ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

ห้างทองน่ำเชียง

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    947
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    7

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย ห้างทองน่ำเชียง

  1. ขอนำภาพมาให้ชมก่อนนะครับ ข้อความเดี๋ยวค่อยมาเขียนครับ
  2. วันนี้ข่าวเยอะหน่อยนะครับ อยากให้สังเกตุว่าข่าวกรีซ และ QE3ที่ออกมาว่าไม่มี แต่ทุกข่าวล้วนทำให้ Dowjones/Us dollar/Euro/Crude Oil/Gold ล้วนปรับตัวขึ้น...ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นนะครับ แปลกมากๆเลย ดาวโจนส์พุ่ง 145.13 จุด จับตากรีซผ่านแผนรัดเข็มขัด ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 มิถุนายน 2554 06:25:53 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่ารัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่สำคัญของการรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานราคาบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสหรัฐ และการพุ่งขึ้นของหุ้นไนกี้ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 145.13 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 12,188.69 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 16.57 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 1,296.67 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น 41.03 จุด หรือ 1.53% ปิดที่ 2,729.31 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า รัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี โดยการอภิปรายในรัฐสภาของกรีซในขณะนี้ครอบคลุมถึงร่างกฎหมายการลดงบประมาณการใช้จ่ายมูลค่า 2.8 หมื่นล้านยูโร (4.032 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ), การปรับขึ้นภาษี และโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมูลค่า 5 หมื่นล้านยูโร (7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมาตรกรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ด้านการคลังระยะกลางที่จะนำมาใช้ในปี 2558 และเป็นข้อกำหนดที่สำคัญของการได้รับเงินกู้งวดใหม่จากไอเอ็มเอฟและอียู นายเอแวนเจลอส เวนีเซลอส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังของกรีซ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐสภากรีซจะอนุมัตมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ ซึ่งจะช่วยให้กรีซมีคุณสมบัติมากพอที่จะรับเงินเบิกจ่ายเงินกู้งวดที่ 5 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้ทันเวลาในเดือนก.ค. โดยเงินเบิกจ่ายงวดที่ 5 นั้นเป็นส่วนหนึ่งของเงินกู้วงเงินกู้รวม 1.10 แสนล้านยูโร (1.57 แสนล้านดอลลาร์) ที่อียูและไอเอ็มเอฟอนุมัติให้กับกรีซเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว เพื่อแลกกับการที่กรีซจะต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อลดการขาดดุลการคลังตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ รายงานว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้ การฟื้นตัวของดัชนีราคาบ้านในสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดที่อยู่อาศัยดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นโฮมดีโปท์ ปิดบวก 2.4% สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กสามารถปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ แม้คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 58.5 จุด จากระดับ 61.7 จุดของเดือนพ.ค. เนื่องจากผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้า หุ้นไนกี้พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงเกินคาด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในระยะยาว ซึ่งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของไนกี้นั้น ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคดีดตัวขึ้น 1.9% และดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 1.5% โดยหุ้นคาเตอร์พิลลาร์ที่ปิดพุ่งขึ้น 3% อย่างไรก็ตาม หุ้นอัลเทรีย กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายบุหรี่รายใหญ่ในสหรัฐ ปิดร่วง 1.5% หลังจากคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ประกาศทบทวนงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า บุหรี่ผสมสารเมนทอลมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ วันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนมิ.ย.และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค. และ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ดอลล์พุ่งหลังเบอร์นันเก้ไม่ส่งสัญญาณใช้ QE3 ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2554 07:13:45 น. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังจากมาตรการ QE2 หมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนนี้ แม้เบอร์นันเก้มองว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงในปีหน้าก็ตาม ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.41% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4347 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4406 ยูโร ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 1.10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6064 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6242 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.330 เยน จากระดับ 80.260 เยน แต่อ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8393 ฟรังค์ จากระดับ 0.8404 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.19% แตะที่ 1.0569 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0589 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.21% แตะที่ 0.8138 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8121 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากเบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังจากมาตรการ QE2 หมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนนี้ แม้เบอร์นันเก้ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงในปีหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะอ่อนแอของตลาดที่อยู่อาศัยและภาคการเงิน เบอร์นันเก้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งล่าสุดว่า ผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นซึ่งมีต่อผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะ "บรรเทาลง" ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนปัญหาหนี้กรีซนั้น เบอร์นันเก้มองว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก หากกรีซผิดนัดชำระหนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปและจะกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งสิ้นสุดเมื่อวานนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมกับยืนยันว่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% ในปี 2554 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.1-3.3% และคาดว่าอัตราว่างงานโดยเฉลี่ยในสหรัฐจะอยู่ที่ 8.6-8.9% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 8.4-8.7% นักลงทุนจับตาดูดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีซึ่งสถาบัน Ifo จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยมีการคาดว่าดัชนีอาจร่วงลงสู่ระดับ 113.5 จุดในเดือนมิ.ย. จากระดับ 114.2 จุดของเดือนพ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกปีนี้ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ยูโรพุ่งรับกระแสคาดกรีซไฟเขียวมาตรการรัดเข็มขัด ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 มิถุนายน 2554 07:10:39 น. ค่าเงินยูโรยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า รัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่สำคัญต่อการรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.57% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4363 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4282 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5995 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5987 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.27% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.100 เยน จากระดับ 80.880 เยน แต่อ่อนตัวลง 0.34% เมื่อเทียบฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8322 ฟรังค์ จากระดับ 0.8350 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0539 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0445 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.72% สู่ระดับ 0.8114 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8056 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า รัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี เพื่อปูทางสู่การรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากไอเอ็มเอฟและอียู นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนจากการที่นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบีได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อในยุโรโซน ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า อีซีบีอาจจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนหน้า แม้ยูโรโซนยังเผชิญกับปัญหาหนี้ก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซพยายามผลักดันให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติผ่านร่างมาตรการดังกล่าว เพื่อให้กรีซมีคุณสมบัติมากพอที่จะรับเงินเบิกจ่ายเงินกู้งวดที่ 5 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้ทันเวลาในเดือนก.ค. ซึ่งเงินเบิกจ่ายงวดที่ 5 นั้นเป็นส่วนหนึ่งของเงินกู้วงเงินวม 1.10 แสนล้านยูโร (1.57 แสนล้านดอลลาร์) ที่อียูและไอเอ็มเอฟอนุมัติให้กับกรีซเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว การอภิปรายในรัฐสภาของกรีซซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์นั้น ครอบคลุมถึงร่างกฎหมายการลดงบประมาณการใช้จ่ายมูลค่า 2.8 หมื่นล้านยูโร (4.032 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ), การปรับขึ้นภาษี และโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมูลค่า 5 หมื่นล้านยูโร (7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมาตรกรเหล่านี้เป็นข้อกำหนดที่สำคัญของการได้รับเงินกู้งวดใหม่จากไอเอ็มเอฟและอียู ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 58.5 จุด จากระดับ 61.7 จุดของเดือนพ.ค. เนื่องจากผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์เปิดเผยว่า นิวซีแลนด์มียอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ค.มูลค่า 605 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (487 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงจากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย., ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ข่าวอุ้มกรีซคืบหน้า หนุนน้ำมันดิบปิดพุ่ง $2.28 ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 มิถุนายน 2554 06:56:30 น. สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่ารัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี เพื่อปูทางสู่การรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.28 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 92.89 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.78 ดอลลาร์/บาร์เรล สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่ารัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี ซึ่งเป็นข้อกำหนดของการรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากไอเอ็มเอฟและอียู ซึ่งรวมถึงการลดงบประมาณการใช้จ่าย การปรับขึ้นภาษี และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ของเยอรมนียอมรับข้อเสนอของฝรั่งเศสในการดึงสถาบันการเงินเอกชนให้เข้ามามีส่วนในการแก้ปัญหาหนี้กรีซ โดยธนาคารเยอรมนีตกลงที่จะซื้อพันธบัตรชุดใหม่ของรัฐบาลกรีซเมื่อพันธบัตรชุดปัจจุบันครบกำหนดไถ่ถอน (หรือการทำ rollover) หลังจากที่ธนาคารฝรั่งเศสได้ดำเนินการนำร่องไปแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ที่ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ตลาดน้ำมันนิวยอร์กขานรับการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะยังคงปรับตัวลดลง โดยนักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 มิ.ย.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้คาดว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1% การปิโตรเลียมแห่งสหรัฐ (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลง 2.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 91,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 945,000 บาร์เรล --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ดอลล์อ่อน,วิกฤตหนี้กรีซ หนุนทองคำปิดบวก $3.8 ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 มิถุนายน 2554 06:39:58 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพราะตลาดได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้ ความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจะลุกลามในยุโรปยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.25% แตะที่ 1,500.2 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ขยับขึ้น 5.3 เซนต์ ปิดที่ 33.638 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 4.05 เซนต์ ปิดที่ 4.092 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 18.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,691.7 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 10.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 735.15 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์ในตลาดทองคำนิวยอร์กเปิดเผยว่า การอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ โดยเมื่อวนนี้ ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ อ่อนตัวลงสู่ระดับ 75.065 จุด จากระดับของวันจันทร์ที่ 75.452 จุด นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยรัฐสภากรีซจะลงมติร่างมาตรการรัดเข็มขัดในสัปดาห์นี้ ขณะที่นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซพยายามเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติผ่านร่างมาตรการดังกล่าว นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า ท้ายที่สุดท้ายรัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อปูทางให้กรีซสามารถรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ รวมถึงราคาน้ำมันดิบและสินค้าทางการเกษตร ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นด้วย --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  3. ทองคำปิดลบ $4.50 เหตุนักลงทุนคลายกังวลเงินเฟ้อ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 28 มิถุนายน 2554 06:44:43 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) โดยสัญญาปิดที่ระดับต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันดิบ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ และลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนและฟรังค์สวิส สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 4.50 ดอลลาร์ ปิดที่1496.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,490.80-1,506.10 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.053 ดอลลาร์ ปิดที่ 33.585 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 4.7 เซนต์ ปิดที่ 4.0515 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 4.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,673.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 6.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 724.60 ดอลลาร์/ออนซ์ สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนักวิเคราะห์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า นักลงทุนลดการถือครองทองคำเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อเริ่มบรรเทาลง หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ร่วงลงติดต่อกันหลายวัน โดยเมื่อคืนนี้นี้ สัญญาน้ำมัน NYMEX ร่วงลงปิดที่ระดับ 90.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาธัญพืชในตลาด CBOT ปรับตัวลงเช่นกัน ไมค์ ดาลีย์ นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัท PFGBEST Group กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูความเคลื่อนไหวของกรีซอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ากรีซจะสามารถทำตามข้อกำหนดในการรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ดาลีย์คาดว่า ท้ายที่สุดแล้วกรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟ นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์ฝรั่งเศสยืดเวลาชำระหนี้พันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนของกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  4. ขออภัยนะครับ ตัวเลขในรูปผิดไปจากที่วิเคราะห์ พอดีรีบเขียนเลยไม่ได้ทบทวน แนวต้านก็คือ 1505 / 1513 ซึ่งถ้าผ่านไปได้ก็ 1526 แนวต้านถัดไปครับ
  5. สวัสดีเช้าวันจันทร์ครับทุกท่าน ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ มีความพยายามดันราคาทองให้ดีดขึ้นหลายครั้งมาก ...แต่ ราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1526 ขึ้นไปได้ วิ่งขึ้นไปได้แค่1525เท่านั้นก็มีแรงเทขายทองคำออกมาโดยตลอด หลังจากนั้นก็มีแรงเทขายออกมาอย่างหนัก จนราคาทองคำร่วงลงมาตรงแนวรับสุดท้ายที่ 1500 คาดว่านักลงทุนคงเริ่มกลัวกันแล้ว ทำให้แรงช้อนซื้อไม่สามารถดันราคาทองคำให้ดีดกลับขึ้นมาได้ ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตรง 1500 ในเวลานี้ วันจันทร์คาดว่าราคาทองคำยังคงกลัวๆกล้าๆ คงไม่มีใครกล้าสวนนัก กลัวบาดเจ็บ คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ ประมาณ 1500 นี้ แล้วราคาทองคำน่าที่จะดีดกลับ Rebound ขึ้น คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวต้านแรกที่ 1505 และแนวต้านถัดไปที่ 1513 ซึ่ง ถ้าผ่านกลับขึ้นไปได้ก็จะมีแนวต้านถัดไปที่1526 ซึ่งตรงนั้นเคยไม่ผ่านมาเมื่อวันศุกร์ไงครับ ถ้าผ่านกลับขึ้นไปได้ก็Beautifull ครับ
  6. เฟดเฉือนคาดการณ์จีดีพีสหรัฐ เดินหน้าตรึงดอกเบี้ย-ยุติคิวอี2ตามคาด 24 มิถุนายน 2554 เวลา 07:37 น. เศรษฐกิจมะกันยังโคม่า เฟดหั่นคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้า ปัดส่งสัญญาณให้ยากระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหม่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจรายไตรมาสของสหรัฐในปีนี้ และปีหน้าลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 ปีเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. โดยเฟดได้ปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ลง 0.50% มาอยู่ที่ 2.7-2.9% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน เม.ย. ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 3.1-3.3% พร้อมกันนี้ยังปรับลดจีดีพีของปีหน้าลงอยู่ที่ 3.3-3.7% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 3.5-4.2% ทั้งนี้ ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เฟดแถลงผลการประชุมนโยบายของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เป็นเวลา 2 วัน ว่าที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับที่ตรึงไว้ตั้งแต่เมื่อเดือน ธ.ค. 2551 เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการภาคการเงินประสบกับวิกฤต นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หรือโครงการซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 30 มิ.ย.ตามแผนการที่วางไว้ หลังจากที่เฟดไฟเขียวให้ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดการตึงตัวในระบบการเงินเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังย้ำว่าจะนำเงินต้นรับชำระคืนจากบริษัทหลักทรัพย์กลับไปลงทุนใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด และหากเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะสภาพคล่องส่วนเกินในวันข้างหน้า เฟดก็มีเครื่องมือที่พร้อมจะดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบในเวลาที่เหมาะสม ในแถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายยังระบุด้วยว่า การฟื้นตัวของทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงดำเนินไปอย่างปานกลาง และในบางช่วงก็ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผลกระทบของราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นเฟดมองว่าภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าลงเช่นนี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ด้านเบน เบอร์แนนคี ประธานเฟด แถลงว่า เหตุผลหลักที่ทำให้ทำให้ต้องคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงซบเซา ขณะที่ตัวเลขการว่างงานเดือน พ.ค. พุ่งขึ้นสูงถึง 9.1% กอปรกับภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะลดลง ทั้งนี้ ในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราการว่างงานโดยเฉลี่ยในสหรัฐจะอยู่ที่ 8.6-8.9% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 8.4-8.7% ส่วนในด้านเงินเฟ้อนั้น เฟด กล่าวว่า แม้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาว “ยังคงมีเสถียรภาพ” และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 2.3-2.5% นอกจากนี้ ประธานเฟดยังยอมรับว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวเพราะมีปัญหาลบหลายอย่าง อาทิ ความอ่อนแอในภาคการเงิน ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาบัญชีงบดุล และการปลดเปลื้องหนี้ ขณะที่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากวิกฤตหนี้สาธารณะในกรีซนั้น เบอร์แนนคี เห็นว่าเป็นประเด็นที่ไม่อาจมองข้าม และเป็นหนึ่งในอีกหลายความเสี่ยงในภาคการเงินที่สหรัฐกำลังเผชิญอยู่ “หากการแก้วิกฤตหนี้ของกรีซประสบกับความล้มเหลว ย่อมกลายเป็นภัยคุกคามต่อระบบการเงินของยุโรป ระบบการเงินโลก และต่อประชาคมการเมืองยุโรปด้วย” เบอร์แนนคี ระบุ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสัญญาณลบทางเศรษฐกิจที่รุมเร้า ประธานเฟดยังคงสงวนท่าที และไม่ส่งสัญญาณว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคตหรือไม่ เนื่องจากเฟดยังไม่เห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในขั้นเลวร้ายเหมือนเมื่อครั้งที่ เฟดต้องเดินเครื่องโครงการซื้อพันธบัตร นอกจากนี้ ท่าทีของเฟดล่าสุดนี้ฉุดให้ราคาน้ำมันโลกปรับลดลงถ้วนหน้า โดยราคาน้ำมันดิบเบาในการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ลดลงถึง 1.23 เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 94.18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงการซื้อขายช่วงบ่าย ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ที่กรุงลอนดอนปรับลดลง 1.16 เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 113.05 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับภาวะตลาดหุ้นเอเชียที่พาเหรดกันปรับตัวลงมาปิดในแดนลบ อาทิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดลดลง 0.34% หรือ 32.69 จุดลงมาอยู่ที่ 9,596.74 จุด ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.39% หรือ 8.04 จุด ลงมาอยู่ที่ 2,055.86 จุด ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบ 0.46% หรือ 100.83จุด มาอยู่ที่ 21,759.14 จุด ทองคำปิดร่วง 19.60 ดอลลาร์ 25 มิถุนายน 2554 เวลา 08:00 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอีก 1.3%นักลงทุนยังคงเทขายทำกำไร สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 19.60 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,500.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,498.50-1,526.50 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 36.4 เซนต์ ปิดที่ 34.638 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 5.95 เซนต์ ปิดที่ 4.0985 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 16.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,677.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 11.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 731.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ ตลาดทองคำถูกกดดันอย่างหนักจากแรงขายทำกำไร นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังกระตุ้นให้นักลงทุนระดมทุนเพื่อใช้ในการทำ margin calls หรือการจ่ายค่าวางหลักประกันเพิ่ม ขณะที่เทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าวว่า แม้ทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงด้านการเงิน แต่หากตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก ก็จะบีบให้บรรดานักเก็งกำไรต้องเทขายทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น โดยเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 16 แห่งในอิตาลี ขอขอบคุณ www.posttoday.com
  7. ขอขอบคุณ คุณเด็กขายของ และคุณปุยเมฆ ด้วยนะครับ เมื่อวานนี้ราคาทองเขย่าขวัญกันอีกแล้วครับ หมู่นี้ยังยุ่งๆอยู่ เลยไม่ได้มาอ่าน หรือมาตอบกระทู้นะครับ ขออภัยด้วยครับ หากท่านใดสนใจลงทุนใน Gold Online ตอนกลางคืน GT Bullion เป็นการรวมตัวของห้างทองรายใหญ่8แห่ง ความเชื่อมั่น รับรองว่าแน่นปึ๊ก เลยนะครับ ดูรายละเอียด หรือโทรสอบถามได้เลยนะครับ วันเสาร์ ทำงานครึ่งวันครับ 02-675-8888 http://www.gtgoldonline.com/
  8. สวัสดีครับ ทุกท่าน ห่างหายไปนาน แต่ก็มีมาๆหายๆนะครับ เอาข่าวมาให้อ่านกัน มีแฟนคลับเรียกร้องให้มาเขียนซะบ้าง วันนี้พอมีเวลามาดูราคาทอง ไม่มาดูได้ยังไงครับ ราคาทองคำดิ่งลงจากจุดสูงสุดที่ 1558ลงมาต่ำสุดที่1512 ร่วงลงมาถึง $46 เลยนะครับ จากข่าว ดอลล์แข็งจากFEDปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้าโดยที่ประชุมเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% ในปี 2554 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.1-3.3%/น้ำมันร่วงกว่า$4หลังราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจาก 28 ชาติสมาชิกเครือข่ายสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งรวมถึงสหรัฐด้วยนั้น ประกาศว่าจะระบายน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเข้าสู่ตลาด เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานพลังงานตึงตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในลิเบีย มามองมุมมองทางเทคนิคกันนะครับว่า ราคาทองหลังจากที่ถูกกระหน่ำขายอย่างหนักเมื่อคืนนี้ จนราคาทองคำร่วงลงไปต่ำสุดที่ 1512 ราคาทองคำก็มีดีดกลับจากแรงช้อนซื้อเก็งกำไร จนราคาทองคำดีดกลับขึ้นมาอยู่ที่ 1523 ในเวลานี้ คาดว่าราคาทองคำมีแผ่วครับ น่าที่จะมีไหลลงบ้าง คาดว่ามีแนวรับอยู่ที่บริเวณ Low เมื่อคืนนี้ครับ คือคาดว่าประมาณ 1514 หลังจากนั้น น่าจะดีดกลับขึ้น โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1526 และแนวต้านถัดไปที่ 1536 ครับ ถ้าสามารถผ่าน 1526 ขึ้นไปได้ ก็มีเฮครับว่า แต่ต้องมาลุ้นอีกทีว่าจะผ่าน 1536 หรือเปล่านะครับ ถ้าผ่าน 1536 ขึ้นไปได้อีก ราคาทองคำก็จะสามารถกลับมาเป็นขาขึ้นได้ใหม่อีกครั้ง แต่บอกตรงๆครับว่าราคาทองยังไม่น่าไว้วางใจนักครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ
  9. สวัสดีครับ คุณเด็กขายของ และทุกๆท่าน หวังว่าทุกท่านรอดและปลอดภัยจากมรสุมเมื่อคืนนะครับะทองร่วงแรงเหลือเกิน ครับ เห็นข่าวคุณเก้ ไม่ต่อQE2 ผมก็เห็นนรก ลางๆรออยู่แล้ว ไม่กล้าออกมาเตือน เพราะเห็นทุกคนยังมองบวกกันหมด ได้แต่เอาข่าวมาลง กับขึ้นตัววิ่งเตือน และผมออกไปปฎิบัติภาระกิน อยู่ข้างนอก ไม่ได้เห็นฉากหวาดเสียวตอนทองลง มีแต่เพื่อนๆ โทรมาบอก วันนี้ข่าวเยอะหน่อยนะครับ ทองคำดิ่งเหว $32.9 หลังดอลล์แข็ง,น้ำมันร่วง ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2554 07:03:39 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 32.90 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,520.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,515.00-1,549.60 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.737 ดอลลาร์ ปิดที่ 35.002 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 4.9 เซนต์ ปิดที่ 4.039 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 57.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,694.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 27.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 743.35 ดอลลาร์/ออนซ์ สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของเทรดเดอร์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า ก่อนหน้านี้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและมักเข้ามาทุ่มซื้อทองคำเมื่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่นักลงทุนเริ่มลดการถือครองทองคำลงในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ประชุมเฟดได้แสดงความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ ทั้งนี้ ที่ประชุมเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% ในปี 2554 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.1-3.3% นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่าสำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะระบายน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเข้าสู่ตลาด --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- น้ำมันดิบร่วง $4.39 จากข่าว IEA ระบายน้ำมันจากคลัง ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2554 06:50:52 น. สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจาก 28 ชาติสมาชิกเครือข่ายสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งรวมถึงสหรัฐด้วยนั้น ประกาศว่าจะระบายน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเข้าสู่ตลาด เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานพลังงานตึงตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในลิเบีย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 4.39 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 91.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 94.47 89.70 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ร่วงลง 6.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนักหลังจากนายโนบุโอะ ทานากะ ผู้อำนวยการบริหารของ IEA ประกาศว่า 28 ชาติสมาชิกของ IEA ซึ่งรวมถึงสหรัฐด้วยนั้น ได้ตัดสินใจที่จะระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเข้าสู่ตลาด โดยจะทยอยระบายน้ำมันออกมาในปริมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 30 วัน เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานพลังงานตึงตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในลิเบีย นายทานากะกล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น ภาวะอุปทานตึงตัวในตลาดส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และกำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก "นับเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์การก่อตั้ง IEA ที่ 28 ชาติสมาชิกของเราได้ตัดสินใจระบายน้ำมันออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง ผมคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มอุปทานพลังงานในตลาด และจะช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกให้สามารถฟื้นตัวต่อไปได้" นายทานากะกล่าว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อกระทรวงพลังงานสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐจะระบายน้ำมัน 30 ล้านบาร์เรลจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเข้าสู่ตลาด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลที่ IEA เตรียมระบายออกจากคลัง นักวิเคราะห์กล่าวว่า อุปทานพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายเช่นนี้จะฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงลง โดยนักวิเคราะห์ของด้านพลังงานของโกลด์แมน แซคส์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะร่วงลงอีก 10-12 ดอลลาร์/บาร์เรล ทันทีที่ IEA ระบายน้ำมันดิบออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.ที่พุ่งขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 429,000 ราย และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.ร่วงลง 2.1% สู่ระดับ 319,000 ยูนิต/ปี --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ดอลล์พุ่งหลังเบอร์นันเก้ไม่ส่งสัญญาณใช้ QE3 ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2554 07:13:45 น. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังจากมาตรการ QE2 หมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนนี้ แม้เบอร์นันเก้มองว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงในปีหน้าก็ตาม ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.41% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4347 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4406 ยูโร ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 1.10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6064 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6242 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.330 เยน จากระดับ 80.260 เยน แต่อ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8393 ฟรังค์ จากระดับ 0.8404 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.19% แตะที่ 1.0569 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0589 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.21% แตะที่ 0.8138 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8121 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากเบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังจากมาตรการ QE2 หมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนนี้ แม้เบอร์นันเก้ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงในปีหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะอ่อนแอของตลาดที่อยู่อาศัยและภาคการเงิน เบอร์นันเก้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งล่าสุดว่า ผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นซึ่งมีต่อผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะ "บรรเทาลง" ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนปัญหาหนี้กรีซนั้น เบอร์นันเก้มองว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก หากกรีซผิดนัดชำระหนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปและจะกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งสิ้นสุดเมื่อวานนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมกับยืนยันว่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% ในปี 2554 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.1-3.3% และคาดว่าอัตราว่างงานโดยเฉลี่ยในสหรัฐจะอยู่ที่ 8.6-8.9% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 8.4-8.7% นักลงทุนจับตาดูดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีซึ่งสถาบัน Ifo จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยมีการคาดว่าดัชนีอาจร่วงลงสู่ระดับ 113.5 จุดในเดือนมิ.ย. จากระดับ 114.2 จุดของเดือนพ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกปีนี้ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  10. เบอร์นันเก้เตือนระวังศก.ฉุดหุ้นร่วงน้ำมันพุ่ง หุ้นสหรัฐเดินสู่ขาลง ขณะน้ำมันพุ่งขึ้น หลังเบน เบอร์นันเก้ เตือนศก.แดนอินทรีอาจแย่กว่าที่คาดกันไว้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (22 มิ.ย.) ปรับตัวลง 80.34 จุด (0.66%) มาอยู่ที่ 12,109.67 จุด ขณะดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ลดลง 8.38 จุด (0.65%) มาอยุ่ที่ 1,287.14 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 18.07 จุด (0.67%) ที่ 2,669.19 จุด ตลาดเดินสู่ขาลง หลังนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า ภาวะซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐ อาจเลวร้ายกว่าที่คาดกันไว้ นายเบอร์นันเก้ ชี้ว่า ปัญหาบางอย่างที่เกาะติดเศรษฐกิจอยู่ อาทิเช่น ความอ่อนแอของอุตสาหกรรมการเงิน และตลาดบ้าน อาจจะรุนแรง และยืดเยื้อมากกว่าที่คิด ก่อนหน้านั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด แถลงว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเกือบ 0% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เฟดยังหั่นตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) สำหรับปี 2554 ลงมา 0.5% มาอยู่ที่ราว 2.7-2.9% ท่าทีของเฟด ประกอบกับตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบ และน้ำมันเบนซิน สำรองของสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงเกินกว่าที่ประเมินไว้ ช่วยดันให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ส่งมอบล่วงหน้าเดือน ส.ค. ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1.24 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 95.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบล่วงหน้าเดือนเดียวกัน พุ่งขึ้นถึง 3.26 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 114.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล BangkokBizNews เฟดเตรียมส่งท้าย QE2 ศก.ไม่เดินหน้า แต่ไม่ถ้อยหลัง นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ หรือ QE2 ซึ่งถือกันว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 และจะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 มิ.ย. มีผลพวงที่ติดตามมามากมาย ทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งในการแถลงข่าวครั้งที่ 2 ในประวัติการณ์ของเฟดภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมในกลางสัปดาห์นี้ จะถือเป็นการประเมินอย่างกลายๆ ว่า QE2 ได้ผลอย่างแท้จริงหรือไม่ แม้จะยังไม่มีผลสรุปการประชุมและการประเมินผลขั้นต้นจากปากคำของ เบน เบอร์แนนคี แต่กูรูเศรษฐกิจและสื่อมวลชนล้วนมีความเห็นตรงกันว่า QE2 เป็นยาแรงที่เปล่าประโยชน์ มิหนำซ้ำยังทำให้เฟดต้องประเมินสถานการณ์บ่อยครั้ง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จนจับทิศทางไม่ถูก ดังเช่นในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย หรือ FOMC กลางสัปดาห์นี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความสับสนของเศรษฐกิจสหรัฐเพราะแม้จะถึงกำหนดยุติ QE2 แล้วก็ตาม แต่ภาพรวมการขยายตัวยังอ่อนแอ การจ้างงานต่ำ อัตราว่างงานสูง และเงินเฟ้อเริ่มกลายเป็นภัยคุกคาม ปัญหาข้างต้นคือเป้าหมายหลักที่ QE2 จะต้องสะสางให้หมดสิ้น เพื่อพยุงสหรัฐให้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เนื่องจากจากล่าช้ามานานถึง 2 ปีแล้วหลังหลุดพ้นภาวะถดถอย แต่ปรากฏว่าปัญหาข้างต้นไม่เพียงแก้ไขไม่ได้ แต่ยังเลวร้ายลงไปอีก แม้สถานการณ์จะย่ำแย่ถึงเพียงนี้ กูรูเศรษฐกิจและสื่อมวลชนยังเชื่อว่า จะไม่มีการต่ออายุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE3 อย่างแน่นอน เพราะแม้แต่ QE2 ยังสร้างปัญหามากมาย QE3 อาจสร้างผลลัพธ์ที่เลวร้ายเกินคาดเดา ที่สำคัญคือ ดูเหมือนว่าจะเหลือสหรัฐเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่ยังมั่นคงกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกประเทศคือญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามหากไม่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อเดือน มี.ค. มีแนวโน้มสูงที่ญี่ปุ่นจะเดินตามรอยสหรัฐเช่นกัน แต่เพื่อแก้ปัญหาที่ต่างกันออกไป นั่นคือปัญหาเงินฝืด ในกรณีของญี่ปุ่น สหรัฐได้ใช้เป็นแบบอย่างเช่นกัน เพราะญี่ปุ่นล้มเหลวถึง 2 ครั้งในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสลัดตัวจากภาวะเงินฝืด แต่สหรัฐประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และนับเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ไม่อาจละเลยได้ของ QE2 ที่สามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตจากภาวะเงินฝืดได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือเงื่อนไขที่แตกต่างกันระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐ เพราะการที่สหรัฐประสบสำเร็จกับการกำราบเงินฝืดก็เพราะผู้บริโภคสหรัฐพร้อมที่จะใช้จ่ายตลอดเวลา (และบางครั้งจ่ายเกินตัวจนกลายเป็นวิกฤตการเงินปี 2551) ส่วนผู้บริโภคญี่ปุ่นยังแก้นิสัยออมเงินไม่หาย การบริโภคจึงตกต่ำเรื่อยมา ดังนั้น ความสำเร็จของ QE2 ในเรื่องนี้จึงไม่ไม่อาจเรียกเป็นความสำเร็จได้อย่างเต็มปากเต็มคำ มิหนำซ้ำยังอาจเรียกเป็นความล้มเหลวเสียด้วยซ้ำ หากจะวัดที่อัตราการขยายตัว เพราะเฉลี่ยยังค้างเติ่งอยู่ที่เพียง 2% และตัวเลขขยายตัวในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คาดว่าจะยังอยู่ที่ 2% เช่นกัน แต่นับเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากเพียงแค่เริ่มไตรมาสแรกของปีนี้ยังขยายตัวเพียง 1.8% เท่านั้น แต่ถึงขนาดนี้แล้ว เฟดจะไม่สานต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ผลลัพธ์ประการแรกของการยื้อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะนำมาซึ่งปัญหาเงินเฟ้อซึ่งแม้ขณะนี้จะอยู่ในระดับต่ำมาก แต่ยังมีปัจจัยคุกคามด้านอื่นๆ อีก โดยเฉพาะเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันแพง นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า การที่เฟดอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบการเงินมากเกินไป ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาน้ำมันทะยานขึ้นมาเหนือระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในตลาดโลก และสูงกว่า 4 เหรียญสหรัฐ ในตลาดสหรัฐ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐและเฟดถูกสวดทั้งจากในและนอกประเทศไปยกใหญ่ แม้ความจริงส่วนหนึ่งของราคาน้ำมันแพงจะเกี่ยวข้องกับวิกฤตในตะวันออกกลางด้วยก็ตาม ภาพโดยรวมก็คือ เศรษฐกิจไม่ถอยหลังแต่เดินหน้าไปไม่ถึงไหน นับจากนี้เฟดจะใช้มาตรการอื่นในการกระตุ้น (หรือประคอง) เศรษฐกิจสหรัฐให้เดินหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับสะกดเงินเฟ้อไม่ให้รุนแรงไปกว่านี้ ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่จะนำมาใช้ทดแทน คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยเฉพาะมาตรการนำเงินต้นที่ได้รับคืนมาจากตราสารหนี้กลับมาลงทุนซ้ำ เบอร์แนนคี ยังเคยกล่าวไว้เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. ว่า ภาวะชะลอตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์คือปัจจัยสำคัญที่หน่วงเหนี่ยวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ภาระของสหรัฐมิได้มีเฉพาะแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น ยังมีภาระด้านการคลังที่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่แพ้ยุโรป จากปัญหาหนี้สาธารณะ และยังเกิดวิวาทะทางการเมืองว่าด้วยการจำกัดการก่อหนี้ หลังจากที่รัฐบาลและเฟดทุ่มงบประมาณนับล้านล้านเหรียญสหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากเกิดวิวาทะดังกล่าวกอปรกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปที่เลวร้ายลง โอกาสที่จะมีการใช้งบประมาณมากมายมหาศาล เพื่ออัดฉีดให้กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอาจเป็นได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดงบประมาณเพื่อพยุงเศรษฐกิจอย่างฉับพลันเกินไปจะยังผลร้ายเช่นกัน เฟดจึงตกที่นั่งลำบากอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เดินมาถึงทางแพร่ง แต่กลับไม่สามารถลงมือทำได้อย่างเต็มที่ เพราะแม้เศรษฐกิจไม่ถอยหลังเข้าคลอง แต่ก็เดินหน้าไปไม่ถึงไหนเช่นกัน Post Today Last update : 6/23/2011 10:19:53 AM
  11. ทองคำปิดบวก 7ดอลล์ 23 มิถุนายน 2554 เวลา 08:30 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น หลังเฟดหั่นจีดีพีสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 7.00 ดอลลาร์ หรือ 0.5% แตะที่ 1,553.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,542.00-1,559.30 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 36 เซนต์ ปิดที่ 36.739 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 0.05 เซนต์ ปิดที่ 4.088 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,752.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 770.65 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ นักลงทุนได้เข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย หลังจากเฟดระบุว่าเศรษฐกิจในบางช่วงมีการฟื้นตัวช้ากว่าที่เฟดคาดการณ์ พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% ในปี 2554 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.1-3.3% และได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีหน้าลงสู่ระดับ 3.3-3.7% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.5-4.2% นอกจากนี้ เฟดยืนยันว่าจะยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หรือโครงการซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 30 มิ.ย.ตามแผนการที่วางไว้ พร้อมกับตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% เทรดเดอร์รายหนึ่งในตลาดทองคำนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนจับตาดูแถลงการณ์ของเฟดอย่างใกล้ชิดเพราะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน และการที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ เป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำ
  12. ขอเฉลยว่าคือทองที่คุณเด็กขายของเคยบอกว่าขายตามสำเพ็ง เป็นท่อยางพลาสติก ภายในมีวัสดุสีทองเคลือบภายใน นำมาขดเป็นหลอด เหมือนกำไลทอง หรือแหวนทอง ดูด้วยสายตาไกลๆหรือที่มืดๆ จะดูไม่ออกแต่จับดูทีเดียวก็รู้เลยนะครับ
  13. เจอภาพที่เคยถ่ายแล้วครับ วัตถุทดแทนทองคำ น่ะครับ
  14. ฝรั่งเล่นมุขเดิมมาสามวันแล้วนะครับ สงสัยหมดมุข ต้องไปหาชาไข่มุกมาดื่มซะบ้าง 555
  15. การรับมือกับราคาทองคำ ข่าวเศรษฐกิจ กรมส่งเสริมการส่งออก -- พฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2554 13:44:25 น. ราคาทองคำในขณะนี้พุ่งสูงขึ้นเกินกว่า 1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ สินค้าเครื่องประดับทองคำจึงมีราคาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ธุรกิจอัญมณีจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ “มาตราฐานราคาทองทำ” ในปัจจุบันเป็นอย่างไรและจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร เราคงคาดเดาได้ว่าเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลในการปรับกลยุทธ์ในตลาดทองคำในตลาดเพราะราคาทองคำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาทองทำที่ซื้อขายในปัจจุบันมีราคาสูงกว่าจากเมื่อ 5 ปีก่อน 2.5 เท่า ฉะนั้นบางอุตสาหกรรมจะต้องรับมือกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ความผันผวนทางเศรษฐกิจมีผลต่อวงจรธุรกิจถึงแม้หลายสิ่งจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ไม่ใช่กับอุปสงค์ต่อสินค้า Commodity เช่น ทอง ความต้องการทองคำยังคงสูงต่อเนื่อง ผลกระทบนี้ทำให้เข้าใจถึงการที่ยอดขายทองของแต่ละร้านลดลงและส่งผลให้ยอดขายรวมในส่วนที่เคยขายทองได้ลดลงตามไปด้วย จากสถิติพบว่าทองคำคิดเป็นร้อยละ 8 ของยอดขายทั้งปีเมื่อเทียบกับร้อยละ 12 เมื่อ 2 ปีก่อนและต้องไม่ลืมว่าหลายๆ ร้านยังคงมียอดขายที่ต่ำกว่าฐานเดิมเมื่อ 2 ปีก่อน ดังนั้นสถิติดังกล่าวย่อมมีผลกระทบเพิ่มมากขึ้น ผู้ค้าอัญมณีปัจจุบันต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ ที่ต้องขายสินค้าเก่าที่มีอยู่ในร้านค้ามาแล้วกว่า 2-3 ปี และเมื่อคิดถึงการหาสินค้าเข้ามาทดแทนในราคาเดิม ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ทำอย่างไรจึงจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการกับสต็อกสินค้า สิ่งแรกที่เราต้องคำนึงถึงคือการปรับราคาสินค้าที่มีอยู่ในสต็อกให้เป็นไปตามราคาทองคำในตลาดปัจจุบันมันอาจจะดูแปลกเมื่อคิดว่ายังขายไม่ได้ในราคาเดิมแล้วจะขายได้หรือหากขึ้นราคาเป็นสองเท่า อย่างไรก็ตาม จะทำให้เราตระหนักถึงราคาทองคำที่แท้จริงหากขายได้ และยังทำให้เรามีส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น สามารถจัดการกับปัญหาสินค้าทองคำราคาแพงได้ แต่หากคุณต้องการขายสินค้าที่ต่ำกว่าราคาตลาดในขณะนั้นก็ให้โฆษณาไปเลยว่าเป็นสินค้าราคาต่ำกว่าทุน เป็นต้น สิ่งที่สอง ต้องตัดสินใจว่าทางเลือกในการระบายสินค้าเก่าออกไป ในสภาวะปกติเราคงแนะนำวิธีอื่นแต่ในกรณีนี้ให้นำสินค้าทองคำไปหลอมใหม่ ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์มากกว่า สิ่งที่สามคือการประเมินว่าคุณจะเก็บทองเท่าไหร่ในสต็อกของคุณ สัดส่วนของยอดขายทองเป็นร้อยละเท่าไหร่ของยอดขายรวม เช่น ทองคำคิดเป็นร้อยละ 8 ของยอดขาย แต่คิดเป็นภาระในสต็อกร้อยละ 15 คุณต้องทำการปรับจำนวนสินค้าทองคำในสต็อกของคุณว่าจำนวนเท่าไหร่ที่คุณสามารถเก็บไว้ได้ นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วต้องคำนึงถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงด้วยต้องพยายามหาข้อมูลใหม่ๆ ตลอดเวลา เช่น หากราคาทองทำในท้องตลาดขึ้นไปถึง 2,000 เหรียญสหรัฐฯจะทำอย่างไร ต้องมั่นใจว่าคุณมีแผนในอนาคตสำหรับการลงทุนในธุรกิจทองคำ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ที่มา: http://www.depthai.go.th
  16. ทองคำปิดพุ่ง 8.80 ดอลล์ 15 มิถุนายน 2554 เวลา 08:45 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น นักลงทุน วิตกเงินเฟ้อจีน,หนี้กรีซ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 8.80 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,524.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,512.80-1,526.70 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 67.4 เซนต์ ปิดที่ 35.411 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 12.05 เซนต์ ปิดที่ 4.155 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 11.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,794.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 7.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 792.75 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์ในตลาดทองคำ กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากปัญหาเงินเฟ้อ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีซีพีไอซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อหลักของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือน หลังจากราคาอาหาร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของตะกร้าสินค้าที่ใช้ในการคำนวณดัชนี CPI ทั่วประเทศจีนนั้น ทะยานขึ้น 11.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งขยายตัวรวดเร็วกว่าเดือนเม.ย.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.5% กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้นเมื่อ NBS รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ของจีนขยายตัวขึ้น 13.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดว่าจะขยายตัวเพียง 13.2% นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้มีแรงซื้ออย่างคึกคักในตลาดทองคำด้วย โดยเมื่อวนนี้ ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ อ่อนตัวลงสู่ระดับ 74.322 จุด จากระดับของวันจันทร์ที่ 74.501 จุด นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป โดยนักลงทุนกังวลว่ามาตรการช่วยเหลือด้านการเงินรอบสองของกรีซนั้น อาจทำให้กรีซต้องปรับโครงสร้างหนี้ในที่สุด
  17. ทองคำปิดร่วง $13.60 เหตุวิตกเงินเฟ้อ,ศก.ชะลอตัว ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 มิถุนายน 2554 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจทำให้ความต้องการถือครองทองคำลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลด้านเงินเฟ้อของจีนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) และดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 13.60 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ 1,515.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,511.40-1,533.90 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.590 ดอลลาร์ ปิดที่ 34.737 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 2.15 เซนต์ ปิดที่ 4.0345 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 26.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,806.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 16.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 800.35 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์กล่าวว่า โดยปกติแล้วนักลงทุนมักจะเข้าซื้อสัญญาทองคำเมื่อมีความวิตกกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวมากเกินไป จึงทำให้เทขายสัญญาทองคำออกมาเมื่อคืนนี้ ไมค์ ดาลีย์ นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัท PFGBest กล่าวว่า ความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำซบเซาลงเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของจีนในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีซีพีไอ ดัชนีพีพีไอ ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกร่วงลงเกือบทุกประเภทเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงต่อเนื่องจากวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลเงินเฟ้อซึ่งได้แก่ดัชนีซีพีไอและพีพีไอ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- วิตกปัญหาหนี้กรีซ ฉุดน้ำมันดิบปิดร่วง 1.99 ดอลล์ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 มิถุนายน 2554 สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้ยุโรปอาจส่งผลให้อุปสงค์พลังงานหดตัวลงด้วย หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลง 3 ขั้น พร้อมกับแสดงความกังวลว่ากรีซอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่าซาอุดิอาระเบียเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการเพิ่มเพดานการผลิต สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.0% ปิดที่ 97.30 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 119.10 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงอย่างรุนแรง หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซลง 3 ขั้น สู่ระดับ CCC จากระดับ B พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็น "เชิงลบ" พร้อมกับเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่กรีซจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถืออีกใน 12-18 เดือนข้างหน้า เนื่องจากกรีซมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ข่าวเอสแอนด์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนและถูกกดดันอย่างหนัก และยังทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบหลังจากหนังสือพิมพ์อัล-ฮายัตของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน 13% เป็น 10 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับปัจจุบันที่ 8.8 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งล่าสุด นักวิเคราะห์กล่าวว่า ส่วนต่างระหว่างสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.8 ดอลลาร์ โดยตลาดน้ำมันนิวยอร์กเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยด้านอุปทานทั้งภายในและต่างประเทศ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์ในต่างประเทศและปัจจัยด้านอุปสงค์-อุปทานทั่วโลก นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะร่วงลง 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.3% --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ดอลล์ร่วงเทียบสกุลเงินหลักๆ เหตุวิตกสถานะการคลังสหรัฐ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 มิถุนายน 2554 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลง 3 ขั้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.43% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.4407 ยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4345 ยูโร และร่วงลง 0.87% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6374 ปอนด์ จากระดับ 1.6233 ปอนด์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.15% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 80.190 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 80.310 เยน และร่วงลง 0.69% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8371 ฟรังค์ จากระดับ 0.8429 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.71% แตะที่ 1.0603 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0528 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.62% แตะที่ 0.8158 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8209 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของกลางรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้น 42.7% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่ายอดการขาดดุลเดือนเม.ย.ที่ระดับ 4.04 หมื่นล้านดอลลาร์ ยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นของสหรัฐทำให้ตลาดวิตกกังวลว่า สหรัฐอาจจะเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ในวันข้างหน้า โดยรายงานระบุว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณในปี 2552 สูงถึง 1.41 ล้านล้านดอลลาร์ และ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2553 สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) คาดว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางในปีงบประมาณ 2554 จะอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป โดยสกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิส หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซลง 3 ขั้น สู่ระดับ CCC จากระดับ B พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็น "เชิงลบ" พร้อมกับเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่กรีซจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถืออีกใน 12-18 เดือนข้างหน้า เนื่องจากกรีซมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางเยอรมนีปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2554 เป็น 3.1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.5% และได้เพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2555 เป็น 1.8% จากเดิม 1.5% ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาสแรก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนมิ.ย. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  18. เป็นบริษัทใหม่ครับ GT Gold Bullion แยกออกจาก บริษัท Gold Futures รายละเอียดดูได้ที่ http://www.gtgoldonline.com ครับ
  19. สุดยอด insider วงการทองแท้ และทองปลอมด้วย 555 !53 !53 !53 ผมเคยนั่งรถเมล์(เข้าถึงมวลชนไปหาข่าวน่ะครับ) และก็ได้ข่าวจริงๆว่า กระเป๋ารถเมล์ (กระปี๋) เดี๋ยวนี้ไม่ใส่กำไลทองจริงแล้ว ใส่หลอดพลาสติค ภายในเป็นทองเคพ่นบางๆ ขายกันตามตลาดนัด ดูผิวเผินแล้วคิดว่าเป๊นทองจริงๆ ดูขนาดด้วยตาแล้ว น้ำหนักน่าจะ 2บาท เห็นแล้วตกใจว่ากล้าใส่ขนาดนี้เลยหรือ ขนาดผมร้านทองมองแล้วยังเชื่อเลยว่าทอง แล้วมีหลายแบบด้วย ใส่ไปก็ไม่ลอกเพราะสีทองอยู่ในหลอด ทองแพงแบบนี้ สินค้าทดแทนขายดีครับ พวกโจรวิ่งราวดูให้ดีๆแล้วกันเดี๋ยวเกิดเห็นนึกว่าทองจริง เอามีดมาตัดแขนชิงทองพลาสติคล่ะ เป็นเรื่องเลย !53 !53 !53
  20. ทองคำปิดพุ่ง $4 หลังยุโรปเตือนเงินเฟ้อยังสูง ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2554 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนจะยังคงสูงขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,542.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,534.00-1,550.80 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 80.40 เซนต์ ปิดที่ 37.424 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 0.1 เซนต์ ปิดที่ 4.1075 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 13.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,844.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 12.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 818.50 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หลังจากนายทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนจะยังคงสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางต้องใช้มาตรการควบคุมเงินเฟ้อในยูโรโซน ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่า ธนาคากลางยุโรปอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม นายทริเชต์ได้คงระดับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 2555 ไว้เท่าเดิม ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางยุโรปอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัดส่วนที่ไม่มากนักในระยะใกล้นี้ ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFG ในเมืองชิคาโกของสหรัฐกล่าวว่า ทั้งจีนและยุโรปต่างก็ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงมาก --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  21. นี่ก็สินค้าทดแทนทองจริงน่ะครับ !ee !ee !ee คนเมินใส่ทองจริง แห่ซื้อทองชุบ ทำราคาพุ่งเท่าตัว หลังทองแท้ราคาแพงเกิน อัฟเมื่อ วันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา : 19:58:45 พิมพ์ไทยออนไลน์ // วันนี้ (5 ก.พ.) นางสุมาลี แก้วประเสริฐ แม่ค้าจำหน่ายทองคำชุบ ในตลาดสดแม่กิมเฮง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่ง หันมาซื้อทองชุบไปสวมประดับแทนทองคำจริง ที่ได้รับความนิยมมาก ได้แก่ สร้อยคอ และ กำไรข้อมือ น้ำหนัก 1-3 บาท สำหรับราคาสร้อยคอ น้ำหนัก 1 บาทจำหน่ายเส้นละ 199 บาท น้ำหนัก 2 บาท จำหน่าย เส้นละ 299 บาท และกำไรข้อมือ น้ำหนัก 10 บา ท จำหน่ายเส้นละ 699 บาท โดยปัจจุบันแต่ละวัน จะสามารถจำหน่ายทองชุบได้มากกว่า 10 ชิ้น นอกจากนี้ลวดลายทองชุบ ที่มีความสวยงาม ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ประชาชนหันมาสวมใส่ทองชุบ เพื่อออกงานประเพณีต่าง ๆ แทนการใส่ทองคำจริง นางสุวรรณี แซ่อุ๋ย ลูกค้ารายหนึ่ง เปิดเผยว่า สาเหตุที่สวมใส่ทองชุบ เนื่องจากปัจจุบัน ราคาทองคำจริงมีราคาสูงมาก รวมทั้งทองชุบ ก็มีลวดลายที่สวยงามมากขึ้น ทั้งสร้อยคอ กำไรแหวน และตุ้มหู มีลักษณะคล้ายของจริงมาก แต่ที่สำคัญราคาถูก จากสถานการณ์ราคาทองคำ ที่มีความผันผวน และมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงประมาณ บาทละ 14,700 บาท ประกอบกับมีมิจฉาชีพมา ก่ออาชญากรรม โจรกรรมทรัพย์สิน และชิงทรัพย์ เกิดขึ้นจำนวนมาก ส่งผลให้ขณะนี้ ประชาชนชาว จังหวัดนครราชสีมา หันมาเลือกซื้อทองชุบ มาสวมใส่แทนทองคำจริง เนื่องจากทองคำจริง มีราคาสูงมาก ส่งผลให้ยอดขายทองชุบมียอดเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว.
  22. ดาวโจนส์ปิดบวก 75.42 จุดหลังยอดส่งออกสหรัฐแข็งแกร่ง ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2554 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดบวกครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.ของสหรัฐลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย หลังจากยอดส่งออกทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 75.42 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 12,124.36 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 9.44 จุด หรือ 0.7% แตะที่ 1,289.00 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9.49 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 2,684.87 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐได้ฉุดตลาดร่วงลงติดต่อกันหลายวันที่ผ่านมา โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.ร่วงลง 6.7% สู่ระดับ 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2553 เพราะได้แรงหนุนจากยอดส่งออกเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 1.3% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.756 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 0.4% สู่ระดับ 2.192 แสนล้านดอลลาร์ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และสามารถชดเชยรายงานในด้านลบจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 มิ.ย.เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 427,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 415,000 ราย เบน พี วิลลิส ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ฟลอร์ ออเพอเรชันส์ ออฟ ซันไรซ์ กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า "นักลงทุนขานรับข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอย่างมาก และข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่หนุนบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้น" ขณะที่แซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์ด้านวิจัยหลักทรัพย์ของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า ตลาดปรับฐานลงอย่างรุนแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ภาวะการซื้อขายเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นบวก อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในระหว่างวันได้รับแรงกดดันจากความวิตกเรื่องเงินเฟ้อ หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนจะยังคงสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 4.472 แสนล้านดอลลาร์เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 13.8% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 บ่งชี้ว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ดีในช่วงหลายเดือนข้างหน้า นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ค. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  23. ดอลล์แข็งฉุดทองคำปิดร่วง 5.30ดอลล์ 09 มิถุนายน 2554 เวลา 08:17 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง จากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 5.30 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,538.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,532.80-1,544.20 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 42.6 เซนต์ ปิดที่ 36.620 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 4.1 เซนต์ ปิดที่ 4.1085 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 50 เซนต์ ปิดที่ 1,831.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 805.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เบอร์นันเก้กล่าวในที่ประชุมด้านการธนาคารในเมืองแอตแลนต้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่เบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 หลังจากที่มาตรการ QE2 หมดอายุลงในปลายเดือนนี้ ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและสร้างแรงกดดันให้กับตลาดทองคำ น้ำมันดิบพุ่ง1.75ดอลล์รับข่าวคงโควต้า 08 มิถุนายน 2554 เวลา 21:17 น. น้ำมันดิบพุ่ง1.75ดอลลาร์สหรัฐรับข่าวกลุ่มโอเปกคงโควต้าซาอุโน้มน้าวกลุ่มประเทศสมาชิกเพิ่มกำลังการผลิตไม่ได้ สัญญาน้ำมันดิบไนแม็กซ์ เดือนก.ค.ที่ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 1.75 ดอลลาร์ แตะที่ 100.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ทะยานขึ้น 1.22 ดอลลาร์ แตะที่ 118 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตัดสินใจคงโควต้าการผลิตน้ำมันเอาไว้ที่ 24.845 บาร์เรล/วัน ในการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในวันนี้ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ในตลาดคาดการณ์ไว้ว่า โอเปคจะปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งนี้ นายอับดุลเลาะห์ เอล-บาดรี เลขาธิการโอเปคกล่าวว่า ที่ประชุมโอเปคตัดสินใจคงโควต้าการผลิตไว้ที่ระดับดังกล่าว หลังจากซาอุดิอาระเบียไม่สามารถโน้มน้าวสมาชิกประเทศอื่นๆของโอเปคให้ปรับเพิ่มโควต้าการผลิตได้ อย่างไรก็ตาม โอเปคได้วางแผนที่จะจัดการประชุมในอีก 3 เดือนข้างหน้า เพื่อทบทวนโควต้าการผลิต
  24. ฝากข่าวประชาสัมพันธ์นะครับ จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ ผลึกกำลังบริษัทเทรดโลหะเงิน ยักษใหญ่ "โบวินส์ ฟิวเจอร์ส" จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ ผลึกกำลังบริษัทเทรดโลหะเงิน ยักษใหญ่ โบวินส์ ฟิวเจอร์ส พร้อมรับการซื้อขายโลหะเงินล่วงหน้ากลางเดือนนี้ มั่นใจปีนี้มาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 15% ด้านทิศทางราคาทองคำ และโลหะเงิน แนวโน้มยังสูงขึ้นต่อเนื่อง แนะควรมีในพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยง นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขายหุ้นจำนวน 10 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนทั้งหมด 140 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7 % ให้กับบริษัท โบวินส์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของหจก.โบวินส์ ซิลเวอร์ ผู้นำเข้าโลหะเงินยักษ์ใหญ่ เป็นอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ โดยทางบริษัทโบวินส์ ฟิวเจอร์ส จะส่งตัวแทนเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัท สำหรับการร่วมทุนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านข้อมูลซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญต่อการลงทุนในสัญญาซื้อขายเงินล่วงหน้า หรือ Silver Futures ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าลูกค้าของบริษัท จะได้รับข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในตลาดค้าเงินมาเป็นระยะเวลายาวนาน อย่างหจก. โบวินส์ ซิลเวอร์ เพิ่มเติมจากข้อมูลด้านการลงทุนในทองคำที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว จีที เวลธ์ ขอขอบคุณผู้บริหารของหจก.โบวินส์ ซิลเวอร์ และ บริษัท โบวินส์ ฟิวเจอร์ส ที่ให้ความเชื่อมั่น และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจีที เวลธ์ฯ เราเชื่อใจว่าจะร่วมกันพัฒนาตลาดอนุพันธ์ให้เติบโตไปพร้อมกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า นายวิชัย แสงเจริญตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอนุพันธ์มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นจากการปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเฉพาะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำที่เพิ่มขึ้นเป็น 7,933 สัญญาต่อวัน ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา จาก 4,014 สัญญาต่อวัน ในปี 2553 ซึ่งการเติบโตที่ชัดเจนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนมีความสนใจในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำ ที่สามารถทำกำไรได้ในภาวะตลาดที่มีการปรับตัวขึ้นและลง รวมไปถึงนักลงทุนมีความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนลดลง และประสบความสำเร็จในการลงทุนมากขึ้น แม้ว่าราคาของสินค้าอ้างอิงจะมีความผันผวนมากก็ตาม รวมไปถึงการใช้เงินในการลงทุนจำนวนไม่มาก ซึ่งการเติบโตของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำ เป็นผลทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตที่ดีเช่นกัน ทั้งนี้ในปี 2553 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเฉพาะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำอยู่ 4.12% และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 9.74% และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% สำหรับเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการได้พันธมิตรด้านตลาดค้าเงินเข้าสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกในด้านการลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ทำให้เพิ่มสินค้าอ้างอิงให้กับลูกค้า อีกทั้งการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องของบริษัท จากการอบรมให้ความรู้ทุกสัปดาห์ และมีการจัดงานสัมมนาครั้งใหญ่ทุกๆไตรมาส ทำให้นักลงทุนเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และมีการลงทุนที่มีผลตอบแทนที่น่าพอใจ และปัจจัยอีกประการที่สำคัญของบริษัท คือบทวิเคราะห์ที่ส่งถึงลูกค้าทุกวัน ที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ และเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของลูกค้าและนักลงทุน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทที่มีความรู้ความสามารถ และมีการอบรมเพิ่มเติมความรู้และความเชี่ยวชาญอื่นๆอย่างต่อเนื่อง เรารู้ดีว่าการลงทุนในตลาดล่วงหน้ามีความเสี่ยงมาก บริษัทจึงมีนโยบายการให้ความรู้กับลูกค้าและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจการลงทุนอย่างถ่องแท้ อีกทั้งการมีพันธมิตรใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านโลหะเงินจะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน จนทำให้เราสามารถมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ 15% สำหรับทิศทางและแนวโน้มของตลาดทองคำในตอนนี้ ความต้องการทองคำที่ยังคงเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ทางเลือกจะเห็นได้จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการซื้อเพื่อสะสมมูลค่าโดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมถึงความต้องการสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความผันผวนในตลาดการลงทุน ทำให้ราคามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสามารถสร้างโอกาสทางการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุน และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่อย่างไรก็ดีการที่เงินทุนไหลเข้ามาสู่ตลาดทองคำเพิ่มมากขึ้นทำให้การเคลื่อนไหวของราคามีความผันผวนมาก การลงทุนในทองคำผ่านทางสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการซื้อหรือขายล่วงหน้าได้ โดยนักลงทุนควรสร้างวินัยในการลงทุนและจำกัดความเสี่ยงให้เหมาะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว นายไตรรักษ์ กิตติเวทางค์ ประธานกรรมการ บริษัท โบวินส์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า บริษัท รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะที่เรามีความเชี่ยวชาญด้านโลหะเงินผนวกกับจีที เวลธ์ฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านตลาดทองคำ จะยิ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านข้อมูล ข่าวสาร ที่ทำให้การลงทุนของลูกค้าและนักลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับผลตอบแทนสูงสุด นอกจากนี้ลูกค้าของหจก.โบวินส์ ซิลเวอร์ ก็จะมีช่องทางการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดล่วงหน้า ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงสูง แต่ผลตอบแทนก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงจากภาวะตลาดโลหะเงินที่มีความผันผวนมากไม่แตกต่างจากตลาดทองคำ ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจจากลูกค้าและนักลงทุนเพิ่มขึ้น นางสาววิลาสินี กิตติเวทางค์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โบวินส์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดโลหะเงินได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับการลงทุนในโลหะมีค่า โดยเฉพาะช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ตลาดโลหะเงินเริ่มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้คนหันมาให้ความสำคัญกับโลหะเงิน ซึ่งมีราคาถูกกว่า อีกทั้งแนวโน้มราคาของโลหะเงินก็ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับราคาทองคำ นอกจากนี้ยังเห็นว่าการลงทุนใน Silver Futures จะเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับลูกค้าให้มีผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมทั้งเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีในภาวะที่ราคาโลหะเงินมีความผันผวน ซึ่งที่ผ่านมาราคาโลหะเงินมีความผันผวนมากกว่าสินค้าอื่นๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการลงทุนในตลาดอนุพันธ์เป็นอย่างมาก เพราะยิ่งมีความผันผวนมาก นักลงทุนก็ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามการลงทุนจะมีประสิทธิผลได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลที่ดี ถูกต้อง รวดเร็ว จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในตลาดซื้อขายโลหะเงิน และการนำเข้าโลหะเงินเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ น่าจะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับลูกค้าและนักลงทุนได้ ว่าข้อมูลที่จะได้รับจากเราในฐานะส่วนหนึ่งของบริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการลงทุน และสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าสูงสุด นางสาววิลาสินี กล่าวถึงทิศทางและแนวโน้มของราคาโลหะเงิน ว่าราคาโลหะเงินในช่วงนี้มีความผันผวนอย่างมาก เนื่องมากจากมีการปรับขึ้นค่าเงินหลักประกันของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงินในตลาด Comex ซึ่งส่งผลกระทบต่อโดยตรงต่อนักลงทุน ที่จะต้องนำเงินมาใส่เพิ่มเพื่อรักษาอัตราส่วนของเงินหลักประกันในพอร์ตการลงทุน ขณะที่นักลงทุนบางส่วนที่ไม่ต้องการจะเพิ่มเงินลงทุนก็มีความจำเป็นต้องลดการถือครองสัญญาณซื้อขายล่วงหน้าลง ส่งผลให้มีการปิดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น แรงกดดันของการปรับตัวลดลงของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคายังคงแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 33 39 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ต่อออนซ์ โดยระยะนี้มีความเป็นไปได้ว่าราคาน่าจะยังคงแกว่งตัวในกรอบ เพื่อสร้างฐานและรอความชัดเจนของทิศทางอีกครั้ง ปัจจัยต่างๆที่กระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาโลหะในช่วงนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่น่าจับตาของนักลงทุนคือ การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐเพราะมาตรการทางการเงินในรูปของการขยายงบดุล หรือ (QE2) กำลังที่จะหมดลงในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและตัวเลขการจ้างงานของอเมริกายังไม่ได้ดีอย่างที่ธนาคารกลางสหรัฐต้องการ ดังนั้นการตัดสินใจครั้งต่อไปถึงวิธีการอุดหนุนหรืออัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่3 จะส่งผลกระทบต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาซิลเวอร์อย่างรุนแรง เพราะเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
  25. ทองคำปิดร่วง 3.20 ดอลล์ 08 มิถุนายน 2554 เวลา 08:23 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง ตลาดจับตาแถลง"เบอร์นันเก้" สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,544.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,537.00-1,549.00 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 26.4 เซนต์ ปิดที่ 37.046 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.75 เซนต์ ปิดที่ 4.1495 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 9.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,830.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 10.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 809.50 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนจับตาดูการแถลงมุมมองเศรษฐกิจของเบอร์นันเก้ โดยมีการคาดการณ์ว่า ประธานเฟดผู้นี้จะแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 54,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าจำนวน 200,000 ตำแหน่งที่นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าจะช่วยให้อัตราว่างงานลดลงในระยะยาว พร้อมกับจับตาดูว่าเบอร์นันเก้จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่หรือไม่ ในขณะที่มาตรการ QE2 จะหมดอายุลงสิ้นเดือนนี้ ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์จากบริษัท PFGbest กล่าวว่า "เทรดเดอร์และนักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจก่อนที่จะเลือกยุทธศาสตร์ในการลงทุน และแน่นอนว่า แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาด"
×
×
  • สร้างใหม่...