ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

namchiang

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    1,876
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย namchiang

  1. “จิตติ” เตือนความเสี่ยงเทรด “Gold Online” พร้อมแจงผลตรวจ “ทองยัดไส้” เป็นของจริง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 ตุลาคม 2556 16:32 น. นายกสมาคมค้าทองฯ เตือนนักลงทุนเลือกโบรกเกอร์เทรด “Gold Online” ต้องรอบคอบ ตรวจสอบฐานะ และความมั่นคงก่อน เพราะมีบางแห่งทุนจดทะเบียนต่ำอาจไม่ได้ทองจริง และเกิดความเสียหายจากการลงทุน พร้อมประกาศหนุนตั้งตลาดรองซื้อขาย ส่วนผลสอบ “ทองแท่งยัดไส้” ที่โคราช เป็นทองจริง 99% ยอมรับกระทบยอดขายทรุดฮวบ นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการซื้อขายทองคำแท่งผ่านระบบออนไลน์ (Gold Online) เป็นที่นิยมมากขึ้น ส่งผลให้มีการจัดตั้งบริษัทค้าทองคำออนไลน์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทเหล่านี้มีทุนจดทะเบียนในอัตราต่ำ บางแห่งไม่ถึง 500,000 บาท และไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมค้าทองคำ ซึ่งสมาคมกังวลว่าหากเกิดปัญหาโบรกเกอร์ค้าทองโกงนักลงทุน สมาคมจะไม่สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น จึงขอเตือนนักลงทุนก่อนจะลงทุนผ่าน Gold Online ให้ตรวจสอบฐานะ และความมั่นคงของโบรกเกอร์ให้รอบคอบก่อน เพราะหากทำการซื้อขายไปแล้วอาจไม่ได้ทองจริง และทำให้นักลงทุนเสียหายจากการลงทุนได้ แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่พบการกระทำผิดในตลาด Gold Online ในไทยก็ตาม พร้อมกันนี้ จึงจะขอความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการเป็นเจ้าภาพดูแลในเรื่องนี้มากขึ้น นายจิตติ ยังกล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้ หลังจากมีสัญญาณบอกว่า สภาคองเกรสของสหรัฐฯ จะขยายเพดานหนี้ชั่วคราวว่าจะทำให้ราคาทองคำมีทิศทางขาลง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,245 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งหากหลุดแนวรับดังกล่าว ราคาทองคำลดลงกว่านี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากผลการพิจารณาขยายเพดานหนี้ออกมาตรงกันข้าม สหรัฐฯ ไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้สำเร็จ และมีการผิดนัดชำระหนี้ จะทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นทันที โดยมีแนวโน้มใกล้เคียงระดับ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แต่ยังเชื่อว่าโอกาสที่การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ไม่สำเร็จนั้นเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ นายจิตติ ยังระบุว่าทางสมาคมกำลังรอการนัดหมายจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. หลังจากส่งหนังสือไปยัง ธปท. เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา เพื่อขอความชัดเจนถึงแนวทางในการดูแลตลาดทองคำ และแนวคิดที่จะจัดตั้งศูนย์กลางตลาดทองคำ หรือ Gold Exchange ในไทย เนื่องจากสมาคมต้องการเสนอข้อมูลที่เป็นข้อดี และข้อเสียให้ ธปท. พิจารณา ก่อนสรุป และมีผลบังคับใช้เพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้ามาได้เปรียบในธุรกิจทองคำในไทย โดยปัจจุบัน ไทยมีการนำเข้าทองคำติดอันดับ 10 ของโลก หรือเฉลี่ย 200 ตันต่อปี ด้านนางพรสวาท วัฒนกูล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลการตรวจวิเคราะห์ และตรวจสอบตัวอย่างทองคำแท่ง ที่ร้านทองจังหวัดนครราชสีมา ตั้งสงสัยว่าอาจจะเป็นทองคำยัดไส้ ด้วยการนำไปเป่าไฟ และสกัดผงผิวทองคำ มีทองคำเหลวหลุดออกมา ซึ่งได้นำไปวิเคราะห์ด้วยเทคนิคเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์ ตามมาตฐานสากล พบมีการเจือปนของทองแดงประมาณ 4.93% และสังกะสี 2.26% โดยมีความบริสุทธิ์ของทองคำอยู่ที่ 92.80% และจากการตัดพิสูจน์ทองคำแท่งที่เหลืออยู่ทั้งแนวตั้ง และแนวนอนในทองคำแท่งดังกล่าว ไม่ได้มีการยัดไส้สิ่งแปลกปลอม โดยทองคำที่เหลือยังเป็นทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99% ขณะที่นายจิตติ ได้กล่าวเสริมว่า จากการพิสูจน์คุณภาพทองคำครั้งนี้แล้ว ประชาชนจะเชื่อมั่นในการซื้อทองคำของร้านทองที่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำเช่นเดิม โดยยอมรับช่วง 1 เดือนที่เกิดปัญหา การซื้อขายทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ และร้านทองนิยมซื้อชะลอตัวลงเพื่อรอความชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นห่วงประชาชน เพราะขณะนี้การตรวจพบทองปลอม และทองยัดไส้ระบาดในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยส่วนใหญ่พบในทองรูปพรรณ ส่วนในต่างประเทศ อย่างฮ่องกง และจีนพบในทองคำแท่ง http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000128012
  2. “จีไอที”เผยผลสอบทองยัดไส้ที่โคราชไม่เป็นความจริง วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2556 เวลา 14:47 น. “จีไอที” เผยผลสอบทองยัดไส้ที่โคราชไม่เป็นความจริง เหตุเกิดจากความผิดพลาดจากขั้นตอนการใช้วิธีเผาเพื่อพิสูจน์ของร้านทองที่รับซื้อ นางพรสวาท วัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมนีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยฯ ได้ประสานงานกับสมาคมผู้ค้าทองคำ ในการตรวจสอบทองคำแท่ง กรณีที่มีข่าวร้านทองในจังหวัดนครราชสีมา ได้รับซื้อทองคำแท่ง 99.99% ขนาดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม จำนวน 2 แท่ง และตั้งข้อสังเกตว่าเป็นทองคำยัดไส้นั้น ด้วยการนำไปเป่าไฟและสกัดผงผิวทองคำ มีทองคำเหลวหลุดออกมา พบว่า เป็นความผิดพลาดจากขั้นตอนการใช้วิธีเผาเพื่อพิสูจน์ของร้านทองที่รับซื้อ ซึ่งใช้เครื่องมือที่ไม่มีคุณภาพในการตรวจสอบ ทำให้เกิดการหลอมละลาย และพบการเจือปนของทองแดง 4.93% และสังกะสี 2.26% ส่งผลให้ความบริสุทธิ์ของทองคำอยู่ที่ 92.80% แต่จากการใช้วิธีตรวจสอบวิเคราะห์ด้วยเทคนิคเอ็กซ์-เรย์ฟลูออเรสเซนต์ตามมาตรฐานสากล พบว่าทองคำมีความบริสุทธิ์ของเนื้อทองคำที่ 99.99% นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปัญหาทองยัดไส้ไม่ได้ระบาดแค่ที่ตลาดไทยเท่านั้น ในตลาดจีนและฮ่องกงก็พบปัญหาดังกล่าว ส่วนกรณีนี้สาเหตุมาจากความผิดพลาดในการตรวจสอบทองของผู้รับซื้อ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สอบถามไปยังผู้รับซื้อว่ามีข้อผิดพลาดหรือเปล่า จากนั้นก็ใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร เพราะมีข้อสงสัยว่าหากเป็นทองคำปลอมจริงจากต้นตอจะต้องปลอมมากกว่านี้ ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้ร้านทองเกิดความกังวลเรื่องซื้อขายทองคำ 99.99% และผู้ซื้อก็ต้องการให้มีการออกหนังสือรับรอง จึงทำให้ร้านทองหลายแห่งไม่อยากขาย โดยยอมรับช่วง 1 เดือนที่เกิดปัญหา การซื้อขายทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งลูกค้ารายใหญ่และร้านทองนิยมซื้อ ชะลอตัวลง เพื่อรอความชัดเจน แต่จากการพิสูจน์คุณภาพทองคำครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในการซื้อทองคำของร้านทองที่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำเช่นเดิม http://www.dailynews.co.th/businesss/239627 จีไอทียันไร้ทองสอดไส้ จี้รัฐคุมโกลด์ออนไลน์ เศรษฐกิจ 12 October 2556 - 00:00 “จี ไอที” เผยผลสอบทองยัดไส้ที่โคราชไม่เป็นความจริง เหตุเกิดจากความผิดพลาดในขั้นตอนการใช้วิธีเผาของร้านทองที่รับซื้อ สมาคมค้าทองคำจี้พาณิชย์เข้ามาดูแล "โกลด์ ออนไลน์" หวั่นมีโบรกฯ เถื่อนเข้ามาหลอกลวงนักลงทุน นางพรสวาท วัฒนกุล ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมนีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ "จีไอที" ได้ประสานงานกับสมาคมผู้ค้าทองคำ ในการตรวจสอบทองคำแท่ง กรณีที่มีข่าวร้านทองในจังหวัดนครราชสีมาได้รับซื้อทองคำแท่ง 99.99% ขนาดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม จำนวน 2 แท่ง และตั้งข้อสังเกตว่าเป็นทองยัดไส้นั้น พบว่าเป็นความผิดพลาดจากขั้นตอนการใช้วิธีเผาเพื่อพิสูจน์ของร้านทองที่รับ ซื้อ ซึ่งใช้เครื่องมือที่ไม่มีคุณภาพในการตรวจสอบ ทำให้เกิดการหลอมละลาย และพบการเจือปนของทองแดงประมาณ 4.93% และสังกะสี 2.26% ส่งผลให้ความบริสุทธิ์ของทองคำอยู่ที่ 92.80% อย่างไรก็ตาม จากการใช้วิธีตรวจสอบตามมาตรฐานแล้ว พบว่าทองคำยังคงมีความบริสุทธิ์ของเนื้อทองคำที่ 99.99% นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปัญหาทองยัดไส้ไม่ได้ระบาดแค่ที่ตลาดไทยเท่านั้น ในตลาดจีนและฮ่องกงก็พบปัญหาดังกล่าว ส่วนกรณีนี้สาเหตุมาจากความผิดพลาดในการตรวจสอบทองของผู้รับซื้อ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สอบถามไปยังผู้รับซื้อว่ามีข้อผิดพลาดหรือเปล่า จากนั้นก็ใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร เพราะมีข้อสงสัยว่าหากเป็นทองคำปลอมจริงจากต้นตอจะต้องปลอมมากกว่านี้ และจากการพิสูจน์ครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในการซื้อทองคำของร้านทองที่เป็นสมาชิกสมาคม ค้าทองคำเช่นเดิม นายจิตติกล่าวว่า สมาคมฯ อยากให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนนำหลักในการดูแลโบรกเกอร์ทองคำที่เปิดการซื้อ ขายทองคำผ่านระบบออนไลน์ (โกลด์ ออนไลน์) เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทไปจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัทในการเทรดโกลด์ ออนไลน์ ด้วยทุนจดทะเบียนต่ำ บางแห่งไม่ถึง 500,000 บาท แต่ไม่มีการมาขึ้นทะเบียนเป็นบริษัทซื้อขายทองคำกับสมาคมฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนหากมีความผิดพลาดในการซื้อขายอาจไม่สามารถตรวจ สอบความเสียหายได้ แม้ขณะนี้จะยังไม่พบการกระทำผิดในตลาดโกลด์ ออนไลน์ ในไทยก็ตาม อย่างไรก็ตาม ขอเตือนนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนทองคำผ่านโกลด์ ออนไลน์ ต้องใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทต่างๆ ด้วย. http://www.thaipost.net/news/121013/80596
  3. ทองปิดร่วง $28.7 เหตุคาดสหรัฐใกล้ตกลงเพิ่มเพดานหนี้ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2556 06:40:47 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงต่ำกว่าระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ขณะที่ความเป็นไปได้ในการผ่าทางตันด้านการคลังของสหรัฐยังคงถ่วงราคาทอง ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดปรับลง 28.7 ดอลลาร์ หรือ 2.21% ที่ 1,268.2 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาทองคำได้ดิ่งลง 3.2% ในรอบ 1 สัปดาห์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดรูดลง 63.7 เซนต์ หรือ 2.91% ที่ 21.259 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดลดลง 20.40 ดอลลาร์ ที่ 1,375.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดที่ 713.30 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์กล่าวว่า มุมมองบวกที่ว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐกำลังเดินหน้าสู่การยุติความ ขัดแย้งด้านการคลังและเพื่อปรับเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศนั้น คือเหตุผลที่ฉุดสัญญาทองล่วงหน้าให้ร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองปรับตัวซบเซาอย่างหนัก และการคาดการณ์ที่ว่าฝ่ายการเมืองของสหรัฐใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงด้านการคลัง ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศการซื้อขายทองย่ำแย่หนักขึ้น แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันยังไม่ได้บรรลุข้อตกลง ในการขยายเพดานหนี้ แต่บรรดานักวิเคราะห์ก็เชื่อกันว่าจะมีการทำข้อตกลงเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ ครั้งใหม่ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของเดือนพ.ย. อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1754148
  4. น้ำมันลบ หุ้นมะกันพุ่ง-ทองคำดิ่งเกือบ$29หลังมะกันส่อรอดผิดนัดชำระหนี้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ตุลาคม 2556 05:31 น. เอเอฟพี/เอพี - ราคาน้ำมันลงอีกวานนี้(11) เหตุหน่วยงานพลังงานสากลเผยมีการผลิตเพิ่มขึ้นในอเมริกาเหนือและชาติอื่นๆบางประเทศ ขณะที่หุ้นสหัฐฯพุ่งแรงและทองคำดิ่งหนัก หลังมีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆว่าวอชิงตันคงไม่ประสบกับภาวะผิดนัดชำระหนี้ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 99 เซนต์ ปิดที่ 102.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 52 เซนต์ ปิดที่ 111.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์เพ่งเล็งไปที่รายงานของบทบวงพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ) ซึ่งระบุว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาการผลิตเชื้อเพลิงในเหล่าชาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปก เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะในแถบอเมริกาเหนือและชาติอื่นๆบางประเทศ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(11) ปิดบวกเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางแนวโน้มที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆว่าวอชิงตันจะสามารถบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ระยะสั้นๆ หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ทันเส้นตาย 17 ตุลาคม ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 111.04 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,237.11 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.64 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,703.20 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 31.13 จุด (0.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,791.87 จุด ความกังวลของนักลงทุุนผ่อนคลายลงไปตั้งแต่วันพฤหัสบดี(10) หลังจากแกนนำรีพับลิกันยื่นข้อเสนอขยายความสามารถในการชำระหนี้ออกไป 6 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้แม้ในวันศุกร์(11) ยังไม่บรรลุข้อตกลงใดๆ แต่ตลาดก็ได้แรงหนุนจากการที่ทั้งสองฝ่ายยังเดินหน้าพูดคุยที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจัยนี้ผลักให้นักลงทุนหมางเมินทองคำ ที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แล้วหันไปเก็งกำไรในตลาดหุ้น ส่งผลให้ราคาโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้ ปิดลบอย่างแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 28.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,268.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000128196
  5. ปธ.เฟดสาขาซานฟรานซิสโก หนุน คง QE วันศุกร์, 11 ตุลาคม 2556 10:10 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันศุกร์, 11 ตุลาคม 2556 10:10 | วันเผยแพร่ | | นายจอห์น วิลเลียม ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐไอดาโฮว่า การใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะมาตรการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวเร็วขึ้น "เบอร์นันเก้-รมว.คลังสหรัฐ" เชื่อแก้ปัญหาเพดานหนี้ได้ วันศุกร์, 11 ตุลาคม 2556 11:55 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันศุกร์, 11 ตุลาคม 2556 11:55 | วันเผยแพร่ | | "เบอร์นันเก้-รมว.คลังสหรัฐ" เชื่อ แก้ปัญหาเพดานหนี้ได้ ก่อนเส้นตาย 17 ต.ค.นี้ นาย เจค็อบ ลิว รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐ และนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในที่ประชุม G-20 เมื่อวานนี้ว่า ทั้ง 3 ฝ่ายเชื่อว่า ภาวะชะงักงันเรื่องเพดานหนี้ จะสามารถแก้ไขได้ก่อนวันที่ 17 ต.ค.นี้ ทั้งนี้ รมว.คลัง และประธานเฟด มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก ในวันศุกร์นี้ที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการคลังของสหรัฐ
  6. หุ้นมะกัน-น้ำมันทะยานหลังสหรัฐฯส่อรอดวิกฤตผิดนัดชำระหนี้ ทองคำลง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 ตุลาคม 2556 05:32 น. เอเอฟพี - วอลล์สตรีทและราคาน้ำมันทะยานแรงวานนี้(10) หลังวอชิงตันมีความคืบหน้าในข้อตกลงหลีกเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวที่หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า ก็ฉุดให้ราคาทองคำขยับลงต่ำกว่า 1,300 เหรียญเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 322.06 จุด (2.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,125.04 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 36.05 จุด (2.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,692.45 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 82.97 จุด (2.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,760.75 จุด ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(10) มีขึ้นหลังจากปัญหาทางตันด้านการเมืองของอเมริกาใกล้คลี่ลาย หลังจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากรีพับลิกันเสนอขยายความสามารถในการชำระหนี้ออกไป 6 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้เป็นการชั่วคราว แต่มีเงื่อนไขว่าบารัค โอบามา ต้องยอมเจรจาต่อรองตัดลดงบประมาณเสียก่อน ขณะที่ทำเนียบขาวเผยประธานาธิบดีพร้อมเปิดใจรับข้อเสนอเพิ่มเพดานหนี้ระยะสั้นของรีพับลิกัน แต่ก็ย้ำจุดยืนว่าต้องไม่มีข้อแม้อื่นๆพ่วงเข้ามา อย่างไรก็ตามในแผนที่เสนอโดยรีพับลิกันนั้นจะไม่ยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนของสหรัฐฯ จนกว่า โอบามา จะยอมเจรจาต่อรองข้อตกลงด้านงบประมาณระยะยาว ก้าวย่างที่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตปฏิเสธมาโดยตลอด กระนั้นก็ดีความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ก็ถือเป็นแนวโน้มที่ดีก่อนหน้าที่ โอบามาและแกนนำของรีพับลิกัน มีกำหนดเข้าหารือกันในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี(10) ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะผิดนำชำระนี้ ประกอบกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในลิเบีย ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันวานนี้(10) ปิดบวกแรง สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.74 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดน้ำมันวานนี้(10) มีปัจจัยความกังวลทางอุปทานเข้ามาหนุนอีกแรง หลังนายกรัฐมนตรี อาลี ไซดาน ของลิเบีย ถูกกลุ่มผู้ถืออาวุธอุ้มจากโรงแรมที่พักกลางเมืองหลวงและควบคุมตัวนานหลายชั่วโมง ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกมา โดยเป็นที่ชัดเจนว่า การก่อเหตุคราวนี้เป็นการแก้แค้นที่กองทหารรบพิเศษหน่วยซีล ของกองทัพเรืออเมริกาบุกจู่โจมจับตัวสมาชิกอาวุโสอัล-กออิดะห์ จากท้องถนนในกรุงตริโปลีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นอย่างแรงวันนี้ ตามหลังนายกรัฐมนตรีลิเบียถูกจับกุมตัว ก่อนที่จะมีการปล่อยตัวออกมา เนื่องจากเบื้องต้นหลายคนนึกว่าเป็นเค้ารางของการก่อรัฐประหารอีกครั้ง ซึ่งก่อความกังวลว่ามันจะซ้ำเติมความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค" ไมเคิล ฮิวสัน นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์กล่าว ด้านราคาทองคำวานนี้(10) ปิดลบพอสมควร และแตะระดับต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ตามหลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สืบเนื่องจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสหรัฐฯใกล้ฝ่าทางตันเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้แล้ว โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,296.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000127739
  7. หุ้นสหรัฐ,น้ำมันพุ่งแรง-ทองร่วง 11 ตุลาคม 2556 เวลา 06:32 น. | หุ้นดาวโจนส์พุ่ง 323.09 จุดปิดที่ 15,126.07 จุด น้ำมัน+ 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.01 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความหวังสหรัฐผ่าทางตันงบประมาณ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,126.07 จุด พุ่งขึ้น 323.09 จุด หรือ +2.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,692.56 จุด เพิ่มขึ้น 36.16 จุด หรือ +2.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,760.75 จุด เพิ่มขึ้น 82.97 จุด หรือ +2.26% นักลงทุนมีความหวังว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะปรับเพิ่มเพดานหนี้ชั่วคราวให้กับรัฐบาลกลาง เพื่อผ่าทางตันปัญหาการคลังที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ซึ่งความหวังในเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐส่งสัญญาณว่าจะผ่านกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ชั่วคราวหากประธานาธิบดีบารับ โอบามา หันหน้าเจรจา จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.74 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.8 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,296.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น http://www.posttoday.com
  8. บาทอ่อนแตะ 31.53 หลังรายงานการประชุม FED updated: 10 ต.ค. 2556 เวลา 17:45:03 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2556 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.45/47 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวันพุธที่ (9/10) ที่ 31.44/46 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นได้รับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติในเช้าวันนี้โดยเงินบาทอ่อนค่าที่สุดที่ระดับที่ระดับ 31.53 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐปัจจัยหนึ่ง คือ การเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประจำเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามติการคงวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ไว้ที่ 85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือนของ FED ในเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้นมีความก้ำกึ่งกันระหว่างเสียงสมาชิกผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนมติดังกล่าว และคณะกรรมการ FED ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า FED ควรจะเริ่มลดวงเงินในการทำ QE ภายในปีนี้และยุติการทำ QE ลงในช่วงกลางปี 2556 นอกจากนี้การผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนต่อเรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งเรื่องงบประมาณสหรัฐฯในสภาคองเกรซภายหลังจากที่ทางพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีแนวโน้มจะยอมประนีประนอมกันมากขึ้นยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์สหรับฯด้วย อย่างไรก็ดี เงินบาทนั้นยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบเนื่องจากนักลงทุนยังคงรอความชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหางบประมาณและปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯที่มากกว่านี้และการเปิดเผยดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ของสหรัฐฯนั้นเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากสำนักงานสถิตินั้นเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ต้องปิดตัวเนื่องจากปัญหาเรื่องงบประมาณของสหรัฐฯโดยในวันนี้เงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.41-31.53 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 31.41/43 บาท/ดอลลาร์ สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.3509/12 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ 1.3531/32 ดอลลาร์/ยูโร โดยสกุลเงินยูโรนั้นอ่อนค่าลงจากการที่นักลงทุนขายเงินยูโรออกมาและกลับเข้าถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้น ภายหลังการเปิดเผยรายงานการประชุม FED ที่ชี้ว่าคณะกรรมการ FED หลายคนมีความเห็นว่า FED ควรจะเริ่มลดการทำ QE ภายในปีนี้ นอกจากนี้ความคาดหวังที่ว่าสภาครองเกรซของสหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงในเรื่องงบประมาณและปัญหาเพดานหนี้ได้ในเร็วนี้ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์และกดดันเงินยูโรด้วยขณะที่การเปิดเผยดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของยูโรโซนออกมาเป็นที่น่าผิดหวังเช่นกัน โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนสิงหาคมต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีลดลง 0.3% ในเดือนสิงหาคม ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น โดยตลอดทั้งวันค่าเงินยูโรมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1.3485-1.3528 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3527/28 ดอลลาร์/ยูโร สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 97.52/54 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดวันจันทร์ที่ 97.33/36 เยน/ดอลลาร์ โดยเงินเยนนั้นได้รับแรงกดดันภายหลังการเปิดเผยรายงานการประชุม FED ซึ่งบ่งชี้ว่าสมาชิก FED หลายคนเห็นด้วยกับการเริ่มลด QE ในปีนี้ และจากการที่นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลในเรื่องความขัดแย้งเรื่องงบประมาณและปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯลง ภายหลังจากที่ทางทำเนียบขาวได้เชิญผู้นำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตร่วมเจรจากันในวันนี้ เพื่อบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหางบประมาณและเพดานหนี้เพื่อให้น่วยงานราชการสหรัฐฯสามารถกลับมาทำการได้อีกครั้งและสหรัฐฯสามารถชำระหนี้รัฐบาลได้ตามกำหนดนอกจากนี้ในวันนี้ทางการญี่ปุ่นยังได้เปิดเผยตัวยอดสั่งซื้อเครื่องจักรซึ่งปรับตัวสูงขึ้นถึง 5.4% ในเดือนสิงหาคม โดยตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น โดยในวันนี้เงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ระดับ 97.20-97.87 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 97.81/83 เยน/ดอลลาร์ อนึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขสุดท้ายของเยอรมนีและอิตาลีประจำเดือนกันยายน, และตัวเลขราคาค้าส่งของเยอรมนี (11/10) โดยการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในอาทิตย์นี้นั้นส่วนใหญ่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลสถิติทางด้านการจ้างงานของสหรับฯนั้นเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ถูกปิดทำการเนื่องจากปัญหาเรื่องงบประมาณจึงทำให้จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจนกว่าหน่วยงานราชการจะเปิดทำงานอีกครั้ง สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง(swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.7/6 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +6/7 สตางค์/ดอลลาร์ ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับประชาชาติธุรกิจออนไลน์ www.facebook.com/prachachatonline หรือติดตามผ่านทวิตเตอร์@prachachat
  9. 10 ตุลาคม 2556 08:15 เฟดส่งซิกลดขนาดคิวอีภายในสิ้นปีนี้แน่นอน โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เฟดจ่อลดขนาดคิวอีภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน ส่วนยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดจะเกิดขึ้นในกลางปี"57 รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด มินนิท ชี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ ยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ แม้จะตัดสินใจชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อนในการประชุมเมื่อเดือนกันยายน ระหว่างการประชุมนั้น เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย มีการถกเถียงกันอย่างยาวนาน ในเรื่องที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในสถานะที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะรับประกันถึงการลดปริมาณเข้าซื้อพันธบัตรหรือไม่ โดยสมาชิกหลายรายกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การตัดสินใจที่จะยังไม่เริ่มลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เกิดขึ้นค่อนข้างจะทันทีทันใด เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ แสดงความเชื่อมั่นว่า จะเริ่มลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรในปีนี้ และยุติโครงการทั้งหมดภายในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งเป็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปจากการประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน ที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายราวครึ่งหนึ่งเห็นว่า ควรยุติโครงการภายในสิ้นปีนี้ http://www.bangkokbiznews.com
  10. น้ำมัน-ทองคำร่วง หุ้นสหรัฐฯทรงตัวจับตาโอบามานัดถกคองเกรสคลายวิกฤตชัตดาวน์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ตุลาคม 2556 05:32 น. เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้(9)ร่วงลงแรง หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯเผยสต๊อกเชื้อเพลิงสูงขึ้นเกินคาดหมาย ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน จับตาวิกฤตทางตันทางการเมืองในอเมริกา หลังทำเนียบขาวนัดตัวแทนจากสองพรรคเข้าพูดคุย ขณะที่ทองคำดิ่งหนัก เพราะดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเป็นผลมาจากรายงานของกระทรวงพลังงานของ สหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่ออกมาในวันพุธ(9) ระบุคลังน้ำมันดิบสำรองขอประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ตุลาคม เพิ่มขึ้นถึง 6.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะสูงขึ้นแค่ 1.4 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่ท่ามกลางปัญหาปิดหน่วยงาน รัฐบาลกลางบางส่วนของอเมริกา อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(9) ขยับในกรอบแคบๆ หลังโอบามาเชิญเหล่าแกนนำในสภาคองเกรสเข้าหารือ เพื่อแสวงหาหนทางยุติวิกฤตปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางและหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัด ชำระหนี้ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 26.45 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,802.98 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.95 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,656.40 จุด แนสแดก ลดลง 17.05 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,677.78 จุด ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(9) แถลงแผนเชิญสมาชิกสภาคองเกรสของทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตมายังทำเนียบ ขาว เพื่อพูดคุยคลี่คลายวิกฤตทางตันด้านงบประมาณ อันส่งผลให้รัฐบาลต้องปิดหน่วยงานบางส่วนเข้าวันที่ 9 และอาจผลักอเมริกาดิ่งสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า โอบามา จะเริ่มต้นกระบวนการพูดคุย ด้วยการพบปะกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครตในช่วงค่ำ วันพุธ(9) จากนั้นก็จะมีการเชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกัน รวมถึงสมาชิกวุฒสภาของทั้งสองพรรคเข้าหารือเป็นลำดับต่อไปในช่วงไม่กี่วัน ข้างหน้า กระนั้นก็ดีมีการตั้งข้อสังเกตว่าการนัดหารือกับสมาชิกของทั้งสองสภา และจากทั้งสองพรรค ไม่ได้หมายความว่า โอบามา จะยอมล่าถอยจากจุดยืนปฏิเสธเจรจาต่อรอง และบางทีมันอาจถูกออกแบบมาเพื่อกลบข้อกล่าวหาของรีพับลิกันที่ว่า ประธานาธิบดีรายนี้เป็นพวกดื้อด้านต่อต้านการพูดคุยหาทางกับผู้เห็นต่างโดย ตลอด อันเป็นยุทธวิธีของรีพับลิกันที่พยายามโยนบาปผลกระทบของปัญหาชัตดาวน์กลับไป ยังผู้นำรายนี้ ในวันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีโอบามา ยังได้เสนอชื่อนางเจเน็ต เยลเลน นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสูง ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)คนถัดไป แทน เบนเบอร์นันกี ที่จะหมดวาระในต้นปีหน้า ปัจจัยนี้ได้สร้างความพึงพอใจแก่ตลาดไม่น้อย เนื่องจากมองว่าเธอจะเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปตามแนวทางของประธาน คนปัจจุบัน ด้านราคาทองคำวานนี้(9) ร่วงลงกว่าร้อยละ 1 ปิดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ หลังดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นฉุดอุปสงค์โลหะมีค่าชนิดนี้ให้ลดต่ำลงไป โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 17.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,307.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  11. 10 ตุลาคม 2556 07:43 ทองดิ่งแรง$17 จับตาโอบามาถกสภาคองเกรส โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ทองดิ่งแรง 17.40 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,307.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดาวโจนส์บวก 26.45 จุด ที่ 14,802.98 จุดจับตาโอบามาถกแกนนำสภาคองเกรสคลายวิกฤติ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 14,802.98 จุด เพิ่มขึ้น 26.45 จุด หรือ +0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,656.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด หรือ +0.06% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,677.78 จุด ลดลง 17.05 จุด หรือ -0.46% ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวประธานาธิบดีโอบามาประกาศแต่งตั้งนางเจลเลนให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยตลาดการเงินมองว่านางเยลเลนมีแนวโน้มที่จะสานต่อนโยบายการเงินของนายเบอร์นันเก้ ทั้งนี้ หากวุฒิสภาสหรัฐให้ความเห็นชอบแล้ว นางเยเลนจะเป็นสตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานเฟด นอกจากนี้ เริ่มมีสัญญาณความเป็นไปได้ว่า พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะใช้แผนเพิ่มเพดานหนี้ระยะสั้น เพื่อเพิ่มเวลาการเจรจาเรื่องงบประมาณ หลังโอบามาเชิญเหล่าแกนนำในสภาคองเกรสเข้าหารือ เพื่อแสวงหาหนทางยุติวิกฤตปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางและหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้ น้ำมันดิบร่วง 1.88 ดอลลาร์ ด้าน สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯเผยสต็อกเชื้อเพลิงสูงขึ้นเกินคาดหมาย ทองดิ่งแรง 17.40 ดอลลาร์ ขณะที่ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 17.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,307.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นฉุดอุปสงค์ลดลง http://www.bangkokbiznews.com
  12. โลกเจ๊งทอง17ล้านล้าน 08 ตุลาคม 2556 เวลา 19:33 น. | โลกเจ๊งทอง17ล้านล้าน ธนาคารกลางทั่วโลกลงทุนทองคำผิดพลาด หัวเรือใหญ่เคยเตือนแล้ว สูญเสียพุ่ง 17 ล้านล้านบาท บลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอมรับในระหว่างขึ้นให้การคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า เจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจกับภาวะที่เกิดขึ้นกับราคาทองที่มีความผันผวนอย่างหนัก รายงานระบุว่า ถ้าหากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกรับฟังความเห็นดังกล่าวบ้างก็อาจจะชะลอการลงทุนในทองคำลง ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียดังที่เห็นในปัจจุบันที่ธนาคารกลางทั่วโลกขาดทุนรวมไปแล้วกว่า 5.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 17.4 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 1,921.15 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในปี 2011 ก่อนที่นับจากนั้นมาราคาได้ดิ่งเหวต่อเนื่องรวมแล้วถึง 31% มาจนถึงระดับราว 1,300 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน “ไม่มีใครเข้าใจภาวะราคาทองคำที่เกิดขึ้น และผมก็จะไม่เสแสร้งว่าเข้าใจด้วยเช่นกัน” เบอร์แนนคี กล่าวต่อวุฒิสภาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ตามข้อมูลของสภาทองคำโลก ระบุว่า ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกนั้นครอบครองทองคำไว้ราว 18% ของทองคำทั้งหมดในโลก ซึ่งคาดว่าในปีนี้ปริมาณทองคำที่ธนาคารกลางต่างๆ ถือเอาไว้จะมีน้ำหนักรวมถึง 350 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2012 ถือว่าเป็นปีที่ธนาคารกลางทั่วโลกกว้านซื้อทองคำมากที่สุด คิดเป็นถึง 535 ตัน โดยธนาคารกลางรัสเซียถือเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุด โดยขยายการสำรองทองคำเป็น 20% ทั้งนี้ นับตั้งแต่ราคาทองคำเข้าสู่ภาวะตลาดหมีในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ราคาทองคำได้ดิ่งลงต่อเนื่องคิดเป็นราว 21% มาอยู่ที่ระดับราคา 1,316.28 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการร่วงหล่นของราคาที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 ทีเดียว ทั้งๆ ในช่วงก่อนหน้านั้น ราคาทองคำสามารถปรับขึ้นมาได้ 12 ปีติดต่อกันมาจนถึงปี 2012 นี่เอง นักวิเคราะห์เห็นว่า เจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกมักจะตัดสินใจผิดพลาดในช่วงเวลาของการลงทุนในทองคำ โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 1999 ธนาคารกลางทั่วโลกก็ลดการถือครองทองคำลงหลังจากที่ราคาดิ่งแตะจุดต่ำสุดในรอบ 20 ปี ก่อนที่ในปีถัดไปราคาจะกลับมาพุ่งขึ้นเป็น 4 เท่าตัวทีเดียว http://www.posttoday.com/
  13. ไอเอ็มเอฟเตือนพิษศก.โลก-จีน กระทบการเติบโตในเอเชีย วันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2556 เวลา 22:45 น. ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานเศรษฐกิจ เตือนสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน จะทำลายการเติบโตในเอเชีย แต่ยังโชคดีที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะเป็นแสงสว่างให้เอเชีย ขณะที่มาเลเซียและฟิลิปปินส์ เศรษฐกิจไปโลด ส่วนไทยจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เตือนวันนี้ว่า ความหวั่นเกรงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน กำลังกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของภูมิภาคเอเชีย ขณะเดียวกัน ก็ระบุว่า ญี่ปุ่นจะเป็นแสงสว่างสำคัญของภูมิภาค ไอเอ็มเอฟ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ระบุว่า เศรษฐกิจของเอเชียคาดว่าจะขยายตัวได้เฉลี่ยร้อยละ 5.25ตลอดทั้งปีนี้ และปี 2557 ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ แต่อ่อนแอกว่าที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา รายงานฉบับล่าสุดของไอเอ็มเอฟ ซึ่งเผยแพร่วันนี้ ระบุว่า ระหว่างครึ่งแรกของปีนี้ อัตราการเติบโตในเอเชียโดยทั่วไปอยู่ในระดับปานกลาง เพราะการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ของเอเชีย อย่างไรก็ตาม รายงานของไอเอ็มเอฟ ให้เครดิตนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น ที่ผลักดันเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกแห่งนี้ ให้ดีขึ้นตั้งแต่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งเมื่อปลายปีที่แล้ว รายงานของไอเอ็มเอฟ คาดว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะขยายตัวได้ร้อยละ 2.0 ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ในปี 2557 เนื่องจากญี่ปุ่นเริ่มขึ้นภาษาการค้า อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟ เตือนด้วยว่า ญี่ปุ่นต้องคลอดมาตรการปฏิรูปในเชิงลึกกว่านี้ ซึ่งรวมทั้งการเปิดตลาดเสรีด้านแรงงาน และลดอุปสรรคทางการค้า มิเช่นนั้นแล้ว การพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซามานานให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง จะประสบความล้มเหลว ขณะเดียวกัน รายงานของไอเอ็มเอฟ ระบุด้วยว่า อุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง จะช่วยเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาเลเซียและฟิลิปปินส์ ขณะที่ ไทยนั้น จะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากชะลอตัว http://www.dailynews.co.th/world/238897
  14. วิกฤตเพดานหนี้ทำนักลงทุนมึน หุ้นมะกันลง-น้ำมันขึ้น ส่วนทองคำปิดแคบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ตุลาคม 2556 05:44 น. เอเอฟพี - วอลล์สตรีทวานนี้(8) ดิ่งลงแรง หลังทางตันด้านงบประมาณและการขยายเพนดานหนี้ของสหรัฐฯยังไร้ทางออก อย่างไรก็ตามน้ำมันกลับขยับขึ้นเล็กน้อยและทองคำปิดลบในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าอเมริกาจะรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 159.71 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,776.53 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.67 จุด (1.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,655.45 จุด แนสแดค ลดลง 75.54 จุด (2.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,694.83 จุด นักลงทุนเทขายทั้งกระดาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังคงยืนกรานจะเจรจากับรีพับลิกันก็ต่อเมื่อไม่ถูกนำเศรษฐกิจของประเทศมาข่มขู่ ท่าทีดังกล่าวก่อความกังวลหนักหน่วงขึ้นถึงความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจต้องผิดนัดชำระหนี้ หากว่าไม่บรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ทันเส้นตาย 17 ตุลาคมนี้ "ข่าวนี้ไม่มีอื่นใดนอกเหนือไปจากความเป็นปรปักษ์ในวอชิงตัน ผู้คนจึงแห่ขาย" ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากเว็ดบุช ซีเคียวริตีระบุ อย่างไรก็ตามนักลงทุนในตลาดเชื้อเพลิง ดูจะมีความเชื่อมั่นมากกว่าในวอลล์สตรีท ว่าสหรัฐฯจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้ทันเส้นตาย ส่งผลให้ราคาน้ำมันวานนี้(8) ยังยืนหยัดปิดบวกได้เล็กน้อย สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 103.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 110.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดน้ำมันนิวยอร์ก แกว่งตัวอยู่ราวๆ 101 ถึง 104 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานบางส่วนมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามอีกเส้นตายหนึ่งก็กำลังคืบคลานเข้ามาสำหรับการขยายเพดานหนี้ของประเทศ ซึ่งหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันวันที่ 17 ตุลาคม อเมริกาก็เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าจะก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ด้วยการคาดเดาต่างๆนานาทั้งแง่บวกและทางลบ ต่อความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ก็ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(8) ปิดทรงตัวเท่านั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 1,324.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000126743
  15. ดัชนีเชื่อมั่น “ทองคำ” ทรุด กังวลปัญหา ศก.สหรัฐฯ และค่าเงินบาทผันผวน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ตุลาคม 2556 13:47 น. ศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือน ต.ค. ทรุดตัวลง แนะลงทุนระยะสั้น สะท้อนนักลงทุน และผู้ค้าในประเทศเริ่มมีทัศนคติเชิงลบ หลังปัจจัยเสี่ยง ศก.สหรัฐฯ ยังไม่คลี่คลาย และค่าเงินบาทที่ผันผวน แนะรอความชัดเจนเพดานหนี้สหรัฐฯ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ (Gold Price Sentiment Index) ชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 จุด อยู่ที่ระดับ 46.71 จุด โดยลดลงจากเดือนกันยายน 17.28 จุด ปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าจะกระทบต่อราคาทองคำระหว่างเดือน 55.18% ได้แก่ เรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท 48.01% ประเด็นการชะลอ QE และ 42.23% คือประเด็นปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะ 3 เดือนสอดคล้องกันที่สะท้อนทัศนคติเชิงลบ โดยค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 48.26 จุด ลดลงจากการจัดทำในเดือนกันยายน 18.82 จุด สำหรับคำถามว่านักลงทุนจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้าหรือไม่ พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 36.33% จะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า กลุ่มตัวอย่าง 40.32% คิดว่าจะยังไม่ซื้อทองคำ และ 23.35% ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหรือไม่ ซึ่งลักษณะพฤติกรรมสอดคล้องกับค่าดัชนีที่มีมุมมองเชิงลบทำให้มีน้ำหนักของกลุ่มที่เชื่อว่าจะยังไม่ซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนในสัดส่วนที่มากกว่ากลุ่มที่คิดว่าจะซื้อ “ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ผู้ประกอบการแนะนำให้ลงทุนระยะสั้นเพราะยังมีความผันผวนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเงินบาทที่ผันผวนตาม ซึ่งคาดว่าสหรัฐฯ น่าจะผ่านปัญหาเพดานหนี้ไปได้ โดยหากผ่านแบบไม่มีเงื่อนไขทองคำจะลง และเงินบาทอาจอ่อนค่า และสหรัฐฯ ไม่น่าจะลดคิวอี เมื่อเป็นภาพรวมแล้ว ราคาทองคำปีหน้าก็คาดว่าราคาจะต่ำกว่าราคาเฉลี่ยปีนี้” นายกมลธัญกล่าว นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ เปิดเผยบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) ที่รวบรวมตัวอย่างจากผู้ค้าส่งทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 11 ตัวอย่าง เชื่อว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเดือนตุลาคมโดยรวมน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,440 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่ากรอบราคาต่ำสุดในเดือนตุลาคมน่าจะอยู่ในช่วง 1,260-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่กรอบสูงสุดน่าจะอยู่ในกรอบ 1,380-1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยล่าสุด วันนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวประมาณ 1,315-1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนเงินบาทเคลื่อนไหว 31.30 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 96.5%) กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 18,200-20,900 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักระหว่าง 18,800-19,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และมีกรอบการเคลื่อนไหวสูงสุดบริเวณ 20,600-20,900 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยมีประเด็นเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ เป็นประเด็นสำคัญที่อาจจะกำหนดทิศทางของราคาทองคำในช่วงท้ายของปี นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าทิศทางของค่าเงินบาทน่าจะยังผันผวนในช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญ สำหรับการพิจารณาผลกระทบของสถานการณ์ Government Shutdown หรือการปิดทำการชั่วคราวของหน่วยงานรัฐของประเทศสหรัฐฯ เกิดเหตุการดังกล่าวในช่วงปี ค.ศ.1976-1996 จำนวน 17 ครั้งพบว่า โดยทั่วไปไม่มีความสัมพันธ์ต่อราคาทองคำไปในทิศทางใดทั้งในช่วงของการปิดทำการ หลังจากเปิดทำการในช่วงสัปดาห์แรก และหลังจากเปิดทำการในช่วง 1 เดือนแรก แต่ที่น่าสังเกตคือ ในกรณีที่มีการปิดหน่วยงานรัฐเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไปพบว่าราคาทองคำมักจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงของการปิดทำการ หลังจากเปิดทำการในช่วงสัปดาห์แรก นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงของการหาข้อตกลงไม่ว่าสภาล่าง (house) และสภาสูง (senate) จะเป็นพรรคเดียวกันหรือไม่ ไม่มีผลต่อระยะเวลาของการปิดทำการ และไม่กระทบต่อราคาทองคำเช่นกัน http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000125880
  16. ปิดหน่วยงานรัฐมะกันเข้าสู่สัปดาห์ที่2ฉุดน้ำมัน-หุ้นสหรัฐฯลง ดันทองคำบวก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2556 05:30 น. เอพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันนิวยอร์กขยับลงเกือบ 1 ดอลลาร์และวอลล์สตรีทดิ่งแรงวานนี้(7) หลังภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ท่ามกลางปัญหาทางตันการเมืองที่ยังไร้วี่แววคลี่คลาย และปัจจัยนี้เองที่หนุนให้ทองคำ ปิดบวกพอสมควร เหตุนักลงทุนเริ่มหันหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 103.03 ดอลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 109.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สหรัฐฯต้องปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลกลางบางแห่ง หลังจากความเห็นต่างในสภาคองเกรส นำมาซึ่งความล้มเหลวในการอนุมัติงบประะมาณฉุกเฉินระยะสั้นเพื่อให้รัฐนำไปใช้จ่ายชั่วคราวในช่วงสิ้นปีงบประมาณเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ผลก็คือลูกจ้างรัฐ 800,000 คนต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง งานบริการต่างๆที่ไม่จำเป็นก็ต้องปิดดำเนินการ อันส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทางพลังงานด้วย ตอนนี้สภาคองเกรส ยังต้องเผชิญอีกหนึ่งเส้นตาย นั่นคือการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบและลงนามเป็นกฎหมายก่อนวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งในวันนั้น ทางกระทรวงการคลังคาดหมายว่าจะเหลือเงินสดอยู่ในมือแค่ราวๆ 30,000 ล้านดอลลาร์ แต่เงินจำนวนนี้จะหมดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากรัฐบาลมีภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวันสูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหากเป็นดังนั้นรัฐบาลก็อาจเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งก็จะก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นในวันจันทร์(7) ยังเป็นผลจากความกังวลทางอุปทานที่ผ่อนคลายลงไป เมื่อปฏิบัติการผลิตเชื้อเพลิงในอ่าวเม็กซิโกกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลายบริษัทใช้มาตรการป้องกันไว้ก่อนรับมือกับพายุโซนร้อนคาเรน แต่ท้ายที่สุดพายุนี้ก็สลายตัวไปโดยไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(7) ดิ่งลงอย่างแรง หลังจากแทบไม่มีสัญญาณแห่งการประนีประนอม สำหรับคลี่คลายวิกฤตชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางและขยายเพดานหนี้ออกมาจากทั้งฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกัน ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 136.34 จุด (0.90 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,936.24 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 14.38 จุด (0.85 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,676.12 จุด แนสแดค ลดลง 37.38 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,770.38 จุด ปัจจัยแห่งความกังวลต่อการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 และข้อวิตกที่ทางตันด้านงบประมาณนี้จะลุกลามเข้าสู่ศึกขยายเพดานหนี้ ที่อาจฉุดประเทศเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ก็ผลักให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาโลหะมีค่าชนิดนี้เมื่อวั้นจันทร์(7) ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 15.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,325.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000126213
  17. หุ้น-น้ำมันดิ่ง!ทองพุ่ง สหรัฐตกหน้าผาคลัง โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ สหรัฐตกหน้าผาการคลัง กดดันตลาดหุ้น-น้ำมัน ร่วงระนาว! คนแห่โยกเงินกลับเข้าลงทุนทอง ดันราคาทองคำทะยาน มะกันเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 14,936.24 จุด ร่วงลง 136.34 จุด หรือ -0.90% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,676.12 จุด ลดลง 14.38 จุด หรือ -0.85% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,770.38 จุด ลดลง 37.37 จุด หรือ -0.98% ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากนายจอห์น โบเนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลีกันกล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรจะไม่ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลและจะไม่เพิ่มเพดานหนี้จนกว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะหันหน้ามาเจรจากัน ด้าน นักวิเคราะระบุว่า การชัตดาวน์ของหน่วยงานสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างต่อเนื่อง และยิ่งทำให้เกิดความกังวลว่า การต่อเรื่องงบประมาณระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน จะเป็นตัวขัดขวางความพยายามในการขยายเพดานหนี้ ก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯผิดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจโลก น้ำมันปิดลบ 81 เซนต์ ด้าน สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 103.03 ดอลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 109.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทองพุ่ง15.20ดอลลาร์ ขณะที่ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 15.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,325.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำ หลังกังวลต่อการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 และข้อวิตกที่ทางตันด้านงบประมาณนี้จะลุกลามเข้าสู่ศึกขยายเพดานหนี้ ที่อาจฉุดประเทศเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ http://www.bangkokbiznews.com
  18. 4 ตุลาคม 2556 10:00 เฟดส่อเลื่อนลดคิวอี เตือนรับมือตลาดป่วน โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ หุ้น-เงินเอเชียขยับขึ้น หลังวิกฤติการคลังสหรัฐส่อยืดเยื้อ ส่งผลเฟดส่อเลื่อนคิวอี "โอบามา"ลั่นไม่เจรจาต่อรอง ธาริษา"เตือนรับมือตลาดผันผวน วิกฤติงบประมาณและเพดานหนี้ของสหรัฐส่อเค้ายืดเยื้อ หลังจากประธานาธิบดีบารัก โอบามา ปฏิเสธเจรจาหรือต่อรองกับพรรครีพับลิกัน เรื่องปัญหางบประมาณจนนำไปสู่การปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นวันที่ 3 และคองเกรสพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้ในวันที่ 17 ต.ค. ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวย้ำต่อบรรดาผู้นำสภาคองเกรสว่าจะไม่เจรจาต่อรองใดๆ หลังจากเจรจามากกว่า 1 ชั่วโมงที่ทำเนียบขาว ซึ่งทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า"ท่านประธานาธิบดีได้บ่งชี้อย่างชัดเจนต่อบรรดาผู้นำว่าท่านจะไม่เจรจาต่อรองเกี่ยวกับความต้องการให้สภาคองเกรสดำเนินการเพื่อเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลหรือเพื่อเพิ่มเพดานหนี้" ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามา จัดการเจรจาที่ห้องทำงานรูปไข่กับผู้นำระดับสูงของพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้แก่นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน รวมทั้งสมาชิกสภาระดับสูงของพรรคเดโมแครตซึ่งได้แก่ นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนางแนนซี เพโลซี ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือเป็นการเจรจากันแบบเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีโอบามาและผู้นำสภาคองเกรส นับตั้งแต่เริ่มการปิดหน่วยงานรัฐบาลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่าทีของแข็งกร้าวของประธานาธิบดีโอบามา ได้ส่งผลต่อค่าเงินและตลาดหุ้น เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าหากสหรัฐไม่สามารถตกลงเรื่องงบประมาณและขยายเพดานหนี้ได้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เลื่อนกำหนดการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ สกุลเงินเอเชียปรับตัวขึ้นในวานนี้ (3 ต.ค.) ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงอันเนื่องมาจากความวิตกที่ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของสหรัฐอาจดำเนินต่อไป นักวิเคราะห์กล่าวว่ามีแรงเทขายดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ ซึ่งทุกคนกำลังเทขายขณะที่ไม่มีใครต้องการซื้อ นักวิเคราะห์เห็นว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจยืดเยื้อออกไปและลดโอกาสที่เฟด จะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะใกล้ ได้ช่วยหนุนสกุลเงินเอเชียเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา "หากการปิดหน่วยงานรัฐบาลดำเนินต่อไปหลายสัปดาห์ ก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวอยู่ใกล้ระดับ ณ สิ้นปี 2555" ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อน แม้ว่าช่วงท้ายตลาดวานนี้ (3 ต.ค.) อยู่ที่ 31.25/30 อ่อนจาก 31.14/20 ในช่วงเช้า และขณะที่ตลาดต่างประเทศ (offshore) อยู่ที่ 31.25/29 จาก 31.12/19 ในช่วงเช้า เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่สหรัฐ มีปัญหาเรื่องงบประมาณ โดยวานนี้ ปิดบวก 20.19 จุด หรือ 1.43% อยู่ที่ 1,429.18 แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิ แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มสถาบันเข้าซื้อ โดยคาดว่าเฟดจะชะลอการลดวงเงินคิวอี คำกล่าวของนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ช่วยย้ำว่าเฟดจะยังคงคิวอีต่อไป โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังชะลอตัว และตลาดจ้างงานที่ย่ำแย่ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงต้องได้รับมาตรการหนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกหลายปี คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าจะยังคงมาตรการคิวอี ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ทุกเดือนเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ชี้เฟดอาจเลื่อนปรับลดคิวอี นายโรเซนเกรน ยังกล่าวว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ อาจส่งผลให้เฟดประเมินสภาพเศรษฐกิจสหรัฐได้ล่าช้ากว่าเดิม และอาจทำให้เฟดต้องเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในมาตรการคิวอีออกไป นายโรเซนเกรน กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องรอจนกว่าได้เห็นข้อมูลในเดือนต.ค. เพื่อประเมินความเสียหายจากการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาล และความขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้นกรณีการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ "ถ้าเศรษฐกิจมีการพัฒนาตามที่คาดไว้ ก็มองว่า นโยบายของเฟดก็น่าจะรวมถึงการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายอย่างช้าๆ ในช่วงหลายปีข้างหน้า และน่าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อข้อมูลสนับสนุนการคาดการณ์ของเราที่ว่า จีดีพีที่แท้จริงและการจ้างงานได้ปรับตัวดีขึ้น" นายโรเซนเกรน กล่าว ย้ำเศรษฐกิจยังแย่ ไม่ลดคิวอี นายโรเซนเกรน กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลรวมถึงความไม่แน่นอนในนโยบายการคลัง อัตราการเติบโตที่ระดับต่ำของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในตลาด เพราะได้พุ่งขึ้นสู่ระดับที่สูงมากจนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง นายโรเซนเกรน ย้ำว่า "หากเศรษฐกิจไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นตามคาด เราก็จะไม่ปรับลดนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย" ด้าน โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัทดาวน์) ในระยะสั้น จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ประมาณ 0.2% แต่การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ อาจถ่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมากถึง 0.4% เนื่องจากพนักงานภาครัฐที่ถูกพักงานจะทำการปรับลดการใช้จ่ายส่วนบุคคล ขณะนี้ การปิดหน่วยงานของรัฐบาลได้ย่างเข้าสู่วันที่สามแล้ว "ธาริษา"เตือนรับมือสหรัฐป่วน นางธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมีผลต่อตลาดเงินในระยะสั้น และน่าจะหาข้อสรุปได้ในที่สุด แต่ปัญหาที่น่ากังวล คือ การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ที่หากตกลงกันไม่ได้จะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก ซึ่งในที่สุดรัฐบาลสหรัฐต้องหาทางแก้ปัญหาให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับการชำระหนี้ และการลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งเป็นการยากที่จะฟื้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลกกลับมาได้ "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตลาดเงินทั่วโลก จะยังคงเชื่อและลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรวมถึงค่าเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง เพราะเป็นสกุลเงินและสินทรัพย์หลักของโลก นางธาริษา กล่าวถึงผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ว่าเป็นเรื่องคาดเดาได้ยากว่าเงินทุนจะไหลเข้าออกอย่างไร เพราะที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจแตกต่างไปจากอดีต แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัว แต่ยังกังวลว่าเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาอยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่า ทำให้เงินทุนมีโอกาสที่จะไหลออกได้ แนะเก็บมาตรการกระตุ้นยามจำเป็น นางธาริษา มองว่า เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังมีความผันผวน แต่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐ หากไม่นับปัญหางบประมาณ ยังเห็นการฟื้นตัวได้ดี ส่วนเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะยังเติบโตไม่สูงมากนัก แต่ปีหน้ามีทิศทางดีขึ้นจากกำลังซื้อของโลก ซึ่งจะทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น นางธาริษา กล่าวอีกว่า ธปท.มีเครื่องมือดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศได้ แม้จะมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้น แต่จะดูแลให้เป็นไปตามกลไกตลาด และไม่ปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปในทิศทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไป "ผลกับเศรษฐกิจไทยที่แน่ๆ คือความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น ทุกฝ่ายต้องตั้งรับให้ดี ทำตัวเองให้แข็งแกร่งโดยเฉพาะเศรษฐกิจ ภาคสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต้องรักษาสภาพคล่องให้ดี อย่าให้หนี้เสียมากเกินไป ทำตัวให้เบา นโยบายการเงินต้องติดตามใกล้ชิด เก็บกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็น และติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในทุกประเทศด้วย" ด้าน นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐจะมีแนวทางแก้ไขปัญหางบประมาณ รวมถึงการขยายเพดานหนี้ได้ในที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดต้องทำหน้าที่ดูแลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐให้ต่อเนื่อง แม้ในอนาคตเฟดจะต้องลดขนาดคิวอี ลงตามแนวทางที่วางไว้ เอกชนชี้ไม่กระทบภาคผลิต-ส่งออก นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่าปัญหาในสหรัฐ จะทำให้การบริโภคเอกชนสหรัฐชะลอในระยะสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของไทย เพราะเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วและตลาดก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ คาดว่าการเจรจาน่าจะจบและผ่านร่างงบประมาณปี 2557 ออกมาได้ก่อนวันที่ 17 ต.ค. ที่สภาจะต้องมีการหารือเรื่องเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งอาจมีการพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้หรือยืดระยะเวลาการชำระหนี้บางส่วนออกไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาที่พื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐตอนนี้มีแนวโน้มดีขึ้น ไม่น่าจะมีการทำนโยบายที่ไปทำให้การฟื้นตัวดังกล่าวสะดุด "ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวนี้ได้ทำให้การส่งออกของไทยบางกลุ่มปรับตัวดีขึ้นตาม ที่เห็นได้ชัดคืออิเล็กทรอนิกส์และเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งหากการฟื้นตัวต่อเนื่องก็น่าจะทำให้การส่งออกภาพรวมดีขึ้นด้วย" นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าไม่น่ากังวลว่าจะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและส่งออกไทย ซึ่งตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลว่ามีผู้ส่งออกได้รับความเสียหายจากปัญหาในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสหรัฐจะหาทางออกร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนฯ และสภาคองเกรสได้ภายในไม่เกิน 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เคยเกิดการชัทดาวน์นานที่สุดเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เพราะหากปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นนาน จะยิ่งสร้างความเสียหายมาก เนื่องจากปัจจุบันปัจจัยทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงเร็ว และพื้นฐานของสหรัฐก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนอดีต "ประเด็นที่ไทยต้องระวัง คือ เรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่แบงก์ชาติในฐานะหน่วยงานที่ดูแลตลาดคงทราบถึงสถานะอัตราแลกเปลี่ยนเงินไหลเข้าไหลออก และมีเครื่องมือที่รองรับอยู่แล้ว"นายพยุงศักดิ์ กล่าว http://www.bangkokbiznews.com
  19. สหรัฐยังมีศึกขยายเพดานหนี้ที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ไม่ยอมกัน มีแววเบี้ยวหนี้ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 00:21 น. ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ลั่นจะไม่ลงมติเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐอย่างแน่นอน หากไม่มีการเจรจากันอย่างจริงจัง ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐ ก็ยืนยันจะไม่รับผิดชอบหากประเทศเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสหรัฐต้องขยายเพดานหนี้ให้ทันภายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ว่า นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ให้คำมั่นเมื่อวานนี้ว่า จะไม่เพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ หากไม่มีการปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเพิ่มหนี้ ขณะที่ พรรคเดโมแครต กล่าวว่า พรรคจะไม่รับผิดชอบและไม่สนใจความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้น นายโบห์เนอร์ กล่าวในรายการ “This Week” ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี ว่า ความน่าเชื่อถือของประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะการปฏิเสธของรัฐบาลในนั่งลงเจรจากัน พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงมติในสภาผู้แทนราษฎรในการผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ ไม่เพียงพอ หากไม่มีการกำหนดเงื่อนไขบางอย่างเข้ามาด้วย ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก็หมายความว่า สหรัฐก็มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้ หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ยอมเจรจา นายโบห์เนอร์ กล่าวว่า นั่นเป็นเส้นทางที่เราต้องเดินไป พรรครีพับลิกันและเดโมแครต ต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับการปิดหน่วยงานราชการ ซึ่งทำให้สหรัฐเป็นอัมพาตมานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว และยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงโดยง่าย การต่อสู้กันเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายที่ยังไม่จบ แต่รัฐบาลสหรัฐต้องเผชิญกับปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้เข้ามาอีก เป็น 2 ปัญหาในคราวเดียวกัน โดยสหรัฐต้องตกลงกันให้ได้ในการขยายเพดานหนี้ภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ http://www.dailynews.co.th/world/238329
  20. ดอลล์อ่อนเทียบเยน จากผลกระทบวิกฤตชัตดาวน์ในสหรัฐ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2556 21:13:58 น. สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน ท่ามกลางผลกระทบจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐ เมื่อเวลาประมาณ 9:04 น.ตามเวลานิวยอร์ก เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.1% เมื่อเทียบกับเงินเยนแตะที่ 97.15 เยน แต่เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.3587 ต่อยูโร ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.4% แตะระดับ 131.00 เยนต่อยูโร เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญกับปัจจัยลบในขณะที่นักลงทุนรอดูความคืบหน้าเกี่ยว กับการเจรจาเรื่องการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ จากกรณีที่สภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการผ่านร่างงบประมาณฉุก เฉิน โดยขณะนี้สภาคองเกรสยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณ ชั่วคราว ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความกังวลว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้ จริงต่อชาวอเมริกัน
  21. ปธ.เฟดบอสตันระบุศก.สหรัฐยังเสี่ยงขาลง วันพฤหัสบดี, 03 ตุลาคม 2556 09:20 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันพฤหัสบดี, 03 ตุลาคม 2556 09:20 | วันเผยแพร่ | พิมพ์ | อีเมล ประธานเฟดบอสตัน ระบุ เศรษฐกิจสหรัฐยังมีความเสี่ยงขาลง เฟดควรเตรียมพ้อมใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) เพิ่มเติม นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงในช่วงขาลง และเฟดควรเตรียมพร้อมที่จะกระตุ้นการเติบโตมากขึ้น หากเศรษฐกิจปรับตัวต่ำกว่าคาด การแสดงความคิดเห็นของนายโรเซนเกรนเป็นการเน้นย้ำถึงท่าทีของเขาที่สนับสนุนการตัดสินใจของเฟดในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย.ที่จะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาออกมาน่าผิดหวัง ประธานเฟดบอสตันกล่าวว่า ถ้าเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นตามที่เฟดคาด ก็ควรมีการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอัตราที่ช้ามากในช่วงหลายปีข้างหน้า แต่หากเศรษฐกิจชะลอตัวผิดคาด เฟดก็ควรดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มากกว่าในปัจจุบัน http://www.moneychannel.co.th/
  22. ภาวะปิดหน่วยงานก่อแรงขายหุ้นสหรัฐฯทั้งกระดาน-น้ำมันลง แต่ทองคำปิดลบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 ตุลาคม 2556 04:50 น. เอพี/มาร์เก็ตวอตช์ - นักลงทุนเทขายหุ้นทั้่งกระดานจนดิ่งแรงและน้ำมันก็ขยับลงวานนี้(3) หลังภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯลากเข้าสู่วันที่ 3 และประเทศแห่งนี้ขยับเข้าใกล้เส้นตายขายเพดานหนี้ อย่างไรก็ตามยังมีบางส่วนที่มองในแง่ดีว่าวิกฤตนี้จะคลี่คลายในอนาคตอันใกล้ เลยทำให้ทองคำ ยังแกว่งตัวอยู่ในแดนลบ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 136.66 จุด (0.90 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,996.48 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.21 จุด (0.90 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,678.66 จุด แนสแดค ลดลง 40.68 จุด (1.1 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,774.34 จุด ดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 200 จุดในช่วงสายของวันพฤหัสบดี(3) ก่อนฟื้นตัวในช่วงท้ายและปิดลบในระดับดังกล่าว ท่ามกลางภาวะการณ์ทางตันด้านงบประมาณระหว่างรีพับลิกันและเดโมแครต ยังไม่มีวี่แววเข้าใกล้กับการได้ข้อยุติ ด้วยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังกล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่าทางเดียวที่จะหลุดพ้นการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐ ก็คือ "สภาคองเกรสต้องผ่านงบประมาณให้กับรัฐบาลของเขาโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆที่พยายามพ่วงมาด้วย นอกจากวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองข้างต้นแล้ว นักลงทุนยังห่อเหี่ยวกับข้อมูลข่าวทางเศรษฐกิจอันน่าผิดหวังที่เผยแพร่ออกมาในวันพฤหัสบดี(3) สถาบันจัดการด้านอุปทานสหรัฐฯ (ไอเอสเอ็ม) เผยว่ายอดสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานในบริษัทผู้ให้บริการต่างๆของสหรัฐฯอ่อนแอลง โดยรายงานนี้ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก ก่อสร้าง ประกันสุขภาพและบริการทางการเงิน ข้อมูลทางเศรษฐกิจข้างต้นประกอบกับภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯลากเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ก็ฉุดให้ราคาน้ำมันวานนี้(3) ปิดลบเล็กน้อย สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 79 เซนต์ ปิดที่ 103.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 19 เซนต์ ปิดที่ 109.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำวานนี้(3) ขยับลงเป็นวันที่ 3 ในการซื้อขาย 4 วันหลังสุด ด้วยนักลงทุนคาดหมายว่าปัญหาการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะไม่ยืดเยื้อยาวนาน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,317.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตลาดจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวผิดปกติของทองคำ แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานบางส่วนและข่าวร้ายทางเศรษฐกิจอื่นๆที่น่าจะผลักให้ราคาทองคำขยับขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ในเรื่องนี้ ชินทาน คาร์นานี นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาอินซิกเนีย บอกว่า "มันสร้างความสับสนแก่นักลงทุนอย่างแม้จริง แต่สำหรับผมแล้วเชื่อว่าการปรับลดของราคาทองคำ อาจเป็นเพราะนักลงทุนเชื่อว่านักการเมืองสหรัฐฯคงสุขุมพอที่จะไม่ปล่อยให้ภาวะปิดหน่วยงานยืดเยื้อ" http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000124716
  23. ทองคำปิดลบ 3.1 ดอลล์ 04 ตุลาคม 2556 เวลา 06:49 น. | เปิดอ่าน 370 | comment ความคิดเห็น 0 แชร์ไปยัง facebook 1 แชร์ไปยัง twitter 10 More Sharing Servicesทั้งหมด + สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบ3.1 ดอลล์ที่ 1,317.6 ดอลลาร์/ออนซ์วิตกข้อมูลเศรษฐกิจ-ชัตดาวน์สหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,317.6 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังจากสภาคองเกรสยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่วคราวได้จนถึงขณะนี้ ขณะที่เจพี มอร์แกนประเมินว่าการชัตดาวน์เป็นเวลา 1 สัปดาห์จะทำให้อัตราการขยายตัวรายไตรมาสของจีดีพีที่แท้จริงลดลง 0.12% และอาจจะมีผลกระทบมากขึ้นต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาทองคำร่วงลง โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 54.4 จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 58.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี http://www.posttoday.com/
  24. ราคาทองโดนทุบ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ วันพุธ, 02 ตุลาคม 2556 14:22 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันพุธ, 02 ตุลาคม 2556 14:23 | วันเผยแพร่ | | Robin Griffins แห่ง Cazenove Capital ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ให้ควีนเอลีซาเบทของอังกฤษ ยอมรับว่า รัฐบาลสหรัฐฯแทรกแซงในตลาดทองเพื่อทุบราคาทองลง เพราะมีผลประโยชน์ในการดูแลระบบการเงินสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีข่าวร้ายเรื่องการปิดรัฐบาลสหรัฐ แต่หุ้นกลับขึ้น ราคาทองกลับลงฝืนธรรมชาติ ราคาทองโดนทุบ $12.20 เหลือ $1,327ต่อออนซ์วันที่ 1 ตุลาคม และมาวันนี้โดนทุบอีก $40.90 เหลือ $1,286.10ต่อออนซ์ เขา บอกว่า ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากในการทุบราคาทองผ่านตลาดทองคำกระดาษ โดยทุบราคารายวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนเห็นกันอยู่ทุกวัน ตลาดทองคำเป็นตลาดที่มีการปั่นมาก (highly manipulated market) เพราะถึงแม้ว่าจะมีการทุบราคาทองลงมา การส่งมอบทองคำแท่ง physical ไม่ได้เป็นไปอย่างสะดวก มีความลำบากมากในการส่งมอบทองคำ physical เป็นจำนวนมาก ๆ เพราะของในมือไม่มี ปริมาณการเทรดทองกระดาษมากกว่าปริมาณทองคำphysical ที่มีอยู่ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า Griffinsบอกว่า รัฐบาลสหรัฐฯใช้แบงก์ เช่น JP Morganในการกดราคาทองให้ต่ำผ่านการขายในตลาดทองคำกระดาษ ในระยะสั้นสามารถที่จะคุมราคาทองไม่ให้ขยับขึ้นสูงได้ ที่จริงทองคำphysicalขาดตลาดด้วยซ้ำ เพราะความต้องการอย่างล้นเหลือจากอินเดีย จีนและล่าสุดรัสเซียก็เริ่มลุยเก็บทอง physical มาก ในระยะต่อไปรัฐบาลของประเทศในแถบเอเซียอยากจะถือทอง มากกว่าถือสินทรัพย์ดอลล่าร์กระดาษ ถึงแม้ว่าจะคุมราคาทองได้ในระยะสั้น แต่พวกนี้ไม่สามารถคุมซับพลายของทองได้ที่ผลิตออกมาจากเหมืองทองคำ ราคา ทองขณะนี้ไม่คุ้มให้มีการผลิตเพื่อเพิ่มซับพลาย ราคาทองต้องเพิ่มถึง$1,920ต่อออนซ์ ก่อนที่ซับพลายทองจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ Griffins บอกว่า ระยะสั้นราคาทองอาจลงไป $1,180 แต่ปีหน้าจะไป $1,920ได้ http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/20406-bn72.html
  25. ทองร่วง 550 บาท “จิตติ” เผยรู้สึกแปลกใจที่ราคาปรับตัวลดลงมาก แต่ยังไม่สามารถหาเหตุผลได้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2556 11:58 น. ราคาทองร่วง 550 บาท “จิตติ” เผยรู้สึกแปลกใจที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาก แต่ยังไม่สามารถหาเหตุผลได้ เพราะหากพิจารณาปัจจัยที่เข้ามากระทบราคาทองคำควรจะปรับขึ้น แนะนักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาทองคำที่ปรับลง 550 บาท เช้าวันนี้ (2 ต.ค.) โดยยอมรับว่า ตนเองรู้สึกแปลกใจที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาก แต่ยังไม่สามารถหาเหตุผลได้ เพราะหากพิจารณาปัจจัยที่เข้ามากระทบราคาทองคำควรจะปรับขึ้น เนื่องจากการสภาคองเกรสไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณปี 2557 ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดดำเนินงานหน่วยงานราชการบางส่วน สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ราคาทองกลับมีทิศทางตรงกันข้ามปรับลดลงแรง ดังนั้น ตนจึงอยากขอให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเช้าวันนี้ สมาคมค้าทองคำประกาศราคาทองประจำวัน ปรับตัวลดลงบาทละ 550 บาท ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 19,050 บาท ขายบาทละ 19,150 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 18,768.08 บาท ขายบาทละ 19,550 บาท ทั้งนี้ ราคาทองที่ปรับลงบาทละ 550 บาท จากราคาปิดวานนี้ เป็นไปตามทิศทางราคาทองคำตลาดโลกที่ปรับลดลง 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปรับตัวหลุดแนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ลงมาอยู่ที่ 1,290 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองในทางเทคนิคมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อได้ http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000123807
×
×
  • สร้างใหม่...