ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เจ่าฃันฮ่าว เหล่าฃือทองใหม่

แถวบ้านอ.ทองใหม่น้ำท่วมหรือยังคะ

ได้ข่าวแถวเมืองนนท์ปทุมธานีบ้านแถวริมน้ำโดนกันเป็นห่วงค่ะ

ขอบคุณข่าวและกราฟ+1ค่ะ :lol:

ยังไม่ท่วมครับ ขอบคุณครับที่เป็นห่วง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณอ.ทองใหม่มากครับสำหรับข้อมูลแต่ช่วงนี้ขออยู่เฉยๆก่อน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อดีตประธานเฟดชี้ เงินเฟ้อไม่เป็นปัญหาสำหรับสหรัฐฯ

 

Posted on Wednesday, October 27, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อ. 26 ต.ค. 53)

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 50.2 จุด (มากกว่าเดือนก่อนหน้าและมากกว่าคาดการณ์)

ตัวเลข

 

เศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พ. 27 ต.ค. 53)

• สต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA

• ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

 

 

อดีตประธานเฟดชี้ เงินเฟ้อไม่เป็นปัญหาสำหรับสหรัฐฯ

 

พอล โวล์คเกอร์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความคิดเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เผชิญกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในระยะเวลาอีกหลายอีกหลายปีข้างหน้า และก็จะไม่มีความเสี่ยงกับการลดลงของราคาเช่นเดียวกัน

 

โวล์คเกอร์ ผู้ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กล่าวว่า ณ ขณะนี้เงินเฟ้อยังไม่เป็นปัญหาของสหรัฐฯ และ ก็จะไม่เป็นปัญหากับเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีหน้า และ ก็จะยังไม่ใช้ปัญหาในอีกหลายปีข้างหน้าเช่นกัน

 

ทั้งนี้ โวล์คเกอร์ ได้กล่าวในระหว่างการบรรยายเรื่องการปฏิรูปทางการเงินที่ Boston College ว่า พูดตามตรงแล้ว โดยส่วนตัวเค้าเองก็ยังไม่เห็นความเป็นไปได้ว่า เงินฝืดหรือ deflation จะเกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งในช่วงระยะเวลาต่อจากนี้ไป เสถียรภาพของราคาจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็ง

 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนาย เบน เบอร์นันกี้ ได้ถูกการคาดการณ์อย่างเป็นวงกว้างว่า จะใช้ความพยายยามอย่างมากในการที่จะเร่งเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้น เพื่อที่จะยกให้เศรษฐกิจไม่กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบที่สอง

 

โวล์คเกอร์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ณ ปัจจุบัน อาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และสถานการณ์ในตลาดแรงงานอาจจะดีขึ้นในช่วง 2-3 ปี ส่วนสถานการณ์การขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาลกำลังอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก และจะทำให้การใช้จ่ายภาครัฐใหม่ๆ อาจจะเป็นไปได้ยากขึ้น อย่างไรก็ดี การหั่นงบประมาณเหมือนกับหลายๆ ประเทศในยุโรปอาจจะทำได้ยากสำหรับสหรัฐฯ

 

 

FED เดินหน้าตรวจสอบสถาบันการเงินยึดบ้านหลุดจำนอง

 

เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐร่วมกันประเมินผลกระทบจากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า สถาบันการเงินหลายแห่งในสหรัฐใช้เอกสารอ้างอิงที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายในการยึดบ้านหลุดจำนองของประชาชน

 

เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวว่า "เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางกำลังร่วมกันพิจารณาถึงขั้นตอนและกระบวนการยึดหลักทรัพย์หลุดจำนองของสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งคาดว่าคณะทำงานจะสามารถรายงานการประเมินผลกระทบเบื้องต้นได้ในเดือนหน้า และระยะนี้หน่วยงานกำกับดูแลภาคธุรกิจธนาคารจะตรวจสอบสถาบันการเงินที่ฝ่าฝืนกฏระเบียบการดำเนินงานอย่างเข้มงวดและจริงจัง"

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถ้อยแถลงของเบอร์นันเก้ในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่อัยการของทุกรัฐทั่วประเทศเดินหน้าตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานว่า สถาบันการเงินในสหรัฐดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ ก่อนที่จะยึดบ้านที่หลุดจำนองของประชาชนที่ผิดนัดชำระหนี้

 

ทั้งนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงเปราะบาง ขณะที่อัตราการยึดหลักทรัพย์จำนองจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป

 

 

เศรษฐกิจอังกฤษไตรมาส 3 ขยายตัวดีกว่าคาดการณ์

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษ ขยายตัว 0.8% ในช่วงเดือนก.ค. - ก.ย. หลังจากที่รัฐบาลได้นำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้

 

อัตราการขยายตัวดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2/53 ที่ขยายตัว 1.2%

 

ทั้งนี้ คาดว่า อัตราการขยายตัวที่สูงกว่าคาดการณ์นี้ จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อธนาคารกลางอังกฤษในเรื่องการขยายขอบเขตโครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

สำหรับสาเหตุหลักที่ช่วยให้เศรษฐกิจไตรมาส 3 โตเกินคาดได้แก่ ภาคการก่อสร้างที่ขยายตัว 4.0% จากไตรมาสก่อน และพุ่งถึง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ขณะที่ภาคบริการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของจีดีพี ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 0.6%

 

อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 จะต้องได้รับการปรับทบทวนอีก 2 ครั้ง

 

ขณะเดียวกัน สถาบันจัดอันดับความน่าเชือถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของอังกฤษ เป็น "มีเสถียรภาพ" จากเดิม "เชิงลบ" ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอังกฤษ

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ได้เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการลดรายจ่ายภาครัฐครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งกำหนดให้เกือบทุกกระทรวงลดงบประมาณลง 20% โดยเฉลี่ยในช่วงเวลา 4 ปีข้างหน้านี้ รวมถึงการลดสวัสดิการต่างๆ ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลักเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งแตะระดับสูงถึง 11% ในปีที่แล้ว

 

 

ธนาคารกลางสวีเดนประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

 

ธนาคารกลางสวีเดนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1% ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นในช่วงที่กิจกรรมการทางเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

 

ธนาคารกลางสวีเดนระบุว่า ธนาคารจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อมีเสถียรภาพใกล้กับระดับเป้าหมายที่ 2%

 

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสวีเดนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังขยายตัวแข็งแกร่ง แต่เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน จึงอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยของสวีเดนปรับตัวขึ้นไม่มากนักในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้

 

 

UBS เผยกำไร Q3 แตะ 1.65 พันล้านเหรียญ

 

ยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นแตะ 1.65 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากสินเชื่อภาษีมูลค่า 825 ล้านฟรังค์ ขณะที่ในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วธนาคารขาดทุนถึง 564 ล้านดอลลาร์

 

ก่อนหน้านี้ ยูบีเอสระบุว่า ธนาคารได้รับผลกระทบจากภาวะผันผวนในตลาดการเงิน ธุรกรรมของลูกค้าที่อยู่ในซบเซา และธนาคารยังได้รับผลกระทบจากเงินฟรังค์ที่แข็งค่าขึ้นด้วย

 

ออสวอล์ด กรูเบล ประธานยูบีเอส คาดว่า ผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะดีขึ้น เรามองว่า ธุรกิจทุกแผนกของธนาคารจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 และเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของธนาคารจะเดินหน้าไปตามเป้าหมายระยะกลางที่วางไว้

 

 

อาร์เซลอร์มิตตาลเผยกำไร Q3 ทะยาน 48%

 

อาร์เซลอร์มิตตาล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ทะยานขึ้น 48% หลังจากความต้องการเหล็กทั่วโลกฟื้นตัวดีขึ้น

 

อาร์เซลอร์มิตตาลมีกำไรสุทธิ 1.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 910 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ยอดขายขยายตัว 30% แตะระดับ 2.104 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.617 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้านี้

 

อย่างไรก็ตาม ความต้องการเหล็กทั่วโลกยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับของช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์ เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเผชิญกับอุปสรรค์ด้านการฟื้นตัว

 

สำหรับในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ อาร์เซลอร์มิตตาลมีอัตราการผลิตเหล็กทั้งสิ้น 71% ของผลผลิตเหล็กโดยรวม ซึ่งลดลงจากระดับ 78% ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยุโรปได้เข้าสู่ช่วงการผลิตที่ชะลอตัวลงตามฤดูกาล

 

ทั้งนี้ อาร์เซลอร์มิตตาลมีความวิตกกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ซึ่งบริษัทคาดว่าราคานำเข้าเหล็กจะยังคงแพงขึ้น ในขณะที่บรรยากาศด้านการดำเนินธุรกิจและอุปสงค์เหล็กยังคงไม่แข็งแกร่งมากนัก

 

นอกจากนี้ อาร์เซลอร์มิตตาลเปิดเผยว่า การส่งออกเหล็กมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 แต่ราคาโลหะโดยเฉลี่ยจะยังคงปรับตัวลดลงและกำลังการผลิตจะยังคงทรงตัว ส่วนต้นทุนคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากราคาวัตถุดิบมีราคาแพงขึ้น

 

 

อินเดียเตรียมส่งออก “ธาตุหายาก” แก่ญี่ปุ่น หลังจีนจำกัดการส่งออก

 

รัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งกำลังมองหาแหล่งนำเข้าสินแร่หายากเพื่อใช้ผลิตอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ ระบุ อินเดียตกลงจะป้อนสินแร่หายากแก่ตลาดญี่ปุ่น หลังผู้ส่งออกรายใหญ่อย่างจีนจำกัดโควตาการส่งออก

 

อากิฮิโร โอฮาตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมญี่ปุ่นแถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า นายกรัฐมนตรี มันโมฮัน ซิงข์ ซึ่งสิ้นสุดการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (26 ต.ค. 53) ได้ให้คำมั่นขณะเจรจากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายญี่ปุ่นว่า อินเดียจะส่งออกแร่หายากต่างๆ ให้แก่ญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ

 

แถลงการณ์ระบุว่า “ผู้นำทั้งสองจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการร่วมมือเพื่อพัฒนาสินแร่หายาก รวมถึงนำสินแร่เหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่, ใช้ซ้ำ, ศึกษาวิจัย ตลอดจนพัฒนาอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ”

 

ก่อนหน้านี้โอฮาตะได้หารือกับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนที่กรุงโตเกียว และเรียกร้องให้รัฐบาลจีนส่งออกแร่หายากแก่ญี่ปุ่นตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นอ้างว่าจีนไม่ยอมส่งออกแร่เนื่องจากการจับกุมเรือประมงจีนในน่านน้ำพิพาท

 

เจ้าหน้าที่ระบุว่า ญี่ปุ่นซึ่งใช้สินแร่หายากเป็นวัตถุดิบในการผลิตอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆอาจประสบภาวะขาดแคลนภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปีหน้า หากไม่มีการนำเข้าจากจีน

 

ด้านจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออก “แร่เอิร์ธ” กว่า 95% ในตลาดโลกปฏิเสธหลายครั้งว่า ไม่ได้ระงับการส่งออกเพราะข้อพิพาทตามที่ญี่ปุ่นกล่าวอ้าง แต่บริษัทญี่ปุ่น 31 แห่งรายงานตรงกันว่า ประสบปัญหาในการนำเข้าแร่หายากจากจีน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...