ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

namchiang

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    1,876
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย namchiang

  1. เพิ่งรู้หรือครับว่าคนไทย น่ะรวยยนะครับ เคยไปเที่ยวร้านRolexที่สวิสเซอร์แลนด์ ร้านเขาเอาธงชาติของลูกค้ารายใหญ่เขามาปักที่หน้าทางเข้า จะเห็นธงของสหรัฐ ญี่ปุ่น และของไทยอยู่ต้นๆ ตอนนี้ให้ทาย ธงชาติไทยคงต่อท้ายประเทศจีน แน่นอนครับ เศรษฐีใหม่ต้องยกให้เขา คนไทยแห่ซื้อทองทะลักยอด8เดือนนำเข้าทะลุ2.4แสนล.เติบโต16.21% โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ตุลาคม 2554 22:58 น. คนไทยแห่ซื้อทอง ส่งผลยอดนำเข้า 8 เดือนแรก ทะลุ 2.39 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.21% ขณะที่แบงก์ชาติขาใหญ่ทยอยซื้อทองคำเพิ่มสะสมในทุนสำรองตั้งแต่ต้นปี ทำให้ 8 เดือนแรกฟันกำไรมหาศาล 1.12 แสนล้านบาท รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจของธปท.ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ายอดการนำเข้าทองคำสูงถึง 239,056.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33,345.88 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพิมขึ้น 16.21% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่คนไทยหันไปลงทุนทองคำมากขึ้นหลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสแรกมีการนำเข้าทองคำสูงสุดถึง 101,467.97 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2 มียอดนำเข้าทองคำ 67,505.02 ล้านบาท ขณะที่ 2 เดือนแรกของไตรมาสที่ 3 (เดือนก.ค.-ส.ค.) มียอดนำเข้าทองคำ 70,088.89 ล้านบาท หากพิจารณายอดการนำเข้าทองคำสุทธิของไทยในปี 2554 ล่าสุดมียอดถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาพบว่า คนที่ซื้อทองสุทธิ 152,291.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.43% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่หากติดตามยอดการซื้อทองคำสะสมของคนไทยในช่วง 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา นับจากเดือนม.ค. 2553 ถึงเดือน มิ.ย. 2554 พบว่า มียอดนำเข้าสุทธิสูงถึง 381,055.02 ล้านบาท สะท้อนความต้องการสะสมทองคำหรือการซื้อขายทองคำเพื่อเก็งกำไรของคนไทยว่ามีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แหล่งข่าว ธปท.กล่าวว่า ในเดือน ก.ย. และต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา คนไทยยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อลงทุน และเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาวิกฤตหนี้สินในยุโรป และความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ราคาทองคำโลกลดลง ทำให้นักลงทุนชาวไทยส่วนหนึ่งเห็นโอกาสที่ราคาทองคำลดเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ทำให้ในเดือน ก.ย.และเดือน ต.ค.ยังมียอดนำเข้าทองคำในระดับที่สูงต่อเนื่อง และความต้องการดอลลาร์เพิ่มขึ้นเพื่อนำเข้าทองคำ ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยที่ผ่านมาอ่อนค่าลงมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ เฉพาะ ธปท.ได้มีการทยอยซื้อทองคำเพื่อสะสมเพิ่มขึ้นในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยล่าสุด ณ สิ้นเดือน ส.ค.การรายงานยอดทองคำสุทธิในทุนสำรองทางการฯ อยู่ที่ 8,056.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 241,686.3 ล้านบาท (30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 3,746.4 ล้านเหรียญฯ หรือ 112,392 ล้านบาท จากยอดทองคำสะสมเดือน ม.ค.2554 ซึ่งมียอดทองคำสะสมในทุนสำรองทางการ 4,309.81 ล้านเหรียญฯ หรือ 129,294 ล้านบาท "การเพิ่มขึ้นของมูลค่าทองคำในทุนสำรองทางการ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เกิดจากทั้งการปริมาณทองคำที่มีการซื้อสะสมเพิ่มขึ้น และการตีราคาทองคำ" รายงานข่าวระบุ
  2. อรุณสวัสดิ์ครับ วันฝนตกน้ำท่วมประทเศไทยครับทุกๆท่าน มีข่าวมาเตือนเพื่อนๆร้านทองด้วยกันนะครับ ระมัดระวังกันหน่อยครับ เศรษฐกิจไม่ดีน้ำท่วมแล้วมีข่าวจะปล่อยนักโทษได้รับการอภัยโทษออกมาอีก 80,000 คนด้วย ตร.ติวเข้มร้านทอง 9 ตค. 2554 16:56 น. เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.สุมนตรี กรรณเลขา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ในฐานะประธานชมรมยิงปืนจังหวัดสุพรรณบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและครูสอนยิงปืน จัดอบรมหลักสูตรการยิงปืนพกสั้น เบื้องต้นเพื่อการป้องกันตัวให้กับผู้ประกอบการร้านค้าทองใน จ.สุพรรณบุรี ขึ้นที่สนามกีฬายิงปืน จ.สุพรรณบุรี เนื่องด้วยขณะนี้ทองคำมีราคาสูงและเกิดเหตุการณ์คนร้ายปล้นร้านทองอยู่อย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ นายวิชาญ ศิริสมบูรณ์เวช ประธานชมรมร้านทองสุพรรณบุรี กล่าวว่าปัจจุบันร้านทองมักถูกคนร้ายบุกปล้นอยู่ประจำในหลายพื้นที่ ซึ่งขณะเกิดเหตุเจ้าของร้านทองบางรายไม่รู้วิธียิงปืนและไม่รู้จักวิธิสังเกตลักษณะคนร้าย และวิธีป้องกันตัวเองเนื่องจากไม่ได้รับการฝึกอบรมตนฐานะประธานชมรมจึงเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมากจึงแจ้งไปยังผู้ประกอบการร้านทองต่างๆ ซึ่งทุกคนก็เห็นดีด้วยจึงรวมตัวกันเข้ารับการฝึกอบรมทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ของเราเอง ปัจจุบันเราจะไปหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายเดียวคงไม่ได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีกำลังน้อยดังนั้นเราจะต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน พ.ต.ท.สุมนตรี กรรณเลขา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่าขณะนี้เกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้นทั้งน้ำท่วม ปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ขึ้นทุกจังหวัดรวมทั้งพื้นที่สุพรรณบุรี ดังนั้นเราจึงเน้นการป้องกันดีกว่าตามแก้ปัญหาจึงได้เชิญผู้ประกอบการร้านทองต่างๆ ทั้งจังหวัดมาฝึกอบรมการใช้อาวุธปืนอย่างปลอดภัยและถูกวิธีรวมทั้งให้ความรู้อบรมการใช้อาวุธปืนป้องกันชีวิตทรัพย์สินของตนเองอย่างถูกกฏหมายโดยเชิญวิทยากรที่มีความรู้เรื่องกฏหมาย และผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนมาทำการฝึกสอน
  3. มีภาพถ่ายจากFanpage FaceBook นะครับ ตอนนี้หมดทุกรสชาติ เหตุเกิดที่ โลตัสรังสิต อยากตั้งชื่อว่า ที่นี่ประเทศไทย?
  4. วิธีการขับรถฝ่าน้ำท่วม ในช่วงที่ฟ้าระห่ำแบบไม่มีวี่แววว่าจะเลิกง่ายๆ แบบนี้ ผู้ใช้รถ ใช้ถนน ส่วนใหญ่คงต้องขับรถฝ่าฝน ฝ่าน้ำท่วมขังกันบ้าง ซึ่งถือเป็นการขับรถที่อันตรายมากที่เดียว อันตรายต่อผู้ขับ และอันตรายต่อตัวรถอีกด้วย มาดูว่าเรามีวิธีอย่างไรในการถนอมรถนะคะ 3 สิ่งไม่ควรทำเมื่อขับรถบนถนนน้ำท่วม 1. เปิดแอร์ ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด!! เพราะเมื่อเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ชี้ให้มีโอกาสพัดน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่องของรถคุณได้ ซ้ำแล้วอาจจะพัดเอาขยะ เข้ามาติดพัน หรืออาจหักไปเลยก็ได้ เมื่อนั้นก็ถึงคราวเศร้าล่ะค่ะ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ดับ ควานหาไม้พายตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว 2. ใช้เกียร์สูง ขับรถเร็ว ควรใช้เกียร์ต่ำประมาณเกียร์ 2 สำหรับเกียร์ธรรมดา หรือประมาณเกียร์ L สำหรับออโต้ ถึงตอนนี้ก็อย่าขับเร็วด้วยนะคะ ค่อยเป็นค่อยไปใจเย็นๆ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อคุณเองหรือคนรอบข้างได้ เพื่อป้องกันการเกิดคลื่นน้ำที่ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นบางจังหวะ อาจทำร้ายเครื่องได้ค่ะ 3. เร่งเครื่อง เพราะจะทำให้รถมีความร้อนสูง จนใบพัดระบายความร้อนเริ่มทำงาน และสิ่งที่จะตามมาก็เหมือนกับข้อ 1 เลยค่ะ นอกจากนั้นควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ อย่าหยุดอย่าเร่งความเร็วขึ้น (ตามกรณีนะคะ ถ้ารถคันหน้าหยุด ก็หยุดเถอะค่ะ) 3 สิ่งควรทำหลังจากลุยน้ำมา 1. สตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก ไม่ควรดับเครื่องทันที ถึงแม้ถึงจุดหมายก็ตาม เพราะอาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย ควรสตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก อาจจะมีไอออกจากท่อไอเสีย ก็ไม่ต้องตกใจค่ะ เพื่อให้น้ำในหม้อพักมันระเหยออกไป ถ้าไม่ทำอย่างนี้อาจจะผุได้นะคะ 2. สำหรับเกียร์ออโต้ ให้ย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำก่อน เพราะในช่วงแรกๆ หลังจากการลุยน้ำลึกมา มันจะเบรกไม่อยู่ และเป็นอันตรายมาก ถ้าไม่ทำการย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก 3. สำหรับเกียร์ธรรมดา นอกจากย้ำเบรกแล้ว ต้องมีการย้ำคลัชด้วย เพราะหลังการลุยน้ำมา อาจมีปัญหาคลัชลื่น จึงต้องทำทั้งย้ำคลัชและย้ำเบรก ทราบอย่างนี้แล้ว อย่าลืมที่จะบอกต่อคนที่คุณห่วงใย หรือโทรย้ำเตือนคนข้างๆ คุณด้วยนะคะ ขับรถปลอดภัยกันทุกคนค่ะ ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
  5. วิธีทำรองเท้าถุงพลาสติก ป้องกันโรคฉี่หนู (กรมควบคุมโรค) โรคฉี่หนู เป็นโรคที่มีหนูเป็นตัวแพร่โรคที่สำคัญ เชื้อโรคที่ออกมากับปัสสาวะหนูจะปนเปื้อนอยู่ในน้ำท่วมขัง หรือบนพื้นดินที่ชื้นแฉะได้นาน ประชาชนที่เดินลุยน้ำ ย่ำโคลนอาจติดเชื้อโรคนี้ได้ จึงควรป้องกันโรคนี้โดยการสวมรองเท้าบูทยาง หรือสวมรองเท้าถุงพลาสติก
  6. ขอนำภาพที่มีประโยชน์และคลายเครียดมาให้ชม ยามทองร่วง น้ำท่วม ทั่วไทยนะครับ เรือขวดน้ำ ต้นแบบ ของนายชัยวัฒน์ สมพล (มอบให้ สำนักข่าว Nation ไปบริจาค) เชิญลอกเลียนแบบนะครับ
  7. แห่เล่น Gold Future .........แน่ใจแล้วหรือ ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้ฝากธนาคารปกติจะได้ไม่ถึง 2% แน่นอน ตลาดหุ้นไทยก็หนีกันหมด เม็ดเงินเมืองนอก หายไปหมด ดังนั้นตลาดหุ้นที่เคลื่อนไหวช้าแบบนี้คนไทยไม่ชอบ คนไทยที่เรียกตัวเองว่านักลงทุน = ลงทุนแค่ 10 นาที ทนไม่ไหว หนีไปซื้อทองคำแท่งจากตลาดเยาวราช โดยคุยว่า กำไรดี หุ้นตกซื้อทองแท่ง ซื้อทองแท่ง 7 แสนบาท ฟังดูแล้วเยอะมาก แต่คนที่เล่นทองแท่งนะ เขาซื้อทีละ 10 ล้านบาทครับ ซื้อเก็บไว้เป็นปี ไม่ใช่ซื้อแล้วรีบขาย กินส่วนต่าง ซื้อ 14500 บาท ขาย 15500 บาท กำไรแล้ว เก่งจริงๆ คนขายทองบ่นกันตรึม ไม่ใช่ว่าไม่อยากขายให้ แต่เขากลัวตอนลูกค้าเป็น 100 คน ทะลักกันเขาทองมาขายคืนนะซิ ผมเคยรู้จักลูกเจ้าของร้านทองเยาวราช ขนาดขึ้นไปกินข้าวบนร้านทองเป็นประจำ ก็พอจะมีความรู้เรื่องทองมาเล่าให้กันฟังได้บ้าง สรุปได้ว่า ธุรกิจทองนะ ไม่ได้กำไรอะไรมากมาย แต่ที่สำคัญ ก็ไม่ขาดทุน สินค้าไม่เน่าเปื่อย ราคาไม่แกว่งมากนัก กำไรแค่ค่ากำเหน็จ กินน้อยๆๆ แต่กินนาน นี่คือ Concept ของธุรกิจร้านทอง ทองคำส่วนใหญ่นำเข้าจาก ออสเตรเลีย พวกนักค้าทองเขาก็มีกลุ่มเหมือนกัน ไม่ต่างอะไรกับตลาดหุ้น มี bid มี offer เหมือนกัน ทุกครั้งที่ US dollar หรือเงินสกุลใด มีปัญหา มีข่าวร้าย ราคาทองมักดีดขึ้น เพราะขายเงินสดซื้อทอง มีความมั่นคงมากกว่าค่าเงิน ณ. ช่วงเวลานั้น การลงทุนใน Gold Future เป็นตลาดที่ใหญ่มาก สมมุติว่าคุณมีเงินสัก 10 ล้านบาท ลงทุนในตลาดหุ้นไทย คุณอาจจะปั่นหุ้น ตัวเล็กๆ ได้หลายตัว ถือว่ามี volume มาก แต่เงินสัก 100 ล้านบาท ไปลงทุนในตลาดเงินหรือตลาดทอง ไม่ทำให้ราคาขยับได้เลยครับ ผมเคยเห็นเซียน Trade เงิน ของห้องค้าเงินตราต่างประเทศทำงานมาแล้ว ผมเองก็อยากเป็น Trader FX เหมือนกัน เพราะคิดว่า Feeling น่าจะเหมือนหุ้น แต่โทษที คนทำงาน Trader เงินสัก 5-10 ปีจะได้เงินจากธนาคารไปเข้า position (ซื้อเงิน) สัก 10-20 ล้านบาท บวก cost of fund อีก 2-3% พอซื้อไปแล้วสัก 10 นาที จะมีคำอุทาน หยาบๆๆ ออกมาตลอด ไอ้สัต.......โอย กูว่าแล้ว ไม่น่าเลย ขาดทุนแล้ว 10 ล้านบาท ต้องรีบ cut ออกมาเหลือ 9 ล้านบาท มี Trader อยู่คนแกเซียนมาก เป็นผู้หญิงเป็นลูกน้อง ราเกซ พูดจาขวานผ่าซาก เข้า position ไป แล้วออกไม่ได้ เป็นลมค่าโต๊ะ Trader 55555555 ผมเลยเลิกฝันจะเป็น Trader FX ทันที ไม่ไหว เครียดมาก ผมแค่อยากจะบอกว่า คนที่อยู่ในวงการ bank กับ หลักทรัพย์ หลายคนไม่กล้าเล่น Gold Future เพราะแกว่งแรงมาก ตอนนี้ทองขาขึ้นครับ สนุกกันใหญ่ ซื้อทิ้งไว้ 7 วันกำไรแล้ว ลองคิดถึงตอนขาลงซิครับ ลงทุกวัน 7 วัน จะเปลี่ยนตัวเล่นเหมือนหุ้นก็ไม่ได้ ไม่ขายก็ขาดทุน ทิ้งไว้ก็ขาดทุน คิดให้ดีแล้วกัน เงินออมหลักล้านกว่าจะหากันได้ หมดไปภายใน 15 วัน อาจมีหนี้ค้างอีก http://www.oknation.net/blog/bankbank/2009/02/24/entry-1
  8. ไม่รู้ว่าเขียนช้าเกินไปหรือเปล่านะครับ เทคนิคในการ เล่น GF ในช่วงระยะนี้ เปิดประเด็นขึ้นเพื่อเผื่อใครมีเทคนิคในการ เล่น GF ในช่วงระยะนี้ เพราะคนที่เล่นขึ้นก็ขาดทุน คนที่เล่นลงก็ขาดทุน จริงไหมครับ ทุกท่าน เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ใครมีเทคนิคอะไรน่าสนใจ ร่วมกันนำเสนอกันเพื่อเป็นประโยชน์กันนะครับ ช่วงที่ผ่านมา จะแนะนำให้คนที่รู้จัก และคนในเว็บทุกคน ถอยห่างออกจากตลาดทองคำที่ผันผวนอย่างมาก ถอยออกมาดู อย่าเพิ่งมะรุมมะตุ้ม ตลุมบอนกัน เลือดโชก สาหัสกันไปตามๆกัน สงสารรายย่อย...( กลายเป็นมันฝรั่ง แบบไม่เรียบ) ผมขอนำเสนอว่าที่รอจังหวะ Sure Sure ของมัน (อ่านออกเสียงว่าชั่วๆ) รอเวลาราคาทองมันกลับทิศ เรื่องแบบนี้พูดยากต้องคอยอ่านจากกระทู้ ติดตามกูรู (ไม่รู้แปลงร่างเป็น กูมึนกันหมดหรือยัง) หรือถาม Marketing ของท่านเอานะครับ ส่วนผมเองยังไม่กล้าวิเคราะห์เลยช่วงนี้ กลัวท่านที่มาอ่านกระทู้ แล้วลงทุนพลาดขาดทุนกัน พอรอจังหวะ ชั่วๆ ของพวกกองทุนแล้ว แล้วก็ซื้อหรือขาย ไล่ตามพวกมัน ทิ้งตามมัน พอเห็นกำไรจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ต้องรีบถอยฉากออกมา คว้ากำไรเอาไว้ ไม่เช่นนั้น กำไรที่เห็นจะแปลงล่างเป็นขาดทุน จำสัจจธรรมข้อนี้ไว้ครับ พวกกองทุน มันเล่นสลับฟันปลา(ปิรันย่า) กินหมดเลยหมดเลย ทั้งขาแอล ขาเอส อย่ายึดมั่นถือมั่น คิดว่าทองจะไปที่ $1,900 หรือ $2,000 สมัยก่อนแนะนำให้เล่น Day Trade จบในวัน ตอนนี้ แค่ถือทองไว้ข้ามช่วงเวลา ยังโดนเต็มๆกันเลยนะครับ มีความเสี่ยงตลอดเวลา ขออนุญาตเตือนนะครับว่า การลงทุนใน Gold Futures มีความเสี่ยงสูงมาก เสี่ยงที่จะกำไรมาก และขาดทุนมาก เพราะเป็นการวางเงิน Margin ส่วนหนึ่ง ไม่เต็มจำนวนของการซื้อหรือขายทองคำจริง Gold Futures เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทเก็งกำไร อย่างแท้จริง ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามราคาทอง เพราะมันพลิกผันกันได้ในช่วงเวลาต่างๆ จากการเก็งกำไรอย่างสูงมากของกองทุนเก็งกำไร ขอเรียนเคือนด้วยความหวังดีนะครับ
  9. ทองคำพุ่ง 11.6 ดอลล์ 07 ตุลาคม 2554 เวลา 08:00 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษประกาศเพิ่มขนาดการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 11.6 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,653.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,633.20-1,657.00 ดอลลาร์ ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ พร้อมประกาศขยายมาตรการ QE อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์ การประชุมวันนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ที่แบงก์ชาติอังกฤษประกาศขยายมาตรการ QE หลังจากที่ธนาคารได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 2 แสนล้านปอนด์ ด้วยการซื้อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% พร้อมประกาศว่าจะจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับตลาดการเงินในยุโรป ผ่านโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ http://www.posttoday.com/
  10. ขอนำมุมมองของคุณน้องดำจากเว็บน่ำเชียงมาให้อ่าน พิจารณากันนะครับ สถิติต่างๆ Dow Jones ปิด 1642.60 เหรียญ +18.40 เหรียญ หรือ +1.13 % Oct 05, 2011 17:15 NY Time Bid/Ask 1642.60 - 1643.60 Low/High 1596.90 - 1648.00 Change +18.40 +1.13% 30daychg -257.70 -13.56% 1yearchg +302.00 +22.53% เมื่อวานนี้ ทองแท่งไทย ปิด 23800-23900 ราคาเปลี่ยนแปลงลดลง -750 บาท =============================================================== ================================================================= =================================================================[/color] บทวิเคราะห์ ทิศทางราคาทองต่างประเทศ ใช้ indicator - PPO ระยะสั้น เป็นแนวโน้มลง ระยะสั้น-กลาง เป็น แนวโน้ม ลง ===================== ===================== ภาพรวม เมื่อคืน ราคาขึ้นจาก 1607 ไปยัง 1648 หลังจากที่ราคาลดลงทั้งวัน บรรยากาศดีขึ้นหลังพ้นแนวต้าน 1634 ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็น sideway เป็น 2 ช่วง ช่วงสั้น 1625-1655 ช่วงกว้างออกมา 1600-1680 เช้านี้ราคาคงพยายามขึ้นต่อมาทดสอบแนวต้าน 1655 ผู้เชียร์ขึ้น ต้องลุ้น ให้ราคาขึ้นเหนื่อ 1655 1680 ก่อน กร๊าฟดูดีขึ้นหลังพ้น 1655 ระยะสั้นมากเป็น บวก โอกาสฟื้นตัว มีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสามารถทะลุ 1655 ขึ้นมาได้ ... .. แนวต้านที่มีนัยยะสำคัญ คือ 1680 ผู้เชียร์ลง ต้องลุ้น ให้ราคาลงต่ำกว่า 1625 1600 ก่อน ยังคงมีลักษณะ sideway 1625 -1655 แนวรับที่มีนัยยะสำคัญคือ . 1600. เบื้องต้น ระยะสั้น-กลาง จะเป็นขาขึ้น ราคาต้องขึ้นเหนือ 1730 ขึ้นไปเท่านั้น แนวรับ 1625 1600 แนวต้าน 1655 1680 คาดว่าราคาทองเช้านี้น่าจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น + 300 บาท ==================
  11. ทองคำปิดพุ่ง 25.6 ดอลล์ 06 ตุลาคม 2554 เวลา 07:59 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้น แรงซื้อเก็งกำไรหนุนทองคำ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 25.6 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,641.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,596.60-1,648.90 ดอลลาร์ นักลงทุนได้เข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลง 41.7 ดอลลาร์ หรือ 2.5% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำและโลหะเงินเพื่อเก็งกำไร http://www.posttoday.com
  12. มูดีส์ลดเครดิตอิตาลีรวดเดียว 3 ขั้น 05 ตุลาคม 2554 เวลา 11:38 น. มูดีส์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีจาก Aa2 เหลือ A2 ระบุความเสี่ยงในการระดมทุนระยะยาว มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของอิตาลีลง 3 ขั้น สู่ระดับ A2 จากระดับ Aa2 พร้อมกับคงแนวโน้มความน่าเชื่อถือไว้ที่ "เชิงลบ" ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่ามูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงอีกในภายในระยะเวลา 2 ปี โดยมูดีส์ระบุว่า ประเทศในยูโรโซนที่มีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง รวมถึงอิตาลีด้วยนั้น มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในด้านการระดมทุนในระยะยาว ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2536 ที่มูดีส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี และอันดับความน่าเชื่อถือที่ A2 ซึ่งอิตาลีถูกปรับลดลงมาล่าสุดนั้น ก็อยู่เหนือ "ระดับขยะ" เพียง 5 ขั้นเท่านั้น แถลงการณ์ของมูดีส์ระบุว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 3 ขั้นในครั้งนี้ มาจากการที่มูดีส์มองว่าประเทศในยูโรโซนที่มีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง รวมถึงอิตาลีด้วยนั้น มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในด้านการระดมทุนในระยะยาว นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนในตลาดการเงินและการที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ยังเป็นความเสี่ยงอีกด้านหนึ่งที่จะทำให้อิตาลีประสบกับปัญหาการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้สาธารณะ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ทำให้มูดีส์ตัดสินใจลดอันดับความน่าเชื่อถืออิตาลีในครั้งนี้ รวมถึงความเสี่ยงต่างๆที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะขาลง อันเนื่องมาจากความอ่อนแอของโครงสร้างเศรษฐกิจมหภาคและความอ่อนแอของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ รัฐบาลอิตาลีอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเสริมสร้างสถานะทางการคลัง เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและทิศทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 1 ขั้น สู่ระดับ A/A-1 จากอันดับเดิมที่ A+/A-1+ พร้อมกับคงแนวโน้มความน่าเชื่อถือไว้ที่ "เชิงลบ" โดยระบุว่าอิตาลีซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยูโรโซนนั้น ยังคงมีแนวโน้มการขยายตัวที่อ่อนแอ นอกจากนี้ สถานการณ์ด้านการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลของอิตาลีก็อยู่ในภาวะที่เประบางมาก http://www.posttoday.com
  13. แนะเก็บทองคำเข้าพอร์ตกระจายความเสี่ยงลงทุน วันพุธ ที่ 05 ตุลาคม 2554 เวลา 8:45 น น.ส.รัชดา ตั้งหะรัฐ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวางแผนการลงทุน-ส่วนตัวแทนขาย บลจ. ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง “เล็งโอกาส เลี่ยงความเสี่ยง เลือกสินทรัพย์ เล่าเรื่องลงทุน” ว่า ในช่วงนี้นักลงทุนควรกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยง หลังที่ผ่านมาภาพรวมการลงทุนมีความผันผวนมาก โดยแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมทองคำทั้งในรูปแบบทองคำแท่งหรือกองทุนทองคำไว้ในพอร์ตประมาณ 20% เพื่อชดเชยกับการลงทุนประเภทอื่นที่ปรับตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ “ในการลงทุนทองคำนักลงทุนควรติดตามข่าวสารต่าง ๆ พร้อมทั้งนำปัจจัยพื้นฐานของทองคำมาประกอบการพิจารณาการลงทุน หลังที่ผ่านมาราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนมาก ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันผู้ที่มีทองคำในพอร์ตการลงทุนจะมีกำไรแล้ว 15% ซึ่งสามารถนำไปชดเชยกับการลงทุนที่ปรับลดลง 15% ได้” ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนระยะยาวลงทุนทองคำในช่วงที่มีข่าวสารต่าง ๆ เพราะหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวยาว จะทำให้มีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีความปลอดภัย โดยเฉพาะความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลกที่จะมีมากขึ้น. เดลินิวส์
  14. India gold drops lifts spot demand at festival season Gold prices declined in India, the world's biggest consumer, on Wednesday reflecting a fall in the global market, and boosting demand during the key festival season, dealers said. * The most-active gold for December delivery on the Multi Commodity Exchange (MCX) was 0.5% lower at Rs 25,880 per 10 grams at 3:01 pm, after hitting a high of Rs 26,260 earlier in the day. * International spot gold prices fell more-than 1% on Wednesday as gains in stock markets diverted some interest from the precious metal, with investors still wary over its longer-term direction after recent sharp volatility. * The rupee reversed most early gains in afternoon trade on Wednesday, dragged by choppy domestic equities and dollar buying by some custodian banks for their customers. The rupee affects the landed cost of gold, whose global price is quoted in dollars. *"Retail demand has improved due to price fall. Tomorrow is a key day. We may see good demand due to price fall," said a dealer at a state-run bank dealing in bullion. * India will celebrate Dussera festival on Thursday, when gold buying is considered auspicious. * Physical buying of gold continues as jewellers have been building stock ahead of the marriage season and Diwali festival, said a dealer with a Mumbai based private bank dealing in bullion.
  15. Gold advances as slide below $1,600 spurs demand Gold today gained as the metal’s drop below USD 1,600 an ounce boosts physical purchases and as investors seek protection of wealth from slowing economic growth and debt crises. The gold gained 90 cents, or 0.1% to USD 1,616.90 an ounce on the Comex. The metal earlier today fell to USD 1,596.60. However, silver fell 2.2% to USD 29.19 an ounce. The dollar yesterday climbed to the highest level since January against the euro as Federal Reserve Chairman Ben Bernanke signalled willingness to step up measures to spur the U S growth and Moody’s cut Italy’s credit rating. Gold slumped 2.5% yesterday as some investors sold the metal to cover losses in other markets. Physical demand was “very strong” yesterday, UBS said. Moody’s Investors Services had said European countries with debt ratings below the top Aaa level may see their rankings lowered. The agency cut Italy’s rating for the first time since 1993 on concern the government will struggle to reduce the region’s second-largest debt amid chronically weak growth
  16. (Reuters) - Apple Inc co-founder and former CEO Steve Jobs, counted among the greatest American CEOs of his generation, died on Wednesday at the age of 56, after a years-long and highly public battle with cancer and other health issues. ขอแสดงความอาลัยกับการจากไปของผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากๆแบบนี้นะครับ
  17. “แบล็กมันเดย์” สัปดาห์ที่สองกับปรากฏการณ์ “ทองคำสวนกระแส!?” โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 4 ตุลาคม 2554 15:51 น. วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554 นับเป็นปรากฏการณ์ “วันจันทร์สีดำ” หรือ “แบล็กมันเดย์” สัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ที่เฮดจ์ฟันด์และกองทุนรวมทั้งหลายในโลก ได้พร้อมใจกันเทขายหุ้น ตราสารน้ำมัน เพื่อคืนหนี้ให้กับธนาคารในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเอาไปเก็บเป็นเงินสดเอาไว้รองรับการสั่นคลอนและการเปลี่ยนแปลงวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปที่กำลังจะมาถึง เพราะไม่มีใครสงสัยอีกต่อไปแล้วว่า กรีซ ไม่อยู่ในสถานภาพที่จะชำระหนี้ได้ เพราะปัญหาของกรีซนั้นมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการคือ ประการแรก เศรษฐกิจในประเทศกรีซ ใช้จ่ายเกินตัวไปมาก ปรนเปรอข้าราชการและประชาชนด้วยงบประมาณอันมหาศาล มีประชากรไม่มากเพียงแค่ 11 ล้านคน แต่รัฐบาลต้องกู้หนี้ยืมสินมหาศาล จนมีหนี้สาธารณะ 4.54 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 143% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ค่าจ้างในส่วนของภาครัฐสูงขึ้นในทางปฏิบัติถึง 2 เท่าในช่วง10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่มีอัตราการว่างงานสูงถึง 16.30% ประการที่สอง กรีซล้มเหลวในเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันกรีซมีหนี้ต่างประเทศทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนรวมทั้งสิ้น 5.32 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มีทุนสำรองระหว่างประเทศเพียง 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ นั่นหมายถึงว่ามีหนี้ต่างประเทศเป็น 77 เท่าของทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือกรีซขาดดุลการค้าทุกปี ส่งผลทำให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดทุกปี โดยปีที่แล้วขาดดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 17,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ซึ่งสูงกว่าทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 2.5 เท่า) นั่นหมายความว่าหากแก้ไขเรื่องการค้าขายระหว่างประเทศไม่ได้ หรือทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงไม่ได้ หรือไม่แยกตัวออกจากยูโร กรีซจะต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดทุกปีอีกปีละ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หมายความว่าอย่าว่าแต่หนี้เก่าที่ยังจะคืนได้ยากเลย แม้แต่หนี้ใหม่ก็กำลังก่อเพิ่มขึ้นทุกปีโดยไม่มีความชัดเจนว่าจะหยุดหนี้ได้อย่างไรจากสภาพที่เป็นอยู่ กรีซ ไม่สามารถที่จะกู้เงินเองได้โดยผ่านตลาดการเงินอีกต่อไป เพราะไม่มีใครให้กู้แล้ว และหากจะมีใครให้กู้ก็ต้องคิดดอกเบี้ยที่แพงมหาโหด จึงทำให้กรีซต้องขอรับการช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยได้เงินกู้ไปแล้ว 1.1 แสนล้านยูโร (1.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ก็ยังไม่เพียงพอ และกำลังรอขอรับการช่วยเหลืออีก 1.09 แสนล้านยูโร (1.44 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งก็คงจะไม่พออีกอยู่ดี ที่แก้ปัญหาไม่ได้เพราะหากจะรีดภาษี ขายทรัพย์สิน ลดค่าใช้จ่ายโดยการลดข้าราชการลดเงินเดือนก็โดนแรงเสียดทานทางการเมืองสูงทำได้ถึงขีดจำกัดระดับหนึ่งเท่านั้น ยิ่งเกิดการว่างงานกำลังซื้อย่อมลดลงเศรษฐกิจก็หดตัว ก็ยิ่งส่งผลทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง ในขณะที่ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็เรื้อรังและแก้ไม่ได้เพราะใช้ค่าเงินยูโรที่ไม่ได้อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญที่จะช่วยกรีซในด้านการค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวของกรีซได้ การใส่เงินเพิ่มหนี้ให้กับกรีซ จึงเป็นเหมือนการผ่อนเวลาของปัญหาออกไปให้ยาวขึ้นเท่านั้น แต่คงต้องทำใจแล้วว่างานนี้ต้องมีการผิดนัดชำระหนี้หรือการลดหนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเริ่มมีการเสนอให้มีการลดหนี้จากเงินกู้ของภาคเอกชน 20% - 50% ซึ่งจะส่งผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่ทันที เพราะด้านหนึ่งชาติอื่นๆ ที่มีปัญหาหนี้ต่างประเทศที่รอคิวอยู่ก็อยากเอาเยี่ยงอย่างบ้าง ในขณะที่ธนาคารที่ปล่อยกู้ก่อนหน้านี้ก็คงต้องเสียหายได้รับผลกระทบลุกลามไปด้วยจนต้องเป็นเหตุให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศเรียกร้องให้มีการเพิ่มทุนธนาคารในยุโรปอย่างรวดเร็วไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับปัญหาที่กำลังจะตามมา เพราะจริงๆ แล้วสถานภาพที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูง ว่างงานสูง หนี้สาธารณะสูงนั้น เกิดขึ้นไปทั่วยูโรโซน ทั้งไอร์แลนด์ อังกฤษ สเปน โปแลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส ฯลฯ ซึ่งหากเกิดวิกฤตที่กรีซนอกจากจะกระทบต่อเจ้าหนี้สำคัญอย่าง ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษแล้ว ปัญหาจะเกิดลุกลามต่อระบบสถาบันการเงินในยุโรปอย่างแน่นอน และจะต้องมีผลกระทบลามไปทั่วโลกด้วย และนี่คือปรากฏการณ์ที่ทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ต้องถูกธนาคารในยุโรปเรียกคืนหนี้มาอุดรูรั่วของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรายแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่งของโลก แต่เริ่มต้นสัปดาห์นี้มีปรากฏการณ์ “วันจันทร์สีดำครั้งที่ 2” ที่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ที่แล้วก็คือราคา “ทองคำ” สูงขึ้น สวนทางกับราคา “หุ้น” “น้ำมัน” และ “ค่าเงิน” ซึ่งแม้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะสูงขึ้นกลับมาบ้างบางจังหวะในวันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 (ตามลักษณะการช้อนซื้อกลับเข้ามาบางจังหวะ) แต่ก็แตกต่างจากทองคำที่สูงขึ้นในลักษณะที่มั่นคงมากกว่าอย่างชัดเจน สัปดาห์ที่แล้วกองทุนเฮดจ์ฟันด์จะได้เทขายทองคำเหมือนกับ หุ้น เงินตรา และน้ำมันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2554 เป็นวันพิสูจน์ความแข็งแกร่งของราคาทองคำที่ไม่สามารถกดราคาลงให้ต่ำไปมากกว่านี้ได้ซึ่งต่างจากหุ้นและน้ำมัน กองทุนเฮดจ์ฟันด์เม็ดเงินอาจจะหดหายในช่วงเวลานี้เพราะต้องคืนให้ธนาคารในยุโรปเพื่อวิ่งหนีจากการล้มพังทลายลง แต่ก็ยังไม่วายกลับเงินที่เหลือเข้ามาซื้อตลาดทองคำอีกครั้ง เหตุก็เพราะด้านหนึ่งในวงการตลาดทองคำต่างทราบกันดีว่าทองคำในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนมักจะต้องมีการปรับฐานใหญ่ราคาจะลดลงทุกปี และตุลาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนพฤษภาคมในทุกๆ ปีจะเริ่มมีความต้องการในการใช้ทองคำจริงตามฤดูกาล (โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย) ตุลาคมเป็นช่วงเทศกาลฉลองแต่งงานในอินเดีย ธันวาคมเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ทั่วโลก และช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็เป็นช่วงตรุษจีน ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเทศกาลที่ชาวเอเชียมีความต้องการซื้อทองคำจริงทั้งสิ้น ในขณะอีกด้านหนึ่งเมื่อราคาลดลงต่ำลงมามากกว่า 1,600 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ธนาคารกลางหลายประเทศก็จะเริ่มเข้าซื้อทองคำเก็บเอาไว้เพื่อเปลี่ยนสินทรัพย์ที่เป็นเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐที่จะต้องด้อยค่าอย่างแน่นอนในทุนสำรองระหว่างประเทศ เพียงแต่ที่ราคาทองคำถูกทุบลงมาได้เพราะก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2554 ราคาทองคำ “ขึ้นสูงเร็วเกินไป” (โดยเฉพาะเมื่อเทียบช่วงห่างระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย moving average 14 วัน กับ 200 วัน) จนทำให้สบช่องโอกาสที่มีการเทขายทำกำไรได้และราคาลงมาใกล้ๆ กับ 1,600 เหรียญต่อทรอยออนซ์ก่อนจะเริ่มดีดตัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง ภาพ : กราฟแสดงค่าราคาทองคำ (สีแดง) กับราคาเฉลี่ย Moving Average 14 วัน (สีน้ำเงิน) กับราคาเฉลี่ย Moving Average 200 วัน (เส้นสีเขียว) เพราะ “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ที่แสดงความมั่งคั่งควบคู่มากับอารยธรรมในภูมิภาคเอเชีย (โดยเฉพาะจีนและอินเดีย) ยิ่งไปกว่านั้นชาวเอเชียซึ่งถือว่าในเวลานี้ถือได้ว่าความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะสถานภาพการค้าระหว่างประเทศนั้น ได้ทั้งเกินดุลการค้า เกินดุลบัญชีเดินสะพัด มากด้วยการลงทุน เป็นภาคการผลิตที่สำคัญของโลก เอเชียทุกวันนี้จึงมีสถานภาพเป็น “เจ้าหนี้” ที่สำคัญของอเมริกาและยุโรป ดังนั้นเมื่อเงินยูโรและดอลลาร์ไร้ความน่าเชื่อถือและด้อยค่าลงทุกวัน ก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ประเทศต่างๆ จะต้องพิจารณาแปลงสินทรัพย์ในทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นอย่างอื่นที่น่าไว้วางใจมากกว่าเงินและพันธบัตรสกุลยูโรและดอลลาร์สหรัฐที่กำลังด้อยค่าลง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องหนีไม่พ้น “ทองคำ” ทันทีที่ราคาทองคำลงเมื่อเดือนที่แล้ว จีน อินเดีย และตุรกี ซึ่งเป็นประเทศสำคัญที่ซื้อทองสำหรับเครื่องประดับได้ซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่ธนาคารกลางของเกาหลีใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกลางของรัสเซีย ธนาคารกลางของโบลิเวีย ธนาคารกลางของโคลัมเบีย ฯลฯ ต่างทยอยสะสมทองคำกันมากขึ้นในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อันที่จริงต้องถือว่า “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์อันสำคัญในทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นศัตรูอันสำคัญของยุโรปและอเมริกาด้วย เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมา หากธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ซื้อทองคำกันมากๆ ก็ยิ่งทำให้โอกาสที่จะขายพันธบัตรเพื่อกู้หนี้ของยุโรปและอเมริกาด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำก็จะยากขึ้นไปด้วย เพราะความจริงแล้วทั้งในยุโรปและอเมริกาต่างก็เป็นกลุ่มประเทศที่ขาดดุลการค้าและขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างมหาศาลกันทุกปี ถึงอย่างไรธนาคารกลางในยุโรปและสหรัฐอเมริกาก็ยังมีความจำเป็นต้องออกพันธบัตรกู้หนี้เพื่อชดเชยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไม่มีวันหยุด อาจด้วยเหตุผลนี้ที่ในปี พ.ศ. 2542 รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจเทขายทองคำต่อเนื่องออกมาเป็นผลทำให้ราคาลดลง เป็นผลทำให้ทำลายบรรยากาศตลาดทองคำอยู่หลายปี ในขณะที่ธนาคารกลางในยุโรปและธนาคารกลางในสหรัฐอเมริกาได้ริเริ่มและชี้นำให้ธนาคารกลางอื่นๆ ทำต้องลงนามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ใน “ข้อตกลงทองคำของธนาคารกลาง” (Central Bank Gold Agreement) ที่ห้ามธนาคารกลางแต่ละประเทศขายทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศเกินกว่า 400 เมตริกตันต่อปี และห้ามขายเกิน 2,000 เมตริกตันในช่วง 5 ปี ทั้งนี้ถือเป็นการกำหนดมาตรการจำกัดไม่ให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และประเทศต่างๆ (โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งมีทองคำจำนวนมาก) ขายทองคำในทุนสำรองให้กับชาติอื่นๆ (โดยน่าจะมีเป้าหมายเล็งไปที่ชาติในเอเชียที่มีเงินตราต่างประเทศมาก) มากเกินกำหนด อันเสมือนเป็นการบีบให้ชาติต่างๆ (โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย) ต้องกลับมาซื้อพันธบัตรในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเอาไว้เป็นสินทรัพย์ในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป จนอเมริกาและยุโรปหนี้สินท่วมท้นอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปรากฏการณ์ในกรีซที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างหวาดผวาการลุกลามล้มกันเป็นโดมิโน ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกต้องระมัดระวังความเสี่ยงในการถือครองพันธบัตรของธนาคารและรัฐบาลในยุโรปมากขึ้น ยิ่งมีข้อจำกัดการขายทองคำจากข้อตกลงทองคำของธนาคารกลางก็ยิ่งทำให้ยุโรปและอเมริกา (ซึ่งมีทองคำในทุนสำรองมากที่สุด) มีข้อจำกัดที่จะขายทองคำเพื่อเก็บมาเป็นเงินสดด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน หากถึงแม้ยุโรปและอเมริกานำทองคำออกมาขายในรอบนี้แล้วจะทำให้ราคาทองคำลดลงก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเร่งทำให้ธนาคารกลางในชาติต่างๆ เทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพื่อเข้าไปซื้อทองคำมากขึ้นแทนไปด้วย ก็จะยิ่งทำให้ความต้องการพันธบัตรสหรัฐอเมริกาและยุโรปลดลงตามเป็นเงาตามตัว ซึ่งจะเป็นผลทำให้เป็นการบีบให้สหรัฐอเมริกาและยุโรปต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรอบใหม่ให้สูงขึ้น อันจะส่งผลกระทบทำให้เกิดเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและยุโรปชะลอตัวทางเศรษฐกิจหนักขึ้นไปอีก เมื่อเวลานี้ไม่มีธนาคารกลางชาติไหนขายทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาอย่างมีนัยสำคัญ ธนาคารกลางของแต่ละประเทศจึงย่อมเข้าซื้อในตลาดทองคำโดยตรง และเป็นเหตุทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อไป (แม้จะมีความผันผวนในระยะสั้นก็ตาม) “เฮดจ์ฟันด์” อาจจะโจมตีทุบหุ้นและตราสารน้ำมันทั่วโลกเพื่อให้คนมาสนใจพันธบัตรสหรัฐอเมริกาและยุโรปมากขึ้นได้ แต่การทุบราคาทองคำโดยมีธนาคารกลางทั่วโลกที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศมหาศาลทยอยรับซื้อมาสะสมในสถานการณ์วิกฤตของโลกเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายสำหรับเฮดจ์ฟันด์ในยามนี้ ทำให้หวนนึกถึง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่ได้เทศน์กำชับหลายครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ว่าให้แปลงเงินบริจาคทั้งหมดให้เป็น “ทองคำ” เก็บเอาไว้ในคลังหลวงให้เป็นสมบัติของชาติที่มั่นคงต่อไป ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ว่า “ทองคำเป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุดเพื่อเป็นหลักสมบัติประกันชาติไทยของเรา เมื่อมีทองคำมากแล้ว การพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเติมใช้อีกก็ยังได้อีก ตามปริมาณของทองคำที่มีมากน้อยในคลัง นี่ยังมีส่วนได้อีกนะ เราจึงต้อเสาะแสวงหาทองคำมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเลย ให้เป็นอันดับหนึ่ง เรียกว่าทองคำนี้เป็นสมบัติคงคลังว่างั้นเถอะ ให้เหลืองอร่ามอยู่ในคลังหลวงของเราแล้วสง่างามองอาจกล้าหาญ ถ้ามีทองคำอยู่ในคลัง ถ้าไม่มีนี้ไม่องอาจนะ ล่อแหลมต่ออันตรายได้ง่ายๆ ถ้ามีทองคำคงคลังแล้วก็แน่นหนามั่นคง”
  18. เศรษฐกิจต่างประเทศ วันที่ 4 ตุลาคม 2554 19:53 นักวิเคราะห์ชี้"ฮูโก ชาเวซ"ต้นคิดสะสมทองคำ โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ นักวิเคราะห์ชี้"ฮูโก ชาเวซ"ต้นคิดสะสมทองคำก่อนเกิดกระแสแห่ลงทุนทอง นักวิเคราะห์มองว่า ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลา ผู้มีแนวคิดเสรีนิยม ที่โลกตะวันตกเอือมระอา เพราะชอบทำตัวขวางโลกและพูดจาแบบขวานผ่าซาก กำลังทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ยังต้องทึ่ง กับแนวคิดที่แหวกแนว แต่กำลังใช้ได้ผลในปัจจุบัน นั่นคือการสะสมทองคำไว้ในครอบครอง ปัจจุบัน มีคนจำนวนมากกำลังหันไปลงทุนกับทองคำ แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีชาเวซ มีทองคำครอบครองมากที่สุดเป็นอันดับที่ 15 ของโลก หรือ 365 ตัน ซึ่งต่างจากพวกนักลงทุนส่วนใหญ่ที่อาศัยลงทุนผ่านกองทุนรวม และมีไม่มากนักที่จะซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้ ทั้งนี้ เวเนซุเอล่า มีทองคำแท่งเก็บไว้ที่อังกฤษ นิวยอร์ค และซูริค ซึ่งถ้าใครเคยไปธนาคารกลางที่นิวยอร์ค จะเห็นหลังคาโค้งใต้ดิน พร้อมตัวอักษรชัดเจนว่า " ของเวเนซุเอล่า " (Venezuela's) ซึ่งแหล่งข่าวในวงการ ระบุว่า ประธานาธิบดีชาเวซ หวงแหนทองคำของเขามาก และใช้เงินอย่างน้อย 4%ของมูลค่าทองคำไปกับการทำประกัน เพื่อให้การขนส่งมีความปลอดภัยมากขึ้น การเห็นคุณค่าของทองคำมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังจะเห็นได้จากขุมทรัพย์ทองคำของฟาโรห์ ตุตันคามุน แห่งอิยิปต์ ในศตวรรษที่ 19 และแม้กระทั่งในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ 007 ที่มีตัวละครชื่อ อูริค โกลด์ฟิงเกอร์ เจ้าของประโยคดังที่ว่า " นี่คือทองคำ ... คุณบอนด์ ตลอดชีวิต ผมบูชาสีสัน ความสุกสกาวและน้ำหนักของมัน " ปัจจุบัน คนทั่วทุกมุมโลก ต่างมีแนวคิดแบบเดียวกับโกลด์ฟิงเกอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่พวกเขากำลังสับสน และไม่แน่ใจในนโยบายของรัฐบาล ทั้งยังวิตกว่า รัฐบาลรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยต่ำเกินไป จนอาจทำให้เกิดเงินเฟ้อ และอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์และเงินตราสกุลอื่นพลอยอ่อนลงไปด้วย การสะสมทองคำ ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมมูลค่า และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าลงทุนในหุ้นประเภทอื่น แม้การลงทุนประเภทอื่นล่มสลายไป แต่ทองคำยังอยู่ได้ เนื่องจากยังทรงมูลค่าไว้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำจึงพุ่งขึ้นมากกว่า 600 % ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวงการทอง การซื้อทองกระทำได้ง่ายขึ้นและง่ายกว่าการซื้อขายหุ้นอื่น ๆ เนื่องจากสามารถซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ต และในบางดินแดนเช่น อาบู ดาบี ของดูไบ และอีกหลายเมืองในยุโรป ลูกค้าสามารถซื้อทองคำผ่านตู้แบบเดียวกับตู้เอทีเอ็ม เมื่อเปิดไปดูโทรทัศน์ หรือโฆษณา ก็จะได้เห็นว่าข้อความเตือนว่า โลกใกล้จะถึงจุดแตกดับแล้วและจำเป็นต้องแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทองคำ แม้แต่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อย่าง โดนัล ทรัมพ์ ยังพร้อมยอมรับทองคำแท่ง แทนที่จะเป็นเงินสดเวลาขายคอนโดมีเนียมหรู ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ต่างจากเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1980 ถึง 2000 ที่ตอนนั้นราคาทองลดลงฮวบฮาบ ทองคำไม่เหมือนน้ำมัน แต่เป็นสัญลักษณ์ ราคาที่พุ่งขึ้นส่งผลทั้งในด้านจิตวิทยาและทางอารมณ์และที่สำคัญคือ ทองคำไม่มีวันล้าสมัย
  19. อรุณสวัสดิ์ครับทุกท่าน ขอนำมุมมองของคุณน้องดำ จากเว็บน่ำเชียงมาให้อ่านกันนะครับ สถิติต่างๆ Dow Jones ปิด 1624.20 เหรียญ -36.70 เหรียญ หรือ -2.21 % Oct 04, 2011 17:15 NY Time Bid/Ask 1624.20 - 1625.20 Low/High 1595.10 - 1679.50 Change -36.70 -2.21% 30daychg -260.00 -13.80% 1yearchg +309.20 +23.51% เมื่อวานนี้ ทองแท่งไทย ปิด 24550-24650 ราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +150 บาท =============================================================== ================================================================= =================================================================[/color] บทวิเคราะห์ ทิศทางราคาทองต่างประเทศ ใช้ indicator - PPO ระยะสั้น เป็นแนวโน้มลง ระยะสั้น-กลาง เป็น แนวโน้ม ลง ===================== ===================== ภาพรวม เมื่อวานนี้ - ลงแรง หลังจากขึ้นไปถึง 1678 - ลงมา low ที่ 1595 ล่าสุด มี technical rebound มาที่บริเวณ 1623 อาจขึ้นได้อีกนิด แต่ไม่น่าจะพ้น 1635 หลังจากนั้น โอกาสกลับลงต่อมีสูง ระวังแนวรับ 1595 ... 1595 เป็นแนวรับที่มีนัยยะสำคัญ หากรับไม่อยู่ จะลงต่อมีเป้าหมาย 1550 1525-30 [/color] New York ลงต่อเนื่อง จาก 1657 มายัง 1595..ก่อนมี technical rebound ปิด บริเวณ 1623 ภาพรวม ถือว่าเป็นเพียง technical rebound พร้อมที่จะกลับลงต่อ เช้านี้ sideway 1614-1635 อาจขึ้นต่อ แต่ไม่น่าจะมากนัก พร้อมที่จะลงต่อ ... จับตา แนวรับ 1600 1595 ผู้เชียร์ขึ้น ต้องลุ้น ให้ราคาขึ้นเหนื่อ 1635 1650 ก่อน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเมื่อวานนี้ ราคาลงแรง .. กร๊าฟดูไม่ดี โอกาสฟื้นตัว มีน้อย นอกจากต้องพ้น 1650... .. ผู้เชียร์ลง ต้องลุ้น ให้ราคาลงต่ำกว่า 1614 1600 1595 ก่อน โอกาสลงต่อมีสูง แต่ให้แน่ใจ ราคาทองต้องลงต่ำกว่า 1600 และ 1595 ก่อน เป้าหมายต่อไป 1550 1525-1530 .. เบื้องต้น ระยะสั้น-กลาง จะเป็นขาขึ้น ราคาต้องขึ้นเหนือ 1730 ขึ้นไปเท่านั้น แนวรับ 1614 1600 1595 1550 แนวต้าน 1634-35 1650 1665 คาดว่าราคาทองเช้านี้น่าจะเปลี่ยนแปลงลดลง -500 บาท ==================
  20. มีภาพจากในเว็บขำดีเลยขอนำมาให้ชมคลายเครียดยามทองร่วงนะครับ ยันต์กันน้ำท่วม คนเราไม่รู้จะพึ่งอะไรแล้ว ฝันดีครับ ทุกท่าน
  21. ทองคำพุ่ง $35.4 เหตุวิตกหนี้กรีซหนุนแรงซื้อทอง ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 ตุลาคม 2554 06:36:48 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน หลังจากกระทรวงการคลังกรีซยอมรับว่า กรีซอาจจะพลาดเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณทั้งในปีนี้และปีหน้า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 35.4 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 1,657.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,620.00-1,667.00 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 71.20 เซนต์ ปิดที่ 30.795 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.15 เซนต์ ปิดที่ 3.1505 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 6.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,517.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 20.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 593.75 ดอลลาร์/ออนซ์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน หลังจากนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซยอมรับว่า กรีซอาจจะไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณลงมาอยู่ที่ระดับ 7.6% ของจีดีพีได้ในปี 2554-2555 ตามที่ได้ตกลงไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไอเอ็มเอฟ/อียูกำหนดว่ากรีซจะต้องทำให้ได้ก่อนที่จะได้รับเงินช่วยเหลือรอบสอง เทรดเดอร์กล่าวว่า การที่กรีซยอมรับว่าอาจจะพลาดเป้าหมายการลดยอดขาดดุลในปีนี้และปีหน้าได้จุดปะทุให้นักลงทุนกระหน่ำขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงหุ้น และหันเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำด้วยเหตุผลที่ว่า การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการเงินทั่วโลก นักลงทุนบางกลุ่มเข้าซื้อทองคำเพราะเชื่อว่า ทองคำมีมูลค่าสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับความผันผวน นอกจากนี้ การที่สัญญาทองคำเข้าสู่ระยะพักฐานในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรด้วย --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  22. กูรูมองแนวโน้มหุ้น-ทองเดือนต.ค.สวิงแรง! โดย : สาธิต อุปชา ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.กรุงศรี จำกัด ฟันด์เมเนเจอร์มองแนวโน้มตลาดหุ้นเดือน ต.ค.เหวี่ยงแรง! จับตาปัญหาหนี้ยุโรป-เศรษฐกิจสหรัฐ หลังเดือน ก.ย.ดิ่งหนัก กระทบความเชื่อมั่นการลงทุน ต้องยอมรับว่าภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นและราคาทองคำในตลาดโลกตลอดช่วงเดือน ก.ย.มีความผันผวนรุนแรง จากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และปัญหาหนี้ยุโรป ที่กำลังลุกลามบานปลายและอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าชะลอตัว ผลพวงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงกับบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย เห็นได้จากการทรุดลงของดัชนีเกือบ 200 จุด ในช่วงเวลาพริบตา จากความกังวลปัญหาหนี้สหรัฐและยุโรป เห็นได้จากดัชนีเดือน ก.ย.ที่อยู่ในระดับสูงสุดที่ 1,070 จุด ปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 867 จุด และในวันที่ 30 ก.ย.ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 933.48 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ โดยในเดือน ก.ย.ตลอดทั้งเดือนขายสุทธิกว่า 16,506 ล้านบาท หรือตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. ต่างชาติขายสุทธิ 35,351 ล้านบาท ในช่วงปลายสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย.ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคม บล.) ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นและเตือนสตินักลงทุนไม่ให้ตื่นตระหนกกับปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและหนี้ยุโรป จนเกินไป หลังดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงเกือบ 10% ภายในวันเดียว สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลก เพราะโดยปกติแล้วในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจคนจะหันมาลงทุนทองคำมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ กลับทำให้ราคาทองปรับตัวลดลง โดยราคาทองคำทำสถิติสูงสุดในเดือน ก.ย.อยู่ที่ 1,831 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,535 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลงเกือบ 300 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนกระเตื้องขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.กรุงศรี จำกัด ให้ความเห็นว่า ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงรุนแรงสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย จากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และหนี้ยุโรป ส่วนแนวโน้มในเดือน ต.ค.กรณีแรกคาดว่าดัชนีมีโอกาสขึ้นเร็วและแรง แต่ยังมีความผันผวน และอาจลงแรงเช่นเดียวกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ประมาณ 50% กรณีที่สองมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค.แกว่งตัวผันผวน และปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งมีความเป็นไปได้ประมาณ 20% "ที่หลายฝ่ายมองว่าตลาดหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะค่อยๆ ฟื้นตัว ถือว่ามีความเป็นไปได้น้อย เรามองว่าขณะนี้ตลาดยังเสี่ยงอยู่ในช่วงขาลง" ประภาส ยอมรับว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในเดือนที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีเสียโมเมนตัม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับความเชื่อมั่นการลงทุน โดยแนะนำให้นักลงทุนปรับลดพอร์ตการลงทุนตลาดหุ้นลง จากเดิมในเดือน ก.ย.แนะนำให้ลงทุน ในตลาดหุ้น 60% ในเดือนนี้ แนะนำให้ลดสัดส่วนเหลือเพียง 40% หันไปเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ เพิ่มเป็น 30% จากเดิมเดือนที่แล้วแนะนำให้ลงทุน 10% ลงทุนทองคำ 10% ตราสารหนี้ต่างประเทศ 10% และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 10% ส่วนแนวโน้มราคาทองคำ ประภาสให้ความเห็นว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวผันผวนสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก ในครั้งนี้ถือเกิดจากแรงขายทำกำไรของกองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) ที่ซื้อทอง และขาดทุนในตลาดฟิวเจอร์ส ส่วนแนวโน้มราคาทองในเดือนนี้น่าจะแกว่งตัวสอดคล้องตลาดหุ้น และคาดว่าทองคำจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.กรุงศรี ให้ความเห็นอีกว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน ต.ค.คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้น (อาร์พี) 1 วัน ที่ระดับ 3.50% ไปจนถึงสิ้นปี เพราะแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง จากเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงชะลอตัว กฤษณ์ ณ สงขลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย มองว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค.คาดว่าจะมีความผันผวน แม้ทางการยุโรปจะไฟเขียวเพิ่มทุนกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงิน แต่ตลาดยังกังวลว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถแก้ไขวิกฤติหนี้ยุโรปได้จริงหรือไม่ ส่วนปัญหาหนี้กรีซเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วน่าจะสามารถเจรจายืดหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินได้ แต่ปัญหาที่ตลาดกำลังจับตาคือ ปัญหาหนี้ของอิตาลี หากมีปัญหาเชื่อว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้าง เพราะขนาดเศรษฐกิจอิตาลีใหญ่กว่ากรีซ กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค.น่าจะอยู่ที่ 900-1,000 จุด ส่วนแนวโน้มราคาทองคำคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ และทองคำน่าจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนมากสุดในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ พอร์ตการลงทุนในเดือน ต.ค. สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย แนะนำว่า ให้ลงทุนในตราสารหนี้ 95% หุ้น 5% ส่วนนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง แนะนำลงทุนตราสารหนี้ 90% หุ้น 5% และกองทุนทองคำ 5% ณัฐดนัย ประทานพรทิพย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานการลงทุน บลจ.ฟินันซ่า มองว่า ตลาดหุ้นไทยถ้าไม่เกิดวิกฤติ ดัชนีอยู่ที่ระดับ 900 จุด ถือว่าน่าซื้อมาก เพราะราคาต่อผลกำไร (พี/อี) อยู่ที่ 11 เท่า ซึ่งเห็นได้จากช่วงที่ดัชนีลดลงต่ำกว่า 900 จุด ในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันต่างเข้าไปซื้อเพิ่ม อย่างไรก็ตาม หากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น ดัชนีก็มีโอกาสลดลงต่ำกว่านี้ ส่วนการประชุม กนง.ในเดือน ต.ค. คาดจะประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.50% ไปจนถึงสิ้นปี เพราะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งจากปัญหาน้ำท่วม และความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำ เชื่อว่าจะแกว่งตัวผันผวนตามเศรษฐกิจโลก เห็นได้จากวิกฤติในรอบที่แล้ว ราคาทองก็มีทิศทางปรับตัวลดลงตามความกังวลเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์การลงทุน แนะลงทุนในตลาดหุ้น 50% ตราสารสารหนี้ 30% ทอง 10% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 10% Tags : ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ • ฟันด์ โฟกัส • ภาวะหุ้น • ราคาทอง
  23. อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าวันฝนตกน้ำจะท่วมโลกนะครับ ราคาทองคำเริ่มขยับขึ้นมา ให้ใจชื้นขึ้นมากันบ้าง ขอนำข่าว กรีซ มาให้อ่านกันนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกัน จุดจบมหากาพย์หนี้กรีซ ถึงคราที่จะต้อง'เบี้ยว' 03 ตุลาคม 2554 เวลา 07:40 น. โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ แม้ว่าบรรดาผู้นำในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) โดยเฉพาะหัวเรือใหญ่อย่างประเทศเยอรมนี จะพยายามแสดงให้โลกเห็นว่า อียูไม่มีทางปล่อยมือจากกรีซเด็ดขาด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของทุกฝ่ายให้กลับคืนมา แต่บรรดานักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ และนักวิชาการทั้งหลายแหล่ ต่างตั้งเป้าลงความเห็นตรงกันแบบเงียบๆ ไปเรียบร้อยแล้วว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซในครั้งนี้ จบไม่สวยแน่นอน ทั้งนี้ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อาการวิตกจริตของนักลงทุนทั่วโลกทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะมาตรการช่วยเหลือกรีซของอียูที่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลกรีซเองที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถคลอดมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณของประเทศให้ได้ตามเงื่อนไขที่อียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตั้งไว้สำหรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ที่กรีซจะต้องนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ เรียกได้ว่า กรีซจะยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจนกว่าจะมีมาตรการลดการขาดดุลงบประมาณที่ทางทีมผู้ตรวจสอบของอียู หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ทรอยกา” จะเห็นว่าถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้ รัฐบาลกรีซยังต้องเผชิญกับปัญหาภายในชวนปวดหัว เนื่องจากประชาชนทั้งประเทศลุกฮือขึ้นมาประท้วงรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับแผนประหยัดที่หมายถึงการหั่นลดสวัสดิการ การช่วยเหลือดูแลรักษาประชาชนจากรัฐ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกรีซ ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์ต่างลงความเห็นว่า กรีซมีแนวโน้มผิดนัดชำระหนี้แน่นอน โดย ฟิลิปป์ โรสเลอร์ รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี ได้เขียนลงในหนังสือพิมพ์ดีเวล์ต ว่า การเบี้ยวหนี้ล้มละลายของกรีซไม่ใช่เรื่องต้องห้ามที่จะไม่ให้มีการหารือเตรียมรับมือกันอีกต่อไป นอกจากนี้ หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า กรีซน่าจะแก้ปัญหาได้ดีขึ้น และอียูจะรอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ได้ง่ายขึ้น หากว่าบรรดาผู้นำในยุโรปจะยอมเสียหน้าหยุดซื้อเวลาโดยปล่อยให้กรีซผิดนัดชำระหนี้แต่โดยดี ความเห็นที่จะปล่อยให้กรีซผิดนัดชำระหนี้เริ่มมีมากขึ้น โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. รอยเตอร์สได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำมากกว่า 50 คนทั่วภูมิภาคยุโรปว่า กรีซมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูงถึง 65% โดยเหล่าผู้รู้ทั้งหลายมากกว่าครึ่งถึงกับระบุระยะเวลาที่แน่ชัดว่า กรีซมีสิทธิชักดาบภายใน 12 เดือน และมีโอกาสสูงถึง 1 ใน 5 ที่กรีซจะต้องโบกมือลาจากกลุ่มยูโรโซน ขณะที่ผลสำรวจของบลูมเบิร์ก ระบุว่า 75% ของนักลงทุนจากทั่วโลกเชื่อมั่นภายใน 5 ปี จะต้องมีประเทศอย่างน้อยหนึ่งประเทศลาออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ขณะที่อีก 40% เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในปี 2555 นอกจากนั้น ยังมีกระแสเสียงความคิดเห็นของบรรดานักการเมืองในประเทศต่างๆ ที่ออกมาระบุตรงกันว่า กรีซมีสิทธิผิดนัดชำระหนี้ และสมควรไปๆ ให้พ้นจากกลุ่มยูโรโซน อเล็กซานเดอร์ โดบรินด์ท เลขาธิการพรรคคริสเตียน โซเชียล ยูเนียน (ซีเอสยู) พรรคร่วมรัฐบาลเยอรมนี คือรายล่าสุดที่ออกมาเรียกร้องให้กรีซออกจากการเป็นสมาชิกลุ่มยูโรโซนไปเสีย หากยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะได้ นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ผู้โด่งดังจากการคาดการณ์วิกฤตฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐได้อย่างแม่นยำ กล่าวสนับสนุนแนวความคิดข้างต้น โดยรูบินี มองว่า ถึงเวลาแล้วที่กรีซควรจะเบี้ยวหนี้และสมัครใจเดินออกจากยูโรโซนเพื่อหันไปใช้ “แดรกมา” เงินสกุลกรีซอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นกรีซมีสิทธิเผชิญหน้ากับการล่มสลายทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างง่ายๆ ถ้าหากจะยังดึงดันใช้ “ยูโร” ต่อไป ทั้งนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่รูบินี เห็นว่า การหันกลับไปใช้สกุลเงินของตัวเอง จะทำให้กรีซไม่ต้องอ้างอิงกับเงินยูโร มีอิสระในการกำหนดค่าเงินเต็มที่ ซึ่งแม้ว่าอาจจะลำบากในช่วงแรกๆ แต่ค่าเงินที่ถูกจะช่วยฟื้นความสามารถในการแข่งขันในภาคการส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไปได้ เหมือนเมื่อครั้งที่อาร์เจนตินา หรือประเทศในตลาดเศรษฐกิจเคยเผชิญก่อนจะขึ้นกลับมาผงาดในเช่นทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลายฝ่ายเห็นว่ากรีซมีแนวโน้มผิดนัดชำระหนี้ หรือกระทั่งสนับสนุนให้กรีซควรชักดาบเพื่อความอยู่รอดของตนเองและอียูโดยรวม แต่อีกส่วนหนึ่งกลับแย้งว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม การผิดนัดชำระหนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น สุกี แมนน์ นักกลยุทธ์จากโซซิเอเต เจเนอรัล อียูไม่ควรปล่อยให้กรีซเบี้ยวหนี้ เนื่องจากหนี้ของกรีซเกี่ยวพันกับสถานะของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในภูมิภาค และปัญหาหนี้มีแนวโน้มลุกลามบานปลายไปยังอิตาลีและสเปน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 และ 4 ของภูมิภาค ด้าน โฮวาร์ด วีลดอน นักกลยุทธ์อาวุโสจากบีซีจี โบรกเกอร์ มองว่า ภาคการเงินในยูโรปจะปั่นป่วนทันทีจากแรงเทขายของนักลงทุนทั่วโลกถ้ากรีซผิดนัดชำระหนี้ จนทำให้ธนาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยอรมนีและฝรั่งเศสที่เข้าไปอุ้มกรีซไว้มากจะประสบปัญหาเรื่องเงินทุน เพราะไม่มีใครเชื่อมั่น ขณะที่ ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก มองว่า สถานการณ์หนี้สินที่กรีซแบกรับอยู่ในขณะนี้ อาจไม่มีทางออกอื่นใดที่ดีไปกว่าการยอมให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ ที่ต้องเป็นไปตามระบบแบบแผน รวมถึงความยินยอมพร้อมใจของบรรดาเจ้าหนี้กรีซ แต่สิ่งหนึ่งที่อียูไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นก็คือ การอัปเปหิ หรือการยอมให้กรีซเดินออกจากกลุ่มยูโรโซน เพราะผลกระทบจากการล่มสลายของค่าเงินยูโร ร้ายแรงและหนักหนามากกว่าการที่กรีซเบี้ยวหนี้ เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสกุลเงินยูโรจะลดฮวบจนส่งผลต่อประเทศใหญ่ๆ ที่ใช้เงินยูโร อย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี เมื่อถึงเวลานั้น อาจเป็นหายนะทางเศรษฐกิจของยุโรปและของโลกอย่างแท้จริง http://www.posttoday.com
  24. ทองคำปิดบวก 5 ดอลลาร์จากแรงซื้อเก็งกำไร ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) จากแรงซื้อเก็งกำไร เนื่องจากการปรับฐานรุนแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมาจนทำให้ราคาทองคำร่วงลงไปมากนั้น กระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อทองคำซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดความเสี่ยงอีกครั้ง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 5 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,622.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,607.80 - 1,642.50 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วง 43.9 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 30.083 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 9.4 เซนต์ ปิดที่ 3.152 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 8.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,519.4 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 9.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 614.55 ดอลลาร์/ออนซ์ เทรดเดอร์กล่าวว่า นักลงทุนบางส่วนหวังทำกำไรจากการที่ราคาทองร่วงลงอย่างหนักในระยะนี้ ทั้งนี้ ราคาทองร่วงลง 12% ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 เนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เพื่อถือครองเงินสด เพราะกังวลว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้งขายทองเพื่อนำกำไรมาช่วยชดเชยการขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า อนาคตของทองคำยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนในระยะสั้น โดยวิกฤตการเงินที่อาจเกิดขึ้นในยูโรโซน อาทิ การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ หรือการล้มละลายของธนาคาร อาจทำให้นักลงทุนขายสินทรัพย์เพื่อถือครองเงินสด หรือหากมีสัญญาณบวกจากยูโรโซน ก็จะเป็นการฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน และผลักดันให้นักลงทุนย้ายการลงทุนจากทองคำไปตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ เพราะความวิตกกังวลที่บรรเทาเบาบางลง --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--
×
×
  • สร้างใหม่...