ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[ทองใหม่ 7,435]

!

[ทองใหม่ 7,435]

!

[ทองใหม่ 7,435]

!

[ทองใหม่ 7,435]

!

[ทองใหม่ 7,435]

!

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[lucifer 0]

ขอบคุณครับ

[d19920 4]

ขอบคุณค่ะ

[โน้ตตัวกลม 0]

ขอบคุณค่ะ

[jettana 0]

มาให้กำลังใจครับ

[raty 151]

ขอบคุณคะ ติดตามต่อปาย

[Anny999 154]

ขอบคุณค่ะ

[Jaiy 1]

ขอบคุณครับ

วันนี้เข้าเพิ่มเต๊มปอดเลย

[ทองใหม่ 7,435]

ยอดออเดอร์ลงทุนหุ้น Facebook ทะลัก

 

Posted on Friday, January 07, 2011

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤ. 6 ม.ค.2554)

• ตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 410,750อัตรา โดยเฉลี่ยในรอบ1เดือนที่ผ่านมา โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศ. 7 ม.ค.2554)

• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ธ.ค.) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• อัตราการว่างงาน (ธ.ค.) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• ยอดสินเชื่อส่วนบุคคล (พ.ย.) โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

 

ยอดออเดอร์ลงทุนหุ้น Facebook ทะลัก

 

ความร้อนแรงของกระแส social network ยังไม่มีทีท่าจะแผ่วลง เมื่อดูจากความสนใจในการเข้าลงทุนในเว็บสังคมออนไลน์ชื่อดัง อย่าง Facebook ที่ทำให้วาณิชธนกิจชื่อดัง คือ Goldman Sachs ต้องเตรียมประกาศหยุดเสนอขายหุ้นดังกล่าวให้แก่ลูกค้าตน แถมยังบอกด้วยว่าลูกค้าที่ขอโควต้าซื้อหุ้นมาแล้วนั้นควรจะต้องทำใจ เมื่ออาจได้จำนวนหุ้นน้อยกว่าที่คิด

 

แม้ผู้ลงทุนแสดงความจำนงซื้อหุ้นเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านเหรียญ แต่หุ้นที่เสนอขายนั้นมีมูลค่าไม่เกิน หนึ่งพันห้าร้อยล้านเหรียญเท่านั้น ทั้งหมดนี้ก็เป็นสัญญาณว่านักลงทุนมีความต้องการลงทุนในหุ้นผู้ให้บริการเว็บสังคมออนไลน์ โดยอาจไม่คำนึงถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานะทางการเงินและการดำเนินกิจการของบริษัท แม้ว่าทางโกลด์แมนได้จัดเตรียมตัวบ่งชี้ต่างๆ เช่น ปริมาณการสื่อสารออนไลน์บนเฟสบุ๊ก โฆษณา และตัววัดพื้นฐานอื่นๆ ยกเว้นการเปิดเผยผลกำไรของบริษัท

 

มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของเฟสบุ๊กที่ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันพุธที่แล้ว ผ่านหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหุ้น โดยระบุว่า เฟสบุ๊กมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 200 ล้านเหรียญในปี 2552 จากรายได้ทั้งหมด 777 ล้านเหรียญ ส่วนตัวเลขของปี 2553 นั้น ยังไม่ได้รับการเปิดเผย

 

แต่ทางนักวิเคราะห์ก็ได้มีการประเมินแล้วว่า รายได้ในปีที่แล้วของบริษัทน่าจะมากถึงสองพันล้านเหรียญ โดยเป็นผลมาจากโฆษณาที่เพิ่มขึ้น

 

มีการคาดการณ์ไว้เบื้องต้นว่า โกลด์แมนจะต้องชักชวนนักลงทุนไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้เป็นอย่างน้อย โดยทางธนาคารจะเข้าทาบทามทั้งลูกค้าประเภทบุคคล และลูกค้าประเภทสถาบันการเงิน เช่น Hedge Fund และ บรรดา Private Equity Firm ทั้งหลาย โดยนักลงทุนดังกล่าวต้องสัญญาว่าจะลงทุนอย่างน้อยสองล้านเหรียญ และไม่ขายหุ้นจนกว่าจะถึงปี 2556

 

 

IMF ยันหาแนวทางควบคุมกระแสเงินทุนไหลเข้า

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารของ IMF ได้เห็นตรงกันถึงเรื่องความจำเป็นในการเสริมสร้างบทบาทของ IMF ในเรื่องการควบคุมกระแสเงินทุนไหลเข้าระหว่างประเทศให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการดูแลเสถียรภาพทางการเงินระหว่างประเทศ

 

ผู้บริหารของ IMF ยังได้เรียกร้องให้มีการร่วมงานกันมากขึ้น เพื่อยกระดับเรื่องการกำกับดูแลในระดับทวิภาคีและพหุภาคี รวมทั้งการให้คำแนะนำด้านนโยบายให้กับประเทศสมาชิก รวมทั้งพิจารณาเรื่องสถานการณ์แวดล้อมของบางประเทศ

 

การตัดสินใจของ IMF เกิดขึ้น ท่ามกลาง (1) ความผันผวนของกระแสเงินทุนระหว่างประเทศเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตการเงินในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ (2) การประชุมสุดยอด G-20 ที่กรุงโซล เมื่อเดือนพ.ย. 2553 นั้น กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ได้เรียกร้องให้มีการกำหนดแนวทางในการควบคุมความผันผวนของกระแสเงินทุน พร้อมกับยืนยันว่า (3) การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ของธนาคารกลางสหรัฐทำให้เม็ดเงินทุนส่วนเกินทะลักเข้ามาในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะฟองสบู่

 

 

EU จำหน่ายบอนด์ช่วยเหลือไอร์แลนด์ได้ $6.5 พันล้าน

 

คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า พันธบัตรล็อตแรกที่ออกโดยสหภาพยุโรป (EU) เพื่อระดมทุนให้กับไอร์แลนด์นั้น ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี โดย EU สามารถจำหน่ายพันธบัตรอายุ 5 ปี มูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้หมดภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ขณะที่ความต้องการพันธบัตรมีมากกว่าจำนวนพันธบัตรที่นำออกจำหน่ายถึง 3 เท่า

 

ทั้งนี้ เงินที่ระดมทุนจากการออกพันธบัตรในครั้งนี้จะจัดส่งให้กับไอร์แลนด์ภายในเวลา 5 วันทำการ ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวงเงินช่วยเหลือมูลค่ารวม 29,400 ล้านดอลลาร์ ให้กับไอร์แลนด์ ซึ่งทางคณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ

 

คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า จะออกพันธบัตรในช่วงปลายเดือนนี้ด้วย เพื่อระดมทุนเข้ากองทุนช่วยเหลือไอร์แลนด์

 

 

เงินเฟ้อหมวดอาหารกดดันผู้คุมนโยบายประเทศเอเชีย

 

จากตัวเลขล่าสุดของ FAO ที่เปิดเผยราคาสินค้าหมวดอาหารพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำลังจะกลายเป็น top agenda สำหรับผู้ดูแลนโยบายของหลายๆ ประเทศในเอเชีย หลังมีแนวโน้มว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไปกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อให้เร่งตัวขึ้น ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจในภูมิภาคเพิ่งจะฟื้นขึ้นได้จากวิกฤติการเงินเมื่อไม่นานมานี้

 

อัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารในหลายประเทศของเอเชีย ซึ่งรวมถึงจีนและอินเดียได้เพิ่มขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลักแล้ว และทำให้เกิดความหวาดเกรงว่าแรงกดดันด้านราคาจะแพร่กระจายไปยังภาคอื่นๆ ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากประชากรหลายล้านคนในเอเชียยังคงยากจนอยู่

 

ความกังวลดังกล่าวไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเท่านั้น แต่อันที่จริงยังเป็นปัญหาของประเทศอื่นๆของโลกอีกด้วย ในฐานะที่ผู้บริโภคชาวเอเชียเป็นส่วนสำคัญของดีมานด์ในตลาดโลก

 

ทางการเกาหลีใต้ส่งเสียงเตือนในวันนี้ว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะมีราคาสูงขึ้น โดยรัฐมนตรีคลังกล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อควบคุมแรงกดดันด้านราคา ซึ่งโทษว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขึ้นๆลงๆ ขณะที่ทางฟากของธนาคารกลางยังส่งสัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับเงินเฟ้อให้อยู่ในขอบเขตเป้าหมาย คือระหว่าง 2 - 4 %

 

ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่มีการบริโภคพุ่งขึ้นสูง อย่าง อินเดีย จีน และอินโดนีเชีย เป็นเบื้องหลังที่ทำให้ราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จีน ที่มีแผนจะซื้อถั่วเหลือง 60% ของโลกในปี 2553 ถึง 2554 หรือเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

 

จากข้อมูลวันนี้ ชี้ให้เห็นว่า ราคาอาหารของอินเดียขึ้นมากกว่า 18% ในปีที่แล้ว โดยที่มีราคาน้ำมันเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าธนาคารกลางจะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นในเดือนนี้

 

ผู้เชี่ยวชาญบางรายแย้งว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจช่วยลดแรงกดดันทางด้านราคาอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะปัญหามาจากทางฝั่งดีมานด์เป็นหลัก ดังนั้นนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นจึงอาจไม่ช่วยในสถานการณ์แบบนี้โดยตรง

 

 

แบงก์ชาติอินเดียจ่อเคาะเกณฑ์กำกับอุตฯ ธนาคารครั้งใหญ่

 

อุตสาหกรรมธนาคารของประเทศอินเดียได้ก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เมื่อธนาคารกลางของอินเดีย หรือ The Reserve Bank of India กำลังพิจารณากฏเกณฑ์ที่จะนำมาใช้บังคับในอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องที่ธุรกิจขนาดใหญ่จะสามารถได้ไลเซนส์มาเพื่อใช้ประกอบกิจการธนาคารได้มากน้อยเพียงใด

 

หลังจากที่มีการหารือกันเมื่อห้าเดือนที่แล้ว บรรดาธนาคารของอินเดียได้ออกมาบอกว่า มีข้อคิดเห็นที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย นั่นก็คือ บริษัทใหญ่ๆ ควรได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของธนาคารหรือไม่ และควรมีการลงทุนเบื้องต้นในการจัดตั้งกิจการธนาคารขั้นต่ำเท่าไหร่ ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางก็จะต้องกำหนดจำนวนใบอนุญาตในการประกอบกิจการนี้ และพิจารณาว่าควรออกใบอนุญาตดังกล่าวเป็นระยะๆ หรือจะออกในคราวเดียว

 

กิจการไมโครไฟแนนส์กำลังพบอุปสรรคในประเทศที่ไม่ยอมรับการเอากำไรจากคนจน อย่างเช่นที่อินเดีย โดยการสนับสนุนให้มี “การให้บริการทางการเงินที่ทั่วถึง” จำเป็นต้องพึ่งความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีในการขยายการให้บริการ ซึ่งทางหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินและบรรดานายธนาคารก็ยอมรับว่าแนวทางการแก้ปัญหานั้นไม่ง่าย แม้ประเทศจะเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีก็ตาม

 

ในตอนนี้ แบงก์ชาติอินเดียกำลังจับตามองความสามารถของผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการเข้าถึงแหล่งเงินฝากขนาดใหญ่ ท่ามกลางกำไรของธุรกิจบริการการเงินในประเทศอยู่ในระดับสูง ขณะที่การแข่งขันก็ไม่ดุเดือดนัก จึงเป็นโอกาสทองให้กับบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพมาก

 

 

ประธานาธิบดีโอบามา จ่อประกาศชื่อทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจศุกร์นี้

 

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เตรียมที่จะประกาศชื่อคนที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจในวันศุกร์นี้ เพื่อแทนที่นาย Lawrence Summers ขณะที่ยังไม่มีการยืนยันว่าผู้ที่จะมาแทน คือ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีคลังคนปัจจุบันหรือไม่

 

โฆษกไวท์เฮาส์แถลงต่อสื่อเมื่อวานนี้ว่า ประธานาธิบดีโอบามา มีกำหนดจะประกาศชื่อผู้ที่จะเข้ามานั่งในสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ในช่วงเดียวกับที่เขาจะคอมเมนท์ถึงภาวะการว่างงานในเดือนพฤศจิกายน

 

ทางทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะออกความเห็นว่า นาย Gene Sperling อดีตเจ้าหน้าที่ไวท์เฮาส์ในสมัยของ ประธานาธิบดีคลินตัน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐมนตรีคลัง จะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวแทน นาย Summers ที่พ้นจากตำแหน่งเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาแล้วหรือไม่

 

ทั้งนี้ สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ (NEC) ทำหน้าที่ในการประสานงานในเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ และมีบทบาทอย่างมากต่อฝ่ายบริหารในทำเนียบขาว

 

 

อสังหาริมทรัพย์จีน ปี 53 คึกคัก คาดรัฐออกมาตรการคุมเพิ่ม

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการหลายมาตรการเพื่อชะลอการเติบโตของตลาดลงในปี 2553 โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 30 บริษัทของจีนมีพื้นที่ขายรวมกันกว่า 84.49 ล้านตารางเมตร ในปี 2553 คิดเป็นมูลค่า 870,000 ล้านหยวน

 

ทั้งนี้ ราคาขายบ้านโดยเฉลี่ยของ 30 บริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่อยู่ที่ 10,286.42 หยวนต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 23.98% เมื่อเทียบเป็นรายปี

 

ส่วนราคาเฉลี่ยบ้านใหม่ในกรุงปักกิ่งอยู่ที่ 20,328 หยวนต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 42% ในปี 2553 เมื่อเทียบกับปีก่อน และเป็นราคาเฉลี่ยสูงสุดในกลุ่ม 4 เมืองใหญ่อันดับแรกของจีน โดยราคาบ้านเฉลี่ยในเซี่ยงไฮ้ เพิ่มขึ้น 40% จากปี 52 เสิ่นเจิ้น เพิ่มขึ้น 33% และกวางโจวเพิ่มขึ้น 23%

 

เหริน ซีเฉียง ประธานบริษัท หัวหยวน พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า "นโยบายควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงมีการบังคับใช้ต่อเนื่องในปี 2554"

 

ด้าน หยาง หงซู ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน อีเฮาส์ ไชน่า อาร์แอนด์ดี กล่าวว่า หากราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นมาก ก็มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการควบคุมเพิ่มเติมในไตรมาสที่ 2 ของปี 2554

 

 

ซิเคียวริตีส์ไทม์สคาดยอดการปล่อยกู้ใหม่พุ่งต่อเนื่อง

 

หนังสือพิมพ์ซิเคียวริตีส์ ไทม์ส รายงานว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ของธนาคารพาณิชย์จีนอาจสูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านหยวนในเดือนม.ค.

 

รายงานระบุว่า อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC ) ซึ่งเป็นธนาคารปล่อยกู้รายใหญ่สุดของจีน วางแผนที่จะปล่อยเงินกู้ในสัดส่วน 50% ของเป้าหมายการปล่อยกู้รายปีในช่วงไตรมาสแรกปีนี้

 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากการคาดการณ์เรื่องระดับของยอดการปล่อยเงินกู้ของซิเคียวริตีส์ ไทม์ส ออกมาตรงกับข้อมูลของทางการจีน ก็เท่ากับว่าสภาพคล่องในตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ยอดการปล่อยกู้ที่สูงเช่นนี้อาจทำให้รัฐบาลจีนต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดเพิ่มเติม เพื่อควบคุมระดับการปล่อยเงินกู้ในระยะยาว

 

 

จีน สั่งผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมขอใบรับรองการผลิตใหม่ปีนี้

 

สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบและกักกันโรค (AQSIQ) ของจีนออกประกาศให้บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมต้องขอรับใบรับรองการผลิตใหม่ในปีนี้ ส่วนบริษัทที่มีการรับประกันคุณภาพต่ำจะต้องหยุดดำเนินงาน

"กฏเกณฑ์ดังกล่าวมีขึ้นเพื่อส่งเสริมคุณภาพและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม"

 

ทั้งนี้ ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของจีนได้รับความเสียหายในปี 2551 เมื่อมีการตรวจพบการปนเปื้อนของสารเมลามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ถูกเติมลงไปในผลิตภัณฑ์นมเพื่อทำให้ดูเหมือนว่ามีปริมาณโปรตีนสูงขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กๆป่วยกว่า 300,000 คน และเสียชีวิต 6 คน

 

นอกจากนี้ ผลการสำรวจในปีที่แล้วของสมาคมคุณภาพของจีนบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคมีความมั่นใจน้อยมากต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมของจีน

 

 

จีนสนับสนุนเกาหลีเหนือ-ใต้เจรจากัน

 

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงว่า จีนสนับสนุนและยินดีที่เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้จะเจรจากัน ภายหลังจากเกาหลีเหนือเสนอขอเจรจากับเกาหลีใต้โดยไม่มีเงื่อนไข

 

แถลงการณ์ระบุว่า จีนสนับสนุนและยินดีกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการเจรจา และหวังว่าทุกฝ่ายจะได้ร่วมมือกันรื้อฟื้นการเจรจา 6 ฝ่ายในเร็วๆนี้ เมื่อวันพุธเกาหลีเหนือเสนอขอเจรจากับเกาหลีใต้ นับเป็นสัญญาณถึงความเป็นมิตรมากที่สุดนับตั้งแต่เกาหลีเหนือก่อให้เกิดความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีด้วยการยิงปืนใหญ่ใส่เกาะของเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน

 

ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้าและพันธมิตรใหญ่รายเดียวของเกาหลีเหนือ โดยเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

 

 

เกาหลีใต้ปฏิเสธข้อเสนอเปิดการเจรจาของเกาหลีเหนือ

 

เกาหลีใต้ปฏิเสธข้อเสนอเปิดการเจรจาของเกาหลีเหนือโดยต้องการให้เกาหลีเหนือแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีเกาหลีใต้เสียก่อน

 

นายคิม ยอง ซัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ออกมาปฏิเสธข้อเสนอของเกาหลีเหนือที่ต้องการให้เปิดการเจรจาระหว่างกันเพื่อหาทางยุติความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี

 

นายคิม ระบุว่า เกาหลีใต้ยังคงรอคำขอโทษจากเกาหลีเหนือกรณียิงตอร์ปิโดโจมตีเรือรบเกาหลีใต้ และการยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะยอนพยองเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังจะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีอยู่ด้วย โดยเฉพาะการล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี

 

ถ้อยแถลงของ นายคิม มีขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ เกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เปิดการเจรจากับเกาหลีใต้โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข เพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา