ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

namchiang

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    1,876
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย namchiang

  1. น้ำมันนิวยอร์กขึ้นจากข้อมูลศก. ทองคำ-หุ้นสหรัฐฯบวกคาดเฟดกระตุ้นต่อ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ตุลาคม 2556 05:32 น. เอพี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวันศุกร์(25) ปิดบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ยังปรับลดจากอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ ส่วนวอลล์สตรีท ขยับขึ้นหลังคาดเฟดจะยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปและปัจจัยนี้เองก็ช่วยผลักให้ทองคำดีดตัวเล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ ปิดที่ 97.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ 106.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความเคลื่อนไหวในวันศุกร์(25) ได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์เครื่องบินพาณิชย์ ที่ช่วยเพิ่มตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนกันยายน ซึ่งดีดตัวขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.7 อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วตลอดทั้งสัปดาห์น้ำมันก็ยังลงหนัก หลังข้อมูลกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยให้เห็นสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองที่สูงขึ้นกว่า 9.2 ล้านบาร์เรลในช่วง 2 สัปดาห์หลังสุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(25) ปิดบวก ด้วยเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ จากรายงานผลประกอบการบริษัทยักษ์และความคาดหมายว่าที่ประชุมเฟดสัปดาห์หน้าจะยังเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.07 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,570.28 จุด เอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 7.70 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,759.77 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 14.40 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,943.36 จุด วอลล์สตรีทได้แรงขับเคลื่อนจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดหมายของอะเมซอนและไมโครซอฟต์ และผลประกอบการอันแข็งแกร่งของพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิลและยูพีเอส ด้านทองคำวานนี้(25) ยังขึ้นต่อเนื่อง รวมแล้วตลอดทั้งสัปดาห์ปิดบวกเกือบร้อยละ 3 หลังความเชื่อมั่้นผู้บริโภคที่ลดลงในอเมริกา ก็ส่งเสริมอุปสงค์โลหะมีค่าชนิดนี้ ขณะเดียวกันก็มีแรงคาดหมายว่าเฟดจะยังไม่ลดระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,352.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000133815
  2. การผลิตจีนแข็งแกร่ง หนุนทองคำปิดพุ่ง $ 16.3 วันศุกร์, 25 ตุลาคม 2556 08:11 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันศุกร์, 25 ตุลาคม 2556 08:11 | วันเผยแพร่ | | สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 16.3 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,350.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ปีนี้ สัญญา ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตเดือนต.ค.ของจีนขยาย ตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน สัญญาทองคำพุ่งขึ้น หลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 50.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน เทียบกับ 50.2 ในเดือน ก.ย. ซึ่งส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน นัก ลงทุนขานรับข้อมูลดังกล่าวเนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ทองคำมากที่ สุดของโลก ซึ่งภาคการผลิตที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจ จีนยังคงขยายตัวได้ดีและจะช่วยหนุนอุปสงค์ทองคำให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วย สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 20.5 เซนต์ ปิดที่ 22.822 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา พลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 16.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1456.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 747.80 ดอลลาร์/ออนซ์ http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/21302-ac95.html
  3. น้ำมันฟื้นเล็กน้อย ทองคำ-หุ้นสหรัฐฯบวกจากข้อมูลการผลิตจีน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 ตุลาคม 2556 04:47 น. เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันนิวยอร์กวานนี้(24) ฟื้นตัว หลังลงต่อเนื่องมา 3 วันติด ส่วนทองคำพุ่งแรง จากข้อมูลการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน และปัจจัยนี้เองที่พยุงให้วอล์สตรีท ยังปิดบวกได้เล็กน้อย ท่ามกลางรายงานผลประกอบการบริษัทที่ผสมผสาน สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 97.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ยังลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 106.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กขยับลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลมาตั้งแต่วันจันทร์(21) ตามหลังคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯที่สูงขึ้นอย่างมาก และยังปิดลบต่อเนื่องในวันอังคาร(22)และพุธ(23) หลังมีปัจจัยเกี่ยวกับตัวเลขภาคแรงงานประจำเดือนกันยายนของอเมริกาเข้ามาฉุด อย่างไรก็ตาม จีเน แมคกิลเลียน โบรกเกอร์และนักวิเคราะห์จากเทรเดชัน เอเนอร์จี มองว่าที่ตลาดน้ำมันปิดบวกวานนี้(24) บางทีอาจเพราะมันลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว"การปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี บ่งชี้ว่ามันอาจมาถึงสุดเส้นทางแล้วก็ได้" ด้านราคาทองคำวานนี้(24) พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 1 แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ จากข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่แช่มชื่นประจำเดือนตุลาคมในจีน ชาติผู้ซื้อรายใหญ่ของโลก ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเลยทีเดียว โดราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 16.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,350.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจัยนี้เองที่ช่วยผยุงตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(24) จนปิดบวกเล็กน้อย ท่ามกลางรายงานผลประกอบการอันผสมผสานของเหล่าบริษัทชั้นนำ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 93.56 จุด(0.61 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 15,506.89 จุด เอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 5.61 จุด (0.32 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 1,751.99 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 21.89 จุด(0.56 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 3,928.96 จุด รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทต่างๆในวันพฤหัสบดี(24) ยังคงให้ภาพที่ผสมผสานของสภาวะทางเศรษฐกิจ ด้วยฟอร์ดและ3เอ็ม มีผลประกอบการดีเกินคาดหมาย แต่ยูไนเต็ด คอนติเนนตัล กับ ดาว เคมิคอล ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000133383
  4. ดอลล์อ่อนหลังข้อมูลศก.ซบเซาหนุนคาดเฟดเลื่อนหั่น QE ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2556 07:26:40 น. สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนของสหรัฐทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเลื่อนเวลาการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3802 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3780 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.6205 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6172 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.9613 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9619 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.33 เยน จากระดับ 97.32 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8921 ฟรังค์ จากระดับ 0.8920 ฟรังค์ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ต.ค. ปรับตัวลง 12,000 ราย สู่ระดับ 350,000 ราย ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวลงสู่ระดับ 340,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 358,000 ราย ส่วนข้อมูลอื่นที่สะท้อนถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น มาร์กิต อิโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.ของสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 51.1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2555 จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 52.8 การสำรวจดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.โดยมาร์กิตนั้น ได้สำรวจครอบคลุมถึงช่วงเวลา 16 วันที่สหรัฐประกาศปิดหน่วยงานของรัฐบาล ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าการปิดหน่วยงานในครั้งนี้จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแม้ว่าผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าดัชนี PMI เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนต.ค.ลดลงมาอยู่ที่ 51.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 52.2 ในเดือนก.ย. แต่ยังคงมีการขยายตัว เนื่องจากดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq21/1762808
  5. ทองปิดร่วง $ 8.6 จากแรงขายทำกำไร วันพฤหัสบดี, 24 ตุลาคม 2556 08:06 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันพฤหัสบดี, 24 ตุลาคม 2556 08:06 | วันเผยแพร่ | | สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 8.6 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 1,334 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นกว่า 26 ดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สัญญา ทองคำได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาพุ่งขึ้น 26.8 ดอลลาร์ หรือ 2.04% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์ คาดว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอีก เพราะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชีย http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/21252-ac75.html
  6. หุ้นสหรัฐ,ทองปิดลบ-น้ำมันร่วงแรง 24 ตุลาคม 2556 เวลา 06:44 น. | ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 54.33จุด ผิดหวังผลประกอบการเอกชน ด้านราคาน้ำมันร่วงแรงวันที่ 2 ที่ 1.44 ดอลล์ ขณะที่ทองคำปิดลบ 8.6 ดอลล์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,413.33 จุด ลดลง 54.33 จุด หรือ -0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,746.38 จุด ลดลง 8.29 จุด หรือ -0.47% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,907.07 จุด ลดลง 22.50 จุด หรือ -0.57% ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งในสหรัฐ ด้าน สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังข้อมูลคลังเชื้อเพลิงสำรองสหรัฐฯล่าสุดที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันอ่อนแอภายในชาติ 2 สัปดาห์ติด ขณะที่ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 8.6 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 1,334 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร http://www.posttoday.com/
  7. น้ำมันนิวยอร์กลงอีก หุ้นมะกัน-ทองคำขึ้นคาดเฟดคงระดับกระตุ้นศก. โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 ตุลาคม 2556 05:30 น. เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันนิวยอร์กดิ่งแรง2วันติดวานนี้(22) นักทุนยังเพ่งเล็งไปที่คลังเชื้อเพลิงสำรองที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ บ่งชี้อุปสงค์อ่อนแอ ด้านวอลล์สตรีทปิดบวกและทองคำพุ่งกว่า 26 ดอลลาร์ หลังข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ ก่อความคาดเดาว่าเฟดจะยังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ ปิดที่ 109.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันวานนี้(22) ยังเป็นผลสืบเนื่องจากรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์(21) ซึ่งพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ตุลาคม เพิ่มขึ้นถึง 4.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายพอสมควร ปกติแล้วรายงานประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงาน จะเผยแพร่ออกมาในทุกๆวันพุธของสัปดาห์ถัดไป อย่างไรก็ตามรายงานของสัปดาห์ก่อน จำเป็นต้องมาเผยแพร่ในจันทร์นี้ (21)แทน เนื่องจากปัญหาปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนของอเมริการะหว่างวันที่ 1 ถึง 16 ตุลาคมที่ผ่านมา จากข้อขัดแย้งทางงบประมาณในสภาครองเกรสนั่นเอง ทั้งนี้ในส่วนของรายงานคลังน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ตุลาคม จะกลับมาเผยแพร่ตามกำหนดปกติในวันพุธนี้ (23) ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(22) ปิดบวกเล็กน้อย จากรายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทต่างๆและมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะยังไม่ลดระดับมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ สืบเนื่องจากตัวเลขภาคแรงงานที่อ่อนแอ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 75.07 จุด (0.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,467.27 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.02 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,754.68 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.50 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,929.55 จุด การขยับขึ้นของวอลล์สตรีทวานนี้(22) ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของเหล่าบริษัทในดาวโจนส์ อย่างดูปองท์และคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัย ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดหมายไว้ในเบื้อง ไมเคิล เจมส์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายหลักทรัพย์ของเวดบุช ซีเคียวริตี ระบุว่านอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว นักลงทุนยังขานรับต่อตัวเลขภาคแรงงานประจำเดือนกันยายนของสหรัฐฯ ที่พบว่ามีการจ้างงานเพิ่มแค่ 148,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่คาดหมายว่า อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ได้ช่วยเพิ่มความหวังว่า เฟดจะยังไม่ลดระดับการอัดฉีดเม็ดเงินด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรเดือนละ 85,000 ล้านดอลาร์สหรัฐฯเร็วๆนี้ ปัจจัยดังกล่าวนี้เองที่ผลักให้ทองคำวานนี้(22) พุ่งขึ้นถึงร้อยละ 2 แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 สัปดาห์ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 26.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,342.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000132568
  8. เฟดจะใช้เวลา 2-3 เดือนก่อนตัดสินใจลด QE วันอังคาร, 22 ตุลาคม 2556 09:09 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันอังคาร, 22 ตุลาคม 2556 09:09 | วันเผยแพร่ | | นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เฟดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนในการประเมินข้อมูลการจ้างงาน ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ประธาน เฟดชิคาโกให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าการที่ผลประกอบการภาคเอกชนปรับตัวแข็งแกร่งและตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นเป็น เรื่องที่สามารถอธิบายได้ ขณะที่กล่าวว่าเฟดอาจจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรต่อไปจนกว่าตัวเลขว่างงาน จะปรับตัวดีขึ้น นายอีแวนส์ มองว่าเฟดจำเป็นต้องประเมินข้อมูลด้านแรงงานอีก 2-3 ครั้ง และต้องการเห็นความชัดเจนว่าเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในการที่เฟดจะดำเนินการใดๆเพื่อชะลอ มาตรการ QE ในการประชุมเฟดในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ เขายังระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค พร้อมทั้งกล่าวว่าอาจจะใช้เวลานานขึ้นกว่าที่จะเริ่มชะลอนโยบายการเงินใดๆ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ด้านการคลังในสหรัฐ นายอีแวนส์เป็นสมาชิกที่มีสิทธิโหวตในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด หรือ FOMC http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/21194-ac48.html
  9. หุ้นสหรัฐปิดบวก-น้ำมันร่วง-ทองพุ่ง 23 ตุลาคม 2556 เวลา 07:09 น. | หุ้นดาวโจนส์ปิด +75.46 จุด จากคาดการณ์เฟดคงคิวอี ด้านราคาน้ำมันปิดลบ 1.42ดอลล์ ทองปิดพุ่ง 26.8ดอลล์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 75.46 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 15,467.66 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.01 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1,754.67 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 9.52 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 3,929.57 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) เนื่องจากตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอกว่าคาดการณ์ในเดือนก.ย. ทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันในวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนไปจนถึงปีหน้า เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป ด้าน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.8 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ ปิดที่ 109.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดผิดหวังตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ ตลาดจึงคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันดิบในสหรัฐจะปรับตัวลดลง ขณะที่ สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 26.8 ดอลลาร์ หรือ 2.04% ปิดที่ 1,342.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ http://www.posttoday.com
  10. : 20 October 2013 at 18:15 IST Goldman Sachs sees Gold to trade close to $1,300 until the year end; Expects risk for Gold, Copper, Soybeans Source :Commodity Online/Goldman Sachs Goldman said that it expects the metal to trade close to its near-term target of $1,300 until the end of the year. However, a more optimistic outlook for the U.S. economy in 2014 is likely to drive expectations for QE tapering that pressures gold and it maintains its end-of-2014 target of $1,050 an ounce. NEW YORK (Commodity Online): Goldman Sachs sees downside potential for copper, gold and soybeans but upside potential for zinc and lead. According to Goldman Sachs, it would wait for clarity on tapering of U.S. quantitative easing before shorting certain commodities. The debt-ceiling limit was only extended by a few months this week, prompting ideas that the lack of a lasting resolution means that QE will be extended. “Although we maintain our neutral recommendation for commodities and our expectations for (a) mostly flat S&P GSCI returns over the next 12 months, we see significant downside opportunities in copper, gold and soybeans,” Goldman added. “However, the lack of a lasting resolution gives us near-term pause until we have more clarity on the risks around deferred tapering. On the upside, we like zinc and lead due to long-awaited mine closures and the lack of cost deflation that drives the other metals. Finally, we see very modest upside in energy driven by a positive carry in Brent…and a supply-driven rebound in natural gas prices,” they continued. As for gold, Goldman said that it expects the metal to trade close to its near-term target of $1,300 until the end of the year. However, a more optimistic outlook for the U.S. economy in 2014 is likely to drive expectations for QE tapering that pressures gold, said Goldman, adding that it maintains its end-of-2014 target of $1,050 an ounce. http://www.commodityonline.com
  11. ทองร่วง $ 8.4 จากแรงขายทำกำไร วันจันทร์, 21 ตุลาคม 2556 08:09 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันจันทร์, 21 ตุลาคม 2556 08:09 | วันเผยแพร่ | พิมพ์ | อีเมล สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,314.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ตลอดสัปดาห์สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 3.7% สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์นี้ (18 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระยะสั้นเริ่มขายทำกำไร ประกอบกับเป็นการปรับฐานลงทางเทคนิค หลังจากที่ราคาทองพุ่งแรงถึง 3.17% เมื่อวันพฤหัสบดี โดยปกติแล้ว ทองคำจะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นทางการเงินของธนาคารกลาง เนื่องจากนักลงทุนจะเข้าซื้อโลหะมีค่า เพราะวิตกว่ามาตรการเหล่านี้อาจทำให้มูลค่าของเงินลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนมักใช้ทองเป็นตัวปกป้องความเสี่ยงจากเงินเฟ้อซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่างๆ อย่างไรก็ตาม แรงซื้ออ่อนแรงลงในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาขายทำกำไร นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะมีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ากองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลกได้ลดการถือครองทองคำลง การถือครองทองคำใน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองรายใหญ่ที่สุดของโลก ลดลง 3.3 ตัน จากวันพุธ สู่ระดับ 882.23 ตันในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องจากเมื่อช่วงต้นเดือนที่อยู่ที่ระดับ 905.99 ตัน นักลงทุนวิตกว่า ความต้องการทองคำอาจสะดุดลง หลังจากที่ราคาพุ่งสูงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 3.4 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 21.913 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,437.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 28.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 740.65 ดอลลาร์/ออนซ์ ราคาทองทะยานขึ้นเมื่อวันก่อน เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่า ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลนาน 16 วัน อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจชะลอการลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ออกไปก่อน http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/21128-ac12.html
  12. มาแรง! เงินหยวนต่อดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 2 ทศวรรษ วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17:25:43 น. เว็บไซต์ฟอร์บส์รายงานเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมว่า เงินสกุลหยวนของจีนแข็งค่าที่สุดเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ของสหรัฐอเมริกาใน รอบ 20 ปี โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 6.09 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นระดับที่แข็งค่าที่สุดตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา รายงานข่าวแจ้งว่า เงินหยวนค่อยๆ แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ อย่างมั่นคง โดยมีอัตราอยู่ที่ระหว่าง 2-3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกเริ่มเข้าสู่ช่วงรุนแรงที่สุด ในเดือนตุลาคมปี 2551 และจากการที่มหานครเซี่ยงไฮ้ของจีนกำลังจะเปิดเป็นเมืองต้นแบบนำร่องโครงการ เขตการค้าเสรีใหม่ ทำให้คาดว่าเงินสกุลหยวนจะแพร่หลายในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ค่ากลางของการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินหยวนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เพิ่ม ขึ้น 4 จุดเป็น 6.1408 หยวนต่อดอลลาร์ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม อ้างอิงจากการเปิดเผยของธนาคารกลางจีน ทว่าธนาคารกลางจีนยอมให้เงินหยวนแข็งค่าได้มากกว่านี้หากเป็นตลาดแลกเปลี่ยน เงินตราที่อยู่ในต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทางการจีนได้มีมาตรการหลายอย่างเพื่อที่จะส่งเสริมการใช้เงิน สกุลหยวนในการซื้อขายระหว่างประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา จีนและอังกฤษเห็นพ้องกันที่จะเดินหน้าเพื่อสร้างให้กรุงลอนดอนของอังกฤษเป็น ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินหยวนหลักนอกประเทศจีน เป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางการเงินที่แข็งแกร่งระหว่างทั้ง 2 ชาติ
  13. ทองปิดพุ่ง $40.7 รับข้อตกลงเพดานหนี้สหรัฐ วันศุกร์, 18 ตุลาคม 2556 07:57 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันศุกร์, 18 ตุลาคม 2556 08:04 | วันเผยแพร่ | พิมพ์ | อีเมล สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดพุ่ง 40.70 ดอลลาร์ หรือ 3.17% ที่ 1,323 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังสภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายการคลังชั่วคราว เพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลและเพิ่มเพดานหนี้ ราคาทองได้รับปัจจัยบวก หลังจากเมื่อวานนี้ สภาคองเกรสได้ผ่านข้อตกลงที่จะจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาลใช้จ่ายถึงวันที่ 15 ม.ค.ปี 2557 และเพิ่มเพดานหนี้ไปจนถึง 7 ก.พ.ปีหน้า ซึ่งช่วยให้สหรัฐรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ และส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลที่ปิดทำการไป 16 วันสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาชั่วคราวดังกล่าวไม่ได้จัดการกับปัญหาสำคัญๆ และสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มจะหลุดพ้นจากความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้ ซึ่งจะจุดปะทุขึ้นอีกครั้งในเดือนก.พ. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า ขณะที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเกือบ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งบางทีอาจจะใช้นโยบายดังกล่าวไปจนกระทั่งนางเจเน็ต เยลเลน เข้ามารับหน้าที่ประธานเฟดคนใหม่ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดทะยาน 58.2 เซนต์ ที่ 21.947 ดอลลาร์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดดีดขึ้น 36.7 ดอลลาร์ ที่ 1,434.9 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดทะยาน 24.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 737.80 ดอลลาร์/ออนซ์ http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/21070-ax62.html
  14. ดัชนีS&Pทุบสถิติสูงสุด-ทองพุ่ง$40หลังมะกันรอดผิดนัดชำระหนี้ แต่น้ำมันดิ่งแรง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ตุลาคม 2556 05:30 น. เอเอฟพี - ดัชนีแอสแอนด์พี500แตะระดับสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่และทองคำทะยานกว่า 40 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี(17) หนึ่งวันหลังจากนักการเมืองสหรัฐฯบรรลุข้อตกลงเปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางและรอดพ้นผิดนัดชำระหนี้ ทว่าน้ำมันกลับดิ่งลงอย่างหนักหน่วง เหตุเพราะอุปสงค์ที่อ่อนแออย่างมากในอเมริกา เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.61 จุด ปิดที่ 1,733.15 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลที่เคยแตะระดับ 1,725.52 จุด เมื่อวันที่ 18 กันยายน ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 2.18 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,371.65 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 23.72 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,863.15 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(17) เปิดซื้อขายในแดนลบ จากแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังพุ่งขึ้นอย่างแรงหนึ่งวันก่อนหน้านี้้ ขานรับข่าวนักการเมืองวอชิงตันบรรลุข้อตกลงคลี่คลายวิกฤตทางตันด้านงบประมาณจนต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางนานกว่า 2 สัปดาห์และส่อคุกคามการขยายเพดานหนี้ที่อาจฉุดให้ประเทศต้องเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตามไม่นานนักลงทุนก็ช้อนซื้อและค่อยๆดันให้เอสแอนด์พี 500 เคลื่อนผ่านสถิติปิดสูงสุดตลอดกาลในที่สุด กระนั้นก็ดีในส่วนของดาวโจนส์นั้น แม้จะได้แรงหนุนจากหุ้นอเมริกัน เอกเพรสส์ ที่ทะยานกว่า 5.1 เปอร์เซนต์ หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 อันแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการชดเชยความเสียหายจากหุ้นของไอบีเอ็มและโกลด์แมน แซคส์ ด้านราคาทองคำวานนี้(17) เป็นวันที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่นักลงทุนหันไปเทความสนใจกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจ หลังจากสหรัฐฯรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้และยุติการปิดหน่วยงานรัฐที่ยืดเยื้อกว่า 16 วัน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 40.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,323.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนเชื่อว่าการปิดหน่วยงานและความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้จากความขัดแย้งทางงบประมาณในสภาคองเกรสได้กัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภคและจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ด้วยเหตุนี้จึงอาจจำเป็นที่ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ปัจจัยนี้เองที่ทำให้ทองคำพุ่งแรง เนื่องจากมันถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เลยเถิดนั่นเอง ในส่วนของราคาน้ำมันวานนี้(17) ปิดลบอย่างแรง หลังพบข้อมูลคลังน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลก เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แม้มีปัจจัยบวกจากหน่วยงานรัฐบาลกลางอเมริกากลับมาเปิดทำการและรอดพ้นผิดนัดชำระหนี้ก็ตาม สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 2.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 100.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.48 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟิล ฟินน์ นักวิเคราะห์จากไพรซ์ ฟิวเจอร์ส กรุ๊ป กล่าวว่าสัญญาณการบรรลุข้อตกลงหลีกเลี่ยงโอกาสเกิดหายนะจากการผิดนัดชำระหนี้เป็นตัวส่งเสริมราคาน้ำมันเมื่อวันพุธ(16) แต่รายงานจากสถาบันปิโตรเลียมเอเมริกาได้กัดเซาะความคึกคักของผู้ซื้อโดยสิ้นเชิงในวันพฤหัสบดี(17) รายงานของการปิโตรเลียมสหรัฐฯ (เอพีไอ) ระบุว่าในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ตุลาคม คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเพิ่มขึ้นถึง 5.9 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลกแห่งนี้ http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000130649
  15. 18 ตุลาคม 2556 07:01 เศรษฐกิจสหรัฐทรุดจากภาวะ'ชัตดาวน์' โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน บรรดานักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนหรือภาวะชัตดาวน์ ที่ยืดเยื้อนาน 2 สัปดาห์ แม้ว่าตลาดหุ้นหลายแห่งฟื้นตัวกันถ้วนหน้าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่ายังมีหลักฐานที่ชัดเจนจากความเสียหายดังกล่าว และเตือนว่าการความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ในเดือนมกราคมนี้ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ "มูดีส์" และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ "เอสแอนด์พี" คาดการณ์ว่า การปิดทำการหน่วยงานรัฐบางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา อาจจะทำให้การเติบโตรายปีของสหรัฐลดลง 0.5-0.6% ในไตรมาสที่สี่ เอสแอนด์พี ระบุว่า การปิดหน่วยงานรัฐสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของ ประเทศถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากลูกจ้างรัฐหลายแสนคนต้องถูกพักงานโดยไม่แน่ใจว่าจะได้รับเงินเดือน หรือไม่ ขณะที่การทำสัญญากับภาครัฐก็ต้องล่าช้าออกไป และอุทยานแห่งชาติซึ่งช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ต้องหยุดทำ การชั่วคราว ด้วยเหตุดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์หลายคนจึงปรับลดคาดการณ์การเติบโตในไตรมาสที่สี่เหลือประมาณ 2% ซึ่งแทบจะไม่เพียงพอสำหรับการสร้างงานที่จำเป็นต่อการลดอัตราว่างงาน หลายฝ่ายคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดอาจจะเล็งเห็นความจำเป็นในการคงมาตรการกระตุ้นไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าว เอสแอนด์พีระบุว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปิดหน่วยงานรัฐได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ การเผชิญหน้าทางการเมืองของสหรัฐยุติ ลงเมื่อพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณให้รัฐบาล สำหรับส่วนแรกของปีงบประมาณ 2557 ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา และเพิ่มเพดานหนี้ โดยสภาผู้แทนราษฎรลงมติ 285 ต่อ 144 รับรองร่างกฎหมายดังกล่าว หลังวุฒิสภาเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 81 ต่อ 18 หลังจากนั้นไม่นาน ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็ได้ลงนามรับรองกฎหมายดังกล่าว และสั่งให้ลูกจ้างรัฐกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้งในวันนี้ ร่างกฎหมายงบประมาณจะขยายเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 และจะอนุญาตให้กระทรวงการคลังใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระ หนี้ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดวันดังกล่าว รวมทั้งจะจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า และจ่ายเงินค่าจ้างย้อนหลังแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางที่ถูกพักงานในช่วงการ ปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน การต่อทั้งงบประมาณและเพดานหนี้ไปถึงต้นปีหน้า ทำให้เรื่องดังกล่าวจะยังมีผลต่อตลาดและเศรษฐกิจ เพราะอาจทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันอีกในอนาคต ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจระมัดระวังด้านการลงทุน การใช้จ่าย และการจ้างงาน อันล้วนเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการเติบโต
  16. ระทึก17ตุลา"อเมริกันอันตราย" ทวี มีเงิน นับ ถอยหลังอีกไม่กี่ชั่วโมงคนทั้งโลกคงลุ้นระทึกว่าชะตากรรมอเมริกาและชะตากรรม โลกจะเป็นเช่นไร เพราะล่าสุดบ่ายวันอาทิตย์ (13 ต.ค.ตามเวลาสหรัฐ) ที่ผ่านมาได้มีการประชุมวุฒิสภาแบบสายฟ้าแลบชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนัก เพื่อ "ผ่าทางตัน" วิกฤตการเงินที่กำลังเผชิญหน้าท้าทายคนอเมริกันทั้งประเทศแต่ในที่สุดก็ต้อง จบลงด้วยความล้มเหลวเพราะทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต ตกลงกันไม่ได้ ยังมีความเห็นขัดแย้งกันเรื่องงบประมาณรายจ่าย นั่นแปลว่าความ หวังจะขยายเพดานการก่อหนี้ของสหรัฐ 16,700 ล้านดอลลาร์ให้ทัน 17 ต.ค.นี้ ก็ยังเป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของ "ประธานาธิบดีบารัก โอบามา" เท่านั้นเอง นัก วิเคราะห์หลายรายได้ออกมาชี้ผล กระทบตามมามากมายตั้งแต่การเลิกจ้าง เจ้าหน้าที่รัฐที่ว่างงานราวๆ 8 แสนคน จะส่งผลถึงกำลังซื้อและการใช้จ่ายของประชาชนย่อมลดลงอย่างมิอาจปฏิเสธได้ จะกลายเป็นลูกโซ่กระทบไปถึงความ เชื่อมั่น และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ สินค้าส่งออกและการบริการจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกพลอยโดนหางเลขชนิดที่ไม่ต้องก้มหลบให้เสียเวลา หาก ก่อนวันที่ 17 ต.ค. (ตามเวลาในสหรัฐ) ทั้งเดโมแครตกับรีพับลิกัน ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น โลกทั้งโลกคงจะวุ่นวายสับสน เฉพาะอย่างยิ่งประเทศเกิดใหม่ รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย ที่ต้องอาศัยเนื้อนาบุญ พี่เบิ้มสหรัฐ นักวิเคราะห์ยังฟันธงว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ อาจจะเกิดการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ทั่วโลก เมื่อค่าเงินอ่อนค่า ย่อมส่งผลกระทบถึงภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นหมายถึงต้นทุนการทำธุรกิจ การกู้ยืมของประชาชนสหรัฐจะสูงขึ้นตามไปด้วย ที่สำคัญวิกฤตที่เกิด ขึ้นครั้งนี้ อาจทำให้มหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก จะต้องถูกปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือลง ลองนึกภาพดูขนาดสหรัฐยังถูกลดเครดิตโลกทั้งโลกแล้วประเทศเล็กๆ จะเหลืออะไร วิกฤต ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับสหรัฐครั้งนี้ ล้วนเกิดจากการใช้จ่ายเกินตัวของประชาชนและรัฐบาลที่มือเติบไม่บันยะบันยัง สะสมจนดินพอกหางหมูกลายเป็นปัญหาของประเทศในเวลาต่อมา นึกไม่ออกเมื่อพญาอินทรีโคม่า โลกทั้งโลกจะวุ่นวายแค่ไหน http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE1UZzFNRGMyT0E9PQ==&sectionid=
  17. ทองผันผวนหนัก ปรับ10รอบ! เหตุนักลงทุนปั่นราคา หวังช้อนซื้อของถูก ราคาทองคำผันผวนหนัก ปรับ 10 รอบ ใน 1 วัน! ก่อนปิดการซื้อขายราคาลดลงบาทละ 300 นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุนักลงทุนใช้ข่าวสร้างสถานการณ์ทุบราคาทอง หวังช้อนซื้อราคาถูก... นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผย “ไทยรัฐออนไลน์” ว่า ในวันนี้ (15 ต.ค.56) ราคาซื้อขายทองคำในประเทศค่อนข้างผันผวน โดยสมาคมค้าทองคำต้องประกาศปรับราคาทองถึง 10 รอบภายในวันนี้ ก่อนปิดการซื้อขาย ราคาทองปรับลดลงบาทละ 300 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 18,600 บาท ขายออกบาทละ 18,700 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,600 บาท ขายออกบาทละ 19,100 บาท สวนทางกับราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับขึ้นถึง 8.4 ดอลลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากเงินบาทแข็งค่า แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองในประเทศผันผวนอย่างหนักในวันนี้ เป็นผลมาจากนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำ ฉวยโอกาสโดยการปั่นราคาทองคำจากข่าวปัญหางบประมาณประจำปีและเพดานหนี้สหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำ ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้นและเทขาย เมื่อราคาทองคำปรับลดลงก็กลับเข้าช้อนซื้อในราคาถูก เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ที่ราคาทองคำในประเทศปรับลดลงอย่างหนักจากการนำข่าวมาตรการ QE มากดดันราคาทอง ดังนั้น จึงอยากเตือนนักลงทุนไทยว่า อย่าหลงทาง และควรติดตามสถานการณ์ข่าวคราวความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้รู้เท่าทัน อย่างไรก็ตาม หลังเปิดการซื้อขายในช่วงเช้าของวันนี้ ราคาทองคำคงที่จากปิดตลาดวานนี้ ในขณะที่สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) งวดส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดเพิ่มขึ้น 8.4 ดอลลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 1,276.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากแนวโน้มปัญหางบประมาณรายจ่ายประจำปีและเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีโอกาสคลี่คลายมากขึ้น จากการหารือของสมาชิกสภาผู้แทนฯ ของสหรัฐฯ วานนี้ นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุว่า ปัจจัยที่กดดันราคาทองคำในขณะนี้ มีเพียงเรื่องเดียวคือ ปัญหางบประมาณประจำปี และการขยายเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าทางการสหรัฐฯ จะบรรลุการเจรจาทั้งในเรื่องงบประมาณประจำปี 2014 และการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ทั้งนี้ หากเป็นไปตามตลาดคาดการณ์จะทำให้ราคาทองคำปรับลดลง ประเมินกรอบแนวรับที่ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่น่าจะร่วงแรงไปมากกว่านี้ เพราะก่อนหน้านี้ ตลาดทองคำรับรู้ปัจจัยดังกล่าวจากราคาที่ร่วงไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่หากสถานการณ์ตรงกันข้าม สหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุผลเจรจาปัญหาทั้ง 2 เรื่องทันกำหนดขีดเส้นตาย 17 ต.ค.นี้ จะทำให้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรง โดยประเมินในเบื้องต้นว่า ราคาอาจทะยานแตะถึง 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศต้องขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทด้วย. http://www.thairath....tent/eco/376431
  18. หุ้นสหรัฐฯ-น้ำมันลงแรง มะกันยังไม่บรรลุขยายเพดานหนี้ ทองคำปิดลบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2556 04:31 น. เอเอฟพี - ราคาน้ำมันและตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(15) ปิดลบต่อเนื่อง หลังสภาคองเกรสยังไม่บรรลุข้อตกลงผ่านงบประมาณและขยายเพดานหนี้ ขณะที่ปัจจัยแห่งความไม่แน่นอนนี้ ก็ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดทองคำจับตาอย่างระมัดระวัง จนเป็นผลให้ขยับลงในกรอบแคบๆเท่านั้น สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ผลจากความล้มเหลวของการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2014 ที่เริ่มต้นปีงบประมาณในวันที่ 1 ตุลาคม เข้าสู่วันที่ 15 แล้ว ขณะที่เดโมแครตและรีพับลิกัน ยังเจอทางตันสำหรับคลี่คลายความเห็นต่างทางงบประมาณ รวมถึงการขยายเพดานหนี้ ปัญหานี้ก่อความกังวลทางอุปสงค์ในชาติผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจัยดังกล่าวก็ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯขยับลงในวันอังคาร(15) ท่ามกลางคำเตือนของกระทรวงการคลังที่ระบุว่าหากล้มเหลวในการขยายเพดานหนี้ ภายในวันพฤหัสบดีนี้(17) อเมริกาอาจไม่เหลือเงินสดอยู่ในมือและหมดความสามารถใช้การชำระหนี้ ซึ่งมีสิทธิ์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 134.79 จุด (0.88 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,166.47 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.06 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,698.08 จุด แนสแดก ลดลง 21.26 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,794.01 จุด ด้านราคาทองคำวานนี้(15) ปรับลด 5 ใน 6 วันซื้อขายหลังสุด นักลงทุนจับตาสถานการณ์ปัญหาทางตันด้านงบประมาณและขยายเพดานหนี้ในสหรัฐฯ ซึ่งยังคลุมเครืออยู่ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,273.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  19. ช่วงนี้เล่นยากมากครับ Insider ชัดๆใครจะรู้ดีเท่า เบนเบอรนันเก้ เฮ้ออออ ให้คุณเด็กขายของพักบ้างครับ ขยันมาทั้งปีไม่มีโบนัส 555
  20. ราคาทองอ่อนแรง จากความหวังสหรัฐบรรลุข้อตกลงงบประมาณ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 16 ตุลาคม 2556 06:54:00 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) จากการคาดการณ์ในตลาดที่ว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐจะบรรลุข้อตกลง เพื่อยุติการชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐและเพื่อเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระ หนี้ในเร็วๆนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ที่ 1,273.20 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 16.3 เซนต์ ที่ 21.191 ดอลลาร์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดลดลง 0.1 ดอลลาร์ ที่ 1,383.4 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดร่วงลง 8.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 706.3 ดอลลาร์/ออนซ์ นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่าบรรดาผู้นำในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันกำลังทำงานร่วมกับ สมาชิกพรรคเพื่อผลักดันให้มีความคืบหน้า มุมมองบวกที่เพิ่มมากขึ้นดังกล่าวได้ช่วยหนุนดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ราคาทองอาจจะฟื้นตัวขึ้น ในทันทีที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันบรรลุข้อตกลง เนื่องจากตลาดอาจเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อ เนื่องของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้อาจจะส่งผลให้ธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดขนาดของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณออกไป ส่วนอุปสงค์ในตลาดปัจจุบันจากจีนยังคงสดใน ซึ่งช่วยสกัดการร่วงลงของราคาทองไว้ได้บ้าง อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--
  21. การพิจารณากำหนดวันหยุดราชการประจำปี พ.ศ. 2556 และ 2557 เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ข่าวเศรษฐกิจ มติคณะรัฐมนตรี -- พุธที่ 16 ตุลาคม 2556 07:02:34 น. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษในปี 2556 โดยกำหนดให้ วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2556 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 1 วัน เพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2556 — วันพุธที่ 1 มกราคม 2557 (วันขึ้นปีใหม่) ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
  22. พณ.ขึ้นทะเบียนร้านทองป้องกันฉ้อโกง 14 ตุลาคม 2556 เวลา 13:44 น. | “พาณิชย์”ขึ้นทะเบียนร้านค้าทองคำ 7,500 แห่งหวังป้องกันปัญหาการฉ้อโกงประชาชน หลังคนแห่เก็งกำไรทองคำผ่านตั๋วสัญญาและออนไลน์มากขึ้น นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ เปิดเผยหลังหารือร่วมกับตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมค้าทองคำว่า เตรียมให้ร้านทองคำทั่วประเทศ 7,500 แห่งมาขึ้นทะเบียนผู้ค้าทองกับกรมการค้าภายใน เพื่อให้ภาครัฐติดตามการซื้อขายทองคำทั้งระบบของประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการซื้อขายเก็งกำไรในระบบออนไลน์ (โกล์ด ออนไลน์) รวมทั้งการซื้อขายทองในรูปของตั๋วสัญญาแทนส่งมอบทองคำกันจริงๆ เพราะแต่ละปีการซื้อขายทองคำมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท สูงกว่าสัดส่วนการนำเข้าที่มีมูลค่า 3 แสน ล้านบาท ทั้งนี้ การให้ขึ้นทะเบียนดังกล่าว เพราะกระทรวงพาณิชย์ต้องการป้องปรามไม่ให้เกิดการฉ้อโกงกันในอนาคตระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเหมือนกับประเทศอื่นๆ เช่น อินเดียจนเกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ ซึ่งภาพรวมการซื้อขายทองคำทั้งทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่ิอง แต่เมื่อการซื้อขายทองมีการผูกติดกับตลาดต่างประเทศ ก็จะเกิดความผันผวนได้ง่ายในเรื่องของราคา ดังนั้นจึงต้องนำประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางการค้าของผู้ค้าทองที่เป็นธรรม ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 2552 มาประกาศดูแลภาคธุรกิจค้าทองทั้งระบบ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านทองคำและผู้ค้าผ่านระบบออนไลน์จำนวน 7,500 ราย แต่จดทะเบียบกับสมาคมค้าทองคำเพียง 900 ราย ซึ่งการให้เข้ามาจดทะเบียนผู้ค้าทองกับทางกรมการค้าภายใน ผู้ที่ขึ้นทะเบียนต้องปฏิบัติตามคำประกาศอย่างจริงจัง เนื่องจากการปรับราคาทองคำขึ้น และลงจะต้องมีการแจ้งกับกรมการค้าภายใน รวมทั้งต้องแสดงค่ากำเหน็ดของทองรูปพรรณที่จำหน่าย และให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าทอง จำแนกบัญชีค้าทองทั้งบัญชีค้าทองส่วนตัวและบัญชีค้าทองทางธุรกิจ นอกจากนี้ ธปท. อยู่ระหว่างจัดระเบียบการค้าทองเพื่อให้การดำเนินธุรกิจค้าทองเหมือนกับการทำธุรกิจภาคการเงิน โดยคาดว่ารูปแบบน่าจะสามารถประกาศใช้ดูแลได้ในเร็วๆนี้ เบื้องต้นแม้ว่าสมาชิกของสมาคมที่มีอยู่ 900 รายแต่ส่วนที่เหลือกว่า 6,600 รายที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมก็ไม่น่าวิตกกังวล เพราะแต่ละจังหวัดจะมีสมาคมที่ดูแลร้านค้าทองอยู่แล้ว ดังนั้นน่าจะสามารถให้ร้านค้าทองทั่วประเทศมาขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าภายในได้ เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ค้าทองและผู้ซื้อขายทองคำได้เป็นอย่างดี นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนร้านค้าทองทั้งหมด จะทำให้กรมสามารถตรวจสอบข้อมูลร้านค้าได้ง่ายขึ้น หากมีการร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับการฉ้อฉล ก็จะนำข้อมูลร้านที่ได้รับการร้องเรียนมาตรวจสอบ เพื่อเข้าไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ได้เตรียมจะหารือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการออกระเบียบให้ร้านค้าทองมาขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าภายในด้วย เพื่อที่จะติดตามสถานการณ์ซื้อขายทองคำในลักษณะเก็งกำไรอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นแม้ว่ายังไม่มีการเกิดเหตุการณ์ฉ้อโกง แต่ในอนาคตกรมเป็นห่วงว่าอาจเกิดปัญหาเหมือนกับหลายๆประเทศ เพราะมูลค่าการซื้อขายแต่ละปีสูงมาก และอาจเกิดการฉ้อโกงกันได้หากราคาทองคำตลาดโลกเกิดความผันผวน “เหตุผลในการเข้ามาติดตามการซื้อขายอย่างใกล้ชิดเพื่อต้องการคุ้มครองประชาชนรายย่อยหรือแมงเม่าที่อาจจะถูกฉ้อโกงได้ในกรณีที่ซื้อทองในราคาถูกๆ และไปขายในช่วงราคาแพง เพราะในตอนนี้ราคาทองคำก็มีความผันผวนบ่อยครั้ง ดังนั้นการให้ร้านทองมาจดทะเบียนกับกรมฯก็สามารถติดตามร้านทองได้ง่ายขึ้นหากมีการเบี้ยวกันจริงๆ”นายสมชาติกล่าว http://www.posttoday.com/
  23. ทองปิดฟื้นตัวขึ้น ขณะจับตาสหรัฐหารือข้อตกลงงบประมาณ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 06:53:00 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) ขณะที่สหรัฐยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับข้อตกลงด้านงบประมาณและการเพิ่มเพดานหนี้ แม้ว่ามีสัญญาณบวกอยู่บ้างจากความพยายามของฝ่ายการเมืองที่จะยังคงหารือกันเพื่อเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้ของประเทศ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวกขึ้น 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ที่ 1,276.6 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 9.5 เซนต์ ที่ 21.354 ดอลลาร์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดปรับตัวขึ้น 7.9 ดอลลาร์ ที่ 1,383.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดขยับขึ้น 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 715.25 ดอลลาร์/ออนซ์ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ได้ช่วยหนุนราคาทอง อย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นของราคาได้ถูกสกัดไว้จากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะประชุมร่วมกับบรรดาผู้นำในสภาคองเกรสจากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในช่วงบ่ายวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ หลังจากที่การหารือในวุฒิสภาเพื่อหาทางเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด แม้ว่าตลาดทองคำเผชิญกับความไม่แน่นอน ขณะที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐบางส่วน หรือ ชัตดาวน์ ได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 14 แล้วนั้น แต่นักวิเคราะห์ก็มีความมั่นใจว่าการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจของสหรัฐ, ช่วงเวลาในการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และอุปสงค์ทองคำที่แข็งแกร่งจากเอเชีย จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดทองในระยะกลาง อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-- http://www.ryt9.com/s/iq31/1755535
  24. คาดราคาทองทะลุ1,400$ หากสหรัฐฯไร้ข้อสรุปงบฯ-เพดานหนี้ นายกสมาคมค้าทองคำคาดราคาทองมีโอกาสทะลุ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสหรัฐฯ ไม่สามารถหาข้อสรุปปัญหางบประมาณรายจ่ายและเพดานหนี้ได้ ในขณะที่ตลาดรอดูความชัดเจนเมื่อครบกำหนดขีดเส้นตาย 17 ต.ค.นี้... สมาค้าทองคำประกาศราคาซื้อขายทองคำ ครั้งที่ 1 ประจำวันนี้ (7 ต.ค.56) ราคาทองปรับขึ้นบาทละ 50 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 19,400 บาท ขายออกบาทละ 19,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 19,116.76 บาท ขายออกบาทละ 19,900 บาท นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผย “ไทยรัฐออนไลน์” ว่า แนวโน้มราคาทองคำวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนรอดูผลการพิจารณาร่างงบประมาณฉุกเฉิน ของสหรัฐฯ และการขยายเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งมีกำหนดขีดเส้นตายวันสุดท้ายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ซึ่งหากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สามารถหาข้อสรุปในเรื่องได้กล่าวได้ทั้ง 2 เรื่อง ราคาทองก็มีโอกาสปรับลดลงเล็กน้อย แต่หากไม่สามารถหาข้อสรุปได้ทั้งปัญหางบประมาณประจำปี และเพดานหนี้ ราคาทองคำมีโอกาสดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรง ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศต้องขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทว่าจะอยู่ในระดับใด อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯ ไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวได้จะทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดเอเชีย รวมทั้งไทย ส่งผลกระทบให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าขึ้น. http://www.thairath.co.th/content/eco/374446
  25. 14 ตุลาคม 2556 00:01 โบรกฯเตือนจับตาสหรัฐก่อนลงทุนหุ้น-ทองคำ โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ,กมลธัญ พรไพศาลวิจิต,ทองคำ,หุ้น โบรกเกอร์เตือนจับตาผลประชุมแก้ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐ ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น ทองคำ นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า การพิจารณาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐในวันที่ 17 ต.ค.56 เมื่อดูจากการเจรจาล่าสุดของสภาครองเกส มองว่ายังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ แม้ตลาดจะรับทราบข่าวว่าจะมีผลออกมาในทิศทางบวก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ช่วงที่ผ่านมา ยังมีปัญหางบประมาณจนทำให้หลายหน่วยงานหยุดทำงานในสหรัฐ เนื่องจากการเมืองคือการเมือง แม้แต่ในสหรัฐยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น การถือครองเงินสดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะการลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยง เช่น หุ้น ยังมีความเสี่ยงอยู่ แม้แต่ทองคำที่มองว่าปลอดภัยที่สุด ยังมีโอกาสผันผวนได้ เพราะบางประเทศที่มีทุนสำรองผูกติดยู่กับสหรัฐจำนวนมาก อาจเทขายทองคำออกมาได้ หากเงินดอลลาร์สหรัฐผันผวนหนัก ดังนั้น ควรรอดูสถานการณ์ในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน เพราะหากไม่ขยายเพดานหนี้ แนวทางการลดอัดฉีดเงินออกสู่ระบบยังจำเป็นต้องขยายเวลาออกไปก่อน นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ประเมินว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี คาด่วาราคาทองคำจะอยู่ประมาณ 1,400-1,420 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และหากคำนวณค่าเงินบาทให้อยู่ประมาณ 31.25 ดอลาร์สหรัฐ ราคาทองคำแท่งในประเทศเพดานราคาประมาณ 20,800 บาท ต่ำสุดประมาณ 18,550 บาท จากปัจจัยหากรัฐบาลสหรัฐขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไป ส่วนกรณีการจัดตั้งตลาดกลางในการซื้อขายทองคำ ควรศึกษาผลกระทบเกิดขึ้นกับร้านทองรายย่อยทั่วไปกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศให้ชัดเจน เพราะจะกระทบต่อราคาทองคำและภาษีที่เกิดขึ้น จึงควรปล่อยให้ซื้อขายไปตามปกติความต้องการของตลาด เพราะการนำเข้ามาจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรกจนกระทบต่อค่าเงินบาทนั้น เป็นเพราะความผันผวนของตลาดโลกในบางช่วง http://www.bangkokbiznews.com
×
×
  • สร้างใหม่...