ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

ห้างทองน่ำเชียง

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    947
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    7

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย ห้างทองน่ำเชียง

  1. ทองปิดพุ่ง 38.20 ดอลล์ 31 สิงหาคม 2554 เวลา 08:12 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น นักลงทุนวิตกเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรป สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 38.20 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,829.80 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลกยังคงผันผวน โดยเมื่อวานนี้คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 44.5 จุดในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552 เนื่องจากชาวอเมริกันวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มรายได้และการจ้างงาน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มผู้บริโภคในยุโรป ร่วงลง 4.7 จุด มาอยู่ที่ระดับ 98.3 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 6 เดือน โดยในบรรดา 7 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปนั้น ดัชนีความเชื่อมั่นของเยอรมนีร่วงลงมากที่สุดถึง 5.7 จุด ตามมาด้วยอังกฤษ 5.6 จุด และสเปน 0.3 จุด http://www.posttoday.com/
  2. ทองร่วง 5.7 ดอลล์ 30 สิงหาคม 2554 เวลา 07:53 น. |เปิดอ่าน 419 | ความคิดเห็น 3 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบ เนื่องจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำและย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.3% แตะที่ 1,791.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,778.10-1,841.50 ดอลลาร์ นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. มากกว่าเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนในตลาดหุ้นนิวยอร์กว่า ในช่วงเช้านั้น สัญญาทองคำทะยานขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวันก่อน แต่ในช่วงบ่าย สัญญาทองคำเริ่มดิ่งลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากตลาดหุ้นพุ่งขึ้นขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่งของสหรัฐ http://www.posttoday.com/
  3. ขอนำมุมมองของคุณน้องดำ จากเว็บน่ำเชียงมาให้ชมนะครับ gold future thai เพิ่ม margin จาก 12540 เป็น 14820 เริ่ม 5 กันยายน นี้ Gold -Aug30-2011 - sideway รอดูทิศทาง - แนวต้าน 1795-1800 แนวรับ 1760 1750 Dow Jones 254.71 มีผลลบต่อ ราคาทอง ปิด 1788.50 เหรียญ -40.60 หรือ -2.22% การเคลื่อนไหวของราคาทองเมื่อวานนี้ ราคาทองแท่งไทยเมื่อวานนี้ 25750-25850 ราคาเปลี่ยนแปลง -100 บาท ======================= ======================= ทิศทางราคาทองต่างประเทศ ใช้ indicator - PPO ระยะสั้น เริ่มเป็น - แนวโน้ม ลง ระยะสั้น-กลาง ยังเป็น แนวโน้ม ขึ้น ===================== ===================== ภาพรวม sideway 1795-1800 รอดูทิศทางต่อไป แนวต้าน 1795-1800 แนวรับ 1760 1750 ตลาดนิวยอร์คปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง 1818-1775 ปิด 1788 ปิดต่ำ ดูไม่ดี ผู้เชียร์ขึ้น ต้องลุ้นให้พ้น 1795-1800 ก่อน ผู้เชียร์ลง ลุ้นให้ทะลุ 1760 1750 ลงมา เบื้องต้น แนวโน้มระยะสั้น - จะเปลี่ยนเป็นขาลง หากราคาต่ำกว่า 1700 ลงมา เท่านั้น แนวรับ 1760 1750 แนวต้าน 1795-1800 1815 คาดว่าราคาทองเช้านี้น่าจะลดลง - 300 บาท
  4. Morning ครับทุกท่าน กระทิงทองตัวนี้ ดุจริงๆ ขวิดขึ้น แล้วก็ ขวิดลง ทำเอามึนกันไปตามๆกัน น่าเอามาทำ สเต็ค จังเลย 555 วันที่ 29 สิงหาคม 2554 16:13 TMBชี้ราคาทองพุ่งแรง!ยังไม่เข้าใกล้ฟองสบู่ โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ TMBชี้ราคาทองพุ่งแรง! ยังไม่เข้าใกล้ฟองสบู่ เผยช่วง 11 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นแค่ 6.3 เท่า เทียบปี 2513-2523 เพิ่มขึ้นกว่า 16 เท่า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB หรือ TMB Analytics เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง "ความเสี่ยงฟองสบู่ทองคำ 1980 และ 2011 ความเหมือนที่แตกต่าง" โดยระบุว่า ราคาทองคำขาขึ้นมีปัจจัยพื้นฐานหนุนต่างจากฟองสบู่ทองคำปี 1980 เตือนความเสี่ยงของการหักหัวลง อาจมาจากความตื่นกลัวอย่างฉับผลันของนักเก็งกำไรระยะสั้นที่มีความอ่อนไหวต่อราคาสูง ในปี 1979 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 125 นับจากต้นปี ต่อมาในปี 1980 ภายในเวลาเพียง 20 วันแรกของปี ราคาทองคำพุ่งทะยานอีกร้อยละ 52 จนถึงจุดสูงสุดที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก่อนจะดิ่งลงอย่างรวดเร็วและลดลงต่อเนื่องมาจนถึงปี 2000 เหตุการณ์ทั้งหมดกินระยะเวลาขาขึ้นประมาณ 10 ปี และขาลงอีกประมาณ 20 ปี บทเรียนในครั้งนั้นบอกอะไรต่อนักลงทุนในทองคำบ้าง ในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนบางคนเรียกว่าเกิดภาวะฟองสบู่ทองคำ หากแต่ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1970 จะพบว่าราคาทองคำเคยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงมาแล้ว โดยในช่วงทศวรรษที่ 70 เกิดวิกฤตราคาน้ำมันขึ้นหลายรอบ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลายระลอกนี้ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงตามไปด้วย แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยฟองสบู่แตกในปี 1980 สภาวะแวดล้อมปี 1980 และ 2011 ความเหมือนที่แตกต่าง ราคาทองคำช่วงปี 1970-1980 เพิ่มขึ้นเร็วและแรงโดยมีราคาสูงสุดในปี 1980 มากกว่าราคาในปี 1970 ประมาณ 16 เท่า ขณะที่ช่วงปี 1999-ปัจจุบัน ราคาทองคำเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องค่อยเป็นค่อยไปกว่า โดยที่ผ่านมา 11 ปีเพิ่มขึ้นเพียง 6.3 เท่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน วิกฤตเศรษฐกิจหลักในช่วงทศวรรษ 70 ต่างกับปัจจุบันค่อนข้างมาก โดยช่วง 1970-1980 เกิดปัญหาด้านอุปทาน (Supply shock) ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังปี 1980 ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจก็ผ่อนคลายลงได้ ขณะที่ปัจจุบัน ปัญหาเศรษฐกิจเกิดมาจากปัจจัยภายในของระบบเศรษฐกิจประเทศใหญ่อย่างสหรัฐและกลุ่มยุโรป ซึ่งทางออกคงไม่ง่ายเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อน ทองคำเริ่มไม่ปรับตัวตามราคาน้ำมันเสมอไป เห็นได้ชัดเจนในช่วงปี 2009 ที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงแต่ราคาทองคำกลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ต่างกับทศวรรษที่ 70 ที่ราคาน้ำมันมีผลต่อราคาทองคำอย่างชัดเจน หลังปี 2011 ทำไมทองคำจะเป็นขาลง หลังปี 2011 ทำไมทองคำยังเป็นขาขึ้น • ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงขัดกับความรู้สึกที่ว่าสินค้าโภคภัณฑ์มีวัฏจักรและทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยมองว่าราคาทองคำน่าจะมาถึงจุดสูงสุดแล้ว • ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปเป็นสัญญาณเตือนนักลงทุนให้ระวังภาวะฟองสบู่แตก นับจากปี 2000 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อเดือนเฉลี่ยร้อยละ 1.4 (mom) แต่เฉพาะเดือนสิงหาคม 2011 ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 15.8 ถือว่าสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา • นักเก็งกำไรมีมากขึ้นทำให้ความอ่อนไหวต่อราคาสูงขึ้น นักเก็งกำไรส่วนมากมักถือทองคำในระยะสั้นและมีความอดทนต่อการขาดทุนต่ำ ดังนั้นหากราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยก็อาจทำให้แห่กันเทขายกดดันราคาทองคำให้กลายเป็นขาลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้ • เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงทำให้ทางเลือกในการลงทุนมีไม่มากนัก ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปทำให้ พันธบัตรสหรัฐถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง พันธบัตรญี่ปุ่นก็ยังคงให้ผลตอบแทนต่ำติดดิน หรือตลาดทุนในตลาดเกิดใหม่ก็มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ดังนั้นทองคำจึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ • สภาพคล่องมหาศาลจากมาตรการ QE3 ที่อาจประกาศใช้ในปี 2555 จะทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย • แนวโน้มการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกแทนการถือพันธบัตรสหรัฐก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นได้อีก มูลค่าที่แท้จริงของทองคำในปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 1980 ประมาณร้อยละ 17.4 เพราะฉะนั้นความเสี่ยงของการหักหัวลงอย่างรุนแรงจึงยังไม่สูงเท่า คำนวนจากราคาทองคำปรับด้วยเงินเฟ้อ จะพบว่าถ้าปรับด้วยราคาฐานปัจจุบันแล้ว ราคาทองคำที่จุดสูงสุดในปี 1980 จะเท่ากับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แปลว่าปัจจุบันทองคำยังไม่สามารถทำมูลค่าสูงสุดได้เหมือนอย่างปี 1980 ข้อสังเกตจากมูลค่าที่แท้จริงในทองคำยังบอกได้ว่า นักลงทุนที่เข้าซื้อทองคำช่วงใกล้ฟองสบู่แตกในปี 1980 ถึงแม้จะถือไว้นานกว่า 30 ปีมาจนถึงปัจจุบันแล้วก็ตาม ผลตอบแทนจากทองคำของนักลงทุนที่เล่นกับฟองสบู่ก็ยังคงขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงอยู่ดี ด้วยโครงสร้างและบริบททางเศรษฐกิจที่ต่างไปจากปี 1980 ทำให้ทองคำอาจจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดที่จะทำให้เกิดฟองสบู่แตก แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรระลึกถึงความเสี่ยงและผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้ไม่ต้องถือทองคำไว้กว่า 30 ปีโดยที่ยังขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงเหมือนอย่างฟองสบู่ทองคำครั้งที่ผ่านมา Tags : ราคาทอง • TMB
  5. ไป โรงพยาบาล เคลม บาดแผลประกัน เพิ่งถึงบ้าน ราคาดิ่งตามคาด ลากกลับมาให้ดูครับ ไม่รู้จะลงไปถึงตรงจุดที่ คุณน้องดำเขียนหรือเปล่าหนอ
  6. ขอนำมุมมองของคุณ น้องดำ แห่งเว็บน่ำเชียง มาให้ชมนะครับ กรณีศึกษา Aug 29-2011 ตัวอย่าง Head and Shoulders, bottom ... กรณีศึกษา Head and shoulders bottoms 65.63 เหรียญ ... 1702.67 - 1767.20 ทะลุ neckline ตรง 1765.90 เป้าหมาย 1834.43 มี pull back ประมาณ 1765.50 .... ลงมาให้ซื้อเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนขึ้นต่อไปยังเป้าหมาย Aug 29-2011 ตลาดออสเตรเลีย .. ถึงเป้าหมาย 1834.43 แล้ว
  7. จับตาฟองสบู่ทองคำ!!!ซ้ำรอยเก็งกำไรอสังหาฯ-น้ำมัน วันจันทร์ ที่ 29 สิงหาคม 2554 เวลา 0:00 น กระแส “ตื่นทองคำ” กลับมาหลอกหลอนคนไทยและทั่วโลกอีกระลอก หลังราคาทองคำพุ่งพรวดติดจรวดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) แบบรายวันครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะมีบางวันที่ปรับลดลงบ้างเพื่อทำกำไรระยะสั้น แต่สัญญาณเหล่านั้นไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ราคาทองคำสะดุดหรือใส่เกียร์ถอยหลังให้เห็นอีกแน่.. ด้วยเหตุที่ได้รับแรงส่งสำคัญทั้งจากสหรัฐที่ออกอาการร่อแร่ ต้องขุดสารพัดมาตรการมากระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ล้มครืน ไม่ว่าจะเป็นการอัดฉีดเงินเข้าระบบ การตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำติดดินต่อไปอีก 2 ปี ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องระดมสมองจนหัวหมุนเพื่อหาทางกู้ความมั่นใจทางเศรษฐกิจกลับคืน ซึ่งต้องลุ้นแผนช่วยหลืออีกครั้งในการประชุมเดือน ก.ย.นี้ ผสมโรงกับปัญหาหนี้สินล้นระบบของยุโรปที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะแม้ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ จะดูเงียบแต่ยังไม่น่าไว้วางใจ และต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจกลายเป็นหนี้ก้อนโตที่กำลังเดือดปุด ๆ และรอวันระเบิดขึ้นอีกรอบ ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเปราะบางอย่างหนัก และทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ เฮโลเข้าซื้อทองคำตุนเป็นทุน สำรองของประเทศ เพราะเป็นแหล่งพักเงินชั้นดีที่มีมูลค่า และนับวันยิ่งกลายเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งกระฉูดจนทำลายสถิติเก่าแบบไม่เห็นฝุ่น แถมขึ้นทดสอบนิวไฮอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าความแรงของราคาทองในครั้งนี้ต้องทำให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องเรียกผู้ประกอบการร้านทองเข้ามาหารือเป็นการด่วนถึงทิศทางแนวโน้ม การป้องกันเพราะนับวันราคาทองคำขึ้นเร็วลงเร็วจนน่าเป็นห่วง เมื่อย้อนไปดูข้อมูลจากสมาคมค้าทองคำ ยิ่งเห็นตัวเลขราคาทองคำที่ดีดตัวแบบก้าวกระโดด จนหลายคนต้องตาลุกวาวกับราคาที่พุ่งปรี๊ด พุ่งปรี๊ด ยืนอยู่บนหอคอย โดยเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกอยู่ที่ระดับ 1,423 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาในประเทศอยู่ที่บาทละ 20,100 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงพอสมควรแล้ว แต่พอปัญหาทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปเริ่มปะทุขึ้น ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก เทกระจาดหุ้นที่มีในมือ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนน้ำมันดิบ และวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ประเภททองคำแทน และทำให้ “ทองคำ” กลับมาเป็นสินทรัพย์ที่ราคาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งค่อย ๆ ขยับผ่านแนวต้านสำคัญที่กูรูในวงการค้าทองได้ประเมินไว้ จาก 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาทะลุและยืนเหนือ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้สำเร็จ จากนั้นก็ทะยานขึ้นจนฉุดไม่อยู่ผ่านระดับ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนมาระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนล่าสุดขยับทดสอบ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ ขยับตัวขึ้นตามมาติด ๆ ซึ่งราคาทองคำแท่งขายออกจากบาทละ 20,000 บาท มาเป็นบาทละ 21,000 บาท เข้าสู่บาทละ 22,000-25,000 บาท และดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจนสูงสุดที่บาทละ 26,000-27,000 บาท ทำให้ช่วงต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำเข้าสู่ภาวะหวือหวาสุด ๆ แซงหน้าการลงทุนประเภทอื่น หลังราคาแกว่งตัวผันผวนอย่างหนักจนบางวันปรับขึ้นลง แต่ส่วนใหญ่อยู่ในขาขึ้นมากกว่าถึง 18-19 ครั้ง หรือพุ่งกระฉูดถึงบาทละ 1,000 บาท จะเห็นได้ว่า แม้ราคาทองคำได้ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงจนดูน่ากลัว แต่ไม่ทำให้คนไทยขยาด ตรงกันข้ามกลับกระโดดเข้าใส่เพื่อเดินหน้าลุยซื้อทองคำแบบไม่มีถอย จนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ “ทองคำยิ่งแพงยิ่งมีคนซื้อ” ทั้งในตลาดทองคำที่มีการซื้อขายและส่งมอบจริง รวมถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาทองคำ (โกลด์ฟิวเจอร์ส) หลายคนคงเริ่มสงสัยกันแล้วว่าทำไมถึงเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ ทั้งที่ทองคำแพง แต่กลับมีคนต่อแถวยาวเหยียดจนเยาวราชแทบแตกเพื่อรอซื้อ ทำให้ร้านค้าทองคำงัดบัตรคิวมาแจกเป็นใบจอง แตกต่างจากรอบที่แล้วซึ่งราคาพุ่งและเยาวราชแทบแตกจากการที่คนหอบทองคำที่ตุนไว้ในต้นทุนต่ำมาขาย จนร้านค้าทองคำขาดสภาพคล่องหาเงินมารับซื้อแทบไม่ทัน มาครั้งนี้ ร้านค้าทองคำต้องแจกบัตรคิวมือเป็นระวิง ผู้คนต่างพร้อมใจกันซื้อทองคำ เพราะต่างคาดการณ์กันว่า ราคาทองคำจะทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง และมีลุ้นแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือตกเฉียดบาทละ 30,000 บาท !!! เพราะฉะนั้นหากเข้าซื้อในช่วงนี้ที่ราคาอยู่ในระดับบาทละ 26,000-27,000 บาท ยังมีโอกาสโกยกำไรได้อีกมาก ประกอบกับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ไม่ค่อยเป็นใจนัก หลังยังได้รับหางเลขจากพิษเศรษฐกิจในต่างประเทศที่เป็นตัวกดดันดัชนีหุ้นไทยไม่ให้ฟื้นตัวขึ้น นักลงทุนบางส่วนจึงใช้จังหวะนี้ในการโยกย้ายเงินลงทุนจากตลาดหุ้นมาเก็งกำไรในตลาดทองคำ กระแสที่คนตื่นทองคำจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคงหมดหวังที่จะได้เห็นราคาหลักหมื่นบาทต้น ๆ หรือบาทละ 20,000 บาท ต่อไปคงอยู่ที่บาทละ 25,000 บาท หรือไม่ก็เข้าใกล้บาทละ 30,000 บาท อย่างไรก็ตาม การที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นแบบฉับพลันทันด่วนภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ และทำสถิติใหม่เพียงชั่วข้ามคืน ทำให้เริ่มมีการตั้งคำถามตามมาว่า ภาวะฟองสบู่แตกจะเกิดขึ้นในตลาดทองคำหรือไม่??? จะเดินซ้ำรอยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เคยตกอยู่ในวังวนของฟองสบู่แตกกระจาย หลังราคาโครงการต่าง ๆ ถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากความต้องการเทียม จนไม่มีใครกล้าเข้าไปซื้อหรือลงทุน ฉุดให้ราคาร่วงระเนนระนาดจนกลายเป็นโครงการร้างอยู่หลายแห่ง รวมถึงการเก็งกำไรราคาน้ำมันจากปัญหาในตะวันออกกลางและเศรษฐกิจโลก จนทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดเวสท์เทกซัส พุ่งสูงปรี๊ดไปจนแตะที่ระดับ 147.27 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนทยอยปรับลดลงและเพิ่มขึ้นจนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 104.8 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดดูไบ ในส่วนของราคาทองคำ จะเกิดเป็นฟองสบู่ หรือไม่นั้น คงยากที่ใครจะฟันธง แต่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยหากพิจารณาถึงต้นตอที่หนุนให้ราคากระชากขึ้นเร็วนั้น จะเห็นว่ายังมีปัจจัยรองรับ โดยเฉพาะจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจโลกที่ถือเป็นความเสี่ยงตัวฉกาจที่ทำให้นักลงทุนเผ่นออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและหันหน้าซบตลาดทองคำ ขณะที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศก็กระโดดร่วมวงช้อนซื้อทองคำอีกจำนวนมาก จากปัจจัยลบต่าง ๆ ล้วนเป็นผลดีต่อราคาทองคำที่ยืนบวกได้อย่างสดใส สวนทางกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ ที่ลดลง สะท้อนให้เห็นว่าทองคำยังเป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก แม้จะเป็นสินค้าที่ไม่มีราคากลาง มีเพียงแรงสนับสนุนจากผลพวงของความอ่อนแอทางเศรษฐกิจโลก แต่หากมองอีกมุม เมื่อใดก็ตามที่ปัจจัยร้ายเริ่มเห็นแสงสว่างอาจทำให้นักลงทุนมั่นใจในสกุลเงินดอลลาร์หรือยุโรป แล้วโยกเงินที่เคยซื้อทองคำกลับไปลงทุนในเงินสกุลดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลงก็เป็นได้ แต่การปรับตัวลดลงของราคาทองคำอาจไม่เหวี่ยงลงแรงหรือดิ่งเหวอย่างหนักจนกู่ไม่กลับ เพราะอย่าลืมว่าแม้ภายใต้สมมุติฐานที่เศรษฐกิจโลกเริ่มดูดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลาและงบประมาณในการเยียวยาปัญหา อีกทั้งยังมีผู้เล่นรายใหม่ ซึ่งเป็นธนาคารกลางทั่วโลก ที่ระยะหลังได้เปลี่ยนจากผู้ขายมาเป็นผู้ซื้อทองคำ โดยเฉพาะจากจีน และอินเดีย ที่กำลังถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นผู้ที่มีความต้องการทองคำมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ความต้องการซื้อทองคำที่มีอยู่มาก รวมถึงปัจจัยลบที่บั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจ ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่รองรับการดีดตัวของราคาทองคำ ซึ่งหากบอกว่าทองคำเพิ่มขึ้นโดยปราศจากแรงหนุน หรือความต้องการซื้อที่ไม่มีอยู่จริงคงไม่ใช่เสียทีเดียว ไม่ว่าราคาทองคำรอบนี้จะทะยานขึ้นอย่างคึกคักโดยมีปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงรองรับหรือไม่ หรือเป็นเพียงการสร้างราคาลวง ซึ่งเกิดจากแรงเก็งกำไรที่มีมากเกินไปจนทำให้ราคาร้อนแรงเร็วกว่าปกติ แต่นักลงทุนไม่ว่าจะเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับทองคำดีอยู่แล้วหรือบรรดาหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่สนาม ควรตั้งสติติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด ก่อนกลายเป็นแมงเม่า...บินเข้ากองไฟ!!!. เดลินิวส์
  8. Gold price to shoot up if China increases reserves Will gold price go up further, if China accumulates more gold reserves? Bullion analysts say gold prices will shoot up if China–the world’s largest consumer of the yellow metal now–mops up more gold reserves. China has been on a gold accumulation spree in the last few months. China’s State Administration of Foreign Exchange In April this year that the country’s gold reserves increased to 33.89 million ounces. China used to adjust its gold reserve from 394 tons to 500 tons in 2001, then to 600 tons in 2003. The country has added another 454 tons to the gold reserve through gold purification and domestic trade. Only six countries have reported over 1,000 tons of gold reserves across the world so far. China is ranked fifth in the world. Early this month, India surprised the world by buying 200 tonnes of gold from the International Monetary Fund (IMF). Bullion traders are eagerly looking forward if China will step in and buy the remaining 203 tonnes of IMF gold soon. According to independent precious metals analyst David Levenstein, if China increases its gold holding to even 5% of total reserves, a much higher gold price could ensue. Comex near-dated gold futures closed at 1 138.60 an ounce on Monday, a new record. A break past the 1 000 mark has been sustained since October 1 on a closing price basis. After India snapped up 200 tons of the yellow metal from the IMF, rumours began to fly that perhaps China would be the next buyer. “China is now the largest producer and consumer of gold in the world. Yet despite the fact that they have some 2.3 trillion in reserves, only a very small portion (1.9%) is held in gold,” said Levenstein. – Source: Commodity Online
  9. เฮียกัมพล แจ้งผมมาเกือบอาทิตย์แล้วว่า คงต้องเพิ่ม server ใหม่ เพื่อรองรับผู้เข้าชมเว็บไซท์ ไทยโกลด์ และน่ำเชียง ที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ server ค้าง เข้าไม่ได้ อืด ตื้อครับ ที่เฮียกัมพลขอความกรุณานี่เพื่อ ลด การจราจรลงก่อน ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการซื้อ server ใหม่ (ท่านที่โพสต์ข่าวสามารถโพสต์ได้ตามปกตินะครับ จะได้ไม่ตกข่าว) เงินที่ได้จากสปอนเซอร์แหละครับ นโยบายเฮียเขาจะไม่รบกวนผู้เข้าชมเว็บเด็ดขาด พวกเราควรจะชื่นชมเฮียกัมพลนะครับ
  10. ขอนำภาพประวัติศาสตร์มาให้ชม สองวันเลยนะครับ วันประวัติศาสตร์ 25/8/11 ราคาทองคำลดลงมากทีสุดในวันเดียว 1,800 บาท วันหลังประวัติศาสตร์ 26/8/11 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นมากทีสุดในวันเดียว 1,050 บาท
  11. ข่าวที่ว่ายังคงเป็นข่าวลือนะครับผมกว่าจะเห็นจากเว็บต่างประเทศ ราคาทองก็ดิ่งๆๆๆ ไปมากแล้วเห็นเมื่อคืนตอน22.30น. ข่าวที่ว่าผมว่ายังไม่น่ากลัวเพราะยุโรปมีข้อตกลงขายทองปีละ100ตันห้ามขายเกิน เพื่อไม่ให้ราคาผันผวนเกินไป ข่าวที่น่ากลัวก้คือ ข่าวการเพิ่มมาร์จิ้นของ CME Chicago Mercantile Exchange ครับ เพราะข่าวเพิ่งเห็นเมื่อเช้าเอง และจะมีผล effective as of the close of trading on Thursday. ก็คือคืนนี้ ไม่รู้ว่าจะมี Panic force sell ออกมาอีกหรือไม่ น่ากลัวครับ เดาสถานการณ์ไม่ถูกเลย
  12. ได้รับข่าวจากคุณน้องดำว่า เจ้ามือใหญ่เมืองอเมริกาเพิ่มมาร์จิ้น27%ครับ CME increases gold margin requirements by 27% Stories You Might Like JP Morgan May Take Over Bank Of America Paul B. Farrell: A ‘no-growth’ boom will… U.S. stocks open lower after prior day’s rally Robert Powell's Your Portfolio: How to get… SHARE: MORE Email Print Comment 48 By Claudia Assis SAN FRANCISC0 (MarketWatch) -- The CME Group Inc., the parent company of the main metals and energy exchanges in the U.S., on Wednesday announced an increase in margin requirements to trade gold. The money needed to trade gold contracts increased 27%. Initial margin requirements rose to $9,450 from $7,425 per 100-ounce contract; maintenance margin requirements rose to $7,000 from $5,500, both effective as of the close of trading on Thursday. The CME had increased margins for gold two weeks ago.
  13. สรุปย่อๆว่า ทองคำร่วงลงจากข่าวลือว่าจะมีการขายทองคำจากกลุ่มประเทศPIIGS คือSpain, Italy, Greece, Portugal และ Ireland เพือแก้ปัญหาหนี้สินครับ
  14. Gold Crashing on Risk Appetite, RumorsFOREX NEWS | YOHAY | AUGUST 24, 2011 2:36 PM GMT The prices of gold is now tumbling down and erasing the most recent rally, which was quite sharp – considered overbought by some. It is now trading at around $1775, down from around $1840 to $1850 earlier in the day. The better than expected durable goods orders provided reasons for stock to smile, and for QE3 to fade further away. This means less appetite for the previous metal – a safe haven from currency printing. Durable goods orders leaped by 4% and provided a very good surprise after so many economic figures disappointed. Also core order rose, amid expectations for a drop. In addition, there is a rumor that troubled European countries are going to sell gold in order to combat their debt. The gold held by Spain, Italy, Greece, Portugal and Ireland is far from covering their debt, but is yet another tool for balancing the finances. The sharp moves in gold prices are also related to the relatively low volume that is normal for August, although this is definitely not a normal August.
  15. ขอแสดงความเสียใจกับผู้ลลงทุนในทองทุกท่านนะครับ พูดได้สองคำว่า 1 แสบมากๆ 2 ใครเคยอ่านคำเตือนผมชอบพูดว่า เวลาขึ้นว่าเร็วแล้ว เวลาลงเลวกว่า (ขึ้นบันได ลงลิฟท์ครับ) Gold plummets to 1-week low Wed, Aug 24 2011, 14:49 GMT | FXstreet.com Email Print Share Related News Gold plummets to 1-week low Silly rumor time… Stops looming in Gold… FXstreet.com (Córdoba) - Gold slumped in recent trade, dropping over $80 in a matter of minutes amid rumors that PIIGS are selling gold to raise collateral. The yellow metal extended its decline below $1800 an ounce toward a 1-week low of $1,761/oz. At time of writing the precious metal is quoting at $1,780 an ounce, recording a 2.63% loss on the day and 7.0% below its record peak of $1,913.50/oz. Next support level could be faced at $1745, the 38.2% retracement of the rally from $1477 to record high.
  16. แรงขายทำกำไรฉุดทองคำปิดร่วง 30.6 ดอลลาร์ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 24 สิงหาคม 2554 06:57:04 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อวันจันทร์ นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดของจีนและเยอรมนี ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำด้วย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 30.6 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,861.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวันที่ 1917.9 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.034 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.291 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.05 เซนต์ ปิดที่ 3.996 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 25.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,880.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 764.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ไมค์ ดาลีย์ นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัทพีเอฟจีเบสท์ กรุ๊ป ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ นอกจากนี้ ข้อมูลในภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและเยอรมนี ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางโลกซึ่งจะมีขึ้นที่รัฐไวโอมิงในวันศุกร์นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมครั้งนี้ด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ และมาร์กิต อิโคโนมิค เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้น (Flash PMI) ของจีน อยู่ที่ระดับ 49.8 จุดในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด นอกจากนี้ เอชเอสบีซีระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ของเยอรมนีทรงตัวอยู่ที่ 52 จุด ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 50.8 จุด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การที่สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้อาจเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร ธนาคารยูบีเอส และวาณิชธนกิจอีกหลายแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำ โดยยูบีเอสคาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปีนี้ แม้นักลงทุนบางกลุ่มวิตกกังวลว่าราคาทองคำอาจจะเข้าสู่ระยะพักฐานก็ตาม --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  17. แบงก์ชาติเวียดนามเสนอมาตรการคุมราคาทอง หลังราคาในประเทศพุ่งทุบสถิติ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 23 สิงหาคม 2554 19:26:25 น. ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เผยจะมุ่งเน้นรักษาเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงปลายปีนี้ พร้อมจับตาสถานการณ์ราคาทองคำภายในประเทศให้เป็นไปตามราคาทองคำโลก สำนักข่าวซินหัวรายงานแถลงการณ์ของ SBV ซึ่งระบุว่า ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และสูงกว่าราคาทองคำโลกถึงเกือบ 1.5 ล้านดอง (72 ดอลลาร์) ต่อตำลึง (1 ตำลึง เท่ากับ 1.2 ออนซ์) โดยราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้นแตะที่กว่า 48.80 ล้านดอง (2,346 ดอลลาร์) ต่อ 1 ตำลึงในช่วงบ่ายวันจันทร์ ขณะที่ราคาทองคำโลกอยู่ที่ 1,891 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือเท่ากับ 47.6 ล้านดอง ร้านทองใน 2 เมืองใหญ่คือที่กรุงฮานอยและโฮจิมินห์ ซิตี้ ตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายอย่างหนักเมื่อวานนี้ เมื่อการซื้อ-ขายทองคำทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยถึงแม้ว่าราคาทองคำโลกจะเริ่มปรับตัวลงในช่วงบ่ายแก่ๆ แต่ราคาทองคำในกรุงฮานอยและโฮจิมินห์ ซิตียังคงปรับตัวขึ้น SBV ระบุว่า ธนาคารจะออกมาตรการที่เหมาะสมเพื่อมอบอำนาจให้องค์กรต่างๆสามารถเข้าแทรกแซงและรักษาเสถียรภาพของตลาดทองคำในประเทศ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. SBV อนุญาตให้บริษัทต่างๆนำเข้าทองคำแท่งได้ 5 ตันเพื่อผ่อนคลายราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น แต่จนถึงขณะนี้มีการนำทองคำแท่งเข้าสู่เวียดนามเพียง 3 ตันเท่านั้น SBV ยังเตรียมอนุญาตให้บริษัทนำเข้าทองคำแท่งเพิ่มได้อีก 5 ตันถ้าจำเป็น SBV เผยว่าจะเสนอแผนการใหม่ให้รัฐบาลอนุมัติในเร็วๆนี้ โดยแผนการดังกล่าวจะทำให้ธนาคารสามารถควบคุมตลาดทองคำในประเทศได้อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการเก็งกำไร จำกัดการซื้อขายทองคำแท่ง ขณะเดียวกันก็รับประกันสิทธิ์ของประชาชนในการซื้อหาทองคำแท่ง นอกจากนี้ SBV จะออกใบอนุญาตให้กับหน่วยงานแปรรูปทองคำและอนุญาตให้หน่วยงานเหล่านี้สามารถผลิตทองคำแท่งในปริมาณที่กำหนด พร้อมกับวางมาตรการให้กระทรวงและสาขาองค์กรที่เกี่ยวข้องหันมารับผิดชอบควบคุมและดูแลตลาดทองคำร่วมกัน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปาริชาติ ชื่นชม/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--
  18. ดอลล์อ่อน ขณะตลาดจับตาเฟดใช้มาตรการกระตุ้นศก. ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 24 สิงหาคม 2554 07:12:26 น. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมธนาคารกลางโลกสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและเยอรมนียังทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.59% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4442 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4358 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.27% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6507 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6462 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.26% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.640 เยน จากระดับ 76.840 เยน แต่พุ่งขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.7916 ฟรังค์ จากระดับ 0.7896 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.19% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0520 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0396 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.38% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8348 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8234 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า เบอร์นันเก้จะใช้เวทีการประชุมธนาคารกลางโลกที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์นี้ ส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.ของสหรัฐที่ร่วงลง 0.7% สู่ระดับ 298,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ จะช่วยหนุนการตัดสินใจให้เฟดประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ด้วย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้ เบอร์นันเก้จะแสดงความวิตกกังวลต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอาจปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ และมาร์กิต อิโคโนมิค เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้น (Flash PMI) ของจีน อยู่ที่ระดับ 49.8 จุดในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ของเยอรมนีทรงตัวอยู่ที่ 52 จุด ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 50.8 จุด ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.2% ลดลงจากการประมาณการครั้งแรกที่มีการขยายตัว 1.3% อันเนื่องมาจากผลกระทบของอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก และผู้บริโภคสหรัฐเริ่มลดการใช้จ่าย โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงมาอยู่ที่ระดับ 1.7% ในปี 2554 และ 2.0% ในปี 2555 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.8% ในปี 2554 และ 3.0% ในปี 2555 ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  19. ผู้นำเวเนฯสั่งถอนทองคำ 5.4 แสนล้าน หวั่นผลกระทบวิกฤติมะกัน-ยุโรป "ฮูโก ชาเวซ" ผู้นำเวเนซุเอลา ออกคำสั่งเรียกคืนทองคำสำรองทั้งหมดของรัฐบาลเวเนซุเอลาที่ฝากไว้ในสหรัฐฯและยุโรปมูลค่าเกือบ 5.4 แสนล้านบาท หวั่นผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและหนี้สินในโลกตะวันตก อาจทำให้เวเนซุเอลาสูญเสียทองคำในครอบครอง... สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ว่า ประธานาธิบดีอูโก ราฟาเอล ชาเบซ ฟริอัส หรือ "ฮูโก ชาเวซ" ผู้นำเวเนซุเอลา ออกคำสั่งเมื่อวันพุธ (17) ที่ผ่านมา เรียกคืนทองคำสำรองทั้งหมดของรัฐบาลเวเนซุเอลา ที่ฝากไว้ในธนาคารต่างๆทั้งในสหรัฐฯและยุโรป หวั่นผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและหนี้สินในโลกตะวันตก อาจทำให้เวเนซุเอลาต้องสูญเสียทองคำในครอบครอง แม้นักวิเคราะห์จะระบุ เป็นเพียงข้ออ้างของผู้นำนิยมซ้ายรายนี้ เพื่อเลี่ยงการถูกอายัดทรัพย์สินในอนาคต รายงานข่าวระบุว่า ชาเวซ วัย 57 ปี ซึ่งก้าวขึ้นมาครองอำนาจตั้งแต่เมื่อปี 1999 ประกาศถอนทองคำสำรองของประเทศทั้งหมดจำนวน 366 ตัน คืนจากธนาคารหลายแห่งทั้งในสหรัฐฯและยุโรป โดยทองคำในครอบครองของรัฐบาลเวเนซุเอลานี้ คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 537,370 ล้านบาท ด้านเนลสัน เมเรนเตส ผู้ว่าการธนาคารกลางเวเนซุเอลา ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลของชาเวซจำเป็นต้องถอนทองคำทั้งหมดที่ฝากไว้ในต่างประเทศกลับคืนมาดูแลเอง เนื่องจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและภาวะหนี้สินของสหรัฐฯและประเทศในยุโรปกำลังย่ำแย่ และเวเนซุเอลาไม่ต้องการเสี่ยงกับผลกระทบใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา หากโลกตะวันตกต้องเผชิญหายนะทางเศรษฐกิจรอบใหม่ อย่างไรก็ดี จอร์จ เกโร นักวิเคราะห์ด้านการเงินจากสถาบัน "RBC Wealth Management" กลับมองว่า ชาเวซต้องการถอนทองคำจำนวนมหาศาลของตนกลับคืน เพราะเกรงว่าทรัพย์สินล้ำค่าของตนจะถูกอายัดโดยรัฐบาลของชาติตะวันตก หากเกิด "อุบัติเหตุทางการเมือง"ขึ้นกับตนในอนาคต หลังจากได้เห็นบทเรียนที่บรรดาผู้นำในโลกอาหรับ เช่น ฮอสนี มูบารัค ของอียิปต์ถูกอายัดทรัพย์สินหลังสิ้นอำนาจ ขณะเดียวกันมีรายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลเวเนซุเอลาว่า นอกจากชาเวซจะสั่งถอนทองคำที่ฝากไว้ในต่างประเทศกลับคืนแล้ว ผู้นำเวเนซุเอลา ยังมีแผนยึดกิจการเหมืองทองคำทุกแห่งในประเทศเข้ามาเป็นของรัฐเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้แร่มีค่าชนิดนี้ตกอยู่ในมือของนักลงทุนต่างชาติ และพวกลักลอบขุดทองในประเทศ. ไทยรัฐ
  20. Gold hits new record near $1,830 an ounce By Hibah Yousuf August 18, 2011: 12:05 PM ET Click the chart to check prices of gold and other commodities. NEW YORK (CNNMoney) -- Gold prices are again marching in record territory, nearing $1,830 an ounce, as the global economic picture gets uglier by the minute. Gold jumped 2% to hit an all-time high (not adjusted for inflation) of $1,829.70 an ounce Thursday morning, as jittery investors dumped risky assets like stocks and rushed into traditional safe havens, including gold and U.S. Treasuries. Buying of U.S. debt was so heavy that it sent the 10-year yield below 2% for the first time in history. The worries began to intensify overnight, after Morgan Stanley slashed its global growth forecast and warned that the U.S. and Europe are "dangerously close" to a recession. Early in the morning, jobless claims and inflation -- which gold is often used to hedge against -- rose more than expected. And just after the U.S. stock market opened for trading, the signs of an economic slowdown got much worse. Manufacturing activity in the Philadelphia region contracted to a level last seen in March 2009, when the U.S. was still in a recession. In addition, existing home sales tumbled. The gold rush is on "Investors are running scared into gold because of the persistent problems and recession-like performances in Europe and United States," said Jeffery Nichols, senior economic adviser at Rosland Capital and managing director at American Precious Metals Advisors. Gold prices also got support after Venezuela said it is planning to nationalize the county's gold industry to reduce smuggling. President Hugo Chavez said he will move Venezuela's gold reserves out of foreign banks in the U.S. and Europe into those in Russia, China, Brazil and South Africa. "That type of action just underscores the concerns of central bank reserve managers over the conditions across international economies and financial markets," said Nichols. Meanwhile, a report from the World Gold Council Thursday showed that global demand for gold slumped 17% during the second quarter compared to a year earlier. At that time, Europe's debt crisis raised the safe harbor appeal of the precious metal. But demand in India and China continued to grow at a robust pace. Still, with prices at record highs, the demand in value terms rose 5% to $44.5 billion over the second quarter of last year, the second-highest level on record. The London-based group expects that Europe's debt problems, the downgrade of U.S. debt, inflationary pressure and a fragile outlook for economic growth are likely to fuel heavy investment in gold for the foreseeable future. While those broad factors will likely support gold at a price of around $1,850 an ounce to the end of next year, Nichols said the yellow metal is vulnerable to a short-term correction given the recent "swift run-up." Since the start of July, gold prices have surged more than 20%. They are up almost 30% in 2011, and 50% during the past 12 months.
  21. TFEX เพิ่มมาร์จินเริ่ม19ส.ค. TFEX เผย สำนักหักบัญชีเตรียมปรับเพิ่มอัตราหลักประกันสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด เริ่ม 19 ส.ค.นี้ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX เปิดเผยว่า สำนักหักบัญชีเตรียมปรับเพิ่มอัตราหลักประกันสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือมาร์จิน สำหรับฟิวเจอร์ส ของดัชนี SET50 (SET50 Index Futures) และโกลด์ฟิวเจอร์ส เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่มีความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยจะเริ่มใช้อัตราหลักประกันใหม่ในวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.2554 "จากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ลงทุนเกิดความไม่มั่นใจและมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนโดยหันมาถือครองทองคำซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น ส่งผลให้การซื้อขายหลักทรัพย์และทองคำมีความคึกคักแต่ผันผวนอย่างมาก "นางเกศรากล่าว ทั้งนี้ การปรับหลักประกันดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ลงทุนทั่วไปต้องวางหลักประกันของฟิวเจอร์สของดัชนี SET50 เพิ่มขึ้นจาก 38,000 บาทต่อสัญญา เป็น 53,200 บาทต่อสัญญา โกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 50 บาททองคำ จาก 47,500 บาทต่อสัญญา มาเป็น 62,700 บาทต่อสัญญา และโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาททองคำ จาก 9,500 บาทต่อสัญญา มาเป็น 12,540 บาทต่อสัญญา สำหรับอัตราหลักประกันของซิลเวอร์ฟิวเจอร์สของผู้ลงทุนทั่วไปนั้น จะปรับลดลงจาก 29,450 บาทต่อสัญญามาเป็น 21,850 บาทต่อสัญญาในขณะที่ฟิวเจอร์สของหุ้นรายตัวมีทั้งการปรับเพิ่มและลดอัตราหลักประกันในบางหุ้นอ้างอิง การปรับเปลี่ยนอัตราหลักประกันนั้น เป็นวิธีการที่สำนักหักบัญชีดำเนินการเป็นปกติ โดยจะปรับอัตราหลักประกันขึ้นหากราคาฟิวเจอร์สมีความผันผวนสูงขึ้น ในทางตรงข้าม หากความผันผวนของราคาฟิวเจอร์สลดลงก็จะปรับลดอัตราหลักประกันลง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับขึ้นและปรับลดอัตราหลักประกันของฟิวเจอร์สทั้ง 2 ประเภทมาแล้ว อย่างไรก็ดี การปรับหลักประกันในครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในอัตราที่ค่อนข้างสูง จึงต้องการให้ผู้ลงทุนรับทราบข้อมูลและเตรียมการในเรื่องเงินประกันไว้เป็นการล่วงหน้า
  22. ทองคำปิดบวก 8.8 ดอลล์ 18 สิงหาคม 2554 เวลา 08:11 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกวิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว-การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,793.8 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 53.2 เซนต์ ปิดที่ 40.351 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.8 เซนต์ ปิดที่ 3.994 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 10.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 756.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 20.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,818.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ผลการประชุมระหว่างนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็ไม่ได้ช่วยให้ตลาดมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจยุโรปมากขึ้น ตลาดทองคำได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำอย่างหนาแน่น เนื่องจากสัญญาทองคำซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ สัญญาทองคำอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเปราะบาง www.posttoday.com
  23. ด้านล่างขวามือของกระทู้ที่ตอบ จะมีคำว่า ตอบ กดตรงนั้น จะมี Code อ้างอิงคำตอบนั้น เราก็พิมพ์ต่อได้เลยครับ จะได้รู้ว่าเราตอบใครครับ
  24. ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณเด็กขายของ วันนี้ว่างงานหน่อยเลยมีเวลามาอ่าน มาตอบ ต้องดูความนิยมในสีและ%ของทอง ที่แตกต่างกันนะครับ กะรัต สัญลักษณ์ เปอร์เซ็นต์ เฉดสีที่ได้ นิยมในประเทศ 24 24K 100% ทอง สวิสต์เซอร์แลนด์ จีน ฮ่องกง 22 22K 91.7% เหลืองทอง อินเดีย 21 21K 84.5% เหลืองทอง กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง 18 18K 75% เหลืองขาว อิตาลี,ฝรั่งเศส,ญี่ปุ่น 14 14K 58.3% เหลืองขาว สหรัฐอเมริกา,อเมริกาเหนือ,อังกฤษ 10 10K 41.6% เหลือง สหรัฐอเมริกา ,อเมริกาเหนือ 9 9K 37.5% เหลืองปนเขียว อังกฤษ 8 8K 33.3% เหลืองซีด เยอรมนี ของประเทศไทยอยู่ที่ 96.5% หรือ 23.16K ซึ่งมีประเทศเดียวในโลกน่ะครับ ประเทศที่เริ่มมาซื้อทอง96.5%ก็มีจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เวียตนาม ประเทศในแถบเอเชียที่ชอบทองสีออกเหลือง แต่ฝรั่งแถบยุโรปมาซื้อน่ะ ซื้อให้แฟนคนไทยเสียทั้งนั้นครับ หรือถ้ามีต่างประเทศมาซื้อไปขายก็ ซื้อไปขายให้คนไทยในต่างแดนน่ะครับ
  25. ทองคำแท่งต่างประเทศเป็นทอง 99.99% น่ะครับ ที่ประเทศจีนเคยไปดูร้านทองเขาแต่มันนานมาแล้ว มีแต่ทองรูปพรรณนะครับ 99.99% ลวดลายเป็นงานทอเครื่องเหมือนที่ฮ่องกง ผมว่าที่สิงค์โปร์น่าจะหาซื้อได้ง่ายกว่าประเทศจีนนะครับ
×
×
  • สร้างใหม่...