namchiang

ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลังอีซีบีไม่กระตุ้นศก.เพิ่มเติม ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2557 07:16:53 น. ดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบยูโรเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3860 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3731 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นสู่ระดับ 1.6742 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6712 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 103.05 เยน จากระดับ 102.32 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8805 ฟรังค์ จากระดับ 0.8877 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9096 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8983 ดอลลาร์สหรัฐ อีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีกล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า เงินเฟ้อในยูโรโซน ซึ่งอยู่ที่ 0.8% ในเดือนก.พ.นั้น จะเพิ่มขึ้น 1% ในปีนี้ และจะปรับขึ้นแตะ 1.7% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2559 ประธานอีซีบียังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของอีซีบีสรุปว่ายังจะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจ โดยนับเป็นการบ่งชี้ว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งได้หนุนเงินยูโรให้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบดอลลาร์ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 1 มี.ค. ปรับตัวลดลง 26,000 ราย มาอยู่ที่ 323,000 ราย เทียบกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะลดลงที่ระดับ 336,0000 ราย ซึ่งส่งสัญญาณถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งขึ้นของตลาดแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ภาคโรงงานของสหรัฐได้ปรับตัวลงอย่างเหนือคาดหมายในเดือนม.ค. นับเป็นอีกสัญญาณของการหดตัวลงของกิจกรรมการผลิต โดยยอดสั่งซื้อสินค้าภาคการผลิตปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนม.ค. หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็จับตาดูข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐ ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ เพื่อประเมินภาวะตลาดแรงงานและทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐ อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq21/1851568

หุ้นมะกันพุ่ง ทองคำและน้ำมันลงแรง หลังปูตินแย้มไม่ทำสงครามยูเครน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มีนาคม 2557 05:30 น. หุ้นมะกันพุ่ง ทองคำและน้ำมันลงแรง หลังปูตินแย้มไม่ทำสงครามยูเครน เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งและทองคำขยับลงแรงวานนี้ (4 มี.ค.) หลังรัสเซียถอนทหารออกจากแนวชายแดนติดกับยูเครน รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะส่งกำลังพลเข้าไปยังชาติอดีตสหภาพโซเวียต ปัจจัยนี้เองก็ฉุดให้น้ำมันปิดลบหนัก ด้วยนักลงทุนคลายความกังวลทางอุปทาน ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 224.10 จุด (1.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,392.13 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 27.86 จุด (1.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,873.59 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 74.68 จุด (1.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,351.98 จุด นักลงทุนคลายความกังวลต่อแนวโน้มสงครามในแถบแหลมไครเมีย หลังจากปูติน มีคำสั่งให้กำลังพลที่ร่วมซ้อมรบทางตะวันตกและภาคกลางของรัสเซียกลับคืนสู่ฐานทัพในช่วงปลายสัปดาห์ แม้ว่าในวันอังคาร (4) ผู้นำรายนี้จะประณามการโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช ของยูเครนว่าเป็นการก่อรัฐประหารที่ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูฐ และประเทศของเขาขอสงวนไว้ซึ่งสิทธิการใช้กำลังในยูเครนเพื่อปกป้องคุ้มครองพลเมืองของตน ความเคลื่อนไหวเรียกกำลังพลกลับฐานทัพ ประกอบกับคำยืนยันของ ปูติน ที่ว่าในตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องส่งทหารเข้าไปยังยูเครน ช่วยคลายความกังวลต่อเหตุความวุ่นวายด้านการลำเลียงเชื้อเพลิง และส่งผลให้ราคาน้ำมันวานนี้ (4) ดิ่งลงอย่างหนัก สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างแรงในวันจันทร์ (3) จากเหตุเผชิญหน้าอย่างเคร่งเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกในประเด็นยูเครน หลังกองกำลังที่สนับสนุนโดยมอสโกเข้าควบคุมแหลมไครเมียโดยพฤตินัยมาตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (4) น้ำมันกลับมาดิ่งลงหนัก หลังจาก ปูติน ประกาศว่าในตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องส่งทหารเข้าไปยังยูเครน ส่วนราคาทองคำวานนี้ (4) ก็ร่วงลงพอสมควร ด้วยประธานาธิบดีรัสเซีย ให้คำรับประกันว่าการใช้กำลังทหารจะเป็นหนทางสุดท้ายในวิกฤตยูเครน ซึ่งเป็นผลให้นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังพุ่งขึ้นอย่างแรงหนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 12.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,337.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000025211

ตลาดคลายกังวล หลังรัสเซียถอนทหาร updated: 04 มี.ค. 2557 เวลา 20:39:37 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดเงินปริวรรตประจำวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2557 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.54/56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวาน (3/3) ที่ระดับ 32.55/57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาทได้รับแรงสนับสนุนจากการคลายความกังวลทางการเมืองลง หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ได้ยุบรวมเวทีการชุมนุมเหลือเพียงเวทีเดียวในพื้นที่สวนลุมพินี และเปิดเส้นทางการจราจรที่เคยปิดทั้งหมดในวันอาทิตย์ (2/3) ที่ผ่านมา ทั้งนี้ในช่วงเช้าปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ถูกติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากที่รัสเซียได้ส่งกำลังทหารกว่า 16,000 นาย ได้เข้าประชิดชายแดนระหว่างรัสเซียและยูเครนตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทูตของรัสเซียประจำสหประชาชาติรัสเซียกล่าวว่าอดีตประธานาธิบดีของยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียช่วยดำเนินการฟื้นฟูความเรียบร้อยในยูเครน ซึ่งการส่งทหารของรัสเซียในครั้งนี้ส่งผลให้ทางสหรัฐฯประกาศระงับความร่วมมือทางทหารและการเจรจาทางการค้าเพื่อเป็นการตอบโต้ที่รัสเซียบุกยูเครน อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงบ่าย รัสเซียได้ประกาศเคลื่อนย้ายกำลังทหารรวมถึงยุทโธปกรณ์ทั้งหมดกลับไปยังฐานที่มั่น โดยทางโฆษกของทำเนียบเครมลินกล่าวว่ากำลังทหารที่อยู่บริเวณชายแดนรัสเซียและยูเครนนั้นเป็นการซ้อมรบและปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วุ่นวายในยูเครนอย่างสิ้นเชิง ในส่วนของสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตประกาศออกมาที่ระดับ 53.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าครั้งก่อนหน้าที่ 51.3 ซึ่งการปรับตัวขึ้นครั้งนี้ปรับตัวมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์อีกด้วย ประกอบกับรายได้ส่วนบุคคลในสหรัฐนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3%จากเดือนก่อนหน้าซึ่งมากกว่าครั้งที่แล้วที่คงที่ ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงในภาคอุตสาหกรรมหลังจากที่ช่วงก่อนหน้านี้ตัวเลขในภาคอุตสาหกรรมประกาศออกมาไม่ดีนัก ทำให้ความเป็นไปได้ในการหยุดหรือชะลอการปรับลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) นั้นลดลง ทั้งนี้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 32.46-32.56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วงบ่ายหลังจากตลาดตอบรับข่าวการถอนทหารของรัสเซีย ก่อนที่จะปิดตลาดที่ระดับ 32.46/48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านค่าเงินยูโรนั้นเปิดตลาดที่ระดับ 1.3733/34 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อเย็นวันจันทร์ (3/3) ที่ระดับ 1.3776/78 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ซึ่งค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันหลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ ดาร์กี้ ได้กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้นั้นห่างไกลจากระดับ 2% ที่ตั้งเอาไว้อย่างมาก ทำให้นักลงทุนคาดว่าในการประชุมธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ ดาร์กี้ ได้กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้นั้นห่างไกลจากระดับ 2% ที่ตั้งเอาไว้อย่างมาก ทำให้นักลงทุนคาดว่าในการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ (6/3) จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายมากขึ้นอีก ซึ่งอาจหมายถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายค่าเงินยูโรได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นหลังจากที่รัสเซียถอนทหารออกจากบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1.3721-1.3774 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3750/51 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนนั้น วันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 101.50/51 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อเย็นวันจันทร์ (3/3) ที่ระดับ 101.25/27 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมากจากความกังวลปัญหาในยูเครนทำให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเยนชั่วคราว แต่หลังจากนั้นค่าเงินเยนได้อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าไปถือสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อเก็งกำไรมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการถอนกำลังทหารออกจากบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 101.5-101.95 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 101.79/80 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์นี้ตลาดรอติดตามการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตของยูโรโซน ดัชนี ISM ภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ (4/3) ดัชนี PMI ภาคการบริการของประเทศในยูโรโซน ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของยูโร ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศของสหรัฐ (ADP) ดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ (5/3) ยอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมัน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ (6/3) ดัชนีราคาผู้ผลิตของอิตาลี ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมัน ดัชนีการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ อัตราการว่างของสหรัฐ (7/3) เป็นต้น อัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.6/5.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +5.5/7.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393940403

วิกฤตยูเครนคลี่คลาย ฉุดทองคำปิดร่วง 12.4 ดอลล์ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 มีนาคม 2557 06:39:27 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์รุนแรงในยูเครนเริ่มคลี่คลายลง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 12.4 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,337.9 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 26 เซนต์ ปิดที่ 21.188 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1464.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 13.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 763.70 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนเริ่มส่งสัญญาณคลี่คลาย ภายหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย สั่งการให้ทหารที่เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบเคลื่อนกำลังกลับฐาน นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ในขณะนี้ยังไม่จำเป็นที่รัสเซียจะต้องส่งทหารบุกเข้ายูเครน ก่อนหน้านี้ สัญญาทองคำพุ่งขึ้นเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากสถานการณ์ที่รุนแรงในยูเครนได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีปูตินได้รับไฟเขียวจากรัฐสภาให้ส่งทหารเข้าไปในไครเมีย ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองทางตอนใต้ของยูเครน นักวิเคราะห์คาดว่า ความต้องการทองคำในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำในปีนี้ โดยเฉพาะความต้องการทองคำในประเทศจีน อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1849735

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วง หลังสถานการณ์ยูเครนลดความตึงเครียด, นลท.ขายทำกำไร ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 มีนาคม 2557 20:07:16 น. ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน ภายหลังสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนส่งสัญญาณคลี่คลาย ประกอบกับนักลงทุนขายทำกำไร หลังจากที่ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมากวานนี้ เมื่อเวลา 19.55 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับตัวลง 15.90 ดอลลาร์ หรือ 1.18% สู่ระดับ 1,334.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากทะยานขึ้น 28.7 ดอลลาร์ หรือ 2.17% ปิดที่ 1,350.3 ดอลลาร์/ออนซ์ วานนี้ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2556 วานนี้ นักลงทุนพากันเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ภายหลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียได้รับไฟเขียวจากรัฐสภาให้ส่งทหารเข้าไปในไครเมีย ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองทางตอนใต้ของยูเครน ขณะที่ยูเครนเริ่มระดมกำลังพลและเรียกร้องให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์ภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวมีทีท่าว่าจะคลี่คลายลง หลังสำนักข่าว Interfax ของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำพูดของนายดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่า กองทหารรัสเซียได้ยุติปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศ และได้รับคำสั่งให้ถอยกลับฐาน นายเพสกอฟ กล่าวว่าประธานาธิบดีปูตินได้สั่งการให้กองกำลังทหารที่เข้าร่วมการซ้อมรบทางทหารในพื้นที่ตอนกลางและตะวันตกของรัสเซีย กลับฐานทัพภายหลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1849715

ไขปริศนา"รัสเซีย"ยึดคืน"ไครเมีย" ชนวนสงครามโลกครั้งที่สาม? วันที่ 03 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22:21:07 น. ชาวยูเครนลุกฮือโค่นล้มประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ที่มีความสัมพันธ์กับรัสเซียไปเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างน่าจะราบรื่น แต่ชาวโลกกลับคาดการณ์ผิดโดยสิ้นเชิง เพราะสถานการณ์ได้เพิ่มวิกฤตรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เมื่่อรัสเซียส่งกำลังทหารเข้ายึดครองพื้นที่ในแคว้นไครเมีย(Crimea)ซึ่งเป็นดินแดนของยูเครน ทำให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯถึงกับเต้นผาง โทรศัพท์สายตรงถึงนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ให้ถอนทัพรัสเซียพ้นจากดินแดนไครเมีย ขณะที่"ปูติน"ย้อนแย้ง"โอบามา"อ้างว่า รัสเซียจำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ในไครเมีย ฝ่ายยุโรปซึ่งผนึกแน่นกับ"สหรัฐฯ"ขู่"รัสเซีย"ถ้าไม่ถอนทหารออกจากไครเมียจะขับพ้นสมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือ"จี8" แต่"รัสเซีย"เมินเสียงขู่จากนานาชาติตรงกันข้ามกลับยืนกรานจะตรึงทหารใน"โครเมีย"ต่อไป ทำไมรัสเซียจึงให้ความสำคัญกับ"ไครเมีย"อย่างยิ่ง และนี่จะเป็นชนวนวิกฤตนำไปสู่"สงครามโลกครั้งที่สาม"หรือไม่? ต่อไปนี้คือ 5 คำถาม-ตอบ ระหว่าง"ไครเมีย-รัสเซีย-ยูเครน" 1. ไครเมียไม่ได้เป็นของรัสเซียในปัจจุบัน แต่ในอดีตเคยเป็น ความวิตกว่ายูเครนจะแตกแยกได้ทำให้เกิดการประท้วงต่อรัสเซียที่มีผลประโยชน์ในดินแดนไครเมียมากว่าหลายร้อยปีเนื่องจากไครเมียเป็นดินแดนเกษตรที่อุดมสมบูรณ์และได้ถูกใช้เป็นพื้นที่เข้าถึงทะเลดำโดยรัสเซียยกดินแดนไครเมียแก่ยูเครนในปี2497 เมื่อครั้งที่ยูเครนยังเป็นประเทศเครือบริวารในยุคสหภาพโซเวียต ต่อมา หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 2534 ชาวไครเมียเริ่มเรียกร้องออกจากการปกครองของยูเครน เพราะต้องการกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอีกครั้ง แต่รัฐสภายูเครนและส.ส.ของไครเมียโหวตคัดค้านข้อเรียกร้องดังกล่าว 2.ชาวรัสเซียจำนวนมากอาศัยอยู่ในไครเมีย ประเมินกันว่า มีประชากร 3 กลุ่มอยู่ในไครเมีย กลุ่มแรก เป็นชาวยูเครนโดยพื้นเพที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของยูเครน กลุ่มที่สอง เป็นชาวรัสเซียที่อยู่ทางตอนใต้ กลุ่มที่สาม เรียกว่า ชาว"ตาตาร์"ซึ่งอยู่ตอนกลางของพื้นที่ทั้งหมด กลุ่มนี้มีประชากรคิดเป็นสัดส่วนราว 15-20 เปอร์เซ็นต์ เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสหภาพโซเวียตในยุคของโจเซฟ สตาลิน อดีตผู้นำเผด็จการ 3.กองทัพเรือรัสเซียบางส่วนตั้งอยู่ในไครเมีย หากจะถึงพูดความสำคัญของไครเมียต่อรัสเซีย ต้องมองย้อนกลับไปพูดถึงกองเรือในทะเลดำของรัสเซียโดยทันที ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียมีฐานทัพอยู่ในไครเมียในเมืองเซวาสโตปอล ในทะเลดำ มานานกว่า 230 ปีแล้ว รวมทั้งเรืออื่น ๆ และเรือดำน้ำ ที่อยู่ทางตอนเหนือของตุรกี และสามารถเคลื่อนทัพไปยังทะเลเมดิเตอเรเนียน เพื่อสร้างอิทธิพลครอบงำต่อภูมิภาคตะวันออกกลางและภูมิภาคบอลข่าน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางรายแย้งว่า ความสำคัญดังกล่าวถือว่ากล่าวเกินจริง เพราะจริง ๆ แล้ว ไครเมียเป็นฐานเล็กที่สุดของกองทัพรัสเซีย โดยมีกองเรือเพียง 4 กอง และรัสเซียมีชายฝั่งติดทะเลดำของตัวเอง จริงๆ แล้ว รัสเซียเพียงแค่กำลังขยายท่าเรือทะเลดำในเมืองโนโวรอสสิยาค และย้ายกองทัพรบบางส่วนมายังที่นี่เท่านั้น 4.ไครเมีย เคยมีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์โลกมาก่อน แม้ว่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องสงครามไครเมีย แต่คงเคยได้ยินชื่อของ"ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล" ผู้ก่อตั้งสถานพยาบาลในยุคปัจจุบัน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในสงครามไครเมียเมื่อปี 2393 ซึ่งขณะนั้น"ไนติงเกล"เป็นที่รู้จักในนามของ"ผู้หญิงถือตะเกียง"(Lady with the Lamp) คอยดูแลรักษาพยาบาลทหารที่บาดเจ็บในสงครามที่รัสเซียต่อสู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส และจักรพรรดิออตโตมันแห่งตุรกี 5.ความสำคัญของ"ยัลต้า"จุดกำเนิดประวัติศาสตร์แบ่งโลก เมื่อสงครามโลกครั้งที่2ใกล้จะปิดฉากในปี2488เหล่าผู้นำสัมพันธมิตร ได้แก่ ประธานธิบดีแฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ แห่งสหรัฐ,นายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิล ของอังกฤษ และโจเซฟ สตาลิน ผู้นำเผด็จการรัสเซีย นัดพบกันที่รีสอร์ต"ยัลต้า" ในไครเมียเพื่อหารือแผนแบ่งยุโรปเป็นสองส่วน ผลจากการประชุมครั้งนั้นทำให้โลกเกิดสงครามเย็น เป็นจุดกำเนิดแบ่งยุโรปเป็นสองซีก ซีกหนึ่งอยู่ในมือ"รัสเซีย" และอีกซีกอยู่ในโลกเสรีนิยมที่มีสหรัฐฯเป็นหัวหอก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1393827798&grpid=01&catid=&subcatid=

ทองปิดพุ่ง $28.7 เหตุวิตกสถานการณ์ยูเครนหนุนแรงซื้อ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 มีนาคม 2557 06:39:13 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ที่รุนแรงในยูเครนได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และช่วยหนุนสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 28.7 ดอลลาร์ หรือ 2.17% ปิดที่ 1,350.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2556 สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 24.4 เซนต์ ปิดที่ 21.485 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 13.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,460.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 5.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 749.80 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนพากันเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ภายหลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียได้รับไฟเขียวจากรัฐสภาให้ส่งทหารเข้าไปในไครเมีย ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองทางตอนใต้ของยูเครน ขณะที่ยูเครนเริ่มระดมกำลังพลและเรียกร้องให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์ภายในประเทศ ทางด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐ “วิตกกังวลอย่างยิ่ง" เกี่ยวกับรายงานการเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียในยูเครน และเตือนว่า “จะมีผลเสีย" จากการแทรกแซงทางทหารดังกล่าว ขณะที่นายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐจะเดินทางเยือนกรุงเคียฟของยูเครนในวันอังคารนี้ อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1849005

Further fall in Gold ETF holdings may pull down prices to $1050-1100 levels:DB [/url] Analysing the recent uptrend in gold prices (gaining 10% year to date), DB said that it has been a function of adverse macro trends in US which has contributed to a small rise in the US equity risk premium. Over the p.. 28 Feb 2014 LONDON (Commodity Online): From a high of 2600 tons, Gold ETF holdings have fallen since the start of 2013 by over 30% to around 1700 tons. An analysis of data of past few years by Deutsche Bank shows the strong correlation between gold etf holdings and prices. In the likelyhood of gold ETF hodings falling a furthe 200 tons to 1500 tons in a two year period, prices could fall to $1050-1100 levels. This could happen simultaneously with a recovery in US economy whta twil prompt US real yields to move higher, the US dollar to recover and the S&P 500 to its fresh highs, Deutsche Bank said in a special report on gold. Liquidation has happened to the extent of 900 tons of which 550 tons was accounted for by the largest Gold ETF- SPDR Gold Trust (NYSE:GLD). "Our calculation of breakeven price for gold ETFs reveals that on average ETF holders are still making a profit at current price levels. This is because the bulk of gold ETF accumulation took place prior to 2011 when gold hit its all time highs. The fact that a larger proportion of gold ETFs was bought at lower prices suggests that we are still far from a potential trigger point for a more widespread unwind," Deutsche Bank said. Based on some calculations based on past data and estimates, SPDR Gold Trust may shed 67 tons in holdings over the coming year if the turn in the US equity risk premium, the rise in US Treasury yields and US dollar strength reintroduce headwinds for the gold market. Analysing the recent uptrend in gold prices (gaining 10% year to date), DB said that it has been a function of adverse macro trends in US which has contributed to a small rise in the US equity risk premium. Over the past week, a modest decline in ERP may have contributed to the gold price rally stalling. However, physical demand remains strong providing the much needed support. Physical trading volume on the Shanghai Gold Exchange has picked up moderately ii) GOFO rates remain in negative territory (also easing slight) indicating ongoing physical tightness and iii) SPDR gold ETF holdings have attracted 8.1 tonnes of inflows over the past week.

ผู้ว่าเฟดยืนยันการลดปริมาณการทำคิวอีและวิกฤตในยูเครน updated: 28 ก.พ. 2557 เวลา 18:55:48 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่าภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2557 ค่าเงินสกุลหลักต่าง ๆ ปรับตัวผันผวนในกรอบแคบตลอดทั้งสัปดาห์ โดยตลาดยังคงขาดปัจจัยใหม่มาผลักดันตลาดในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ตลอดทั้งสัปดาห์นักลงทุนกลับมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ดอลลาร์สหรัฐ และเยนมากขึ้น สาเหตุมาจากการที่ตลาดเริ่มมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประทเศในกลุ่มสหภาพยุโรป รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดของประเทศยูเครน โดยนักลงทุนยังคงรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ช่วงหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างอ่อนแอ รวมถึงการแถลงนโยบายของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ อีกทั้งยังคงรอความชัดเจนทางการเมืองภายในประเทศอีกด้วย ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันจันทร์ (24/2) ที่ระดับ 32.62/64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (21/2) ที่ 32.58/60 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนมีความกังวลจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศ แต่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังจากนักลงทุนยังคงผิดหวังกับการเปิดเผยตัวเลขสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตัวเลขยอดขายบ้านมือสองในเดือนมกราคมปรับตัวลดลงมาแตะที่ 5.1% สู่ระดับ 4.62 ล้านหน่วยเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ซึ่งส่งผลจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังมีความไม่แน่นอนนั้นมีแนวโน้มมาจากสภาวะอากาศที่เลวร้ายในช่วงต้นปีของสหรัฐ โดยในช่วงกลางสัปดาห์มีการประกาศตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากเดิม 414,000 ยูนิตในเดือนธันวาคม สู่ระดับ 468,000 ยูนิตในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่งและสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 406,000 ยูนิต ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐที่ค่อนข้างอ่อนแอมาตั้งแต่ช่วงกลางปี พ.ศ. 2551 ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเทียบกับค่าเงินบาท โดยในวันพฤหัสบดี (27/3) ถ้อยคำแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ บ่งชี้ว่าเฟดอาจดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายนานกว่าที่คาดไว้ นางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐว่า เฟดยังไม่สามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนถึงผลกระทบของสภาพอากาศหนาวที่รุนแรงต่อความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา และระบุถึงความวิตกเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานสหรัฐ โดยตลดทั้งสัปดาห์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 32.41-32.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดวันศุกร์ (28/2) ที่ระดับ 32.63/65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดวันจันทร์ (24/2) ที่ระดับ 1.3735/36 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (21/2) ที่ระดับ 1.3713/15 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยในช่วงต้นสัปดาห์ค่าเงินยูโรยังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ในยูเครนที่มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากที่สภานิติบัญญัติของประเทศยูเครนมีมติถอดถอนนายวิคเตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดียูเครนออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าไร้ความสามารถในการบริหารงานตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พร้อมกับประกาศการเลือกตั้งก่อนกำหนดเป็นวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ หลังจากที่ยูเครนตกอยู่ในภาวะสุญญากาศมานานกว่า 3 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายสัปดาห์นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อสถานการณ์ในยูเครนอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียได้มีการสั่งการให้ทหารเตรียมพร้อมสำหรับการซ้อมรบใกล้ยูเครน ซึ่งกรณีดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับประชาชนทั่วไปว่าอาจจะเกิดการแทรกแซงทางการทหารซึ่งก่อให้เกิดสถานการณ์ที่รุนแรงในอนาคตได้ โดยปัจจัยที่นักงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์หน้าคือการประชุมนดยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีที่ 6/3 โดยนักลงทุนยังคงมีความไม่แน่ใจต่อการประชุมครั้งนี้ ว่าอีซีบีจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1.3641-1.3769 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ก่อนปิดตลาดวันศุกร์ (28/2) ที่ระดับ 1.3715/18 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนนั้น ค่าเงินเยนเปิดตลาดวันจันทร์ (24/2) ที่ระดับ 102.59/61 เยน/ดอลลาร์สหรับ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (21/2) ที่ระดับ 102.43/44 เยน/ดอลลาร์สหรับ โดยค่าเงินเยนได้รับความสนใจจากนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศยูเครนมีแนวโน้มส่อเค้าถึงความรุนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงเฝ้ารอความชัดเจนของธนาคารกลางญี่ปุ่นว่ามีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งหน้าหรือไม่ ซึ่งนั้นอาจทำให้ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ และมีแนวโน้มตามทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลหลัก ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 101.53-102.68 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดวันศุกร์ (28/2) ที่ระดับ 101.70/74 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อนึ่ง ในสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินหยวนได้ปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยทำสถิติดิ่งลงภายในวันเดียวมากที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าการร่วงลงในครั้งนี้เป็นความตั้งใจของธนาคารกลางจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในจีน โดยมีสัญญาณออกมาในสัปดาห์นี้ว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในจีนชะลอการพุ่งขึ้น ในสัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่ วันจันทร์ (24/2) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ม.ค. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.พ. วันอังคาร (25/2) สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์กเดือน ก.พ. วันพุธ (26/2) ADP Employer Services เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือน ก.พ. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือน ก.พ. สำนักงานสานสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book วันพฤหัสบดี (26/2) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยตัวเลขที่มีการปรับแก้ไขสำหรับประสิทธิภาพ การผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2013 กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือน ม.ค. วันศุกร์ (27/2) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือน ม.ค. http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393588397

ทองคำลง-น้ำมันขึ้น หุ้นสหรัฐฯปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2557 05:36 น. ทองคำลง-น้ำมันขึ้น หุ้นสหรัฐฯปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้(28) ขยับขึ้น จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน โดยแแนสแดคถูกฉุดโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับลง นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ ปิดที่ 102.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ปิดที่ 109.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากแกว่งตัวอยู่ในแดนลบช่วงเปิดตลาด ราคาน้ำมันก็ฟื้นขึ้นไปปิดในแดนบวกได้สำเร็จ หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(28) ปิดผสมผสาน โดยเอสแอนด์พี500 แตะระดับสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ แต่แนสแดค ขยับลงจากการขายทำกำไร ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 49.06 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,321.71 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 5.16 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,859.45 จุด แนสแดค ลดลง 10.81 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,308.12 จุด นักวิเคราะห์มองว่าโดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนยังคงมองเศรษฐกิจสหรัฐฯในด้านบวก แม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ตัวเลขต่างๆจะออกมาน่าผิดหวัง เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเป็นผลจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บที่เป็นผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจซึมเซา ไม่ได้เป็นเพราะปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตามแนสแดคปิดในแดนลบ จากแรงฉุดของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Splunk ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ที่ปรับลด 2.9 เปอร์เซ็นต์ และ Salesforce.com ที่ประบลด 5.8 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ด้วยความเชื่อมั่นต่อทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฉุดให้ราคาทองคำวานนี้(28) ขยับลงพอสมควร เนื่องจากนักลงทุนหันไปแสวงหาผลกำไรในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,321.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000023728

ทองปิดลบ $10.2 หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่ม ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 1 มีนาคม 2557 07:11:19 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) หลังมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือนก.พ. สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ที่ 1,321.6 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค..ปิดลดลง 11.1 เซนต์ ที่ 21.241 ดอลลาร์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 6.6 ดอลลาร์ ที่ 1,446.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 743.85 ดอลลาร์/ออนซ์ ราคาทองได้รับแรงกดดัน หลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 81.6 จากระดับเดือนม.ค.ที่ 81.2 เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ ความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ บ่งชี้ว่า การใช้จ่ายอาจจะเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่สหรัฐต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาวที่เลวร้ายในพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันต้องอยู่แต่ในที่พักอาศัยมากกว่าที่จะออกไปจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหยวนของจีน ก็เป็นปัจจัยถ่วงราคาทองด้วย เนื่องจากเงินหยวนที่อ่อนแรงจะทำให้ทองมีราคาแพงมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวจีนในการเข้าซื้อทองคำ อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1847290

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลง หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 สัปดาห์ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 21:50:05 น. ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงเนื่องจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนบางกลุ่ม หลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 สัปดาห์ ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวลงของอุปสงค์ในทองคำในตลาดสปอต สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 0.6% แตะที่ 1,334.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลาประมาณ 20.57 น.ตามเวลาประเทศไทย นักลงทุนจับตาการรายงานยอดขายบ้านใหม่ในเดือนม.ค.ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ ณ เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย นักวิเคราะห์คาดว่า ข้อมูลตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนม.ค. ในขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวจัดต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนับตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1845337

น้ำมันขึ้น-หุ้นสหรัฐฯทรงตัว ทองคำลงแรงหลังดอลล์แข็งค่า โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2557 05:28 น. น้ำมันขึ้น-หุ้นสหรัฐฯทรงตัว ทองคำลงแรงหลังดอลล์แข็งค่า เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันวานนี้(26) ขยับขึ้นเล็กน้อย จากข้อมูลคลังเชื้อเพลิงสำรองและอากาศหนาวเหน็บรอบใหม่ที่ปกคลุมสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว จับตาประธานเฟดเข้าให้ปากคำกับสภาคองเกรส ขณะที่ทองคำ ปิดลบแรง หลังดอลลาร์แข็งค่า สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 102.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 109.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(26) คือปัจจัยหลักที่ส่งเสริมราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์ก หลังพบสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 บาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ น้อยกว่าคาดถึง 8 เท่า บ่งชี้ว่าในชาติผู้บริโภคยักษ์ใหญ่แห่งนี้ยังมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(26) ทรงตัวในแดนบวกแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนจับตาไปที่การเข้าให้ปากคำกับสภาคองเกรสของประธานคนใหม่เฟด ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 21.32 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,200.98 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.09 จุด (0.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,845.21 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 4.48 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,292.06 จุด นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะมีความเห็นอย่างไรระหว่างเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมธิการวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี(27) หลังจากเมื่อเร็วๆนี้พบเห็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ส่วนใหญ่แล้วออกมาน่าผิดหวัง แม้บางส่วนจะกล่าวโทษไปที่สภาพอากาศหนาวเหน็บผิดปกติก็ตาม ส่วนราคาทองคำวานนี้(26)ขยับลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามมันยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันของนโยบายเศรษฐกิจจีนและความกังวลต่อการฟื้นตัวของสหรัฐฯในระยะสั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 14.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,328.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000022842

Gold futures mixed in Asia after hitting 16 week high overnight By Investing.com | Commodities News | Feb 25, 2014 11:32PM GMT | | Add a Comment Investing.comInvesting.com Investing.com - Gold prices hovered between small gains and losses during Asian trading hours on Wednesday after rising to a 16-week high overnight as a widely-watched gauge of U.S. consumer confidence missed expectations and sparked speculation that the Federal Reserve will go even slower dismantling monetary stimulus tools than once anticipated. Gold futures mixed in Asia after hitting 16 week high overnight Stimulus tools such as the Fed's $65 billion in monthly bond purchases tend to weaken the dollar by driving down interest rates, which bolsters gold's appeal as a hedge. On the Comex division of the New York Mercantile Exchange, gold futures for April delivery traded at $1,340.80 a troy ounce during Asian trading, up 0.01%. On Tuesday the April contract were up from a session low of $1,340.00 and off a high of $1,341.70 to settle at $1,338.00. Futures were likely to find support at $1,319.10 a troy ounce, Monday's low, and resistance at $1,361.70, the high from Oct. 28. The dollar, which trades inversely with gold, softened after the Conference Board reported that its consumer confidence index slipped to 78.1 in February from 79.4 in January, mainly due to concerns over general business conditions, jobs and earnings. Analysts were expecting the index to tick up to 80.0. The present situation index rose to its highest level in almost six years, but the expectations index declined, indicating that while consumers believe the economy has improved they do not foresee further considerable improvement in the coming months. Also on Tuesday, the Standard & Poor’s/Case-Shiller house price index rose 13.4% in December from a year earlier, the best December reading in eight years and slightly ahead of forecasts for a 13.3% gain. Meanwhile, silver for May delivery was down 0.01% and trading at US$21.895 a troy ounce, while copper futures for May delivery were down 0.11% at US$3.217 a pound. http://www.investing.com/news/commodities-news/gold-futures-fluctuate-after-hitting-16-week-high-268720

น้ำมันลงแรง หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำปิดสวนทางหลังข้อมูลศก.มะกันอ่อนแอ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กุมภาพันธ์ 2557 05:40 น. น้ำมันลงแรง หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำปิดสวนทางหลังข้อมูลศก.มะกันอ่อนแอ เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้(25) ลงแรง คาดสต๊อกเชื้อเพลิงมะกันจะสูงขึ้น ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบในกรอบแคบๆ จากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคอันห่อเหี่ยว และปัจจัยนี้เองได้ผลักให้นักลงทุนหันไปหาทองคำ ที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จนขยับขึ้นเล็กน้อย สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 99 เซนต์ ปิดที่ 101.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซีตี ฟิวเจอร์ส ให้ความเห็นว่าตลาดอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการขายทำกำไร ก่อนหน้าที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯจะเผยแพร่ข้อมูลคลังน้ำมันสำรองรายสัปดาห์ในวันพุธ(26) ด้วยคาดหมายว่าสต๊อกน้ำมันดิบน่าจะสูงขึ้นเล็กน้อย จากอุปสงค์ที่เบาบางลง ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(25) ปิดลบในกรอบแคบๆ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการบริโภค ดาวโจนส์ ลดลง 27.48 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,179.66 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.49 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,845.12 จุด แนสแดก ลดลง 5.38 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,287.59 จุด ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีท เป็นผลจากข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆนานาที่ต่ำกว่าคาดหมาย ทั้งดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐฯจาก Case-Shiller ที่พบว่าลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือนธันวาคม นับเป็นการปรับลด 2 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด สถาบันวิจัยทางธุรกิจภาคเอกชนสหรัฐฯ ก็พบว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงสู่ระดับ 78.1 จุด จาก 79.4 จุดในเดือนมกราคม ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอเหล่านี้ ผลักให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และช่วยให้ทองคำวานนี้(25) ปิดในแดนบวก โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,342.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000022360

ทองปิดพุ่ง $14.4 เหตุวิตกสถานการณ์ยูเครนหนุนแรงซื้อ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 06:40:00 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในยูเครน รวมทั้งอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในอินเดียและจีน ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,338 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 26.9 เซนต์ ปิดที่ 22.051 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 13.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,441.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 3.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 743.05 ดอลลาร์/ออนซ์ สถานการณ์รุนแรงในยูเครน รวมทั้งความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอินเดีย และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศในเวเนซูเอล่า และอียิปต์ ยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ รัฐสภายูเครนมีมติแต่งตั้งนายโอเลคซานเดอร์ เตอร์ไชนอฟ ประธานรัฐสภา ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่รัฐสภายูเครนมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ถอดถอนประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิชออกจากตำแหน่ง และยังได้กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ เศรษฐกิจยูเครนอยู่ในภาวะใกล้จะล่มสลาย อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาล และความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังจากที่รัฐสภามีมติปลดนายยานูโควิชออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ นับเป็นอีกปัจจัยที่หนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยมาร์กิต อิโคโนมิกส์ รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ เคลื่อนไหวที่ระดับ 52.7 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

Gold futures fluctuate over global economic concerns By Investing.com | Commodities News | Feb 24, 2014 11:40PM GMT Investing.comInvesting.com Investing.com - Gold prices fluctuated between small gains and losses during Asian trading hours on Tuesday after worries that Ukraine could plunge into a sovereign debt default and that the global economy still battles headwinds that will prompt the Federal Reserve to very gradually taper its monetary stimulus programs. Gold futures fluctuate over global economic concerns Stimulus tools such as the Fed's $65 billion in monthly bond purchases tend to weaken the dollar by driving down interest rates, which bolsters gold's appeal as a hedge. On the Comex division of the New York Mercantile Exchange, gold futures for April delivery traded at $1,335.90 a troy ounce during Asian trading, down 0.07%. On Monday, the gold futures were up from a session low of $1,334.80 and off a high of $1,337.30 to settle at $1,336.80. Futures were likely to find support at $1,307.70 a troy ounce, Thursday's low, and resistance at $1,361.70, the high from Oct. 28. Data released earlier revealed that home prices in major Chinese cities rose 9.6% in January, short of December's 9.9% growth. Growth fell for the first time in 14 months in January, which fueled already growing fears that the world’s second largest economy is slowing as the government tries to address bad loans and weak lending institutions. While the data did spark safe-haven greenback demand, U.S. monetary policy concerns bolstered the yellow metal. The data, which came in wake of a string of soft U.S. economic indicators, convinced investors that even though the U.S. economy continues to improve, potholes will steer the Fed to very gradually taper its dollar-weakening stimulus programs this year, while tightening remains far off on the horizon. Meanwhile, silver for May delivery fell 0.15% at US$21.000 a troy ounce, while copper futures for May delivery were down 0.05% at US$3.230 a pound. www.investing.com/news/commodities-news/gold-futures-fluctuate-over-global-economic-concerns-268338

US Economic Calendar รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2557 ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 08:15:00 น. ปฏิทินเศรษฐกิจสหรัฐในรอบสัปดาห์ วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 (ตามเวลาประเทศไทย) 20.30 น. ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนม.ค.จากเฟดชิคาโก 22.30 น. ดัชนีการผลิตเดือนก.พ.จากเฟดสาขาดัลลัส วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 (ตามเวลาประเทศไทย) 21.00 น. ราคาบ้านเดือนธ.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ 22.00 น. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จาก Conference Board 22.00 น. ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากเฟดสาขาริชมอนด์ วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 (ตามเวลาประเทศไทย) 22.00 น. ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค. 22.30 น. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 (ตามเวลาประเทศไทย) 20.30 น. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค. 20.30 น. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 (ตามเวลาประเทศไทย) 20.30 น. ประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีช่วงไตรมาส 4/2556 21.45 น. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.พ. 21.55 น. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน 22.00 น. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค. อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq24/1842601

น้ำมันลงหลังอุปสงค์สหรัฐฯ-จีนอ่อน ทองคำ-หุ้นอเมริกาปิดสวนทาง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2557 05:37 น. น้ำมันลงหลังอุปสงค์สหรัฐฯ-จีนอ่อน ทองคำ-หุ้นอเมริกาปิดสวนทาง เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาเชื้อเพลิงวานนี้(20) ปิดลบในกรอบแคบ หลังสต๊อกน้ำมันกลั่นลดลงน้อยกว่าที่คาดและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอใจจีน ปัจจัยหลังนี้ก็ฉุดให้ทองคำขยับลง ขณะที่วอลล์สตรีท ดีดขึ้นจากตัวเลขการผลิตในอเมริกา สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 39 เซนต์ ปิดที่ 102.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 110.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดหมายไว้ แต่ในส่วนของสต๊อกน้ำมันกลั่น ซึ่งประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล จากที่คาดหมายไว้ว่าจะลดลงถึงกว่า 1.9 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้นักลงทุนจับตาไปที่สต๊อกน้ำมันทำความร้อนเป็นพิเศษ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของอเมริกาต้องเจอพายุฤดูหนาวและสภาพอากาศหนาวเหน็บปกคลุมหลายระลอก ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางของอุปสงค์ในช่วงนี้ได้อย่างดี ขณะเดียวกันราคาน้ำมันยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของข้อมูลภาคการผลิตจีนที่พบว่าหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนกุมภาพันธ์ เอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงแตะ 48.3 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 49.5 จุดในเดือนมกราคม ขณะที่ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนหดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอในจีน รื้อฟื้นความกังวลว่าเศรษฐกิจแดนมังกรกำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งอาจกระทบต่อการบริโภคทองคำ เป็นผลให้ราคาโลหะมีค่าชนิดนี้ในวันพฤหัสบดี(20) ปิดลบเล็กน้อย โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,316.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(20) ขยับขึ้นพอสมควร จากข้อมูลภาคการผลิตของประเทศเบื้องต้น ซึ่งร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 91.57 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,132.13 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.95 จุด (0.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,839.70 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 29.59 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,267.55 จุด รายงานของ มาร์กิต อีโคโนมิคส์ ระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นแตะระดับ 56.7 จุด สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2010 จาก 53.7 จุดของเดือนมกราคม ขณะที่ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมภาคการผลิต http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000020453

ทองปิดร่วง $3.5 เหตุวิตกภาคการผลิตจีนหดตัว ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 07:00:08 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,316.9 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 16.6 เซนต์ ปิดที่ 21.684 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 12 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,412.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 9 ดอลลาร์ ปิดที่ 736.30 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ซบเซาในภาคการผลิตของจีน หลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.พ.ลดลงแตะ 48.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 49.5 ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนหดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า โดยนายฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซีกล่าวในแถลงการณ์ว่า ดัชนี PMI เบื้องต้นภาคการผลิตจีนในเดือนก.พ.ลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่และการผลิตหดตัวลง ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมการลดปริมาณสต็อกรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐที่ออกมาในเชิงบวก โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ก.พ.ปรับตัวลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 336,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัว อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1841020

บาทอ่อนค่า กังวลการเมือง updated: 19 ก.พ. 2557 เวลา 17:43:27 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.60/63 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/2) ที่ระดับ 32.45/46 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงเช้าค่าเงินบาทอ่อนค่าจากแรงซื้อคืนดอลลาร์ภายหลังสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีความตึงเครียดขึ้น โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วไปแตะที่ระดับ 3264 บาท/ดอลลาร์ ก่อนที่ในช่วงบ่ายค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นและเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบจนกระทั่งปิดตลาด จากแรงขายทำกำไรในช่วงสั้น หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองได้นิ่งขึ้น หลังจากศูนย์รักษาความสงบ (สมช.) ได้ให้สัมภาษณ์กับทางรอยเตอร์ว่า จะไม่ขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมในวันนี้ หลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงระหว่างการขอคืนพื้นที่ ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์คเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State index) ที่ย่ำแย่ โดยดัชนีร่วงลงสู่ระดับ 4.48 ในเดือน ก.พ. จาก 12.51 ในเดือน ม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตชะลอตัวลง โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงนี้ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ 32.54-32.64 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 32.53/55 บาท/ดอลลาร์ สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.3766/68 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/2) ที่ระดับ 1.3711/14 ดอลลาร์/ยูโร โดยสกุลเงินยูโรนั้นยังคงแข็งค่าขึ้นต่อจากวานนี้ โดยได้รับอานิสงส์จากข่าวจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศได้เทขายสินทรัพย์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากดัชนีตัวเลขภาคการผลิตของนิวยอร์ค และตลาดที่อยู่อาศัยออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับแผนในการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ออกไปก่อน ในการประชุมครั้งถัดไป ประกอบกับยูโรโซนยังมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากเป็นประวัติการณ์ที่ 2.16 แสนล้านยูโรในปีที่แล้ว จึงหนุนให้ยูโรยังคงวิ่งในระดับแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินยูโรมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ 1.3752-1.3763 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3760/61 ดอลลาร์/ยูโร สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 102.29/31 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/2) ที่ระดับ 102.38/40 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนนั้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบตลอดทั้งวัน หลังจากวานนี้ค่าเงินเยนได้ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 26 วัน ภายหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายทางการเงิน (อาเบะโนมิกส์) ไว้ตามเดิม และขยายโครงการปล่อยกู้พิเศษอีก 3 โครงการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับการตื่นตระหนกของการปรับเพิ่มภาษี (VAT) ในช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ 102.02-102.41 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 102.16/18 เยน/ดอลลาร์ อนึ่ง ในระยะนี้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เข้ามาดูแลตลาดเงินอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพยายามดูดซับสภาพคล่องที่เกิดจากการดำเนินงานของธนาคารเงาและลดการก่อหนี้ของภาคเอกชน โดยอาจค่อย ๆ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยทีละน้อย จึงทำให้นักลงทุนกังวลว่า การเข้ามาควบคุมของธนาคารกลางจีนครั้งนี้อาจจะฉุดให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงได้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ คือตัวเลขข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค. (19/2) ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ม.ค., ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือน ม.ค., แนวโน้มธุรกิจเดือน ก.พ.ของธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดเฟีย (20/2) ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเดือน ม.ค., ตัวเลขยอดค้าปลีกประเทศอังกฤษ (21/2) ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเดือน ม.ค., ตัวเลขยอดค้าปลีกประเทศอังกฤษ (21/2) สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.25/5.3 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +7.5/9.0 สตางค์/ดอลลาร์ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392806345

ทองลง หลังเฟดลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ทองคำลง 4 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,320.40 ดอลลาร์ต่ออ่อนซ์ หลังผลประชุมเฟด อาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ รายงาน minutes ที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้ (19 ก.พ.) ปิดในแดนลบ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,320.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://www.bangkokbiznews.com/

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงจากแรงเทขาย ขณะตลาดชะลอการลงทุนก่อนเฟดเผยรายงาน ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 20:12:21 น. ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองคำทะยานขึ้นก่อนหน้านี้เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ เมื่อเวลาประมาณ 19.50 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. หดตัวลง 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.54% แตะที่ 1,317.20 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อาศัยลดลงสู่ระดับ 46 ในเดือนก.พ. จาก 56 ในเดือนม.ค. ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ 4.48 จากระดับ 12.51 ในเดือนม.ค. อย่างไรก็ดี นักลงทุนได้เทขายทองคำเพื่อทำกำไรจนส่งผลให้ราคาทองคำลดลงในวันนี้ นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่สภาทองคำโลกรายงานว่า อุปสงค์ทองคำร่วงลง 15% ในปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะเงินทุนไหลออกจากกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำในปริมาณมากกว่าแรงซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกันนักลงทุนยังชะลอการลงทุนก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะเผยแพร่รายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ม.ค. ในเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

ดาวโจนส์ปิดลบ 23.99 จุด เหตุข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 06:19:48 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงกิจกรรมการผลิตในรัฐนิวยอร์กที่ชะลอตัวลงในเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐร่วงในเดือนก.พ. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,130.40 จุด ลดลง 23.99 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,272.78 จุด เพิ่มขึ้น 28.75 จุด หรือ +0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,840.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.13 จุด หรือ +0.12% ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อาศัยลดลงสู่ระดับ 46 ในเดือนก.พ. จาก 56 ในเดือนม.ค. เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย การขาดแคลนแรงงาน และที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้วที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองต่อตลาดที่อยู่อาศัยในเชิงลบมากกว่าในเชิงบวก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีเดือนก.พ.จะอยู่ที่ระดับ 56 ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ 4.48 จากระดับ 12.51 ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าว่ากิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ซึ่งครอบคลุมถึงตอนเหนือของนิวเจอร์ซีย์และตอนใต้ของคอนเนตทิคัต ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า หุ้นโคคา-โคลา ร่วงลง 3.75% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้นกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านร่วงลง หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐปรับตัวลงในเดือนก.พ. โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ปรับตัวลง 1.3% และหุ้นพัลท์กรุป ร่วงลง 1.2% อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากตลาดขานรับข่าวที่ว่า บริษัทแอคทาวิสได้ตกลงเทคโอเวอร์กิจการบริษัท ฟอร์เรสท์ ลาบอราทอรีส์ มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นฟอร์เรสท์ ลาบอราทอรีส์ พุ่งขึ้น 27.52% อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq18/1839080

น้ำมันพุ่งแรงจากอุปสงค์ในสหรัฐฯ หุ้นมะกันทรงตัว-ทองคำขึ้นเล็กน้อย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2557 06:03 น. น้ำมันพุ่งแรงจากอุปสงค์ในสหรัฐฯ หุ้นมะกันทรงตัว-ทองคำขึ้นเล็กน้อย เอเอฟพี/มาร์เก็วอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้(18)พุ่งแรง แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ผลกระทบจากอากาศหนาวปกคลุมสหรัฐฯและความกังวลต่อเสถียรภาพในเหล่าชาติผู้ส่งออกหลัก ส่วนวอลล์สตตรีททรงตัว จากข้อมูลทางศรษฐกิจที่ผสมผสาน ขณะที่ทองคำปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สภาพอากาศหนาวเหน็บที่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ คือแรงขับเคลื่อนราคาน้ำมันในช่วงหลายสัปดาห์หลัง ด้วยสต๊อกน้ำมันทำความร้อนลดลงเรื่อยๆ บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ นอกจากนี้แล้วนักวิเคราะห์ยังอ้างปัจจัยกำลังการผลิตที่ลดลงในไนจีเรีย ซูดานใต้และเวเนซูเอลา ชาติผู้ส่งออกหลัก ที่เวลานี้กำลังเผชิญความไม่แน่นอนสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(18) ปิดในกรอบแคบๆ ท่ามกลางรายงานผลประกอบการบริษัทที่ผสมผสานและความเชื่อมั่นของผู้ก่อสร้างบ้านที่ลดลงโดยไม่คาดคิดมาก่อน ดาวโจนส์ ลดลง 24.28 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,130.11 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.10 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,840.73 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 28.76 จุด (0.68 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,272.78 จุด หุ้นของเหล่าบริษัทก่อสร้างที่พักอาศัยตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐฯ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อาศัยลดลงสู่ระดับ 46 จุด ในเดือนก.พ. จาก 56 จุดในเดือนม.ค. เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย การขาดแคลนแรงงาน และที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้วที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองต่อตลาดที่อยู่อาศัยในเชิงลบมากกว่าในเชิงบวก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีเดือนก.พ.จะอยู่ที่ระดับ 56 จุด ส่วนราคาทองคำวานนี้(18) ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่อ่อนแอในพื้นที่นิวยอร์ก ย้ำให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเปราะบาง และส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,324.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000019491