ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

อาจารย์ครับ เมื่อคืน SPDR ซื้อเพิ่มอีก 7.29 ตัน หนิครับ คอนนี้เป็น 1293.89 ตัน ไม่ใช่หรอครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาวโจนส์ปิดพุ่งเฉียด 250 จุด ขานรับตัวเลขจ้างงานเอกชน-ภาคการผลิตสหรัฐฯสดใส

 

Posted on Thursday, December 02, 2010

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ โดย ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐฯเพิ่มการจ้างงาน 93,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 58,000 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว

 

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯในเดือนพ.ย.ขยายตัวสู่ระดับ 56.6 จุด ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.8 จุด เพราะได้แรงหนุนจากยอดการนำเข้าและส่งออกสินค้าในภาคการผลิตที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายตัวในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์

 

ทางการสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนที่เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 55.2 จุด เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 54.7 จุด ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกันที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนขยายตัวเหนือระดับ 50 จุด และบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ Markit/CIPS เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 58 จุด จากระดับ 55.4 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 16 ปี

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกมากกขึ้นเมื่อนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรป หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลโปรตุเกสสามารถประมูลขายพันธบัตรได้จำนวนมาก และหลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปที่ออกมาเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ซื้อพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลในกลุ่มยุโรป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารลางยุโรปอาจเตรียมมาตรการลดผลกระทบที่เกิดจากปัญหาหนี้สาธารณะ

 

- Dow Jones ปิดที่ 11,255.78 จุด (+2.27%)

- S&P 500 ปิดที่ 1,206.07 จุด (+2.16%)

- Nasdaq ปิดที่ 2,549.43 จุด (+2.05%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำปิดบวกเป็นวันที่ 3 นักลงทุนแห่ซื้อทองเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง

 

Posted on Thursday, December 02, 2010

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดทองคำได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ ร่วงลง 0.2% มาอยู่ที่ระดับ 81.05% ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มว่าจะลุกลามยุโรป โดยมีรายงานว่าต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตร (credit-default swaps) ของรัฐบาลเบลเยี่ยม อิตาลี โปรตุเกส และสเปน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมและพลาตินัมทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากสหรัฐฯและจีนเปิดเผยว่า ภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 55.2 จุด เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 54.7 จุด และสหรัฐฯเปิดเผยว่าดัชนี ISM ภาคการผลิตในเดือนพ.ย.ขยายตัวสู่ระดับ 56.6 จุด ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.8 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

 

- ทองคำ ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปิดที่ 1,388.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+2.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

- เงิน ส่งมอบเดือนมีนาคม ปิดที่ 28.413 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+0.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อาจารย์ครับ เมื่อคืน SPDR ซื้อเพิ่มอีก 7.29 ตัน หนิครับ คอนนี้เป็น 1293.89 ตัน ไม่ใช่หรอครับ

ใช่ครับ ถูกต้องนะครับ

post-237-048372800 1291257892.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วางกลยุทธ์

ตลาดอนุพันธ์-02/12/53

 

SZ – 101202 ดัชนีตลาด TFEX ดีดตัวได้แรงเมื่อวานนี้จากการซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์กรณีการขึ้นดอกเบี้ยของกนง. ราคาดัชนีขึ้นมาทดสอบแนว 710-715 จุด ซึ่งเป็นแนวขอบล่างของกรอบที่กลายเป็นแนวปะทะสำคัญไป สัญญาณ MACD ระยะสั้นยังแกว่งแคบเหนือเส้นศูนย์ เครื่องมือแกว่งสโตร์ขึ้นไประดับ 91.5% ใกล้แนวสูงสุด การรอขายทำกำไรอาจใกล้เข้ามาหลังความต่อเนื่องของแนวโน้มสั้นวันนี้ กลยุทธ์ยังเป็นการซื้อขายเก็งกำไรตามแนวโน้มสั้นอีก 1-2 วันแล้สวรอการเปลี่ยนยทิศพักฐานสั้น แนวปะทะอยู่ที่ 715, 725 และ 730-735 จุด ส่วนแนวรองรับอยู่ที่ 700-705, 690 และ 680 จุด สรุป - ทิศทางยังเคลื่อนตัวแกว่งทางด้านข้างในกรอบ 680-730 จุด สถานะ - มีสถานะตามเครืองมือระยะสั้น ต้องเริ่มระวังการขายทำกำไรระยะสั้น

post-237-040074200 1291258283.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:lol: :lol: :lol: +1ขอบคุณค่ะ กองทุนซื้อเพิ่มเยอะเลยอย่างนี้มีโอกาสถึง1450มั๊ยคะ :lol: :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนี้ยุโรปหนุนผลตอบแทนพันธบัตรเบลเยี่ยมสูงสุดในรอบ 17 ปี

 

Posted on Thursday, December 02, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พ. 1 ธ.ค. 53)

• ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (พ.ย.) อยู่ที่ 93,000 ราย

• ประสิทธิภาพการผลิต(Q3/2010) เพิ่มขึ้น 2.3% จากไตรมาสก่อนหน้า

• ต้นทุนการผลิต (Q3/2010) ลดลง 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า

• ดัชนีภาคการผลิต (พ.ย.) อยู่ที่ 56.6 จุด

• ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก่อนหน้า

• สต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พฤ. 2 ธ.ค. 53)

• ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (ต.ค.) โดย สมาคมนายหน้าอสังหาฯ แห่งชาติ

 

 

หนี้ยุโรปหนุนผลตอบแทนพันธบัตรเบลเยี่ยมสูงสุดในรอบ 17 ปี

 

วิกฤตหนี้สาธารณะยังคงลุกลามไปยัง 16 ประเทศในยุโรป ขณะที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่า รัฐบาลเบลเยี่ยมจะสามารถลดตัวเลขหนี้สาธารณะที่มีอยู่มากเป็นอันดับ 3 ในยุโรปได้หรือไม่

 

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลเบลเยี่ยมพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.39% ซึ่งเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นรุนแรงสุดในรอบ 17 ปี และยังส่งผลให้ต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตร (credit-default swaps) ของรัฐบาลเบลเยี่ยมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย

 

แม้สหภาพยุโรปได้อนุมัติวงเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโรให้แก่ไอร์แลนด์เมื่อวันจันทร์ แต่การดำเนินการดังกล่าวก็ไม่สามารถลดกระแสความตื่นตระหนกในตลาดการเงินได้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูสถานะการคลังของประเทศอื่นๆในยุโรป เช่นเบลเยี่ยมว่าอ่อนแอลงจนต้องพึ่งพาเงินกู้ฉุกเฉินจากสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ด้วยหรือไม่

 

นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ลุกลามยุโรปยังทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศเครดิตพินิจและให้แนวโน้มเชิงลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวที่ A- และระยะสั้นที่ A-2 ของโปรตุเกส โดยเอสแอนด์พีมีความกังวลเรื่องความล่าช้าของรัฐบาลโปรตุเกสในการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลดยอดขาดดุลงบประมาณ

 

รายงานคาดการณ์ของคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของ 6 ประเทศยักษ์ใหญ่ของยุโรปอาจขยายตัวได้ 2% ในปีนี้ และ 1.8% ในปีหน้า ซึ่งจะช่วยให้ยอดขาดดุลงบประมาณปรับตัวลดลงได้

 

ฟรองซัว บาโรแอง โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสและรัฐมนตรีกระทรวงงบประมาณ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่กังวลเรื่องอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ด้านการเงินและเศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแกร่ง

 

บาโรแอง กล่าวในการแถลงประจำสัปดาห์ว่า "ได้ดำเนินการปฏิรูประบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบบำนาญ และจะเดินหน้าต่อไป ดังนั้นไม่มีอะไรต้องสงสัย ไม่มีอะไรต้องกังวล"

 

นักลงทุนในตลาดการเงินของฝรั่งเศสพากันวิตกกังวลว่าสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ AAA ของฝรั่งเศส เนื่องจากมีความวิตกว่าวิกฤตการเงินในไอร์แลนด์อาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป

 

บาโรแองกล่าวย้ำว่า "มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าในการบรรลุเป้าหมาย (การลดตัวเลขขาดดุลและกระตุ้นเศรษฐกิจ)"

 

ฝรั่งเศสตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว 1.5% ในปีนี้ และ 2% ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็ประกาศว่าจะลดสัดส่วนตัวเลขขาดดุลต่อจีดีพีให้เหลือ 6% ในปีหน้า จากระดับของปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 7.7%

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา EU และ IMF ประกาศให้เงินช่วยเหลือแก่ไอร์แลนด์มูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.1054 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายยังวิตกว่าวิกฤตการเงินดังกล่าวอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นในยุโรป

 

 

แบงก์สหรัฐฯ จ่อได้กำไรเพิ่มจากฐานเงินฝากรายย่อย

 

ตลาดเริ่มมีการเก็งกันว่ากำไรของกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ อาจได้อานิสงส์จากเงินที่ไหลเข้ามามากขึ้นสู่บัญชีเงินฝากประเภทรายย่อย รวมถึงแบบกระแสรายวัน ท่ามกลางแนวโน้มที่คนอยากเห็นว่าตนจะสามารถเข้าถึงเงินในบัญชีได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ก็เริ่มไม่สนใจกับความเสี่ยงในเรื่องอัตราดอกเบี้ย ที่อยู่ในระดับต่ำแสนต่ำในปัจจุบัน

 

ข้อมูลจากบริษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐฯ (FDIC) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ในประเทศมีเงินเพิ่มเข้ามาในส่วนของบัญชีเงินฝากหลัก หรือที่เรียกว่า core deposit เป็นจำนวนกว่า 88,000 ล้านเหรียญในไตรมาส 3 ทำให้ยอดรวมของเงินในบัญชีดังกล่าวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 6 ล้านล้านเหรียญแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดหากย้อนหลังไปจนถึงอย่างน้อยๆ ในปี 1992

 

สภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ธนาคารที่ถือเงินฝากคิดเป็นมูลค่าสูงสุดอันดับ 4 อย่าง Wells Fargo และอันดับ 5 อย่าง U.S. Bancorp ออกมาบอกว่า ตนกำลังแย่งชิงส่วนแบ่งเค้กเงินฝากดังกล่าว ซึ่งรวมถึง บัญชีกระแสรายวันและเงินฝากประจำที่น้อยกว่า 100,000 เหรียญ

 

สำหรับสภาพในตอนนี้ บรรดาธนาคารต่างๆ กำลังพึ่งพิงเงินฝากมากขึ้นเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อ หลังจากที่เกิดการหยุดชะงักของกลไกตลาดสินเชื่อจนทำให้เกิดวิกฤติการเงินและนำไปสู่การล้มละลายของยักษ์ใหญ่อย่าง Lehman Brothers Holdings ในเดือนกันยายน ปี 2551

 

อุตสาหกรรมธนาคารในขณะนี้จึงต้องเปลี่ยนโมเดลการระดมเงิน จากเดิมที่เคยพึ่งอยู่กับตลาดตราสารหนี้และการทำ securitization หรือการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ โดยเปลี่ยนมาเป็นกลยุทธ์การดึงดูดเงินฝากแบบ core deposit แทน ซึ่งบัญชีประเภทนี้ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากหรือดูเหมือนแทบจะไม่จ่ายเลยก็ว่าได้

 

ข้อมูลจากบริษัท Market Rates Insight ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารในสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยตกอยู่ที่เพียง 0.8% เท่านั้น ซึ่งเรียกว่าเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นอย่างน้อย

 

 

OECD เผยเงินเฟ้อสมาชิกแตะ 1.9% ในเดือนตุลาคม

 

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD เพิ่มขึ้นเป็น 1.9% ในเดือนตุลาคม 2553 จาก 1.7% ในเดือนกันยายน เนื่องจากดัชนีของประเทศญี่ปุ่นและแคนาดาขยายตัวสูง

 

รายงานของ OECD ระบุว่า ราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 20 เดือนในเดือนตุลาคม ในขณะที่ราคาผู้บริโภคของแคนาดาขยายตัวรวดเร็วสุดในรอบ 2 ปี

 

ราคาพลังงานและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาพลังงานพุ่งขึ้น 6.6% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบกับ 5.2% ในเดือนกันยายน

 

ขณะที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 2.6% และหากไม่นับรวมราคาหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.1% ในเดือนตุลาคม 2553 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลข 1.2% ในเดือนกันยายนเล็กน้อย

 

นอกจากนี้ ราคาผู้บริโภคในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนตุลาคม เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.8% ในเดือนกันยายน

 

ทั้งนี้ เมื่อเทียบเป็นรายเดือน อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศสมาชิก OECD จะอยู่ที่ 0.3% ในเดือนตุลาคม โดยญี่ปุ่นและแคนาดาขยายตัวในอัตราสูงสุดเท่ากันที่ 0.4% ในขณะที่ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ขยายตัวในระดับต่ำสุดที่ 0.1%

 

 

BOJ คาดญี่ปุ่นเผชิญเงินฝืดยาวถึงปี 2555

 

มิยาโกะ สึดะ หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจจะต้องเผชิญกับภาวะเงินฝืดไปจนกระทั่งถึงปี 2555 และโอกาสที่ญี่ปุ่นจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดภายในปีงบประมาณ 2554 นั้นก็มีน้อย

 

มิยาโกะ สึดะกล่าวว่า มุมมองของเธอนั้นค่อนข้างจะระมัดระวังมากกว่าที่ระบุไว้ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรอบครึ่งปีของธนาคารกลาง โดยรายงานฉบับที่ได้มีการเผยแพร่เมื่อเดือนต.ค. ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นอาจจะขยายตัวขึ้น 0.1% ในปีงบประมาณ 2554

 

บอร์ด BOJ ผู้นี้กล่าวต่อไปว่า การที่ญี่ปุ่นจะสามารถก้าวพ้นจากภาวะเงินฝืดให้ได้นั้นคงต้องใช้เวลามากพอสมควร โดยการแข่งขันที่สูงขึ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอาจจะทำให้บริษัทเอกชนต้องลดค่าใช้จ่ายลง รวมทั้งการดำเนินการเพื่อลดแรงกดดันด้านราคา

 

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสดที่มีความผันผวนนั้น ตกลงมาติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 แล้วในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

 

บอร์ด BOJ ยังกล่าวด้วยว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของประเทศยังคงอ่อนตัวลงแบบชั่วคราวนั้นยังมีอยู่มาก เมื่อพิจารณาจากผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และความเชื่อมั่นที่ถดถอยลงในกลุ่มบริษัทเอกชนและผู้บริโภค

 

 

จีนจัดงบ 350 ล้านหยวนรับมือกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น

 

กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า จีนจะให้เงินอุดหนุนแก่ครอบครัวยากจนในภาคกลางและตะวันตกของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น เป็นวงเงิน 350 ล้านหยวน หรือ 52.4 ล้านดอลลาร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผู้สูงอายุในพื้นที่ชนบทกว่า 4.6 ล้านคนจะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย บริการทางการแพทย์ และบริการฌาปนกิจศพ รายละไม่ต่ำกว่า 20 หยวนต่อเดือนต่อคน

 

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะลดแรงกดดันให้กับประชาชนที่ลำบาก และจะมีการให้เงินอุดหนุนไปจนกระทั่งถึงเดือนมี.ค. 2554

 

ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ใช้มาตรการที่หลากหลายมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. เพื่อกระตุ้นการผลิตในภาคอุตสาหกรรม เพื่อรับมือกับผลกระทบจากเงินเฟ้อ

 

ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือนต.ค.ดีดตัวขึ้นแตะ 4.4% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 25 เดือน

 

 

ดีมานด์ในจีนจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกช่วง 5-10 ปีนี้

 

นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิคาโกกล่าวว่า จีนกำลังเดินหน้ากระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในประเทศจีนนี้เองจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในช่วง 5-10 ปีต่อจากนี้

 

รากูห์ราม ราชัน อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในที่ประชุมที่ชิคาโกว่า ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี 2541 จีนให้คำมั่นว่าจะไม่พึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศในการขยายตัวของเศรษฐกิจ และสามารถทำได้ด้วยการกระตุ้นภาคการส่งออกของประเทศ ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับจีนได้เป็นอย่างดี

 

นอกจากนั้นนายราชันยังชื่นชมศักยภาพของจีนที่สามารถกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปสงค์จากประเทศอุตสาหกรรมในช่วงเกิดวิกฤตการเงินโลกครั้งล่าสุด

 

ขณะเดียวกันเขากล่าวว่า เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะมีสมดุลมากขึ้นเมื่อบรรดาตลาดเกิดใหม่ซึ่งรวมถึงจีน มีอัตราการขยายตัวของอุปสงค์ที่สูงขึ้น

 

ทั้งนี้ จีนให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการเพิ่มเติมอื่นๆ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศหลังเกิดวิกฤตการเงินโลก ข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่าการบริโภคมีสัดส่วนสูงถึง 52.5% ของจีดีพีของจีนในปี 2552

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล.. !01

 

แต่แนวโน้มช่วงนี้ดูยากนะครับ.. !_09

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...