ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

ดีจ้าสาวpope&เพื่อนๆที่น่ารัก มีความสุขมีกำไรทุกการลงทุนนะคะ ขอบคุณทุกข้อมูลข่าวสารแนวทางของทุกท่านนะคะ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ลุย ยำทูน่า ของคุณกระต่ายทอง แล้วค่ะ สวัสดีสายๆ น้องpope และทุกท่านนะคะT280312_01C.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับอาหารคร่ะ สงสัย สันยานหลอกหมีจะมาอีกแร้วนะคร๊ะ เด๋วมานเบรคเทรนขึ้นอีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับอาหารคร่ะ สงสัย สันยานหลอกหมีจะมาอีกแร้วนะคร๊ะ เด๋วมานเบรคเทรนขึ้นอีก

 

นั่ง งง :32

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

เอาข่าวมาฝากค่ะ

 

 

โกลเบล็กมองแนวโน้มราคาทองไตรมาส 2 เคลื่อนไหวที่ 1,430-1,780 ดอลล์/ออนซ์ เชื่อเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย-QE3 ยังไม่เกิด จับตาสเปนรีไฟแนนซ์หนี้

 

นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ GBX ผู้ค้าทองคำแท่งรายใหญ่เพียงเจ้าเดียวที่ลิสต์อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองประจำสัปดาห์ (16-20 เม.ย.55) ว่า หากราคาทองคำในวันที่ 13 เม.ย.55 ปิดเหนือ 1,665  ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 24,290 บาท/หนึ่งบาททองคำ (อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 30.85 บาท/ดอลลาร์) จะส่งผลให้นักลงทุนมองกรอบลงทุนทองคำที่เหมาะสมในช่วง 1,645-1,686 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 24,000-24,600 บาท/หนึ่งบาททองคำ ในทางกลับกันหากราคาปิดต่ำกว่า 1,665 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์  ควรหาจังหวะลงทุนในกรอบ 1,600-1,665 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,340-24,290 บาท/หนึ่งบาททองคำ

 

โดยแนะนำให้ลงทุนในกรอบดังกล่าว และติดตามปัจจัยตัวเลขทางเศรษฐกิจทั้งยอดค้าปลีกสหรัฐฯในวันที่ 16 เม.ย.55 ซึ่งหากตัวเลขออกมาดีจะส่งผลลบต่อราคาทองคำ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กลับกันหากออกมาไม่ดี นักลงทุนในตลาดโลกจะยังคงถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยต่อไป (Safe Haven Asset Theme) นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาดูภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี (ZEW Indicator) และยอดสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯในวันอังคารที่ 17 เม.ย.55 รวมไปถึงตัวเลขการว่างงานของอังกฤษวันพุธ 18 เม.ย.55  ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจและยอดขายบ้านมือสองสหรัฐวันพฤหัสบดีที่ 19 เม.ย.55 และ German IFO Business Climate Index รวมถึงยอดค้าปลีกอังกฤษที่จะประกาศในวันศุกร์ที่ 20 เม.ย.55

 

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในไตรมาสที่ 2 ทางโกลเบล็ก มองว่า ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,430-1,780 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ โดยเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2014 และคาดว่าจะยังไม่มีการใช้มาตรการ QE3 ในไตรมาสนี้เช่นกัน แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาได้แก่ การรีไฟแนนซ์หนี้ของสเปน หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนปรับตัวสูงขึ้น เข้าใกล้ 6% ทำให้มีความกังวลว่าสเปนอาจต้องขอรับความช่วยเหลือเหมือนกรณีของกรีซที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ จากสถิติที่ทางโกลเบล็กได้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในไตรมาสแรกที่ผ่านมา สรุปได้ว่า ในช่วงปลายเดือนมกราคม ราคาทองคำปรับตัวขึ้นโดยได้รับปัจจัยบวกจากเทศกาลตรุษจีน และความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะใช้มาตรการ QE3 จึงทำให้ในเดือนมกราคมราคาทองคำปรับสูงขึ้นถึง 183 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ในขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นต่อก่อนจะปรับตัวลงในวันสุดท้ายของเดือน หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีถ้อยแถลงเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ไม่มีการกล่าวถึงการใช้มาตรการ QE3 ส่งผลให้นักลงทุนที่ซื้อเก็งกำไรในข่าวดังกล่าวทยอยขายทองคำออกมา (Buy on Rumor, Sell on Fact) และทำให้ราคาปรับตัวลงมามากถึง 90 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ภายในวันเดียว ซึ่งนับว่าเป็นวันที่ราคาทองคำและโลหะมีค่าอื่นๆย่อตัวลงมามากที่สุดในไตรมาสแรก

 

ขณะที่เดือนมีนาคม ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงต่อ จากปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนลดความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะใช้มาตรการ QE3 นอกจากนี้ การที่ประเทศจีนซึ่งบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ออกมาแย่ลงยิ่งทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลในศักยภาพด้านอุปสงค์ของจีนจึงมีแรงเทขายทองคำออกมา แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำโลกก็ยังคงสูงกว่าราคาเปิดในเดือนมกราคม แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ราคาทองคำของไทยในเดือนมีนาคมถูกกว่าในเดือนมกราคม

 

ด้านนายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช รองผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทย่อยของ GBX กล่าวว่า การซื้อขายทองคำ และโกลด์ฟิวเจอร์ส ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ด้วยความผันผวนของค่าเงินบาท ส่งผลให้นักลงทุน และผู้ทำธุรกิจต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยในไตรมาสที่สองของปีนี้ ทางบริษัท ตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ TFEX จะมีแผนที่จะนำสินค้าดอลลาร์บาทล่วงหน้า หรือชื่อย่อว่า USD ซึ่งเป็นสัญญาล่วงหน้าค่าเงินบาทที่เทียบเท่ากับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ 1,000 เหรียญต่อสัญญา เพื่อให้นักลงทุนได้ใช้ประโยชน์ และถือเป็นสินค้าใหม่ที่มีความสำคัญ และช่วยลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนอีกทางหนึ่ง

 

ทั้งนี้ ในมุมมองของ โกลเบล็ก สินค้าดังกล่าวมีประโยชน์ต่อนักลงทุนในทองคำที่ส่วนใหญ่ซื้อขายเก็งกำไรทองคำในหน่วยสกุลเงินบาท แต่การลงทุนโดยอาศัยเพียงการคาดการณ์ราคาทองคำจากสถิติของราคาทองคำโลกที่มีหน่วยเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ อาจไม่ส่งผลตามคาดหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งหรือราคาโกลด์ฟิวเจอร์สในประเทศไทยไม่ปรับขึ้นหรือลงตามราคาในตลาดโลกที่ซื้อขายเป็นสกุลดอลลาร์

 

เช่นเดียวกับ ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กที่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของสกุลเงินต่างๆ ด้วยภาวะตลาดเงินโลกที่ไม่ชัดเจนอันเนื่องมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก โดยเริ่มมีความผันผวนสูงและบ่อยครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดจะเห็นได้ว่าค่าเงินบาทผันผวนได้หลายครั้งภายใน 1 ชั่วโมง และหลายครั้งที่เคลื่อนไหวมากกว่า 10 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นความผันผวนที่สูงมาก ดังนั้น การมี USD หรือฟิวเจอร์สดอลลาร์บาท จะช่วยให้ผู้นำเข้า และส่งออกสามารถป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาทได้ในระดับหนึ่ง

 

"USD หรือฟิวเจอร์สดอลลาร์บาทตัวนี้ก่อให้เกิดโอกาสมากกว่าการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าค่าเงินบาทแบบฟอร์เวิร์ดกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเดิมผู้ประกอบการรายย่อยจะไม่สามารถทำได้ ด้วยความยุ่งยากของการทำ Trade Finance และด้วยเครดิตที่มีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ยังคงกังวลว่านักลงทุนหรือผู้ประกอบการรายย่อยอาจจะยังไม่กล้าเข้ามาใช้ประโยชน์จากฟิวเจอร์สดอลลาร์บาทกันเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคย แต่จะเป็นบรรดาผู้ดูแลสภาพคล่องในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สบ้านเราเท่านั้นที่จะใช้กันมากกว่า"นายสัญญา กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องศึกษาถึงข้อดี และข้อเสียของฟิวเจอร์สดอลลาร์บาทว่าเหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละคนหรือไม่  ตามความต้องการของนักลงทุน หรือเจ้าของธุรกิจนำเข้า และส่งออก แต่โกลเบล็กเชื่อว่าหากสามารถทำความเข้าใจ และนำมาประยุกต์ใช้ให้ถูกต้องจะส่งผลดีต่อนักลงทุนมากกว่าก่อให้เกิดผลเสียอย่างแน่นอน              

 

 

 

ที่มา นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์           

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

       โดย สโรกาญจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์

       ฝ่ายวิจัยและพัฒนาตลาด สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

       www.thaibma.or.th

       sarokarn@thaibma.or.th, 02-252-3336 Ext.216

       

       นับตั้งแต่ที่ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา (Fed) ได้ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ มาตรการ QE (Quantitative Easing) ครั้งแรกเมื่อปลายปี 2551 ถึง มีนาคม 2553 และได้ประกาศใช้ QE II ในเดือน พฤศจิกายน 2553 ถึง มิถุนายน 2554 จนในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากการแถลงการณ์ของ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กล่าวถึงตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ลดลงนั้น อาจไม่ยั่งยืน เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจยังไม่แข็งแรง

       

       ดังนั้น Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ต่ำต่อไป และจะมีนโยบายช่วยเหลือเท่าที่จำเป็น ได้ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะมีการใช้มาตรการ QE รอบใหม่ หรือ QE III ออกมาแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติมแต่อย่างใด ในที่นี้จึงขอเล่าถึงมาตรการ QE ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ นำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ทราบว่ามีวิธีการอย่างไร และได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร

       

       มาตรการ QE นั้น เป็นมาตรการทางการเงินที่ไม่ได้ใช้ในช่วงเวลาปกติ (Unconventional Monetary Policy) กล่าวคือ เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ธนาคารกลางจะใช้นโยบายทางการเงินต่าง ๆ เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการทางการเงินที่ถูกใช้มากที่สุดคือคือการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่ต่ำ เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจให้อยู่ในระดับที่ต่ำลง

       

       แต่สำหรับวิกฤตการทางการเงินของสหรัฐฯนั้น แม้จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Fund Rate) ให้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก นั่นคือระดับ 0 - 0.25% แล้วก็ยังไม่เพียงพอที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ดังนั้น Fed จึงต้องหันมาใช้มาตรากรที่เป็น Unconventional Monetary Policy ควบคู่ไปกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากคาดว่าจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือภาคการเงินได้อย่างรวดเร็ว และเป็นการเข้าไปช่วยเหลือในตลาดที่ปัญหาโดยตรง

       

       โดยมาตรการQE เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายภาคเอกชน นอกจากนั้นยังใช้เพื่อลดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield) ให้อยู่ในระดับต่ำลงมา โดยที่ธนาคารกลางจะเข้าไปซื้อตราสารหนี้ทั้งของภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดการลดต้นทุนในการกู้ยืมของภาคธุรกิจลง ซึ่งเป็นการช่วยให้การผลิต และการจ้างงานสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ก็ก่อให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆด้วยเช่นกัน อาทิ เกิดแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อ เนื่องจากมีการอัดฉีดปริมาณเงินเข้าสู่ระบบ และยังส่งผลกระทบต่อค่าเงินที่อ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน

       

       สำหรับผลกระทบของมาตรการ QE ต่อประเทศไทยนั้น การที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (U.S Treasury) ปรับตัวลดลง ได้ส่งผลให้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในประเทศไทย ทั้งในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ดังนั้นนักลงทุนต่างประเทศจึงได้กำไรทั้งจากอัตราผลตอบแทน และอัตราแลกเปลี่ยนไปพร้อมๆกัน ซึ่งการที่เงินทุนไหลเข้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยอย่างเดียว แต่เป็นการไหลเข้าภูมิภาค รวมไปถึง Emerging Country ด้วย ก็จะทำให้ค่าเงินในภูมิภาคแข็งค่าไปในทิศทางเดียวกัน

       

       แม้ว่านโยบาย QE จะมีประโยชน์ในการช่วยฟื้นเศรษฐกิจของสหรัฐได้มาก แต่ก็สร้างความเสี่ยงทั้งในด้านเงินเฟ้อ ความเสี่ยงด้านการลงทุน ตลอดจนสร้างความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ให้กับประเทศสหรัฐเอง และประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งในอนาคต FED จะเลือกใช้มาตรการอื่นเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ หรือไม่นั้น ยังคงประเด็นที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจและติดตามกันต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไปทางไหนดีเน้อออออ คิคิ

ตื่นแล้วเหรอคะ กินข้าวยัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตื่นแล้วเหรอคะ กินข้าวยัง

ตื่นแล้วคับ แต่ยังมะได้กินอะไรเลย แกะเพลงเพิ่งเสดคับ. เสียดายเอสแท้ ไม่น่าปิดเลย รอใหม่ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตื่นแล้วคับ แต่ยังมะได้กินอะไรเลย แกะเพลงเพิ่งเสดคับ. เสียดายเอสแท้ ไม่น่าปิดเลย รอใหม่ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ท่าทางน่าอร่อยคับคุณพี่กระต่าย ว่าแต่เอามาส่งป่าวเนี่ย คิคิ เดวบ่ายสามมีซ้อมคับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทักทายทุกคนคร้าาา น้องpope หมำ่คนเดียวไม่แบ่ง เด๋วอ้วนT230811_04CM.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...