ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

namchiang

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    1,876
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย namchiang

  1. น้ำมันสหรัฐฯร่วงหลังสต๊อกสำรองสูงลิ่ว วอลล์สตรีทขยับขึ้นสวนทางทองคำ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2556 05:30 น. น้ำมันสหรัฐฯร่วงหลังสต๊อกสำรองสูงลิ่ว วอลล์สตรีทขยับขึ้นสวนทางทองคำ เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯร่วงลงแรงวานนี้(27) แตะระดับต่ำสุดรอบเกือบ 6 เดือนจากข้อมูลอุปสงค์ที่อ่อนแออย่างมาก ส่วนหุ้นอเมริกาปิดบวกท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ผสมผสาน แต่ทองคำปรับลด หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 111.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความเคลื่อนไหวในแดนลบของน้ำมับดิบอเมริกา มีขึ้นตามหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯรายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ด้วยพบว่าเพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ราวๆ 500,000 บาร์เรล ตัวเลขของคลังน้ำมันดิบสำรองในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(27) นับเป็นการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 กันยายน โดยเมื่อรวมกันแล้วสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกา เพิ่มขึ้นถึง 35.8 ล้านบาร์เรล หรือมากกว่าร้อยละ 10 เลยทีเดียว ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(27) ปิดบวกเล็กน้อย ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ ท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจอันผสมผสานก่อนหน้าวันหยุดช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 24.21 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,097.01 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.49 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,807.24 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 27.00 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,044.75 จุด หนึ่งวันก่อนหน้าที่ตลาดจะปิดทำการในวันพฤหัสบดี(28) นักลงทุนได้รับข้อมูลที่น่าผิดหวังเกี่ยวกับสินค้าคงทน อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งก็มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานที่ลดลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคอันแข็งแกร่ง โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าข้อมูลสองอันหลังนี้เพียงพอที่จะหนุนตลาดให้ปิดแดนบวกท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง ส่วนราคาทองคำวานนี้(27) ปิดลบเล็กน้อย แต่แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม หลังถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,237.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147519
  2. ดอลลาร์แข็ง ฉุดทองคำร่วง $3.6 วันพฤหัสบดี, 28 พฤศจิกายน 2556 08:10 | พิมพ์ | อีเมล สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,237.9 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) โดยสัญญาทองคำปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.ปีนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะปิดทำการเร็วกว่าปกติในวันศุกร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 21.1 เซนต์ ปิดที่ 19.682 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 19.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1352.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 715.95 ดอลลาร์/ออนซ์ http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/22638-ad78.html
  3. ทองโลกบวกเพิ่ม 20 เซนต์ ดอลล์อ่อนค่า วันพุธ, 27 พฤศจิกายน 2556 08:15 | พิมพ์ | อีเมล สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเยน สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,241.4 ดอลลาร์/ออนซ์ http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/22579-acb03.html
  4. ราคาทองฟิวเจอร์ดีดขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2556 20:20:29 น. สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 6.40 ดอลลาร์ หรือ 0.52% สู่ระดับ 1,248.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเวลาประมาณ 20.10 น.ตามเวลาประเทศไทย หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง และก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ ราคาทองคำดีดขึ้น ภายหลังตลาดซึมซับปัจจัยการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและกลุ่ม P5+1 ซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งทำให้ตลาดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะเปิดเผยในคืนนี้ ประกอบด้วยข้อมูลการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย.และต.ค. ราคาบ้านเดือนก.ย.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--
  5. จีที เวลธ์ฯ แนะเล่นสั้นทองคำรับแนวโน้มขาลง-รอจังหวะฟื้นตัว ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2556 17:01:51 น. นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้ว่า ทิศทางราคาทองคำยังยืนอยู่บนแนวโน้มขาลง โดยมีปัจจัยเรื่องความวิตกการชะลอมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐ เป็นประเด็นกดดันหลัก อย่างไรก็ดี เรามองว่าการอ่อนตัวลงในช่วงนี้มาจากการคาดการณ์มากกว่าผลกระทบจากการ เปลี่ยนปัจจัยพื้นฐานทำให้นักลงทุนอาจจะสามารถรอจังหวะฟื้นตัว แต่ยังแนะนำลงทุนระยะสั้น ส่วนกรอบราคาทองคำในช่วงปลายปีคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200 — 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ด้านราคาในประเทศคาดอยู่ในกรอบ 18,300 — 19,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยเงินบาทอาจจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในประเทศ เนื่องจากยังมีแนวโน้มอ่อนค่าเทียบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--
  6. บาทอ่อนค่าจากปัจจัยทางการเมืองไทย updated: 25 พ.ย. 2556 เวลา 18:00:10 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดเงินปริวรรตประจำวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31,85/87 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (22/11) ที่ 31.82/84 บาท/ดอลลาร์ โดยในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวอยุ่ในกรอบแคบ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังหลากหลาย โดยธนาคารกลางสหรัฐประจำสาขา Kansas ได้เปิดเผยดัชนี Kansas City Fed Manufacturing Activity ประจำเดือนพฤศจิกายน ที่ระดับ 11 ปรับลดลงจากระดับ 14 ในเดือนตุลาคม ในขณะที่ดัชนี Kansas City Fed Cimposite Index ประจำเดือนพฤศจิกายนได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7 จากระดับ 6 ในเดือนตุลาคม แต่อย่างไรก็ดีในส่วนของค่าเงินบาท ได้ปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทางด้านการเมือง โดยในวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้แบ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเป็น 13 กลุ่มย่อยไปตามสถานที่ราชการและช่องโทรทัศน์ต่าง ๆ ทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุด ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ช่องโทรทัศน์ 3 5 7 9 และ 11 รวมถึงกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานงบประมาณการคลังด้วย โดยในช่วงบ่ายทางกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลได้เข้าไปในพื้นที่ของกระทรวงการคลัง ในซอยอารีสัมพันธ์ ซึ่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความกังวลต่อเสถียรภาพของประเทศไทย และได้เทขายค่าเงินบาทออกมา ทำให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับตอนเช้าจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ที่ระดับ 31.97 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 31.86-31.99 บาท/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ 31.97/99 บาท/ดอลลาร์ สำหรับค่าเงินยูโรได้เปิดที่ระดับ 1.3549/50 ดอลลาร์/ยูโร โดยค่าเงินได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์จากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (22/11) ที่ 1.3516/18 ดอลลาร์/ยูโร โดยถึงแม้ว่าค่าเงินยูโรจะได้รับปัจจัยกดดันมาจากการที่ธนาคารกลางยุโรปได้กล่าวถึงึความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสู่ระดับติดลบเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมในตลาด แต่อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ที่ผ่านมา สถาบัน IFO ได้ประกาศดัชนี German IFO Business Climate ประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 109.3 ในเดือนพฤศจิกายน สูงจากระดับ 107.4 ในเดือนตุลาคม ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ทางสำนักงานสถิติของเยอรมนีได้ประกาศผลผลิตมวลรวมภายในประเทศของเยอรมนีประจำไตรมาสที่ 3ซึ่งยังคงรักษาระดับไว้ที่ 0.3% เท่ากับไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้นักลงทุนยังคงรอปัจจัยเพิ่มเติมจากกลุ่มประเทศยูโรโซนระหว่างวันค่าเงินยูโรมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ1.3513-1.3560 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3514/16 ดอลลาร์/ยูโร ในส่วนของค่าเงินเยนได้เปิดระดับที่ 101.40/42 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดในคืนวันศุกร์ (22/11) ที่ระดับ 101.22/24 เยน/ดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เงินสกุลเยนอ่อนค่าลงยังคงเป็นการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับธนาคารกลางญี่ปุ่นซึ่งยังคงดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป โดยในระหว่างวันค่าเงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 101.15-101.90 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 101.70/72 เยน/ดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้ตลาดรอติดตามการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ยอดบ้านรอส่งมอบของสหรัฐ (25/11) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของสหรัฐ (26/11) ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศของอังกฤษ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (27/11) ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซน อัตราว่างงานของญี่ปุ่น ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของญี่ปุ่น (28/11) อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศยูโรโซน อัตราว่างงานของประเทศในกลุ่มยูโรโซน อัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.80/6.00 สตางค์/ดอลลาณ์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +14.90/18.10 สตางค์/ดอลลาร์ ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวหุ้น ตลาดหุ้น การเงิน การลงทุน และบทวิเคราะห์หุ้น ที่ประชาชาติธุรกิจ http://www.prachachat.net/category.php?catid=09
  7. น้ำมัน-ทองคำลงเล็กน้อยจากข้อตกลงปลดนิวเคลียร์อิหร่าน หุ้นมะกันทรงตัว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2556 05:36 น. เอเอฟพี - ราคาน้ำมันโลกและทองคำวานนี้(25) ขยับลงเล็กน้อย นักลงทุนไตร่ตรองข้อตกลงยกเลิกโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ปัจจัยนี้ประกอบกับข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ของอเมริกา ก็เป็นเหตุให้วอลล์สตรีทปิดผสมผสาน สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 75 เซนต์ ปิดที่ 94.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 111.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบื้อต้นราคาน้ำมันวานนี้(25) ขยับลงอย่างแรง จากข้อตกลงเมื่อวันอาทิตย์(24) ที่ชาติมหาอำนาจและอิหร่าน เห็นพ้องผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนเพื่อแลกกับการตรวจตราอย่างเข้มข้น ต่อโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน อย่างไรก็ตามด้วยที่มาตรการคว่ำบาตรส่วนใหญ่ยังคงอยู่ ในนั้นรวมถึงเงื่อนไขสำคัญคือการจำกัดการลงทุนทางพลังงานในอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันฟื้นขึ้นไปปิดลบในกรอบแคบๆ กระนั้นก็ดีราคาทองคำวานนี้(25) ปิดลบเล็กน้อย หลังข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอิหรานและ6ชาติมหาอำนาจ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียน์ของเตหะราน ทำให้นักลงทุนเบาใจไม่จำเป็นต้องหันมาถือครองโลหะมีค่าชนิดนี้ที่ถูกมองใน ฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,241.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(25) ทรงตัว นักลงทุนตรึกตรองข้อมูลตลาดบ้านของอเมริกาและข้อตกลงล้มเลิกโครงการ นิวเคลียร์อิหร่าน ระหว่างเตหะรานกับชาติมหาอำนาจ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 12.84 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,077.61 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.99 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,802.77 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 2.92 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,994.57 จุด นักลงทุนมีความกังวลเล็๋กน้อยต่อรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริม ทรัพย์แห่งชาติสหรัฐฯ ที่ระบุว่ายอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)ลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนตุลาคม ขณะเดียวกันนักลงทุนบางส่วนก็จับตาข้อตกลงยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ เตหะราน ระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจที่บรรลุเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
  8. 21 พฤศจิกายน 2556 16:45 จีทีเวลธ์ฯติวเข้มลงทุนทองSET in the City โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ติวเข้มทางเทคนิคในงาน SET in the City 2013 ขยับพอร์ลงทุนอนุพันธ์-ทองคำรับสิ้นปี ชี้ทองยังมีปัจจัยเงินบาทหนุน นายวราวุธ เบญจาพุทธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด ในการออกบูธในงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี SET in the city 2013 โดยปีนี้ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดงาน ภายใต้แนวคิด “เปิดมุมมอง เพื่อโอกาสการลงทุน” ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนที่ถูกต้อง สนับสนุนให้คนไทยสร้างความมั่งคั่งทางการเงินผ่านการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง และเข้าถึงการลงทุนได้ทุกช่องทาง สำหรับบูธของ จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ และ จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จะเน้นให้คำปรึกษาด้านการลงทุนทั้งในตลาดอนุพันธ์ และในตลาดทองคำ โดยในส่วนของ จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่การตลาดทางด้านอนุพันธ์จากที่เตรียมความรู้และคำแนะนำในการลงทุนในสินค้าที่ท่านสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Gold Futures , Silver Futures , SET50 Index Futures , Stock Futures , Oil Futures , Interest Rate Futures , Sector Index Futures หรือแม้กระทั่ง SET50 Index Options ด้วยการนำเสนอที่จะช่วยให้เข้าใจกระบวนการซื้อขายตลอดจนหน้าจอโปรแกรมการซื้อขาย เพื่อให้นักลงทุนพร้อมสำหรับการส่งคำสั่งซื้อขายได้ในทันที ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและทำให้นักลงทุนไม่พลาดจังหวะการลงทุน ขณะที่ในส่วนของ จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด พร้อมให้คำปรึกษาแก่นักลงทุนที่ต้องการซื้อขายทองคำแท่งผ่านระบบออนไลน์ ด้วยรูปแบบการซื้อขายและโปรแกรมการส่งคำสั่งซื้อขายทองคำแท่งที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ที่จะทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำได้ง่ายๆ ขณะเดียวกัน ยังมีการให้ความรู้ในรูปแบบการสัมมนาสอนนักลงทุนให้เป็นเซียนทางเทคนิคในหัวข้อ “Technical เพื่อการเล่นสั้น – ลงทุนยาว” โดยคุณกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด เพื่อติวเข้มความรู้เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค การกำหนดเข้าทำกำไรสำหรับนักลงทุนระยะสั้น และการหาจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนในระยะยาว ในวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2556 เวลา 13.00 – 14.00 น. ห้อง Technical Room ภายในบริเวณงาน SET in the City 2013 อีกด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีภายในงานกับ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ได้ที่บูธหมายเลข B14 ได้เพียงเตรียมเอกสาร 1.สำเนาบัตรประชาชน 2.สำเนาทะเบียนบ้าน 3.สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งนักลงทุนที่เปิดบัญชีซื้อขายตราสารอนุพันธ์กับ จีที ภายในงานจะพบกับโปรโมชั่น 3 ต่อ ต่อที่ 1 ยื่นเอกสารเปิดบัญชีครบถ้วน รับเพิ่มหมอนผ้าห่ม “Complete Your Wealth” ที่จัดทำเป็นพิเศษสำหรับงานนี้เท่านั้น ต่อที่ 2 รับผ้าห่มจากตลาดหลักทรัพย์ พร้อม Gift Voucher พารากอนมูลค่า 100 บาท และต่อที่ 3 เมื่อเริ่มซื้อขายในตลาด TFEX เพียง 1 สัญญา รับเพิ่มทันทีบัตรชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ จำนวน 2 ใบ โดยงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี SET in the city 2013 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 พฤศจิกายน 56 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้ว่า ทิศทางราคาทองคำยังยืนอยู่บนแนวโน้มขาลง โดยมีปัจจัยเรื่องความวิตกการชะลอมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นประเด็นกดดันหลัก อย่างไรก็ดีเรามองว่าการอ่อนตัวลงในช่วงนี้มาจากการคาดการณ์มากกว่าผลกระทบจากการเปลี่ยนปัจจัยพื้นฐานทำให้นักลงทุนอาจจะสามารถรอจังหวะฟื้นตัว แต่ยังแนะนำลงทุนระยะสั้น ส่วนกรอบราคาทองคำในช่วงปลายปีคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200 – 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ด้านราคาในประเทศคาดอยู่ในกรอบ 18,300 – 19,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยเงินบาทอาจจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในประเทศ เนื่องจากยังมีแนวโน้มอ่อนค่าเทียบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ Tags : จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ • ราคาทอง http://www.bangkokbiznews.com
  9. คาดการณ์ปรับลด QE หนุนดอลล์แข็ง updated: 21 พ.ย. 2556 เวลา 17:40:36 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2556 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.79/80 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างมากเทียบกับระดับปิดตลาดวันพุธที่ (20/11) ที่ 31.64/66 บาท/ดอลลาร์ โดยไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนตามสกุลเงินภูมิภาคและสกุลเงินหลักต่าง ๆ ที่ได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 29-30 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าเฟดสามารถที่จะเริ่มปรับลดโครงการซื้อ สินทรัพย์จำนวนมหาศาลได้ในการประชุมอีก 2-3 ครั้งข้างหน้า โดยอาจจะต้องอาศัยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนพฤศจิกายนเป็นแรงหนุน ความน่าจะเป็นในการปรับลดมาตรการกระตุ้นครั้งนี้ ในส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐออกมาน่าพอใจ ยอดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนตุลาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกันยายน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.3% นอกจากนี้ สินทรัพย์เสี่ยงยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่หดตัวลงไปของประเทศจีน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นต้นของมาร์กิต/เอชเอสบีซีร่วงลงสู่ระดับ 50.4 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งลดลงจากระดับ 50.9 ในเดือนตุลาคม เนื่องจากยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกใหม่หดตัวลงอันเป็นการหนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงในไตรมาส 4 ด้านปัจจัยภายในประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองยังคงกดดันทั้งตลาดเงินและตลาดหุ้น เป็นผลให้มีแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นสุทธิกว่า 4 พันล้านบาท ส่งผลให้ตลาดหุ้นปิดลบไม่ถึง 7.63 จุด หรือ 0.54% ทั้งนี้ค่าเงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ 31.77-31.82 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 31.80/82 บาท/ดอลลาร์ สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.3427/29 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 1.3522/24 ดอลลาร์/ยูโร ภายหลังมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำลังพิจารณาการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากติดลบลงสู่ระดับ -0.1% จากระดับ 0% ในปัจจุบันเพื่อหนุนเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนตุลาคมที่บ่งชี้ว่า เฟดอาจเริ่มลดลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในการประชุมครั้งต่อไป ทำให้ช่วงการซื้อขายวันนี้นักลงทุนเทขายสกุลเงินยูโรมากขึ้น นอกจากนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของมาร์กิตทั้งภาคบริการและภาคการผลิตของประเทศฝรั่งเศสร่วงลงมากเกินคาดสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 48.5 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอยอีกครั้ง ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันค่าเงินยูโรมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.3400-1.3442 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3436/387 ดอลลาร์/ยูโร สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 100.44/48 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดวานนี้ที่ระดับ 100.01/04 เยน/ดอลลาร์ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายการเงินในวันนี้ และจะเพิ่มปริมาณเงินสดและเงินฝากซึ่งอยู่ที่บีโอเจในอัตรา 60-70 ล้านล้านเยน (6-7 แสนล้านดอลลาร์) ต่อปี อีกทั้งได้คงมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นพร้อมระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวในระดับปานกลาง ขณะที่บีโอเจหวังว่าอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการขยายตัวที่อ่อนแอในต่างประเทศได้ ทั้งนี้ ในระหว่างวันค่าเงินเยนยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ อยู่ที่ระดับ 100.01-100.86 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 100.83/88 เยน/ดอลลาร์ ในขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ทำการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบในวันนี้ด้วยวงเงินที่มากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน โดยอัดฉีดเม็ดเงิน 3.3 หมื่นล้านหยวน (5.42 พันล้านดอลลาร์) ผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรอง (open Market Operation) ส่งผลให้ตัวเลขการอัดฉีดสุทธิในสัปดาสห์นี้อยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.9/6.0 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่าประเทศอยู่ที่ 10.0-14.0 สตางค์/ดอลลาร์ ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวหุ้น ตลาดหุ้น การเงิน การลงทุน และบทวิเคราะห์หุ้น ที่ประชาชาติธุรกิจ http://www.prachachat.net/category.php?catid=09
  10. ดาวโจนส์ปิดเหนือ16,000หนแรก-น้ำมันพุ่งหลังข้อมูลศก.มะกันแกร่ง ทองคำลงแรง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤศจิกายน 2556 05:29 น. เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ดาวโจนส์วานนี้(21)ปิดเหนือ 16,000 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และน้ำมันบวกแรง ได้ปัจจัยหนุนเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจอันสดใสของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ก่อความกังวลว่าเฟดอาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วนี้ จนฉุดให้ทองคำ ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเศษ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 109.17 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,009.99 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.48 จุด (0.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,795.84 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 47.88 จุด (1.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,969.15 จุด ความเคลื่อนไหวอันคึกคักในวันพฤหัสบดี(21) เป็นผลมาจากเทือกแถวข้อมูลทางเศรษฐกิจอันสดใสต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงตัวเลขที่ลดลงของผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลจากมาร์กิต อิโคโนมิกส์ ที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้แล้วนักวิเคราะห์ยังอ้างถึงกรณีคณะกรรมาธิการธนาคารสมาชิก วุฒิสภา ที่รับรองนางเจเน็ต เยลเลน รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งประธานธนาคารกลางแทนนายเบน เบอร์นันกี ซึ่งจะหมดวาระในปีหน้า ทั้งนี้นักลงทุนมองว่า เยลเลน จะสานต่อนโยบายเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ขณะเดียวกันตลาดยังได้ปัจจัยอื่นๆเสริมเข้ามาด้วย ในนั้นรวมถึงข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์และรายงานผลประกอบการอันสดใสของบริษัท ยักษ์ใหญ่ ข้อมูลทางเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ประกอบกับทางตันที่ยังไม่คลี่คลาย ณ โต๊ะเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์อิหร่าน ระหว่างชาติตะวันตกและเตหะราน ก็ผลักให้ราคาน้ำมันวานนี้(21) ขยับขึ้นอย่างแรง สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลาร์ ปิดที่ 95.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านทองคำวานนี้(21) ร่วงลง 2 วันติด รวมแล้วมากกว่าร้อยละ 2 หลังข้อมูลเศรษฐกิจด้านบวกของสหรัฐฯ ผลักให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อเก็งกำไรและก่อความ กังวลว่าธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) จะลดระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในที่ประชุมครั้งหน้า โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 14.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,243.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000145120
  11. วิตกเฟดลด QE ฉุดทองคำร่วง $ 14.4 วันศุกร์, 22 พฤศจิกายน 2556 08:10 | พิมพ์ | อีเมล สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 14.4 ดอลลาร์ หรือ 1.14% ปิดที่ระดับ 1,243.6 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พิจารณาเรื่องการลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) นักลงทุนวิตกกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเฉพาะข้อมูลด้านแรงงาน อาจจะทำให้เฟดเริ่มพิจารณาการปรับลดขนาด QE โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 พ.ย.ปรับตัวลดลง 21,000 ราย สู่ระดับ 323,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 335,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 344,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัว ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ปรับตัวลดลง 0.2% หลังจากที่ปรับตัวลดลง 0.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินร่วงลง ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 12.4 เซนต์ ปิดที่ 19.934 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 7.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1391.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 60 เซนต์ ปิดที่ 713.25 ดอลลาร์/ออนซ์ http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/22404-as69.html
  12. ตลาดร่วงแรงหวั่นการเมืองยืดเยื้อ-เฟดมีแนวโน้มปรับลด QE ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2556 18:07:25 น. น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายตลาดอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Futures ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงเป็นช่วงปรับฐาน เนื่องจากกังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศยืดเยื้อ และจะมีการนัดชุมนุม ใหญ่ในวันที่ 24 พ.ย. ประกอบกับ มีปัจจัยต่างประเทศเข้ามากดดันอีกทางหนึ่งที่คาดธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดมาตรการ QE ในการ ประชุมถัดไป(ธ.ค.)ซึ่งต้องติดตามตัวเลเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ โดยปัจจัย QE คงเป็นปัจจัยถ่วงสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งตลาดหุ้นต่าง ประเทศและตลาดหุ้นไทย อีกทั้งแรงขายนักลงทุนต่างชาติกดดันถึงสัปดาห์หน้า แต่หากมองสัญญาณทางเทคนิคเป็นสัญาณ over sold คาดว่าพรุ่งนี้อาจรีบาวด์ได้ แต่คาดจำกัดในกรอบให้แนวต้านที่ 945 จุด แนวรับที่ 920 จุด แนะนำให้เน้นฝั่ง short ส่วนราคาทองคำหลุดระดับ 1,270 เหรียญ/ออนซ์ และลงมาทดสอบที่ระดับ 1,240 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดใน รอบ 4 เดือน ทั้งนี้ มองว่าทิศทางปรับตัวลดลงต่อได้หากคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ทำให้ราคาทองคำไม่น่าจะผ่านระดับ 1,250-1,260 เหรียญ/ออนซ์ และคาดว่าราคาปรับลงมาที่ระดับ 1,225-1,220 เหรียญ/ออนซ์ อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อ เทียบกับเงินสกุลหลักอื่น รวมทั้งกองทุนอีทีเอฟทองคำได้เริ่มปรับสถานะทองคำลง โดยในช่วง 1-2 วันนี้ปรับลง 4-5 ตัน สำหรับ Gold Future อาจะได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า แต่ก็ยังเห็นว่าเป็นทิศทางลง โดยให้แนวต้านไว้ที่ 19,100-19,200 บาท แนวรับที่ 18,800-18,700 บาท แนะเล่นฝั่ง short ดัชนี SET 50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 940.41 จุด ลดลง 20.25 จุด, -2.11% ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 80,860 430,590 Total Futures 80,689 425,928 Brent Crude Oil 127 184 Metal 10,131 12,282 - 50 Baht Gold 1,981 4,095 - 10 Baht Gold 8,149 8,174 - Silver - 13 USD 365 5,911 Interest Rate - - SET50 Index 17,412 33,736 Sector Index Futures - - Single Stock 52,654 373,815 Total Options 171 4,662 SET50 Index 171 4,662 Call 91 1,661 Put 80 3,001 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures -17,656 -1,477 -16,179 Options -4 +8 -4 อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--
  13. ตะลึง! พบถุงใส่ “ทองคำแท่ง” วางซุก “ห้องน้ำ” เครื่องบินอินเดีย-มูลค่ากว่า$1ล้าน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2556 15:58 น. ตะลึง! พบถุงใส่ “ทองคำแท่ง” วางซุก “ห้องน้ำ” เครื่องบินอินเดีย-มูลค่ากว่า$1ล้าน เอเอฟพี – พนักงานทำความสะอาดประจำสายการบินทางภาคตะวันออกของอินเดีย พบ “ทองคำ” จำนวน 24 แท่ง มูลค่ากว่า 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ใส่ถุงซ่อนอยู่ในห้องสุขาของเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยวันนี้(20) เครื่องบินลำนี้เป็นของสายการบิน เจ็ตแอร์เวย์ส ซึ่งเดินทางมาจากเมืองปัตนา และจอดทำความสะอาดอยู่ที่สนามบินกัลกัตตาเมื่อวานนี้(19) โดยก่อนหน้านี้เคยใช้บินในเส้นทางระหว่างประเทศมาแล้ว “พนักงานทำความสะอาดกำลังปฏิบัติงานตามปกติ แต่บังเอิญไปพบถุง 2 ใบวางอยู่ในห้องสุขาของเครื่องบินลำนี้” บี.พี. มิชรา ผู้อำนวยการสนามบินกัลกัตตา ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี พร้อมเผยว่าทองคำซึ่งมีน้ำหนักแท่งละ 1 กิโลกรัมเหล่านี้ยังไม่มีใครอ้างความเป็นเจ้าของ และตำรวจก็ยังไม่ได้ออกหมายจับผู้ใด อาร์.เอส มีนา เจ้าหน้าที่ศุลกากรอาวุโส ประเมินว่า ทองคำเหล่านี้น่าจะมีมูลค่าประมาณ 70 ล้านรูปี (ราว 35.4 ล้านบาท) อินเดียเป็นประเทศที่บริโภคทองคำมากเป็นอันดับต้นของโลกพอๆกับจีน แต่หลังจากที่รัฐบาลหันมาใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าทองคำถึง 3 ครั้งในปีนี้เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลดการสะสมทองลงบ้าง ก็ทำให้สถิติการนำทองคำเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายเพิ่มสูงขึ้น ชาวอินเดียทั่วประเทศซื้อทองคำเฉลี่ยวันละ 2.3 ตัน หนักพอๆกับช้างตัวย่อมๆ ซึ่งหากไม่ถวายเป็นเครื่องบูชาเทพเจ้าก็จะเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว เครื่องเพชรและทองคำเหล่านี้จะตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อแปลงเป็นทุนในช่วงที่เงินเฟ้อ หรือไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน อย่างไรก็ดี พฤติกรรม “สะสมทอง” กำลังสร้างภาระหนักต่อเศรษฐกิจอินเดีย โดยช่วง 1 ปีจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ปี 2013 อินเดียนำเข้าทองคำเป็นมูลค่าสูงถึง 54,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงที่สุดในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อินเดียขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงเป็นประวัติการณ์ในปีงบประมาณ 2012/13 http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000144372
  14. แม่บ้านเจอทองแท่ง30ล้านบ. ผู้ดีจูงหมาเจอเงิน 3 ล้าน บ. แม่บ้านทำความสะอาดบนเครื่องบินของสายการบินเจ็ต แอร์เวย์ เจอทองคำ 24 แท่งในห้องน้ำบนเครื่อง ขณะที่ชายชาวอังกฤษเจอถุงใส่เงินมูลค่าหลายล้านบาทลอยมาตามท่อระบายน้ำ... เมื่อ 20 พ.ย. นายบี.พี.มิชรา ผอ.สนามบินเมืองโกลกาตา ภาคตะวันออกของอินเดีย เผยว่า แม่บ้านทำความสะอาดบนเครื่องบินของสายการบินเจ็ต แอร์เวย์ ที่มาจากเมืองปัฏนา รัฐพิหาร ซึ่งเป็นเที่ยวบินมาจากกรุงเทพฯ พบทองคำ 24 แท่งบรรจุอยู่ในถุง 2 ถุง มูลค่าราว 70 ล้านรูปี (ราว 30 ล้านบาท) ภายในห้องน้ำขณะเข้าไปทำความ สะอาด ซึ่งยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความเป็นเจ้าของ ทั้งนี้ อินเดียถือเป็นคู่แข่งกับจีนในฐานะผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็พบว่ามีการลอบขนทองคำเถื่อนมากขึ้น หลังปีนี้รัฐขึ้นภาษีนำเข้า 3 เท่าเพื่อลดกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน หนุ่มอังกฤษก็พบถุงพลาสติก ซึ่งข้างในมีธนบัตรเป็นปึกๆ 60,000 ปอนด์ (ราว 3 ล้านบาท) ในสภาพทั้งเปียกแฉะและสภาพยังดีอยู่ ลอยมาตามท่อระบายน้ำในย่านสปัลดิง เมืองลินคอล์นไชร์ ขณะจูงสุนัขเดินเล่น จึงนำไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก็ต้องไปขอคำปรึกษาจากธนาคารแห่งชาติอังกฤษให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการถึงที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าว. http://www.thairath..../oversea/384219
  15. ลูกค้ามือถือช็อกไปตปท.10 วัน เจอค่าโรมมิ่ง 1.2 ล้านบาท นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช. ประกาศเตือนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือที่เดินทางไปเข้าพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบียระวังปัญหาการใช้บริการข้ามแดน (โรมมิ่ง) หลังได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับค่าบริการโรมมิ่งล่าสุดที่พุ่งสูงถึง 1,298,032 บาท จากการใช้โรมมิ่งประมาณ 10 วัน ทั้งนี้ ได้รับแจ้งจากผู้ใช้บริการที่ประสบปัญหาว่า ได้ติดต่อเพื่อสมัครใช้แพ็คเกจโรมมิ่งกับบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือก่อนเดินทางแล้ว โดยได้สมัครใช้บริการโรมมิ่ง 25 เมกะไบต์ ในราคา 350 บาทต่อวัน และเข้าใจว่า หากใช้บริการครบตามวงเงินที่จำกัด (Credit limit) คือ 7,000 บาท แล้วบริษัทจะหยุดบริการเอง ทำให้ตลอด 10 วันนั้นมีการเปิดเครื่องใช้งานดาต้าอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกลับมาจึงได้รับทราบข้อมูลว่า แพ็คเกจที่สมัครไม่ได้ครอบคลุมถึงประเทศซาอุดิอาระเบียที่เดินทางไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภายหลังผู้ใช้บริการได้เจรจากับบริษัทผู้ให้บริการแล้ว บริษัทก็เสนอลดราคาให้เพียง 25% ซึ่งหมายถึงยอดหนี้ยังคงสูงเกือบหนึ่งล้านบาท น.พ.ประวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาการให้บริการโรมมิ่งของประเทศไทยยังไม่มีความเคร่งครัดในบริการการจำกัดวงเงินค่าใช้บริการ รวมถึงยังไม่มีการพัฒนาระบบแจ้งเตือนเมื่อค่าบริการสูงผิดปกติแบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดผู้บริโภคต้องเผชิญปัญหาบิลช็อก ดังนั้นผู้ให้บริการโทรคมนาคมของประเทศไทยควรพัฒนามาตรฐานบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคให้มากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเด็นที่จะสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้บริการได้มาก ---ISN 02 http://web.isnhotnews.com/read-technology/29120-5121051.html
  16. 20 พฤศจิกายน 2556 06:09 เอเชียไม่หวั่นทองคำร่วงเล็งช้อนซื้อต่อ โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ปีนี้ถือเป็นปีที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับการลงทุนในทองคำ และปีหน้านักลงทุนก็อาจผิดหวังอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคเอเชียกลับไม่กังวลเรื่องนี้ ด้วยมองว่าราคาทองคำที่ลดลงอย่างรวดเร็วคือโอกาสทองที่จะกักตุนโลหะมีค่าชนิดนี้ นับถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน ราคาทองคำอ้างอิงในตลาดนิวยอร์กลดลง 22% อยู่ที่ 1,287 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าราคาทองคำจะต่ำลงอีกในปี 2557 โดยหัวหน้าแผนกวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของโกลด์แมน แซคส์ "นายเจฟฟรีย์ เคอร์รี" ประกาศเทขายทองคำอย่างหนักปีหน้า นายเคอร์รีกล่าวด้วยว่า ทองคำอาจหลุดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,000 ดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ เมื่อผู้จัดการกองทุนและนักสะสมในตะวันตก ทะยอยนำทองคำออกขาย ก่อนธนาคารกลางสหรัฐเริ่มลดการเข้าซื้อพันธบัตร ขณะที่นักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซีประกาศว่าภาวะตลาดกระทิงของทองคำที่ดำเนินมากว่าทศวรรษยุติลงแล้วในปีนี้ หากมองย้อนไปจะพบว่าราคาทองคำพุ่งขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ แต่สถานะการลงทุนที่สดใสของทองคำในฐานะการวางเดิมพันที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงเวลาวิกฤติ อาจสิ้นสุดลงแล้ว อย่างน้อยก็ในโลกตะวันตก นับจากฟองสบู่ไอทีสหรัฐแตกออกเมื่อปี 2543 ราคาทองคำก็ทะยานจาก 300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปสูงถึง 1,920 ดอลลาร์ในวันที่ 6 กันยายน 2554 โดยเมื่อช่วงต้นปี 2550 ถึงกลางปี 2554 มูลค่าทองคำเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว หลังจากบริษัทเลแมน บราเดอร์ล้มละลาย และกรีซเริ่มเผชิญวิกฤติ ความหวาดกลัวว่าเศรษฐกิจจะล่มสลายเมื่อปี 2552 ทำให้นักลงทุนพากันเข้าถือครองทองคำ แต่เมื่อผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดมาแล้ว ทองคำจึงคลายมนต์ขลัง การทรุดตัวของราคาทองเมื่อเดือนเม.ย.ปีนี้ ทำให้ทองคำเข้าสู่ภาวะตลาดหมี แม้แต่นายพอล จอห์นสัน ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยงที่หนุนการลงทุนในทองคำมาตลอด ยังลดสัดส่วนการถือครองลงครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาสะท้อนว่าตลาดทองคำมีช่วงรุ่งเรืองและซบเซามาตลอด นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล "นายพอล ครุกแมน" เขียนไว้ว่า ทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยมาทุกยุคทุกสมัย บางเวลาอาจได้ผลกำไรมหาศาลอย่างในทศวรรษ 1970 และระหว่างปี 2544 - 2554 แต่เขาสังเกตว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นสะสมในทศวรรษ 1970 กลับตามมาด้วยการร่วงลงอย่างแรงเมื่อมูลค่าแท้จริงของทองคำลดลงถึงสองในสาม ในช่วงที่ราคาปรับตัวลงนี้เอง สภาทองคำโลกหรือดับเบิ้ลยูจีซีรายงานว่า ครัวเรือนในประเทศกำลังพัฒนาที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว เพิ่มการเข้าซื้อทองคำทั้งใช้เป็นเครื่องประดับและการลงทุน กรรมการผู้จัดการแผนกการลงทุนของดับเบิ้ลยูจีซี "นายมาร์คัส กรุปป์" กล่าวว่า ความนิยมซื้อเครื่องประดับทองคำ ทองคำแท่ง และเหรียญทองคำที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่หลากหลายในทองคำอีกครั้ง เขากล่าวว่าเหตุการณ์สำคัญสองประการที่ปรากฏขึ้นระหว่างปี 2556 คือ ระดับความต้องการทองคำของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ซึ่งหักลบกับการเทขายของกองทุนรวม และการหันเหความนิยมจากซีกโลกตะวันตกไปยังตะวันออก จีนกำลังจะแซงหน้าอินเดียขึ้นเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่สุดของโลก ด้วยปริมาณที่น่าจะถึง 1,000 ตันปีนี้ โดยตั้งแต่ปี 2551 ความต้องการทองคำในอินเดียเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า ขณะที่การบริโภคในจีนพุ่งขึ้นเกือบ 350% ซึ่งเมื่อรวมสองประเทศนี้เข้ากับตลาดอื่นที่เติบโตเร็วอย่างไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม จะคิดเป็น 60% ของการบริโภคทองคำโลกในปีนี้ http://www.bangkokbiznews.com
  17. “เบอร์นันเก้ เผยดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะอยู่ที่ระดับต่ำอีกนานหลังยุติ QE ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 20 พฤศจิกายน 2556 08:26:50 น. นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวกับนักเศรษฐศาสตร์ในวอชิงตันว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของสหรัฐมีแนวโน้มจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำต่อไปเป็นเวลานาน หลังจากเฟดยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ขณะที่ตลาดแรงงานได้มการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่เฟดเริ่มดำเนินโครงการซื้อพันธบัตร นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า เป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มจะยังคงใกล้เคียง 0% เป็นระยะเวลานาน หลังสิ้นสุดการซื้อสินทรัพย์ และบางทีอาจจะหลังจากที่อัตราว่างงานลดลงต่ำกว่า 6.5% อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq27/1781361
  18. น้ำมัน-ทองคำทรงตัว หุ้นมะกันปิดลบผิดหวังผลประกอบการบริษัท โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2556 05:15 น. น้ำมัน-ทองคำทรงตัว หุ้นมะกันปิดลบผิดหวังผลประกอบการบริษัท เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์/เอพี - ราคาน้ำมันวานนี้(19) ปิดผสมผสาน จับตาการเจรจาระหว่างชาติมหาอำนาจกับอิหร่านต่อโปรแกรมนิวเคลียร์ของเตหะราน ส่วนวอลล์สตรีท ขยับลงรายงานผลประกอบการบริษัทค้าปลีก ขณะที่ทองคำทรงตัวในกรอบแคบๆ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 93.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล "ราคาน้ำมันยังแกว่งตัวใกล้ๆจุดต่ำสุดของระดับที่เคลื่อนไหวช่วงเร็วๆนี้ เหตุนักลงทุนชะลอการลงทุนจับตาแนวโน้มของความคืบหน้าการเจรจาโปรแกรมนิวเคลียร์อิหร่าน" ไมเคิล ฮิวสัน นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ ในลอนดอนระบุ "นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังซื้อขายใกล้ๆระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากความคาดหมายว่าคลังเชื้อเพลิงสำรองจะยังคงอยู่ในระดับสูง" ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(19) ปิดลบเล็กน้อย หลังนักลงทุนผิดหวังกับรายงานผลประกอบการอันห่อเหี่ยวของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างเบสต์บาย ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 8.99 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,967.03 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.66 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,787.87 จุด แนสแดค ลดลง 17.52 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,931.55 จุด เหล่าบริษัทค้าปลีกเข้ามาอยู่ในความสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลจับจ่ายวันหยุดยาวกำลังมาถึง และความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีทวานนี้(19) ถูกฉุดโดยหุ้นของเบสต์บาย ที่ร่วงลงถึงร้อยละ 11 หนักที่สุดในดัชนี เอสแอนด์พี 500 หลังออกมาเตือนว่าการแข่งขันที่ดุเดือดในเหล่าผู้ค้าปลีกทางออนไลน์ จะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ส่วนราคาทองคำวานนี้(19) ปิดบวกเล็กน้อย ท่ามกลางสิ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะเริ่มต้นลดระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,273.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000144114
  19. น้ำมันลงต่ำสุดรอบ5เดือน-ทองคำปิดลบ ดาวโจนส์ขึ้นเหนือ16,000เป็นครั้งแรก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2556 05:29 น. น้ำมันลงต่ำสุดรอบ5เดือน-ทองคำปิดลบ ดาวโจนส์ขึ้นเหนือ16,000เป็นครั้งแรก เอเอฟพี - ราคาน้ำมันนิวยอร์กวานนี้(18) ขยับลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือนเศษ หลังสต๊อกเชื้อเพลิงมะกันยังสูงลิ่ว ขณะที่ความคาดหมายว่าเฟดจะคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผลักให้ดาวโจนส์พุ่งเหนือ 16,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนปิดในกรอบแคบๆ ส่วนทองคำปรับลด เหตุอุปสงค์ที่แท้จริงอ่อน สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 93.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 108.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แอดดิสัน อาร์มสตรอง นักวิเคราะห์จากเทรดิชัน เอเนอร์จี กล่าวว่า "ราคาน้ำมันที่ขยับลงอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปทานที่สูงในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับปริมาณการผลิตระดับสูงในซาอุดีอาระเบีย" เขากล่าวโดยอ้างรายงานจากองค์กรความร่วมมือด้านการจัดทำข้อมูลด้านน้ำมัน Joint Organization Data Initiative (JODI) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(17) ที่เผยว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันของซาอุฯในเดือนกันยายน แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2005 ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(18) ขยับลงมาปิดในกรอบแคบๆช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังจากช่วงหนึ่งดาวโจนส์พุ่งเหนือ 16,000 จุด และเอสแอนด์พี ขึ้นเหนือ 1,800 จุด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยแรงหนุนของความคาดหมายว่าธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 14.06 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,975.76 จุด หลังจากช่วงหนึ่งแตะ 16,030.28 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.63 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,791.55 จุด แนสแดค ลดลง 36.90 จุด (0.93 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,949.07 จุด ความเคลื่อนไหวของดาวโจนส์ได้แรงหนุนจากหุ้นของโบอิ้งที่ปิดบวก หลังได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมาก ณ งานแอร์โชว์ที่ดูไบ อย่างไรก็ตามแนสแดค ปิดลบเกือบร้อยละ 1 ตามแรงฉุดของหุ้นพวกสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊คที่ขยับลงมากกว่าร้อยละ 6 ปิดที่ 45.95 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วน ทวิตเตอร์ ก็ปิดลบร้อยละ 7 ปิดที่ 41.04 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนราคาทองคำวานนี้(18) ปิดลบพอสมควร หลังพบข้อมูลความต้องการทองคำจริงอ่อนแอ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 15.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,272.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000143600
  20. ทองปิดร่วง $15.1 หลัง จนท.เฟดหนุนลด QE วันอังคาร, 19 พฤศจิกายน 2556 08:19 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันอังคาร, 19 พฤศจิกายน 2556 08:19 | วันเผยแพร่ | พิมพ์ | อีเมล สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 15.1 ดอลลาร์ หรือ 1.17% ปิดที่ 1,272.3 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาว่าเฟดอาจจะเริ่มปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) นักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะปรับลดขนาด QE หลังจากนายชาร์ส พลอสเซอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าว่วา เฟดควรจะยุติมาตรการ QE หรือโครงการซื้อสินทรัพย์ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ขณะที่นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า เขามีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อเศรษบกิจหสหรัฐ และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเขาอาจจะเรียกร้องให้เฟดชะลอการใช้ QE ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ราคาทองได้รับปัจจัยบวกจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานเฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐว่า การผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบันควรดำเนินต่อไปในขณะนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 37 เซนต์ ปิดที่ 20.357 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 27.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1411.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 15.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 716.75 ดอลลาร์/ออนซ์ http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/22247-am99.html
  21. "จอห์น พอลสัน"คงปริมาณลงทุนใน ETF ทองใน Q3 แต่กองทุนอื่นๆลดลงทุน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2556 12:42 น. บริษัทพอลสัน แอนด์ โคซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ยังคงรักษาปริมาณการถือครองหน่วยลงทุนใน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกเอาไว้ในระดับเดิมในไตรมาส 3 หลังจากที่เคยปรับลดปริมาณการถือครองหน่วยลงทุนนี้ลงกว่า 50% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็น ช่วงที่ราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี กองทุนเงินบำนาญและบริษัทจัดการกองทุนชื่อดังบางแห่ง ซึ่งรวมถึง พิมโคยังคงปรับลดปริมาณการถือครอง ETF ทองลงต่อไปและสิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลกันว่า นักลงทุนสถาบันที่เคยเทขายทองออกมาเป็นจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรกจะยังคงเทขายทองต่อไป ในขณะที่เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น พอลสัน แอนด์ โค ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนิวยอร์ค และอยู่ภายใต้การบริหารของนายจอห์น พอลสัน ถือครองหน่วยลงทุน 10.2 ล้านหน่วย ใน SPDR Gold Trust ในวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 1.31 พันล้านดอลลาร์ และเท่ากับปริมาณการถือครองในวันที่ 30 มิ.ย. โดยตัวเลขนี้ได้มาจากหนังสือที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐ การถือครองหน่วยลงทุนในปริมาณเท่าเดิมนี้ส่งผลให้พอลสัน แอนด์ โค มีกำไร 93 ล้านดอลลาร์ เพราะว่าราคาทองฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 3 นายแอกเซล เมิร์ค ผู้จัดการพอร์ทลงทุนของบริษัทเมิร์ค ฟันด์กล่าวว่า "ผมคิดว่าผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์แบบนายพอลสันถือเป็นนักลงทุนระยะยาว" นายเมิร์คกล่าวเสริมว่า "ถ้าหากนางเจเน็ต เยลเลนขึ้นมาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เราก็รู้ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปล่อยให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่ดีในการถือครองทองต่อไป" ราคาทองในตลาด สปอตทรงตัวที่ 1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์หลังจาก พอลสัน แอนด์ โคยื่นหนังสือต่อก.ล.ต.สหรัฐ ทั้งนี้ ราคาทองเพิ่งปรับขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ กล่าวปกป้องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของเฟดและสิ่งนี้บ่งชี้ว่าเฟดจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้จำนวนมากต่อไป นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมากต่อการยื่นหนังสือรายไตรมาสของพอลสัน และบริษัทจัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังแห่งอื่นๆ เพราะว่าข้อมูล ในรายงานเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญทางการลงทุน ได้สูญเสียความเชื่อมั่นในทองไปแล้วหรือไม่ในฐานะที่ทองเป็นเครื่องมือประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน บริษัทพอลสัน แอนด์ โคเคยปรับลดปริมาณการถือครองหน่วยลงทุนใน SPDR Gold Trust ลงสู่ 10.2 ล้านหน่วยในไตรมาส 2 จาก 21.8 ล้านหน่วยในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทางบริษัทปรับลดการถือครองหน่วยลงทุน ETF ทองนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2011 เป็นต้นมา ทั้งนี้ บริษัทพอลสันเคยมีชื่่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในปี 2007 เนื่องจากบริษัท ลงทุนตามการคาดการณ์ในทางลบต่อสัญญาจำนองสำหรับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) ซึ่งเหตุการณ์ในช่วงต่อมาแสดงให้เห็นว่าพอลสัน คาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง ราคาทองในตลาดสปอตพุ่งขึ้น 8% ในไตรมาส 3 ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้น ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 1 ปี หลังจากราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรงเป็นประวัติการณ์ราว 23% ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดี นักลงทุนหลายรายยังคงใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในทองในปัจจุบัน ในขณะที่เฮดจ์ฟันด์ยังคงปรับเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่าทอง ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 25% ในปีนี้ ส่วนราคาทองดิ่งลงมาแล้วกว่า 20% และมีแนวโน้มปิดตลาดปี 2013 ในแดนลบ หลังจากปิดตลาดรายปีในแดนบวกมานานติดต่อกัน 12 ปี นายอดัม ซาร์ฮาน ซีอีโอของบริษัทซาร์ฮาน แคปิตัลกล่าวว่า "เฮดจ์ฟันด์กำลังรอดูสถานการณ์ต่อไป โดยรอดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องความเคลื่อนไหวถัดไปในราคาทอง" SPDR Gold Trust ถือครองทอง 906 ตันในช่วงสิ้นไตรมาส 3 เทียบกับ 968.3 ตันในไตรมาส 2 โดยอัตราการขายทองของกองทุนนี้ชะลอตัวลง หลังจากทางกองทุนเทขายทองกว่า 250 ตันใน ไตรมาสแรก ในบรรดานักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่นั้น พิมโคปรับลดปริมาณการ ถือครองหน่วยลงทุนใน SPDR Gold Trust ลงเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน โดยปรับลดลงสู่ 1.2 ล้านหุ้นในไตรมาส 3 ซึ่งดิ่งลงอย่างรุนแรงจาก 6.3 ล้านหุ้นในไตรมาส 2/2012 ผู้จัดการพอร์ทลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ของพิมโคกล่าวในเดือนต.ค.ว่า เขาคาดการณ์ในทางบวกต่อแนวโน้มราคาทอง และเขาเทขายพุทออปชั่น ของทองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการลงทุนตามคาดการณ์ในทางบวก ทั้งนี้ พุทออปชั่นคือสัญญาที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการขายหลักทรัพย์ อ้างอิงตามราคาที่กำหนด กองทุนเงินบำนาญครู รัฐเท็กซัสปรับลดปริมาณการถือครอง ETF ทอง ลงสู่ 479,600 หน่วยในไตรมาส 3 จาก 499,600 หน่วยใน ไตรมาส 2 นายจอร์จ โซรอสเทขายหุ้นที่เขาถือครองไว้ในบริษัทโกลด์คอร์ป อิงค์ และเทขายพุทออปชั่นจำนวนมากในกองทุน Market Vectors Junior Gold Miners ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเหมืองทองขนาดเล็ก อย่างไรก็ดี เขาเริ่มต้นถือครองหน่วยลงทุนในกองทุน Market Vectors Gold Miners ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่ และเขายังคงถือครองคอลล์ออปชั่นในบริษัทแบร์ริค โกลด์ คอร์ป คอลล์ออปชั่นคือสัญญาที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อหลักทรัพย์อ้างอิงในปริมาณที่กำหนดตามราคาที่กำหนด ภายในวันเวลาที่ระบุไว้ บริษัทเบาโพสท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุด และอยู่ภายใต้การบริหารของนายเซ็ธ คลาร์แมน เทขาย หุ้นในบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่ของแคนาดา 2-3 แห่ง หลังจากที่เคยเพิ่มการถือครองหุ้นกลุ่มนี้ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดี นายคลาร์แมนยังคงถือครองหุ้น 21.7 ล้านหน่วยหุ้นใน บริษัทโนวาโกลด์ รีซอร์สเซส อิงค์ต่อไป ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์บางแห่งเคยคาดการณ์ในทางบวกต่อราคาทองเมื่อ 1 ปีก่อน โดยผู้จัดการกองทุนกลุ่มนี้รวมถึงนายแดเนียล โลบ จากกองทุนเธิร์ด พอยท์, นายลีออน คูเพอร์แมนจากกองทุนโอเมกา แอดไวเซอร์ส และนายเอริค มินดิชจากกองทุนอีตัน พาร์ค อย่างไรก็ดี ผู้จัดการกองทุนกลุ่มนี้ได้เทขายหน่วยลงทุนทั้งหมดใน ETF ทอง และเทขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทเหมืองทองออกมาภายในช่วงสิ้นไตรมาส 3 ปริมาณการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในหุ้นของ SPDR Gold Trust ถือเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาทอง เพราะการไถ่ถอนหน่วยลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้ส่งผลให้มีการเทขายทองจำนวนมากในตลาด (ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์) ทวีสุข ธรรมศักดิ์ Executive Vice President. RHB-OSK Securities (Thailand)PLC RHB Banking Group http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000142905
  22. ดอลล์อ่อนค่า จากคาดการณ์ เยลเลน หนุนเฟดใช้ QE ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2556 07:23:37 น. สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่านางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะแสดงท่าทีสนับสนุนการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อสภาคองเกรสสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.36 เยน จากระดับ 99.67 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9150 ฟรังค์ จากระดับ 0.9182 ฟรังค์ ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3462 ดอลลาร์สหรับ จากระดับ 1.3427 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6032 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5891 ดอลลาร์สหรับ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9323 ดอลลาร์สหรับ จากระดับ 0.9297 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากมีการคาดการณ์ว่า ในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมการด้านการธนาคารของวุฒิสภาในวันพฤหัสบดีนี้ นางเยลเลนจะปกป้องการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากมีรายงานว่า ผลผลิตของโรงงานในยูโรโซนหดตัวลง 0.55 ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัว 1% ในเดือนส.ค. นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 330,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq21/1776847
  23. น้ำมัน-ห้นสหรัฐฯขึ้น ทองคำลง5วันติดหลังกังวลภาวะศก.จีน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤศจิกายน 2556 05:33 น. เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขึ้นวานนี้(13) จากการเข้าซื้อของนักลงทุน หลังดิ่งหนักก่อนหน้านี้จนแตะระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน ผิดกับวอลล์สตรีทที่ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งท่ามกลางผลประกอบการอันสดใสของบริษัทยักษ์ ส่วนทองคำปิดลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้ว สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ปิดที่ 93.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์มองว่าการปรับขึ้นในวันพุธ(13) เป็นผลจากการเข้าซื้อตามหลังการเทขายเมื่อวันอังคาร(12) มากกว่าปัจจัยทางอุปสงค์และอุปทาน ด้านตลาดหุ้นวานนี้(13) ดาวโจนส์ทุบสถิติสูงสุดตลาดกาลรอบใหม่ เมื่อได้ปัจจัยหนุนจากรายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งของห้างเมซีย์ส เพิ่มความหวังต่อฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุดยาวที่กำลังมาถึง ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 69.10 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,819.77 จุด แตะระดับสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.18 จุด (0.80 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,781.87 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่เช่นกัน แนสแดค เพิ่มขึ้น 45.66 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,965.58 จุด หุ้นของเมซีย์ส ทะยานขึ้นมากกว่าร้อยละ 9 หลังบริษัทคาดหมายว่าจะมีกำไรตลอดทั้งปีเหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจัยนี้เองที่ก่อความคึกคักแก่นักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความหวังต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด ส่วนราคาทองคำวานนี้(13) ปิดลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน จากความกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีน ชาติผู้บริโภครายใหญ่ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,268.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000141664
  24. Is Yellen Long Gold? By Matthew Bradbard | Commodities | Nov 13, 2013 10:38PM GMT | Add a Comment Matthew BradbardMatthew Bradbard Gold is down nearly $100/ounce in the last two weeks but appears to be finding support at the same level that supported futures in mid-October. This has dragged December prices to oversold levels. It will take a trade back above the blue down-sloping trend line and 61.8% Fibonacci level just above $1280 to confirm an interim low. Consecutively Negative This marks the third consecutive negative week but the pace of selling seems to be slowing. My suggestion is to wait for confirmation because if we see the red horizontal line penetrated, I expect to see a trade closer to $1200. Slightly Bullish Wednesday's pop was likely due to the release of the Federal Reserve's nominee Janet Yellen's written testimony. Don't rule out fireworks at her address. A direction should be determined in the coming sessions and I am leaning slightly bullish after the recent correction. As opposed to a trade recommendation like I generally offer, I wanted to outline a trade set up. Play the break below $1250 or above $1280. Once the direction of the leg is decided I will issue my trade recommendation. http://www.investing.com/analysis/is-yellen-long-gold-191789
  25. Gold Demand ในตลาดโลก ชยนนท์ รักกาญจนันท์ Posted by ชยนนท์ รักกาญจนันท์ on วันพุธ, 23 ตุลาคม 2013 in ชยนนท์ รักกาญจนันท์ สืบเนื่องจาก ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เจอและพูดคุยกับนักลงทุนหลายคน และประเด็นที่ถูกพูดถึงบ่อยๆก็คือ แนวโน้ม และทิศทางของราคาทองในอนาคตข้างหน้า ในมุมมองของผม การจะคาดการณ์อนาคตข้างหน้าได้ถูกต้องนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ ถึงรู้ว่าสินทรัพย์ใดจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แต่นักลงทุนเหล่านั้น กลับเฝ้า และตั้งคำถามกับการเคลื่อนไหวในระยะสั้นมากจนเกินไป จนทำให้ลืมแก่นของการลงทุน และทำเรื่องที่แน่นอน ให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนไปเสีย ยกตัวอย่างเช่น รู้แน่ๆว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนชื่อ ABC จะโตขึ้นเรื่อยๆในระยะยาว อีก 5 ปีข้างหน้า จะโตมากกว่านี้ 30-50% แต่กลับพยายามหาจังหวะการเข้าซื้อในระยะสั้นๆ ซึ่งวิ่งขึ้นลงด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่ใช่แค่เรื่องผลประกอบการเพียงอย่างเดียว ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก สุดท้ายก็ตกรถแบบน่าเสียดาย กลับมาที่ราคาทองและแนวโน้มนะครับ ขอเล่าย้อนให้เห็นภาพซักหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับราคาทอง ซึ่งเมื่อเห็นภาพนี้ คุณจะมองเห็นแนวโน้มของราคาทองในอีกมุมที่น่าสนใจ เป็นที่ทราบกันดีว่า ราคาทองโดนทิ้งแบบรุนแรงก็ช่วงสงกรานต์ปีนี้ แล้วตามมาด้วยแรงขายอย่างหนักจนไปทำจุดต่ำสุดแถวๆ $1,180 ทำให้คนที่ลงทุนในทองในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่บริเวณ $1,500-$1,800 ดูไร้อนาคตจริงๆ คำถามคือ ใครขาย แล้วเขาขายเพราะอะไร? ทดไว้ในใจนะครับ เดี๋ยวอ่านไปเรื่อย ภาพจะชัดขึ้น รายงานจาก WGC ในไตรมาส 2 ตามกราฟด้านล่างที่ผมเอามาดู จะเห็นว่า Investment Demand (ความต้องการทองเพื่อการลงทุนของทอง) นั้น แบ่งออกเป็น ทองทำแท่ง, พวกเหรียญต่างๆ และ ในรูปแบบของ ETF จากรูป เห็นไหมครับว่า ตัวที่ผันผวนที่สุดก็คือ Demand จาก ETFs ต่างๆ ซึ่งในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ที่ผ่านมา Demand กลายเป็นติดลบค่อนข้างมาก ซึ่งอย่างที่เราทราบข่าวกันตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า มี Hedge Fund ระดับโลกหลายกอง เข้ามาเก้งกำไรในทองผ่าน SPDR Gold Trust กอง ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างกองของ Paulson และ Soros เป็นต้น และเมื่อเข้ามาเก็งกำไร แต่ราคาทองไม่วิ่งอย่างที่ใจต้องการ พวก Hedge Fud เหล่านี้ ก็เทขาย และลดสัดส่วนการถือทองออกมาอย่างที่เราเห็น นั้นคือเหตุผลหนึ่ง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ มุมมองต่อราคาทองของนักลงทุนระยะสั้นเริ่มเปลี่ยนไป จากการที่ Fed เริ่มส่งสัญญาณว่าอยากจะทำ QE Tapering เนื่องจากเศรษฐกิจอเมริกาดูมีทีท่าว่าจะฟื้นได้แล้ว แต่ก็อย่างที่เราเห็นวันนี้นะครับ ดูท่าว่า การประชุม FOMC อีกสองครั้ง Fed คงยังทำ Tapering ไม่ได้ เพราะผลกระทบจาก Government Shutdown นั้นยังไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน และปัญหาเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ก็แค่เลื่อนไป รอวันคุยกันใหม่ต้นเดือน ก.พ. ปีหน้า แล้วพวก Hedge Fund ขายทองผ่าน ETF ออกมาเยอะไหม? ต้องบอกว่า เยอะ แถมมีแรงขายต่อเนื่องจากการหลุดสัญญาณเทคนิคหลายอย่าง ไปดูภาพต่อไปจะได้เห็นชัดขึ้นอีกระดับ กราฟด้านบน เป็นการถือครองทองคำแท่งในกองทุน SPDR Gold Trust ที่น่าตกใจก็คือ เคยสะสมสูงถึง 1,350 ตัน เมื่อตอนต้นปี 2013 แต่ก็ทำขายออกมาจากพอร์ตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องมาจนตอนนี้ก็เดือนที่ 8 แล้ว ทำให้การถือครองทองของ SPDR Gold ตอนนี้ ต่ำกว่า 900 ตัน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงวิกฤต Subprime ต้นปี 2009 เลยทีเดียว เห็นแบบนี้ ก็ยิ่งตอบคำถามชัดเจนว่า แรงขายที่ทำให้ราคาทองในตลาดโลกลงมาอย่างที่เราเห็นกันวันนี้ ก็เพราะนักลงทุนที่ลงทุนผ่าน ETF นั้นเอง ซึ่งถ้าดูจากยอดการถือครอง ต้องบอกว่า นักลงทุนกลุ่มนี้ หนีทองออกมาแล้วเป็นจำนวนมาก หลายคนมองว่า ทองไม่ใช่สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงแล้ว หมดอนาคตไปแล้ว ก็ว่ากันไปนะครับ ตารางสุดท้ายครับ จะเห็นว่า ถ้าไม่นับ Demand จากฝั่ง ETFs ที่ปีนี้แห่เทขายกันอย่างเมามันส์นั้น จะพบว่า Gold Demand นั้น โตขึ้นทุกๆปี นับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา เพิ่งจะมาชะลอจริงๆก็ปี 2012 และปีนี้ จากประเด็นที่ผมได้อธิบายไปแล้ว แต่ที่น่าสังเกตก็คือ Demand จาก Central Bank หรือธนาคารกลางจากทั่วโลกนั้น ตั้งแต่ปี 2003-2009 ติดลบมาตลอด เพราะยูโรโซนแบ่งขายออกมาเรื่อยๆ เพื่อสร้างศักยภาพของสกุล EUR แต่แล้ว เหตุการณ์ปัญหาหนี้ก็เกิดขึ้น การขายทองลดพอร์ตฝั่งยุโรปยังคงมีอยู่ แต่ ผู้ซื้อที่เป็นธนาคารกลางฝั่งตลาดเกิดใหม่ก็เข้ามาไล่ซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูทีท่าแล้ว การถือ US Dollar ไว้เป็นทุนสำรองเพียงอย่างเดียว ดูจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป ผมเชื่อว่า Demand จากธนาคารกลางในประเทศตลาดเกิดใหม่จะยังมีต่อเนื่อง นำโดย ตุรกี รัสเซีย และพี่จีน ในขณะที่คนจีนและคนอินเดียก็ยังสะสมทองเป็นหนึ่งใน Wealth ต่อเนื่องจากค่านิยม และเชื่อว่า แรงขายจาก SPDR Gold Trust และ ETF เจ้าอื่นๆ ใกล้จะหมดไปแล้ว เพราะยอดการถือครองของกองทุนเหล่านี้ เข้าใกล้จุดต่ำสุดเมื่อตอนวิกฤต Subprime มากๆ มองภาพยาวๆแบบนี้ การแบ่งเงินลงทุนมากระจายความเสี่ยงและถือทองไว้ในพอร์ตระยะยาว ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายนะ โชคดีในการลงทุนครับ http://www.moneychannel.co.th/index.php/easyblog/entry/chayanon/gold-demand.html
×
×
  • สร้างใหม่...