ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

คุณปองรอ buy รอ sell GF อยู่หรือเปล่าจ๊ะตอนนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณปองรอ buy รอ sell GF อยู่หรือเปล่าจ๊ะตอนนี้

รอซื้อกันคะ แต่ถ้าขึ้นไปติดแนวต้านก้อจะขาย

ตอนนี้มันไซเวย์ เลือกไม่ถูก รอจังหวะก่อนคะ

ปองพักเทรดสปอต ส่วนจีเอฟต้องใช้ช่วงราคาเยอะหน่อยคะ

ได้จังหวะเหมาะๆจะมาตะโกนน๊าาา :uu

ถูกแก้ไข โดย ปิงปอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอซื้อกันคะ

 

 

รอซื้อที่เท่าไหร่

พี่กบเอาข่าวมาฝากคุณปองและหมู่เฮานะ ข่าวล่าจ้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

องค์กรกำกับดูแลตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศ อังกฤษ หรือเอฟซีเอ

และองค์กรกํากับดูแลการซื้อขายอนุพันธ์ของสหรัฐอเมริกา หรือซีเอฟทีซี

สั่งปรับ 5 ธนาคารเป็นจำนวนเงินรวม 2,000 ล้านปอนด์ฐานร่วมกันปั่นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล

หลังจากทำการสอบสวนมาเป็นเวลา 1 ปี

 

ทั้ง 5 ธนาคารแบ่งเป็นธนาคารอังกฤษ 3 ธนาคารคือ เอชเอสบีซี รอยัลแบงก์ออฟสกอตแลนด์

สวิสแบงก์ยูบีเอส และ ธนาคารสหรัฐ 2 ธนาคาร คือ เจพี มอร์แกน เชส และซิตี้แบงก์ ส่วนธนาคารบาร์เคลย์

กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน นอกจากนี้ FINMA ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบตลาดการเงินของสวิตเซอร์แลนด์

ยังสั่งปรับ สวิสแบงก์ยูบีเอส 134 ล้านฟรังก์สวิสอีกด้วย

 

ซีเอฟทีซีบอกว่า จากกระบวนการสอบสวนที่ผ่านมาพบว่ามีการร่วมมือกันของผู้ทำการค้าเงินตราสากล

ระหว่างธนาคารดังกล่าวเพื่อทำการบิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่าง ประเทศ

 

ทั้งนี้ มีการสื่อสารกันผ่านแอพพลิเคชั่นแชตส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้า

โดยการตั้งรหัสลับ ในการสื่อสารกัน ด้านเอฟซีเอบอกว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายความเชื่อมั่น

ของระบบการเงินการธนาคารของ อังกฤษ ธนาคารต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อไม่ให้ผู้ทำการค้าเงินตราสากล

ทำธุรกรรมเพียง เพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัท

 

ปัจจุบัน ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล มีมูลค่าถึง 5.3 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ และประมาณ 40%

ของการซื้อขายของโลกอยู่ที่ตลาดในลอนดอน

 

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนี้แต่ เพิกเฉย

ล่าสุด รายงานจากธนาคารกลางระบุว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีหลักฐานประกอบ

 

 

post-6178-0-99175000-1415796901.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐ-จีน: เกมใหญ่ยังไม่จบ

 

การประชุมสุดยอดเอเปคปิดฉากลงแล้ว ท่ามกลางแสงสีตระการตาของดอกไม้ไฟ

พร้อมคำมั่นเชิงสัญลักษณ์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่จะนำจีนสู่ความฝันแบบจีน ๆ

ขณะเดียวกัน แม้ม่านการพูดคุยจะปิดลง

แต่การแข่งขันชิงความเป็นใหญ่ระหว่างสองอภิมหาอำนาจก็ดูจะยังดำเนินต่อไป

 

จีนฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐเมื่อ 35 ปีก่อน ทิ้งความสันโดษมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจโลก

 

รัฐบาลสหรัฐเชื่อว่าการเปิดตัวของจีนจะทำให้คนจีนค่อย ๆ ซึมซับความฝันแบบอเมริกัน

รวมทั้งเสรีภาพในการพูดและระบอบประชาธิปไตย แต่หลายทศวรรษผ่านไป

บัดนี้จีนยังซึมซับแค่เกมกีฬากับวงการบันเทิง อย่างอื่นยังไม่สนใจ

 

ศาสตราจารย์หวัง ยี่เหว่ย แห่งสถาบันนานาชาติศึกษา มหาวิทยาลัยเหรินหมิน บอกว่า

ประธานาธิบดีกำลังนำพาจีนไปท้าทายกับโลกทัศน์แบบอเมริกันที่ฝังรากลึก ในหมู่คนจีน

 

"ตอนนี้เราฝันถึงความฝันแบบจีน ๆ ก่อนหน้านี้ทุกคนฝันหาความฝันแบบอเมริกัน

สหรัฐเป็นประเทศที่สร้างขึ้นมาบนความเชื่อที่ว่าคนอเมริกันนั้นเป็นเลิศ

คือถือว่าอเมริกันชนเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา ไม่เป็นสองรองใคร"

 

"แต่ตอนนี้ เสียใจด้วยนะครับ พวกคุณอเมริกันชนกลายเป็นสองรองจีนไปแล้ว สหรัฐจะรับตรงนี้ได้ไหม?

สหรัฐจะปรับทัศนคติเกี่ยวกับตัวเอง และทัศนคติที่เห็นตนใหญ่กว่าคนอื่นได้ไหม?"

 

ได้หรือไม่ได้ อย่างน้อยในการประชุมสุดยอดเอเปคที่จีนครั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามา

ก็ยอมใส่เสื้อประธานเหมาอย่างหน้าชื่นตาบาน และดูจะสนุกสนานกับดอกไม้ไฟ การแสดงของคณะระบำ

และการรำกลองจีนอยู่ไม่น้อย

 

จีนกับสหรัฐมีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง คือต่างก็เชื่อมั่นในอนาคตของตนเอง และเห็นว่าวัฒนธรรมของตน

เป็นของขวัญพิเศษสำหรับมวลมนุษย์

 

ทั้งสองเป็นมหาอำนาจโลกด้วยกัน ฝ่ายหนึ่งยังยิ่งใหญ่อยู่ในปัจจุบัน อีกฝ่ายเคยใหญ่ในอดีต

และอยากจะหวนกลับมาใหญ่อีกครั้ง

 

แต่ในความเหมือนก็ย่อมมีความแตกต่าง สหรัฐคือรัฐในระบอบประชาธิปไตยที่ยังหนุ่มแน่นชอบท้าตีท้าต่อย

ขณะที่จีนคือรัฐในระบบราชการแบบเก่า

 

หลังการประชุมสุดยอดเอเปคปิดฉากและการประชุมทวีภาคีสหรัฐ-จีนเริ่มขึ้น

ก็จะมีคำถามที่ตามหลอกหลอนทั้งสองฝ่าย นั่นก็คือ

ยักษ์ใหญ่ฝ่ายไหนจะรับมือกับการท้าทายของยุคศตวรรษที่ 21 ได้ดีกว่ากัน

 

 

post-6178-0-27543300-1415797309.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

clear.gifclear.gifclear.gif

FxPro - Pre US Open, Daily Technical Analysis Wednesday, November 12, 2014‏

 

Pivot: 1146

 

Most Likely Scenario: Long positions above 1146 with targets @ 1179 & 1195 in extension.

 

Alternative scenario: Below 1146 look for further downside with 1131 & 1120 as targets.

 

Comment: The RSI is mixed.

 

 

post-6178-0-02062100-1415797503.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอคุณปองตะโกนบอก 5555

คุณปองทานข้าวยัง พี่กบจะไปทานข้าวก่อน วันนี้ทานค่ำเลย หิวแล้ว

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

https://www.facebook.com/WealthStation?fref=nf

มีโอกาสที่ราคาทองจะทรงตัวในกรอบนี้ไปอีกระยะหนึ่งก่อนจะเลือกทาง

การไซด์เวย์อาจสองวันหรือเกินสัปดาห์หลังจากนี้

ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงตากการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนที่จะไม่กลับไปเติบโตแบบสองหลักอีก หรือที่ทางการจีนเรียกว่า เสถียรภาพมากขึ้น เป็นปัจจัยลบต่อสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมรวมถึงทองคำทั้งทางตรงและทางอ้อม

การที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงทั้งของจีนและโดยรวมทั้งโลกนั้น ฉุดให้อัตราเงินเฟ้อเป้าหมายลดลงในช่วง 6 - 12 เดือนหลักจากนี้

เป็นหนึ่งในปัจจัยลบของทองคำในแง่ของสินทรัพย์ที่ซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

SPDR ขายออกอีก 1.79 ตัน โดยยังขายต่อเนื่องไม่มีซื้อกลับ

ทำให้มองโดยภาพรวมแล้วยังไม่เห็นปัจจัยบวกต่อทองเลย

ยิ่งเมื่อพิจารณาในแง่ของโอกาสในสินทรัพย์อื่นๆ อย่างเช่นตลาดหุ้นยังมองเห็นโอกาสมากกว่าแม้ว่าเศรษฐกิจภาพรวมไม่ได้ดีอะไรนักแต่ได้เม็ดเงินมาหนุนให้ลอยอยู่ได้

แม้ว่าสุดท้ายจะอยู่ที่ทิศทางว่าทองจะเลือกขึ้นหรือลงหลังจากที่ฟอร์มตัวจบแต่ตามปัจจัยในเวลานี้ยังน่าจะลงมากกว่าขึ้น

วันนี้ยังรอแอ็กชั่นที่กรอบราคา 1145 และ 1170 โดยเริ่มมีความผันผวนลดลงเรื่อยๆ ทำให้จังหวะเข้าตลาดมีน้อยลง และต้องอาศัยเครื่องบางอย่างเพื่อจับจังหวะที่มันจะระเบิดกรอบออกมา

แนวต้าน 1165 1170

แนวหนุน 1140 1145

by Facebook.com/Wealthstaiton

13/11/57

 

63422_789576231080854_1107894570932615882_n.png?oh=9615ab9623eab89d46285039294d8d1c&oe=54E2D94B&__gda__=1427800768_6bc5a440986fc1e99390d62f0d0bd2c8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไฮโซชาวดอย

 

rxnl4.png

 

เดารายวัน

 

สวัสดีไฮโซชาวดอย

เมื่อวานนี้ทองเปิดตลาดที่ 1163 ขึ้นไปทำ high ที่ 1170 แล้วลงมาทำ low ที่ 1157 ก่อนมาปิดที่ 1162 ลบมา 1 เหรียญ

 

เชื่อว่าเราหลายคนอ่านข่าวเรื่อง Economy เราทราบกันอยู่ว่า ETF ลดการถือทอง ปัญหาค่าเงินฝืด ซึ่งตอนนี้ UK ก็กำลังจากตาม Euro ไปอีกประเทศ น้ำมันที่ลดลงต่อเนื่องสะท้อนค่าเงินฝืด ทองที่หมดความน่าลงทุนในสายตานักลงทุน หุ้นสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นทำrecord high แทบทุกวัน FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น Euro จะทำ QE เราแทบมองไม่ออกเลยว่าอะไรจะทำให้ทองขึ้น คงมีแต่ Physical buy ที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ราคาลง แต่เช้านี้ได้อ่านของ Aust บอกว่า

 

Australian representative Gary Quinlan said on his Twitter account. Not everyone is optimistic about Asia’s demand. China’s imports in 2014 will probably decline 20 percent to 30 percent from last year, John Levin, global head of metal sales at Australia & New Zealand Banking Group Ltd., said yesterday at an industry conference in Lima.

 

กลับตรงข้าม เค้าเชื่อว่ายอดของจีนในปีนี้ที่หลายข่าวบอกว่าเพิ่มมากขึ้นสรุปแล้วในปีนี้ลดลง 20-30% จากปีที่แล้ว มีข่าวเพิ่มเรื่องปัญหาค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าอยากมาอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็แย่สำหรับ Physical ทอง

 

เราคงเหลือข่าวเดียวที่ชาวดอยแขวนได้คือ "สงคราม"

 

วันนี้เปิดข่าวมาก็เจอเรื่องนี้ เช้านี้มีข่าวจากยูเครนว่ารัสเซียส่งรถถังไปแนวชายแดน คืนนี้ UN จะมีการหารือกันเรื่องนี้ แต่รัสเซียยังปฎิเสธ

 

President Petro Poroshenko then called for a cease-fire after Ukrainian television images showed Russian tanks advancing toward the Sea of Azov port of Mariupol and fighting raged in its outskirts.

 

The UN Security Council will hold an emergency meeting at 2:30 p.m. today in New York,

 

เราคงต้องมาติดตามข่าวนี้กัน อาจจะเด้งแล้วนั่นคือโอกาสที่จะ S กัน

 

วันนี้ก็มีตัวเลขขอสวัสดิการณ์ว่างงานและ Job opening ที่ดูน่าจะสำคัญ คาดเหมือนจะเพิ่มขึ้นแต่คงไม่เปลี่ยนภาพของทองเพราะตัวเลขใหญ่นั้นเหมือนเดิม สรุปในทาง Fund เชื่อว่าลง แต่ปัญหาเรื่องยูเครนอาจทำให้เด้งขึ้นมาได้

 

ในทาง Technical เมื่อวานมองว่าหลังจากข้าม 1166 น่าจะไปเทรส 1173-1178 แต่แล้วก็ไม่ข้าม แค่ไปเทรสที่ 1170 บนกรอบสามเหลี่ยมที่เป็น Symmetrical เท่านั้น ถ้าเรานับ เราจะได้ ABCD ซึ่งกำลังจะไป E ซึ่งจบไม่เกิน 1170 แล้วก็จะลง แต่ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็น WXY กราฟจะไปเทรส 1178 จึงค่อยลง

 

ส่วนตัวมองว่าขึ้นอยู่กับข่าวสงครามว่าจะไปไกลแค่ไหน ข่าวตอนนี้แค่เพียงเห็นการเคลื่อนย้ายรถถังซึ่งก็ยังไม่มีการยอมรับหรืออย่างไร ผมเลยมองว่า ถ้าเด้งมาแถว 1170 ผมถือว่าเป็นโอกาสคง S ต่อไปถ้ายังขึ้นอีกก็ไป S เฉลี่ยที่ 1178

 

แนะนำ เด้งมา S ต่อไป

 

ขอให้มีความสุขในการลงทุน ขอพระเจ้าอวยพร ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold spot Intraday: the bias remains bullish.

 

Pivot: 1156

 

Most Likely Scenario: Long positions above 1156 with targets @ 1173 & 1179 in extension.

 

Alternative scenario: Below 1156 look for further downside with 1146 & 1138 as targets.

 

Comment: The RSI is mixed.

 

 

post-6178-0-93230500-1415896439.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณคิดว่าควรทำอย่างไรถึงดึงนักท่องเที่ยวมาไทยได้เพิ่มคะ

 

กระทรวงท่องเที่ยวคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนลดลง 1 ล้านคน เหลือ 25 ล้านคนในปีนี้ ชี้กฎอัยการศึกไม่ใช่อุปสรรค

ขณะที่มาเลเซียคาดว่าต่างชาติ จะไปเยือนมาเลเซีย 28 ล้านคน และคนไทยจะไปมาเลเซียมากขึ้นอี

เผยหลายชาติในภูมิภาคต่างแข่งขันดึงคนไทยให้ไปเที่ยวเมืองนอก

 

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย ตลอดทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 25-25.5 ล้านคน

ซึ่งน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว 1 ล้านคน นางกอบกาญน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวฯ

ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ในเวลาเดียวกัน

นางกอบกาญจน์ยืนยันว่าการบังคับใช้กฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลมากนักต่อการท่องเที่ยวไทย

 

ข่าวที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ อ้างคำพูดของนางกอบกาญจน์ที่ให้เหตุผลว่ากฎอัยการศึก

ไม่ได้ส่งผลให้จำนวนนัก ท่องเที่ยว ลดลงมากนักเพราะดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จองเดินทางเข้ามาในไทยล่วง หน้า

ในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นมา 6% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวฯ ขอให้คนไทยท่องเที่ยวไทยและบอกว่าจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากกว่าปีที่แล้ว

 

ด้านสำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย รายงานว่ามาเลเซียคาดว่าปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวมาเลเซีย

เพิ่มขึ้นประมาณ 1.7 ล้านคน เพิ่มจาก ปีนี้ที่มีประมาณ 1.65 ล้านคน และปีที่แล้วมีประมาณ 1.56 ล้านคน

ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางมาไทยเมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 3 ล้านคน

 

เบอร์นามารายงานอ้างคำพูดนายโมฮาเหม็ด ชาห์รีร์ ฮัดซิม รองผู้อำนวยการคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยว

ตลาดประเทศไทยและเมียนมาร์ ว่าขณะนี้หลายประเทศต่างทำโครงการดึงนักท่องเที่ยวไทยให้ไปเที่ยว

ไม่ว่าจะเป็นเมียนมาร์ เวียดนาม ลาว และญี่ปุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้คนไทยไปเที่ยวโดยไม่ต้องใช้วีซ่าได้นาน 2 สัปดาห์

ทั้งนี้เขาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศประมาณ 6 ล้านคน

 

สำหรับการท่องเที่ยวมาเลเซียเองนั้นคาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไป เยือน 28 ล้านคน โดยนับถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

มีนักท่องเที่ยวไปมาเลเซียแล้ว 25.7 ล้านคน ขณะที่ปีหน้ามาเลเซียคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไปเยือน 29.4 ล้านคน

 

 

post-6178-0-19110200-1415896627.jpg

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

infoquest.gif

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดบวก หลังวอลมาร์ทเผยกำไรดีเกินคาด

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2557 22:45:20 น.

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในช่วงเปิดตลาดวันนี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยผลประกอบจากบรรดาห้างค้าปลีกรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท

หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้น 32 จุด หรือ 0.2% แตะ 17,641.56 จุด

 

ส่วนดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.28 จุด หรือ 0.11% ที่ระดับ 2,040.85 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 8 จุด หรือ 0.17% สู่ระดับ 4,683.6 จุด

 

โดยในช่วงก่อนเปิดตลาดวันนี้ วอลมาร์ท สโตร์ อิงค์ ห้างค้าปลีกรายใหญ่สุดของโลก รายงานผลกำไรต่อหุ้นที่ 1.15 ดอลลาร์

ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดขายรวมสุทธิสำหรับไตรมาสสามอยู่ที่ 1.181 แสนล้านดอลลาร์ น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

หุ้นวอลมาร์ทเปิดตลาดที่ 80.94 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.2%

 

หุ้นกลุ่มค้าปลีกอยู่ในความสนใจของนักลงทุน หลังจากที่หลายบริษัทยอยรายงานผลประกอบการ โดยหลังจากปิดตลาดวันพุธ

ห้างสรรพสินค้า เจซี เพนนีย์ ได้รายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิที่ 77 เซนต์ในไตรมาสสาม ซึ่งต่ำกว่าคาด

ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.75 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

หุ้นเจซี เพนนี เปิดที่ 7.08 ดอลลาร์ในวันนี้ ร่วงลง 8.8%

เมซี อิงค์ ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐก็รายงานผลประกอบการไตรมาสสาม เมื่อวันพุธเช่นกัน

โดยกำไรเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 61 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

แต่ยอดขายรวมในไตรมาสสามลดลง 1.3% จากปีที่แล้ว แตะ 6.195 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตายอดค้าปลีกสหรัฐประจำเดือนต.ค.ที่กระทรวงพาณิชย์มีกำหนด เปิดเผยในวันศุกร์นี้

ซึ่งอาจบ่งบอกได้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 8 พ.ย.

ปรับตัวขึ้น 12,000 ราย แตะที่ 290,000 ราย

 

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 280,000 ราย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยานฟิเลขององค์การอวกาศยุโรป ที่สร้างประวัติศาสตร์ลงจอดบนดาวหางได้สำเร็จ ได้เริ่มส่งทยอยส่งภาพมายังโลกแล้ว

 

ก่อนนี้นักวิทยาศาสตร์เป็นห่วงเรื่องสภาพการลงจอดว่า ยานไม่สามารถยึดเกาะพื้นผิวดาวหางได้ โดยล่าสุดนี้ยานยึดเกาะกับดาวหางได้แล้ว

 

ตอนนี้ทีม งานกำลังเร่งค้นหาดูตำแหน่งที่แน่ชัดของยานฟิเล ว่าจอดอยู่ตรงส่วนไหนของดาวหาง

ทีมนักวิศวกรเชื่อว่ายานคงกระดอนออกมาหลายร้อยเมตรจากจุดที่ลงจอดครั้งแรก

 

ภาพชุดแรกที่ยานฟิเลส่งกลับมาชี้ว่า ยานน่าจะลงจอดบนพื้นผิวที่เป็นเนินลาด หรือจอดแบบตะแคง

แต่ทางทีมงานก็ยังคงได้รับข้อมูลที่ยานส่งมาอย่างต่อเนื่อง

 

ทีมนักวิทยาศาสตร์เป็นห่วงว่าสภาพการจอดในขณะนี้จะทำให้ตัวยานมั่นคงแค่ไหน ในระยะยาว

เพราะว่าตัวเกี่ยวจากยานยึดติดไม่แน่นกับพื้นผิวดาวหาง เนื่องจากอุปกรณ์เพื่อยิงขอเกี่ยวเพื่อให้เกี่ยวกับพื้นผิวนั้น

ไม่ทำงานในตอนที่ลงแตะพื้นผิวครั้งแรก

 

สตีเฟน อูลาเมค หัวหน้าโครงการยานฟิเลบอกว่าสภาพดังกล่าวอาจทำให้ยานฟิเลกระดอนกลับขึ้นไปสู่ห้วงอวกาศได้

ยานฟิเลเป็นยานที่มีขนาดพอ ๆ กับ เครื่องซักผ้า ถูกปล่อยจากดาวเทียมโรเซตตาเมื่อวาน (12 พ.ย.)

และใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินทางไปยังพื้นผิวที่เป็นน้ำแข็งของดาวหาง 67พี/ชูริมอฟ เจราสซิเมนโก

 

นักวิทยาศาสตร์บอกว่ามีกล้องติดอยู่ที่ดาวเทียมโรเซตตา ซึ่งตอนนี้ทีมงานกำลังใช้บันทึกภาพยานฟิเล

แต่เนื่องจากดาวเทียมโครจอยู่ห่างจากยานฟิเลหลายร้อยกิโลเมตร จึงอาจไม่ได้รายละเอียดมากนัก

แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วยเป็นแนวทางให้รู้ตำแหน่งของยานฟิเลได้

 

ถ้ายานฟิเลจอดได้อย่างมั่นคง ยานก็จะทำงานบนดาวหางอีกหลายเดือน นักวิทยาศาสตร์หวังว่า

ยานฟิเลจะถ่ายและประมวลสภาพพื้นผิวของดาวหาง รวมทั้งศึกษาองค์ประกองทางเคมี

เพื่อช่วยให้นักวิทยาศาตร์ได้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับกำเนิดของระบบสุริยะ

 

post-6178-0-68112900-1415897127.jpg

post-6178-0-30392100-1415897049_thumb.jpg

ถูกแก้ไข โดย gejen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ห้ามจำหน่ายหนังสือ A Kingdom in Crisis

เพราะข้อมูลจากบทวิจารณ์ที่หนังสือพิมพ์ต่างประเทศเขียนถึงหนังสือเล่มนี้

ให้ข้อมูลที่ชี้ว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่เข้าข่ายหมิ่นราชวงศ์

ด้านผู้แต่งชี้คำสั่งห้ามเป็นเรื่องน่าอดสู

ขณะที่นักวิชาการออกซฟอร์ดระบุให้ข้อมูลที่น้อยคนกล้าเสี่ยงจะเขียนถึง

 

น.ส.พ.มติชนรายงานว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ลงนามในคำสั่งห้ามสั่งเข้า หรือนำเข้าหนังสือ "A Kingdom in Crisis"

ซึ่งแต่งโดยนายแอนดรูว์ มาร์แชล อดีตผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เนื่องจากบทวิจารณ์หนังสือดังกล่าว ซึ่งเขียนวิจารณ์โดยนาย David Eimer

และเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ออนไลน์ "South China Morning Post" ฉบับวันที่ 4 ตุลาคม 2557

กับที่เขียนโดยนาย Andrew Buncombe เผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ออนไลน์ "The independent"

ฉบับวันที่ 8 ตุลาคม 2557 สะท้อนทัศนคติของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้และอ้างอิงข้อมูลที่รับฟังได้ว่า

เป็นสิ่งพิมพ์ที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี

รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือจะกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

 

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๐

แห่งพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ห้ามสั่งเข้า หรือนำเข้าหนังสือ "A Kingdom in Crisis"

เพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักร ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน60,000 บาท

หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งให้ริบและทำลาย สิ่งพิมพ์ดังกล่าว

 

ด้านนายแอนดรูว์ มาร์แชล ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ พูดในเวทีเสวนาเรื่อง Thailand : A Kingdom in Crisis

ซึ่งจัดโดย The Economist Intelligence Unit ที่กรุงลอนดอน เมื่อคืนนี้ว่า

ไม่เห็นด้วยกับการห้ามจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ในเมืองไทย

และเห็นว่าเป็นเรื่องน่าอดสูของระบอบเผด็จการและบ่งบอกให้เห็นว่าประเทศไทย

ยังมีความเชื่อว่าจะสามารถควบคุมข้อมูลข่าวสารในโลกยุคปัจจุบันได้

 

ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้บอกว่าสังคมที่ต้องการก้าวไปข้างหน้าต้องรับฟังข้อมูล ข่าวสารรอบด้าน

ซึ่งบางครั้งอาจเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ขณะที่การควบคุมข้อมูลข่าวสารส่งสัญญาณ

ให้เห็นสภาพสังคมที่เจ็บป่วยที่ พยายามกำจัดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ผู้แต่งบอกด้วยว่าการห้ามจำหน่ายอาจช่วยประชาสัมพันธ์หนังสือและเขาหวังว่า

คนไทยจะมีโอกาสได้อ่านหนังสือที่เขาเขียนขึ้นเพื่อหยิบยกประเด็นที่เห็นว่า ควรถกเถียงกันมาพูดถึง

 

ด้านนายคลอดิโอ โซพรานเซตติ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กล่าวว่า

หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวที่ไม่สามารถหาอ่านได้ในเมืองไทย

เป็นเรื่องราวที่คิดว่าผู้คนทราบคุ้นเคยแต่มีน้อยคนที่กล้าเสี่ยงจะพูดหรือ เขียนถึง

สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับเมืองไทยอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้อาจถือได้ว่าเป็นการ "เปลือยความรู้สึก"

เกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินกันแบบลับๆ และพูดถึงระดับชั้นต่าง ๆ ทางสังคมไทย โดยเฉพาะระดับชั้นที่ไม่ค่อยมีใครได้เอ่ยถึงมากนัก

 

 

post-6178-0-09940400-1415898115.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...