ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

ห้างทองน่ำเชียง

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    947
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    7

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย ห้างทองน่ำเชียง

  1. สวัสดีครับ ทุกท่าน ขอบพระคุณที่เข้าใจนะครับ ผมไม่ได้ไปต่างประเทศมาหลายปีแล้ว เพราะต้องรอประกาศราคาขึ้นเว็บ บริการแก่สังคม ช่วยประชาสัมพันธ์ราคาทองของสมาคมน่ะครับ ถ้าจะขอบคุณ ต้องขอบคุณเฮียกัมพล ผู้ที่คิดค้น ตัวประกาศ ราคาทองแบบมีเสียงนี้ด้วยนะครับ !thk และขอบคุณ คุณเด็กขายของ กรุณา หาข่าวมา Feed ยังกะมี Reuter ที่บ้าน 555
  2. คงต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะหน้าที่ผมในการประกาศราคาที่หน้าเว็บ น่ำเชียง ไทยโกลด์ และเว็บอื่นๆที่นำไปลงไว้ด้วยนะครับ !_087
  3. ขออนุญาตตอบนะครับ ความผิดพลาดของผมเองน่ะครับ คือปกติราคาทองจะเปลี่ยนแปลงจนถึงเวลา17.00 น. แต่ระยะหลังราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงมาก สมาคมจึงขยายเวลาทำการ ประกาศราคาทองคำถึง17.30น. เพราะยังมีร้านทองในห้างสรรพสินค้าเปิดทำการอยู่ ซึ่งผมก็ทราบ แต่เท่าที่ผ่านมาสมาคมก็ประกาศช่วงเวลา 17.15 อย่างช้าที่สุด แต่ในวันนี้ราคาทองคำประกาศออกจากสมาคมในนาทีสุดท้าย คือ 17.30น. ซึ่งพอดีผมติดงานบางประการซึ่งไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือไปด้วย ทำให้ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้าย เพิ่งมาทราบตอนเกือบจะสองทุ่มแล้ว คงต้องขออภัยทุกท่านมาณ.ที่นี้ด้วยครับ
  4. ทองปลอมตรายี่ห้อร้านค้าส่งกำลังระบาด ได้รับแจ้งจากร้านทองค้าส่ง ในสมาคมค้าทองคำว่า ช่วงนี้คนร้ายที่ปลอมตรายี่ห้อของร้านทองค้าส่ง เริ่มระบาดมากขึ้น เพราะ ช่วงนี้ทองแพงมาก คนร้ายยิ่งอยากลงมือ พวกเราร้านทองยิ่งเจ็บตัวมากขึ้น ช่วยกันตรวจสอบให้ละเอียดกันหน่อยนะครับ คนร้ายเจตนานำมาหลอกขายให้ร้านท​องตาม ต่างจังหวัด ผู้บริโภคถ้าหากว่าซื้อทองกับร้​านทองที่มีหลักแหล่งแน่นอนไม่ต้​องกลัวเลยนะครับ ภาพในอัลบั้มนี้ ร้านเดียวเจอทีเดียว 8 ลายเลยนะครับ หรือชมได้ที่ FaceBook ห้างทองน่ำเชียงนะครับ
  5. ร้านทองระนอง ตรวจเข้มหลังพบทองปลอมระบาด เนชั่นทันข่าว 15 สค. 2554 17:00 น. นายสมชาย จงนิตยกาล เจ้าของร้านเพชรทองก้งกาฮิน จ.ระนอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าจากราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2554 ราคาซื้อขายทองรูปพรรณอยู่ที่ราคาขายบาทละ 24,750 บาท ปรากฏว่าได้ส่งผลให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่อาศัยใน จ.ระนอง และใน ประเทศพม่าทยอยนำทองคำที่เก็บสะสมออกมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวพบว่าจากช่วงราคาซื้อขายที่พุ่งสูงขึ้นได้ทำให้กลายเป็นช่องทางของเหล่ามิจฉาชีพ ที่อาศัยช่วงนี้นำทองคำปลอมออกมาขายให้กับร้านทองหรือปะปนนำมาจำนำตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งในเขตพื้นที่ จ.ระนองขณะนี้เหล่าบรรดาร้านทองได้วางมาตรการเข้มในการตรวจสอบ โดยเริ่มจากการสังเกตุพฤติกรรมบุคคลที่นำทองคำเข้ามาจำหน่ายหากมีข้อพิรุธก็อาจจะปฏิเสธการรับซื้อหรือรับจำนำ แต่หากสังเกตุพฤติกรรมยังไม่ชัดเจนอาจจะขอตรวจสอบทองคำที่บุคคลดเหล่านั้นนำมาจำหน่ายหรือจำนำ โดยการตรวจสอบสามารถกระทำได้ 3 ลักษณะ เริ่มจากการพิจารณาด้วยตา,การนำไปฝนกับหินเพื่อดูเนื้อทอง หรือการนำเข้าไฟเพื่อทำการทดสอบ โดยวิธีการนำเข้าไฟจะพิสูจน์ได้น่าเชื่อถือมากที่สุด นายสมชาย กล่าวอีกว่า นอกจากทองคำปลอมที่เริ่มออกมาอาละวาดในตลาด ในส่วนของจังหวัดระนองซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านพบว่าแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยและนิยมนำทองคำติดตัวเข้ามา เพื่อไว้ใช้ในยามจำเป็น เริ่มมีการนำทองคำเหล่านั้นออกมาขายให้กับร้านทอง ซึ่งพบว่าทองคำของแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่ซื้อมาจากร้านทองในฝั่งประเทศพม่าจะเป็นทองที่มีเปอร์เซ็นต์ทองที่แตกต่างจากฝั่งไทย โดยในส่วนของฝั่งไทยจะมีทองอยู่ 2 ลักษณะ คือ ทอง 100 % กับทองคำ 96.5 % แต่ทองที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านพบว่าเป็นทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์เนื้องทองต่ำกว่า 90% ซึ่งร้านทองจะต้องระวังและทดสอบให้ชัดเจน เนื่องจากราคาซื้อขายจะลดลงตามสัดส่วนของเปอร์เซ็นต์ของเนื้อทอง ส่วนบรรยากาศการซื้อขายทองคำในเขตพื้นที่จังหวัดระนอง ว่า ขณะนี้บรรยากาศการซื้อขายกลับซบเซาอีกครั้ง หลังจากที่ตลาดกลับมาคึกคักก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากราคาที่เริ่มทรงตัวไม่แกว่งมากเช่นที่ผ่านมา "ก่อนหน้านี้ราคาทองคำมีการแกว่งตัวเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งยังได้เกิดกระแสข่าวลือว่าราคาทองคำอาจจะขยับพุ่งสูงขึ้นจนแตะระดับ 30,000 บาทต่อทองคำ 1 บาทภายในปีนี้หรือต้นปีหน้า จึงทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้าสู่ในตลาดอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าแรงงานต่างด้าวชาวพม่า และคนพม่าที่ค่อนข้างมีฐานะในพม่าได้ข้ามฟากเข้ามาซื้อทองคำในฝั่งไทยมากขึ้น แม้ว่าขนาดของทองคำที่ซื้อจะอยู่ในขนาดเล็ก ครึ่งสลึง,สลึง หรือ สองสลึง แต่ก็สามารถสร้างบรรยากาศการซื้อขายให้กลับมาคึกคักพอสมควร" นายสมชาย กล่าว
  6. สวัสดีวันแม่ ครับ ทุกท่าน วันนี้สมาคมค้าทองคำหยุด1วัน ห้างทองน่ำเชียงหยุด12-14 สิงหาคม แต่การประกาศราคายังมีตามปกติ ผมจะคอย Monitor และประกาศราคาทั้งวันนี้ และพรุ่งนี้นะครับ ขอมอบเพลงดีๆให้คุณแม่ทุกท่าน เนื่องในวันแม่นะครับ
  7. ทองคำนิวไฮ1,815$หุ้นไทยปิด1,062จุดเบนซินลดลง50สต. ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2554 00:00:15 น. ไทยโพสต์ * ความวิตกกังวลต่อการถดถอยของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำเนื่องจากเห็นว่าเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกัน ส่งผลให้ราคาทองคำตลาดโลก เช้าวันที่ 11 ส.ค.ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่ 1,815 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ในประเทศไทย สมาคมค้าทองคำต้องปรับราคาถึง 14 ครั้ง รวมแล้วเพิ่มขึ้น 500 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 25,300 บาท ขายออกบาทละ 25,400 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 24,938 บาท และขายออกบาทละ 25,800 บาท ด้านดัชนีหุ้นไทยผันผวนแต่สามารถปิดในแดนบวกได้ แม้ดัชนีดาวโจนส์จะลดลงกว่า 520 จุด โดยปิดที่ 1,062.07 จุด เพิ่มขึ้น 1.86 จุด มูลค่าการซื้อขาย 30,361.98 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 2,234.06 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 469.98 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,399.50 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 635.42 ล้านบาท ขณะที่บางจากและ ปตท.แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินลง 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี 85 ที่ปรับลดลง 30 สตางค์ต่อลิตร มีผลเช้าวัน ที่ 12 ส.ค.นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นดังนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ 41.34 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 36.44 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 20 อยู่ที่ 32.44 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 85 อยู่ที่ 21.62 บาทต่อลิตร และดีเซลไม่มีเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร.
  8. ข่าวลือฝรั่งเศสถูกลดอันดับฉุดดาวโจนส์ดิ่งกว่า4% โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ดาวโจนส์ดิ่งเหวต่อกว่า 4% หลังมีข่าวลือฝรั่งเศสอาจถูกลดความน่าเชื่อถือ ดันทองคำทะลุ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ได้สำเร็จ หุ้นดาวโจนส์ในตลาดนิวยอร์กปิดตลาดทรุดลง 4.62% หรือ 519.83 จุดที่ระดับ 10,719.94 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 4.42% หรือ 51.77 จุด ดัชนีแนสแดคลดลง 4.09% หรือ 101.47 จุด ผลจากหุ้นบริษัทแอปเปิลร่วงลง 2.76% ระหว่างการซื้อขายแต่ปิดตลาดเพิ่มขึ้นและมีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์มากที่สุดในโลกแซงหน้าบริษัทเอซซอนโมบิล ด้วยตัวเลข 342,400 ล้านดอลลาร์ ทองคำสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 1,791 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนลดเหลือ 1,790 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามล่าสุดเช้านี้ราคาทองคำทะลุ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้สำเร็จ การทรุดตัวของหุ้นมีขึ้นหลังจากแผนการช่วยเหลือกรีซกลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ส่วนฝรั่งเศสก็เริ่มดูไม่ดี เพราะมีข่าวลือว่าฝรั่งเศสและธนาคารฝรั่งเศสอาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ แม้ได้มีการปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวในเวลาอันรวดเร็ว แต่นักลงทุนก็ยังเทขายหุ้น ข่าวลือดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นยุโรปทรุดฮวบและลามไปตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยหุ้นกลุ่มธนาคารฉุดตลาดลงมากที่สุด หุ้นแบงก์ออฟอเมริกาดิ่งลง 10.9% หุ้นซิตีกรุ๊ปลดลง 10.5% หุ้นโกลแมนแซคลดลง 10.1% ส่วนหุ้นบลูชิพก็ร่วงลง หุ้นอเมริกันเอกซ์เพรสและโบอิ้งลดลงกว่า 7% หุ้นวอลท์ดิสนีย์ลดลง 9.1% หลังจากรายงานรายได้ไตรมาส 3 ที่เกินกว่าการคาดหมายของนักวิเคราะห์ แต่ก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการเติบโตในอนาคต ก่อนหน้านี้หุ้นเยอรมนีลดลง 5.1% หุ้นฝรั่งเศสลดลง 5.5% และหุ้นอังกฤษลดลง 3.1% ทั้งนี้ ปัญหาหนี้ยุโรปกลับมาสร้างความวิตกเมื่อฟิทช์ลดอันดับไซปรัสและแสดงความเห็นว่าไซปรัสอาจต้องอาศัยเงินช่วยเหลือจากภายนอก จากนั้นเจ้าหน้าที่กรีซก็ออกมากล่าวว่าเงื่อนไขสำหรับการแลกเปลี่ยนพันธบัตรภายใต้ข้อตกลงช่วยเหลือฉบับใหม่ อาจกินเวลาเกินกว่าปี 2563 หรือนานกว่าที่วางแผนไว้ และกระบวนการแลกเปลี่ยนยังไม่ได้เริ่มต้น ข่าวนี้กระทบถึงภาคธนาคารและบริษัทประกันที่ยอมเหมือนกับทำแฮร์คัทพันธบัตรกรีซ รวมถึงธนาคารและบริษัทประกันฝรั่งเศสที่ตกลงขยายเวลาชำระหนี้กรีซ 15,000 ล้านยูโร ด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์ก สัญญาส่งมอบเดือนก.ย. ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 3.59 ดอลลาร์ที่ 82.89 ดอลลาร์ เป็นการดีดตัวขึ้นหลังจากปรับลดลงมาระยะหนึ่ง
  9. ทองปิดตลาดทำนิวไฮแตะ 1,784.3 ดอลล์ 11 สิงหาคม 2554 เวลา 08:19 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งพุ่งขึ้น 41.3 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 41.3 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.444 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 39.327 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 8.15 เซนต์ ปิดที่ 3.8885 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 7.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 726.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน.ค.เพิ่มขึ้น 15.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,771.70 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์หลายคนในตลาดทองคำนิวยอร์ก ระบุว่า นักลงทุนทั่วโลกยังคงจับตาดูภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่ไร้เสถียรภาพในสหรัฐและยุโรป โดยในขณะนี้มีกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า ฝรั่งเศสอาจจะเป็นประเทศถัดไปที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่าฝรั่งเศสอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หลังจากต้นทุนรับประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นับตั้งแต่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA สัญญาทองคำก็ทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการในสัปดาห์นี้ หรือพุ่งขึ้นโดยรวม 8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในระยะ 3 วันที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551 เทรดเดอร์กล่าวว่า ปัญหาต่างๆโดยรวมในสหรัฐยังอยู่ห่างไกลจากคำว่าสิ้นสุด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยง ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำขึ้นสู่ระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในระยะเวลา 12 เดือนนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเทขายทองคำเพื่อถือเงินสด โดยกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ลดการถือครองทองคำลงเหลือ 1,297 ตันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากระดับของวันจันทร์ที่ 1,310 ตัน ขอขอบคุณ โพสต์ทูเดย์ดอทคอม
  10. ทองคำโลกพุ่งแตะ 1,740 เหรียญสหรัฐ 10 สิงหาคม 2554 เวลา 07:00 น. ทองคำโลกพุ่งแตะ 1,740 เหรียญสหรัฐ หุ้นรีบาวด์ขึ้นได้หลังเฟดให้ความมั่นใจจะคงดอกเบี้ยต่ำไปอีก 2 ปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาทองคำ ในการซื้อขายที่ตลาดสหรัฐ ปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 9.30 เหรียญสหรัฐ หรือ 0.53% ไปอยู่ที่ 1,752.30 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับรีบาวด์ขึ้นอย่างรุนแรง โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับขึ้นไป 429.92 จุด หรือ 3.98% ไปอยู่ที่ 11,239.80 จุด , ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับขึ้นไป 53.07 จุด หรือ 4.74% ไปปิดที่ 1,172.53 จุด และดัชนีแนสแดก ปรับขึ้นไป 124.83 จุด หรือ 5.29% ไปปิดที่ 2,42.52 จุด การฟื้นตัวของตลาดในวันนี้เป็นผลมาจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศให้คำมั่นเป็นครั้งแรกอย่างชัดเจนว่า เฟด จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปเพื่อการกระตุ้นเศราฐกิจอย่งาต่อเนื่อง ในแถลงการณ์ของเฟด ระบุด้วยว่า คณะกรรมการตลาดของธนาคารกลาง ยังเตรียมหารือถึงการนำมาตรการทางเศรษฐกิจอื่นๆมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่อไปด้วย อย่างไรก็ตาม เฟด ได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าต่อไปในอีกหลายไตรมาสต่อจากนี้ สวนทางจากการประเมินสถานการณ์เมื่อครั้งก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ปัจจัยลบต่างๆต่อเศรษฐกิจสหรัฐไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน หรือผลกระทบต่อภัยธรรมชาติแผ่นดินไหว และสึนามิในญี่ปุ่นกำลังจะสิ้นสุดไป และเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็วขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ขณะที่ทางด้าน นักเศรษฐศาสตร์ต่างเชื่อกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสสูงมากที่จะเข้าสู่ภาวะถอดถอยอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจาก ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2011 นี้ เศรษฐกิจสหรัฐเติบโอย่างเชื่องช้ากว่าที่ประเมินกันไว้มาก อีกทั้ง ดัชนีภาคอุตสหกรรม และการผลิตในเดือนกรกฎาคมล่าสุดก็แทบจะไม่ขยับเลย ขณะที่ตัวเลขการว่างงานในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 9% ประกอบกับที่มีความวิตกกังวลอย่างหนรักจากสถานการณ์วิกฤตหนี้ในยุโรป ตลอดจนปัญหาภาวะเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่ก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจโลกด้วย เมื่อวานนี้ จีน ได้ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดประจำเดือนกรกฎาคมปรากฏว่าพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 6.5% แล้ว จากเดิมในเดือนมิถุนายนที่ 6.4% ทางด้าน บ็อบ ดอลล์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์หลักทรัพย์ของกองทุนแบล็คร็อค ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจของเฟดที่จะคงอัตราดอกเบี้ยต่อออกไปอย่างน้อย 2 ปีนี้ ถือเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง และอาจจะพูดได้ว่า เฟดกำลังแอบแฝงใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนปรนเชิงปริมาณ หรือคิวอี อยู่ ก่อนหน้านี้ เฟดเคยใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเข้าซื้อคืนพันธบัตรสหรัฐ หรือนโยบายผ่อนปรนทางปริมาณ หรือคิวอี (Quantative Easing) มูลค่าถึง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการหว่านเงินเข้าสู่ระบบภาคการเงินทางอ้อม และเป็นการกดให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แต่ทว่ามาตรการดังกล่าวก็ทำให้เกิดผลค้างเคียงรุนแรงที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าอย่างรุนแรง และทำให้กระแสทุนไหลทะลักเข้าสู่เอเชียทำให้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าต่อเนื่องเมื่อปีที่แล้ว โดยโครงการดังกล่าวเพิ่งจะหมดอายุลงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผานมานี้เองท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่านโยบายดังกล่าวไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจสหรัฐแต่อย่างใดเลย นาย ดอลล์ ให้ความด้วยว่า นักลงทุนจะกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้งแน่นอน ถ้าหากเฟด จะนำโครงการซื้อพันธบัตรกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังเชื่อว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับมาสู่ทิศทางบวกได้อย่างแน่นอน เนื่องจากแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีอัตราเติบโตอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าก็ยังไม่ได้สร้างอันตรายต่อผลกำไรของบริษัทเอกชนเท่าไหร่นัก www.posttoday.com
  11. ผันผวนหนัก!!!วันเดียว“ทอง”ปรับขึ้น-ลง 19 รอบ ราคาทะลุสองหมื่นห้า สมาคมค้าทองคำประกาศเปลี่ยนราคาทองคำล่าสุด เมื่อเวลา 17.08 น. พบว่า เฉพาะวันนี้(9 ส.ค.) ราคาทองคำปรับขึ้น-ลงถึง 19 รอบ โดยปรับขึ้น 14 ครั้ง และลดลง 5 ครั้ง(ดูตารางด้านบน)
  12. ตลาดหุ้นโลกร่วงระนาว-ทองยังพุ่ง รอความหวัง'เฟด'จะอัดฉีดเงินQE3 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 สิงหาคม 2554 23:28 น. นักลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก เอเจนซี/เอเอฟพี - ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงตื่นตระหนกไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจโลก ภายหลังรัฐบาลสหรัฐฯถูกหั่นลดเครดิตเรตติ้ง และวิกฤตหนี้สินสาธารณะของยูโรโฟนทำท่าลุกลามถึงอิตาลีและสเปน ทำให้ตลาดวอลล์ทสตรีทร่วงหนักในวันจันทร์(8) แล้วส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปวันอังคาร(9) ดิ่งลงเหวต่อ โดยพ่วงปัจจัยวิตกจากปัญหาเงินเฟ้อในจีนที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีด้วย ผลจากการที่นักลงทุนเทขายหุ้นและแห่ไปซื้อทองคำกักตุนไว้ก็ดันให้ราคาทองคำกระโจนขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ด้วย อย่างไรก็ตามนักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงมองโลกในแง่ดีโดยคาดการณ์ว่า ความเคลื่อนไหวแทรกแซงมาจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินในเย็นวันอังคาร (9)ตามเวลาท้องถิ่น อาจช่วยบรรเทาสภาพความตื่นตระหนกในตลาดได้ โดยที่พวกเขาหวังว่า เฟดอาจส่งสัญญาณที่จะดำเนินมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรอบที่ 3 ผลจากความตื่นตระหนกว่าปัญหาหนี้สินสาธารณะของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ถูกสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) หั่นเครดิตเรตติ้งลงเหลือ AA+ ไปหมาดๆ เมื่อวันศุกร์(5) อาจฉุดรั้งให้เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลกรายนี้เข้าสู่ภาวะถดถอยระลอกสองนั้น ก็ทำให้นักลงทุนวอลล์สตรีทต่างพากันเทขายหุ้นทิ้งในวันจันทร์ (8) ส่งผลให้ดัชนี S&P500 ดำดิ่ง 6.66% ลงมาปิดที่ระดับ 1,119.46 จุด ซึ่งถือเป็นภาวะตลาดเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2008 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ ภาคอุตสาหกรรม ก็ไม่น้อยหน้า ร่วงลง 634.76 จุด คิดเป็น 5.55% มาปิดที่ระดับ 10,809.85 จุด ส่วนแนสแด็ก คอมโปสิต ก็ลดฮวบฮาบ 174.72 จุด หรือ 6.9% นอกจากตลาดหุ้นแล้ว เงินดอลลาร์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยในตลาดซื้อขายที่โตเกียวช่วงหนึ่งเมื่อวันอังคาร ดอลลาร์ขยับอ่อนค่าลงเทียบกับเงินเยน เหลือ 77.31 ต่อ 1 ดอลลาร์ จากระดับ 77.68 เยน/ดอลลาร์ ในช่วงเย็นวันจันทร์ (8) ที่ตลาดนิวยอร์ก เช่นเดียวกับเงินสกุลยูโรซึ่งก็แข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์ด้วย ทางด้านทองคำ สินทรัพย์ประเภทซึ่งนักลงทุนมองว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด ก็พุ่งขึ้นแตะระดับ 1,772.09 ดอลลาร์ต่อหนึ่งออนซ์ อันเป็นสถิติสูงสุดใหม่ในการซื้อขายที่ตลาดฮ่องกงเมื่อวานนี้ และยังทะยานสร้างสถิติใหม่ที่ 1,778.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงการซื้อขายที่ลอนดอน ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังคงขยับต่ำลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เมื่อวันอังคาร (9) จากปัจจัยหวั่นวิตกว่าสภาพเศรษฐกิจโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อาจชะลอกิจกรรมการผลิตและการบริโภคทั่วโลกลงอันจะส่งผลกระทบต่อดีมานด์น้ำมันให้หดลงตามไปด้วย โดยสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด (เวสต์ เทกซัส อินเตอร์มิเดียต) เพื่อการส่งมอบเดือนกันยายนในตลาดนิวยอร์ก ณ เวลา 6.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรินิช (ตรงกับ 13.00 น. เวลาเมืองไทย) ปรากฏว่า ปรับตัวต่ำลง 2.35 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 2.89% มาอยู่ที่ 78.96 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ทะเลเหนือ เพื่อการส่งมอบเดือนกันยายนที่ตลาดลอนดอน ขยับหลุดลงจากแนวรับ100 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบาร์เรลในบางช่วงของการซื้อขาย ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นไปที่ระดับ 101.92 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือลดลง 1.82 ดอลลาร์ จากราคาปิดตลาดในวันจันทร์ ทางด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นฟากเอเชียเมื่อวันอังคาร (9) ปรากฏว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์สำคัญๆ ต่างปิดในแดนลบกันถ้วนหน้าต่อเนื่องเป็นวันที่สองของสัปดาห์ จากความวิตกในปัญหาหนี้สินของสหรัฐฯ และยูโรโซนเป็นสำคัญ โดยดัชนีนิเกอิ โตเกียว ดิ่งลง 153.08 จุด หรือ 1.68% มาปิดที่ระดับ 8,944.48 จุด ขณะที่ดัชนีหั่งเส็ง ฮ่องกง รูดลง 1,159.87 จุด หรือ 5.66% ก่อนปิดที่ระดับ 19,330.70 จุด ส่วนดัชนี KOSPI โซล ร่วงลง 3.63%, เช่นเดียวกับดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโปสิต ที่ปิดต่ำลง 0.75% หลังจากร่วงลงไปลึกและดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ระดับต่ำกว่าวันจันทร์เล็กน้อยด้วยแรงช้อนซื้อในช่วงท้าย ข้ามไปที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปซึ่งเปิดทำการช้ากว่าฟากเอเชีย ปรากฏว่า บรรยากาศก็ยังไม่สู้ดีต่อเนื่องจากวันก่อนหน้านี้โดยต่างยังเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่จากปัจจัยความกังวลที่มีต่อปัญหาหนี้สหรัฐฯ และยูโรโซน ถึงแม้ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะดำเนินการแทรกแซงตลาดด้วยการรับซื้อพันธบัตรอิตาลีและสเปนเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนแล้วก็ตาม นอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกเพิ่มเติมจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนซึ่งพุ่งแตะ 6.5% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 3 ปีด้วย จนนักลงทุนเกรงว่าจะฉุดให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงไปอีก ทั้งนี้การซื้อขายจนถึงเที่ยงวัน ดัชนี FTSE ลอนดอน ร่วงลง 1.90% ส่วน DAX แฟรงค์เฟิร์ต ถอยลง 3.24% , และCAC 40 ปารีส ปรับตัวลดลง 1.2% อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของการซื้อขาย ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ของยุโรปขยับขึ้นมาปิดบวกในกรอบแคบๆเกือบทั้งหมด โดบ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.89% ปารีส เพิ่มขึ้น 1.63% ส่วน แฟร่งเฟิร์ต เหลือปิดลบเพียง 0.10% บรรดานักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งยังมองโลกในแง่ดีว่า ความเคลื่อนไหวในทิศทางบวกของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในคืนวันอังคาร (9) ตามเวลาท้องถิ่น (ช่วงเช้าตรู่วันพุธตามเวลาเมืองไทย) อาจช่วยบรรเทาสภาพความหวาดวิตกในตลาดได้ก่อนหน้าที่ตลาดหุ้นฟากเอเชียจะเริ่มทยอยเปิดทำการ ทั้งนี้นักลงทุนคาดว่า เฟด อาจเริ่มมีเค้าโครงแพกเกจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจรอบใหม่ ด้วยมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณระลอก 3 (QE3) ก็เป็นได้ “ดูเหมือนจะมีแนวโน้มในทิศทางบวกผ่านเข้าไปในตลาดว่า ประธานเฟด เบน เบอร์นันกี อาจมีแผนการสำหรับแพกเกจคิวอี3ในช่วงเย็นวันนี้” เบน พอตเตอร์ นักวิเคราะห์แห่งไอจี มาร์เกตส์ ให้ทัศนะ **“มูดีส์” แย้ง S&P มั่ว** ด้านมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส 1 ใน 3 บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ของโลกออกโรงสวนกลับ S&P บริษัทคู่แข่งที่ตัดสินใจลดเครดิตเรตติ้งสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังรักษารากฐานงบประมาณได้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ ซึ่งถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ AAA มูดีส์ระบุในรายงานวิเคราะห์ฉบับหนึ่งว่า “เมื่อเทียบกับรัฐบาลที่มีเรตติ้ง AAA ขนาดใหญ่อื่นๆ สถานะหนี้ของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูง และไม่ได้ผิดแผกไปจากสถานะหนี้ของประเทศเหล่านั้นเลย” สหรัฐฯ ได้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในระยะยาว และสภาพของเงินดอลลาร์ในฐานะเงินทุนสำรองทั่วโลก ซึ่งทำให้วอชิงตันยังคงรักษาระดับหนี้ได้สูงกว่าที่จะสามารถเป็นอย่างอื่นไปได้ มูดีส์เสริม อย่างไรก็ตาม บริษัทเครดิตเรตติ้งรายนี้เคยเตือนว่า สหรัฐฯ ยังเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจาก AAA ได้ หากวินัยการคลังของรัฐบาลอ่อนแอลง หรือการเติบโตทางเศรษฐกิจถดถอยอย่างมีนัยสำคัญ
  13. ทองพุ่งทำนิวไฮที่ 1,713.2 ดอลล์ 09 สิงหาคม 2554 เวลา 07:57 น. |เปิดอ่าน 260 | ความคิดเห็น 3 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะยานขึ้นกว่า 60 ดอลลาร์ ทำนิวไฮที่ 1,713.2 ดอลล์ นักลลทุน วิตกเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 61.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 1,713.2 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.169 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 39.38 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 15.55 เซนต์ ปิดที่ 3.9615 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 13.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 728.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 4.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,723.60 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์ด้านทองคำกล่าวว่า ตลาดทองคำเคลื่อนไหวอย่างเหลือเชื่อ การที่เอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้สัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การลดอันดับเครดิตถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังนักลงทุนทั่วโลกว่าสหรัฐกำลังตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ และเป็นการเตือนว่าแม้แต่ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับวิกฤตหนี้สินได้ โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในรายงานครั้งล่าสุด โดยคาดว่าสัญญาทองคำจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,730 ดอลลาร์/ออนซ์ในระยะเวลา 6 เดือนนี้ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,635 ดอลลาร์/ออนซ์ และคาดว่าสัญญาทองคำจะพุ่งขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 1,860 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในระยะเวลา 1 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1,730 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่า สัญญาทองคำมีโอกาสพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้ www.posttoday.com
  14. ทองคำปิดลบ 7.2 ดอลล์ 06 สิงหาคม 2554 เวลา 08:08 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐเพิ่มขึ้น สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลดลง 7.2 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,651.8 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,644.2 - 1672.5 ดอลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 38.211 ดอลลาร์ ร่วงลง 1.22 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 11.85 เซนต์ ปิดที่ 4.117ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,719.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 10.3 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 741.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 11.20 ดอลลาร์ ทั้งนี้ สัญญาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนเพิ่มการจ้างงาน ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยครั้งใหม่ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนที่ระดับ 46,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 85,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.1% จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.2% http://www.posttoday.com/
  15. ทองพุ่งวันเดียว550ดันราคาบาทละ23,450 03 สิงหาคม 2554 เวลา 13:31 น. ทองคำในประเทศทำสถิตินิวไฮไม่หยุดขยับขึ้นวันเดียว 3 รอบ รวม 550 บาท ดันราคาแตะบาทละ 23,450 บาท สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาทองยังคงปรับตัวทำสถิติสูงสูดเป็นประวัติการณ์(นิวไฮ) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามของวันแล้ว โดยปรับเพิ่มขึ้นจากวานนี้รวมแล้วบาทละ 550 หลังราคาทองในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นทำนิวไฮ และการปรับตัวอ่อนค่าของเงินบาท เมื่อเวลา 13.55 น. ทองคำปรับขึ้นอีก 50 บาท ทองคำแท่งรับซื้อคืน 23,350 บาท ขายออก 23,450 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 23,012.88 บาท ขายออก 23,850 บาท ก่อนหน้านี้มื่อเวลา 13.11 น.ราคากลางทองมีการปรับขึ้นจากช่วงสายที่ผ่านมาอีกบาทละ 50 โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 23,300 บาท ขายออกบาทละ 23,400 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 22,967.40 บาท ขายออกบาทละ 23,800 บาท ขณะที่เมื่อเวลา 11.00 น. ราคาทองคำแท่งปรับขึ้นจากช่วงเช้า 50 บาท ทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 23,250 บาทขายออกบาทละ 23,350 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 22,906.76 บาท ขายออกบาทละ 23,750 บาท ส่วนการเปิดตลาดช่วงเช้าเมื่อเวลา 09.35 น. ราคาทองคำปรับขึ้นจากเมื่อวานทันที 400 บาท ทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 23,200 บาท ขายออกบาทละ 23,300 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 22,861.28 บาท ขายออกบาทละ 23,700 บาท ด้าน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ซื้อทองคำมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อการเพิ่มผลตอบแทน แต่เพื่อสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของสินทรัพย์มากกว่า ในขณะที่เงินดอลลาร์มีปัญหา ยูโรไม่น่าสนใจ เงินเยนมีขีดจำกัด ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ และเป็นทางออก ณ ขณะนี้ เพราะไม่มีทางออกอื่น หรือ ทางออกอื่นมีความเสี่ยงแต่ทองคำในปัจจุบัน ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดเวลาทำให้ระยะต่อไปทองคำอาจไม่มั่นคงหรือไม่ปลอดภัยได้เช่นกัน สำหรับการบริหารพอร์ตของธนาคารกลางปกติไม่มีการกำหนดสัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละประเภทในพอร์ต จะขึ้นอยูกับแต่ละช่วงเวลามากกว่า เพราะหน้าที่ของผู้บริหารพอร์ตก็คือดูว่าแนวโน้มในเวลานั้นเป็นอย่างไร และควรลงทุนสินทรัพย์ไหน เพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัยของพอร์ต http://www.posttoday.com/
  16. วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ 03 สิงหาคม 2554 เวลา 06:57 น. สภาสูงสหรัฐผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ ร่างกฎหมายส่งถึงมือบารัค โอบามาเรียบร้อย สหรัฐรอดพ้นจากการเป็นหนี้เสียได้อย่างหวุดหวิด วุฒิสภาสหรัฐออกเสียงโหวตผ่านมติ ร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเสนียงข้างมาก 74 ต่อ 26 เสียง เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายได้ส่งถึงมือประธานาธิบดี บารัค โอบามา ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยในที่สุด ทำให้รัฐบาลสหรัฐสามารถกู้เงินเพิ่มได้ในที่สุดอีก 2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รอดพ้นจากการเป็นหนี้เสีย สามารถกู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาชำระหนี้คืนพันธบัตรครบกำหนดชำระได้ทันเวลาภายในวันที่ 2 สิงหาคม (ตามเวลาในสหรัฐ หรือวันที่ 3 สิงหาคม ตามเวลาในไทย) ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ผ่านมติดังกล่าวไปด้วยคะแนน 269 ต่อ 161 เสียง โดยทางด้านประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ยกย่องวุฒิสภาที่สามารถทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านไปได้เรียบร้อย ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจว่าสหรัฐจะยืนหยัดต่อไปด้วยแนวทางของสหรัฐ ทั้งนี้ ถ้าหากสหรัฐเพิ่มเพดานหนี้ไม่ทันนั้น อาจจะทำให้สหรัฐต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ก็จะอ่อนตัวอย่างรุนแรง และจะส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของสหรัฐ และโลกอย่างรุนแรงด้วย อีกทั้งสหรัฐยังจะถูกลดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้จากที่ระดับสูงสุด AAA ด้วย ล่าสุดนั้น ทางด้าน มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับเครดิตชื่อดังได้ออกมาย้ำความมั่นใจว่า เครดิตของสหรัฐยังคงอยู่ที่ระดับ AAA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของโลก แต่ทว่า ได้ปรับลดคาดการณ์เครดิตในอนาคตลงมาอยู่ที่ "เนกาทีฟ" หรือ “ติดลบ” ซึ่งหมายความว่ามูดี์ส์ มีความเป็นไปได้ที่จะลดเครดิตสหรัฐได้ภายใน ปี หรือ 2 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสหรัฐจะสามารถรอดพ้นวิกฤตจากการเป็นหนี้เสียครั้งนี้ไปได้ แต่ทว่าทางด้านจีน ซึ่งถือพันธบัตรสหรัฐไว้มากที่สุดในโลกมากถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (30 ล้านล้านบาท) ก็ออกมาเตือนว่า ปัญหาหนี้ของสหรัฐยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน และจะยังเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลกต่อไป www.posttoday.com
  17. สภาผู้แทนฯสหรัฐโวตผ่านร่างงบประมาณแล้ว 02 สิงหาคม 2554 เวลา 06:49 น. สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโวตผ่านร่างงบประมาณ ด้วยคะแนน 269 ต่อ 161 เสียง วุฒิสภาเตรียมโวตพรุ่งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 ตามเวลาในไทย หรือ 18.30 น. ตามเวลาที่กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ออกเสียงโวตผ่านร่างมติงบประมาณฉบับมีปัญหาผ่านแล้ว ด้วยคะแนนเสียงข้างมากที่ 269 ต่อ 161 เสียง ผ่านด่านแรกก่อนที่ร่างงบประมาณดังกล่าวจะส่งต่อขึ้นไปยังวุฒิสภาในวันอังคารนี้ (วันพุธตามเวลาในไทย) และจะทำการโวตกันอีกครั้ง การออกเสียงรับรองร่างกฎหมายดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา และแกนนำสภคองเกรสของทั้งพรรครีพับบลิกกัน และเดโมแครต สามารถบรรลุข้อตกลงที่จะตัดลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเพดานกู้หนี้ให้กับรัฐบาลสหรัฐ อีก 2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยการตัดลดค่าใช้จ่ายในร่างงบประมาณฉบับนี้นั้นส่วนหนึ่งจะเป็นการตัดลบงบประมาณการทหารลง 3.5 แสนล้านเหรียยญสหรัฐด้วย ตามกำหนดเวลานั้น กฎหมายฉบับนี้จำเป็นต้องได้รับการโวตรับรองจากทั้งสองสภาให้ทันภายในวันอังคาร และจะต้องถึงมือประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมาย ให้ทันภายในวันอังคารนี้ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐจะต้องชำระคืนพันธบัตรครบกำหนดชำระคืนในวันอังคาร หรือ 2 สิงหาคม นี้ ก่อนหน้า ได้เกิดความวิตกังวลมาโดยตลอดว่าสหรัฐอาจจะเพิ่มเพดานกู้หนี้เพิ่มของรัฐบาลไม่ทัน ทำให้ไม่มีเงินชำระหนี้คืนดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สหรัฐกลายเป็นหนี้เสียอันจะส่งผลกระทบต่อภาคการเงินโลก และสหรัฐเองอย่างรุนแรงโดยค่าเงินดอลลาร์จะลดค่าลงอย่างรุนแรง ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นในทันที อีกทั้งยังจะทำให้สหรัฐต้องถูกลดอันดับเครดิตลงจากที่ระดับสูงสุด AAA อีกด้วย ทั้งนี้ ในข้อตกลงการตดลดรายจ่ายลงในร่างงบประมาณดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยส่วนแรก มีมูลค่า 9.17 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในส่วนนี้จะตัดลดงบประมาณด้านความมั่นคงแห่งชาติลง 4.20 แสนล้านเหรียญสหรัฐด้วย และในขั้นที่สอง คณะกรรมาธิการร่วมสภาคองเกรสจะเสนอให้ลดค่าใช้จ่ายลงอีก 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่านี้ ซึ่งจะไปออกเสียงโหวตกันอีกครั้งในปลายปี จากการลดรายจ่ายในร่างงบประมาณดังกล่าวจะทำให้ จะทำให้รัฐบาลสหรัฐเพิ่มเพดานกู้หนี้ได้อัตโนมัติทันที 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะมีสิทธิสั่งเพิ่มเพดานกู้หนี้ได้อีก 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐได้อีกถ้าหากไม่ถูกสภาคองเกรสคดค้านเสียก่อน http://www.posttoday.com
  18. ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ถกต่อวันนี้ ราคาทองลง 1% โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 สิงหาคม 2554 05:57 น. เจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป ราคาทองคำลดลง 1% หลังมีแนวโน้มที่ดีในการขยายเพดานหนี้ อีก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาทองคำลดลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายเช้าวันจันทร์ หลังจากที่สหรัฐฯ ใกล้จะได้ข้อยุติเรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะ ราคาสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,614 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่ราคาสป็อตลดลง 0.9% มาอยู่ที่ 1,611.89 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีระดับต่ำสุดที่ 1,606.79 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 1,626 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาใกล้จะได้ข้อยุติ ในการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกของตลาดการเงินหากสหรัฐฯไม่สามารถชำระหนี้ได้ และจะมีการเจรจากันต่อในวันจันทร์นี้ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทำเนียบขาว และผู้นำรัฐสภาจากพรรครีพับลิกัน มีความคืบหน้าที่จะผลักดันข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกของรัฐบาล ที่กำหนดจะมาถึงในวันที่ 2 ส.ค. อย่างไรก็ตามล่าสุดยังไม่มีข้อสรปว่าแผนการขยายเพดานหนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เพดานหนี้สาธารณะ (Public Debt Ceiling) หมายถึง ปริมาณหนี้สูงสุด ที่รัฐบาลของประเทศนั้นๆ จะสามารถกู้ยืม หรือก่อหนี้ ได้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของการออกพันธบัตรรัฐบาล การกู้ยืมเงินจากธนาคาร ทั้งในหรือนอกประเทศ โดยเงินที่กู้มานั้น รัฐบาลจะ นำมาใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน หรือใช้จ่ายค่าใช้จ่ายประจำทั่วไปของรัฐบาล เช่น เงินเดือนข้าราชการ เป็นต้น สหรัฐฯได้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะไว้ที่ระดับ 14.3 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯได้กู้ยืมเต็มวงเงินดัง กล่าวแล้ว ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถกู้ยืมเงินได้เพิ่มเติมอีก หากไม่มีการขยายเพดานหนี้ออกไป ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประเมินว่า สหรัฐฯ มีเงินคงเหลือเพียงพอที่จะจ่ายหนี้ และค่าใช้จ่ายต่างๆ จนถึงแค่วันที่ 2 สิงหาคม 2554 เท่านั้น ดังนั้น จึงจำ เป็นที่จะต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้จ่าย และชำระหนี้เพิ่มเติมได้ สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน สหรัฐฯยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับเพิ่มหนี้สาธารณะได้ โดยเป็นผลมาจากจากความขัด แย้ง ระหว่างประธานาธิบดีโอบามา (จากพรรคเดโมแครต) กับสมาชิกสภาคองเกรสเสียงข้างมาก จากพรรครีพับลิกัน ที่ยังไม่เห็น ชอบตรงกันในเงื่อนไขหลังปรับเพิ่มเพดานหนี้ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯเป็นหนี้อยู่ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเจ้าหนี้ 1 ใน 3 เป็นรัฐบาลและนักลงทุนต่างชาติ อีก 1 ใน 3 เป็นกอง ทุนบำนาญสหรัฐฯ รวมถึงนักลงทุนอเมริกัน สหรัฐฯติดหนี้ตัวเองก้อนใหญ่ที่สุดประมาณ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์ อยู่ในรูปของสินทรัพย์ที่กู้ยืมจากโครงการบำนาญประกันสังคม และระบบประกันสุขภาพสำหรับคนชรา หนี้ที่ติดค้างต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ นับถึงปี 2553 โดยรัฐบาลจีนและนักลงทุนจีนถือครองหนี้ สหรัฐฯมากที่สุด 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8% ของหนี้สิ้นทั้งหมด เจ้าหนี้อันดับสอง ได้แก่ ญี่ปุ่น 9.12 แสนล้านดอลลาร์ ตามด้วยอังกฤษ 3.46 แสนล้านดอลลาร์ และประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน 2.3 แสนล้านดอลลาร์ บราซิลถือครองหนี้สหรัฐฯ 2.11 แสนล้านดอลลาร์ ไต้หวัน รัสเซีย และฮ่องกง ถือครองรายละกว่า 1 แสนล้าน ดอลลาร์ ส่วนหนี้ที่สหรัฐติดค้างตัวเอง แบ่งเป็น 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับกองทุนบำนาญสหรัฐฯ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับกองทุน เงินออมอื่นๆ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับนักลงทุนรายบุคคล 5 แสนล้านดอลลาร์สำหรับรัฐบาลท้องถิ่น และ 6 แสนล้าน ดอลลาร์สำหรับธนาคารพาณิชย์และบริษัทประกัน
  19. น้ำมันทรงตัว-หุ้นมะกันปิดลบ จับตาเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2554 05:09 น. เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันพฤหัสบดี (28) ปิดในกรอบแคบๆ เหตุนักลงทุนจับตาความคืบหน้าการเจรจาประนีประนอมขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยนี้ฉุดวอลล์สตรีทปิดลบต่อเนื่องอีกวัน หลังทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังไม่มีท่าทีรอมชอมกัน นำมาซึ่งความกังวลว่าอเมริกาอาจต้องผิดนัดชำระหนี้ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 97.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 7 เซ็นต์ ปิดที่ 117.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กระทรวงการคลังสหรัฐฯ บอกว่า หากรัฐบาลไม่สามารถขยับเพิ่มเพดานก่อหนี้จากระดับ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ที่ขีดเอาไว้ในปัจจุบันในวันอังคาร (2) ก็อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อตลาดเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จนถึงวันพฤหัสบดี (28) ยังไม่มีท่ารีรอมชอมกันระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยสภาล่างที่ครองเสียงส่วนใหญ่โดยรีพับลิกันมีแผนลงมติรับรองร่างกฎหมายตัดลดงบประมาณรายจ่าย ซึ่งแน่นอนว่าจะถูกปฏิเสธโดยวุฒิสภาที่ทางเดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้วอลล์สตรีทยังปิดลบต่อเนื่องวานนี้ (28) ขณะที่นักลงทุนผู้อยู่ในห้วงแห่งความกังวลเฝ้ารอให้วิกฤตความขัดแย้งขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะในวอชิงตันคลี่คลาย ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 62.44 จุด (0.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,240.11 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 1.46 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,766.25 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.22 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,300.67 จุด
  20. แรงขายทำกำไรฉุดทองคำปิดลบ 1.10 ดอลลาร์ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2554 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,616.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,605.00-1,622.80 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 77.4 เซนต์ ปิดที่ 39.794 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 15.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,792.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 828.10 ดอลลาร์/ออนซ์ สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนักวิเคราะห์ในตลาดทองคำว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้สร้างกดดันให้กับสัญญาทองคำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.21% แตะที่ 74.25 จุดเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ค. ลดลง 24,000 ราย สู่ระดับ 398,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ที่จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 400,000 ราย --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-
  21. ทายตัวบนไม่ออก (ไปไม่ถึง) แต่ตัวล่างลงมาตรงเปะแล้วนะครับ 1602.85 แล้ว Rebound มาตรง 1608 ในเวลานี้ ยังมองว่าลงอยู่ครับ
  22. แรงขายทำกำไรฉุดทองคำปิดลบ 1.70 ดอลลาร์ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม 2554 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่การเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,615.10 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 40.568 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.15 เซนต์ ปิดที่ 4.4465 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ ปิดที่ 1,808 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 833.20 ดอลลาร์/ออนซ์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำร่วงลงเป็นวันแรกหลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1628.8 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันอังคาร และก่อนหน้าที่ทองคำจะพุ่งขึ้นทำนิวไฮที่ระดับดังกล่าวนั้น สัญญาทองคำได้ทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.78% แตะที่ 74.1 จุดเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องนักลงทุนบางกลุ่มยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงเวลาที่การเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  23. สวัสดีครับ ทุกท่าน ขออภัยที่มาบ้างหายบ้างแล้วแต่อารมณ์ และเวลาที่ว่างครับ ราคาทองคำหลังจากที่ทำให้ทุกท่านเมาคลื่น แกว่งตัวไปมาในช่วงแคบๆหลายวัน เดาทางกันไม่ถูกว่า จะขึ้นหรือลงดี ทำเอานักลงทุนถอดใจกันไปหลายคนเลย จนเมื่อคืนนี้ ราคาทองลงไปตรงแนวรับที่ 1608ถึงสามครั้ง แล้วรับไว้ได้ ทำให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามา ดันให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นมาทดสอบแนวต้านด้านบนที่ 1622 แล้วผ่านไปยังแนวต้าน ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 1624 แล้วย่อกลับลงมาที่แนวรับที่ 1622 วัดใจนักลงทุนกันอีก คงรอข่าว สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเนื่องจากประเด็นการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นและย้ายฐานการลงทุนเข้ามาในตลาดทองคำ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ และนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ตั้งแต่วันจันทร์ ซึ่งหากผู้นำสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐยังไม่สามารถตกลงกันได้ภายในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก็อาจทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ โดยปัจจุบันเพดานหนี้ของสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGBEST Group กล่าวว่า หากสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก ผิดนัดชำระหนี้ ก็จะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ให้กับตลาดการเงินทั่วโลก และอาจจะสั่นคลอนเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนคาดว่า หากผู้นำสภาคองเกรสสามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็อาจจะทำให้สัญญาทองคำปรับฐานลงทันที ข่าวนี้นักลงทุนรอคอยกันทั่วโลก ลงทุนในทองคำตอนนี้ก็เหมือนกับเล่นโยนเหรียญหัวก้อย แต่ถ้ามองในมุมมองทางเทคนิคแล้ว วันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับที่1618 และมีแนวต้านที่1624ซึ่งถ้าหากว่ามีการเก็งกำไร ว่าสภาคองแครงอ้าว...ไม่ใช่สิ สภาคองเกรสสหรัฐจะไม่ผ่านร่าง ก็อาจจะ(ขอย้ำว่าอาจจะนะครับ) ดันราคาทองให้พุ่งพรวดขึ้น ซึ่งแนวต้านถัดไปจะอยู่ที่1642ครับ แต่ถ้าหากว่าข่าวออกมาว่าผ่านร่าง ราคาทองก็คงจะร่วงลงโดยมีแนวรับที่1624เป็นแนวรับแรก และแนวรับถัดไปที่1614และถัดไปที่1610/1603ครับ สถานการณ์ยัง50/50อยู่ แต่ถ้าจะให้ทายยังทายว่าขึ้นได้อยุ่ครับแต่คงไม่เกิน1642-1645ครับ คงต้องรอหวยออกครับ งานนี้ให้ทายสหรัฐคงไม่ทำให้ถูกคนทั้งโลกด่านะครับ แค่นี้โอบามาก็โดนด่ามากพอแล้ว ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ
×
×
  • สร้างใหม่...