความรู้และเสริมทักษะในการซ่อมและบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริดแก่อู่ที่ให้บริการซ่อมรถยนต์ทั่วไป เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต และให้ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริด หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะใช้รถยนต์ไฮบริดได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษา
“ช่างพูด” เมื่อเข้าใจระบบไฮบริดแล้ว การซ่อมบำรุงก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
จากเสียงของช่างที่เข้าอบรมไฮบริด ฟอรั่ม ว่าก่อนหน้าที่จะได้เข้าอบรม หลายๆ คนอาจจะยังมีความรู้ในเรื่องระบบต่างๆ ของไฮบริดไม่มากนัก แต่หลังจากผ่านการอบรม ซึ่งโตโยต้าได้แบ่งออกเป็นฐานต่างๆ โดยนำเอาความรู้เกี่ยวกับระบบไฮบริดหลักๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์ มาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด ทำให้ผู้เข้าอบรมต่างมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการที่จะซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดต่อไปในอนาคต
"ก่อนหน้านี้จะคิดว่า ระบบไฮบริด เป็นอะไรที่ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่พอมาอบรมแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกันมากมายกับรถยนต์ธรรมดาทั่วไปเลย ยิ่งเราได้เรียนรู้ระบบเซฟตี้อย่างถูกต้องเวลาจะทำการซ่อมบำรุงจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านรถไฮบริดแล้ว ทำให้มั่นใจในการให้บริการซ่อมรถไฮบริดมากยิ่งขึ้น" จเด็จ นพคุณ จากชวลิต ออโต้ แอนด์บอดี้เซอร์วิส
"การซ่อมบำรุงก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้วครับ พอมาเข้าใจระบบไฮบริดแล้ว ไม่ได้ยากอะไรเลย ที่สำคัญการบำรุงรักษาพื้นฐานนั้นไม่ได้แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก หรือการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ นั้น เมื่อเทียบกันแต่ละรายการแล้วราคาไม่ได้ต่างกันกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเลย เมื่อมองถึงความคุ้มค่าที่เราได้จากการประหยัดน้ำมันแล้ว มันดีจริงๆ ครับ" ชูเดช ศรวิโรจน์ จาก My Car Garage
รถยนต์ไฮบริดดูแลไม่ได้ยากอย่างที่คิด อู่ไหนก็ทำได้
"ต่อไปนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรถไฮบริดแล้วครับ หลังจากที่ได้ผ่านการอบรมครั้งนี้ ทำให้ได้รับความรู้ในเรื่องรถไฮบริดมากขึ้น และรู้ว่าระบบไฮบริดไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย มั่นใจได้เลยครับว่า อู่ไหนๆ ก็สามารถดูแลรถไฮบริดให้คุณได้ เพราะไม่ได้ต่างอะไรกับรถยนต์สันดาปภายในเลย" ไกรสร ทาดี จาก TSCหลังจากที่จบการอบรมไฮบริด ฟอรั่มไปแล้วนั้นก็ทำให้ช่างหลาย ๆ คนได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องยนต์ระบบไฮบริดอย่างถูกต้องมากขึ้น และมีความมั่นใจในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับการใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะมีเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต ดังนั้นผู้ที่ยังลังเลใจที่จะเลือกใช้รถยนต์ไฮบริด ในเรื่องการดูแลรักษา น่าจะคลายความกังวลไปได้บ้าง เพราะช่างหลายๆ คน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไฮบริดดูแลได้ ง่ายนิดเดียว"
ขอบคุณข้อมูลจาก https://car.kapook.com/view189870.html
-
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพามาดูการทดลองขับ Toyota C-HR Hybrid รถยนต์ประหยัดน้ำมันรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมระบบไฟฟ้า ส่งผลให้ใช้งานง่ายทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะขับเคลื่อนไปด้วยระยะทางไกลแค่ไหนก็บอกเลยค่ะว่าคุ้มสุด ๆ เพราะเป็น รถประหยัดน้ำมัน เงียบ เฉียบทุกการสัมผัส อีกทั้งยังดีไซน์สวยหรู โดดเด่น เหมาะกับคนรุ่นใหม่มาก ๆ วันนี้เราก็เลยอยากจะพาทุกคนมารู้จักกับ Toyota C-HR Hybrid ให้มากขึ้น ดูซิว่าหลังจากทดลองขับครั้งแรกแล้วผลเป็นอย่างไร
ความรู้สึกเมื่อลองรถไฮบริดของโตโยต้าครั้งแรก
พอเริ่มสตาร์ทรถผมรู้สึกได้เลยว่าเครื่องยนต์ไฮบริดนั้นเสียงเงียบมาก สำหรับความรู้สึกแรกเมื่อเหยียบคันเร่ง เราพบว่า เฮ้ย! ใครบอกว่าไฮบริดอืด นี่เถียงขาดใจ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยขับรถยนต์ไฮบริดมาก่อนเลย แต่ก็พอรู้ระบบการทำงานของรถยนต์ไฮบริด ที่ทำงานโดยใช้พลังงานน้ำมันและไฟฟ้าผสานกันในการขับเคลื่อนเพื่อความประหยัดน้ำมัน เราโดนพูดกรอกหูมาว่า “รถไฮบริดน่ะขับไม่มันหรอกเว้ย มันจริง ต้องรถใช้น้ำมันสิ…”
ผมคิดว่าไม่จริง! Toyota C-HR Hybrid เป็นรถที่เครื่องยนต์ขนาดกลางคือ 1.8 ลิตรเครื่องยนต์เดียวกับ Toyota Altis 1.8 แต่มีการเสริมระบบไฟฟ้าเข้าไปเพื่อให้รถคันนี้ประหยัดมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอืดลงเลย ระหว่างที่เราขับขี่อยู่ไม่ได้รู้สึกเลยว่าจังหวะเร่งแซง หรือจังหวะที่ทำความเร็วจะอืดตรงไหนเลย ความคิดที่ว่ารถไฮบริดอืดนั้นแปลว่าเขาคนนั้นน่าจะไม่เคยขับแน่ ๆ ยืนยันไม่อืดขับสนุกจริงจังเลย
นอกจากจะไม่อืดเรา เรารู้สึกว่าช่วงล่างของ Toyota C-HR Hybrid แน่นหนึบ ยิ่งเข้าโค้งยิ่งสัมผัสได้ถึงความเนียน จนคิดในใจว่านี่เราไม่ได้อุปทานไปเองจริง ๆ ใช่ไหม (ตอนหลังไปถามคนที่เป็นเทสต์ไดรฟ์เวอร์ตัวจริง ทุกคนคอนเฟิร์มว่า Toyota C-HR Hybrid เนียนจริง ๆ และดีกว่า Toyota ทุกรุ่นที่เคยเทสต์มา)
ความประหยัดของรถไฮบริด
เราเคยได้ยินมาตลอดว่ารถไฮบริดนั้นประหยัดน้ำมันมากจริง ๆ และ จากโฆษณาบอกว่า Toyota C-HR Hybrid ประหยัดน้ำมันมากซึ่งได้ยินตัวเลขครั้งแรกถึงกับงงว่าจริงเหรอที่สามารถทำได้ถึง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร
ตอนที่เราเริ่มต้นขับยังไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้ระดับไหน ก็ต้องลองขับไปก่อน ก่อนจะออกจากคอนโด เติมน้ำมัน E20 จนเต็มถัง 800 บาท (น้ำมันของเก่าค้างอยู่ 1 ส่วน 4 ของถัง) มาตรวัดขึ้นค่าเฉลี่ยแสดงผลให้เราดูว่าสามารถวิ่งได้ราวๆ 733 กิโลเมตรทั้งถัง นั่นหมายความว่าถ้าขับไปเชียงใหม่ถังเดียวน่าจะพอ (เสียดายที่เราไม่ได้ลองขี่ไปไกลขนาดนั้น ไม่งั้นคงเพลินกว่านี้)
ผมลองคำนวณค่าน้ำมันก่อนกลับกรุงเทพฯ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าโคตรถูกมาก เท่ากับว่าขามาเราเสียค่าน้ำมันไปแค่ 375 บาทเท่านั้น (คำนวณจากระยะทาง 300 กิโลเมตรก่อนจะกลับ และคูณด้วยราคาน้ำมันวันที่เติม)
ซึ่งงบที่เตรียมมาคือ 5,000 บาท เท่ากับว่าเรามีงบในการเที่ยวคูลๆ ไปดูเขาใหญ่สบายอิ่มหนำสำราญกันไปเต็มที่ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรอีกต่อไป
ส่วนตลอดทั้งทริประยะทางที่ใช้เดินทางอยู่ที่ 494.6 กิโลเมตร รถกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 19.23 กิโลเมตร/ลิตร พอเอามาคำนวณค่าน้ำมันอีกรอบ สรุปว่าเราเสียค่าน้ำมันไปเพียง 650 บาทเท่านั้นกับการใช้รถไปเกือบ 500 กิโลเมตร ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่ผมขี่บิ๊กไบค์ไป – กลับ เขาใหญ่ระยะทางเท่ากัน แถมน้ำมันยังลดลงเกินครึ่งถังมานิดเดียว เงินเหลือมหาศาลจากที่ตั้งเป้าว่าน่าจะเสียค่าน้ำมันโหดกว่านี้
เจ๋งสุดโดนใจหลาย ๆ คนเลยใช่ไหมคะ ขอยืนยันเลยว่า Toyota C-HR Hybrid ใช้งานง่ายแล้วยังเหมาะกับคนรุ่นใหม่แบบเรา ที่สำคัญประหยัดน้ำมันจริงไม่มีโม้ ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์แบบนี้แล้วไม่มีไม่ได้แล้วนะคะ ขอบคุณบทความดี ๆ จากคุณ Sam Ponsan สามารถไปติดตามอ่านประสบการณ์ทดลองขับ TOYOTA C-HR Hybrid ฉบับเต็มกันต่อได้ที่
https://www.mangozero.com/review-toyota-chr-hybrid-first-drive/
-
ช่วงนี้คนใช้รถใช้ถนนคงเจอปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ได้สักทีอย่างมลพิษที่เจออยู่ตลอดจนรับมือไม่ไหวถึงอย่างไรก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าผู้ใช้รถรู้จักเลือกรถที่ดีและมีส่วนช่วยในการลดมลพิษบนท้องถนน ก็อาจจะช่วยได้มากขึ้นเลยทีเดียว แล้ววิธีเลือกรถที่ดีที่ช่วยลดมลพิษต้องเลือกอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ
ใครจะคิดว่าสิ่งเล็กๆ อย่าง ‘ฝุ่นละออง’ จะกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาใหญ่ระดับโลกได้ หลายปีที่ผ่านมาเมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชียอย่าง ปักกิ่ง นิวเดลี ต้องประสบกับปัญหาวิกฤตฝุ่นละอองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจำนวนมาก ล่าสุดสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า คุณภาพอากาศอยู่ที่ระดับ ‘ดี’ และ ‘ดีเยี่ยม’ จากการวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 เฉลี่ยอยู่ที่ 34 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งมาตรฐานคุณภาพอากาศระดับชาติอยู่ที่ 35 มคก./ลบ.ม. สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณภาพอากาศของจีนพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น คือการลดการผลิตรถยนต์และรถตู้ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิน และตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด ให้มีสัดส่วนอย่างน้อย 1 ใน 5 ของรถยนต์ที่ขายในจีนภายในปี 2025 เพื่อต่อสู้กับปัญหามลพิษและก๊าซคาร์บอน
ย้อนกลับมาที่กรุงเทพฯ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนเริ่มตระหนัก โดยเฉพาะในปีนี้ที่เกิดขึ้นเร็วและนานกว่าปีที่ผ่านมา หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดปรากฏการณ์นี้ คือการเผาไหม้ของเครื่องยนต์อย่างไม่มีประสิทธิภาพ คงดีกว่า หากหลังจากนี้คนไทยจะเลือกใช้รถยนต์ที่ทำให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด กว่า 2 ทศวรรษแล้วที่โตโยต้าได้คิดค้นและผลิตนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก นั่นคือรถยนต์ไฮบริด รถที่ขับเคลื่อนได้จากการใช้ทั้งเชื้อเพลิงจากน้ำมันและพลังงานจากไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งเริ่มจำหน่ายรุ่นแรกคือ Toyota Prius ในปี 1997 ถือเป็นไฮบริด Generation 1 และยังได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าจนมาถึงยุคนี้ ยุคของไฮบริด Generation 4
ไฮบริดรุ่นที่ 4 ตอบทุกข้อสงสัย
ประเด็นสำคัญที่อาจทำให้ผู้คนกล้าๆ กลัวๆ ยังไม่เลือกใช้รถยนต์ไฮบริด อาจจะเป็นเพราะกังวลเรื่องอายุของแบตเตอรี่ว่าจะใช้งานได้ยาวนานมากน้อยแค่ไหน และราคาแบตที่ว่าแพงนักหนา รวมไปถึงวิธีการดูแลยากกว่าปกติหรือไม่
เรื่องนี้โตโยต้ามีคำตอบอยู่ที่ไฮบริดรุ่นล่าสุด Generation 4 ซึ่งถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่เป็นแบตเตอรี่ไฮบริด Ni-MH (Nickel-Metal Hydride) ที่มีขนาดเล็กลง เก็บประจุไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และสามารถจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาระบบระบายความร้อนใหม่ ช่วยให้ทนทานและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบ PCU (Power Control Unit) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ช่วยให้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไฮบริดรุ่นที่ 4 นี้ถูกนำมาใช้ในโตโยต้า C-HR ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานอีกด้วย
สำหรับหลายคนที่ยังกังขาในความปลอดภัยของแบตเตอรี่ หรือสงสัยว่าหากตัวรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบนี้ต้องลุยมวลน้ำรอการระบายในเมืองกรุงแล้วจะเป็นอย่างไร ทางโตโยต้าเองได้พัฒนาความปลอดภัยของตัวแบตเตอรี่นี้ให้สามารถลุยน้ำได้ในระดับ 10-30 เซนติเมตร เทียบเท่ารถยนต์ปกติทีเดียว
ส่วนความปลอดภัยอื่นๆ ที่พัฒนาขึ้นมาของแบตเตอรี่ตัวนี้ ได้แก่ การตัดไฟอัตโนมัติเมื่อมีการชนเกิดขึ้น ตัวแบตเตอรี่ไฮบริดเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ที่ถุงลมนิรภัย ซึ่งเมื่อถุงลมนิรภัยทำงานด้านตัวแบตเตอรี่จะทำการตัดไฟอัตโนมัติ แบตเตอรี่นี้จะมีเบรกเกอร์เหมือนกับไฟในบ้าน ซึ่งเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเบรกเกอร์ก็จะตัดลงมา มีตัววัดแรงเคลื่อนหรือโวลต์ของกระแสไฟ ซึ่งหากมีกระแสไฟออกมามากเกินไป ก็จะทำการตัดไฟอัตโนมัติ และตัวแบตเตอรี่ไฮบริดเองยังมีประกันนานถึง 10 ปี
รถยนต์ที่ขับเคลื่อนผู้คนไปด้วยพลังงานไฮบริด
ในปัจจุบันพลังงานทางเลือกนับว่าอยู่ในกระแสความสนใจของผู้คน รถยนต์ไฮบริดก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะรถยนต์ไฮบริดเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนจะมาจากการชาร์จไฟเข้าขณะที่รถกำลังแล่นอยู่บนถนน ผ่านเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หากเมื่อชาร์จไฟได้ประมาณ 80% ของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ก็จะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าในขณะขับเคลื่อน จึงใช้เชื้อเพลิงน้อยลง กินน้ำมันน้อยลงอย่างชัดเจน รวมถึงระบบสามารถแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นจากการชะลอเบรกหรือหยุดรถ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งกลับไปเก็บในแบตเตอรี่ไฮบริดอีกด้วย
ทำให้มลพิษที่ปกติจะเกิดจากการสันดาปของเครื่องยนต์ลดลงไปด้วย ช่วยในเรื่องการลดมลพิษได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น โตโยต้า พริอุส มีอัตราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนน้อยกว่ารถยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตรทั่วไปถึง 55 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งปริมาณไอเสียที่ลดลงดังกล่าว เปรียบเทียบได้กับการปลูกต้นไม้กว่า 100 ต้นต่อปีเลยทีเดียว จุดนี้ทำให้ถูกใจกลุ่มคนที่สนใจสิ่งแวดล้อม และหันมาใช้รถยนต์ไฮบริดกันมากขึ้น
Toyota C-HR ไฮบริดรุ่นล่าสุด ประหยัดที่สุด เป็นมิตรที่สุด
สำหรับ Toyota C-HR (Coupe High Rider) นับเป็นรถไฮบริดรุ่นที่ 4 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอกย้ำแนวคิด Ever Better Car กับการพัฒนาให้แบตเตอรี่ไฮบริดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมรับประกัน 10 ปี และระบบไฮบริดอีก 5 ปี
จากรถยนต์ไฮบริดที่ถูกคิดค้นและพัฒนาโดยโตโยต้าเป็นเจ้าแรก จนมาถึงรุ่นที่ 4 ในปีนี้ บ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่มาวันนี้เมื่อคนเมืองต้องเจอปัญหามลพิษใหญ่อย่างฝุ่นละอองในอากาศสูงเกินค่ามาตรฐาน อันมีสาเหตุหนึ่งมาจากเรื่องของมลพิษจากรถยนต์ โตโยต้าไฮบริดอาจเป็นอีกทางเลือกที่พร้อมรองรับทุกการขับขี่ของผู้ใช้ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องของความประหยัด ความทนทาน และความปลอดภัยในการใช้งาน คุณยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย
แค่เลือกให้เป็นก็ช่วยให้ชีวิตบนท้องถนนง่ายขึ้น สะดวกเราแล้วก็สบายผู้อื่นด้วย จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ แต่หากทุกคนใส่ใจรายละเอียดในการเลือกรถยนต์มาขับขี่ก็จะทำให้ท้องถนนของเรามีมลพิษน้อยลงได้ ขอบคุณข้อมูลจาก https://thestandard.co/toyota-hybrid-car/
-
สวัสดีทุกคน พี่เม่ามีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกรถยนต์มาฝากกัน เห็นว่าช่วงนี้มีหลายคนกำลังจะวางแผนออกรถใหม่กันใช่มั้ยล่ะ? พี่เม่าบอกเลยว่าถ้าใครได้อ่านจะต้องเลือกรถยนต์ได้ดีถูกใจไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ในอนาคตคงไม่มีใครอยากใช้รถยนต์แปบเดียวแล้วต้องซ่อมหรือพังบ่อย ๆ บางคนซื้อมาก็เปลืองน้ำมันสุด ๆ พี่เม่าขอเสนอ รถยนต์ HYBRID มาเป็นอีกตัวเลือกให้ตัดสินใจกันนะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูความพิเศษของเจ้ารถยนต์ HYBRID กันเลย
หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ารถยนต์ HYBRID แพงกว่ารถยนต์เบนซิน ทั้งราคารถยนต์ ค่าบำรุงรักษา รวมถึงราคาขายต่อแต่อยากอัพเดทให้ฟังว่าปัจจุบันรถยนต์ HYBRID ไม่แพงอย่างที่คิดแล้วนะ เพราะจากการสนับสนุนของรัฐบาล และการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้รถ HYBRID รุ่นใหม่ๆ มีราคารถยนต์, ค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ แทบไม่ต่างจากเครื่องเบนซินเลย แต่ประหยัดน้ำมันกว่ากันเยอะเลยนะ พี่เม่าจะพาไปเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ
เห็นกันแล้วใช่ไหมว่า รถ hybrid คุ้มค่า ประหยัดน้ำมัน ดีต่อใจและดีต่ออนาคตมากแค่ไหน ในยุคที่เศรษฐกิจขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ ถ้าเราเลือกเป็นรับรองค่ะว่าคุ้มค่าใช้ได้นานแน่นอน ถ้าท่านใดสนใจและอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ HYBRID ฉบับเต็มสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.maoinvestor.com/2018/04/hybrid.html
-
รถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์พลังงานทางเลือก ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่มาวันนี้เมื่อคนเมืองต้องเจอปัญหามลพิษใหญ่อย่างฝุ่นละอองในอากาศ สาเหตุหนึ่งมาจากเรื่องของมลพิษจากรถยนต์ การใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม คือสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องหาทางออกร่วมกัน
รถยนต์ไฮบริด หรือ HEV’ จึงเป็นสิ่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง โดยเริ่มต้นจากการก้าวเข้าสู่ยุคไฮบริดเสียก่อน เป็นการเปลี่ยนผ่านก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ยุคของรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว รถยนต์ไฮบริดจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ณ เวลานี้
The MATTER มีโอกาสได้พูดคุยกับ นาย รวิศ หาญอุตสาหะ ผู้บริหารหนุ่มแห่งศรีจันทร์สหโอสถ ที่เคยมีประสบการณ์ใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ถึงมุมมองต่ออนาคตของการใช้พลังงานทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ HYBRID และรถยนต์ไฟฟ้า
ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็ว มองว่ามีทางไหนที่จะทำให้เราสามารถเตรียมความพร้อมก่อนที่จะหันไปใช้พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ดีที่สุด
การใช้รถยนต์ไฮบริดเป็นการทำให้เราชินระดับหนึ่ง จากการใช้เครื่องยนต์ทั่วไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มากว่าร้อยปี ตอนนี้ก็มีทางเลือกที่สองคือรถยนต์พลังงานทางเลือก หรือรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นการเตรียมตัวที่จะเข้าสู่รถยนต์ในอนาคตที่อาจจะไม่ใช้น้ำมันเลย ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจเป็นหลัก สิ่งที่เป็นประเด็นเลยคือเรื่องของการให้ความรู้ คนไทยจำนวนมาก ค่อนข้างกลัวเรื่องของแบตเตอรี่รถ ยกตัวอย่างรถยนต์ที่ไร้คนขับ ปีหนึ่งมันขับไม่รู้กี่ร้อยล้านกิโลเมตร อาจจะมีเคสคนตายแค่ 1 คน แต่ข่าวดังมาก ในขณะที่รถยนต์ที่มนุษย์ขับมีคนตายปีหนึ่ง 2 ล้านคน จนชินกันไปหมดแล้ว ซึ่งก็คล้ายๆ กัน พอเป็นของใหม่มีเรื่องนิดหนึ่งจะถูกขยายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
จริงๆ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ซับซ้อนหรือซ่อมยากขนาดนั้น ยิ่งรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบมาก็ยิ่งต้องให้ความรู้คนใช้มากขึ้น ถ้าคนมีความรู้เรื่องนี้เยอะขึ้น ในที่สุดภาครัฐก็จะเริ่มต้องปรับตัวตาม แน่นอนว่าการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่ใช่แค่การช่วยเหลืออย่างเดียว แต่เป็นการสนับสนุนด้วย ซึ่งในประเทศต่างๆ ภาครัฐมีส่วนอย่างมากในการทำให้รถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกมีโอกาสเกิดหรือไม่เกิดก็ได้
แสดงว่าภาครัฐมีส่วนสำคัญในการทำให้คนมองเห็นถึงปัญหาเรื่องพลังงานมากขึ้น
เป็นอีกก้าวหนึ่งที่รัฐจะต้องให้ความรู้กับประชาชน เป็นกลไกที่สำคัญมากๆ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดขึ้นได้ รถไฟฟ้า EV แท้ๆ ทุกวันนี้จะแพงมาก ถ้าคนไม่รู้จักก็ไม่กล้าใช้ เพราะฉะนั้นสมการมันยังไม่ลงตัว การจะทำให้เกิด EV ขึ้นจริงๆ รัฐต้องเข้ามาจัดการเหมือนที่ประเทศในยุโรปทำ ซึ่งมีขั้นตอนเยอะมาก เริ่มตั้งแต่ให้ความรู้ก่อน ลดภาษี สนับสนุน และสำคัญที่สุดคือถ้าต้องการให้ธุรกิจนี้ยั่งยืนจริงๆ ต้องสร้าง supply chain ให้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าชิ้นส่วนต่างๆ ไม่เหมือนรถยนต์ทั่วไปเลย ดังนั้นกระบวนการจึงแตกต่างออกไป ผมเชื่อว่ามันจะเป็นโอกาสของประเทศถ้าเราทำให้ดี
ภาครัฐเป็นส่วนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แต่ต้องร่วมมือกับภาคเอกชนที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ด้วย ต้องให้ความรู้อย่างเช่นสภาพแวดล้อมเราเป็นปัญหาขนาดไหน หลายคนยังไม่เข้าใจว่า ถ้าปัญหาไม่มาเคาะประตูหน้าบ้านเรา ก็จะไม่มีใครเข้าใจมันจริงๆ โลกร้อนเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เรื่องพวกนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชน ไม่มีทางไหนจะดีไปกว่าการทำไปเรื่อยๆ แต่ต้องทำในสเกลที่ใหญ่พอและมีความถี่สูง อย่างครั้งแรกไม่อ่าน ครั้งที่สองไม่อ่าน ครั้งที่สิบอาจจะอ่านก็ได้ วิธีการสื่อสารก็ต้องง่ายไม่ซับซ้อน ไม่วิชาการเกินไป ส่วนภาคเอกชนจะมาในส่วนของการแก้ปัญหา อย่างเช่นรถยนต์ไฮบริด หรืออย่างในกรณีพลาสติกที่ย่อยสลายได้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ตัวเลือกที่ช่วยเหลือโลกมากขึ้น
การที่รัฐปรับลดโครงสร้างภาษีสำหรับรถไฮบริดและรถไฟฟ้า คิดว่าเป็นมาตรการที่ทำให้คนหันมาสนใจประเด็นนี้ได้มากขึ้นไหม
เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ เพราะว่ายังไงก็แล้วแต่ เรื่องราคาก็ยังเป็นประเด็นสำคัญเสมอ แล้วรถยนต์เป็นของชิ้นใหญ่ที่คนจะกังวลเรื่องราคา ถ้าลดได้ก็ดี แต่เรื่องอื่นก็ต้องดูด้วย อย่างเช่นที่ชาร์ตไฟ ระบบชาร์ตไฟที่บ้านหรือข้างนอก ต้องมีการออกแบบ และเรื่องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เหมือนกับรทั่วไป สิ่งสำคัญก็คือคนต้องเข้าใจว่าความแตกต่างของรถกับรถธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร เขาได้อะไรในทางตรงและทางอ้อม
เรื่องเงินเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องทำควบคู่กันไป ผมคิดว่าคล้ายๆ กับการกินอาหาร พวกผักสลัด ปลา อาจจะแพงกว่าอาหารอ้วนๆ หน่อย และอาจจะไม่ถูกใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการกินหมูสามชั้นหรือสลัดวันนี้อาจจะไม่เห็นผลทันที แต่ถ้ามองไปในอนาคตอีกสัก 5 ปี เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้มันเห็นผล ความคุ้มค่าไม่ได้มีมิติแค่เรื่องเงินหรือส่วนต่างของน้ำมันที่เสียไป แต่เรากำลังมอบโลกที่ดีกว่าให้กับคนยุคหลังที่เป็นความรับผิดชอบของเรา ตอนที่เราแก่และกำลังจากโลกนี้ไป เราอยากจะส่งมอบโลกนี้ให้คนรุ่นต่อไปในสภาพแบบไหน ผมว่าเรื่องนี้มีค่ามากกว่าเงินเยอะเลย
แต่ในแง่การใช้งานรถยนต์ไฮบริดจริงๆ คนก็ยังกังวลเรื่องของค่าบำรุงรักษาและการประหยัดน้ำมันอยู่ดี
เรื่องของการบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่คนไทยกลัวที่สุด ก็ต้องให้ความรู้เพื่อให้เห็นภาพว่า รถคนนี้ใช้มา 10 ปีแล้ว ค่าบำรุงรักษาปีละเท่านี้เอง ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ซึ่งตรงนี้คนไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน เพราะหลายคนพอนึกถึงรถไฮบริดคือมีเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เยอะ ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ซ่อมยาก
ขณะเดียวกันเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ตกลงว่ามันช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้แค่ไหน ครึ่งหนึ่งหรือยังไง ภาพนี้ยังไม่ได้ถูกส่งออกมาให้ชัด และเราอาจจะต้องพูดในอีกหลายมิติว่าเรื่องก๊าซไอเสียที่ปล่อย อย่างดีเซลก็ประหยัดเท่าๆ กัน แต่ไอเสียที่ปล่อยออกมาก็มากกว่า อีกอย่างที่เป็นภาพใหญ่ขึ้นไปอีกคือเรื่องของจิตสาธารณะก็ได้ ถ้าช่วยกันเน้นย้ำว่าสิ่งแวดล้อมและอากาศเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ร่วมกัน คนก็จะรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต้องปล่อยไอเสียให้น้อยลง
ในแง่การตลาด มีวิธีไหนที่ทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกได้เร็วที่สุดไหม
รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ประหยัดน้ำมันก็จะคล้ายๆ กัน คนต้องเห็นคนอื่นใช้สักพักก่อน แต่รถอาจจะยากนิดหนึ่งเพราะมันแพง ต้องไปดูว่าถ้าอยากจะพูดกับลูกค้า เขาจะสนใจอะไร อย่างเด็กรุ่นใหม่ก็สนใจเรื่องเทคโนโลยีและรักษ์โลกมาเป็นหลัก แต่อย่างคนรุ่นเก่าจะคิดว่าประหยัดเงินได้กี่บาท ซึ่งถ้าเกิดดูเป็นเงินอย่างเดียวก็ไม่คุ้ม ต้องดูว่ามีประโยชน์อื่นๆ อีกมั้ยที่จะดึงดูดให้คนยุคเก่าหันมาสนใจได้
เคยได้ทดลองใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกบ้างไหม
จริงๆ ได้ใช้ตั้งแต่โตโยต้า พรีอุส เจนแรก ตอนนั้นก็ตื่นเต้นดีเพราะว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จนคนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เป็นประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพราะว่ามันเงียบและประหยัดมาก ชอบที่สุดคือเงียบ คือเป็นคนที่ชอบคิดอะไรในรถเยอะ บางทีก็ไม่ได้ฟังเพลง แต่ผมคิดว่าที่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นคือเรื่องของความเชื่อของเราที่อยากจะทำอะไรดีๆ ให้กับโลกนิดหนึ่ง ผมคิดว่าของทุกอย่างที่เราใช้รวมถึงรถยนต์ มันสะท้อนสิ่งที่เราเชื่อ ซึ่งการใช้ของแบบนี้มันบอกอะไรกับสังคมได้ จึงทำให้อยากจะซื้อของกับแบรนด์ที่มีความเชื่อเหมือนกับเรา ไดเรกชั่นของบริษัทคืออะไร และทิศทางของสินค้ามันสอดคล้องกับตัวแบรนด์รึเปล่า
มองว่าอนาคตของรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร
ในระยะสั้นคิดว่าคนที่เป็นผู้เล่นสำคัญที่สุดคือภาครัฐ ถ้าภาครัฐสนับสนุนมาแน่นอน ซึ่งโครงสร้างภาษีทำให้ราคารถค่อนข้างแพง แต่เมื่อใดที่ภาครัฐเข้ามามันจะเปลี่ยนแปลงราคาโครงสร้างรถยนต์ได้อย่างมากเลย แต่ว่าระยะยาวต้องมาจากตัวผู้ใช้ที่เริ่มตระหนักว่า เราต้องดูแลโลกมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่จะมีความเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อ เพราะฉะนั้นของพวกนี้ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง
“ผมมีความเชื่อว่าทุกคนมีส่วนในการรับผิดชอบและส่งต่อโลกนี้ให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะในยุคที่ ผ่านมา เราใช้ทรัพยากรโลกไปเยอะมาก ตอนนี้เรามีหน้าที่คือช่วยลดความรุนแรงของเรื่องนี้ให้มากที่สุด นั่นคือการช่วยเหลือกัน”
จากเรื่องราว และมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใช้รถเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้รถยนต์โตโยต้าไฮบริดอาจเป็นอีกทางเลือกที่พร้อมรองรับทุกการขับขี่ของผู้ใช้ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องของความประหยัด ความทนทาน และความปลอดภัยในการใช้งาน คุณยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก https://thematter.co/sponsor/hybrid-vehicle/52352
-
ด้วยความหรูหราทันสมัยของรถยนต์ HYBRID ทำให้มีใครหลายคนคิดว่าราคาจะต้องสูงมากแน่ ๆ ทั้งยังแพงกว่ารถยนต์เบนซิน ไหนจะค่าบำรุงรักษาต่าง ๆ แต่รู้ไหมคะว่ารถยนต์ HYBRID ไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลยค่ะ เพราะจากการสนับสนุนของรัฐบาล และการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้รถ HYBRID รุ่นใหม่ๆ มีราคารถยนต์ , ค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ แทบไม่ต่างจากเครื่องเบนซินเลย ที่สำคัญประหยัดน้ำมันกว่ากันเยอะเลย เดี๋ยวพี่เม่าจะพาไปเปรียบเทียบกันให้เห็นชัด ๆ ไปดูกันเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พี่เม่าเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ แล้วว่า รถยนต์HYBRID คุ้มค่าและมีดีไม่แพ้ใคร อย่าพลาดโอกาสที่จะเลือกรถยนต์ดี ๆ ให้ตัวเองสักคันนะคะ และสำหรับท่านใดที่สนใจรถยนต์HYBRID แต่ข้อมูลยังไม่จุใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.maoinvestor.com/2018/04/hybrid.htm
-
ศึกษาข้อมูลเพื่อเสริมทักษะการซ่อมบำรุง
เมื่อพูดถึงรถระบบไฮบริดแล้ว หลายคนอาจจะยังกังวลถึงระบบต่างๆ ที่มองแล้วเครื่องยนต์มีความซับซ้อนกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ทำให้ยากแก่การดูแลและซ่อมบำรุง ดังนั้นทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเครื่องยนต์ระบบไฮบริด (ไฮบริด ฟอรั่ม) เพื่อเป็นการให้ความรู้และเสริมทักษะในการซ่อมและบำรุงรักษา รถยนต์ไฮบริดแก่อู่ที่ให้บริการซ่อมรถยนต์ทั่วไป เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต และให้ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริด หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะใช้รถยนต์ไฮบริดได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษา
เมื่อเข้าใจระบบรถ hybrid แล้ว การซ่อมบำรุงจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
จากเสียงของช่างที่เข้าอบรมไฮบริด ฟอรั่ม ว่าก่อนที่จะได้เข้าอบรม หลายคนยังมีความรู้ในเรื่องระบบต่างๆ ของไฮบริดไม่มากนัก แต่หลังจากผ่านการอบรม ซึ่งโตโยต้าได้แบ่งออกเป็นฐานต่างๆ โดยนำเอาความรู้เกี่ยวกับระบบไฮบริดหลักๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์ มาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด ทำให้ผู้เข้าอบรมต่างมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการที่จะซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดต่อไปในอนาคต
ช่างจำนวนมากเข้ามาอบรมศึกษาเรื่องการซ่อมบำรุง และศึกษาเครื่องยนต์ระบบไฮบริด เพื่อความแม่นยำ และถูกต้องแบบนี้แล้ว หวังว่าจะช่วยให้ผู้ที่ยังลังเลใจ ที่จะเลือกใช้รถระบบไฮบริด อุ่นใจ และคลายกังวลเรื่องการบำรุงรักษาได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะคะ และมั่นใจได้เลยค่ะว่ารถรุ่นนี้คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://car.kapook.com/view189870.html
-
Toyota C-HR Hybrid เป็นรถประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมระบบไฟฟ้า เสียงเงียบ เฉียบทุกการสัมผัส ที่มาพร้อมดีไซน์สวยหรู ดูเท่ เหมาะกับคนคูลๆ เอาล่ะเกริ่นมาขนาดนี้ เรามาทำความรู้จักกับเจ้า Toyota C-HR Hybrid ให้มากขึ้นกับประสบการณ์ทดลองขับครั้งแรก!! ว่าจะประหยัดจริงไหม
ความรู้สึกเมื่อลองรถไฮบริดของโตโยต้าครั้งแรก
พอเริ่มสตาร์ทรถผมรู้สึกได้เลยว่าเครื่องยนต์ไฮบริดนั้นเสียงเงียบมาก สำหรับความรู้สึกแรกเมื่อเหยียบคันเร่ง เราพบว่า เฮ้ย! ใครบอกว่าไฮบริดอืด นี่เถียงขาดใจ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยขับรถยนต์ไฮบริดมาก่อนเลย แต่ก็พอรู้ระบบการทำงานของรถยนต์ไฮบริด ที่ทำงานโดยใช้พลังงานน้ำมันและไฟฟ้าผสานกันในการขับเคลื่อนเพื่อความประหยัดน้ำมัน เราโดนพูดกรอกหูมาว่า “รถไฮบริดน่ะขับไม่มันหรอกเว้ย มันจริง ต้องรถใช้น้ำมันสิ…”
ผมคิดว่าไม่จริง! Toyota C-HR Hybrid เป็นรถที่เครื่องยนต์ขนาดกลางคือ 1.8 ลิตรเครื่องยนต์เดียวกับ Toyota Altis 1.8 แต่มีการเสริมระบบไฟฟ้าเข้าไปเพื่อให้รถคันนี้ประหยัดมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอืดลงเลย ระหว่างที่เราขับขี่อยู่ไม่ได้รู้สึกเลยว่าจังหวะเร่งแซง หรือจังหวะที่ทำความเร็วจะอืดตรงไหนเลย ความคิดที่ว่ารถไฮบริดอืดนั้นแปลว่าเขาคนนั้นน่าจะไม่เคยขับแน่ๆ ยืนยันไม่อืดขับสนุกจริงจังเลย
นอกจากจะไม่อืดเรา เรารู้สึกว่าช่วงล่างของ Toyota C-HR Hybrid แน่นหนึบ ยิ่งเข้าโค้งยิ่งสัมผัสได้ถึงความเนียน จนคิดในใจว่านี่เราไม่ได้อุปทานไปเองจริงๆ ใช่ไหม (ตอนหลังไปถามคนที่เป็นเทสต์ไดรฟ์เวอร์ตัวจริง ทุกคนคอนเฟิร์มว่า Toyota C-HR Hybrid เนียนจริงๆ และดีกว่า Toyota ทุกรุ่นที่เคยเทสต์มา)
ความประหยัดของรถไฮบริด
เราเคยได้ยินมาตลอดว่ารถไฮบริดนั้นประหยัดน้ำมันมากจริงๆ และ จากโฆษณาบอกว่า Toyota C-HR Hybrid ประหยัดน้ำมันมากซึ่งได้ยินตัวเลขครั้งแรกถึงกับงงว่าจริงเหรอที่สามารถทำได้ถึง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร
ตอนที่เราเริ่มต้นขับยังไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้ระดับไหน ก็ต้องลองขับไปก่อน ก่อนจะออกจากคอนโด เติมน้ำมัน E20 จนเต็มถัง 800 บาท (น้ำมันของเก่าค้างอยู่ 1 ส่วน 4 ของถัง) มาตรวัดขึ้นค่าเฉลี่ยแสดงผลให้เราดูว่าสามารถวิ่งได้ราวๆ 733 กิโลเมตรทั้งถัง นั่นหมายความว่าถ้าขับไปเชียงใหม่ถังเดียวน่าจะพอ (เสียดายที่เราไม่ได้ลองขี่ไปไกลขนาดนั้น ไม่งั้นคงเพลินกว่านี้)
ผมลองคำนวณค่าน้ำมันก่อนกลับกรุงเทพฯ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าโคตรถูกมาก เท่ากับว่าขามาเราเสียค่าน้ำมันไปแค่ 375 บาทเท่านั้น (คำนวณจากระยะทาง 300 กิโลเมตรก่อนจะกลับ และคูณด้วยราคาน้ำมันวันที่เติม)
ซึ่งงบที่เตรียมมาคือ 5,000 บาท เท่ากับว่าเรามีงบในการเที่ยวคูลๆ ไปดูเขาใหญ่สบายอิ่มหนำสำราญกันไปเต็มที่ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรอีกต่อไป
ส่วนตลอดทั้งทริประยะทางที่ใช้เดินทางอยู่ที่ 494.6 กิโลเมตร รถกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 19.23 กิโลเมตร/ลิตร พอเอามาคำนวณค่าน้ำมันอีกรอบ สรุปว่าเราเสียค่าน้ำมันไปเพียง 650 บาทเท่านั้นกับการใช้รถไปเกือบ 500 กิโลเมตร ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่ผมขี่บิ๊กไบค์ไป – กลับ เขาใหญ่ระยะทางเท่ากัน แถมน้ำมันยังลดลงเกินครึ่งถังมานิดเดียว เงินเหลือมหาศาลจากที่ตั้งเป้าว่าน่าจะเสียค่าน้ำมันโหดกว่านี้
สำหรับใครที่กำลังมองหารถประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นใช้งานง่าย Toyota C-HR Hybrid ถือว่าตอบโจทย์มากครับ
ขอบคุณบทความดีๆจากคุณ Sam Ponsan สามารถไปติดตามอ่านประสบการณ์ทดลองขับ TOYOTA C-HR Hybrid ฉบับเต็มกันต่อได้ที่
https://www.mangozero.com/review-toyota-chr-hybrid-first-drive/
-
ศึกษาข้อมูลเพื่อเสริมทักษะการซ่อมบำรุง
เมื่อพูดถึงรถระบบไฮบริดแล้ว หลายคนอาจจะยังกังวลถึงระบบต่างๆ ที่มองแล้วเครื่องยนต์มีความซับซ้อนกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ทำให้ยากแก่การดูแลและซ่อมบำรุง ดังนั้นทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเครื่องยนต์ระบบไฮบริด (ไฮบริด ฟอรั่ม) เพื่อเป็นการให้ความรู้และเสริมทักษะในการซ่อมและบำรุงรักษา รถยนต์ไฮบริดแก่อู่ที่ให้บริการซ่อมรถยนต์ทั่วไป เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต และให้ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริด หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะใช้รถยนต์ไฮบริดได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษา
เมื่อเข้าใจระบบรถ hybrid แล้ว การซ่อมบำรุงจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
จากเสียงของช่างที่เข้าอบรมไฮบริด ฟอรั่ม ว่าก่อนที่จะได้เข้าอบรม หลายคนยังมีความรู้ในเรื่องระบบต่างๆ ของไฮบริดไม่มากนัก แต่หลังจากผ่านการอบรม ซึ่งโตโยต้าได้แบ่งออกเป็นฐานต่างๆ โดยนำเอาความรู้เกี่ยวกับระบบไฮบริดหลักๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์ มาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด ทำให้ผู้เข้าอบรมต่างมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการที่จะซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดต่อไปในอนาคต
ช่างจำนวนมากเข้ามาอบรมศึกษาเรื่องการซ่อมบำรุง และศึกษาเครื่องยนต์ระบบไฮบริด เพื่อความแม่นยำ และถูกต้องแบบนี้แล้ว หวังว่าจะช่วยให้ผู้ที่ยังลังเลใจ ที่จะเลือกใช้รถระบบไฮบริด อุ่นใจ และคลายกังวลเรื่องการบำรุงรักษาได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะคะ และมั่นใจได้เลยค่ะว่ารถรุ่นนี้คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://car.kapook.com/view189870.html
-
รถยนต์พลังงานทางเลือก แบบรถยนต์ HYBRID เป็นรถประหยัดน้ำมันแถมยังช่วยคุณรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกวันนี้เราต้องเผชิญกับมลพิษมากมายบนท้องถนนอันเนื่องมาจากรถยนต์ จะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยหากพวกเรามาทำความรู้จักกับรถยนต์ HYBRID ให้มากขึ้น เพื่อที่โลกของเราจะได้น่าอยู่
รถยนต์ไฮบริด หรือ HEV’ จึงเป็นสิ่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง โดยเริ่มต้นจากการก้าวเข้าสู่ยุคไฮบริดเสียก่อน เป็นการเปลี่ยนผ่านก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ยุคของรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว รถยนต์ไฮบริดจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ณ เวลานี้
The MATTER มีโอกาสได้พูดคุยกับ นาย รวิศ หาญอุตสาหะ ผู้บริหารหนุ่มแห่งศรีจันทร์สหโอสถ ที่เคยมีประสบการณ์ใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ถึงมุมมองต่ออนาคตของการใช้พลังงานทางเลือกที่อย่างรถยนต์ HYBRID และรถยนต์ไฟฟ้า
ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็ว มองว่ามีทางไหนที่จะทำให้เราสามารถเตรียมความพร้อมก่อนที่จะหันไปใช้พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ดีที่สุด
การใช้รถยนต์ไฮบริดเป็นการทำให้เราชินระดับหนึ่ง จากการใช้เครื่องยนต์ทั่วไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มากว่าร้อยปี ตอนนี้ก็มีทางเลือกที่สองคือรถยนต์พลังงานทางเลือก อย่างรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นการเตรียมตัวที่จะเข้าสู่รถยนต์ในอนาคตที่อาจจะไม่ใช้น้ำมันเลย ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจเป็นหลัก สิ่งที่เป็นประเด็นเลยคือเรื่องของการให้ความรู้ คนไทยจำนวนมาก ค่อนข้างกลัวเรื่องของแบตเตอรี่รถ ยกตัวอย่างรถยนต์ที่ไร้คนขับ ปีหนึ่งมันขับไม่รู้กี่ร้อยล้านกิโลเมตร อาจจะมีเคสคนตายแค่ 1 คน แต่ข่าวดังมาก ในขณะที่รถยนต์ที่มนุษย์ขับมีคนตายปีหนึ่ง 2 ล้านคน จนชินกันไปหมดแล้ว ซึ่งก็คล้ายๆ กัน พอเป็นของใหม่มีเรื่องนิดหนึ่งจะถูกขยายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
จริงๆ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ซับซ้อนหรือซ่อมยากขนาดนั้น ยิ่งรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบมาก็ยิ่งต้องให้ความรู้คนใช้มากขึ้น ถ้าคนมีความรู้เรื่องนี้เยอะขึ้น ในที่สุดภาครัฐก็จะเริ่มต้องปรับตัวตาม แน่นอนว่าการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่ใช่แค่การช่วยเหลืออย่างเดียว แต่เป็นการสนับสนุนด้วย ซึ่งในประเทศต่างๆ ภาครัฐมีส่วนอย่างมากในการทำให้รถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกมีโอกาสเกิดหรือไม่เกิดก็ได้
แสดงว่าภาครัฐมีส่วนสำคัญในการทำให้คนมองเห็นถึงปัญหาเรื่องพลังงานมากขึ้น
เป็นอีกก้าวหนึ่งที่รัฐจะต้องให้ความรู้กับประชาชน เป็นกลไกที่สำคัญมากๆ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดขึ้นได้ รถไฟฟ้า EV แท้ๆ ทุกวันนี้จะแพงมาก ถ้าคนไม่รู้จักก็ไม่กล้าใช้ เพราะฉะนั้นสมการมันยังไม่ลงตัว การจะทำให้เกิด EV ขึ้นจริงๆ รัฐต้องเข้ามาจัดการเหมือนที่ประเทศในยุโรปทำ ซึ่งมีขั้นตอนเยอะมาก เริ่มตั้งแต่ให้ความรู้ก่อน ลดภาษี สนับสนุน และสำคัญที่สุดคือถ้าต้องการให้ธุรกิจนี้ยั่งยืนจริงๆ ต้องสร้าง supply chain ให้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าชิ้นส่วนต่างๆ ไม่เหมือนรถยนต์ทั่วไปเลย ดังนั้นกระบวนการจึงแตกต่างออกไป ผมเชื่อว่ามันจะเป็นโอกาสของประเทศถ้าเราทำให้ดี
ภาครัฐเป็นส่วนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แต่ต้องร่วมมือกับภาคเอกชนที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ด้วย ต้องให้ความรู้อย่างเช่นสภาพแวดล้อมเราเป็นปัญหาขนาดไหน หลายคนยังไม่เข้าใจว่า ถ้าปัญหาไม่มาเคาะประตูหน้าบ้านเรา ก็จะไม่มีใครเข้าใจมันจริงๆ โลกร้อนเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เรื่องพวกนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชน ไม่มีทางไหนจะดีไปกว่าการทำไปเรื่อยๆ แต่ต้องทำในสเกลที่ใหญ่พอและมีความถี่สูง อย่างครั้งแรกไม่อ่าน ครั้งที่สองไม่อ่าน ครั้งที่สิบอาจจะอ่านก็ได้ วิธีการสื่อสารก็ต้องง่ายไม่ซับซ้อน ไม่วิชาการเกินไป ส่วนภาคเอกชนจะมาในส่วนของการแก้ปัญหา อย่างเช่นรถยนต์ไฮบริด หรืออย่างในกรณีพลาสติกที่ย่อยสลายได้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ตัวเลือกที่ช่วยเหลือโลกมากขึ้น
การที่รัฐปรับลดโครงสร้างภาษีสำหรับรถไฮบริดและรถไฟฟ้า คิดว่าเป็นมาตรการที่ทำให้คนหันมาสนใจประเด็นนี้ได้มากขึ้นไหม
เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ เพราะว่ายังไงก็แล้วแต่ เรื่องราคาก็ยังเป็นประเด็นสำคัญเสมอ แล้วรถยนต์เป็นของชิ้นใหญ่ที่คนจะกังวลเรื่องราคา ถ้าลดได้ก็ดี แต่เรื่องอื่นก็ต้องดูด้วย อย่างเช่นที่ชาร์ตไฟ ระบบชาร์ตไฟที่บ้านหรือข้างนอก ต้องมีการออกแบบ และเรื่องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เหมือนกับรทั่วไป สิ่งสำคัญก็คือคนต้องเข้าใจว่าความแตกต่างของรถกับรถธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร เขาได้อะไรในทางตรงและทางอ้อม
เรื่องเงินเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องทำควบคู่กันไป ผมคิดว่าคล้ายๆ กับการกินอาหาร พวกผักสลัด ปลา อาจจะแพงกว่าอาหารอ้วนๆ หน่อย และอาจจะไม่ถูกใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการกินหมูสามชั้นหรือสลัดวันนี้อาจจะไม่เห็นผลทันที แต่ถ้ามองไปในอนาคตอีกสัก 5 ปี เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้มันเห็นผล ความคุ้มค่าไม่ได้มีมิติแค่เรื่องเงินหรือส่วนต่างของน้ำมันที่เสียไป แต่เรากำลังมอบโลกที่ดีกว่าให้กับคนยุคหลังที่เป็นความรับผิดชอบของเรา ตอนที่เราแก่และกำลังจากโลกนี้ไป เราอยากจะส่งมอบโลกนี้ให้คนรุ่นต่อไปในสภาพแบบไหน ผมว่าเรื่องนี้มีค่ามากกว่าเงินเยอะเลย
แต่ในแง่การใช้งานรถยนต์ไฮบริดจริงๆ คนก็ยังกังวลเรื่องของค่าบำรุงรักษาและการประหยัดน้ำมันอยู่ดี
เรื่องของการบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่คนไทยกลัวที่สุด ก็ต้องให้ความรู้เพื่อให้เห็นภาพว่า รถคนนี้ใช้มา 10 ปีแล้ว ค่าบำรุงรักษาปีละเท่านี้เอง ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ซึ่งตรงนี้คนไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน เพราะหลายคนพอนึกถึงรถไฮบริดคือมีเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เยอะ ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ซ่อมยาก
ขณะเดียวกันเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ตกลงว่ามันช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้แค่ไหน ครึ่งหนึ่งหรือยังไง ภาพนี้ยังไม่ได้ถูกส่งออกมาให้ชัด และเราอาจจะต้องพูดในอีกหลายมิติว่าเรื่องก๊าซไอเสียที่ปล่อย อย่างดีเซลก็ประหยัดเท่าๆ กัน แต่ไอเสียที่ปล่อยออกมาก็มากกว่า อีกอย่างที่เป็นภาพใหญ่ขึ้นไปอีกคือเรื่องของจิตสาธารณะก็ได้ ถ้าช่วยกันเน้นย้ำว่าสิ่งแวดล้อมและอากาศเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ร่วมกัน คนก็จะรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต้องปล่อยไอเสียให้น้อยลง
ในแง่การตลาด มีวิธีไหนที่ทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกได้เร็วที่สุดไหม
รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ประหยัดน้ำมันก็จะคล้ายๆ กัน คนต้องเห็นคนอื่นใช้สักพักก่อน แต่รถอาจจะยากนิดหนึ่งเพราะมันแพง ต้องไปดูว่าถ้าอยากจะพูดกับลูกค้า เขาจะสนใจอะไร อย่างเด็กรุ่นใหม่ก็สนใจเรื่องเทคโนโลยีและรักษ์โลกมาเป็นหลัก แต่อย่างคนรุ่นเก่าจะคิดว่าประหยัดเงินได้กี่บาท ซึ่งถ้าเกิดดูเป็นเงินอย่างเดียวก็ไม่คุ้ม ต้องดูว่ามีประโยชน์อื่นๆ อีกมั้ยที่จะดึงดูดให้คนยุคเก่าหันมาสนใจได้
เคยได้ทดลองใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกบ้างไหม
จริงๆ ได้ใช้ตั้งแต่โตโยต้า พรีอุส เจนแรก ตอนนั้นก็ตื่นเต้นดีเพราะว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จนคนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เป็นประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพราะว่ามันเงียบและประหยัดมาก ชอบที่สุดคือเงียบ คือเป็นคนที่ชอบคิดอะไรในรถเยอะ บางทีก็ไม่ได้ฟังเพลง แต่ผมคิดว่าที่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นคือเรื่องของความเชื่อของเราที่อยากจะทำอะไรดีๆ ให้กับโลกนิดหนึ่ง ผมคิดว่าของทุกอย่างที่เราใช้รวมถึงรถยนต์ มันสะท้อนสิ่งที่เราเชื่อ ซึ่งการใช้ของแบบนี้มันบอกอะไรกับสังคมได้ จึงทำให้อยากจะซื้อของกับแบรนด์ที่มีความเชื่อเหมือนกับเรา ไดเรกชั่นของบริษัทคืออะไร และทิศทางของสินค้ามันสอดคล้องกับตัวแบรนด์รึเปล่า
มองว่าอนาคตของรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร
ในระยะสั้นคิดว่าคนที่เป็นผู้เล่นสำคัญที่สุดคือภาครัฐ ถ้าภาครัฐสนับสนุนมาแน่นอน ซึ่งโครงสร้างภาษีทำให้ราคารถค่อนข้างแพง แต่เมื่อใดที่ภาครัฐเข้ามามันจะเปลี่ยนแปลงราคาโครงสร้างรถยนต์ได้อย่างมากเลย แต่ว่าระยะยาวต้องมาจากตัวผู้ใช้ที่เริ่มตระหนักว่า เราต้องดูแลโลกมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่จะมีความเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อ เพราะฉะนั้นของพวกนี้ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง
“ผมมีความเชื่อว่าทุกคนมีส่วนในการรับผิดชอบและส่งต่อโลกนี้ให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะในยุคที่ ผ่านมา เราใช้ทรัพยากรโลกไปเยอะมาก ตอนนี้เรามีหน้าที่คือช่วยลดความรุนแรงของเรื่องนี้ให้มากที่สุด นั่นคือการช่วยเหลือกัน”
ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้รถยนต์พลังงานทางเลือกยังเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับบางคนในประเทศไทย แต่ก็มีคนไม่น้อยที่กล้าที่จะหันมาเปลี่ยนตัวเองจากความคิดเก่า ๆ กล้าลองใช้ รถยนต์ HYBRID มากขึ้น ทั้งๆ ที่รถยนต์ไฮบริด ไม่เพียงแค่ช่วยรักษ์โลกเท่านั้น แต่ยังมีความทนทานและยังปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย ข้อที่สำคัญที่สุดคือ หากคุณได้ลองใช้รถยนต์ไฮบริดคุณจะต้องภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาโลกใบนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก https://thematter.co/sponsor/hybrid-vehicle/52352
-
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า รถยนต์ HYBRID มีราคาที่สูงแถมยังค่าบำรุงรักษาแพงอีกด้วย ทำให้รถ hybrid นั้นยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในประเทศของเรา แต่วันนี้เราจะขอแนะนำเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกให้ท่านได้ทราบ เผื่อจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถยนต์ได้ง่ายขึ้นค่ะ
หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ารถยนต์ HYBRID แพงกว่ารถยนต์เบนซิน ทั้งราคารถยนต์ ค่าบำรุงรักษา รวมถึงราคาขายต่อแต่อยากอัพเดทให้ฟังว่าปัจจุบันรถยนต์ HYBRID ไม่แพงอย่างที่คิดแล้วนะ เพราะจากการสนับสนุนของรัฐบาล และการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้รถ HYBRID รุ่นใหม่ๆ มีราคารถยนต์, ค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ แทบไม่ต่างจากเครื่องเบนซินเลย แต่ประหยัดน้ำมันกว่ากันเยอะเลยนะ พี่เม่าจะพาไปเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ
เป็นยังไงบ้างคะกับข้อมูลที่เรานำมาเสนอ รถยนต์ HYBRID เนี่ย คุ้มค่าพอที่จะเสียเงินเพื่อให้ได้มาครอบครองใช่ไหมล่ะคะ นอกจากจะคุ้มแล้วเนี่ยเรายังได้ช่วยกันรักษาดูแลโลกใบนี้ของเราอีกด้วย หากท่านต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่
ปกป้องกระดูกที่เปราะบาง ด้วยแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต
ใน มุมสุขภาพ
ได้โพสต์เมื่อ · ตอบกลับรายงาน
หลายคนเข้าใจว่าผู้สูงอายุเท่านั้นที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน หรือกระดูกเปราะบาง แต่ที่จริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากไม่ดูแลสุขภาพและออกกำลังกาย โอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนเมื่ออายุมากขึ้น จะเกิดได้เร็วขึ้น เพราะกระดูกเป็นอวัยวะที่สำคัญกับร่างกายของเรามาก ทำหน้าที่ในการประคองให้ร่างกายทรงตัว ในการยืน นั่ง นอน ได้ ช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงการเคลื่อนไหว เดิน วิ่ง ได้อย่างคล่องตัว
ในวัยเด็กจนถึงช่วงหนุ่มสาว กระบวนการสร้างมวลกระดูก จะมากกว่าการทำลายหรือการสลายของมวลกระดูกร่างกายจะสะสมโครงสร้างกระดูก ทำให้เนื้อกระดูกมีความหนาแน่น จนกระทั่งถึงอายุ 30 ปี และเมื่ออายุเพิ่มมากยิ่งขึ้นโครงสร้างมวลกระดูกในร่างกายจะค่อย ๆเสื่อมสลายลง ในขณะที่ร่างกายต้องการแคลเซียมไปใช้งาน ดังนั้นควรเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลทีแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต อย่างสม่ำเสมอ
หากท่านใดสนใจสินค้าหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับเราได้ที่
https://www.cal-t.com/cal-t-พลัส-แมกนีเซียม/