ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

บทความธรรมะนี้ จะทำให้เรา "รู้สึกตัว"

 

มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง อาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง ทุกๆ เช้า ภรรยาจะแอบมองดูเพื่อนบ้าน จากหน้าต่างชั้นบนบ้านและวิ่งกลับมารายงานให้สามีฟัง

 

" เพื่อนบ้านเรานี่ ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน ไม่รู้เขาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร "

 

สามีก็ตอบว่า " อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน "

 

แต่ภรรยาก็ยังไปแอบดูเพื่อนบ้านอยู่ทุกเช้าจากหน้าต่างข้างบนบ้าน และวิ่งกลับมารายงานสามีทุกเช้า" เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว..." ต่อมาวันหนึ่ง ภรรยาวิ่งลงมารายงานสามีด้วยความแปลกประหลาดใจ " ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาด อยากจะรู้เหลือเกินว่า เขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือทำอย่างไร..."

 

สามีหัวเราะและกล่าวว่า " เมื่อเช้าฉันตื่นแต่เช้ามืด และไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้ใสสะอาด เพราะก่อนหน้านี้กระจกมันสกปรก เธอมองออกไป ก็เห็นแต่ความสกปรก... "

 

" มนุษย์เราชอบมองคนอื่น โดยผ่านจิตใจของเราออกไป เมื่อจิตใจของเราสะอาด เราก็จะเห็นแต่ความดีงามรอบๆ ตัว แต่ถ้าจิตใจของเราสกปรก เราก็จะเห็นแต่ความสกปรกรอบตัว การที่เราเห็นแต่ความเลวรอบๆ ตัวเรา เราต้องเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้ว... สิ่งที่เราเห็น มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา และเราจะต้องหาทางฝึกจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ถ้าเราเห็นแต่สิ่งที่เลวจิตใจก็ไม่สงบ เราก็จะกลุ้มอกกลุ้มใจ มีความทุกข์ แต่ถ้าเราหัดมองในแง่ดี เราก็จะคิดแต่สิ่งที่ดี จิตใจก็จะเบิกบาน และมีความสุข..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทความนี้ ให้นำมาสอนตัวเรา "เพือให้รู้สึกตัว"

และแบ่งปัน ให้คนที่คุณรัก "เพือใ้ห้เค้าได้เข้าใจ"

 

มีเด็กน้อยคนหนึ่งเป็นคนชอบโมโหง่าย พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขาหนึ่งถุง และบอกกับเขาว่า "ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคนให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน

 

" วันแรกผ่านไปเด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป ก็ลดจํานวนลง น้อยลง น้อยลง เพราะเขารู้สึกว่า การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง ให้สงบง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ และแล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อและบอกกับพ่อของเขาว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้วไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็นมา

 

พ่อยิ้ม และบอกกับลูกชายของเขาว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุกๆ ครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ ฉุนเฉียวของตนเองได้ ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว ทุกครั้ง" วันแล้ววันเล่าเด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัว จาก 1 เป็น 2 .... จาก 2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกจนหมด เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า "ผมทำได้ ในที่สุดผมก็ทำจนสำเร็จ

 

พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน และบอกกับลูกว่า "ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ เจ้าเห็นหรือไม่ว่ารั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็น จำไว้นะลูกเมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผลเหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้ใช้คำพูด ว่า "ขอโทษ" สักกี่หนก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ฉันใดก็ฉันนั้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คิดดีให้กันวันละนิด โดย น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ มาคิดดี...พูดดี และทำดี ต่อคนที่เรารักกันเถิด

ที่ควรจะเริ่มเป็นอันดับแรกก็คือ...การคิดดี ซึ่งทำได้ไม่ยากเลย ถ้าตั้งใจว่าจะลองทำดู และจะพยายามทำให้ความฝันกลายเป็นความจริง

1. เริ่มจากคิดดีแก่ตนเองก่อน

ให้เวลาแก่ตนเองบ้าง ปลีกเวลาออกจากสังคมที่ป่วยบ้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดต่อเนื่อง ทำงานให้น้อยลงบ้าง หัดปฏิเสธงานบางอย่างบ้าง อย่าคิดว่ามีแต่ตนเองเท่านั้นที่จะทำได้ คนอื่นเขาก็อาจจะทำได้ ถ้าเปิดโอกาสให้เขาทำ เมื่อคุณเริ่มมีเวลาแล้วก็จะมีเวลาเพิ่มขึ้นในการจะคิดดี... เช่น คิดดูแลตนเอง รักษาสุขภาพให้ดี ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ จิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน ย่อมจะทำให้อารมณ์ดี และชีวีเป็นสุข

2. มองคนรอบข้างในแง่ดี

การมองคนรอบข้างในทางที่ดีนั้น จะทำให้บรรยากาศที่อยู่นั้นผ่อนคลายหายเครียด เป็นสุข ไว้ใจกัน และเข้าใจกัน อย่าลืมว่าคนเราส่วนใหญ่ ไม่ได้อยากจะเกิดมาเป็นคนร้ายเสมอไป ยิ่งคนใกล้ตัวของคุณแล้ว ถ้าเขาหรือเธอไม่ดี คุณจะรับรักและมาใช้ชีวิตเป็นคู่ครองหรือ แล้วทำไมเมื่ออยู่ด้วยกันนานไปๆ จึงมองเห็นแต่สิ่งไม่ดีงามของกันและกัน ตอบตัวเองได้ไหม ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้น ?? ถ้าพลันคิดได้เมื่อไร ครอบครัวจะเป็นสุขขึ้นมาทันทีเลย

เคยไปถามลุงป้าคู่หนึ่ง ซึ่งชอบท่องเที่ยวทัศนาจรเหมือนผมว่า ทำไมแก่เฒ่าป่านนี้แล้ว ก็ยังรักกันอยู่หวานแว๋ว จนหนุ่มสาวทั้งหลายที่ได้เห็น เกิดการอิจฉาริษยา ท่านตอบว่า เพราะเราสองคนเป็นคนขี้ลืม จำไม่เคยได้เลยว่า อีกคนทำอะไรไม่ถูกใจ จำได้เฉพาะว่าอีกคนทำอะไรที่ถูกใจบ้าง เมื่อเราจำได้เฉพาะความดีงามของคู่ครองแล้ว ใจของเราก็จะเป็นสุข หน้าตาของเราก็จะแจ่มใส และอายุก็จะยืนยาว

วันนี้คุณเริ่มต้นด้วยการคิดถึงคนรักคู่ครองของคุณ ในทางดีสักหนึ่งอย่าง และเพิ่มความดีนั้นไปเพียงวันละอย่าง ตัดความคิดที่ไม่ดีออกไปวันละอย่าง ไม่นานคุณก็จะมีคนรักคู่ครองที่คิดดีและทำดี

3. ไม่เป็นคนขี้ระแวง

...ต้องตัดความคิดเรื่องระแวงแคลงใจออกจากตัวเอง ให้เร็วที่สุด มากที่สุด สิ่งแรกที่คุณควรจะทำก็คือ การเลิกรับข่าวสาร ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลิกอ่านหนังสือพิมพ์ที่เขียนข่าวแต่ในทางร้าย เลิกฟังวิทยุหรือชมรายการโทรทัศน์ที่ไม่ประเทืองปัญญา แล้วยังยุแยงตะแคงรั่วให้เกิดความไม่สมานสามัคคีในสังคม... แล้วความเป็นคนขี้ระแววของคุณจะลดลง โดยคุณไม่รู้ตัว

4. พาตัวให้ห่างคนที่คิดในแง่ร้าย

มีคำกล่าวมาตั้งแต่โบราณแล้วว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล พยายามหลีกตัวหนีห่างจากการคบหาสมาคม กับคนที่มองโลกในแง่ร้าย คนที่ขี้อิจฉาริษยา คนขี้ระแวง พวกเหล่านี้เป็นกาลกิณีของชีวิต และจะนำพาชีวิตของคุณให้ต่ำลง จนจมไปในวังวนของการมองโลกในแง่ร้าย

จริงอยู่ เราไม่สามารถที่จะเลือกคบกับใครได้ตามใจของเรา แต่เราสามารถที่จะเลือกคบกับใครให้สนิทใจได้ บางคนเราอาจจะคบเพียงผิวเผิน บางคนเราก็ควรจะคบให้ลึกซึ้ง และคนที่ควรจะคบให้ลึกซึ้ง ก็คือคนที่มองโลกในแง่ดี และคิดทุกอย่างในทางสร้างสรรค์ ไม่เห็นแก่ตัว และคิดดีต่อคนรอบข้าง

5. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

เมื่อมีคู่ครองและมีชีวิตคู่แล้ว เคล็ดลับในการครองคู่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าเอาแต่ความคิดของตนเป็นใหญ่ พยายามคิดในทางที่ดีถึงการกระทำของคู่รักคู่ครองว่า หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันในความผิดพลาด หรือไม่ได้ตั้งใจ อย่าพยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ต้องพยายามทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก อย่าเกี่ยงกันว่า ให้อีกคนทำตามใจเราก่อน แต่พยายามทำอะไรให้คนใกล้ตัวเกิดความประทับใจ คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะเกิดประโยชน์อะไรบ้างแก่กันและกัน ไม่คิดถึงอารมณ์ของตนเองเป็นใหญ่ แต่พยายามควบคุมอารมณ์ให้แจ่มใส มองในทางที่สร้างสรรค์

6. คิดก่อนพูด

หลายต่อหลายคนที่ชีวิตคู่ต้องอับปางลง ส่วนหนึ่งเกิดจากพูดก่อนที่จะคิด พูดด้วยอารมณ์ พูดด้วยความมันสะใจ พูดเพราะอยากให้อีกคนได้รับรู้ถึงความโกรธแค้น อาฆาตพยาบาท พูดส่อเสียด พูดจากประชดประชัน ฯลฯ เหล่านั้นเรียกว่า ปากเป็นกาลกิณี ขอให้เลิกประเภท... ปากพาไปให้เร็วที่สุด แล้วให้คิดก่อนพูด จำไว้เสมอๆ ว่า การจะมีความรักให้ต่อกันอย่างยั่งยืนยาวนาน ไม่จำเป็นจะต้องพูดทุกอย่างที่รู้ (ซึ่งอาจจะไม่เป็นความจริงทุกเรื่องเสมอไป) แต่จะต้องรู้ทุกเรื่องที่จะพูดออกไปว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังหรือตัวเองหรือไม่

7. อย่าใช้อารมณ์คิด

ต้องใช้ความคิดในทางที่เป็นเหตุและผล โดยเฉพาะต้องมองเหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิตว่า เป็นเพราะเหตุใด จึงเกิดผลของการกระทำนั้น และถ้าปรับเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างแล้ว ต้นเหตุที่ไม่ดีงามอาจจะหายไป และผลดีต่างๆ ก็น่าจะตามมาแทนที่ เวลาที่กำลังมีอารมณ์ไม่ดี อารมณ์ขุ่นมัว อย่าใช้ความคิด ให้หาทางไปพักผ่อนให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ไม่ว่าจะไปเล่นกีฬา พักผ่อน ฟังเพลงสบายๆ หาบรรยากาศดีๆ สงบๆ ให้เกิดความผ่อนคลาย ก็ได้ทั้งสิ้น การใช้ความคิด ในขณะที่จิตใจสงบ ในบรรยากาศดีๆ นั้น ความคิดที่ออกมาจะเป็นไปในทางที่ดีเสมอไป

เห็นไหมว่า แค่คิดแต่เรื่องดี...ชีวีก็จะเป็นสุขแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคะอ.ทองใหม่ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...