ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
little devil

ราคาทอง 850$ จะกลับมา?

โพสต์แนะนำ

เขียนโดย Kumponys

วันอังคารที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๘

 

หลังจากราคาทองคำได้ทะยานแตะระดับ 540 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์บางท่านได้มองความเป็นไปได้ ที่ราคา 850 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดเมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา จะหวนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง ซึ่งสวนทางกับราคาที่ร่วงลงจากการถูกเทขายอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาทองปรับตัวขึ้น 16% ในปีนี้แตะระดับ 540 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ ก่อนจะร่วงสู่ระดับ 508 ดอลลาร์ตอนปลายสัปดาห์จากการเทขายอย่างหนักที่ญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายท่านยังคงมองเห็นตรงกันว่า การดิ่งลงของราคาเป็นการทดสอบฐานชั่วคราวก่อนการขยับราคาขึ้นต่อในปีหน้า

และอาจเป็นไปได้แม้กระทั่งการขยับไปถึงราคา 850 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่เกิดขึ้นมาแล้วในเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2523 ( ค.ศ.1980)

ภาวะความกังวลในเศรษฐกิจสหรัฐ มีความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงขึ้น ทำให้นักลงทุน มองหาทางเลือกการลงทุนที่แน่นอนกว่าเช่น ทองคำ

ช่วง 12-18 เดือนต่อจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐจะตกและเงินทุนจะไหลไปสู่การลงทุนในทองคำ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองคำขยับไปสู่ราคาสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี พ.ศ.2523 ( ค.ศ.1980)

นักวิเคราะห์บางท่านให้ความเห็นว่า ภาวะความอ่อนแอของเงินดอลลาร์จะผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งเหนือระดับ 850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่คงจะไม่เกิดขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2550 ( ค.ศ.2007) ซึ่งคาดการณ์ว่าปีหน้า ราคาน่าจะอยู่ที่ระดับ 680 - 700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

นักวิเคราะห์บางท่านให้ความเห็นว่า ราคาทองที่ขยับสูงขึ้นถึง 50 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนธันวาคม นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนยกเว้นแต่ภาวะที่ผิดปกติเช่นเกิดสงคราม การเทขายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดกลับสู่ภาวะปกติ

ชาวญี่ปุ่นถูกมองว่าเป็นตัวการทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ จากการที่พวกเขาทับถมเงินก้อนโตเข้ามาไล่ซื้อทองคำกันอย่างหนักเมื่อค่าเงินเยนอ่อนตัว และ ถอนตัวออกไปรวดเร็วค่าเงินเยนแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์

นักวิเคราะห์มองว่า ราคาทองที่ร่วงลงไม่ใช่เป็นจุดเริ่มต้นของราคาขาลง ยังมีปัจจัยบวกมากมายที่จะผลักดันราคาทองให้ขยับขึ้นต่อในปีหน้า จากอุปสงค์หรือความต้องการทองคำที่ยังมีมาก แต่อุปทาน การผลิตเริ่มอยู่ในภาวะที่ตึง

ความต้องการทองคำในอุตสาหกรรมอัญมณี สูงขึ้น12% จากปีที่แล้ว ขณะที่กำลังการผลิตยังคงเท่าเดิมหรือมีแนวโน้มที่จะลดลง

ความต้องการเข้ามาถือครองจากตะวันออกกลางและจีน ตะวันออกกลางยังคงหมุนเงินที่ทำรายได้จากการค้าน้ำมันไปเป็นทองคำ ส่วนจีนก็ยังคงมีแรงเข้ามาซื้ออย่างมาก

European central banks ยังคงควบคุมระดับการขายทองที่ 500 ตันต่อปี จากข้อตกลงในปี 2004

Asian central banks ถือครองทองคำเป็นทุนสำรองอยู่เพียง 5% เทียบกับ 70% ของทางยุโรป นับเป็นผู้ซื้อรายใหญ่อีกราย ถ้าจะเปลี่ยนจากการถือครองดอลลาร์มาเป็นทองคำ

อาเจนตินาได้ซื้อทองคำในปี 2004 ขณะที่ รัสเซียและ แอฟริกาใต้ ได้แสดงความต้องการที่จะเพิ่มการถือครองทองคำ

นักวิเคราะห์บางท่านมองว่า การเก็งกำไร ความเสี่ยงในภาวะเงินเฟ้อ และอันตรายจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ การคาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์

การทะยานขึ้นของอุปสงค์ ภาวะความตึงในอุปทาน การเข้าซื้อของธนาคารกลาง และอื่นๆ เป็นแรงผลักดันราคาทองคำให้ขึ้นสูง และคาดการณ์ว่าน่าจะสูงถึง 600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้า

มีนักวิเคราะห์เพียงท่านเดียว ที่มองแนวโน้มราคาทองในปีหน้าสวนทางกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยมองราคาสูงสุดที่ 505 ดอลลาร์ต่อออนซ์ใน 3 เดือนแรกของปี ก่อนจะตกลงสู่ 446 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วง Summer

ทองไม่ใช่โลหะมีค่าเพียงชนิดเดียวที่ราคาขยับขึ้น โลหะเงินก็ขยับขึ้น 23% แตะระดับ 8.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลตินั่มก็ขึ้นไป 11% ที่ 954 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...