ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สรุปข่าวประจำวันที่24ก.พ.54 เวลา06.00-18.00น.

 

http://www.thairath.co.th/content/region/151490

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยได้รางวัลประเทศท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด9ปีซ้อน ชนะสหรัฐและออสเตรเลีย

เขียนโดย ณัฐญา เนตรหิน

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 23:25 น.

ประเทศไทยได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยว Grand Travel Award สตอกโฮล์ม ประจำปี ค.ศ.2011 สาขาประเทศท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด (Best Tourist Country) จากงานมอบรางวัลด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดน และเป็นปีที่ 9 ที่ไทยได้รับรางวัลดังกล่าวติดต่อกัน

 

งานดังกล่าวฯ ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.พ.2554 ณ กรุงสตอกโฮล์ม ถือเป็นงานมอบรางวัลด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดน จัดโดยบริษัท Grand Travel Award ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของสวีเดนและได้เริ่มจัดขึ้นเมื่อปี 2536 โดยในปีนี้ มีทั้งหมด 8 ประเทศที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล และผลปรากฏว่า ประเทศไทยได้อันดับที่หนึ่ง (8.38 คะแนน) ตามด้วยสหรัฐอเมริกา (8.19) และออสเตรเลีย (8.18)

 

ในกระบวนการการคัดเลือกประเทศท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด จะมีคณะกรรมการ ประกอบด้วยบุคคลที่ได้รับการยอมรับในวงการการท่องเที่ยวของสวีเดน ซึ่งจะเสนอชื่อเพื่อให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวลงคะแนนเสียงโดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น การพัฒนาสินค้าและการให้บริการ ภาพลักษณ์จากลูกค้า และผู้ประกอบการท่องเที่ยว เป็นต้น

 

อุปทูตไทยประจำกรุงสตอกโฮล์ม ได้กล่าวในงานประกาศผลรางวัลฯ ว่า เหตุที่ประเทศไทยได้รับรางวัลดังกล่าว 9 ติดต่อกัน สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและมี

 

ความหลากหลาย ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวจากสวีเดนตัดสินใจกลับไปท่องเที่ยวหลายครั้ง ประกอบกับผลงานที่ดีเด่นของสถานเอกอัครราชทูตฯ และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย

 

นอกจากนี้ การบินไทย ได้รับการเสนอชื่อในสาขาสายการบินระหว่างประเทศดีเด่น (Best International Flight) ซึ่งได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 4 ด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปข่าวประจำวันที่24ก.พ.18.00น.-25ก.พ.06.00น.

 

http://www.thairath.co.th/content/region/151581

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หวัดดียามเช้าค่ะอ.ทองใหม่ มารอข่าวสารจากจารย์ค่ะ !thk !thk !thk post-2284-015784500 1298593690.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 06:15:00 น.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 391,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 413,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ร่วงลงสู่ระดับ 402,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551

 

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนมกราคม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 36,000 ตำแหน่ง แต่เป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบสี่เดือน และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 145,000 ตำแหน่ง โดยมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น

 

ส่วนอัตราว่างงานเดือนมกราคมปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 หรือในรอบเกือบสองปี สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 9.5%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 37.28 จุด เหตุวิตกลิเบีย,ยอดขายบ้านใหม่ร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 06:34:57 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในลิเบีย อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อหุ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลงและหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงมากเกินคาด

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 37.28 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 12,068.50 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.30 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 1,306.10 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 14.91 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 2,737.90 จุด

 

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 5.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1 ต่อ 1

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในลิเบีย และหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 284,000 ยูนิต ซึ่งต่ำกว่าระดับของเดือนธ.ค.2553 อยู่ราว 12.6%

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ปรับตัวลดลงเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์รุนแรงในลิเบียจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันมากเท่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่วิตกกังวล

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 391,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 413,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ร่วงลงสู่ระดับ 402,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551

 

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2553 หลังจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น

 

หุ้น Priceline.com ซึ่งเป็นผู้ให้บริการท่องเที่ยวผ่านระบบออนไลน์ ปิดพุ่ง 8.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยประกอบการไตรมาส 4 ที่ดีเกินคาด ขณะทีหุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ปิดพุ่ง 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11%

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4/2553 ครั้งที่ 2 และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนทองคำปิดบวก 1.80 ดอลลาร์

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 06:49:08 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) โดยสัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบียและตะวันออกกลางยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.1%ปิดที่ 1,415.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,401.60-1,418.80 ดอลลาร์

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 13.2 เซนต์ ปิดที่ 33.166 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 5.1 เซนต์ ปิดที่ 4.3265 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 10.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,786.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 777.75 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัท PFGbest กล่าวว่า ตลาดทองคำยังคงได้แรงหนุนจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและลิเบีย โดยนักลงทุนได้เข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงเพราะกังวลว่า เหตุการณ์ตึงเครียดในลิเบียอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน

 

"นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จะยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อด้วย" ดาลีกล่าว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบร่วง 82 เซนต์หลัง IEA พร้อมระบายน้ำมันสู่ตลาดโลก

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 07:16:01 น.

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) และซาอุดิอาระเบียได้ออกมาแสดงความพร้อมที่จะระบายน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกหากสถานการณ์รุนแรงในลิเบียส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานขาดแคลน อย่างไรก็ตาม IEA เชื่อมั่นว่าเหตุการณ์รุนแรงในลิเบียจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันมากนัก

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 82 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 97.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 103.41 ดอลลาร์

 

สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมี.ค.ลดลง 2.34 เซนต์ ปิดที่ 2.8932 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.72 เซนต์ ปิดที่ 2.8749 ดอลลาร์/แกลลอน

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ ปิดที่ 111.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก IEA ระบุว่า เหตุการณ์รุนแรงในลิเบียจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันมากเท่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่วิตกกังวล แม้เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารลิเบียและกลุ่มผู้ประท้วงได้ส่งผลให้บริษัทน้ำมันหลายแห่งลดการผลิตลงประมาณ 500,000-750,000 บาร์เรลต่อวันก็ตาม

 

IEA ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะระบายน้ำมันเข้าสู่ตลาดหากพบว่าเกิดภาวะอุปทานตึงตัวอย่างรุนแรง และหากพบว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่พร้อมที่จะจัดหาน้ำมันโดยผ่านทางกลไกตลาดปกติ โดย IEA มีน้ำมันดิบสำรองอยู่ราว 1.6 พันล้านบาร์เรล ซึ่งจะระบายออกสู่ตลาดก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาขาดแคลนอุปทานอย่างรุนแรง

 

นอกจากนี้ IEA ยังได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโอเปค ในการรับมือกับภาวะอุปทานตึงตัวหากสถานการณ์ในลิเบียรุนแรงขึ้น โดยซาอุดิอาระเบียยืนยันว่าสามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น 12.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงพอที่จะชดเชยภาวะขาดแคลนอุปทานในตลาดโลก

 

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 ก.พ.เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะที่ 346.7 ล้านบาร์เรล

 

อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 159.9 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล แตะที่ 238.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 1.8% แตะที่ 79.4% สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ฟรังค์พุ่งต่อเนื่อง เหตุวิกฤตลิเบียหนุนแรงซื้อ

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 07:42:47 น.

ค่าเงินฟรังค์สวิสยังคงพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเงินฟรังค์มีความปลอดภัยและให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในยามที่สถานการณ์ตึงเครียดในลิเบียและตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงถูกกดดันอย่างหนักจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางในประเทศอื่นๆที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ค่าเงินฟรังค์พุ่งขึ้น 0.72% แตะที่ 0.9261 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.9328 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์ร่วงลง 0.50% แตะที่ 1.6128 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6209 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.34% แตะที่ 1.3793 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธ 1.3746 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินเยนพุ่งขึ้น 0.80% แตะที่ 81.830 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 82.490 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.65% แตะที่ 1.0082 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.0017 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.21% แตะที่ 0.7472 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7456 ดอลลาร์สหรัฐ

 

นักลงทุนยังคงเข้าถือครองเงินฟรังค์เพื่อปกป้องความเสี่ยงจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและลิเบีย เนื่องจากเงินฟรังค์มีความปลอดภัยและให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยล่าสุดมีรายงานว่า กองกำลังทหารของพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ได้เข้าโจมตีเมืองซูอาราเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บอีก 40 คนจากเหตุการณ์นี้

 

นายฟิลิป โครว์ลีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อลิเบีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลภายใต้การนำของพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วง โดยสหรัฐอาจจะใช้มาตรการคว่ำบาตรกับลิเบียทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี และจะประสานงานในเรื่องนี้กับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รวมทั้งประเทศพันธบัตรในยุโรปและประเทศอาหรับ ในเร็วๆนี้

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงถูกกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษและยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางสหรัฐ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.3% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปที่กำหนดไว้ต่ำกว่า 2% ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของอังกฤษ ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% จากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค. ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลเยอรมนีในปี 2553 อยู่ที่ 3.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งน้อยกว่าที่ได้ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.5% แต่เหนือว่าเพดาน 3% ที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้สำหรับ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซน

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 391,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 413,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ร่วงลงสู่ระดับ 402,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551

 

สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย รวมถึงการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4/2553 ครั้งที่ 2 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...